[นิยายแปล(WN)] 魔法少女タイラントシルフ สนวม.ซิลฟ์ 11 คิซายามะ จิซากิ อายุ 14ปี นักเรียนมัธยมต้นธรรมดาๆ

Now you are reading [นิยายแปล(WN)] 魔法少女タイラントシルフ สนวม.ซิลฟ์ Chapter 11 คิซายามะ จิซากิ อายุ 14ปี นักเรียนมัธยมต้นธรรมดาๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1-3 สายพันธุ์ใหม่ ③

 

 ฉัน คิซายามะ จิซากิ อายุ 14 ปี นักเรียนมัธยมต้นธรรมดาๆ ที่สามารถหาได้ทั่วไป แต่ฉันกลับมีความลับหนึ่งอย่างที่แตกต่างจากคนอื่นๆ

 

 

 

 ที่จริงแล้วฉันเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ค่ะ!

 

 

 

 ฉันเป็นสาวน้อยเวทมนตร์เพื่อปกป้องโลกใบนี้จากในเงามืด และเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับจากคนในครอบครัวและเพื่อนๆของฉันค่ะ  

 

 แน่นอนว่ามีบางครั้งเหมือนกันที่เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ฉันจะทำมันให้ดีที่สุดเพื่อปกป้องรอยยิ้มของทุกคนค่ะ!

 

 

 

“อรุณสวัสดิ์ จิซากิ”

 

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”

 

“ช่วงนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ ลูกกังวลเรื่องอะไรอยู่หรือเปล่า”

 

 

 

 คนคนนี้คือพ่อของฉันเองค่ะ เขามักจะทำงานตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงดึกดื่นในทุกๆ วัน และช่วงเวลาเดียวที่เรามีโอกาสได้เจอกันมีแค่ช่วงเวลาในตอนเช้าในวันที่ฉันตื่นเร็วกว่าปกติเพื่อออกไปทำกิจกรรมชมรมเท่านั้นค่ะ

 

 เขาเป็นคนขี้กังวลและเมื่อเราได้มีโอกาสทานอาหารด้วยกัน เขาก็มักจะถามฉันเกี่ยวกับชีวิตภายในโรงเรียนและความสัมพันธ์ของฉันกับเพื่อนๆเสมอค่ะ

 

 

 

“สนุกทุกวันเลยค่ะ”

 

“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี…แต่ถ้าลูกมีปัญหาอะไรบอกพ่อได้นะรู้มั้ย?”

 

“ได้เลยค่ะ ขอบคุณนะคะพ่อ”

 

 

 

 ฉันเจ็บปวดที่ต้องโกหกพ่อที่ทั้งแสนใจดีและรักฉันมาก แต่ช่วยไม่ได้ค่ะเพราะฉันไม่สามารถบอกใครได้นอกจากสาวน้อยเวทมนตร์ด้วยกันเองเกี่ยวกับเรื่องที่ฉันกำลังกังวลอยู่ค่ะ

 

 

 

 ปัญหาหนักใจล่าสุดของฉัน

 

 ฉันอยากเป็นเพื่อนกับสาวน้อยเวทมนตร์คนใหม่ค่ะ

 

 ในคืนนั้น เด็กสาวคนหนึ่งปรากฏตัวอย่างรวดเร็วและจากไปโดยไม่พูดอะไร

 

 เธอเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ในเมืองเดียวกันกับฉัน ดังนั้นฉันจึงอยากรู้จักกับเธอให้มากขึ้นค่ะ

 

 

 

“ชิซากิเป็นเด็กดีจริงๆ อ๋อ จริงสิ เงินค่าขนมพอรึเปล่าลูก?”

 

“นี่พ่อ อย่าทำให้ลูกเสียคนสิคะ”

 

 

 

 แม่ของฉันฟาดเข้าที่กบาลของพ่อของฉันตอนที่เขาพยายามจะพูดเรื่องการเพิ่มค่าขนมด้วยรอยยิ้มค่ะ

 

 เธอทั้งใจเย็นและอ่อนโยน แต่ก็มีบางครั้งที่เข้มงวดกับพ่อของฉันมากแต่พ่อของฉันก็ไม่เคยโกรธเลยแม้กระทั่งตอนที่เขาถูกตีก็ตาม และเขาก็มักจะหัวเราะร่าในขณะที่พูดว่า “โทษที โทษที” ส่วนแม่ของฉันก็จะหัวเราะตอบและบอกว่าแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะเสมอ พ่อกับแม่สนิทกันมากเลยค่ะ!

 

 

 

“ขอบคุณสำหรับอาหารค่ะ หนูไปแล้วนะคะ!”

 

 

 

 ต้องรีบแล้วค่ะไม่งั้นฉันจะสายค่ะ!

 

 ในตอนเช้าฉันทำเวลาได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ดังนั้นฉันมักจะวุ่นวายและไปถึงในนาทีสุดท้ายเสมอค่ะ

 

 

 

“อา จิซากิ โอเน่จัง(พี่สาว) อรุณสวัสดิ์!”

 

“อรุณสวัสดิ์ ริกะจัง!”

 

 

 

 เมื่อฉันออกจากบ้าน ฉันบังเอิญเจอริกะจังซึ่งอาศัยอยู่ข้างบ้านค่ะ

 

 ริกะจังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และเนื่องจากเธอเรียนโรงเรียนเอกชน เธอจึงต้องตื่นแต่เช้าทุกวันเพื่อไปโรงเรียนด้วยรถไฟค่ะ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าโรงเรียนประถมเอกชนเป็นยังไง แต่การตื่นเช้าทุกวันมันคงจะยากมากแน่ๆค่ะ

 

 

 

“พี่กำลังจะสายแล้วดังนั้นคงต้องไปแล้วล่ะ! ดูแลตัวเองด้วยนะ!”

 

“ค่าา!”

 

 

 

 ริกะจังน่ารักมากเมื่อเธอตอบกลับฉันอย่างมีชีวิตชีวา~!

 

 เธอทำให้ฉันเริ่มคิดว่าฉันจะรู้สึกยังไงถ้ามีน้องสาวสักคน? แต่ท้ายที่สุดแล้วเด็กๆ ทุกคนก็ล้วนน่ารักค่ะ และมันยิ่งทำให้ฉันคิดว่าฉันต้องทำให้ดียิ่งขึ้นไปกว่านี้เพื่อปกป้องพวกเขาเหล่านี้ค่ะ

 

 

 

 ฉันวิ่งไปอย่างรวดเร็วและมาถึงทันเวลาพอดิบพอดี แต่เสื้อผ้าของฉันกลับชุ่มไปด้วยเหงื่อของฉันและมันทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายตัวเลยค่ะ  

 

 เพราะแบบนี้แหละฉันถึงได้เกลียดฤดูร้อนค่ะ

 

 

 

“อ้าว จิซากิ วันนี้ก็นาทีสุดท้ายด้วยเหมือนเคยเลยนะ”

 

“อรุณสวัสดิ์ ยูริจัง! อีกนิดเดียวก็เกือบจะไม่ทันแล้วแหละ!”

 

 

 

 ไม่กี่นาทีก่อนการฝึกซ้อมช่วงเช้าจะเริ่มต้นขึ้น ฉันเข้าไปในห้องชมรมและทักทายสมาชิกทุกคนค่ะ และเด็กสาวผมสั้นคนสุดท้ายที่หันมาพูดคุยกับฉันก็คือเพื่อนสนิทของฉันเองค่ะ โซโนฮาระ ยูริจัง  

 

 

 

“ดีมากที่ไม่สายเพราะเธอโดดมาเยอะแล้วนะ”

 

“ฉันไม่เคยโดดสักหน่อย!”  

 

 

 

 ฉันจงใจพองแก้มและทำท่าทางโมโหค่ะ แต่ยูริจังก็ใช้นิ้วของเธอจิ้มแก้มฉันจึงทำให้เกิดเสียงปุ

 

 และเมื่อฉันเริ่มหัวเราะออกมา ยูริจังก็ระเบิดเสียงหัวเราะตามด้วยเช่นเดียวกัน

 

 

 

 ไม่ใช่ว่ายูริจังจริงจังกับเรื่องการโดดซ้อมแต่ว่ามันเป็นเพียงการพูดหยอกล้อกันเล่นๆ ระหว่างฉันกับเธอที่เป็นเพื่อนสนิทกันเท่านั้นค่ะ

 

 

 

“อือ เหนื่อยจัง”

 

“ฮะฮ่าฮ่า วันไหนมีซ้อมตอนเช้าเธอทำท่าเหมือนจะตายตลอดเลยนะ ยังไงก็อรุณสวัสดิ์นะ”  

 

 

 

 หลังจากซ้อมตอนเช้า ฉันก็มานั่งอยู่บนโต๊ะเรียนและพูดคุยกับเด็กสาวคนหนึ่งที่สวมแว่นตาซึ่งนั่งอยู่ด้านหน้าของฉันค่ะ

 

 เด็กสาวคนนี้คือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันและหัวหน้าห้อง ชิรายูกิ มิโฮะจัง! และแม้ว่ามีเวลาไม่มาก ระหว่างการฝึกซ้อมในช่วงเช้ากับเวลาก่อนเริ่มโฮมรูม แต่มิโฮะจังก็มักจะมาแต่เช้าตรู่เพื่อทำหน้าที่ของหัวหน้าห้องเสมอค่ะ! ช่างเป็นคนที่เยี่ยมมากจริงๆค่ะ!

 

 

 

“อรุณสวัสดิ์ หืม? มีอะไรดีๆ เกิดขึ้นเหรอ?”

 

 

 

 มิโฮะจังยิ้มอยู่เสมอ แต่วันนี้ฉันรู้สึกว่าเธอยิ้มมากกว่าปกติ! มันเป็นรอยยิ้ม120%ค่ะ!

