ข้าคือหงส์พันปี 157 ต้องมีเหตุผลในการเบิกเงิน

Now you are reading ข้าคือหงส์พันปี Chapter 157 ต้องมีเหตุผลในการเบิกเงิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ยังไม่ทันที่เฉินเสียนจะลงมือ อวี้เยี่ยนถลันตัวไปข้างหน้าอย่างสิ้นหวัง ขวางหน้าเฉินเสียนไว้ และพูดกับฉินหรูเหลียงอย่างหาญกล้า "ท่านแม่ทัพฉิน ตอนนี้เวลาก็ค่ำแล้ว องค์หญิงของบ่าวไม่อยากพูดอะไรกับท่านแล้ว เชิญท่านกลับไปก่อนเถอะ"

ฉินหรูเหลียงจ้องมองไปที่เฉินเสียนแวบหนึ่ง และพูดว่า "ต่อไปทางที่ดีอย่าให้เหลียนชิงโจวเข้ามาในจวนนี้อีก เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องยุ่งยาก"

เฉินเสียนยกยิ้มอย่างเย็นชา และกล่าวต่อ "ข้าจะไม่ให้เขามาที่นี่ แต่ต่อไปข้าจะออกไปหาเขาเอง แบบนี้ได้ใช่หรือไม่"

ฉินหรูเหลียงออกจากสวนสวระวสันตฤดูด้วยความขุ่นมัว เขาหงุดหงิดจนไม่สามารถควบคุมฝีเท้าตัวเองได้ จิตใจคิดแต่จะอยากกลับไปหาเฉินเสียน

เขายอมรับว่าเขาทนไม่ได้ที่เห็นชายอื่นส่งของมาให้เฉินเสียน ในยามที่เขาเห็นเฉินเสียนเกลี้ยกล่อมลูก สาวใช้จัดการเสื้อผ้าให้เขา เขารู้สึกขัดหูขัดตามาก

หลังจากนั้นฉินหรูเหลียงก็ตรงไปที่สวนเซียงเสวี่ย

ในช่วงเวลานั้นเซียงซั่นได้หลับไปแล้ว เมื่อได้ยินว่าฉินหรูเหลียงเข้ามา ก็รีบร้อนลุกขึ้นเพื่อออกไปต้อนรับ

ฉินหรูเหลียงสีหน้าเยือกเย็น ไม่ทันพูดอะไรสักคำ ก็ลากเซียงซั่นเข้าห้องไป

เขาฉีกชุดของเซียงซั่นขาดหลุดรุ่ย ไม่มีการประวิงเวลาอะไรทั้งสิ้น เขาจู่โจมเข้าไปโดยตรง

เซียงซั่นสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวด แต่ไม่สามารถหยุดฉินหรูเหลียงที่กำลังโกรธจัดอยู่บนร่างของเธอได้ ปลายนิ้วบีบไหล่ของเขาและพูดด้วยน้ำเสียงแทรกซึมความเศร้า "ท่านแม่ทัพ เบาหน่อย……"

ฉินหรูเหลียงหยาบคายอยู่ทั้งคืน

เขาไม่สนใจว่าเซียงซั่นจะขอร้องอย่างทรมาณเพียงใด ทิ้งเพียงร่องรอยแห่งความโหดเหี้ยมไว้บนตัวนาง เขาเป็นเหมือนเสือ เหมือนหมาป่าผู้หิวกระหาย ที่เล่นกับเหยือที่อยู่ใต้ร่างอย่างอำเภอใจ

เซียงซั่นสลบไปหลายครั้ง ประสบการณ์ครั้งนี้รุนแรงกว่าในครั้งแรกที่เธอวางยาฉินรูเหลียง

คืนราตรีนี้ยังอีกยาวนาน แต่ฝันร้ายนี้กลับเพิ่งเริ่มต้น

ต่อมา เซียงซั่นได้สติ กัดฟันทนจนฉินหรูเหลียงล้มตัวลงบนร่างของนาง

ในช่วงเวลานั้นฉินหรูเหลียงใช้แรงจับไหลของเซียงซั่นไว้ และกระซิบข้าหูเธอด้วยเสียงอันแผ่วเบา:"เฉินเสียน……….."

เซียงซั่นพลันนิ่งไปทันที ร่างทั้งร่างหนาวสะท้านเหมือนอยู่ในห้องน้ำแข็งใต้พสุธา

เป็นเพราะเขาเกลียดเฉินเสียนมาก หรือคิดว่าเธอคือเฉินเสียนจริงๆ

หลังจากเหลียนชิงโจวไปแล้ว เฉินเสียนไม่มีที่ใดให้ไปเที่ยวเล่นเลย มีเพียงการอยู่กับเจ้าน่องน้อยที่สวนสระวสันตฤดู

เหลียนชิงโจวออกไปหาเงินในดินแดนที่แสนไกล งั้นเธอก็ต้องอดทนเฉาตายอยู่ที่นี่หรือ

เพื่ออนาคตที่สดใสของเธอและเจ้าน่องน้อย เธอต้องเตรียมการวางแผนแต่เนิ่นๆ ไม่เช่นนั้นหากรอให้เจ้าน่องน้อยอายุครบสามขวบแล้วต้องถูกราชวังดึงตัวไปจะทำเช่นไร

เฉินเสียนไม่อยากรอความตายอยู่อย่างนี้

เธอขอให้อวี้เยียนนำโถเงินของเธอออกมา

เฉินเสียนทั้งสั่นและเขย่าโถเงิน แต่เงินทั้งหมดกลับมีแค่ตั๋วเงินสองพันตำลึงและเงินเหรียญอีกจำนวนหนึ่ง

อวี้เยี่ยนพูดขึ้นอย่างตระหนี่ว่า "องค์หญิงหากเราไม่มีเงินใช้แล้ว ก็ไปเบิกที่ห้องบัญชีสิเพคะ ที่นี่ล้วนมีเงินที่องค์หญิงฝากไว้ให้เจ้าน่องน้อยซื้อขนม"

มือข้างหนึ่งเฉินเสียนรองคางตัวเองไว้ อีกข้างหนึ่งก็ชั่งน้ำหนักของเหรียญในมือ พูดอย่างเบื่อหน่ายว่า "เงินแค่นี้จะพอที่ไหนกัน ทั้งขนม นมผง เสื้อผ้าของเจ้าน่องน้อย ในอนาคตยังต้องใช้จ่ายอีกมาก ดูท่าแล้ว คงต้องหาเงินเยอะๆไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ"

อวี้เยี่ยนกะพริบตาปริบๆพร้อมกับพูดขึ้นว่า "องค์หญิงวาดหนังสือภาพอีกดีหรือไม่เพคะ คุณชายเหลียนก็ถามมาหลายครั้งแล้ว"

"ตอนนี้เหลียนชิงโจวไม่อยู่ในเมืองหลวง วาดไปก็ไร้ประโยชน์"เฉินเสียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เอาตั๋วเงินเก็บไว้ดังเดิม "ไม่ได้แล้ว ถือโอกาสตอนยังสาวๆ องค์หญิงอย่างข้าต้องออกไปหาเงิน"

"องค์หญิงจะหาเงินยังไงเพคะ"

เฉินเสียนตอบ "หากอยู่เรือนเพื่อหยอกล้อกับเจ้าน่องน้อยอย่างนี้ต่อไป ก็จะไม่ได้อะไรเลย เวลานี้ยังไม่ใช่เวลาที่ข้าจะมาเพลิดเพลินอยู่กับความสุขในครอบครัว"

เฉินเสียนส่งเจ้าน่องน้อยให้แม่นมซุยดูแล ส่วนตนเองปลอมตัวเป็นผู้ชาย ก่อนออกจากประตูก็พูดกับเจ้าน่องน้อยก่อน "ลูกรัก แม่ต้องออกไปหาค่าขนมให้เจ้า เจ้าอยู่เรือนก็จงเป็นเด็กดี อย่างอแงเข้าใจหรือไม่ ถ้าหิวก็เรียกเอ้อร์เหนียง"

ก่อนเฉินเสียนออกจากเรือน ก็หันกลับมาสั่งแม่นมซุย "เอ้อ ถ้ามีใครมาถามถึงข้า เอ้อร์เหนียงรู้ใช่หรือไม่ว่าสิ่งใดควรพูดไม่ควรพูด"

แม่นมซุยรู้ดีว่าคราวนี้คงไม่ราบรื่นเหมือนดังครั้งก่อนเป็นแน่ จึงพูดอย่างกังวลว่า "องค์หญิงออกไปต้องระวังตัวให้มากนะเพคะ อวี้เยี่ยน เจ้าต้องดูแลองค์หญิงให้ดีด้วย"

อวี้เยี่ยนและเฉินเสียนเดินอยู่บนถนนร่วมเวลาสองวัน ยังจับทางอะไรไม่ได้เลย นางจึงถามขึ้น "คุณชาย ท่านยังไม่ได้บอกข้าเลยว่าพวกเราจะหาเงินกันยังไง"

เฉินเสียนตอบ "อย่าเซ่าซี้ ข้ากำลังหาโอกาสทางธุรกิจ"

และในที่สุด เฉินเสียงก็พุ่งเป้าหมายไปที่สถานที่ที่ใหญ่ที่สุดและวุ่นวายที่สุดคือแหล่งมั่วสุ่มอบายมุข——-บ่อนพนันเชียนจิน

เมื่อกลับไปที่จวนเฉินเสียนก็ตรงไปถามพ่อบ้านที่จัดการบัญชี

พ่อบ้านจึงสอบถามอย่างละเอียด "องค์หญิงเดือนนี้ได้จ่ายเงินเดือนไปแล้ว ทำไมถึง…….."

เฉินเสียนเคาะนิ้วลงบทโต๊ะพลางพูดว่า "เงินเดือนเพียงพอแค่ใช้จ่ายสิ่งจำเป็นเท่านั้น ปกติข้าเองก็ยังต้องไปจับจ่ายซื้ออาหารและเครื่องประทินโฉม" เธอเหล่มองพ่อบ้าน "ข้าเป็นองค์หญิงจะน้อยหน้ากว่าผู้อื่นได้รึ?"

พ่อบ้านพูดไม่ออก

จึงถามขึ้นอีกว่า "ครั้งนี้องค์หญิงต้องการเท่าไหร่?ขอรับ"

"ไม่เยอะ สองร้อยตำลึง"

"แต่นี่…………."

"สองร้อยตำลึงจะเยอะแค่ไหนกัน เงินเดือนของลูกชายข้า ข้าก็ยังไม่ได้เบิก ตั้งแต่ข้าท้องจนถึงตอนนี้ก็สิบเดือนกว่าเข้าไปแล้ว เหตุใดสิบเดือนมานี้เงินเดือนไม่ถึงสองร้อยตำลึงรึ?"

"……."

อวี้เยี่ยนยืนอยู่หลังเฉินเสียนอย่างนอบน้อม และแอบยกนิ้วชื่นชมองค์หญิงของตัวเอง

เพื่อเงิน ต้องมีความชอบธรรม ต้องมีเหตุผล

พ่อบ้านหมดหนทาง สุดท้ายก็ต้องพาเฉินเสียนไปเบิกเงินอย่างจำยอม

ใช้จ่ายแบบนี้ ไม่สะเทือนเงินเดือนท่านแม่ทัพหรอก

แต่หากพ่อบ้านรู้ว่าเงินนี่เฉินเสียนจะนำไปเข้าบ่อนพนัน……….จะต้องขัดขวางไม่ให้องค์หญิงเบิกเงินนี้ไปแน่

ขณะนี้ อวี้เยี่ยนเดินมาอยู่หน้าประตูบ่อนพนันเชียนจินพร้อมกับเฉินเสียนแล้ว

นักพนันเดินเข้าออกอยู่หน้าประตู นอกจากนี้ยังมีชายฉกรรจ์ร่างกำยำสองสามคนยืนเฝ้าประตูอยู่

อวี้เยี่ยนยืนอยู่ตรงนั้นด้วยหัวใจที่หวั่นๆและถามขึ้น "คุณ คุณชาย……พวกเราจะเข้าไปจริงๆหรือ แต่บ่าว………บ่าวไม่เคยมาที่แบบนี้มาก่อน"

เฉินเสียนพูดตอบด้วยเสียงแผ่วเบายิ่งกว่าลมพัด "ข้าก็ไม่เคยมา"

อวี้เยี่ยนคิดอยากจะถอยทัพกลับไปขึ้นมาในทันที "เป็นเช่นนั้นก็อย่าเข้าไปเลยขอรับ คุณชายพวกเราสามารถนำเงินไปทำการค้าได้นะขอรับ"

อวี้เยี่ยนถอยหลังไปหลายก้าว แต่เมื่อหันกลับมา เฉินเสียนก็ไม่ได้ตามนางไป เธอปัดที่มุมเสื้อผ้าของเธอ แล้วเดินไปที่ประตูอย่างโอ้อวด

อวี้เยี่ยนเห็นว่าไม่ถูกต้อง จึงรีบถลันตัวไปกอดขาเฉินเสียนไว้ "คุณชายโปรดอย่าเข้าไปเลย ด้านในนั้นวุ่นวาย ผู้คนล้วน……. บ่าวขอร้องท่านเถอะ……….."

เฉินเสียนขมวดคิ้ว " ข้ายึดหลักสามลัทธิเก้ากระแส เมื่อเข้าไปแล้วทุกคนล้วนเป็นนักพนัน อวี้เยี่ยน รีบปล่อยข้า พวกเราเข้าไปเปิดโลกใหม่กันเถอะ"

"บ่าวไม่ปล่อย คุณชายอย่าเข้าไปเลย" ถ้าเข้าไปแล้วโดนทำร้าย หัวของเธอสิบหัวก็ชดใช้ไม่พอ

เฉินเสียนหันมองอวี้เยี่ยนที่ตอนนี้น้ำตาเอ่อนองแล้ว ผู้คนบนถนนที่เดินผ่านไปมาต่างก็หันมองมาทางนี้

"อวี้เยี่ยนปล่อยมือ เจ้าไม่อายแต่ข้าอาย"

####(三教九流) แปลตรงตามตัวอักษรได้ว่า 3 ลัทธิ 9 กระแส

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด