ข้าคือหงส์พันปี 214 ข่าวลือเกี่ยวกับเขา

Now you are reading ข้าคือหงส์พันปี Chapter 214 ข่าวลือเกี่ยวกับเขา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เฉินเสียนพลิกหน้าหนังสือไปเรื่อยๆ และเอ่ยด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย “เขาเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกันหรือ”

“ใช่เพคะ บ่าวเองก็รู้สึกว่าเหลือเชื่ออยู่เหมือนกัน เมื่อก่อนเขาเป็นสุภาพบุรุษที่สุภาพและสง่างาม ไม่คิดว่าจะมีด้านที่ไม่มีผู้ใดรู้เช่นนี้ด้วย”

อวี้เยี่ยนเข้ามากระซิบใกล้ๆ อย่างมีลับลมคมใน “ได้ยินมาว่าเขาชอบไปที่หอฉู่อวี้ด้วยเพคะ”

เฉินเสียนไม่มีปฏิกิริยาใดๆ

อวี้เยี่ยนใส่สีตีไข่ไปอีกว่า “ได้ยินว่าเขาชอบไปที่หอฉู่อวี้เพื่อหาความสุขกับคณิกาหนุ่ม”

เฉินเสียนอยากจะซุบซิบกับอวี้เยี่ยนมากจริงๆ แต่น่าเสียดายที่จินตนาการของเธอมีจำกัด และเธอนึกภาพไม่ออกจริงๆ

เธอรู้ว่าซูเจ๋อเคยไปที่หอฉู่อวี้ แต่เรื่องซุบซิบนินทาจากภายนอกที่เธอได้ยินเหล่านี้เป็นเพียงเรื่องไร้สาระ

อวี้เยี่ยนยังพูดต่ออีกว่า “บ่าวยังได้ยินมาอีกว่า กลางดึกคืนหนึ่งเขากลับไปที่เรือน ที่คอของเขามีรอยฟันของคณิกาหนุ่มด้วยเพคะ!"

เฉินเสียนวางหนังสือลง เปลือกตาของเธอกระตุก “คืนไหน”

อวี้เยี่ยนคิดมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว นางตอบว่า “บ่าวรู้ว่าองค์หญิงคงจะไม่เชื่อและจะถามรายละเอียดในวันนั้น ดังนั้นบ่าวจึงไปสอบถามรายละเอียดมาด้วย มันเกิดขึ้นในคืนที่องค์หญิงกับคุณชายรองเฮ่อแอบเข้าไปในจวนตระกูลเฮ่อเพคะ!”

“อ้อ” เฉินเสียนเอ่ยเพียงเท่านั้นและไม่ได้ออกความเห็นใดๆ

คืนนั้นเธอน่าจะโกรธและกังวลมากจนกัดเขาไป

หลังจากนั้นเธอจึงกล่าวเสริมว่า “โลกภายนอกช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ”

“ไม่มีลมไหนเลยจะมีคลื่น องค์หญิง บุคคลที่ศีลธรรมเสื่อมเสียเช่นนี้ไม่คู่ควรที่องค์หญิงจะคิดถึงเลยเพคะ” อวี้เยี่ยนเอ่ยอย่างขุ่นเคือง

“ดูเหมือนเจ้าจะโกรธยิ่งกว่าข้าเสียอีก”

“บ่าวโกรธที่เขาทำให้ผิดหวัง เขาทำให้ความรู้สึกขององค์หญิงสูญเปล่า! คนแบบนี้องค์หญิงควรลืมไปเถิดเพคะ!”

อารมณ์ของเฉินเสียนเริ่มสงบลงแล้ว

เมื่อสวนแอพริคอตเริ่มออกผลในเดือนห้า ก็มีข่าวร้ายมาจากทางใต้ซึ่งทำลายความสุขสงบร่มเย็นที่มีมาอย่างยาวนานของเมืองหลวง

การสู้รบระหว่างต้าฉู่และเย่เหลียง ต้าฉู่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้

ในการรบครั้งสุดท้ายมีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ทั่วทุกหนแห่งเต็มไปด้วยศพ

ตามรายงานการรบครั้งล่าสุด ระหว่างการรบครั้งนี้แม่ทัพใหญ่ได้รับบาดเจ็บและตกจากหลังม้า หลังจากนั้นก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน

แต่ในสนามรบนั้นไร้ความปรานี แม้ในขณะนี้จะยังไม่พบร่างของแม่ทัพใหญ่ แต่มีโอกาสมากที่เขาจะเสียชีวิตไปแล้วในสนามรบ

ทันทีที่ข่าวนี้มาถึง ในราชสำนักก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า

จักรพรรดินั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรและนิ่งไปอยู่พักใหญ่ๆ

เมื่อได้สติกลับมาพระองค์ก็พิโรธอย่างหนัก และตรัสว่า “ข้าจะพูดได้อย่างไรว่าแม่ทัพอันดับหนึ่งแห่งต้าฉู่ตายในสนามรบ! ถ้ายังหาไม่พบก็ต้องหาให้พบ พลิกหาศพทุกศพให้ทั่ว ข้าจะต้องได้เห็นเขาไม่ว่าจะเขายังมีชีวิตหรือเป็นศพก็ตาม!”

ไม่มีใครรู้เลยว่าฉินหรูเหลียงเสียมือไปแล้วข้างหนึ่ง เมื่ออยู่ในสนามรบเขาคงจะต้องพบเจอกับข้อจำกัดอย่างมาก

สิ่งที่จักรพรรดิสนใจไม่ใช่ชีวิตเล็กๆ ของเขา แต่พระองค์สนใจผลการแพ้ชนะของสงครามระหว่างสองอาณาจักรและความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของอาณาจักรต้าฉู่

ถ้าหากแม่ทัพถูกฆ่าตายในสนามรบ ต้าฉู่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? นับประสาอะไรจะไปปราบปรามเย่เหลียงในอนาคต

เมื่อข่าวแพร่มาถึงจวนแม่ทัพ ทุกคนในจวนต่างตื่นตระหนก

เมื่อหลิ่วเหมยอู่ซึ่งถูกกักขังอยู่ภายในสวนดอกพุดตานมาโดยตลอดได้ยินเซียงหลิงพูดถึงเรื่องนี้ นางก็ทนไม่ไหว รีบวิ่งไปที่สวนสระวสันตฤดูและร้องไห้ตีโพยตีพายยกใหญ่

จะว่าไปเฉินเสียนก็ไม่ได้เห็นหน้าหลิ่วเหมยอู่มาหลายเดือนแล้ว

เฉินเสียนเกือบจะลืมไปแล้วว่านางยังมีชีวิตอยู่

หลิ่วเหมยอู่ตะโกนอย่างฟูมฟายอยู่ในลานราวกับหญิงบ้า อวี้เยี่ยนทำท่าจะก้าวเข้าไปตบปากนาง แต่แล้วเฉินเสียนซึ่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ใต้ต้นไม้พลางปล่อยให้เจ้าน่องน้อยปีนป่ายอยู่บนตัวของเธอก็เอ่ยขึ้นว่า “ไม่ต้องห้าม ปล่อยให้ร้องไป”

หลิ่วเหมยอู่เกลียดเฉินเสียนที่อยู่ตรงหน้าของนางจนแทบอยากจะกินเลือดกินเนื้อ

เหตุใดตอนนี้นางจึงกลายเป็นเช่นนี้ ฉินหรูเหลียงจะอยู่หรือตายก็ยังไม่อาจรู้ได้ แต่เฉินเสียนกลับยังเพลิดเพลินอยู่กับลูกชายของเธออย่างมีความสุข!

หลิ่วเหมยอู่กัดฟันกรอดและพูดว่า “เฉินเสียน ท่านเป็นคนฆ่าท่านแม่ทัพ ทั้งหมดเป็นเพราะท่าน ท่านฆ่าท่านแม่ทัพ!"

“ถ้าไม่ใช่เพราะท่านทำลายมือของท่านแม่ทัพ เขาจะพ่ายแพ้ได้อย่างไร เขาจะตกจากหลังม้าได้อย่างไร!”

มีแม่นมซุยขวางอยู่ข้างหน้า แม้ว่าหลิ่วเหมยอู่จะอยากโผเข้าไปฉีกทึ้งเฉินเสียนแค่ไหน นางก็เข้าไปใกล้ไม่ได้เลย

ทันทีที่นางเคลื่อนไหว แม่นมซุยจะตบนางจนลงไปกองอยู่บนพื้นอย่างไร้ความเมตตาปรานี

ผมของหลิ่วเหมยอู่ยุ่งเหยิง นางหมอบอยู่บนพื้นและจ้องไปที่เฉินเสียนกับเจ้าน่องน้อยอย่างเคียดแค้น “เหตุใดท่านจึงยังใช้ชีวิตได้สุขสบายเช่นนี้ ข้าจะบอกให้ ไม่ช้าก็เร็วท่านจะต้องชดใช้กับการกระทำชั่วๆ ที่ท่านเคยทำ ท่าน พวกท่านทุกคนจะต้องไม่ตายดี!"

ไม่ว่านางจะตีโพยตีพายอย่างไร จะมีจิตใจที่ชั่วร้ายแค่ไหน เจ้าน่องน้อยก็ไม่ร้องไห้งอแงและได้แต่มองไปที่หลิ่วเหมยอู่อย่างสงบ

ทว่าเฉินเสียนสงบยิ่งกว่า เธอเอนกายลุกขึ้นนั่งและวางเจ้าน่องน้อยลงบนตัก

เมื่อเจ้าน่องน้อยโตขึ้น เขาก็ยิ่งดูเหมือนเฉินเสียนมากขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าท่าทางของคนตัวเล็กและคนตัวใหญ่แทบจะเหมือนกันทุกประการ

เฉินเสียนพูดอย่างเฉยเมยว่า “หลิ่วเหมยอู่ เจ้าบอกว่าข้าฆ่าแม่ทัพฉิน ก็ใช่ ที่ข้าเป็นคนทำลายมือข้างหนึ่งของเขา แต่ทำไมข้าจึงต้องทำลายมือของเขาล่ะ”

“พิษสั่วเชียนโหวนั่น ยาแก้พิษก็ได้ไปแล้ว ข้ายังไม่ทันได้คุยกับท่านแม่ทัพอย่างละเอียดเลยว่ายาแก้พิษนั่นจำเป็นต้องใช้รกมนุษย์หรือไม่”

ใบหน้าของหลิ่วเหมยอู่ซีดเผือด ครั้นแล้วก็กรีดร้องขึ้นมาอีกครั้ง “ถ้าข้าตั้งใจจะฆ่าท่านจริงๆ แล้วจะทำไม ข้าแค่ต้องการเห็นท่านแม่ทัพเอารกของท่านมาทำเป็นยาให้ข้า ข้าแค่ต้องการเห็นท่านตายทั้งกลม!"

“แต่ใครจะไปคิดว่าท่านกับไอ้เด็กชั่วนี่จะรอดชีวิตไปได้ในที่สุด” นางเอ่ยอย่างไร้ความกังวล “แต่มาพูดตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร ท่านแม่ทัพถูกท่านฆ่าตายและจะไม่กลับมาอีกแล้ว!”

เฉินเสียนเอ่ยอย่างไม่แยแสว่า “เอ้อร์เหนียง ตบนางอีกที”

แม่นมซุยกระชากผมของหลิ่วเหมยอู่ขึ้นมาและตบหน้านางอย่างแรงไปหลายที ตบจนใบหน้าของหลิ่วเหมยอู่บวมเป่ง

เฉินเสียนกล่าวว่า “อย่าพูดว่าตอนนี้หาตัวท่านแม่ทัพไม่เจอ หากเขาตายในสนามรบจริงๆ เมื่อสืบสาวราวเรื่องกันอย่างละเอียด มันควรจะเป็นเจ้ามากกว่าที่เป็นคนฆ่าเขา หากเจ้าไม่ทำร้ายข้า ข้าจะทำร้ายเขาหรือ จริงไหม”

หลิ่วเหมยอู่หมอบลงไปกับพื้นและหอบสะท้าน น้ำตาหลั่งไหลออกมาเป็นสาย

เฉินเสียนยังกล่าวอย่างสบายๆ อีกว่า “พอจะพูดได้เหมือนกันว่าแม่ทัพฉินรักเจ้าอย่างสุดซึ้ง แม้ว่าเขาจะเห็นเจ้าลักลอบได้เสียกับชายอื่นด้วยตาของเขาเอง ก่อนจะจากไปเขายังอดเป็นห่วงเจ้าไม่ได้ และอยากให้ข้าให้อภัยเจ้า”

หลิ่วเหมยอู่จิกเล็บที่แหลมคมลงบนพื้นและร้องห่มร้องไห้ออกมา

“เรื่องต่างๆ เหล่านี้ ถ้าเจ้าไม่ก่อมันขึ้นมา วันนี้ก็คงไม่เป็นเช่นนี้ ข้าขังเจ้าไว้ในสวนดอกพุดตาน แต่เจ้าริอ่านวิ่งโร่มาเกะกะอยู่ใต้จมูกของข้า”

เธอหรี่ตามองหลิ่วเหมยอู่และพูดเบาๆ ว่า “รู้ไหมว่าเหตุใดข้าจึงยังไว้ชีวิตเจ้ามาจนถึงตอนนี้”

หลิ่วเหมยอู่เอ่ยอย่างจงเกลียดจงชังว่า “ถ้าท่านฆ่าข้า ท่านแม่ทัพจะไม่ปล่อยท่านไว้!”

“เพราะมันน่าเบื่อเกินไปที่จะฆ่าเจ้าตากหากล่ะ” เฉินเสียนวางเจ้าน่องน้อยไว้บนเก้าอี้ เธอลุกขึ้นและปัดชายกระโปรง เธอยืนอยู่ตรงหน้านางและมองเหยียดลงไป ยกเท้าขึ้นเหยียบนิ้วที่ขาวเรียวทั้งสิบนิ้วของหลิ่วเหมยอู่ด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า

ปฏิบัติกับหลิ่วเหมยอู่แบบเดียวกับในวันหนึ่งของเมื่อปีที่แล้ว ที่ฉินหรูเหลียงทำเช่นนี้เพื่อนาง

หลิ่วเหมยอู่ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

เฉินเสียนทาบนิ้วลงบนริมฝีปากของตัวเองพลางเอ่ยว่า “ชู่… หลิ่วเฉียนเฮ้อยังหลบหนีอยู่นะ เรื่องที่เจ้าช่วยหลิ่วเฉียนเฮ้อหนีออกจากเมืองมันยังไม่จบ ถ้าเจ้าร้องดังจนมีคนได้ยินเข้าละก็ เจ้าคงไม่ได้ตายดีแน่”

หลิ่วเหมยอู่ตัวสั่นเทา น้ำตาไหลพราก

เฉินเสียนกล่าวว่า “ข้าควรจะเรียกเจ้าว่าหลิ่วเหมยอู่ต่อไป หรือควรเรียกเจ้าว่าเชียนเสวี่ยดีล่ะ”

ไม่ว่าจะเจ็บปวดอย่างไรหลิ่วเหมยอู่ก็นิ่งเงียบ ไม่กล้าส่งเสียงร้องขึ้นมาอีก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด