ข้ามเวลาล่าฝันบทที่ 10 2

Now you are reading ข้ามเวลาล่าฝัน Chapter บทที่ 10 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 10 ตอนที่ 2

 

วันเสาร์ วันนี้เป็นวันที่พวกเขาจะต้องเลือกชมรมที่ตัวเองอยากเข้า ห้องเรียนมีเสียงดังกึกก้องเพราะเด็กหลาย ๆ คนกำลังมาตัดสินใจเลือกในวินาทีสุดท้าย

“เฮ้ย ชมรมบอร์ดเกมนี่แหละเจ๋ง ผู้หญิงเยอะดี”

“หา ผู้หญิง? จะไปอยู่กับผู้หญิงทำไมถ้าเราสนุกกันเองได้? ไปชมรมพัฒนาโปรแกรมเถอะ ที่นั่นมันร้านเกมชัด ๆ เลยนะ”

“ยอมแพ้เรื่องชมรมเต้นเลยว่ะ ฝึกกันหนักแบบเลือดตาแทบกระเด็น ไม่รู้มาก่อนเลยจริง ๆ ให้ตาย”

เหล่าเด็กหนุ่มต่างพากันหาชมรมที่ ‘ดีที่สุด’

“วันนี้มีปลาทอดกับซุปปลา เฮ้อ มีแต่ปลา…” โดจินถอนหายใจยาว

“ถ้าไม่กินเดี๋ยวกินให้ไหม?”

“ไปไกล ๆ เลย เอาลูกอมถั่วหน่อยปะ?”

“เอาสิ”

เหมือนทุกวัน มารุเริ่มคาบแรกด้วยลูกอมจากโดจิน แม้แต่เดมยังจากหน้าห้องก็ยังเดินมาคุยกับพวกเขา

“ไง เดมยัง เอาลูกอมปะ?”

“อ่า เอาสิ ขอบใจ”

เดมยังรับลูกอมไปด้วยรอยยิ้ม ทั้งสองหนุ่มดูท่าจะสนิทกันขึ้นบ้างแล้ว เดมยังนั้นเป็นคนประเภทที่ยิ้มได้ตลอดเวลา ถึงจะยังขี้กังวลในหลาย ๆ เรื่อง แต่เวลาจะช่วยแก้นิสัยนั้นได้เอง

‘ดีจริง ๆ ที่วันนั้นตัดสินใจเข้าไปคุยด้วย’ มารุคิดในใจ

มันเป็นแค่การกระทำเล็ก ๆ ไม่ได้ยากเย็นอะไร แต่เพราะเรื่องนั้น ทำให้ตอนนี้เดมยังยิ้มออกมาได้

“ไง เดมยัง เมื่อคืนฉันเพิ่งได้นี่มา”

เด็กคนหนึ่งเดินเข้าห้องมาพร้อมเสียงตะโกน เด็กเกือบครึ่งห้องมักจะคุยกันเรื่องเวิลด์แครช

“ฉันก็ได้”

“ฉันไม่ได้เลย มีแค่ Exp แต่เวลาเกิดมอนนี่อย่างพอดีเลย ถึงขนาดลืมกินข้าวกินปลา ฟาร์มยาวทั้งคืนเลย”

“นี่ เดมยัง มีที่ฟาร์มเวลอื่นอีกปะ?”

เดมยังบอกว่าเรื่องนั้นไว้ค่อยคุยกันตอนเที่ยง เมื่อไหร่ก็ตามที่เด็ก ๆ คุยกันเรื่องเกม เดมยังมักจะอยู่เป็นศูนย์กลางเสมอ ท่าทางเก้ ๆ  กัง ๆ เมื่อวันแรก ๆ ไม่มีให้เห็นอีกแล้ว เพราะนี่คือตัวตนจริง ๆ ของเดมยัง

‘ดีจริง ๆ ที่เข้าไปคุยด้วย’ มารุคิด

มารุไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นคนที่จะทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ได้ เขาแค่อยากมีชีวิตวัยเรียนสบาย ๆ ก่อนจะเริ่มเข้าสู่ชีวิตในสังคมจริง ๆ เจอภรรยาอีกครั้ง กลายเป็นคุณพ่อแสนธรรมดา การหาความสนุกระหว่างทางมันก็แค่ของแถม

[คราวนี้ขอให้ใช้ชีวิตอย่างสนุก]

เขายังจำคำของหญิงชราได้ดี

‘สนุก ไม่ได้หมายความว่าต้องออกไปผจญภัยนี่นะ’

เขาแค่อยากใช้ชีวิตที่สบายกว่าเก่าสักหน่อย แค่นั้นก็พอแล้ว ถ้าเขาอยากได้อะไรไปมากกว่านั้น มันจะกลายเป็นความโลภที่มากเกินไป และความโลภมักพามาซึ่งหายนะเสมอ เขาเสียบหูฟังและหลังตาลง การได้ฟังเพลงที่ชอบจนเริ่มเข้าเรียนนั้นก็เป็นเรื่องที่ไม่เลว

* * *

 

คัง โดวุค หันมามองหน้าคนที่กำลังพูดอยู่เบื้องหน้า

‘น่ารำคาญ…’ เขาได้แต่คิด คนที่เขาหมายตาไว้ว่าจะใช้งานกลับได้มีกลุ่มเพื่อนจนได้

มันคือ ปาร์ค เดมยัง เจ้าบ้าที่กำลังจะกลายเป็นเบ๊ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นศูนย์กลางของห้องแทน

‘ให้ตายสิวะ’

เมื่อเป้าหมายเดิมเปลี่ยนไป ตอนนี้เขาจึงต้องหาเหยื่อรายใหม่คอยช่วยทำการบ้านให้แทน ขณะที่เขากำลังมองไปรอบ ๆ ห้อง

สายตาของเขาไปบรรจบเข้ากับโดจิน

“มองเหี้ยไร?” โดจินท้าทาย

เหอะ ตลกเป็นบ้า หมอนี่ไม่รู้จักอยู่เฉย ๆ บ้างเลยจริง ๆ

“อะไร? แค่ใช้ตาตัวเองมองก็ผิดเหรอ?”

“ไปมองที่อื่นไป ไม่อยากโดนคนอย่างแกมองว่ะ”

“เหอะ ทำเป็นเท่”

“มองไปที่อื่นไป  ไม่สิ… เดี๋ยวฉันมองไปทางอื่นเอง”

โดจินหันหน้าหนีพร้อมเสียงเดาะลิ้น โดวุคอยากเดินเข้าไปตบหัวไอ้บ้านี่แทบขาดใจ แต่เขาก็พยายามทำตัวให้เย็นเข้าไว้ เขาไม่อยากต้องมามีปัญหาเพราะเรื่องอะไรแบบนี้ ที่สำคัญ กับครูที่โรงเรียนนี้แล้ว การต่อยตีกันมันไม่คุ้มค่าแน่ ๆ

มีเรื่องหนึ่งที่เขาได้ยินมาจากรุ่นพี่ ว่าเด็กช่างไฟกับเด็กช่างกลไปต่อยตีกัน หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองคนก็โดนลากเข้าห้องประชุมไปอย่างเงียบ ๆ ดูเหมือนว่าพวกครูจะเอาท่อ PVC ฟาดทั้งสองคนจนลุกแทบไม่ขึ้น พอได้ยินแบบนั้นก็ทำให้โดวุคเลิกคิดจะมีเรื่องชกต่อยทันที

‘ขนาดครูประจำชั้นยังดูไม่ปกติเลยสักนิด’

เขาไม่ได้มาเข้าโรงเรียนอาชีวะเพื่อจะเสียคน เขายังคงวางแผนจะไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย พยาพยามจะเปลี่ยนตัวเองและตั้งใจเรียนขึ้น เพราะแบบนั้นเขาถึงไม่อยากจะมีปัญหาอะไรให้เป็นเรื่องใหญ่ก่อนเรียนจบ

‘และเพราะแบบนั้นฉันถึงต้องมีเบ๊’

เขาคงตั้งใจเรียนไปได้ไม่ตลอดสามปี เพราะเรื่องนั้นมันบ้าบอ เขาจึงต้องมี ‘คู่ซี้’ ช่วย

“ไง โดวุค เอาบุหรี่หน่อยปะ?”

โดวุคเงยหน้าขึ้นมอง อ่า พวกนี้คือคนแบบเดียวกันกับเขา เด็กคนหนึ่งดึงบุหรี่ยี่ห้อเกาหลีออกมาพอให้เขาได้เห็น

“เฮ้อ ให้ตาย ไม่มีรสนิยมจริง” เขาบ่นกับตัวเอง

“จะเอาไหมล่ะ?”

“เออ เอา จะไปสูบที่ไหนเถอะ?”

“รุ่นพี่บอกว่าที่หอประชุมชั้น 5 ว่าง ไปสูบที่หน้าต่างแถวนั้นเอาก็ได้”

“โอ้ ก็ดี”

“ปะ มีไฟแช็คไหม?”

“มีสิ”

โดวุคลุกขึ้นพร้อมเด็กคนอื่น ๆ ปลาทอดนั้นมันเป็นอาหารที่หนักท้องเอามาก ๆ การได้สูบบุหรี่คงช่วยผ่อนคลายลงได้บ้าง

แต่ตอนที่กำลังจะออกพ้นจากห้อง ซองบุหรี่ก็หลุดออกจากมือของโดวุค และกระเด้งกระดอนไปตกที่เท้าของเจ้าคนที่นั่งฟังเพลงอยู่ เด็กคนนั้นก้มลงหยิบซองบุหรี่ โดวุคจำมันได้ดี มารุ เด็กคนหนึ่งที่เขาไม่เคยจะคุยด้วย แต่ก็ยังทำตัวให้เขารำคาญได้

หมอนี่คือคนประเภท ‘นั้น’ พวกที่พยายามจะประจบสอพลอครู แต่ว่า

“ทำไมถึงต้องทำร้ายสุขภาพร่างกายตัวเองด้วย?” เป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของเด็กหนุ่มระหว่างที่เขาหยิบซองบุหรี่คืนให้ หลังจากนั้นเขาก็หลับตาลงนั่งฟังเพลงต่อ สำหรับโดวุคแล้ว มันค่อนข้างน่าตกใจทีเดียว โดวุคนึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะต้องยึดบุหรี่เขาไปแน่ ๆ งั้นบางที…

“อยากสูบด้วยปะ?” เขาลองถาม

“ขอโทษที เลิกนานแล้ว”

“…หะ?”

“เปล่า พวกแกเองก็เลิกเถอะ ไม่งั้นจะมาเสียใจภายหลังเอา เชื่อสิ ยิ่งตอนมีลูกสาวนะ… อะ ไม่มีอะไร”

ลูก? ลูกสาวอะไร? หมอนี่มันพูดอะไรของมัน?

“เฮ้ย ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวก็หมดเวลาพักก่อนหรอก”

เพื่อนของเขาพยายามเร่ง โดวุคหันมามองนาฬิกา อะ อีก 15 นาทีจะบ่ายโมง

“ไปกันเถอะ” เขากล่าว

* * *

“พระเจ้าช่วย เกลียดมันแม่งฉิบหาย” โดจินบ่น

มารุได้แต่มองอย่างเงียบ ๆ จากมุมมองของคนทั่วไป โดจินกับโดวุคดูท่าทางจะเข้ากันได้ดี เพราะทั้งคู่ต่างก็หน้าตาเหมือนนักเลง โดจินเองก็เคยเล่าเรื่องที่ตัวเองเป็นนักเลงตอนมัธยมต้นให้ฟังเหมือนกัน แต่ว่าหลังจากจุดหนึ่ง การทำตัวแบบนั้นก็เริ่มน่าอายสำหรับเขา ทำให้เขาต้องมานั่งเสียใจภายหลังไม่น้อย

“งั้นเหรอ คุณอดีตนักเลง?”

“อ่า เงียบเลยนะ ฉันเลิกเป็นมานานแล้ว ตอนนี้เป็นคนดีแล้ว”

“แล้วทำไมถึงเลิกกันล่ะ?”

“ฉันน่ะเหรอ? เพราะมันน่าอายไง”

“ไม่ ๆ หมายถึง ทำไมถึงคิดว่ามันน่าอายล่ะ?”

