ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ 101

Now you are reading ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ Chapter 101 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จำไว้ว่าเราจะได้เจอกันอีก

ท่ากลางลมฝนที่ตกกระหน่ำลงมา ทั้งสองเดินอยู่ภายใต้ร่มคันเดียวกัน

 

 

ในทีแรกอวี๋กานกานมักจะเขยิบออกด้านข้างอยู่เสมอ ร่มที่อยู่ในมือฟังจือหันก็เอียงตามมาด้วย ต่อให้เธอเขยิบแล้วเขยิบอีกก็ยังคงไม่โดนฝน แต่หัวไหล่ของฟังจือหันเปียกโชกไปแล้วครึ่งหนึ่ง

 

 

อวี๋กานกานเขยิบเข้าไปหาฟังจือหัน ยื่นมือออกไปประคองร่ม “เสื้อคุณเปียกหมดแล้ว”

 

 

ฟังจือหันเม้มริมฝีปากเล็กน้อย หลุบสายตาลงต่ำมองเธอโดยไม่กะพริบตา แววตาดูเหมือนสงบนิ่ง แต่ก็ดูเหมือนมีความอบอุ่นอ่อนโยนแฝงเอาไว้

 

 

อวี๋กานกานถูกมองจนรู้สึกอึดอัด เธอรู้สึกว่าฉากอยู่ภายใต้ร่มคันเดียวกันแบบนี้ ปกติแล้วมันก็มีแต่คู่รักโรแมนติกเท่านั้นที่ถึงจะมีกัน เธอหน้าแดงอย่าห้ามไม่ได้ เบือนศีรษะหนีอย่างแนบเนียน

 

 

สายลมเย็นเยียบพัดผ่าน ปัดเป่าบรรยากาศโรแมนติกทั้งหมด อวี๋กานกานจามทันที “ฮัดเช้ย!”

 

 

ฟังจือหันหรี่สายตาลงเล็กน้อย ยื่นมือออกไปโอบอวี๋กานกานให้มาอยู่ในเสื้อโค้ตของตนเองอย่างดื้อๆ “ไม่รู้ตัวหรือไงว่าตัวเองเพิ่งออกจากโรงพยาบาล”

 

 

จากนั้นเพิ่มความเร็วของฝีเท้า…

 

 

ร่างกายของทั้งสองถูกโอบกอดติดไว้ด้วยกันอย่างแนบชิด ไม่หลงเหลือช่องว่างใดๆ ถูกกั้นไว้เพียงเสื้อเชิ้ตบางโปร่ง อวี๋กานกานพิงอยู่ตรงหน้าอกของฟังจือหัน สามารถได้ยินเสียงเต้นของหัวใจเขาได้อย่างชัดเจน เสียงหัวใจดังทีแล้วทีเล่า เหมือนกับจังหวะการเต้นของหัวใจเธอ ค่อนข้างเร็วและสะเปะสะปะ

 

 

อุณหภูมิของร่างกายเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับอยู่ในห้องอบซาวน่า ไม่ว่าคุณจะพยายามบังคับตัวเองให้สงบเยือกเย็นอย่างไร อุณหภูมิก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

 

อวี๋กานกานแอบเหลือบสายตาขึ้นมองฟังจือหันครู่หนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลา เครื่องหน้างดงาม โครงหน้าคมชัดประหนึ่งรูปปั้นแกะสลัก ภายใต้สายฝนและสายลมยิ่งเสริมให้เขาดูซีดเซียวเย็นชาไร้อุณหภูมิ

 

 

ทั้งคู่แนบชิดตัดกันมากจริงๆ ราวกับเหมือนเป็นคู่รักที่กอดกันกลมอย่างไงอย่างงั้น หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ สับสนอลหม่านอย่างหยุดไม่ได้ เลือดในตัวพลุกพล่านตามอำเภอใจอย่างสะเปะสะปะ บางครั้งก็เหมือนเลือดทั้งหมดทะยานขึ้นสู่สมอง ทำให้สมองของเธอแทบจะตื้อไปหมดอยู่แล้ว

 

 

อวี๋กานกานไม่หยุดที่จะบอกกับตัวเองว่าอย่าตื่นเต้นลนลาน แต่ร่างกายก็ยังคงแข็งเกร็ง

 

 

 ริมฝีปากเย็นๆ ของฟังจือหัน จู่ๆ ก็มาหยุดอยู่ตรงใบหูของเธอ กลั้วหัวเราะ “คุณจะเกร็งอะไรขนาดนั้น ผมไม่กินคุณหรอก”

 

 

ลมหายใจร้อนแผดเผา หัวใจเต้นเหมือนตีกลอง ยิ่งควบคุมไม่ได้ไปกันใหญ่

 

 

เมื่อถึงใต้คอนโดมิเนียม อวี๋กานกานทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เธอรีบผลักฟังจือหันออก กล่าวอย่างปากแข็งไม่ยอมรับความจริง “ใครเกร็ง ฉันแค่กลัวโดนฝนเดี๋ยวจะเปียกก็แค่นั้น” จากนั้นเธอกล่าวอีกหนึ่งประโยค “ขอบคุณสำหรับร่มของนาย…”

 

 

ยังพูดไม่ทันจบดี ครั้งนี้ร่างกายของเธอแข็งทื่อไปแล้วจริงๆ

 

 

ชายหนุ่มมองลงมาจากจุดที่อยู่สูงกว่า ค่อยๆ ขยับร่มที่อยู่ในมือออกไปทางด้านข้าง นิ้วมือเรียวยาวดีดลงบนหน้าผากของเธอเบาๆ ไม่เจ็บ เหมือนกับแค่แมลงปอบินระน้ำ[1]

 

 

อวี๋กานกานดวงตาเบิกโต มองฟังจือหันด้วยสีหน้างุนงง “นายทำอะไร”

 

 

ฟังจือหันยังคงเย็นชาเหมือนเก่า กลัวฟ้ากลัวฝนเสียที่ไหน เขาทำเหมือนกับลมในฤดูใบไม้ผลิพัดผ่าน เอ่ยเสียงเรียบ “อากาศเย็นแล้ว เข้าไปด้านในเถอะ”

 

 

ฟังจือหันให้เธอเดินเข้าไป เขาไม่เดินเข้าไปกับเธอด้วย? หรือว่ามีเรื่องต้องออกไปจัดการ? อวี๋กานกานครุ่นคิด มองเขาอย่างไม่เข้าใจ “ฉันไม่ใช่พวกเห็นแก่ได้แบบพ่อค้าคนกลาง ฉันไม่ได้จะไล่นายไปทันทีตั้งแต่ตอนนี้…”

 

 

เขาพูดเหรอว่าจะไป? การที่เธอรั้งเขาให้ยอมอยู่ด้วยชั่วคราวนั้นต่างหากที่เป็นการไล่เขา ฟังจือหันกล่าวประโยคที่เหมือนกับแฝงความนัยไว้ออกมา “จำไว้ว่าเราจะได้เจอกันอีก”

 

 

อวี๋กานกานกัดริมฝีปากล่าง ดวงตาทั้งสองเบิกกว้างเป็นทรงกลม เหมือนกับแมวเหมียวไม่มีผิด สบตาเขาอย่างเจ้าเล่ห์และหวาดระแวง

 

 

ฟังจือหันสบตากับเธออย่างเงียบเฉียบอยู่หลายวินาที ทันใดนั้นริมฝีปากที่เม้มติดกันมาโดยตลอดก็หยักโค้งขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มที่เหมือนมีแต่ก็ไม่มี ภายในดวงตาล้ำลึกเต็มไปด้วยความขบขัน

 

 

 

 

——

 

 

[1] แมลงปอบินระน้ำ อุปมาถึงการกระทำ พฤติกรรมที่ไม่จริงจัง เหมือนกับแมลงปอที่บินเล่นอยู่บนผิวน้ำ

 

 

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด