ข้ามเวลาล่าฝันบทที่ 30 2
ข้ามเวลาล่าฝัน! ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 30 ตอนที่ 2
ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 30 ตอนที่ 2
เกินไป เหรอ นั่นคือความคิดที่แล่นผ่านหัวมารุขณะเขานําจักรยานออกมาจากที่จอด เธอพูดไม่ผิดเขาจะนึกถึงก้าวเดินที่เขาจะก้าวต่อไปเสมอเขาพยายามเรียนให้มากที่สุดไม่ได้ถึงขั้นต้องเสียเลือดเพราะเขาเคยลองตั้งใจแบบนั้นแล้วเมื่อสามอาทิตย์ก่อน และ นั่นทําให้เขารู้ว่าสมองเขาไม่พร้อมจะรับการเรียนรู้มากขนาดนั้น
มีคนเคยบอกไว้ว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสําเร็จอยู่ที่นั่นเรื่องการเรียนเองก็เช่นกัน การเรียนเก่งไม่ใช่พรสวรรค์แต่กําเนิดมันมาจากการพยายามมารุรับรู้ถึงเรื่องนี้ได้เมื่อเขาโตขึ้นเรื่องที่เขาเคยได้ยินมามันเป็นแค่เรื่องที่ผู้ใหญ่แต่งมาหลอกเด็กเท่านั้น
เด็กที่เรียนเก่งนั้นพยายาม ส่วนที่ไม่เก่งก็เพราะขี้เกียจ มันเป็นวิธีแยกเด็กที่แสนง่ายดาย เหมือนกับพาเด็กกลุ่มหนึ่งไปเล่นเบสบอลแล้วบอกให้ตีลูกให้โดน แน่นอนว่ามันต้องมีคนตีโดนบ้าง ส่วนที่เหลือก็หวดลม มันแน่นอนอยู่แล้วว่าเด็กส่วนมากจะต้องพลาดแต่หากเปลี่ยนจากไม้เบสบอลมาเป็นปากกา ทุกสิ่งอย่างมันก็กลับ ตาลปัตร
ต้องดังค์ให้เป็นด้วย
ไม่มีคําว่าทําไม่ได้
นั่นคือสิ่งพวกผู้ใหญ่มักพูดเสมอ มารุเองก็เช่นกัน
“ไม่เคยนึกว่าเลยว่าเราจะทํามันไม่ได้จริง ๆ”
ถ้าเขามีอํานาจหรือเงินทอง เขาคงปล่อยให้ลูก ๆ ของเขาได้ใช้ชีวิตตามที่อยาก
และตอนนั้นเองที่มารุนึกขึ้นได้
เธอทําตัวอย่างกับคนที่รู้ว่าวันสิ้นโลกจะมาถึงในวันพรุ่งนี้
เขายังคงนึกถึงอนาคตของครอบครัวที่ตอนนี้ยังไม่มี นึกถึงภรรยาและลูกสาว มารุลงจากจักรยาน เขากําลังนึกถึงปัจจุบัน แต่สายตาของเขากลับมองไปยังอนาคตแล้ว ที่เขาไม่สนใจสิ่งต่าง ๆ รอบตัวในตอนนี้เพราะความคิดของเขาได้ไปอยู่ในอนาคตอันแสนไกล และนั่นคือเหตุผลที่เขาไม่รู้สึกเร่าร้อนไปกับกิจกรรมชมรม..
“เพราะเรากําลังจดจ่ออยู่กับอย่างอื่น”
ปากคอของเขาแห้งลง เหตุผลที่เขารู้สึกว่างเปล่าทั้ง ๆ ที่ใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย ทําไมถึงได้รู้สึกเย็นหวิวและไม่สมหวังทั้ง ๆ ที่ทําเรื่องต่าง ๆ สําเร็จไปตั้งมากมาย เหตุผลที่เขารู้สึกกังวลใจ
“ฉันอยากจะทําอะไร?”
คําถามนี้กลับมาหลอกหลอนมารุอีกครั้ง และรุนแรงกว่าครั้งไหน ๆ “ความฝัน”คํา ๆ นั้น มารุออกแรงถีบจักรยานอีกครั้งเขาต้องหาคนคุยด้วย
หลังกลับมาถึงมารุก็ตรงเข้าไปอาบน้ําทันที เขาแวะออกไปซื้อขนมที่ร้านขายของใกล้ ๆ มันฝรั่งทอดรสหัวหอมและรสกุ้ง จาก นั้นก็มาฆ่าเวลาด้วยการนั่งดูทีวี น้องสาวของเขากลับมาถึงและดิ่งเข้ามาหาเขาทันทีหลังเห็นถุงขนม
“ขอกินหน่อยได้ไหม?”
มารุส่ายหัว
“ขอโทษที นี่สําหรับคนอื่น”
“คนอื่น?”
น้องสาวของเขาลุกขึ้นยืนอย่างหงุดหงิดใจ แต่ก็บ่นพึมพําออกมาว่า “ดีเป็นแบบนี้แหละดี”สองชั่วโมงผ่านไป นาฬิกาใกล้ขี้เลข 8 แล้วแม่ของเขากลับมาถึงบ้าน กินข้าวและเข้านอนทันทีเขาได้ยินเสียงกรนจากความเหนื่อยล้าดังขึ้นมาอย่างชัดเจน เวลายังเดินต่อไป
น้องสาวเขาออกมาจากห้องของมารุหลังนั่งเล่นคอมอยู่นาน พร้อมอ้าปากหาว เธอหันหางตามามองที่ถุงขนมก่อนจะเดินกลับเข้าห้องไปละครหลังข่าวในวันหยุดจบลง นาฬิกากําลังชี้ตรงไปที่เลข 10 แม่ของเขาตื่นและเดินเข้าไปในครัว
“อย่านอนดึกนักล่ะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก”
“แล้วนั่นขนมใคร เอามากินตอนนั่งดูทีวีเหรอ?”
“เปล่า เอาไว้เป็นกับแกล้ม”
“ไปนอนเถอะ”
“โอเค”
มารเปลี่ยนช่องทีวีหลังแม่ของเขาเข้าไปนอน เวลาผ่านไปอีกหนี่งชั่วโมง ประตูได้ถูกเปิดออก ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาพร้อมถอนหายใจเขาคือพ่อของมารุนั่นเอง
“พ่อ”
“อ่า มารุ
“เพิ่งได้กลับเหรอ?”
“อืม ดูทีวีอยู่เหรอ?”
“เปล่า”
“งั้น?”
“รอพ่ออยู่”
“พ่อ?”
พ่อของมารเบิกตากว้างด้วยความตกใจ มารุเดินเข้าไปช่วยถอดเสื้อนอกให้พ่อ
“นี่ ไปอาบน้ําก่อนนะ”
“อ-อ่า”
พ่อของเขาเดินเข้าห้องน้ําไปด้วยท่าที่ประหลาดใจ มารุหยิบเบียร์และโซจูสองขวดออกมาจากตู้เย็น พร้อมแก้วสองใบและแก้วเป๊กอีกสองใบพ่อของเขาหันมามองอย่างงุนงง คงเพราะเห็นแก้วที่วางอยู่
“พ่อ”
“ว่าไง”
“สอนผมดื่มหน่อย”
“หา?”
“เคยบอกว่าจะสอนผมดื่มไม่ใช่เหรอ?”
“อ-อ่า”
พ่อของเขานั่งลงด้วยท่าทางตกใจ ใครจะไปนึกล่ะว่าจู่ ๆ ลูกชายจะมาขอให้สอนอะไรแบบนี้ มารุเปิดขวดโซจูออกและเริ่มเทใส่ แก้วให้พ่อเขาเทลงไปแค่ครึ่งแก้ว
“มันดึกแล้วเอาแค่ครึ่งเดียวก็พอ”
“อ่า”
พ่อของเขาหยิบขวดโซจูและเทให้มารุครึ่งแก้วเช่นกัน
“ขอบคุณครับ”
หลังชนแก้วเบา ๆ ทั้งคู่ต่างดื่มเบ็กแรกลงไปพร้อมกันมารุเปิดปากพูดหลังเทเบ็กที่สองเสร็จ
“ผมมีเรื่องจะถามพ่อหน่อย”
Comments
ข้ามเวลาล่าฝันบทที่ 30 2
ข้ามเวลาล่าฝัน! ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 30 ตอนที่ 2
ข้ามเวลาล่าฝัน! บทที่ 30 ตอนที่ 2
เกินไป เหรอ นั่นคือความคิดที่แล่นผ่านหัวมารุขณะเขานําจักรยานออกมาจากที่จอด เธอพูดไม่ผิดเขาจะนึกถึงก้าวเดินที่เขาจะก้าวต่อไปเสมอเขาพยายามเรียนให้มากที่สุดไม่ได้ถึงขั้นต้องเสียเลือดเพราะเขาเคยลองตั้งใจแบบนั้นแล้วเมื่อสามอาทิตย์ก่อน และ นั่นทําให้เขารู้ว่าสมองเขาไม่พร้อมจะรับการเรียนรู้มากขนาดนั้น
มีคนเคยบอกไว้ว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสําเร็จอยู่ที่นั่นเรื่องการเรียนเองก็เช่นกัน การเรียนเก่งไม่ใช่พรสวรรค์แต่กําเนิดมันมาจากการพยายามมารุรับรู้ถึงเรื่องนี้ได้เมื่อเขาโตขึ้นเรื่องที่เขาเคยได้ยินมามันเป็นแค่เรื่องที่ผู้ใหญ่แต่งมาหลอกเด็กเท่านั้น
เด็กที่เรียนเก่งนั้นพยายาม ส่วนที่ไม่เก่งก็เพราะขี้เกียจ มันเป็นวิธีแยกเด็กที่แสนง่ายดาย เหมือนกับพาเด็กกลุ่มหนึ่งไปเล่นเบสบอลแล้วบอกให้ตีลูกให้โดน แน่นอนว่ามันต้องมีคนตีโดนบ้าง ส่วนที่เหลือก็หวดลม มันแน่นอนอยู่แล้วว่าเด็กส่วนมากจะต้องพลาดแต่หากเปลี่ยนจากไม้เบสบอลมาเป็นปากกา ทุกสิ่งอย่างมันก็กลับ ตาลปัตร
ต้องดังค์ให้เป็นด้วย
ไม่มีคําว่าทําไม่ได้
นั่นคือสิ่งพวกผู้ใหญ่มักพูดเสมอ มารุเองก็เช่นกัน
“ไม่เคยนึกว่าเลยว่าเราจะทํามันไม่ได้จริง ๆ”
ถ้าเขามีอํานาจหรือเงินทอง เขาคงปล่อยให้ลูก ๆ ของเขาได้ใช้ชีวิตตามที่อยาก
และตอนนั้นเองที่มารุนึกขึ้นได้
เธอทําตัวอย่างกับคนที่รู้ว่าวันสิ้นโลกจะมาถึงในวันพรุ่งนี้
เขายังคงนึกถึงอนาคตของครอบครัวที่ตอนนี้ยังไม่มี นึกถึงภรรยาและลูกสาว มารุลงจากจักรยาน เขากําลังนึกถึงปัจจุบัน แต่สายตาของเขากลับมองไปยังอนาคตแล้ว ที่เขาไม่สนใจสิ่งต่าง ๆ รอบตัวในตอนนี้เพราะความคิดของเขาได้ไปอยู่ในอนาคตอันแสนไกล และนั่นคือเหตุผลที่เขาไม่รู้สึกเร่าร้อนไปกับกิจกรรมชมรม..
“เพราะเรากําลังจดจ่ออยู่กับอย่างอื่น”
ปากคอของเขาแห้งลง เหตุผลที่เขารู้สึกว่างเปล่าทั้ง ๆ ที่ใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย ทําไมถึงได้รู้สึกเย็นหวิวและไม่สมหวังทั้ง ๆ ที่ทําเรื่องต่าง ๆ สําเร็จไปตั้งมากมาย เหตุผลที่เขารู้สึกกังวลใจ
“ฉันอยากจะทําอะไร?”
คําถามนี้กลับมาหลอกหลอนมารุอีกครั้ง และรุนแรงกว่าครั้งไหน ๆ “ความฝัน”คํา ๆ นั้น มารุออกแรงถีบจักรยานอีกครั้งเขาต้องหาคนคุยด้วย
หลังกลับมาถึงมารุก็ตรงเข้าไปอาบน้ําทันที เขาแวะออกไปซื้อขนมที่ร้านขายของใกล้ ๆ มันฝรั่งทอดรสหัวหอมและรสกุ้ง จาก นั้นก็มาฆ่าเวลาด้วยการนั่งดูทีวี น้องสาวของเขากลับมาถึงและดิ่งเข้ามาหาเขาทันทีหลังเห็นถุงขนม
“ขอกินหน่อยได้ไหม?”
มารุส่ายหัว
“ขอโทษที นี่สําหรับคนอื่น”
“คนอื่น?”
น้องสาวของเขาลุกขึ้นยืนอย่างหงุดหงิดใจ แต่ก็บ่นพึมพําออกมาว่า “ดีเป็นแบบนี้แหละดี”สองชั่วโมงผ่านไป นาฬิกาใกล้ขี้เลข 8 แล้วแม่ของเขากลับมาถึงบ้าน กินข้าวและเข้านอนทันทีเขาได้ยินเสียงกรนจากความเหนื่อยล้าดังขึ้นมาอย่างชัดเจน เวลายังเดินต่อไป
น้องสาวเขาออกมาจากห้องของมารุหลังนั่งเล่นคอมอยู่นาน พร้อมอ้าปากหาว เธอหันหางตามามองที่ถุงขนมก่อนจะเดินกลับเข้าห้องไปละครหลังข่าวในวันหยุดจบลง นาฬิกากําลังชี้ตรงไปที่เลข 10 แม่ของเขาตื่นและเดินเข้าไปในครัว
“อย่านอนดึกนักล่ะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก”
“แล้วนั่นขนมใคร เอามากินตอนนั่งดูทีวีเหรอ?”
“เปล่า เอาไว้เป็นกับแกล้ม”
“ไปนอนเถอะ”
“โอเค”
มารเปลี่ยนช่องทีวีหลังแม่ของเขาเข้าไปนอน เวลาผ่านไปอีกหนี่งชั่วโมง ประตูได้ถูกเปิดออก ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาพร้อมถอนหายใจเขาคือพ่อของมารุนั่นเอง
“พ่อ”
“อ่า มารุ
“เพิ่งได้กลับเหรอ?”
“อืม ดูทีวีอยู่เหรอ?”
“เปล่า”
“งั้น?”
“รอพ่ออยู่”
“พ่อ?”
พ่อของมารเบิกตากว้างด้วยความตกใจ มารุเดินเข้าไปช่วยถอดเสื้อนอกให้พ่อ
“นี่ ไปอาบน้ําก่อนนะ”
“อ-อ่า”
พ่อของเขาเดินเข้าห้องน้ําไปด้วยท่าที่ประหลาดใจ มารุหยิบเบียร์และโซจูสองขวดออกมาจากตู้เย็น พร้อมแก้วสองใบและแก้วเป๊กอีกสองใบพ่อของเขาหันมามองอย่างงุนงง คงเพราะเห็นแก้วที่วางอยู่
“พ่อ”
“ว่าไง”
“สอนผมดื่มหน่อย”
“หา?”
“เคยบอกว่าจะสอนผมดื่มไม่ใช่เหรอ?”
“อ-อ่า”
พ่อของเขานั่งลงด้วยท่าทางตกใจ ใครจะไปนึกล่ะว่าจู่ ๆ ลูกชายจะมาขอให้สอนอะไรแบบนี้ มารุเปิดขวดโซจูออกและเริ่มเทใส่ แก้วให้พ่อเขาเทลงไปแค่ครึ่งแก้ว
“มันดึกแล้วเอาแค่ครึ่งเดียวก็พอ”
“อ่า”
พ่อของเขาหยิบขวดโซจูและเทให้มารุครึ่งแก้วเช่นกัน
“ขอบคุณครับ”
หลังชนแก้วเบา ๆ ทั้งคู่ต่างดื่มเบ็กแรกลงไปพร้อมกันมารุเปิดปากพูดหลังเทเบ็กที่สองเสร็จ
“ผมมีเรื่องจะถามพ่อหน่อย”
Comments