“อ่อ คือมันมีคนหนึ่งที่ฉันเคยแกล้งเมื่อก่อนน่ะ แต่ตอนนี้เป็นเพื่อนกันแล้วนะ หยุดมองด้วยสายตาแบบนั้นเลย ยังไงก็เถอะ ตอนปีสองมันบอกฉันว่า… สิ่งที่ฉันทำมันดูเด็กน้อยมาก หมอนั่นน่ะเป็นพวกที่ถึงจะโดนแกล้งก็ไม่ใส่ใจอะไร พอฉันลองมาคิด ‘ถ้าฉันอยู่ในสภาพเดียวกับหมอนี่ล่ะ?’ ฉันคงมั่นใจได้ไม่ถึงครึ่งของที่มันมั่นใจด้วยซ้ำ จากวันนั้นมา ฉันก็เลิกเลย แล้วพอมองย้อนกลับไปดูตัวเองในอดีต มันยิ่งน่าอาย”

“ฟังดูเป็นคนดีเลยนี่นา”

“ดีจริง แล้วก็นะ หมอนั่นเรียนโคตรเก่งด้วย น่าจะตั้งใจเรียนตอนที่มันเตือน ดันไปใช้เวลาสูบบุหรี่เอาเท่ เฮ้อ น่าอายโว้ย”

โดจินพูดจบด้วยรอยยิ้ม เพื่อนมักจะส่งผลกระทบต่อกันเสมอ มารุมองดูที่เดมยัง ช่วงมัธยมปลายคือช่วงที่เด็ก ๆ เริ่มก้าวเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่ เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่เพื่อนมีอิทธิพลมากกว่าครอบครัว คำพูดคำเดียวจากเพื่อนอาจจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนเราไปได้ตลอดกาลเลย เดมยังหันกลับมายิ้มตอบให้ อืม ค่อยยังชั่ว

‘ใช้ชีวิตอีกครั้ง… บางทีคนที่ได้ใช้ชีวิตอีกครั้งอาจจะไม่ใช่แค่ฉัน แต่เป็นพวกเราทั้งหมด’

คนดี พอนึกถึงความหมายของคำพูดนี้ก็ทำให้เขาอมยิ้มออกมา

“ยิ้มอะไรของเอ็งวะ?” โดจินถาม

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ข้ามเวลาล่าฝันบทที่ 10 2

Now you are reading ข้ามเวลาล่าฝัน Chapter บทที่ 10 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 10 ตอนที่ 2

 

วันเสาร์ วันนี้เป็นวันที่พวกเขาจะต้องเลือกชมรมที่ตัวเองอยากเข้า ห้องเรียนมีเสียงดังกึกก้องเพราะเด็กหลาย ๆ คนกำลังมาตัดสินใจเลือกในวินาทีสุดท้าย

“เฮ้ย ชมรมบอร์ดเกมนี่แหละเจ๋ง ผู้หญิงเยอะดี”

“หา ผู้หญิง? จะไปอยู่กับผู้หญิงทำไมถ้าเราสนุกกันเองได้? ไปชมรมพัฒนาโปรแกรมเถอะ ที่นั่นมันร้านเกมชัด ๆ เลยนะ”

“ยอมแพ้เรื่องชมรมเต้นเลยว่ะ ฝึกกันหนักแบบเลือดตาแทบกระเด็น ไม่รู้มาก่อนเลยจริง ๆ ให้ตาย”

เหล่าเด็กหนุ่มต่างพากันหาชมรมที่ ‘ดีที่สุด’

“วันนี้มีปลาทอดกับซุปปลา เฮ้อ มีแต่ปลา…” โดจินถอนหายใจยาว

“ถ้าไม่กินเดี๋ยวกินให้ไหม?”

“ไปไกล ๆ เลย เอาลูกอมถั่วหน่อยปะ?”

“เอาสิ”

เหมือนทุกวัน มารุเริ่มคาบแรกด้วยลูกอมจากโดจิน แม้แต่เดมยังจากหน้าห้องก็ยังเดินมาคุยกับพวกเขา

“ไง เดมยัง เอาลูกอมปะ?”

“อ่า เอาสิ ขอบใจ”

เดมยังรับลูกอมไปด้วยรอยยิ้ม ทั้งสองหนุ่มดูท่าจะสนิทกันขึ้นบ้างแล้ว เดมยังนั้นเป็นคนประเภทที่ยิ้มได้ตลอดเวลา ถึงจะยังขี้กังวลในหลาย ๆ เรื่อง แต่เวลาจะช่วยแก้นิสัยนั้นได้เอง

‘ดีจริง ๆ ที่วันนั้นตัดสินใจเข้าไปคุยด้วย’ มารุคิดในใจ

มันเป็นแค่การกระทำเล็ก ๆ ไม่ได้ยากเย็นอะไร แต่เพราะเรื่องนั้น ทำให้ตอนนี้เดมยังยิ้มออกมาได้

“ไง เดมยัง เมื่อคืนฉันเพิ่งได้นี่มา”

เด็กคนหนึ่งเดินเข้าห้องมาพร้อมเสียงตะโกน เด็กเกือบครึ่งห้องมักจะคุยกันเรื่องเวิลด์แครช

“ฉันก็ได้”

“ฉันไม่ได้เลย มีแค่ Exp แต่เวลาเกิดมอนนี่อย่างพอดีเลย ถึงขนาดลืมกินข้าวกินปลา ฟาร์มยาวทั้งคืนเลย”

“นี่ เดมยัง มีที่ฟาร์มเวลอื่นอีกปะ?”

เดมยังบอกว่าเรื่องนั้นไว้ค่อยคุยกันตอนเที่ยง เมื่อไหร่ก็ตามที่เด็ก ๆ คุยกันเรื่องเกม เดมยังมักจะอยู่เป็นศูนย์กลางเสมอ ท่าทางเก้ ๆ  กัง ๆ เมื่อวันแรก ๆ ไม่มีให้เห็นอีกแล้ว เพราะนี่คือตัวตนจริง ๆ ของเดมยัง

‘ดีจริง ๆ ที่เข้าไปคุยด้วย’ มารุคิด

มารุไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นคนที่จะทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ได้ เขาแค่อยากมีชีวิตวัยเรียนสบาย ๆ ก่อนจะเริ่มเข้าสู่ชีวิตในสังคมจริง ๆ เจอภรรยาอีกครั้ง กลายเป็นคุณพ่อแสนธรรมดา การหาความสนุกระหว่างทางมันก็แค่ของแถม

[คราวนี้ขอให้ใช้ชีวิตอย่างสนุก]

เขายังจำคำของหญิงชราได้ดี

‘สนุก ไม่ได้หมายความว่าต้องออกไปผจญภัยนี่นะ’

เขาแค่อยากใช้ชีวิตที่สบายกว่าเก่าสักหน่อย แค่นั้นก็พอแล้ว ถ้าเขาอยากได้อะไรไปมากกว่านั้น มันจะกลายเป็นความโลภที่มากเกินไป และความโลภมักพามาซึ่งหายนะเสมอ เขาเสียบหูฟังและหลังตาลง การได้ฟังเพลงที่ชอบจนเริ่มเข้าเรียนนั้นก็เป็นเรื่องที่ไม่เลว

* * *

 

คัง โดวุค หันมามองหน้าคนที่กำลังพูดอยู่เบื้องหน้า

‘น่ารำคาญ…’ เขาได้แต่คิด คนที่เขาหมายตาไว้ว่าจะใช้งานกลับได้มีกลุ่มเพื่อนจนได้

มันคือ ปาร์ค เดมยัง เจ้าบ้าที่กำลังจะกลายเป็นเบ๊ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นศูนย์กลางของห้องแทน

‘ให้ตายสิวะ’

เมื่อเป้าหมายเดิมเปลี่ยนไป ตอนนี้เขาจึงต้องหาเหยื่อรายใหม่คอยช่วยทำการบ้านให้แทน ขณะที่เขากำลังมองไปรอบ ๆ ห้อง

สายตาของเขาไปบรรจบเข้ากับโดจิน

“มองเหี้ยไร?” โดจินท้าทาย

เหอะ ตลกเป็นบ้า หมอนี่ไม่รู้จักอยู่เฉย ๆ บ้างเลยจริง ๆ

“อะไร? แค่ใช้ตาตัวเองมองก็ผิดเหรอ?”

“ไปมองที่อื่นไป ไม่อยากโดนคนอย่างแกมองว่ะ”

“เหอะ ทำเป็นเท่”

“มองไปที่อื่นไป  ไม่สิ… เดี๋ยวฉันมองไปทางอื่นเอง”

โดจินหันหน้าหนีพร้อมเสียงเดาะลิ้น โดวุคอยากเดินเข้าไปตบหัวไอ้บ้านี่แทบขาดใจ แต่เขาก็พยายามทำตัวให้เย็นเข้าไว้ เขาไม่อยากต้องมามีปัญหาเพราะเรื่องอะไรแบบนี้ ที่สำคัญ กับครูที่โรงเรียนนี้แล้ว การต่อยตีกันมันไม่คุ้มค่าแน่ ๆ

มีเรื่องหนึ่งที่เขาได้ยินมาจากรุ่นพี่ ว่าเด็กช่างไฟกับเด็กช่างกลไปต่อยตีกัน หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองคนก็โดนลากเข้าห้องประชุมไปอย่างเงียบ ๆ ดูเหมือนว่าพวกครูจะเอาท่อ PVC ฟาดทั้งสองคนจนลุกแทบไม่ขึ้น พอได้ยินแบบนั้นก็ทำให้โดวุคเลิกคิดจะมีเรื่องชกต่อยทันที

‘ขนาดครูประจำชั้นยังดูไม่ปกติเลยสักนิด’

เขาไม่ได้มาเข้าโรงเรียนอาชีวะเพื่อจะเสียคน เขายังคงวางแผนจะไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย พยาพยามจะเปลี่ยนตัวเองและตั้งใจเรียนขึ้น เพราะแบบนั้นเขาถึงไม่อยากจะมีปัญหาอะไรให้เป็นเรื่องใหญ่ก่อนเรียนจบ

‘และเพราะแบบนั้นฉันถึงต้องมีเบ๊’

เขาคงตั้งใจเรียนไปได้ไม่ตลอดสามปี เพราะเรื่องนั้นมันบ้าบอ เขาจึงต้องมี ‘คู่ซี้’ ช่วย

“ไง โดวุค เอาบุหรี่หน่อยปะ?”

โดวุคเงยหน้าขึ้นมอง อ่า พวกนี้คือคนแบบเดียวกันกับเขา เด็กคนหนึ่งดึงบุหรี่ยี่ห้อเกาหลีออกมาพอให้เขาได้เห็น

“เฮ้อ ให้ตาย ไม่มีรสนิยมจริง” เขาบ่นกับตัวเอง

“จะเอาไหมล่ะ?”

“เออ เอา จะไปสูบที่ไหนเถอะ?”

“รุ่นพี่บอกว่าที่หอประชุมชั้น 5 ว่าง ไปสูบที่หน้าต่างแถวนั้นเอาก็ได้”

“โอ้ ก็ดี”

“ปะ มีไฟแช็คไหม?”

“มีสิ”

โดวุคลุกขึ้นพร้อมเด็กคนอื่น ๆ ปลาทอดนั้นมันเป็นอาหารที่หนักท้องเอามาก ๆ การได้สูบบุหรี่คงช่วยผ่อนคลายลงได้บ้าง

แต่ตอนที่กำลังจะออกพ้นจากห้อง ซองบุหรี่ก็หลุดออกจากมือของโดวุค และกระเด้งกระดอนไปตกที่เท้าของเจ้าคนที่นั่งฟังเพลงอยู่ เด็กคนนั้นก้มลงหยิบซองบุหรี่ โดวุคจำมันได้ดี มารุ เด็กคนหนึ่งที่เขาไม่เคยจะคุยด้วย แต่ก็ยังทำตัวให้เขารำคาญได้

หมอนี่คือคนประเภท ‘นั้น’ พวกที่พยายามจะประจบสอพลอครู แต่ว่า

“ทำไมถึงต้องทำร้ายสุขภาพร่างกายตัวเองด้วย?” เป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของเด็กหนุ่มระหว่างที่เขาหยิบซองบุหรี่คืนให้ หลังจากนั้นเขาก็หลับตาลงนั่งฟังเพลงต่อ สำหรับโดวุคแล้ว มันค่อนข้างน่าตกใจทีเดียว โดวุคนึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะต้องยึดบุหรี่เขาไปแน่ ๆ งั้นบางที…

“อยากสูบด้วยปะ?” เขาลองถาม

“ขอโทษที เลิกนานแล้ว”

“…หะ?”

“เปล่า พวกแกเองก็เลิกเถอะ ไม่งั้นจะมาเสียใจภายหลังเอา เชื่อสิ ยิ่งตอนมีลูกสาวนะ… อะ ไม่มีอะไร”

ลูก? ลูกสาวอะไร? หมอนี่มันพูดอะไรของมัน?

“เฮ้ย ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวก็หมดเวลาพักก่อนหรอก”

เพื่อนของเขาพยายามเร่ง โดวุคหันมามองนาฬิกา อะ อีก 15 นาทีจะบ่ายโมง

“ไปกันเถอะ” เขากล่าว

* * *

“พระเจ้าช่วย เกลียดมันแม่งฉิบหาย” โดจินบ่น

มารุได้แต่มองอย่างเงียบ ๆ จากมุมมองของคนทั่วไป โดจินกับโดวุคดูท่าทางจะเข้ากันได้ดี เพราะทั้งคู่ต่างก็หน้าตาเหมือนนักเลง โดจินเองก็เคยเล่าเรื่องที่ตัวเองเป็นนักเลงตอนมัธยมต้นให้ฟังเหมือนกัน แต่ว่าหลังจากจุดหนึ่ง การทำตัวแบบนั้นก็เริ่มน่าอายสำหรับเขา ทำให้เขาต้องมานั่งเสียใจภายหลังไม่น้อย

“งั้นเหรอ คุณอดีตนักเลง?”

“อ่า เงียบเลยนะ ฉันเลิกเป็นมานานแล้ว ตอนนี้เป็นคนดีแล้ว”

“แล้วทำไมถึงเลิกกันล่ะ?”

“ฉันน่ะเหรอ? เพราะมันน่าอายไง”

“ไม่ ๆ หมายถึง ทำไมถึงคิดว่ามันน่าอายล่ะ?”

“อ่อ คือมันมีคนหนึ่งที่ฉันเคยแกล้งเมื่อก่อนน่ะ แต่ตอนนี้เป็นเพื่อนกันแล้วนะ หยุดมองด้วยสายตาแบบนั้นเลย ยังไงก็เถอะ ตอนปีสองมันบอกฉันว่า… สิ่งที่ฉันทำมันดูเด็กน้อยมาก หมอนั่นน่ะเป็นพวกที่ถึงจะโดนแกล้งก็ไม่ใส่ใจอะไร พอฉันลองมาคิด ‘ถ้าฉันอยู่ในสภาพเดียวกับหมอนี่ล่ะ?’ ฉันคงมั่นใจได้ไม่ถึงครึ่งของที่มันมั่นใจด้วยซ้ำ จากวันนั้นมา ฉันก็เลิกเลย แล้วพอมองย้อนกลับไปดูตัวเองในอดีต มันยิ่งน่าอาย”

“ฟังดูเป็นคนดีเลยนี่นา”

“ดีจริง แล้วก็นะ หมอนั่นเรียนโคตรเก่งด้วย น่าจะตั้งใจเรียนตอนที่มันเตือน ดันไปใช้เวลาสูบบุหรี่เอาเท่ เฮ้อ น่าอายโว้ย”

โดจินพูดจบด้วยรอยยิ้ม เพื่อนมักจะส่งผลกระทบต่อกันเสมอ มารุมองดูที่เดมยัง ช่วงมัธยมปลายคือช่วงที่เด็ก ๆ เริ่มก้าวเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่ เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่เพื่อนมีอิทธิพลมากกว่าครอบครัว คำพูดคำเดียวจากเพื่อนอาจจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนเราไปได้ตลอดกาลเลย เดมยังหันกลับมายิ้มตอบให้ อืม ค่อยยังชั่ว

‘ใช้ชีวิตอีกครั้ง… บางทีคนที่ได้ใช้ชีวิตอีกครั้งอาจจะไม่ใช่แค่ฉัน แต่เป็นพวกเราทั้งหมด’

คนดี พอนึกถึงความหมายของคำพูดนี้ก็ทำให้เขาอมยิ้มออกมา

“ยิ้มอะไรของเอ็งวะ?” โดจินถาม

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+