ข้าคือหงส์พันปี 193 ออกศึก

Now you are reading ข้าคือหงส์พันปี Chapter 193 ออกศึก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เฉินเสียนกำมือจนกลายเป็นหมัด เธอกำมันแน่นมาก

เธอรู้ว่าตัวเองบางทีควรที่จะอดทน

แต่คำพูดของฉินหรูเหลียงทำให้เธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เธอไม่สามารถอดทนมันได้ เธอต่อยไปบนใบหน้าของฉินหรูเหลียง“เทียบกับเขาแล้ว ท่านนั่นแหละที่เหมือนหมาบ้า”

ฉินหรูเหลียงเซถอยไปสองก้าว เอื้อมมือปาดเลือดบริเวณริมฝีปาก แล้วกล่าวว่า“ถ้าหากท่านบอกว่าจำเขาไม่ได้ จะโกรธเช่นนี้ได้อย่างไรกันเล่า”

เฉินเสียนเคลื่อนไหวข้อมือ กล่าวราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นว่า“อาจจะเพราะว่าเมื่อก่อนข้าเข้าใจผิด เมื่อก่อนเพราะว่าข้าชอบท่าน อาจจะเพียงเพราะว่าท่านเคยช่วยชีวิตข้า แต่ว่าวันนี้ได้ยินคำพูดของท่านข้าเพิ่งจะรู้ ผู้ที่ช่วยข้าจริงๆไม่ใช่ท่าน ท่านว่าถ้าหากข้าฟังท่านนินทาผู้มีพระคุณของข้า ข้าจะไม่โกรธท่านได้อย่างไรกันเล่า?”

“ฉินหรูเหลียง ท่านฟังนะ ต้องมีสักวันหนึ่ง ข้าจะเป็นผู้ฉีกหน้ากากของหลิ่วเหมยอู่ด้วยมือข้าเอง ทำให้เลือดแดงสดหยดลงมาให้ท่านดู”

เฉินเสียนสะอิดสะเอียนไม่อยากมองให้มาก สะบัดแขนเสื้อหมุนตัวอย่างเยือกเย็น

“ท่านระลึกเรื่องที่ผ่านมาได้แล้ว”

“รอตอนที่ข้าระลึกได้จริงๆ ข้าจะประกาศแจ้งให้ท่านทราบอย่างเป็นทางการ แต่ว่าตอนนั้นก็ต้องรบกวนท่านรบชนะกลับมาถึงจะทำได้”เฉินเสียนกล่าวอย่างราบเรียบ“ข้าอยากรู้มาก ท่านแม่ทัพที่มีมือข้างเดียวพอถึงสนามรบแล้ว จะรบชนะได้อย่างไร”

เธอกลับมายืนที่หน้าประตูอีกครั้ง หมุนตัวด้วยท่าทางที่หยิ่งผยอง บนตัวมีบุคลิกที่สูงส่ง มองฉินหรูเหลียงอย่างเหยียดหยาม “ส่วนหลิ่วเหมยอู่ กลัวว่านางจะถูกกลั่นแกล้งก็พานางไปด้วย ไม่อย่างนั้นถ้ารอจนข้ากลั่นแกล้งนางขึ้นมาจริงๆ จะทำให้นางตกที่นั่งลำบาก ไม่มีผู้ใดช่วยเหลือนะ”

“จิ้งเสียน ท่านไม่มีจิตใจที่เกิดความสงสารกับนางสักครึ่งเลยหรือ?”

เฉินเสียนหัวเราะ กล่าวขึ้นว่า“ไม่ใช่ว่าข้าไม่เกิดความสงสารกับนางนะ แต่ข้าอยากให้ท่านออกศึกอย่างไม่สบายใจ”

ฉินหรูเหลียงแววตาเศร้าสลด เฉินเสียนหมุนตัวกลับเข้าไปในหอนอน ปิดประตูห้องอย่างเย็นชา

ชั่วพริบตาเดียวที่ประตูปิด สีหน้าของเฉินเสียนก็เปลี่ยนกลายเป็นตื่นตระหนกทันที

คำพูดเหล่านั้นของฉินหรูเหลียง อวี้เยี่ยนก็ได้ยินอย่างชัดเจน

เรื่องราวมากมายของราชวงศ์ก่อนหน้านางก็ไม่เข้าใจ แต่อวี้เยี่ยนก็รู้สึกแปลกใจ คาดไม่ถึงว่าซูเจ๋อยังทำเรื่องเหล่านั้นเพื่อองค์หญิงด้วย

อวี้เยี่ยนไม่พูดมาก อยู่เป็นเพื่อนเฉินเสียนเงียบๆ

หลิ่วเหมยอู่ที่อยู่สวนดอกพุดตานได้ยินมาว่าฉินหรูเหลียงจะไปสู้รบแล้ว ร้องไห้จะเป็นจะตาย ต้องการที่จะพบหน้าฉินหรูเหลียง

เพียงแต่วันนี้สงครามมาถึง ฉินหรูเหลียงไม่มีเวลาว่างพูดกับหลิ่วเหมยอู่สักคำเดียว และก็ยังข้ามผ่านร่องหลุมความรู้สึกเหล่านั้นไปไม่ได้

หลิ่วเหมยอู่ได้ยินว่าตอนที่ฉินหรูเหลียงกลับมาแล้วไปที่สวนสระวสันตฤดู นางยิ่งเกลียดชังอีกทั้งยังโศกเศร้ามาก

ใช่หรือไม่ว่าจนถึงตอนที่ฉินหรูเหลียงจะออกจากเรือนแล้ว เขาก็จะไม่มาหานางเลย? แต่กลับต้องการไปอำลาที่สวนสระวสันตฤดูนั่น?

หลิ่วเหมยอู่ไม่กล้าจินตนาการ ฉินหรูเหลียงไม่อยู่ที่เรือนนี้ นางจะเป็นเช่นไรกัน

เมื่อเฉินเสียนเป็นใหญ่จัดการในเรือน ไม่มีทางที่จะละเว้นนางอย่างแน่นอน!

หลิ่วเหมยอู่อยากไปกับฉินหรูเหลียง

นางไปที่เรือนหลัก แต่น่าเสียดายที่ฉินหรูเหลียงปิดประตูไม่เจอ

นางก็ร้องไห้อยู่ด้านนอกกล่าวว่า“ท่านแม่ทัพ ขอร้องท่านล่ะ พาเหมยอู่ไปด้วยเถิดนะเจ้าคะ เหมยอู่ทุกข์ยากลำบาก เหมยอู่ยินยอมที่จะอยู่กับท่านแม่ทัพตลอดเวลา เมื่อสมัยนั้นที่ท่านแม่ทัพพาเหมยอู่กลับมาจากชายแดน เหมยอู่ก็อยู่ในกองกำลังทหารเป็นเพื่อนท่านแม่ทัพไม่ใช่หรือเจ้าคะ……ขอร้องท่านพาเหมยอู่ไปด้วยเถิด…..”

หลังจากนั้นไม่นาน ด้านในห้องถึงมีเสียงของฉินหรูเหลียงดังออกมาหนึ่งประโยค “กลับไปเสียเถิด ข้าไม่สามารถพาเจ้าไปด้วยได้หรอก ทุกอย่างรอข้ากลับมาแล้วค่อยว่ากัน”

“ท่านแม่ทัพ! เหมยอู่ไม่ไป!”

“พรุ่งนี้ออกศึก ข้ายังต้องการที่จะพักผ่อน”

องค์จักรพรรดิมีพระประสงค์ลงมา พรุ่งนี้ให้กองทัพใหญ่ออกเดินทาง แต่ก่อนออกเดินทางสี่สิบห้านาที ให้กล่าวอำลากับครอบครัว เนื่องจากเป็นมนุษยธรรมในกองทัพ

ด้วยเหตุนี้พ่อบ้านจึงได้มาที่สวนสระวสันตฤดู สอบถามว่า“องค์หญิง พรุ่งนี้ท่านแม่ทัพจะออกศึก องค์หญิงต้องการไปที่ประตูเมืองเพื่อส่งท่านแม่ทัพหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

เฉินเสียนกล่าวอย่างเกียจคร้านว่า“หากข้าไม่ไปล่ะ”

พ่อบ้านกล่าวว่า“ท่านแม่ทัพไปครั้งนี้ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะกลับมา พูดตามหลักเหตุผล องค์หญิงสมควรไปพ่ะย่ะค่ะ พระประสงค์ขององค์จักรพรรดิลงมาแล้ว ถ้าหากองค์หญิงไม่ไป องค์จักรพรรดิดูอยู่พ่ะย่ะค่ะ”

ต่อมาหลิ่วเหมยอู่ได้ยินว่าสามารถไปส่งฉินหรูเหลียงได้ นางก็จะได้เจอเขา และเก็บความแค้นในอดีตที่มีต่อเฉินเสียนไม่ได้อีก กระโจนเข้ามาในสวนสระวสันตฤดูอย่างไม่สนใจ กล่าวกับพ่อบ้านว่า“องค์หญิงไม่ยินยอมไปก็ไม่ต้องไป ให้ข้าไปเถิดนะ!ข้าจะไปส่งท่านแม่ทัพเอง!”

พ่อบ้านลำบากใจเป็นอย่างมาก กล่าวว่า “นี่………”

ชื่อเสียงของหลิ่วเหมยอู่ในเมืองหลวงยุ่งเหยิงหมดแล้ว อีกทั้งยังเป็นอนุภรรยา จะปรากฏตัวในโอกาสเช่นนั้นได้อย่างไร

ถ้าหากเฉินเสียนยินยอมพานางไป นั่นก็ไม่อาจปฏิเสธว่าไม่ดีทั้งหมดได้ ยังมีดีอยู่บ้าง แต่ถ้าหากเฉินเสียนไม่ไป ให้นางไปเพียงลำพัง นั่นก็ไม่สมเหตุสมผลเพราะจะเป็นขี้ปากผู้คน

เวลานี้เฉินเสียนเดินเตร่ออกมาจากห้องอย่างเอ้อระเหย มองคราบน้ำตาบางเบาที่อยู่บนใบหน้าของหลิ่วเหมยอู่ หัวเราะแล้วกล่าวขึ้นว่า“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว พรุ่งนี้ข้าก็จะไป แต่อนุภรรยาชั้นต่ำนี่ไม่ต้องออกไปให้ขายหน้าขายตาท่านแม่ทัพนะ หลีกเลี่ยงการปนเปื้อนสัมผัสกับความซวย ไม่เป็นสิริมงคล มีผลกระทบต่อขวัญกำลังใจเหล่าทหารสามเหล่าทัพ”

“บ่าวทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ บ่าวจะไปเตรียมความพร้อมพ่ะย่ะค่ะ”

หลังจากที่พ่อบ้านลงไป หลิ่วเหมยอู่ดวงตาแดงก่ำมุ่งไปทางเฉินเสียนแล้วด่ากราดว่า“เฉินเสียน!ท่านไม่ต้องลำพองใจเกินไปนะ รอท่านแม่ทัพรบชนะกลับมา จัดการท่านแน่!”

เฉินเสียนยักคิ้ว แล้วกล่าวขึ้นว่า“ข้าจิตใจไม่ดี ยิ่งเจ้าอยากเจอเขา ข้ายิ่งไม่ให้เจ้าเจอ มีความสามารถเจ้าก็มากัดข้าสิ”

หลิ่วเหมยอู่ใช้มือข้างหนึ่งผลักเซียงหลิงออกจะกระโจนเข้าไปตี

แต่ยังไม่ได้เข้าใกล้ตัวของเฉินเสียน ก็ถูกแม่นมซุยรั้งไว้ เอามือสองข้างของนางไขว้หลังอย่างกระฉับกระเฉงตีให้คุกเข่าอยู่บนพื้น สะบัดมือตบนางสองที

เฉินเสียนรวบกระโปรงคุกเข่าลงตรงหน้านาง นิ้วมือบีบคีบที่ใต้คางของนาง หรี่ตาลงแล้วกล่าวว่า“แม่ทัพฉินยังไม่ได้ออกจากเรือนเลย เจ้าก็รีบร้อนหาความซวยมาให้เขาแล้ว เหมยอู่ ข้าจะแนะนำเจ้านะ ต่อไประวังหน่อย ถึงอย่างไรไม่มีฉินหรูเหลียงเป็นสวรรค์ของเจ้า ข้าก็สามารถบีบให้เจ้าตายได้ทุกเวลา”

หลิ่วเหมยอู่เบิกตากว้าง เต็มไปด้วยน้ำตากับความเกลียดชัง

เฉินเสียนแสยะยิ้ม แล้วกล่าวว่า “แต่ว่าข้ายังไม่อยากทำเรื่องน่าเบื่อเช่นนั้น รอข้าจับกุมหลิ่วเฉียนเฮ้อได้ ค่อยมาพูดเรื่องราวในอดีตกับเจ้าดีๆแล้วกันนะ”

ชั่วพริบตาเดียวหลิ่วเหมยอู่ตัวสั่นเทา สีหน้าซีดเผือด

เฉินเสียนลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เอ้อร์เหนียง เอานางออกไปทิ้งให้ข้าด้วย”

วันต่อมา วันที่เก้าเดือนสิบสองตามจันทรคติจีน

ฟ้ายังไม่สาง เฉินเสียนก็ลุกขึ้น สวมใส่ชุดเสื้อคลุมผ้าฝ้าย หลังจากจัดการตัวเองอย่างเหมาะสมแล้วก็พาอวี้เยี่ยนออกเดินทาง

พ่อบ้านเตรียมของไว้เรียบร้อยตั้งนานแล้ว นั่นคือเสื้อคลุมหนาหนึ่งตัว ขอให้เฉินเสียนเอาไปคลุมให้ฉินหรูเหลียงตอนที่จะส่งออกเดินทาง

ตอนเช้าตรู่เฉินเสียนก็ไม่เจอฉินหรูเหลียง เห็นบอกว่าไปที่ประตูเมืองประกาศคำสั่งสามเหล่าทัพแล้ว

เฉินเสียนปรากฏตัวทีประตูเมือง กลายเป็นแบบอย่างที่ดีของเหล่าครอบครัวที่มาส่งออกเดินทาง

เธอยืนด้านหน้าสุด ในมือม้วนเสื้อคลุมหนาหนึ่งตัว ยืนประจันหน้าอยู่ที่ประตูเมืองนั้น สีหน้าเรียบเฉยมาก ผมดำขลับ ลมพัดปลายกระโปรงขึ้น ราวกับเป็นทิวทัศน์ที่สวยงาม

ด้านหลังเป็นครอบครัวที่มาส่งญาติพี่น้องออกเดินทาง กองกำลังทหารต่อแถวยาว

พอถึงเวลา ครอบครัวก็ไปหาครอบครัวตัวเองที่เป็นเหล่าทหารจะออกศึก

ฉินหรูเหลียงคิดไม่ถึงว่าเฉินเสียนจะมา นายทหารชั้นสูงที่อยู่ข้างเขาเตือนสติ ตอนที่หมุนตัว ถึงได้เห็นเฉินเสียนยืนอยู่ด้านนั้น

เวลานั้นแววตาของเขาบีบรัดแน่น เพ่งไว้ที่สาวงามที่ยืนอยู่หน้าประตูเมือง

ราวกับฟ้าดิน มีเพียงเฉินเสียนคนเดียว

เธอหรี่ตา ใต้ท้องฟ้าสีครามแสงยามเช้าตรู่ ดวงตาดำเข้มราวกับหมึก

ฉินหรูเหลียงหันเดินมาทางเธอทีละก้าวๆ เธอก็เดินไปด้านหน้าทีละก้าวๆเช่นกัน

อิงตามกฎเกณฑ์แล้ว เธอสะบัดเสื้อคลุมหนาออกอย่างพิถีพิถัน เขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อย คลุมบนหมวกเหล็กกับเสื้อเกราะที่หนาวเหน็บเข้ากระดูกของฉินหรูเหลียง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด