ท่านประธานที่รัก 385 จุดประสงค์ของการมาที่นี้

Now you are reading ท่านประธานที่รัก Chapter 385 จุดประสงค์ของการมาที่นี้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เฉินเฉียวไม่เชื่อคำพูดของลูกชาย

หลังจากพูดวันที่จะกลับอย่างชัดเจนแล้ว เธอก็ถามเหมิงเหมิงปรับตัวกับโรงเรียนได้หรือไม่ แล้วก็วางสาย

ด้วยความสงสัยในใจเฉินเฉียวจึงกดโทรศัพท์และโทรหาซังหลินจวินทันที

หลังจากกดโทรแล้วผ่านไปนานก็ยังไม่มีคนรับ เฉินเฉียวยังคงกดโทรต่อไปจนกระทั่งครั้งที่สามถึงมีคนรับ มีเสียงอันไพเราะที่คุ้นเคยจากปลายสายดังขึ้น

“ เฉียวเฉียว มีอะไรหรือเปล่า? เมื่อสักครู่นี้ผมกำลังประชุม ”

อ๋อ งั้นเหรอ? ฉันคิดว่าคุณอยู่ต่างประเทศซะอีก “ประโยคแรกของเฉินเฉียวก็ไปจี้จุดเขา

เสียงของอีกฝ่ายก็เบาลงทันที เหมือนกับว่ามีใครบางคนกำลังคุยกับเขา

ผ่านไปเป็นเวลานานก่อนที่จะตอบกลับด้วยเสียงหัวเราะ: “จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงล่ะ บริษัทยุ่งขนาดนั้นผมจะมีเวลาไปได้ยังไง”

เฉินเฉียวเม้มริมฝีปาก เธอไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่เขาพูดหลังจากได้ยินคำพูดของลูกชายเธอ

จากนั้นก็คุยเรื่อยเปื่อยสองสามประโยค เธอก็เปลี่ยนหัวข้อเป็นเรื่องลูกของฉยงฉยง

“หลินจวิน เมื่อวานคุณไม่ได้เห็น คุณเจียงอุ้มลูกหน้าซีดเชียว ท่าอุ้มลูกแบบนั้นสู้คุณไม่ได้เลย”

ซังหลินจวินไม่คิดว่านี่เป็นคำชม แต่ในใจเขารู้สึกอิจฉาอี้ฝานมากๆที่ได้เห็นหน้าลูกตอนคลอด

ยังไงซะเขากับเฉียวเฉียวก็มีลูกสองคน อีกคนเฉียวเฉียวไม่ได้คลอดเอง ส่วนอีกคนไม่ได้อยู่กับเขา เหมิงเหมิงห่างหายไปหลายปีพอเขาได้พบเหมิงเหมิงก็เดินได้พูดได้แล้ว

ดังนั้นซังหลินจวินอยากเห็นลูกเขากับเฉินเฉียวคลอดกับตา

เมื่อนึกแบบนี้ ใจก็เต้นแรงพลางพูดเบาๆว่า: “เฉียวเฉียว รอคุณกลับมาพวกเรามามีลูกกันอีกสักคนดีไหม?”

ทั้งคู่อายุยังไม่มาก มีลูกอีกสักคนคงจะไม่มีใครว่าอะไร

เฉินเฉียวไม่ให้โอกาสเขาและปฏิเสธตรงๆ: “ไม่ดี คุณไม่ได้เป็นคนคลอดคุณก็พูดได้สิ”

ซังหลินจวินถูกหยุดด้วยประโยคหนึ่ง ไม่รู้ว่าทำไมเฉียวเฉียวโกรธขนาดนี้ เขาคิดว่าคำพูดประโยคนั้นทำให้เธอเคือง เขาเลยรีบพูด: “โอเคๆ ไม่ก็ไม่”

เฉินเฉียวที่นั่งอยู่บนม้าหินเริ่มจะโมโห เธอไม่ใช่ว่าไม่อยากมีลูกเพิ่มกับเขา เธอโกรธที่เขาปิดบังเรื่องในวันนี้

การเปลี่ยนหัวข้อไปที่ลูกของฉยงฉยงเพราะเธออยากให้เตือนเขาเรื่องลูกอ้อมๆ แต่เขากลับไม่สนใจยังจะพูดเรื่องอยากมีลูกเพิ่มอีก

เมื่อระงับความโกรธในใจได้เธอจึงถามอีกครั้ง: “ซังหลินจวิน คุณจะปิดบังฉันจริงๆเหรอ? วันนี้ฉันโทรกลับบ้าน โย่วอีบอกว่าคุณไปต่างประเทศแล้ว ทำไมคุณต้องปิดฉันด้วย”

เฉินเฉียวทั้งโกรธทั้งไม่เข้าใจ

แม้ว่าซังหลินจวินซึ่งกำลังคุยโทรศัพท์อยู่บนถนนที่ไร้คนริมแม่น้ำเวนิส คุณอย่าคิดมากสิบริษัทมีประชุมที่อิตาลีพอดี ผมก็เพิ่งรู้ ”

“อะไรนะ คุณไปอิตาลี”คราวนี้น้ำเสียงของเฉินเฉียวดูตกใจมาก

ตอนแรกเธอคิดว่าหลินจวินไปต่างประเทศนั้นหมายถึงไปอังกฤษ คิดว่าเขาจะแอบมาหาเธอ หรือไม่ก็มาเซอร์ไพรส์เลยไม่ได้บอก

คิดไม่ถึงว่าเธอจะคิดเองเออเองทั้งหมด

หลังจากนั้นไม่นานเฉินเฉียวก็ขมวดคิ้วและพูดว่า: “ไหนๆคุณก็จะไปคุยเรื่องงานที่อิตาลีแล้ว ทำไมไม่บอกฉันคุณท่าทางลับๆล่อๆแบบนี้ทำให้ฉันเข้าใจผิดได้ง่ายๆ เข้าใจไหม

ซังหลินจวินได้ยินความโกรธในคำพูดของเฉียวเฉียวก็รีบพูดด้วยเสียงเบาๆ“ มันเป็นเรื่องงานร่วมทุนที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน ผมก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน”

หลังจากฟังเขาเฉินเฉียวก็ไม่ได้ถามอะไรอีก พอรู้ว่าหลินจวินอยู่อิตาลีแล้วเธอก็ไม่อยากพูดอะไรอีก ถ้าเขารู้เรื่องที่เธอคิดเองเออเองคงจะอายมาก

เฉินเฉียวรู้ว่าหลินจวินมีงานอีกเยอะแยะต้องจัดการ เธอเตือนให้เขาระวังเรื่องสุขภาพและวางสายในที่สุด

พอเดินมาถึงห้องผู้ป่วยเห็นฉยงฉยงกับเจียงอี้ฝานอุ้มลูก สายตาเฉินเฉียวก็ฉายแววอิจฉา

ตอนอยู่ด้วยกันที่บ้าน มักจะละเลยความอบอุ่นอ่อนโยนของคนในบ้าน

แต่หลังจากออกไปแล้ว เฉินเฉียวก็เริ่มคิดถึงความสงบสุขในบ้านทันที

ซังหลินจวินที่เพิ่งวางสายมองไปที่มุมถนนมืดๆที่ทางแยกเห็นชายใส่ชุดสูทสีดำ ร่างของชายคนนั้นดูคุ้นตา

เมื่อชายคนนั้นเข้ามาใกล้มากขึ้นซังหลินจวินก็เตรียมป้องกันตัว เอามือล้วงกระเป๋าที่คาดเอวอยู่

ตอนที่ซังหลินจวินคิดว่าน่าจะเป็นคนของกลุ่มมาเฟีย แสงจันทร์ก็สาดส่องเข้ามาในที่สุดก็มองเห็นใบหน้าของคนคนนั้นอย่างชัดเจน เขาถามด้วยความตะลึง: “คุณเซิน คุณมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง?”

ซังหลินจวินคิดไม่ถึงจริงๆว่าจะเจอคนรู้จักที่อิตาลีแถมยังโผล่มาที่คนรอบๆตัวเขาอย่างต่อเนื่อง

เซินหยูในชุดสีดำเงยหน้าขึ้น หลังจากรู้แล้วว่าคนตรงหน้าคือใคร เขาก็ปรากฎรอยยิ้มบนหน้า:“ช่างบังเอิญจริงๆ เจอกันที่อิตาลีอีกแล้ว”

ณ. ร้านอาหารมาร์ล

ทั้งเซินหยูและซังหลินจวินนั่งอยู่ที่มุมหน้าต่าง

บนโต๊ะมีพาสต้าธรรมดา ๆ และทั้งสองคนที่เพิ่งพบกันได้ไม่นานก็เริ่มรับประทานอาหารด้วยกันในร้าน

ทั้งสองคนเป็นคนที่มีมารยาทที่ดีบนโต๊ะอาหาร เลยไม่ได้คุยกันในตอนนี้

หลังจากรับประทานอาหารแล้วทั้งสองคนก็ออกจากร้านอาหารและเดินไปที่บ้านพักชั่วคราวของพวกเขา

เดิมทีพวกเขาว่าแยกกัน แต่เมื่อทั้งสองเดินไปก็พบว่าเลือกโรงแรมเดียวกันอีกแล้ว

ตอนนี้บอกไม่ถูกว่าใครชวนใคร ซังหลินจวินก็เดินตามเซินหยูเข้าห้องเขาไป

“ อยากดื่มไวน์สักแก้วไหม?”รอจนเขานั่งลงบนโซฟาแล้วเซินหยูก็ถามด้วยท่าทางที่เป็นมิตร

ไม่เป็นไรซังหลินจวินปฏิเสธ

เมื่อเห็นว่าซังหลินจวินปฏิเสธเซินหยูก็ไม่แปลกใจหลังจากรินให้ตัวเองแก้วหนึ่งก็จิบหนึ่งคำ พลางพาดแขนไปบนโซฟาอย่างสบายใจ ก่อนจะมองไปที่คนที่นั่งอยู่อีกด้าน

“คุณซังมาอิตาลีเพราะเรื่องเดียวกับผมหรือเปล่า?”

ซังหลินจวินไม่ได้ตอบแต่ถามว่า: “ผมไม่รู้ว่าคุณเซินพูดถึงเรื่องอะไร?”

ในฐานะที่เซินหยูเป็นเจ้าภาพเชิญแขกมา เลยอธิบายให้แขกเข้าใจเขาเลยพูดตรงๆ: “เมื่อเร็ว ๆ นี้มีการค้นพบสมบัติที่หายไปเป็นเวลาหลายปีในอิตาลีสำหรับงานนี้ เจ้าของสมบัติตั้งใจจะจัดงานเลี้ยงเนื่องในโอกาสที่ได้สมบัติกลับมาเพราะอย่างนี้ผมเลยมาร่วมงานนี้”

ซังหลินจวินคิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องแบบนี้ สำหรับเรื่องสมบัติไม่ได้สนใจมากนักแต่ก็ยังถามเซินหยู “สมบัตินั่นคุณเซินรู้ไหมว่าคืออะไร?”

เซินหยูส่ายหัว

หลังจากจิบไวน์อีกอึกหนึ่งเขากล่าวว่า “ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าสมบัติที่หายไปนั้นคืออะไร แต่ผมรู้ว่าเจ้าของคือใคร

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ท่านประธานที่รัก 385 จุดประสงค์ของการมาที่นี้

Now you are reading ท่านประธานที่รัก Chapter 385 จุดประสงค์ของการมาที่นี้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เฉินเฉียวไม่เชื่อคำพูดของลูกชาย

หลังจากพูดวันที่จะกลับอย่างชัดเจนแล้ว เธอก็ถามเหมิงเหมิงปรับตัวกับโรงเรียนได้หรือไม่ แล้วก็วางสาย

ด้วยความสงสัยในใจเฉินเฉียวจึงกดโทรศัพท์และโทรหาซังหลินจวินทันที

หลังจากกดโทรแล้วผ่านไปนานก็ยังไม่มีคนรับ เฉินเฉียวยังคงกดโทรต่อไปจนกระทั่งครั้งที่สามถึงมีคนรับ มีเสียงอันไพเราะที่คุ้นเคยจากปลายสายดังขึ้น

“ เฉียวเฉียว มีอะไรหรือเปล่า? เมื่อสักครู่นี้ผมกำลังประชุม ”

อ๋อ งั้นเหรอ? ฉันคิดว่าคุณอยู่ต่างประเทศซะอีก “ประโยคแรกของเฉินเฉียวก็ไปจี้จุดเขา

เสียงของอีกฝ่ายก็เบาลงทันที เหมือนกับว่ามีใครบางคนกำลังคุยกับเขา

ผ่านไปเป็นเวลานานก่อนที่จะตอบกลับด้วยเสียงหัวเราะ: “จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงล่ะ บริษัทยุ่งขนาดนั้นผมจะมีเวลาไปได้ยังไง”

เฉินเฉียวเม้มริมฝีปาก เธอไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่เขาพูดหลังจากได้ยินคำพูดของลูกชายเธอ

จากนั้นก็คุยเรื่อยเปื่อยสองสามประโยค เธอก็เปลี่ยนหัวข้อเป็นเรื่องลูกของฉยงฉยง

“หลินจวิน เมื่อวานคุณไม่ได้เห็น คุณเจียงอุ้มลูกหน้าซีดเชียว ท่าอุ้มลูกแบบนั้นสู้คุณไม่ได้เลย”

ซังหลินจวินไม่คิดว่านี่เป็นคำชม แต่ในใจเขารู้สึกอิจฉาอี้ฝานมากๆที่ได้เห็นหน้าลูกตอนคลอด

ยังไงซะเขากับเฉียวเฉียวก็มีลูกสองคน อีกคนเฉียวเฉียวไม่ได้คลอดเอง ส่วนอีกคนไม่ได้อยู่กับเขา เหมิงเหมิงห่างหายไปหลายปีพอเขาได้พบเหมิงเหมิงก็เดินได้พูดได้แล้ว

ดังนั้นซังหลินจวินอยากเห็นลูกเขากับเฉินเฉียวคลอดกับตา

เมื่อนึกแบบนี้ ใจก็เต้นแรงพลางพูดเบาๆว่า: “เฉียวเฉียว รอคุณกลับมาพวกเรามามีลูกกันอีกสักคนดีไหม?”

ทั้งคู่อายุยังไม่มาก มีลูกอีกสักคนคงจะไม่มีใครว่าอะไร

เฉินเฉียวไม่ให้โอกาสเขาและปฏิเสธตรงๆ: “ไม่ดี คุณไม่ได้เป็นคนคลอดคุณก็พูดได้สิ”

ซังหลินจวินถูกหยุดด้วยประโยคหนึ่ง ไม่รู้ว่าทำไมเฉียวเฉียวโกรธขนาดนี้ เขาคิดว่าคำพูดประโยคนั้นทำให้เธอเคือง เขาเลยรีบพูด: “โอเคๆ ไม่ก็ไม่”

เฉินเฉียวที่นั่งอยู่บนม้าหินเริ่มจะโมโห เธอไม่ใช่ว่าไม่อยากมีลูกเพิ่มกับเขา เธอโกรธที่เขาปิดบังเรื่องในวันนี้

การเปลี่ยนหัวข้อไปที่ลูกของฉยงฉยงเพราะเธออยากให้เตือนเขาเรื่องลูกอ้อมๆ แต่เขากลับไม่สนใจยังจะพูดเรื่องอยากมีลูกเพิ่มอีก

เมื่อระงับความโกรธในใจได้เธอจึงถามอีกครั้ง: “ซังหลินจวิน คุณจะปิดบังฉันจริงๆเหรอ? วันนี้ฉันโทรกลับบ้าน โย่วอีบอกว่าคุณไปต่างประเทศแล้ว ทำไมคุณต้องปิดฉันด้วย”

เฉินเฉียวทั้งโกรธทั้งไม่เข้าใจ

แม้ว่าซังหลินจวินซึ่งกำลังคุยโทรศัพท์อยู่บนถนนที่ไร้คนริมแม่น้ำเวนิส คุณอย่าคิดมากสิบริษัทมีประชุมที่อิตาลีพอดี ผมก็เพิ่งรู้ ”

“อะไรนะ คุณไปอิตาลี”คราวนี้น้ำเสียงของเฉินเฉียวดูตกใจมาก

ตอนแรกเธอคิดว่าหลินจวินไปต่างประเทศนั้นหมายถึงไปอังกฤษ คิดว่าเขาจะแอบมาหาเธอ หรือไม่ก็มาเซอร์ไพรส์เลยไม่ได้บอก

คิดไม่ถึงว่าเธอจะคิดเองเออเองทั้งหมด

หลังจากนั้นไม่นานเฉินเฉียวก็ขมวดคิ้วและพูดว่า: “ไหนๆคุณก็จะไปคุยเรื่องงานที่อิตาลีแล้ว ทำไมไม่บอกฉันคุณท่าทางลับๆล่อๆแบบนี้ทำให้ฉันเข้าใจผิดได้ง่ายๆ เข้าใจไหม

ซังหลินจวินได้ยินความโกรธในคำพูดของเฉียวเฉียวก็รีบพูดด้วยเสียงเบาๆ“ มันเป็นเรื่องงานร่วมทุนที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน ผมก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน”

หลังจากฟังเขาเฉินเฉียวก็ไม่ได้ถามอะไรอีก พอรู้ว่าหลินจวินอยู่อิตาลีแล้วเธอก็ไม่อยากพูดอะไรอีก ถ้าเขารู้เรื่องที่เธอคิดเองเออเองคงจะอายมาก

เฉินเฉียวรู้ว่าหลินจวินมีงานอีกเยอะแยะต้องจัดการ เธอเตือนให้เขาระวังเรื่องสุขภาพและวางสายในที่สุด

พอเดินมาถึงห้องผู้ป่วยเห็นฉยงฉยงกับเจียงอี้ฝานอุ้มลูก สายตาเฉินเฉียวก็ฉายแววอิจฉา

ตอนอยู่ด้วยกันที่บ้าน มักจะละเลยความอบอุ่นอ่อนโยนของคนในบ้าน

แต่หลังจากออกไปแล้ว เฉินเฉียวก็เริ่มคิดถึงความสงบสุขในบ้านทันที

ซังหลินจวินที่เพิ่งวางสายมองไปที่มุมถนนมืดๆที่ทางแยกเห็นชายใส่ชุดสูทสีดำ ร่างของชายคนนั้นดูคุ้นตา

เมื่อชายคนนั้นเข้ามาใกล้มากขึ้นซังหลินจวินก็เตรียมป้องกันตัว เอามือล้วงกระเป๋าที่คาดเอวอยู่

ตอนที่ซังหลินจวินคิดว่าน่าจะเป็นคนของกลุ่มมาเฟีย แสงจันทร์ก็สาดส่องเข้ามาในที่สุดก็มองเห็นใบหน้าของคนคนนั้นอย่างชัดเจน เขาถามด้วยความตะลึง: “คุณเซิน คุณมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง?”

ซังหลินจวินคิดไม่ถึงจริงๆว่าจะเจอคนรู้จักที่อิตาลีแถมยังโผล่มาที่คนรอบๆตัวเขาอย่างต่อเนื่อง

เซินหยูในชุดสีดำเงยหน้าขึ้น หลังจากรู้แล้วว่าคนตรงหน้าคือใคร เขาก็ปรากฎรอยยิ้มบนหน้า:“ช่างบังเอิญจริงๆ เจอกันที่อิตาลีอีกแล้ว”

ณ. ร้านอาหารมาร์ล

ทั้งเซินหยูและซังหลินจวินนั่งอยู่ที่มุมหน้าต่าง

บนโต๊ะมีพาสต้าธรรมดา ๆ และทั้งสองคนที่เพิ่งพบกันได้ไม่นานก็เริ่มรับประทานอาหารด้วยกันในร้าน

ทั้งสองคนเป็นคนที่มีมารยาทที่ดีบนโต๊ะอาหาร เลยไม่ได้คุยกันในตอนนี้

หลังจากรับประทานอาหารแล้วทั้งสองคนก็ออกจากร้านอาหารและเดินไปที่บ้านพักชั่วคราวของพวกเขา

เดิมทีพวกเขาว่าแยกกัน แต่เมื่อทั้งสองเดินไปก็พบว่าเลือกโรงแรมเดียวกันอีกแล้ว

ตอนนี้บอกไม่ถูกว่าใครชวนใคร ซังหลินจวินก็เดินตามเซินหยูเข้าห้องเขาไป

“ อยากดื่มไวน์สักแก้วไหม?”รอจนเขานั่งลงบนโซฟาแล้วเซินหยูก็ถามด้วยท่าทางที่เป็นมิตร

ไม่เป็นไรซังหลินจวินปฏิเสธ

เมื่อเห็นว่าซังหลินจวินปฏิเสธเซินหยูก็ไม่แปลกใจหลังจากรินให้ตัวเองแก้วหนึ่งก็จิบหนึ่งคำ พลางพาดแขนไปบนโซฟาอย่างสบายใจ ก่อนจะมองไปที่คนที่นั่งอยู่อีกด้าน

“คุณซังมาอิตาลีเพราะเรื่องเดียวกับผมหรือเปล่า?”

ซังหลินจวินไม่ได้ตอบแต่ถามว่า: “ผมไม่รู้ว่าคุณเซินพูดถึงเรื่องอะไร?”

ในฐานะที่เซินหยูเป็นเจ้าภาพเชิญแขกมา เลยอธิบายให้แขกเข้าใจเขาเลยพูดตรงๆ: “เมื่อเร็ว ๆ นี้มีการค้นพบสมบัติที่หายไปเป็นเวลาหลายปีในอิตาลีสำหรับงานนี้ เจ้าของสมบัติตั้งใจจะจัดงานเลี้ยงเนื่องในโอกาสที่ได้สมบัติกลับมาเพราะอย่างนี้ผมเลยมาร่วมงานนี้”

ซังหลินจวินคิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องแบบนี้ สำหรับเรื่องสมบัติไม่ได้สนใจมากนักแต่ก็ยังถามเซินหยู “สมบัตินั่นคุณเซินรู้ไหมว่าคืออะไร?”

เซินหยูส่ายหัว

หลังจากจิบไวน์อีกอึกหนึ่งเขากล่าวว่า “ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าสมบัติที่หายไปนั้นคืออะไร แต่ผมรู้ว่าเจ้าของคือใคร

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+