 

 

 

“อา เข้าใจสินะ? อันที่จริงมีการจัดเรทอัพกาชาแม่มด SSR ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้วน่ะ แล้วฉันก็เปิดได้ เจ้าหญิงนิทรา ซุมิน : เรจิเรจิ มาแล้ว แบบว่าเธอทั้งน่ารักและแข็งแกร่งเลยล่ะ แต่ถ้าพูดถึงในแง่ของการใช้โจมตีแล้วฉันก็อยากได้ โทโด : เพอร์มาฟรอสต์ ไม่ก็ จูเรียวกุ : เรดบอล เหมือนกันนะแต่ฉันดันใช้หินทั้งหมดที่เก็บไว้หมดแล้วล่ะ และกำลังชั่งใจว่าจะใช้เงินค่าขนมของฉันเติมเข้าไปอีกดีไหม แต่ว่าฉันก็อยากไปกินบุฟเฟ่ต์ขนมหวานที่เพิ่งเปิดใหม่ด้วยเหมือนกันนะ ดังนั้นฉันกำลังคิดหนักเลยล่ะ”

 

“มิโฮะจังชอบสาวน้อยเวทย์มนตร์จริงๆเลยนะ”

 

“มันแน่อยู่แล้วสิ! ก็พวกเธอน่ะทั้งน่ารักแล้วก็แข็งแกร่งเลยนะ! นี่ไม่รู้สึกตื่นเต้นบ้างเหรอ! จิซากิจังเองก็ต้องเข้าใจอย่างแน่นอนถ้าได้เข้าไปเล่น Magical Girl Wars สักครั้ง ฉันคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดีเลยนะที่จะลองเล่นดู แล้วก็ภาพประกอบสาวน้อยเวทมนตร์นั้นน่ารักมาก แต่ของจริงก็น่ารักด้วยเหมือนกัน และระบบเกมก็ไม่เลวเลย”

 

 

 

 ฉันชอบเห็นมิโฮะจังพูดถึงสาวน้อยเวทมนตร์อย่างมีความสุข และฉันก็ชอบสาวน้อยเวทมนตร์ด้วยเหมือนกัน แต่ฉันรู้สึกอายนิดหน่อยที่ต้องเล่นเกมที่มีฉันอยู่ในนั้นค่ะ

 

 

 

 ฉันฟังเรื่องที่มิโฮะจังเล่าจนถึงช่วงเวลาโฮมรูม แล้วจากนั้นชั้นเรียนก็เริ่มขึ้น ต่อด้วยพักกลางวัน ถัดมาก็เข้าชั้นเรียนช่วงบ่าย และก็มาถึงหลังเลิกเรียนในที่สุด

 

 

 

“จิซากิ ไปทำกิจกรรมชมรมกันเถอะ!”

 

“ได้เลย! รอแป๊ปนึงนะ!”

 

 

 

 ยูริจังอยู่คนละห้องและดูเหมือนว่าจะจบโฮมรูมช่วงเลิกเรียนเร็วกว่าห้องของฉันเล็กน้อยค่ะ

 

 ฉันรีบเก็บข้าวของและกำลังจะออกจากห้องเรียน แต่ มากิโฟน ที่ฉันเก็บไว้ในกระเป๋าเริ่มส่งเสียงดังขึ้น

 

 มันเป็นการแจ้งเตือนการปรากฏตัว ดิส สัญญาณเตือนภัยพิเศษที่มีเพียงสาวน้อยเวทมนตร์เท่านั้นที่รับรู้ได้ค่ะ ดังนั้นทุกคนจึงเตรียมตัวกลับบ้านและคุยกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

 

 

 ทุกครั้งที่เห็นฉากแบบนี้มันทำให้ฉันลังเลและรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังจะสูญเสียวันๆนั้นไป แต่สุดท้ายฉันก็ดีใจที่ได้กลายเป็นสาวน้อยเวทมนตร์อยู่ดีค่ะ เพราะคนส่วนใหญ่จะรับรู้ถึงความอันตรายของ ดิส ได้ก็ต่อเมื่อความเสียหายเริ่มเกิดขึ้นแล้วเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ตระหนักถึงอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามาและใช้ชีวิตประจำวันไปอย่างปกติสุข

 

 ฉันต้องการปกป้อง เพื่อนและครอบครัวที่ฉันรักค่ะ แล้วถ้านั่นเป็นทั้งหมดที่ฉันทำได้แล้วล่ะก็!

 

 

 

“ขอโทษนะยูริจัง! ฉันมีธุระด่วนที่ต้องทำน่ะ ดังนั้นวันนี้ฉันเลยไม่สามารถเข้าชมรมได้แล้วน่ะ!”

 

“อา ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้ ไว้เจอกันใหม่นะ!”

 

 

 

 เหมือนอย่างที่แจ็คบอกฉันในตอนที่ฉันเริ่มเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ ทุกการกระทำที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของฉันในฐานะสาวน้อยเวทมนตร์ไม่ถูกสงสัย และผู้คนจะเชื่ออย่างไม่มีเงื่อนไข และจะไม่ถูกโกรธหรือเกลียดอย่างแน่นอน

 

 ฉันไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องดีที่ฉันจะโดดกิจกรรมชมรมที่ฉันเป็นคนสมัครเข้าไปหรอกค่ะ แต่ตอนนี้ฉันจะเก็บความรู้สึกนั้นไว้ก่อน

 

 

 

 สำหรับตอนนี้ มุ่งไปที่การเอาชนะดิสเพียงอย่างเดียว

 

 

 

“พิกัดเทเลพอร์ต: โลกปลอม เมืองซากุระ ส่วน  A”

 

 

 

“จะเตะให้กระเด็นเลย~ “

 

 

 

 การแปลงร่างเสร็จพร้อมกับการเคลื่อนย้าย!

 

 ดิส ที่ถูกแจ้งไว้ในประกาศเป็นคลาสอัศวิน ปกติแล้วฉันสามารถเอาชนะมันด้วยตัวคนเดียวได้ แต่เนื่องจากเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน ฉันจึงคิดว่าเบลดและเพรซก็น่าจะถูกเรียกมาเหมือนกัน

 

 นอกจากนี้ บางทีซิลฟ์จังอาจจะมาด้วยก็ได้ ถ้าเราต่อสู้ร่วมกันก็อาจจะได้คุยกันนิดหน่อยละมั้งนะ?

 

 

 

 ฉันไม่รู้ล่ะ แต่คงต้องหา ดิส ให้เจอก่อนเป็นอย่างแรกค่ะ!

 

 

 

“จงแข็งแกร่งขึ้นเหมือนคชสาร! พาวเวอร์ออฟเอเลเฟ่น!”

 

 

 

 กระโดดสูง!

 

 

 

 เป็นเรื่องยากที่จะหาดิสสีดำในเวลากลางคืนแบบนี้ แต่ฉันคิดว่าฉันสามารถหามันได้อย่างง่ายดายหากมองหาจากด้านบนค่ะ! ฉันนี่ฉลาดจริงๆ!

 

 

 

“เจอแล้ว!”

 

 

 

 และมีคนเริ่มต่อสู้ไปแล้ว!

 

 เร็วเข้า! ฉันต้องรีบแล้ว!

 

 

 

 ในทันทีที่ลงถึงพื้นฉันรีบเร่งพุ่งตัวไปให้เร็วที่สุด!

 

 สาวน้อยเวทมนตร์ไม่เหนื่อยง่ายๆอยู่แล้ว!

 

 มันคงจะง่ายกว่ามากถ้าฉันสามารถฝึกซ้อมช่วงเช้าในร่างสาวน้อยเวทมนตร์ได้

 

 

 

“อย่ามาขวาง!”

 

 

 

 ฉันทะลุกำแพงแล้วมุ่งตรงไปเลย เนื่องจากมันไม่ส่งผลกระทบต่อโลกความเป็นจริง ดังนั้นนี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะรีบเร่งไปให้เร็วที่สุดค่ะ!

 

 

 

 ฉันเห็นสาวน้อยเวทมนตร์ที่ต่อสู้แล้วค่ะ! เธอเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ที่ไม่คุ้นเคยในชุดที่ดูเหมือนชุดที่คนในโบสถ์มักจะสวมใส่ในหนังสือเรียนประวัติศาสตร์ ใช่แล้วเธอคือซิลฟ์จังค่ะ!

 

 

 

 เมื่อพิจารณาถึงความแข็งแกร่งของ ซิลฟ์จัง ที่ได้เห็นเมื่อครั้งก่อนแล้ว คลาสอัศวินตัวนี้ก็น่าจะไม่ใช่ดิสปกติเพราะหากเป็นตัวธรรมดาแล้วละก็การต่อสู้ก็คงจะจบไปเรียบร้อยแล้ว

 

 

 

“ให้ฉันช่วยเธอนะ!”

 

“เกรงใจค่ะ”

 

 

 

 เอ๋!?  

 

 

 

 ถ้าเบลดกับเพรสกำลังต่อสู้อยู่ฉันคิดว่าคงไม่แปลกใจถ้าถูกพูดแบบนั้นใส่ แต่ฉันก็บอกก่อนที่จะเข้าร่วมในขณะที่วิ่งมาตามมารยาทของสาวน้อยเวทมนตร์ที่แจ็คได้สอนแล้ว แต่เธอกลับปฏิเสธฉัน ทำไมกันล่ะ!?

 

 

 

 ร่างกายของฉันยังคงเคลื่อนไหวอยู่เพราะฉันเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะเข้าช่วยก่อนที่ฉันจะได้รับความยินยอมเสียอีก ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะถูกปฏิเสธ ดังนั้นฉันจึงพุ่งตรงดิ่งเข้าใกล้ ดิส ด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี

 

 

 

 ถ้าฉันพยายามหยุดตอนนี้ ฉันจะเสียการทรงตัว และฉันไม่คิดว่าหลังจากนั้นฉันจะสามารถหลบการโจมตีของ ดิส หรือป้องกันได้ทัน

 

 ถ้าหยุดสิ่งที่จะทำไม่ได้ก็ช่วยไม่ได้ เอาไว้ฉันจะขอโทษทีหลังแล้วกัน แต่ตอนนี้ขอให้สู้ด้วยกำลังทั้งหมดที่มีไปก่อน

 

 

 

“ขอโทษนะคะ!!”

 

 

 

 ฉันขอโทษ ซิลฟ์จังในขณะที่ฉันปล่อยหมัดซัดกำปั้นเข้าไปที่ ดิส ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกอริลลา

 

 มันเป็นศัตรูที่ ซิลฟ์จังต่อสู้อย่างยากลำบาก ดังนั้นฉันไม่คิดว่าการโจมตีของฉันมันจะมีประสิทธิภาพมากพอที่จะล้มมันได้ แต่อย่างน้อยก็น่าจะสามารถทำให้ถ่วงเวลาได้นานพอให้ซิลฟ์จังใช้เวทมนตร์อันทรงพลังใส่มันได้ในขณะที่ฉันหยุดมันว…!

 

 

 

“เอ๊ะ?”

 

 

 

 ดิส ที่โดนหมัดของฉันปลิวกระเด็นและสลายหายไป

 

 เอ๊ะ? เอ๊ะ? มันไม่ใช่ดิสที่แข็งแกร่งมากหรอกเหรอ? ถึงแม้ว่าจะเป็นคลาสอัศวินปกติก็ตามมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ฉันจะเอาชนะมันได้ในการโจมตีครั้งเดียว…

 

 

 

 ไม่มีทาง!

 

   อย่าบอกนะว่า!

 

 

“จู่ๆ ฉันก็แข็งแกร่งขึ้นน่ะ!?”

 

“ไม่ใช่อย่างแน่นอน รัน!”

 

 

 

 คำลงท้ายที่มีเอกลักษณ์แปลกประหลาดแบบนี้!

 

 

 

“แจ็ค!”

 

“เอเลเฟ่น เมื่อกี้เป็นอะไรที่เสียมารยาทมากเลย รัน! ผมไม่คิดว่าเธอจะมีเจตนาแบบนั้นนะ รัน! แต่ผลที่ได้ก็เหมือนเป็นการโจมตีแย่งดิสที่ ไทแรนด์ ซิลฟ์ ทำให้มันอ่อนแอลงแล้วเลยนะ รัน!”

 

“อุก..ขอโทษค่ะ”

 

 

 

 อย่างนี้เองสินะ ซิลฟ์จังทำให้มันอ่อนแอลงแล้วนี่เอง มิน่าล่ะมันถึงได้ตายในการโจมตีครั้งเดียว ได้ แล้วแจ็คก็พูดถูกแบบนี้ก็เหมือนกับว่าฉันไปขโมยส่วนที่ดีที่สุดไป

 

 พอรู้ตัวอีกที ซิลฟ์จังก็เข้ามาใกล้ฉันแล้วล่ะ แล้วเธอก็มีสีหน้าที่บูดบึ้งและดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ค่อยดี…

 

 

 

 จะว่าไปซิลฟ์จังตอนที่ไม่พอใจก็ดูน่ารักดีเหมือนกันนะ

 

 

 

“ฉันขอโทษจริงๆนะ ซิลฟ์จัง ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะขโมยมันไปเลยนะเพียงแค่ต้องการที่จะช่วยแล้วก็หยุดไม่ได้ก็เลย..”

 

“…”

 

 

 

 อูววว ฉันคิดว่าฉันน่าจะเป็นเพื่อนกับ ซิลฟ์จังได้ แต่ฉันกำลังทำอะไรอยู่!? ฉันสงสัยจังว่าคำแก้ตัวแบบนี้ทำให้ฉันโกรธมากขึ้นโดยไม่จำเป็นหรือเปล่านะ… ฉันรู้สึกเหมือนกำลังถูกเธอจ้องเลย…

 

 คิดดูสิ ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเลยด้วยซ้ำ! ฉันเป็นฝ่ายเดียวที่รู้จักเธอค่ะ และซิลฟ์จังยังไม่รู้จักฉันสินะคะ

 

 

 

“ฉันคือสาวน้อยเวทมนตร์ เอเลเฟ่น เป็นสาวน้อยเวทมนตร์ประจำเมืองนี้..”

 

“…”

 

 

 

 อูว ว่าแล้วเชียวโกรธอยู่รึเปล่านะ…?

 

 

 

 เอาล่ะ! คิดอะไรดีๆ ออกแล้วค่ะ!

 

 

 

“เพื่อเป็นการขอโทษ ได้โปรดให้ฉันได้เลี้ยงอาหารเธอสักมื้อในโลกเวทมนตร์นะ บังเอิญว่าฉันรู้จักร้านอาหารอร่อยๆอยู่บ้าง แล้วก็ฉันยังไม่ได้ขอบคุณที่ช่วยชีวิตฉันเมื่อวันก่อนเลย!”

 

 

 

 ฉันไม่ได้ไปโลกแห่งเวทมนต์บ่อยนัก ฉันเลยไม่รู้ว่าร้านกาแฟนั้นอยู่ในระดับไหนในโลกเวทมนตร์ แต่ที่แน่ๆ คือมันอร่อยมาก ดังนั้นน่าจะไม่มีปัญหาค่ะ!

 

 

 

“…ไม่ต้องใส่ใจหรอกค่ะ แค่บอกข้อมูลเกี่ยวกับร้านมา แล้วจากนี้ก็ได้โปรดอย่ามายุ่งกับฉันอีกค่ะ”

 

“วากุ!”

 

 

 

 เดี๋ยวๆๆ

 

 เด็กคนนี้……

 

 เสียงน่ารักจัง! ก่อนหน้านี้ฉันไม่ทันสังเกตเรื่องนี้เพราะฉันจดจ่อกับการต่อสู้มากเกินไป แต่เสียงของเธอมันทั้งอ่อนหวานแล้วก็ดูขี้เกียจไปพร้อมๆ กันแถมด้วยวิธีการพูดนั่นอีก นี่เธอไปจำวิธีพูดแบบนี้มาจากไหนกันนะ เธอที่พยายามพูดในแบบของผู้ใหญ่นั้นน่ารักมากเลย! และดูเหมือนอยู่ชั้นประถมต้นเลยด้วย แต่เธอก็ทั้งแข็งแกร่งและน่ารัก! ตรงส่วนที่สนใจของอร่อยนั่นก็น่ารัก! ไม่สิถึงเธอจะไม่ได้พูดออกมาก็น่ารัก! แต่พอรวมกับเสียงของเธอแล้วความน่ารักก็จะเพิ่มเป็นเท่าตัวเลย!

 

 

 

 เธอน่ารักมากจนฉันอดไม่ได้ที่จะทำเสียงแปลกๆ พร้อมกับเอามือกุมหน้าอก!

 

 

 

“เอ๊ะ เอ๊ะ เดี๋ยวสิคะ เป็นอะไรไปเหรอคะ? ไหวไหมคะ?”  

 

 

 

 อาาาาาา ทั้งที่เมื่อกี้เพิ่งพูดออกมาว่าอย่ายุ่งกับฉันอีกแท้ๆ แต่ช่างใจดีเกินเบอร์อะไรอย่างนี้นะ ยังอุส่าที่จะเป็นห่วงฉันคนนี้ด้วยค่ะ!

 

 ว่าแล้วเชียวเธอเป็นทั้งเด็กสาวที่ใจดีและอ่อนโยน ต้องมีเหตุผลบางอย่างสินะถึงทำให้เธอต้องพยายามกีดกันตัวเองออกห่างจากคนอื่นๆ

 

 

 

 ฉันอยากจะปกป้องเธอจัง ไม่สิ..ฉันจะต้องปกป้องเธอต่างหากล่ะ!

 

 

 

“ซิลฟ์จัง! ฉันจะบอกเธอเกี่ยวกับร้านที่ว่ามานะเพราะงั้นช่วยบอกข้อมูลติดต่อของ มากิโฟน ให้ฉันด้วยสิ”

 

“เอ…แค่บอกชื่อร้านให้ฉันฟังก็พอแล้วค่ะ”

 

“มันเป็นภาษาต่างประเทศที่ยากน่ะสิแล้วฉันก็ออกเสียงไม่ได้ด้วย ดังนั้นฉันจะส่ง URL ของร้านให้ผ่าน มากิโฟน นะ”

 

“งะ..งั้น ไม่เอาก็ได้ค่ะ ฉันจะกลับแล้วค่ะ”

 

“เดี๋ยว!”

 

 

 

 ฉันรีบคว้าแขนของซิลฟ์จังและรั้งเธอไว้

 

 

“ฉันอยากเป็นเพื่อนกับซิลฟ์จังเลยนะ”

 

 

และนั่นคือทั้งหมดที่ฉันอยากจะพูดออกมา

 

 

 ฉันมองตรงไปที่ดวงตาของซิลฟ์จังและขอร้องอย่างจริงจัง

 

 อย่างไรก็ตาม ซิลฟ์จังสลัดมือฉันออกด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

 

 

 

“กะ เกรงใจค่ะ อย่างที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ ได้โปรดอย่ายุ่งกับฉันอีกเลยค่ะ”

 

 

 

 อ่า! ซิลฟ์จังได้เทเลพอร์ตกลับไปแล้ว

 

 อืม เธอคงไม่ได้ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนอื่นขนาดนั้นหรอกมั้ง? หรือบางทีเธออาจจะแค่ไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับสาวน้อยเวทมนตร์คนอื่นรึเปล่า?

 

 

 

 แต่ว่าจะปล่อยเธอเอาไว้แบบนี้ไม่ได้หรอกนะคะ!

 

 ฉันมั่นใจว่าที่ซิลฟ์จังทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะว่าเธอชอบที่จะตีตัวออกห่างคนอื่นหรอกค่ะ ดังนั้นคงจะดีนะถ้าฉันสามารถช่วยอะไรได้บ้าง…

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล(WN)] 魔法少女タイラントシルフ สนวม.ซิลฟ์ 11 คิซายามะ จิซากิ อายุ 14ปี นักเรียนมัธยมต้นธรรมดาๆ

Now you are reading [นิยายแปล(WN)] 魔法少女タイラントシルフ สนวม.ซิลฟ์ Chapter 11 คิซายามะ จิซากิ อายุ 14ปี นักเรียนมัธยมต้นธรรมดาๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1-3 สายพันธุ์ใหม่ ③

 

 ฉัน คิซายามะ จิซากิ อายุ 14 ปี นักเรียนมัธยมต้นธรรมดาๆ ที่สามารถหาได้ทั่วไป แต่ฉันกลับมีความลับหนึ่งอย่างที่แตกต่างจากคนอื่นๆ

 

 

 

 ที่จริงแล้วฉันเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ค่ะ!

 

 

 

 ฉันเป็นสาวน้อยเวทมนตร์เพื่อปกป้องโลกใบนี้จากในเงามืด และเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับจากคนในครอบครัวและเพื่อนๆของฉันค่ะ  

 

 แน่นอนว่ามีบางครั้งเหมือนกันที่เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ฉันจะทำมันให้ดีที่สุดเพื่อปกป้องรอยยิ้มของทุกคนค่ะ!

 

 

 

“อรุณสวัสดิ์ จิซากิ”

 

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”

 

“ช่วงนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ ลูกกังวลเรื่องอะไรอยู่หรือเปล่า”

 

 

 

 คนคนนี้คือพ่อของฉันเองค่ะ เขามักจะทำงานตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงดึกดื่นในทุกๆ วัน และช่วงเวลาเดียวที่เรามีโอกาสได้เจอกันมีแค่ช่วงเวลาในตอนเช้าในวันที่ฉันตื่นเร็วกว่าปกติเพื่อออกไปทำกิจกรรมชมรมเท่านั้นค่ะ

 

 เขาเป็นคนขี้กังวลและเมื่อเราได้มีโอกาสทานอาหารด้วยกัน เขาก็มักจะถามฉันเกี่ยวกับชีวิตภายในโรงเรียนและความสัมพันธ์ของฉันกับเพื่อนๆเสมอค่ะ

 

 

 

“สนุกทุกวันเลยค่ะ”

 

“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี…แต่ถ้าลูกมีปัญหาอะไรบอกพ่อได้นะรู้มั้ย?”

 

“ได้เลยค่ะ ขอบคุณนะคะพ่อ”

 

 

 

 ฉันเจ็บปวดที่ต้องโกหกพ่อที่ทั้งแสนใจดีและรักฉันมาก แต่ช่วยไม่ได้ค่ะเพราะฉันไม่สามารถบอกใครได้นอกจากสาวน้อยเวทมนตร์ด้วยกันเองเกี่ยวกับเรื่องที่ฉันกำลังกังวลอยู่ค่ะ

 

 

 

 ปัญหาหนักใจล่าสุดของฉัน

 

 ฉันอยากเป็นเพื่อนกับสาวน้อยเวทมนตร์คนใหม่ค่ะ

 

 ในคืนนั้น เด็กสาวคนหนึ่งปรากฏตัวอย่างรวดเร็วและจากไปโดยไม่พูดอะไร

 

 เธอเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ในเมืองเดียวกันกับฉัน ดังนั้นฉันจึงอยากรู้จักกับเธอให้มากขึ้นค่ะ

 

 

 

“ชิซากิเป็นเด็กดีจริงๆ อ๋อ จริงสิ เงินค่าขนมพอรึเปล่าลูก?”

 

“นี่พ่อ อย่าทำให้ลูกเสียคนสิคะ”

 

 

 

 แม่ของฉันฟาดเข้าที่กบาลของพ่อของฉันตอนที่เขาพยายามจะพูดเรื่องการเพิ่มค่าขนมด้วยรอยยิ้มค่ะ

 

 เธอทั้งใจเย็นและอ่อนโยน แต่ก็มีบางครั้งที่เข้มงวดกับพ่อของฉันมากแต่พ่อของฉันก็ไม่เคยโกรธเลยแม้กระทั่งตอนที่เขาถูกตีก็ตาม และเขาก็มักจะหัวเราะร่าในขณะที่พูดว่า “โทษที โทษที” ส่วนแม่ของฉันก็จะหัวเราะตอบและบอกว่าแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะเสมอ พ่อกับแม่สนิทกันมากเลยค่ะ!

 

 

 

“ขอบคุณสำหรับอาหารค่ะ หนูไปแล้วนะคะ!”

 

 

 

 ต้องรีบแล้วค่ะไม่งั้นฉันจะสายค่ะ!

 

 ในตอนเช้าฉันทำเวลาได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ดังนั้นฉันมักจะวุ่นวายและไปถึงในนาทีสุดท้ายเสมอค่ะ

 

 

 

“อา จิซากิ โอเน่จัง(พี่สาว) อรุณสวัสดิ์!”

 

“อรุณสวัสดิ์ ริกะจัง!”

 

 

 

 เมื่อฉันออกจากบ้าน ฉันบังเอิญเจอริกะจังซึ่งอาศัยอยู่ข้างบ้านค่ะ

 

 ริกะจังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และเนื่องจากเธอเรียนโรงเรียนเอกชน เธอจึงต้องตื่นแต่เช้าทุกวันเพื่อไปโรงเรียนด้วยรถไฟค่ะ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าโรงเรียนประถมเอกชนเป็นยังไง แต่การตื่นเช้าทุกวันมันคงจะยากมากแน่ๆค่ะ

 

 

 

“พี่กำลังจะสายแล้วดังนั้นคงต้องไปแล้วล่ะ! ดูแลตัวเองด้วยนะ!”

 

“ค่าา!”

 

 

 

 ริกะจังน่ารักมากเมื่อเธอตอบกลับฉันอย่างมีชีวิตชีวา~!

 

 เธอทำให้ฉันเริ่มคิดว่าฉันจะรู้สึกยังไงถ้ามีน้องสาวสักคน? แต่ท้ายที่สุดแล้วเด็กๆ ทุกคนก็ล้วนน่ารักค่ะ และมันยิ่งทำให้ฉันคิดว่าฉันต้องทำให้ดียิ่งขึ้นไปกว่านี้เพื่อปกป้องพวกเขาเหล่านี้ค่ะ

 

 

 

 ฉันวิ่งไปอย่างรวดเร็วและมาถึงทันเวลาพอดิบพอดี แต่เสื้อผ้าของฉันกลับชุ่มไปด้วยเหงื่อของฉันและมันทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายตัวเลยค่ะ  

 

 เพราะแบบนี้แหละฉันถึงได้เกลียดฤดูร้อนค่ะ

 

 

 

“อ้าว จิซากิ วันนี้ก็นาทีสุดท้ายด้วยเหมือนเคยเลยนะ”

 

“อรุณสวัสดิ์ ยูริจัง! อีกนิดเดียวก็เกือบจะไม่ทันแล้วแหละ!”

 

 

 

 ไม่กี่นาทีก่อนการฝึกซ้อมช่วงเช้าจะเริ่มต้นขึ้น ฉันเข้าไปในห้องชมรมและทักทายสมาชิกทุกคนค่ะ และเด็กสาวผมสั้นคนสุดท้ายที่หันมาพูดคุยกับฉันก็คือเพื่อนสนิทของฉันเองค่ะ โซโนฮาระ ยูริจัง  

 

 

 

“ดีมากที่ไม่สายเพราะเธอโดดมาเยอะแล้วนะ”

 

“ฉันไม่เคยโดดสักหน่อย!”  

 

 

 

 ฉันจงใจพองแก้มและทำท่าทางโมโหค่ะ แต่ยูริจังก็ใช้นิ้วของเธอจิ้มแก้มฉันจึงทำให้เกิดเสียงปุ

 

 และเมื่อฉันเริ่มหัวเราะออกมา ยูริจังก็ระเบิดเสียงหัวเราะตามด้วยเช่นเดียวกัน

 

 

 

 ไม่ใช่ว่ายูริจังจริงจังกับเรื่องการโดดซ้อมแต่ว่ามันเป็นเพียงการพูดหยอกล้อกันเล่นๆ ระหว่างฉันกับเธอที่เป็นเพื่อนสนิทกันเท่านั้นค่ะ

 

 

 

“อือ เหนื่อยจัง”

 

“ฮะฮ่าฮ่า วันไหนมีซ้อมตอนเช้าเธอทำท่าเหมือนจะตายตลอดเลยนะ ยังไงก็อรุณสวัสดิ์นะ”  

 

 

 

 หลังจากซ้อมตอนเช้า ฉันก็มานั่งอยู่บนโต๊ะเรียนและพูดคุยกับเด็กสาวคนหนึ่งที่สวมแว่นตาซึ่งนั่งอยู่ด้านหน้าของฉันค่ะ

 

 เด็กสาวคนนี้คือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันและหัวหน้าห้อง ชิรายูกิ มิโฮะจัง! และแม้ว่ามีเวลาไม่มาก ระหว่างการฝึกซ้อมในช่วงเช้ากับเวลาก่อนเริ่มโฮมรูม แต่มิโฮะจังก็มักจะมาแต่เช้าตรู่เพื่อทำหน้าที่ของหัวหน้าห้องเสมอค่ะ! ช่างเป็นคนที่เยี่ยมมากจริงๆค่ะ!

 

 

 

“อรุณสวัสดิ์ หืม? มีอะไรดีๆ เกิดขึ้นเหรอ?”

 

 

 

 มิโฮะจังยิ้มอยู่เสมอ แต่วันนี้ฉันรู้สึกว่าเธอยิ้มมากกว่าปกติ! มันเป็นรอยยิ้ม120%ค่ะ!

 

 

 

“อา เข้าใจสินะ? อันที่จริงมีการจัดเรทอัพกาชาแม่มด SSR ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้วน่ะ แล้วฉันก็เปิดได้ เจ้าหญิงนิทรา ซุมิน : เรจิเรจิ มาแล้ว แบบว่าเธอทั้งน่ารักและแข็งแกร่งเลยล่ะ แต่ถ้าพูดถึงในแง่ของการใช้โจมตีแล้วฉันก็อยากได้ โทโด : เพอร์มาฟรอสต์ ไม่ก็ จูเรียวกุ : เรดบอล เหมือนกันนะแต่ฉันดันใช้หินทั้งหมดที่เก็บไว้หมดแล้วล่ะ และกำลังชั่งใจว่าจะใช้เงินค่าขนมของฉันเติมเข้าไปอีกดีไหม แต่ว่าฉันก็อยากไปกินบุฟเฟ่ต์ขนมหวานที่เพิ่งเปิดใหม่ด้วยเหมือนกันนะ ดังนั้นฉันกำลังคิดหนักเลยล่ะ”

 

“มิโฮะจังชอบสาวน้อยเวทย์มนตร์จริงๆเลยนะ”

 

“มันแน่อยู่แล้วสิ! ก็พวกเธอน่ะทั้งน่ารักแล้วก็แข็งแกร่งเลยนะ! นี่ไม่รู้สึกตื่นเต้นบ้างเหรอ! จิซากิจังเองก็ต้องเข้าใจอย่างแน่นอนถ้าได้เข้าไปเล่น Magical Girl Wars สักครั้ง ฉันคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดีเลยนะที่จะลองเล่นดู แล้วก็ภาพประกอบสาวน้อยเวทมนตร์นั้นน่ารักมาก แต่ของจริงก็น่ารักด้วยเหมือนกัน และระบบเกมก็ไม่เลวเลย”

 

 

 

 ฉันชอบเห็นมิโฮะจังพูดถึงสาวน้อยเวทมนตร์อย่างมีความสุข และฉันก็ชอบสาวน้อยเวทมนตร์ด้วยเหมือนกัน แต่ฉันรู้สึกอายนิดหน่อยที่ต้องเล่นเกมที่มีฉันอยู่ในนั้นค่ะ

 

 

 

 ฉันฟังเรื่องที่มิโฮะจังเล่าจนถึงช่วงเวลาโฮมรูม แล้วจากนั้นชั้นเรียนก็เริ่มขึ้น ต่อด้วยพักกลางวัน ถัดมาก็เข้าชั้นเรียนช่วงบ่าย และก็มาถึงหลังเลิกเรียนในที่สุด

 

 

 

“จิซากิ ไปทำกิจกรรมชมรมกันเถอะ!”

 

“ได้เลย! รอแป๊ปนึงนะ!”

 

 

 

 ยูริจังอยู่คนละห้องและดูเหมือนว่าจะจบโฮมรูมช่วงเลิกเรียนเร็วกว่าห้องของฉันเล็กน้อยค่ะ

 

 ฉันรีบเก็บข้าวของและกำลังจะออกจากห้องเรียน แต่ มากิโฟน ที่ฉันเก็บไว้ในกระเป๋าเริ่มส่งเสียงดังขึ้น

 

 มันเป็นการแจ้งเตือนการปรากฏตัว ดิส สัญญาณเตือนภัยพิเศษที่มีเพียงสาวน้อยเวทมนตร์เท่านั้นที่รับรู้ได้ค่ะ ดังนั้นทุกคนจึงเตรียมตัวกลับบ้านและคุยกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

 

 

 ทุกครั้งที่เห็นฉากแบบนี้มันทำให้ฉันลังเลและรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังจะสูญเสียวันๆนั้นไป แต่สุดท้ายฉันก็ดีใจที่ได้กลายเป็นสาวน้อยเวทมนตร์อยู่ดีค่ะ เพราะคนส่วนใหญ่จะรับรู้ถึงความอันตรายของ ดิส ได้ก็ต่อเมื่อความเสียหายเริ่มเกิดขึ้นแล้วเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ตระหนักถึงอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามาและใช้ชีวิตประจำวันไปอย่างปกติสุข

 

 ฉันต้องการปกป้อง เพื่อนและครอบครัวที่ฉันรักค่ะ แล้วถ้านั่นเป็นทั้งหมดที่ฉันทำได้แล้วล่ะก็!

 

 

 

“ขอโทษนะยูริจัง! ฉันมีธุระด่วนที่ต้องทำน่ะ ดังนั้นวันนี้ฉันเลยไม่สามารถเข้าชมรมได้แล้วน่ะ!”

 

“อา ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้ ไว้เจอกันใหม่นะ!”

 

 

 

 เหมือนอย่างที่แจ็คบอกฉันในตอนที่ฉันเริ่มเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ ทุกการกระทำที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของฉันในฐานะสาวน้อยเวทมนตร์ไม่ถูกสงสัย และผู้คนจะเชื่ออย่างไม่มีเงื่อนไข และจะไม่ถูกโกรธหรือเกลียดอย่างแน่นอน

 

 ฉันไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องดีที่ฉันจะโดดกิจกรรมชมรมที่ฉันเป็นคนสมัครเข้าไปหรอกค่ะ แต่ตอนนี้ฉันจะเก็บความรู้สึกนั้นไว้ก่อน

 

 

 

 สำหรับตอนนี้ มุ่งไปที่การเอาชนะดิสเพียงอย่างเดียว

 

 

 

“พิกัดเทเลพอร์ต: โลกปลอม เมืองซากุระ ส่วน  A”

 

 

 

“จะเตะให้กระเด็นเลย~ “

 

 

 

 การแปลงร่างเสร็จพร้อมกับการเคลื่อนย้าย!

 

 ดิส ที่ถูกแจ้งไว้ในประกาศเป็นคลาสอัศวิน ปกติแล้วฉันสามารถเอาชนะมันด้วยตัวคนเดียวได้ แต่เนื่องจากเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน ฉันจึงคิดว่าเบลดและเพรซก็น่าจะถูกเรียกมาเหมือนกัน

 

 นอกจากนี้ บางทีซิลฟ์จังอาจจะมาด้วยก็ได้ ถ้าเราต่อสู้ร่วมกันก็อาจจะได้คุยกันนิดหน่อยละมั้งนะ?

 

 

 

 ฉันไม่รู้ล่ะ แต่คงต้องหา ดิส ให้เจอก่อนเป็นอย่างแรกค่ะ!

 

 

 

“จงแข็งแกร่งขึ้นเหมือนคชสาร! พาวเวอร์ออฟเอเลเฟ่น!”

 

 

 

 กระโดดสูง!

 

 

 

 เป็นเรื่องยากที่จะหาดิสสีดำในเวลากลางคืนแบบนี้ แต่ฉันคิดว่าฉันสามารถหามันได้อย่างง่ายดายหากมองหาจากด้านบนค่ะ! ฉันนี่ฉลาดจริงๆ!

 

 

 

“เจอแล้ว!”

 

 

 

 และมีคนเริ่มต่อสู้ไปแล้ว!

 

 เร็วเข้า! ฉันต้องรีบแล้ว!

 

 

 

 ในทันทีที่ลงถึงพื้นฉันรีบเร่งพุ่งตัวไปให้เร็วที่สุด!

 

 สาวน้อยเวทมนตร์ไม่เหนื่อยง่ายๆอยู่แล้ว!

 

 มันคงจะง่ายกว่ามากถ้าฉันสามารถฝึกซ้อมช่วงเช้าในร่างสาวน้อยเวทมนตร์ได้

 

 

 

“อย่ามาขวาง!”

 

 

 

 ฉันทะลุกำแพงแล้วมุ่งตรงไปเลย เนื่องจากมันไม่ส่งผลกระทบต่อโลกความเป็นจริง ดังนั้นนี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะรีบเร่งไปให้เร็วที่สุดค่ะ!

 

 

 

 ฉันเห็นสาวน้อยเวทมนตร์ที่ต่อสู้แล้วค่ะ! เธอเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ที่ไม่คุ้นเคยในชุดที่ดูเหมือนชุดที่คนในโบสถ์มักจะสวมใส่ในหนังสือเรียนประวัติศาสตร์ ใช่แล้วเธอคือซิลฟ์จังค่ะ!

 

 

 

 เมื่อพิจารณาถึงความแข็งแกร่งของ ซิลฟ์จัง ที่ได้เห็นเมื่อครั้งก่อนแล้ว คลาสอัศวินตัวนี้ก็น่าจะไม่ใช่ดิสปกติเพราะหากเป็นตัวธรรมดาแล้วละก็การต่อสู้ก็คงจะจบไปเรียบร้อยแล้ว

 

 

 

“ให้ฉันช่วยเธอนะ!”

 

“เกรงใจค่ะ”

 

 

 

 เอ๋!?  

 

 

 

 ถ้าเบลดกับเพรสกำลังต่อสู้อยู่ฉันคิดว่าคงไม่แปลกใจถ้าถูกพูดแบบนั้นใส่ แต่ฉันก็บอกก่อนที่จะเข้าร่วมในขณะที่วิ่งมาตามมารยาทของสาวน้อยเวทมนตร์ที่แจ็คได้สอนแล้ว แต่เธอกลับปฏิเสธฉัน ทำไมกันล่ะ!?

 

 

 

 ร่างกายของฉันยังคงเคลื่อนไหวอยู่เพราะฉันเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะเข้าช่วยก่อนที่ฉันจะได้รับความยินยอมเสียอีก ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะถูกปฏิเสธ ดังนั้นฉันจึงพุ่งตรงดิ่งเข้าใกล้ ดิส ด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี

 

 

 

 ถ้าฉันพยายามหยุดตอนนี้ ฉันจะเสียการทรงตัว และฉันไม่คิดว่าหลังจากนั้นฉันจะสามารถหลบการโจมตีของ ดิส หรือป้องกันได้ทัน

 

 ถ้าหยุดสิ่งที่จะทำไม่ได้ก็ช่วยไม่ได้ เอาไว้ฉันจะขอโทษทีหลังแล้วกัน แต่ตอนนี้ขอให้สู้ด้วยกำลังทั้งหมดที่มีไปก่อน

 

 

 

“ขอโทษนะคะ!!”

 

 

 

 ฉันขอโทษ ซิลฟ์จังในขณะที่ฉันปล่อยหมัดซัดกำปั้นเข้าไปที่ ดิส ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกอริลลา

 

 มันเป็นศัตรูที่ ซิลฟ์จังต่อสู้อย่างยากลำบาก ดังนั้นฉันไม่คิดว่าการโจมตีของฉันมันจะมีประสิทธิภาพมากพอที่จะล้มมันได้ แต่อย่างน้อยก็น่าจะสามารถทำให้ถ่วงเวลาได้นานพอให้ซิลฟ์จังใช้เวทมนตร์อันทรงพลังใส่มันได้ในขณะที่ฉันหยุดมันว…!

 

 

 

“เอ๊ะ?”

 

 

 

 ดิส ที่โดนหมัดของฉันปลิวกระเด็นและสลายหายไป

 

 เอ๊ะ? เอ๊ะ? มันไม่ใช่ดิสที่แข็งแกร่งมากหรอกเหรอ? ถึงแม้ว่าจะเป็นคลาสอัศวินปกติก็ตามมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ฉันจะเอาชนะมันได้ในการโจมตีครั้งเดียว…

 

 

 

 ไม่มีทาง!

 

   อย่าบอกนะว่า!

 

 

“จู่ๆ ฉันก็แข็งแกร่งขึ้นน่ะ!?”

 

“ไม่ใช่อย่างแน่นอน รัน!”

 

 

 

 คำลงท้ายที่มีเอกลักษณ์แปลกประหลาดแบบนี้!

 

 

 

“แจ็ค!”

 

“เอเลเฟ่น เมื่อกี้เป็นอะไรที่เสียมารยาทมากเลย รัน! ผมไม่คิดว่าเธอจะมีเจตนาแบบนั้นนะ รัน! แต่ผลที่ได้ก็เหมือนเป็นการโจมตีแย่งดิสที่ ไทแรนด์ ซิลฟ์ ทำให้มันอ่อนแอลงแล้วเลยนะ รัน!”

 

“อุก..ขอโทษค่ะ”

 

 

 

 อย่างนี้เองสินะ ซิลฟ์จังทำให้มันอ่อนแอลงแล้วนี่เอง มิน่าล่ะมันถึงได้ตายในการโจมตีครั้งเดียว ได้ แล้วแจ็คก็พูดถูกแบบนี้ก็เหมือนกับว่าฉันไปขโมยส่วนที่ดีที่สุดไป

 

 พอรู้ตัวอีกที ซิลฟ์จังก็เข้ามาใกล้ฉันแล้วล่ะ แล้วเธอก็มีสีหน้าที่บูดบึ้งและดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ค่อยดี…

 

 

 

 จะว่าไปซิลฟ์จังตอนที่ไม่พอใจก็ดูน่ารักดีเหมือนกันนะ

 

 

 

“ฉันขอโทษจริงๆนะ ซิลฟ์จัง ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะขโมยมันไปเลยนะเพียงแค่ต้องการที่จะช่วยแล้วก็หยุดไม่ได้ก็เลย..”

 

“…”

 

 

 

 อูววว ฉันคิดว่าฉันน่าจะเป็นเพื่อนกับ ซิลฟ์จังได้ แต่ฉันกำลังทำอะไรอยู่!? ฉันสงสัยจังว่าคำแก้ตัวแบบนี้ทำให้ฉันโกรธมากขึ้นโดยไม่จำเป็นหรือเปล่านะ… ฉันรู้สึกเหมือนกำลังถูกเธอจ้องเลย…

 

 คิดดูสิ ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเลยด้วยซ้ำ! ฉันเป็นฝ่ายเดียวที่รู้จักเธอค่ะ และซิลฟ์จังยังไม่รู้จักฉันสินะคะ

 

 

 

“ฉันคือสาวน้อยเวทมนตร์ เอเลเฟ่น เป็นสาวน้อยเวทมนตร์ประจำเมืองนี้..”

 

“…”

 

 

 

 อูว ว่าแล้วเชียวโกรธอยู่รึเปล่านะ…?

 

 

 

 เอาล่ะ! คิดอะไรดีๆ ออกแล้วค่ะ!

 

 

 

“เพื่อเป็นการขอโทษ ได้โปรดให้ฉันได้เลี้ยงอาหารเธอสักมื้อในโลกเวทมนตร์นะ บังเอิญว่าฉันรู้จักร้านอาหารอร่อยๆอยู่บ้าง แล้วก็ฉันยังไม่ได้ขอบคุณที่ช่วยชีวิตฉันเมื่อวันก่อนเลย!”

 

 

 

 ฉันไม่ได้ไปโลกแห่งเวทมนต์บ่อยนัก ฉันเลยไม่รู้ว่าร้านกาแฟนั้นอยู่ในระดับไหนในโลกเวทมนตร์ แต่ที่แน่ๆ คือมันอร่อยมาก ดังนั้นน่าจะไม่มีปัญหาค่ะ!

 

 

 

“…ไม่ต้องใส่ใจหรอกค่ะ แค่บอกข้อมูลเกี่ยวกับร้านมา แล้วจากนี้ก็ได้โปรดอย่ามายุ่งกับฉันอีกค่ะ”

 

“วากุ!”

 

 

 

 เดี๋ยวๆๆ

 

 เด็กคนนี้……

 

 เสียงน่ารักจัง! ก่อนหน้านี้ฉันไม่ทันสังเกตเรื่องนี้เพราะฉันจดจ่อกับการต่อสู้มากเกินไป แต่เสียงของเธอมันทั้งอ่อนหวานแล้วก็ดูขี้เกียจไปพร้อมๆ กันแถมด้วยวิธีการพูดนั่นอีก นี่เธอไปจำวิธีพูดแบบนี้มาจากไหนกันนะ เธอที่พยายามพูดในแบบของผู้ใหญ่นั้นน่ารักมากเลย! และดูเหมือนอยู่ชั้นประถมต้นเลยด้วย แต่เธอก็ทั้งแข็งแกร่งและน่ารัก! ตรงส่วนที่สนใจของอร่อยนั่นก็น่ารัก! ไม่สิถึงเธอจะไม่ได้พูดออกมาก็น่ารัก! แต่พอรวมกับเสียงของเธอแล้วความน่ารักก็จะเพิ่มเป็นเท่าตัวเลย!

 

 

 

 เธอน่ารักมากจนฉันอดไม่ได้ที่จะทำเสียงแปลกๆ พร้อมกับเอามือกุมหน้าอก!

 

 

 

“เอ๊ะ เอ๊ะ เดี๋ยวสิคะ เป็นอะไรไปเหรอคะ? ไหวไหมคะ?”  

 

 

 

 อาาาาาา ทั้งที่เมื่อกี้เพิ่งพูดออกมาว่าอย่ายุ่งกับฉันอีกแท้ๆ แต่ช่างใจดีเกินเบอร์อะไรอย่างนี้นะ ยังอุส่าที่จะเป็นห่วงฉันคนนี้ด้วยค่ะ!

 

 ว่าแล้วเชียวเธอเป็นทั้งเด็กสาวที่ใจดีและอ่อนโยน ต้องมีเหตุผลบางอย่างสินะถึงทำให้เธอต้องพยายามกีดกันตัวเองออกห่างจากคนอื่นๆ

 

 

 

 ฉันอยากจะปกป้องเธอจัง ไม่สิ..ฉันจะต้องปกป้องเธอต่างหากล่ะ!

 

 

 

“ซิลฟ์จัง! ฉันจะบอกเธอเกี่ยวกับร้านที่ว่ามานะเพราะงั้นช่วยบอกข้อมูลติดต่อของ มากิโฟน ให้ฉันด้วยสิ”

 

“เอ…แค่บอกชื่อร้านให้ฉันฟังก็พอแล้วค่ะ”

 

“มันเป็นภาษาต่างประเทศที่ยากน่ะสิแล้วฉันก็ออกเสียงไม่ได้ด้วย ดังนั้นฉันจะส่ง URL ของร้านให้ผ่าน มากิโฟน นะ”

 

“งะ..งั้น ไม่เอาก็ได้ค่ะ ฉันจะกลับแล้วค่ะ”

 

“เดี๋ยว!”

 

 

 

 ฉันรีบคว้าแขนของซิลฟ์จังและรั้งเธอไว้

 

 

“ฉันอยากเป็นเพื่อนกับซิลฟ์จังเลยนะ”

 

 

และนั่นคือทั้งหมดที่ฉันอยากจะพูดออกมา

 

 

 ฉันมองตรงไปที่ดวงตาของซิลฟ์จังและขอร้องอย่างจริงจัง

 

 อย่างไรก็ตาม ซิลฟ์จังสลัดมือฉันออกด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

 

 

 

“กะ เกรงใจค่ะ อย่างที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ ได้โปรดอย่ายุ่งกับฉันอีกเลยค่ะ”

 

 

 

 อ่า! ซิลฟ์จังได้เทเลพอร์ตกลับไปแล้ว

 

 อืม เธอคงไม่ได้ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนอื่นขนาดนั้นหรอกมั้ง? หรือบางทีเธออาจจะแค่ไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับสาวน้อยเวทมนตร์คนอื่นรึเปล่า?

 

 

 

 แต่ว่าจะปล่อยเธอเอาไว้แบบนี้ไม่ได้หรอกนะคะ!

 

 ฉันมั่นใจว่าที่ซิลฟ์จังทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะว่าเธอชอบที่จะตีตัวออกห่างคนอื่นหรอกค่ะ ดังนั้นคงจะดีนะถ้าฉันสามารถช่วยอะไรได้บ้าง…

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล(WN)] 魔法少女タイラントシルフ สนวม.ซิลฟ์ 11 คิซายามะ จิซากิ อายุ 14ปี นักเรียนมัธยมต้นธรรมดาๆ

Now you are reading [นิยายแปล(WN)] 魔法少女タイラントシルフ สนวม.ซิลฟ์ Chapter 11 คิซายามะ จิซากิ อายุ 14ปี นักเรียนมัธยมต้นธรรมดาๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1-3 สายพันธุ์ใหม่ ③

 

 ฉัน คิซายามะ จิซากิ อายุ 14 ปี นักเรียนมัธยมต้นธรรมดาๆ ที่สามารถหาได้ทั่วไป แต่ฉันกลับมีความลับหนึ่งอย่างที่แตกต่างจากคนอื่นๆ

 

 

 

 ที่จริงแล้วฉันเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ค่ะ!

 

 

 

 ฉันเป็นสาวน้อยเวทมนตร์เพื่อปกป้องโลกใบนี้จากในเงามืด และเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับจากคนในครอบครัวและเพื่อนๆของฉันค่ะ  

 

 แน่นอนว่ามีบางครั้งเหมือนกันที่เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ฉันจะทำมันให้ดีที่สุดเพื่อปกป้องรอยยิ้มของทุกคนค่ะ!

 

 

 

“อรุณสวัสดิ์ จิซากิ”

 

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”

 

“ช่วงนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ ลูกกังวลเรื่องอะไรอยู่หรือเปล่า”

 

 

 

 คนคนนี้คือพ่อของฉันเองค่ะ เขามักจะทำงานตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงดึกดื่นในทุกๆ วัน และช่วงเวลาเดียวที่เรามีโอกาสได้เจอกันมีแค่ช่วงเวลาในตอนเช้าในวันที่ฉันตื่นเร็วกว่าปกติเพื่อออกไปทำกิจกรรมชมรมเท่านั้นค่ะ

 

 เขาเป็นคนขี้กังวลและเมื่อเราได้มีโอกาสทานอาหารด้วยกัน เขาก็มักจะถามฉันเกี่ยวกับชีวิตภายในโรงเรียนและความสัมพันธ์ของฉันกับเพื่อนๆเสมอค่ะ

 

 

 

“สนุกทุกวันเลยค่ะ”

 

“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี…แต่ถ้าลูกมีปัญหาอะไรบอกพ่อได้นะรู้มั้ย?”

 

“ได้เลยค่ะ ขอบคุณนะคะพ่อ”

 

 

 

 ฉันเจ็บปวดที่ต้องโกหกพ่อที่ทั้งแสนใจดีและรักฉันมาก แต่ช่วยไม่ได้ค่ะเพราะฉันไม่สามารถบอกใครได้นอกจากสาวน้อยเวทมนตร์ด้วยกันเองเกี่ยวกับเรื่องที่ฉันกำลังกังวลอยู่ค่ะ

 

 

 

 ปัญหาหนักใจล่าสุดของฉัน

 

 ฉันอยากเป็นเพื่อนกับสาวน้อยเวทมนตร์คนใหม่ค่ะ

 

 ในคืนนั้น เด็กสาวคนหนึ่งปรากฏตัวอย่างรวดเร็วและจากไปโดยไม่พูดอะไร

 

 เธอเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ในเมืองเดียวกันกับฉัน ดังนั้นฉันจึงอยากรู้จักกับเธอให้มากขึ้นค่ะ

 

 

 

“ชิซากิเป็นเด็กดีจริงๆ อ๋อ จริงสิ เงินค่าขนมพอรึเปล่าลูก?”

 

“นี่พ่อ อย่าทำให้ลูกเสียคนสิคะ”

 

 

 

 แม่ของฉันฟาดเข้าที่กบาลของพ่อของฉันตอนที่เขาพยายามจะพูดเรื่องการเพิ่มค่าขนมด้วยรอยยิ้มค่ะ

 

 เธอทั้งใจเย็นและอ่อนโยน แต่ก็มีบางครั้งที่เข้มงวดกับพ่อของฉันมากแต่พ่อของฉันก็ไม่เคยโกรธเลยแม้กระทั่งตอนที่เขาถูกตีก็ตาม และเขาก็มักจะหัวเราะร่าในขณะที่พูดว่า “โทษที โทษที” ส่วนแม่ของฉันก็จะหัวเราะตอบและบอกว่าแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะเสมอ พ่อกับแม่สนิทกันมากเลยค่ะ!

 

 

 

“ขอบคุณสำหรับอาหารค่ะ หนูไปแล้วนะคะ!”

 

 

 

 ต้องรีบแล้วค่ะไม่งั้นฉันจะสายค่ะ!

 

 ในตอนเช้าฉันทำเวลาได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ดังนั้นฉันมักจะวุ่นวายและไปถึงในนาทีสุดท้ายเสมอค่ะ

 

 

 

“อา จิซากิ โอเน่จัง(พี่สาว) อรุณสวัสดิ์!”

 

“อรุณสวัสดิ์ ริกะจัง!”

 

 

 

 เมื่อฉันออกจากบ้าน ฉันบังเอิญเจอริกะจังซึ่งอาศัยอยู่ข้างบ้านค่ะ

 

 ริกะจังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และเนื่องจากเธอเรียนโรงเรียนเอกชน เธอจึงต้องตื่นแต่เช้าทุกวันเพื่อไปโรงเรียนด้วยรถไฟค่ะ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าโรงเรียนประถมเอกชนเป็นยังไง แต่การตื่นเช้าทุกวันมันคงจะยากมากแน่ๆค่ะ

 

 

 

“พี่กำลังจะสายแล้วดังนั้นคงต้องไปแล้วล่ะ! ดูแลตัวเองด้วยนะ!”

 

“ค่าา!”

 

 

 

 ริกะจังน่ารักมากเมื่อเธอตอบกลับฉันอย่างมีชีวิตชีวา~!

 

 เธอทำให้ฉันเริ่มคิดว่าฉันจะรู้สึกยังไงถ้ามีน้องสาวสักคน? แต่ท้ายที่สุดแล้วเด็กๆ ทุกคนก็ล้วนน่ารักค่ะ และมันยิ่งทำให้ฉันคิดว่าฉันต้องทำให้ดียิ่งขึ้นไปกว่านี้เพื่อปกป้องพวกเขาเหล่านี้ค่ะ

 

 

 

 ฉันวิ่งไปอย่างรวดเร็วและมาถึงทันเวลาพอดิบพอดี แต่เสื้อผ้าของฉันกลับชุ่มไปด้วยเหงื่อของฉันและมันทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายตัวเลยค่ะ  

 

 เพราะแบบนี้แหละฉันถึงได้เกลียดฤดูร้อนค่ะ

 

 

 

“อ้าว จิซากิ วันนี้ก็นาทีสุดท้ายด้วยเหมือนเคยเลยนะ”

 

“อรุณสวัสดิ์ ยูริจัง! อีกนิดเดียวก็เกือบจะไม่ทันแล้วแหละ!”

 

 

 

 ไม่กี่นาทีก่อนการฝึกซ้อมช่วงเช้าจะเริ่มต้นขึ้น ฉันเข้าไปในห้องชมรมและทักทายสมาชิกทุกคนค่ะ และเด็กสาวผมสั้นคนสุดท้ายที่หันมาพูดคุยกับฉันก็คือเพื่อนสนิทของฉันเองค่ะ โซโนฮาระ ยูริจัง  

 

 

 

“ดีมากที่ไม่สายเพราะเธอโดดมาเยอะแล้วนะ”

 

“ฉันไม่เคยโดดสักหน่อย!”  

 

 

 

 ฉันจงใจพองแก้มและทำท่าทางโมโหค่ะ แต่ยูริจังก็ใช้นิ้วของเธอจิ้มแก้มฉันจึงทำให้เกิดเสียงปุ

 

 และเมื่อฉันเริ่มหัวเราะออกมา ยูริจังก็ระเบิดเสียงหัวเราะตามด้วยเช่นเดียวกัน

 

 

 

 ไม่ใช่ว่ายูริจังจริงจังกับเรื่องการโดดซ้อมแต่ว่ามันเป็นเพียงการพูดหยอกล้อกันเล่นๆ ระหว่างฉันกับเธอที่เป็นเพื่อนสนิทกันเท่านั้นค่ะ

 

 

 

“อือ เหนื่อยจัง”

 

“ฮะฮ่าฮ่า วันไหนมีซ้อมตอนเช้าเธอทำท่าเหมือนจะตายตลอดเลยนะ ยังไงก็อรุณสวัสดิ์นะ”  

 

 

 

 หลังจากซ้อมตอนเช้า ฉันก็มานั่งอยู่บนโต๊ะเรียนและพูดคุยกับเด็กสาวคนหนึ่งที่สวมแว่นตาซึ่งนั่งอยู่ด้านหน้าของฉันค่ะ

 

 เด็กสาวคนนี้คือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันและหัวหน้าห้อง ชิรายูกิ มิโฮะจัง! และแม้ว่ามีเวลาไม่มาก ระหว่างการฝึกซ้อมในช่วงเช้ากับเวลาก่อนเริ่มโฮมรูม แต่มิโฮะจังก็มักจะมาแต่เช้าตรู่เพื่อทำหน้าที่ของหัวหน้าห้องเสมอค่ะ! ช่างเป็นคนที่เยี่ยมมากจริงๆค่ะ!

 

 

 

“อรุณสวัสดิ์ หืม? มีอะไรดีๆ เกิดขึ้นเหรอ?”

 

 

 

 มิโฮะจังยิ้มอยู่เสมอ แต่วันนี้ฉันรู้สึกว่าเธอยิ้มมากกว่าปกติ! มันเป็นรอยยิ้ม120%ค่ะ!

 

 

 

“อา เข้าใจสินะ? อันที่จริงมีการจัดเรทอัพกาชาแม่มด SSR ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้วน่ะ แล้วฉันก็เปิดได้ เจ้าหญิงนิทรา ซุมิน : เรจิเรจิ มาแล้ว แบบว่าเธอทั้งน่ารักและแข็งแกร่งเลยล่ะ แต่ถ้าพูดถึงในแง่ของการใช้โจมตีแล้วฉันก็อยากได้ โทโด : เพอร์มาฟรอสต์ ไม่ก็ จูเรียวกุ : เรดบอล เหมือนกันนะแต่ฉันดันใช้หินทั้งหมดที่เก็บไว้หมดแล้วล่ะ และกำลังชั่งใจว่าจะใช้เงินค่าขนมของฉันเติมเข้าไปอีกดีไหม แต่ว่าฉันก็อยากไปกินบุฟเฟ่ต์ขนมหวานที่เพิ่งเปิดใหม่ด้วยเหมือนกันนะ ดังนั้นฉันกำลังคิดหนักเลยล่ะ”

 

“มิโฮะจังชอบสาวน้อยเวทย์มนตร์จริงๆเลยนะ”

 

“มันแน่อยู่แล้วสิ! ก็พวกเธอน่ะทั้งน่ารักแล้วก็แข็งแกร่งเลยนะ! นี่ไม่รู้สึกตื่นเต้นบ้างเหรอ! จิซากิจังเองก็ต้องเข้าใจอย่างแน่นอนถ้าได้เข้าไปเล่น Magical Girl Wars สักครั้ง ฉันคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดีเลยนะที่จะลองเล่นดู แล้วก็ภาพประกอบสาวน้อยเวทมนตร์นั้นน่ารักมาก แต่ของจริงก็น่ารักด้วยเหมือนกัน และระบบเกมก็ไม่เลวเลย”

 

 

 

 ฉันชอบเห็นมิโฮะจังพูดถึงสาวน้อยเวทมนตร์อย่างมีความสุข และฉันก็ชอบสาวน้อยเวทมนตร์ด้วยเหมือนกัน แต่ฉันรู้สึกอายนิดหน่อยที่ต้องเล่นเกมที่มีฉันอยู่ในนั้นค่ะ

 

 

 

 ฉันฟังเรื่องที่มิโฮะจังเล่าจนถึงช่วงเวลาโฮมรูม แล้วจากนั้นชั้นเรียนก็เริ่มขึ้น ต่อด้วยพักกลางวัน ถัดมาก็เข้าชั้นเรียนช่วงบ่าย และก็มาถึงหลังเลิกเรียนในที่สุด

 

 

 

“จิซากิ ไปทำกิจกรรมชมรมกันเถอะ!”

 

“ได้เลย! รอแป๊ปนึงนะ!”

 

 

 

 ยูริจังอยู่คนละห้องและดูเหมือนว่าจะจบโฮมรูมช่วงเลิกเรียนเร็วกว่าห้องของฉันเล็กน้อยค่ะ

 

 ฉันรีบเก็บข้าวของและกำลังจะออกจากห้องเรียน แต่ มากิโฟน ที่ฉันเก็บไว้ในกระเป๋าเริ่มส่งเสียงดังขึ้น

 

 มันเป็นการแจ้งเตือนการปรากฏตัว ดิส สัญญาณเตือนภัยพิเศษที่มีเพียงสาวน้อยเวทมนตร์เท่านั้นที่รับรู้ได้ค่ะ ดังนั้นทุกคนจึงเตรียมตัวกลับบ้านและคุยกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

 

 

 ทุกครั้งที่เห็นฉากแบบนี้มันทำให้ฉันลังเลและรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังจะสูญเสียวันๆนั้นไป แต่สุดท้ายฉันก็ดีใจที่ได้กลายเป็นสาวน้อยเวทมนตร์อยู่ดีค่ะ เพราะคนส่วนใหญ่จะรับรู้ถึงความอันตรายของ ดิส ได้ก็ต่อเมื่อความเสียหายเริ่มเกิดขึ้นแล้วเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ตระหนักถึงอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามาและใช้ชีวิตประจำวันไปอย่างปกติสุข

 

 ฉันต้องการปกป้อง เพื่อนและครอบครัวที่ฉันรักค่ะ แล้วถ้านั่นเป็นทั้งหมดที่ฉันทำได้แล้วล่ะก็!

 

 

 

“ขอโทษนะยูริจัง! ฉันมีธุระด่วนที่ต้องทำน่ะ ดังนั้นวันนี้ฉันเลยไม่สามารถเข้าชมรมได้แล้วน่ะ!”

 

“อา ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้ ไว้เจอกันใหม่นะ!”

 

 

 

 เหมือนอย่างที่แจ็คบอกฉันในตอนที่ฉันเริ่มเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ ทุกการกระทำที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของฉันในฐานะสาวน้อยเวทมนตร์ไม่ถูกสงสัย และผู้คนจะเชื่ออย่างไม่มีเงื่อนไข และจะไม่ถูกโกรธหรือเกลียดอย่างแน่นอน

 

 ฉันไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องดีที่ฉันจะโดดกิจกรรมชมรมที่ฉันเป็นคนสมัครเข้าไปหรอกค่ะ แต่ตอนนี้ฉันจะเก็บความรู้สึกนั้นไว้ก่อน

 

 

 

 สำหรับตอนนี้ มุ่งไปที่การเอาชนะดิสเพียงอย่างเดียว

 

 

 

“พิกัดเทเลพอร์ต: โลกปลอม เมืองซากุระ ส่วน  A”

 

 

 

“จะเตะให้กระเด็นเลย~ “

 

 

 

 การแปลงร่างเสร็จพร้อมกับการเคลื่อนย้าย!

 

 ดิส ที่ถูกแจ้งไว้ในประกาศเป็นคลาสอัศวิน ปกติแล้วฉันสามารถเอาชนะมันด้วยตัวคนเดียวได้ แต่เนื่องจากเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน ฉันจึงคิดว่าเบลดและเพรซก็น่าจะถูกเรียกมาเหมือนกัน

 

 นอกจากนี้ บางทีซิลฟ์จังอาจจะมาด้วยก็ได้ ถ้าเราต่อสู้ร่วมกันก็อาจจะได้คุยกันนิดหน่อยละมั้งนะ?

 

 

 

 ฉันไม่รู้ล่ะ แต่คงต้องหา ดิส ให้เจอก่อนเป็นอย่างแรกค่ะ!

 

 

 

“จงแข็งแกร่งขึ้นเหมือนคชสาร! พาวเวอร์ออฟเอเลเฟ่น!”

 

 

 

 กระโดดสูง!

 

 

 

 เป็นเรื่องยากที่จะหาดิสสีดำในเวลากลางคืนแบบนี้ แต่ฉันคิดว่าฉันสามารถหามันได้อย่างง่ายดายหากมองหาจากด้านบนค่ะ! ฉันนี่ฉลาดจริงๆ!

 

 

 

“เจอแล้ว!”

 

 

 

 และมีคนเริ่มต่อสู้ไปแล้ว!

 

 เร็วเข้า! ฉันต้องรีบแล้ว!

 

 

 

 ในทันทีที่ลงถึงพื้นฉันรีบเร่งพุ่งตัวไปให้เร็วที่สุด!

 

 สาวน้อยเวทมนตร์ไม่เหนื่อยง่ายๆอยู่แล้ว!

 

 มันคงจะง่ายกว่ามากถ้าฉันสามารถฝึกซ้อมช่วงเช้าในร่างสาวน้อยเวทมนตร์ได้

 

 

 

“อย่ามาขวาง!”

 

 

 

 ฉันทะลุกำแพงแล้วมุ่งตรงไปเลย เนื่องจากมันไม่ส่งผลกระทบต่อโลกความเป็นจริง ดังนั้นนี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะรีบเร่งไปให้เร็วที่สุดค่ะ!

 

 

 

 ฉันเห็นสาวน้อยเวทมนตร์ที่ต่อสู้แล้วค่ะ! เธอเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ที่ไม่คุ้นเคยในชุดที่ดูเหมือนชุดที่คนในโบสถ์มักจะสวมใส่ในหนังสือเรียนประวัติศาสตร์ ใช่แล้วเธอคือซิลฟ์จังค่ะ!

 

 

 

 เมื่อพิจารณาถึงความแข็งแกร่งของ ซิลฟ์จัง ที่ได้เห็นเมื่อครั้งก่อนแล้ว คลาสอัศวินตัวนี้ก็น่าจะไม่ใช่ดิสปกติเพราะหากเป็นตัวธรรมดาแล้วละก็การต่อสู้ก็คงจะจบไปเรียบร้อยแล้ว

 

 

 

“ให้ฉันช่วยเธอนะ!”

 

“เกรงใจค่ะ”

 

 

 

 เอ๋!?  

 

 

 

 ถ้าเบลดกับเพรสกำลังต่อสู้อยู่ฉันคิดว่าคงไม่แปลกใจถ้าถูกพูดแบบนั้นใส่ แต่ฉันก็บอกก่อนที่จะเข้าร่วมในขณะที่วิ่งมาตามมารยาทของสาวน้อยเวทมนตร์ที่แจ็คได้สอนแล้ว แต่เธอกลับปฏิเสธฉัน ทำไมกันล่ะ!?

 

 

 

 ร่างกายของฉันยังคงเคลื่อนไหวอยู่เพราะฉันเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะเข้าช่วยก่อนที่ฉันจะได้รับความยินยอมเสียอีก ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะถูกปฏิเสธ ดังนั้นฉันจึงพุ่งตรงดิ่งเข้าใกล้ ดิส ด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี

 

 

 

 ถ้าฉันพยายามหยุดตอนนี้ ฉันจะเสียการทรงตัว และฉันไม่คิดว่าหลังจากนั้นฉันจะสามารถหลบการโจมตีของ ดิส หรือป้องกันได้ทัน

 

 ถ้าหยุดสิ่งที่จะทำไม่ได้ก็ช่วยไม่ได้ เอาไว้ฉันจะขอโทษทีหลังแล้วกัน แต่ตอนนี้ขอให้สู้ด้วยกำลังทั้งหมดที่มีไปก่อน

 

 

 

“ขอโทษนะคะ!!”

 

 

 

 ฉันขอโทษ ซิลฟ์จังในขณะที่ฉันปล่อยหมัดซัดกำปั้นเข้าไปที่ ดิส ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกอริลลา

 

 มันเป็นศัตรูที่ ซิลฟ์จังต่อสู้อย่างยากลำบาก ดังนั้นฉันไม่คิดว่าการโจมตีของฉันมันจะมีประสิทธิภาพมากพอที่จะล้มมันได้ แต่อย่างน้อยก็น่าจะสามารถทำให้ถ่วงเวลาได้นานพอให้ซิลฟ์จังใช้เวทมนตร์อันทรงพลังใส่มันได้ในขณะที่ฉันหยุดมันว…!

 

 

 

“เอ๊ะ?”

 

 

 

 ดิส ที่โดนหมัดของฉันปลิวกระเด็นและสลายหายไป

 

 เอ๊ะ? เอ๊ะ? มันไม่ใช่ดิสที่แข็งแกร่งมากหรอกเหรอ? ถึงแม้ว่าจะเป็นคลาสอัศวินปกติก็ตามมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ฉันจะเอาชนะมันได้ในการโจมตีครั้งเดียว…

 

 

 

 ไม่มีทาง!

 

   อย่าบอกนะว่า!

 

 

“จู่ๆ ฉันก็แข็งแกร่งขึ้นน่ะ!?”

 

“ไม่ใช่อย่างแน่นอน รัน!”

 

 

 

 คำลงท้ายที่มีเอกลักษณ์แปลกประหลาดแบบนี้!

 

 

 

“แจ็ค!”

 

“เอเลเฟ่น เมื่อกี้เป็นอะไรที่เสียมารยาทมากเลย รัน! ผมไม่คิดว่าเธอจะมีเจตนาแบบนั้นนะ รัน! แต่ผลที่ได้ก็เหมือนเป็นการโจมตีแย่งดิสที่ ไทแรนด์ ซิลฟ์ ทำให้มันอ่อนแอลงแล้วเลยนะ รัน!”

 

“อุก..ขอโทษค่ะ”

 

 

 

 อย่างนี้เองสินะ ซิลฟ์จังทำให้มันอ่อนแอลงแล้วนี่เอง มิน่าล่ะมันถึงได้ตายในการโจมตีครั้งเดียว ได้ แล้วแจ็คก็พูดถูกแบบนี้ก็เหมือนกับว่าฉันไปขโมยส่วนที่ดีที่สุดไป

 

 พอรู้ตัวอีกที ซิลฟ์จังก็เข้ามาใกล้ฉันแล้วล่ะ แล้วเธอก็มีสีหน้าที่บูดบึ้งและดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ค่อยดี…

 

 

 

 จะว่าไปซิลฟ์จังตอนที่ไม่พอใจก็ดูน่ารักดีเหมือนกันนะ

 

 

 

“ฉันขอโทษจริงๆนะ ซิลฟ์จัง ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะขโมยมันไปเลยนะเพียงแค่ต้องการที่จะช่วยแล้วก็หยุดไม่ได้ก็เลย..”

 

“…”

 

 

 

 อูววว ฉันคิดว่าฉันน่าจะเป็นเพื่อนกับ ซิลฟ์จังได้ แต่ฉันกำลังทำอะไรอยู่!? ฉันสงสัยจังว่าคำแก้ตัวแบบนี้ทำให้ฉันโกรธมากขึ้นโดยไม่จำเป็นหรือเปล่านะ… ฉันรู้สึกเหมือนกำลังถูกเธอจ้องเลย…

 

 คิดดูสิ ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเลยด้วยซ้ำ! ฉันเป็นฝ่ายเดียวที่รู้จักเธอค่ะ และซิลฟ์จังยังไม่รู้จักฉันสินะคะ

 

 

 

“ฉันคือสาวน้อยเวทมนตร์ เอเลเฟ่น เป็นสาวน้อยเวทมนตร์ประจำเมืองนี้..”

 

“…”

 

 

 

 อูว ว่าแล้วเชียวโกรธอยู่รึเปล่านะ…?

 

 

 

 เอาล่ะ! คิดอะไรดีๆ ออกแล้วค่ะ!

 

 

 

“เพื่อเป็นการขอโทษ ได้โปรดให้ฉันได้เลี้ยงอาหารเธอสักมื้อในโลกเวทมนตร์นะ บังเอิญว่าฉันรู้จักร้านอาหารอร่อยๆอยู่บ้าง แล้วก็ฉันยังไม่ได้ขอบคุณที่ช่วยชีวิตฉันเมื่อวันก่อนเลย!”

 

 

 

 ฉันไม่ได้ไปโลกแห่งเวทมนต์บ่อยนัก ฉันเลยไม่รู้ว่าร้านกาแฟนั้นอยู่ในระดับไหนในโลกเวทมนตร์ แต่ที่แน่ๆ คือมันอร่อยมาก ดังนั้นน่าจะไม่มีปัญหาค่ะ!

 

 

 

“…ไม่ต้องใส่ใจหรอกค่ะ แค่บอกข้อมูลเกี่ยวกับร้านมา แล้วจากนี้ก็ได้โปรดอย่ามายุ่งกับฉันอีกค่ะ”

 

“วากุ!”

 

 

 

 เดี๋ยวๆๆ

 

 เด็กคนนี้……

 

 เสียงน่ารักจัง! ก่อนหน้านี้ฉันไม่ทันสังเกตเรื่องนี้เพราะฉันจดจ่อกับการต่อสู้มากเกินไป แต่เสียงของเธอมันทั้งอ่อนหวานแล้วก็ดูขี้เกียจไปพร้อมๆ กันแถมด้วยวิธีการพูดนั่นอีก นี่เธอไปจำวิธีพูดแบบนี้มาจากไหนกันนะ เธอที่พยายามพูดในแบบของผู้ใหญ่นั้นน่ารักมากเลย! และดูเหมือนอยู่ชั้นประถมต้นเลยด้วย แต่เธอก็ทั้งแข็งแกร่งและน่ารัก! ตรงส่วนที่สนใจของอร่อยนั่นก็น่ารัก! ไม่สิถึงเธอจะไม่ได้พูดออกมาก็น่ารัก! แต่พอรวมกับเสียงของเธอแล้วความน่ารักก็จะเพิ่มเป็นเท่าตัวเลย!

 

 

 

 เธอน่ารักมากจนฉันอดไม่ได้ที่จะทำเสียงแปลกๆ พร้อมกับเอามือกุมหน้าอก!

 

 

 

“เอ๊ะ เอ๊ะ เดี๋ยวสิคะ เป็นอะไรไปเหรอคะ? ไหวไหมคะ?”  

 

 

 

 อาาาาาา ทั้งที่เมื่อกี้เพิ่งพูดออกมาว่าอย่ายุ่งกับฉันอีกแท้ๆ แต่ช่างใจดีเกินเบอร์อะไรอย่างนี้นะ ยังอุส่าที่จะเป็นห่วงฉันคนนี้ด้วยค่ะ!

 

 ว่าแล้วเชียวเธอเป็นทั้งเด็กสาวที่ใจดีและอ่อนโยน ต้องมีเหตุผลบางอย่างสินะถึงทำให้เธอต้องพยายามกีดกันตัวเองออกห่างจากคนอื่นๆ

 

 

 

 ฉันอยากจะปกป้องเธอจัง ไม่สิ..ฉันจะต้องปกป้องเธอต่างหากล่ะ!

 

 

 

“ซิลฟ์จัง! ฉันจะบอกเธอเกี่ยวกับร้านที่ว่ามานะเพราะงั้นช่วยบอกข้อมูลติดต่อของ มากิโฟน ให้ฉันด้วยสิ”

 

“เอ…แค่บอกชื่อร้านให้ฉันฟังก็พอแล้วค่ะ”

 

“มันเป็นภาษาต่างประเทศที่ยากน่ะสิแล้วฉันก็ออกเสียงไม่ได้ด้วย ดังนั้นฉันจะส่ง URL ของร้านให้ผ่าน มากิโฟน นะ”

 

“งะ..งั้น ไม่เอาก็ได้ค่ะ ฉันจะกลับแล้วค่ะ”

 

“เดี๋ยว!”

 

 

 

 ฉันรีบคว้าแขนของซิลฟ์จังและรั้งเธอไว้

 

 

“ฉันอยากเป็นเพื่อนกับซิลฟ์จังเลยนะ”

 

 

และนั่นคือทั้งหมดที่ฉันอยากจะพูดออกมา

 

 

 ฉันมองตรงไปที่ดวงตาของซิลฟ์จังและขอร้องอย่างจริงจัง

 

 อย่างไรก็ตาม ซิลฟ์จังสลัดมือฉันออกด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

 

 

 

“กะ เกรงใจค่ะ อย่างที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ ได้โปรดอย่ายุ่งกับฉันอีกเลยค่ะ”

 

 

 

 อ่า! ซิลฟ์จังได้เทเลพอร์ตกลับไปแล้ว

 

 อืม เธอคงไม่ได้ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนอื่นขนาดนั้นหรอกมั้ง? หรือบางทีเธออาจจะแค่ไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับสาวน้อยเวทมนตร์คนอื่นรึเปล่า?

 

 

 

 แต่ว่าจะปล่อยเธอเอาไว้แบบนี้ไม่ได้หรอกนะคะ!

 

 ฉันมั่นใจว่าที่ซิลฟ์จังทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะว่าเธอชอบที่จะตีตัวออกห่างคนอื่นหรอกค่ะ ดังนั้นคงจะดีนะถ้าฉันสามารถช่วยอะไรได้บ้าง…

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+