[นิยายแปล(WN)] 魔法少女タイラントシルフ สนวม.ซิลฟ์ 25 กอดกันกลมเกลียวพากันเลี้ยวเข้าห้อง

Now you are reading [นิยายแปล(WN)] 魔法少女タイラントシルフ สนวม.ซิลฟ์ Chapter 25 กอดกันกลมเกลียวพากันเลี้ยวเข้าห้อง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1-7 เพื่อน ③

 

 เอเลเฟ่นยังจำได้ดี

 

 เด็กสาวคนนั้นที่เคยทั้งแข็งแกร่งและดื้อรั้นกอดเธอไว้ด้วยร่างเล็กๆของเธอที่สั่นเทา

 

 เธอร้องไห้เพราะกลัวการต่อสู้และกลัวที่จะสูญเสียชีวิตของเธอไป

 

 

 

 นั่นเป็นเหตุผลที่เธอคิดว่าเธอควรปกป้องเด็กคนนั้นเอาไว้

 

 เธอคิดว่าเธอไม่ควรปล่อยให้เด็กสาวคนนี้ต่อสู้อีกต่อไป

 

 

 

 และถึงอย่างนั้น

 

 

 

“ซิลฟ์จัง…!”

 

 

 

 ตอนนี้เด็กสาวที่ว่ากำลังยืนอยู่ในสนามรบเบื้องหน้าของเอเลเฟ่น

 

 

 

「――――」

 

 

 

 ไทแรนด์ ซิลฟ์ เด็กสาวยกไม้เท้าขึ้นแล้วขยับปาก

 

 แม้พวกเธอจะไม่ได้ยินว่าซิลฟ์กำลังพูดอะไร แต่ทุกคนที่นั่นก็เข้าใจว่ามันเป็นคีย์เวิร์ดของเวทมนตร์

 

 

 

 สายลมส่งเสียงคำรามและหมุนวนขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

 

 

 ด้วยเสียงคำรามเหมือนสัตว์ร้ายที่ไม่มีใครเคยได้พบเจอมาก่อน พายุทอร์นาโดสามลูกถูกปลดปล่อยออกจากไม้เท้าขนาดใหญ่ของซิลฟ์ และเข้าโจมตีดิสต์ยักษ์ในวินาทีนั้นเองที่ร่างกายอันใหญ่โตของมันถูกบิดจนกลายเป็นเหมือนงูด้วยความตั้งใจที่ต้องการให้มันเป็นเช่นนั้น

 

 

 

“นั่นมันเป็นเวทมนตร์ระดับสูงมาก และมันก็ถูกควบคุมได้อย่างสมบูรณ์แบบ..สุดยอดเกินไปแล้ว”

 

 

 

 ในจังหวะที่พายุทอร์นาโดก่อตัวขึ้น นัคเคิลซึ่งตอนนี้อุ้มเอเลเฟ่น และถอยห่างออกมาจากตัวดิสต์แล้วก็ได้ส่งเสียงชื่นชมออกมาเมื่อเธอเห็นเวทมนตร์ของ ไทแรนด์ ซิลฟ์

 

 เวทมนตร์ประเภทธรรมชาติมีพลังทำลายล้างที่สูงมากแต่ถ้าการควบคุมหละหลวมผลที่ตามมาคือมันจะกระจายตัวออกไปเป็นวงกว้าง แต่ทว่าเวทมนตร์ของไทแรนด์ ซิลฟ์นั้นโจมตีเพียงเฉพาะดิสต์ และบริเวณโดยรอบตัวของมันได้อย่างแม่นยำ โดยนัคเคิลที่เฝ้าสังเกตการณ์จากระยะไกลได้รับผลกระทบแค่เพียงลมแรงๆที่พัดผ่านมาหาเท่านั้น

 

 

 

“ฉันไม่เคยได้ยินว่ามีแม่มดแบบนี้มาก่อนเลยแต่ถ้าเป็นเฟส 2 ก็เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่เป็นที่รู้จักด้วยความสามารถที่มากขนาดนั้น”

 

 

 

 ซามูไรพีช ที่ถอนตัวออกมาพร้อมกับเบลดและเพรสเช่นเดียวกับนัคเคิลกับเอเลเฟ่นได้เข้ามาร่วมกลุ่มกันและจุดประเด็นตั้งคำถามขึ้นด้วยความสงสัย  

 

 ปัจจุบันมีแม่มด12คนตามข้อมูลที่ได้ถูกปล่อยออกมา รูปร่างหน้าตาของพวกเธอ เวทมนตร์ที่พวกเธอใช้ ชื่อของพวกเธอในฐานะสาวน้อยเวทมนตร์ และกิจกรรมหลักของพวกเธอเหล่านั้นล้วนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง แล้ว ไทแรนด์ ซิลฟ์ ก็ไม่ได้เป็นหนึ่งในสิบสองคนนั้น

 

 นอกจากนี้แม้ว่าจะไม่แข็งแกร่งเท่าแม่มด แต่สาวน้อยเวทมนตร์เฟส 2 ที่แข็งแกร่งและชื่อเสียงเรียงนามเป็นที่รู้จักดีในแถบนี้คือหัวหน้าของพวกเธอ สาวน้อยเวทมนตร์ เอ็กเท็น ที่เรียกได้ว่าเป็นที่รู้จักกันดีในระดับที่ว่าแทบไม่มีใครที่ไม่รู้จักเธอเลย

 

 ในมุมมองของซามูไรพีช ไทแรนด์ ซิลฟ์นั้นเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ที่สามารถเทียบชั้นได้กับเอ็กเท็นได้เลย และมันก็เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่าสาวน้อยเวทมนตร์คนนี้จะเป็นเพียงสนวม.โนเนมที่ไม่เคยมีใครรู้จักมาก่อน

 

 

 

“เด็กคนนั้นเพิ่งได้กลายเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ได้ไม่นานค่ะ”

 

“ดูเหมือนว่าเธอยังไม่ได้ปล่อยวิดีโอด้วยซ้ำล่ะน้า”

 

“มันไม่สมเหตุสมผลเลย? ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมมือใหม่ถึงได้มีพลังมากขนาดนั้น…”

 

“ไม่ใช่ว่าไม่มีมาก่อนสักหน่อย ดูเหมือนว่าแม่มดนิทราเองก็จะแข็งแกร่งสุดๆมาตั้งแต่แรกเลยเหมือนกัน”

 

 

 

 ในขณะที่ เบลด และ เพลส กำลังคุยกันถึงเรื่องของ ซิลฟ์ ท่ามกลางการสนทนานั้นเอเลเฟ่นเป็นเพียงคนเดียวที่จ้องมองไปที่ซิลฟ์ที่กำลังใช้เวทมนตร์อย่างไม่วางตา

 

 

 

 ในขณะที่ทั้งสี่กำลังคุยกัน พายุทอร์นาโดที่โหมกระหน่ำยังคงฉีกกระชากร่างอันใหญ่โตของ ดิสต์ เป็นชิ้นๆ และในวินาทีต่อมาเมื่อร่างของมันก็ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ และมันก็ถูกทำลายลงจนเป็นผุยผงอีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

 นอกจากจะไม่สามารถสร้างร่างกายใหม่ได้แล้วตัวของดิสต์เองก็ไม่สามารถแม้แต่จะเคลื่อนไหวได้อย่างที่มันต้องการเนื่องจากมันถูกขัดขวางโดยลมพายุที่รุนแรง

 

 ความเร็วในการฟื้นฟูของดิสต์ค่อยๆ ลดลงและ มันก็สลายหายไปในเวลาเพียงไม่กี่นาที

 

 

 

“ดูเหมือนจะจบแล้วสินะ”

 

“หือ? นั่นเธอกำลังเคลื่อนย้ายกลับเหรอ!?”

 

“ซิลฟีจังเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ผู้สันโดษน่ะซี่”

 

“เดี๋ยวสิ เอเลเฟ่น!?”

 

 

 

 เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลงและเหล่าสาวน้อยเวทมนตร์ได้เริ่มมีโอกาสพักหายใจด้วยความโล่งอก วงเวทย์เทเลพอร์ตที่ส่องประกายก็เริ่มทับร่างของซิลฟ์

 

 สาวน้อยเวทมนตร์แห่งเมืองซากุระเคยชินกับความจริงที่ว่า ไทแรนด์ ซิลฟ์ จะไม่ได้เข้ามาทักทายเพื่อแสดงความมิตร แต่สำหรับสาวน้อยเวทมนตร์แห่งจุนโคอิแล้วการตัดสินใจจากไปโดยไม่พูดอะไรสักนิดเดียวหลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือดแบบนี้เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงว่าจะมีคนทำมันจริงๆ

 

 ในขณะที่เพรสกำลังให้คำอธิบายตัวตนของซิลฟ์ที่เหมาะสมแก่ทั้งสองคนที่ประหลาดใจ เบลดก็เปล่งเสียงของเธอออกมา

 

 

 

 เอเลเฟ่นกระโจนออกไปก่อนที่ทั้งสามจะหันมามองตามด้วยความประหลาดใจเมื่อได้ยินเสียงที่เปล่งออกมาของเบลด

 

 

 

 โดยใช้บ้านส่วนตัว อพาร์ตเมนต์ และคอนโดมิเนียมที่พังทลายเป็นฐานตั้งเหยียบ เธอกระโดดขึ้นไปเรื่อย ๆ และในที่สุดก็กระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยพลังเวทย์เสริมความแข็งแกร่งทางกายภาพอย่างเต็มกำลัง

 

 

 

“ซิลฟ์จัง!”

 

“ห๊ะ? คุณเอเลเฟ่น…”

 

 

 

 เอเลเฟ่นกอด ซิลฟ์ ซึ่งกำลังถูกห่อหุ้มด้วยแสงเทเลพอร์ต

 

 ถึงจะทำแบบนี้ก็เคลื่อนย้ายไปด้วยกันไม่ได้ เอเลเฟ่นนั้นรู้ดี

 

 แต่ถึงอย่างนั้น เหตุผลที่เธอทำทั้งหมดนี้ก็เพียงเพราะเธอต้องการคุยกับไทแรนด์ ซิลฟ์

 

 

 

 แต่มันก็สายเกินไป

 

 ทันทีที่เอเลเฟ่นพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แสงก็สว่างวาบขึ้นและหายไปพร้อมกับ ไทแรนด์ ซิลฟ์

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 เมื่อแสงจากการเทเลพอร์ตจางลงและเธอเปิดเปลือกตาที่ปิดอยู่ท่ามกลางแสงสว่างจ้าขึ้น เอเลเฟ่นก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน

 

 ในห้องมีเตียง โต๊ะเล็กๆ ทีวี และสิ่งอื่นๆ มากมาย ที่ทำให้เธอรู้สึกว่ามีคนอาศัยอยู่ที่นี่

 

 

 

“ติดมาด้วยสินะคะ คุณเอเลเฟ่น”

 

“อุเอ๋!?”

 

 

 

 มันอยู่ใกล้มาก และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงที่เธอได้ยินจากด้านบนตรงนั้นก็พบว่ามีใบหน้าของไทแรนท์ ซิลฟ์ก็มีสีหน้าโกรธเคืองอยู่ การแปลงร่างถูกยกเลิกไปแล้ว ผมที่ไว้ยาวยุ่งเหยิงเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน และเสื้อผ้าก็เป็นเพียงเสื้อยืดตัวโตเท่านั้น

 

 เอเลเฟ่นรีบปล่อยแขนของเธอเมื่อเธอจำได้ว่าเธอกอดไทแรนด์ ซิลฟ์ไว้ยังไง

 

 ไม่นานนักเธอก็เริ่มเข้าใจสถานการณ์ ดูเหมือนว่าเอเลเฟ่นจะติดมากับการเคลื่อนย้ายของไทแรนด์ ซิลฟ์

 

 

 

“ทะทำไมล่ะ…?”

 

 

 

 เดิมทีแล้วเพียงเพราะเธอเกาะติดกับสาวน้อยเวทมนตร์ที่กำลังเคลื่อนย้าย ไม่มีทางทำให้ถูกเคลื่อนย้ายติดไปด้วยได้ แต่ที่จริงก็พอสามารถทำสิ่งที่คล้ายกันกับสถานการณ์นี้ได้หากเปิดใช้งานด้วยความตั้งใจที่จะเทเลพอร์ตด้วยกันมาตั้งแต่ต้น แต่คราวนี้ไม่ใช่ความตั้งใจของ ซิลฟ์ อย่างแน่นอน เอเลเฟ่นรู้เรื่องนั้นดี และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงงุนงงที่เธอสามารถตามมายังปลายทางของการเคลื่อนย้ายของซิลฟ์ได้

 

 

 

“ต้องมีใครบางคนเข้ามาแทรกแซงค่ะ ถึงฉันจะนึกออกแค่คนเดียวที่จะทำเรื่องแบบนั้นก็ตาม”

 

 

 

 ไทแรนด์ ซิลฟ์ ดูสงบมากแม้ว่าจะมีบางอย่างที่ไม่ควรจะเกิด เกิดขึ้นก็ตาม

 

 ราวกับว่าเธอได้บรรลุบางอย่าง ราวกับว่าเธอได้สูญเสียความลังเลใจไป มันเป็นความสงบที่ไม่ได้มาจากความแข็งกร้าวที่แสดงออกมาก่อนหน้านี้ของเธอ

 

 

 

“ฉันขอโทษนะ ซิลฟ์จัง ฉันไม่ได้ตั้งใจจะตามมากับเธอหรอกนะ”

 

“ฉันเข้าใจค่ะ คุณเอเลเฟ่นเป็นคนที่ค่อนข้างหุนหันค่ะ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นคนที่ชอบใส่ใจในคนรอบข้างซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันไม่มีค่ะ”

 

 

 

 ซิลฟ์ หัวเราะเบาๆ เมื่อเธอเห็นเอเลเฟ่นกล่าวขอโทษ

 

 และเมื่อเห็นซิลฟ์ที่เป็นแบบนี้ เอเลเฟ่นก็รู้สึกมีความสุขมากกว่ารู้สึกผิด

 

 ในวันนั้นจริงอยู่ที่ซิลฟ์ดูมีความสุขมากเมื่อพวกเธอออกไปเที่ยวกันด้วยสัญญาเป็นเพื่อนกันแค่วันเดียว แต่ตอนนี้ ซิลฟ์ ดูมีความสุขได้อย่างเป็นธรรมชาติมากกว่าในวันนั้น

 

 เอเลเฟ่นกำลังกรีดร้องอย่างคลุ้มคลั่งอยู่ในใจเพราะในที่สุด ซิลฟ์ ก็เปิดใจให้เธอแล้ว

 

 

 

“ในเมื่อติดมาแล้วก็ช่วยไม่ได้ค่ะ แม้ว่ามันอาจจะเป็นสถานที่ที่คับแคบสักหน่อย แต่ว่าทำตัวตามสบายได้เลยนะคะ ฉันไม่มีของกินอะไรจะนำมาต้อนรับเลย คุณพอจะรับเป็นชาข้าวบาร์เลย์ได้ไหมคะ”

 

“เอ๊ะ อ๊ะ อืม ได้เลยจ้ะ”

 

 

 

 เอเลเฟ่นรู้สึกงุนงงกับพฤติกรรมของซิลฟ์ที่ทำราวกับว่าแค่เพื่อนของเธอมาเยี่ยม

 

 

 

(ป่านนี้แล้วจะมาพูดอย่างนี้ก็ยังไงอยู่นะ แต่นี่มันบ้านของซิลฟ์จังใช่ไหม…ดังนั้นฉันควรจะไปทักทายคุณพ่อกับคุณแม่ของเธอด้วยไหมนะ?)

 

 

 

 เช่นเดียวกับครั้งแรกที่เธอไปเที่ยวบ้านเพื่อน เธอรู้สึกตื่นเต้นและอึดอัดเล็กน้อยในขณะที่รอซิลฟ์กลับมาจากการไปเอาชาข้าวบาร์เลย์

 

 ระหว่างรอเอเลเฟ่นที่ทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อยก็เริ่มมองไปรอบๆ ห้องและพบตุ๊กตาช้างวางโชว์อยู่

 

 

 

(ซิลฟ์จัง ดูแลมันเป็นอย่างดีเลยสินะ แต่นี่เป็นตุ๊กตาสัตว์ตัวเดียวในห้องเลยเหรอ แถมห้องเองก็ดูธรรมดามาก…)

 

 

 

 ไม่มีเครื่องประดับน่ารักหรือตุ๊กตาสัตว์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเด็กผู้หญิงอยู่เลย และสิ่งของรอบๆเองก็เน้นเพียงประโยชน์ใช้สอย

 

 เอเลเฟ่นเข้าใจดีว่าไม่ใช่ทุกคนที่ชอบของน่ารัก แต่เธอก็ยังรู้สึกว่ามันจืดชืดเกินไปสำหรับห้องของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ

 

 

 

“ขอโทษที่ต้องให้รอนานนะคะ เพราะไม่มีแขกมาเลย ฉันจึงต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะหาถ้วยเจอค่ะ”

 

“อือ รอได้แค่แป๊ปเดียวเอง!”

 

“แล้วเป็นไงบ้างคะ? มีอะไรกับฉันหรือเปล่าคะ?”

 

 

 

 แม้ว่าเธอจะไม่ได้ตั้งใจตามมาแต่ซิลฟ์ก็เดาได้ว่าเธอต้องมีบางอย่างที่ต้องการเมื่อจู่ ๆ เธอก็กระโจนเข้ามาหา และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมซิลฟ์ถึงไม่หันหลังให้เธอ แต่มันคงจะเป็นคนละเรื่องที่แตกต่างออกไปจากตอนนี้โดยสิ้นเชิงหากเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นสาวน้อยเวทมนตร์คนอื่นที่ไม่ใช่เอเลเฟ่น แต่เพราะตอนนี้เป็นเธอดังนั้นซิลฟ์จึงไม่สามารถเพิกเฉยต่อสิ่งที่เอเลเฟ่นต้องการได้

 

 

 

“นั่น! นั่นแหละ ซิลฟ์จัง!!”

 

 

 

 ในที่สุดเอเลเฟ่นที่ลืมจุดประสงค์ดั้งเดิมของเธอเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันก็จำสิ่งที่เธอต้องการจะพูดและสิ่งที่เธอต้องการได้ยินหลังจากซิลฟ์กล่าวถามเธอ

 

 

 

“ซิลฟ์จัง เธอบอกว่าเธอกลัวการต่อสู้ใช่ไหมจ้ะ? ถ้ายังกลัวซิลฟ์จังก็ไม่ควรจะมานะ บางทีต่อให้ซิลฟ์จังไม่มาก็อาจมีสาวน้อยเวทมนตร์คนอื่นมาช่วยก็ได้  แล้วก็ต่อให้จะไม่มีใครมาเราก็มีสิทธิ์จะเลือกที่จะสู้หรือว่าจะหนีดังนั้นถึงสุดท้ายถ้าพวกเราจะแพ้แต่นั้นก็เป็นสิ่งที่เราเลือกเองนะ เพราะแบบนั้นซิลฟ์จังไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ เข้าใจไหมจ้ะ?”

 

 

 

 เอเลเฟ่นกังวลว่าซิลฟ์มาที่สนามรบด้วยความรู้สึกว่าเป็นความรับผิดชอบของเธอ

 

 ความแข็งแกร่งของสาวน้อยเวทมนตร์ไทแรนด์ ซิลฟ์นั้นสูงมากจนเหลือเฟือเธอมีความสามารถที่สูงทิ้งห่างจากทุกคนจนสามารถกำจัด ดิสต์ ซึ่งดูเหมือนกว่าจะสามารถหยุดมันได้จริงๆต้องใช้สาวน้อยเวทมนตร์มากถึง 5 คนร่วมมือกัน

 

 แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ไทแรนด์ ซิลฟ์ จะต้องต่อสู้

 

 พลังที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่ความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง มันขึ้นอยู่กับเธอที่จะตัดสินใจว่าจะใช้พลังนั้นเพื่ออะไร

 

 

 

 แม้ว่าสาวน้อยเวทมนตร์หลายคนจะเสียชีวิตในการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึง ไทแรนด์ ซิลฟ์ ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

 

 

 

“ในเมื่อซิลฟ์จังเป็นเด็กที่อ่อนโยนดังนั้นอาจจะไม่ได้คิดแบบนั้นก็ได้ แต่เธอไม่จำเป็นต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำหรอกนะจ้ะ”

 

 

 

 หาก ซิลฟ์ ต้องการเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องบางสิ่งเหมือนดั่งตัวเธอเอง เอเลเฟ่นก็ไม่มีความตั้งใจที่จะหยุดเธอไม่ให้ทำ ไม่สิ ไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ว่าเหตุผลคืออะไรก็ตาม หากซิลฟ์มีเหตุผลที่จะต่อสู้ เธอก็ไม่มีสิทธิ์หยุดเธอ แต่ว่าซิลฟ์เคยบอกกับเธอเอาไว้ว่า เธอไม่อยากสู้เลยจริงๆ และเธอกลัวที่จะต่อสู้

 

 นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เอเลเฟ่นต้องหยุดซิลฟ์ให้ได้ ไม่ว่าเธอจะพยายามซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้และเข้าต่อสู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เธอจะพยายามค้นหาความรู้สึกที่แท้จริงของเธอและหยุดเธอเอาไว้ให้ได้ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตาม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล(WN)] 魔法少女タイラントシルフ สนวม.ซิลฟ์ 25 กอดกันกลมเกลียวพากันเลี้ยวเข้าห้อง

Now you are reading [นิยายแปล(WN)] 魔法少女タイラントシルフ สนวม.ซิลฟ์ Chapter 25 กอดกันกลมเกลียวพากันเลี้ยวเข้าห้อง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1-7 เพื่อน ③

 

 เอเลเฟ่นยังจำได้ดี

 

 เด็กสาวคนนั้นที่เคยทั้งแข็งแกร่งและดื้อรั้นกอดเธอไว้ด้วยร่างเล็กๆของเธอที่สั่นเทา

 

 เธอร้องไห้เพราะกลัวการต่อสู้และกลัวที่จะสูญเสียชีวิตของเธอไป

 

 

 

 นั่นเป็นเหตุผลที่เธอคิดว่าเธอควรปกป้องเด็กคนนั้นเอาไว้

 

 เธอคิดว่าเธอไม่ควรปล่อยให้เด็กสาวคนนี้ต่อสู้อีกต่อไป

 

 

 

 และถึงอย่างนั้น

 

 

 

“ซิลฟ์จัง…!”

 

 

 

 ตอนนี้เด็กสาวที่ว่ากำลังยืนอยู่ในสนามรบเบื้องหน้าของเอเลเฟ่น

 

 

 

「――――」

 

 

 

 ไทแรนด์ ซิลฟ์ เด็กสาวยกไม้เท้าขึ้นแล้วขยับปาก

 

 แม้พวกเธอจะไม่ได้ยินว่าซิลฟ์กำลังพูดอะไร แต่ทุกคนที่นั่นก็เข้าใจว่ามันเป็นคีย์เวิร์ดของเวทมนตร์

 

 

 

 สายลมส่งเสียงคำรามและหมุนวนขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

 

 

 ด้วยเสียงคำรามเหมือนสัตว์ร้ายที่ไม่มีใครเคยได้พบเจอมาก่อน พายุทอร์นาโดสามลูกถูกปลดปล่อยออกจากไม้เท้าขนาดใหญ่ของซิลฟ์ และเข้าโจมตีดิสต์ยักษ์ในวินาทีนั้นเองที่ร่างกายอันใหญ่โตของมันถูกบิดจนกลายเป็นเหมือนงูด้วยความตั้งใจที่ต้องการให้มันเป็นเช่นนั้น

 

 

 

“นั่นมันเป็นเวทมนตร์ระดับสูงมาก และมันก็ถูกควบคุมได้อย่างสมบูรณ์แบบ..สุดยอดเกินไปแล้ว”

 

 

 

 ในจังหวะที่พายุทอร์นาโดก่อตัวขึ้น นัคเคิลซึ่งตอนนี้อุ้มเอเลเฟ่น และถอยห่างออกมาจากตัวดิสต์แล้วก็ได้ส่งเสียงชื่นชมออกมาเมื่อเธอเห็นเวทมนตร์ของ ไทแรนด์ ซิลฟ์

 

 เวทมนตร์ประเภทธรรมชาติมีพลังทำลายล้างที่สูงมากแต่ถ้าการควบคุมหละหลวมผลที่ตามมาคือมันจะกระจายตัวออกไปเป็นวงกว้าง แต่ทว่าเวทมนตร์ของไทแรนด์ ซิลฟ์นั้นโจมตีเพียงเฉพาะดิสต์ และบริเวณโดยรอบตัวของมันได้อย่างแม่นยำ โดยนัคเคิลที่เฝ้าสังเกตการณ์จากระยะไกลได้รับผลกระทบแค่เพียงลมแรงๆที่พัดผ่านมาหาเท่านั้น

 

 

 

“ฉันไม่เคยได้ยินว่ามีแม่มดแบบนี้มาก่อนเลยแต่ถ้าเป็นเฟส 2 ก็เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่เป็นที่รู้จักด้วยความสามารถที่มากขนาดนั้น”

 

 

 

 ซามูไรพีช ที่ถอนตัวออกมาพร้อมกับเบลดและเพรสเช่นเดียวกับนัคเคิลกับเอเลเฟ่นได้เข้ามาร่วมกลุ่มกันและจุดประเด็นตั้งคำถามขึ้นด้วยความสงสัย  

 

 ปัจจุบันมีแม่มด12คนตามข้อมูลที่ได้ถูกปล่อยออกมา รูปร่างหน้าตาของพวกเธอ เวทมนตร์ที่พวกเธอใช้ ชื่อของพวกเธอในฐานะสาวน้อยเวทมนตร์ และกิจกรรมหลักของพวกเธอเหล่านั้นล้วนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง แล้ว ไทแรนด์ ซิลฟ์ ก็ไม่ได้เป็นหนึ่งในสิบสองคนนั้น

 

 นอกจากนี้แม้ว่าจะไม่แข็งแกร่งเท่าแม่มด แต่สาวน้อยเวทมนตร์เฟส 2 ที่แข็งแกร่งและชื่อเสียงเรียงนามเป็นที่รู้จักดีในแถบนี้คือหัวหน้าของพวกเธอ สาวน้อยเวทมนตร์ เอ็กเท็น ที่เรียกได้ว่าเป็นที่รู้จักกันดีในระดับที่ว่าแทบไม่มีใครที่ไม่รู้จักเธอเลย

 

 ในมุมมองของซามูไรพีช ไทแรนด์ ซิลฟ์นั้นเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ที่สามารถเทียบชั้นได้กับเอ็กเท็นได้เลย และมันก็เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่าสาวน้อยเวทมนตร์คนนี้จะเป็นเพียงสนวม.โนเนมที่ไม่เคยมีใครรู้จักมาก่อน

 

 

 

“เด็กคนนั้นเพิ่งได้กลายเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ได้ไม่นานค่ะ”

 

“ดูเหมือนว่าเธอยังไม่ได้ปล่อยวิดีโอด้วยซ้ำล่ะน้า”

 

“มันไม่สมเหตุสมผลเลย? ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมมือใหม่ถึงได้มีพลังมากขนาดนั้น…”

 

“ไม่ใช่ว่าไม่มีมาก่อนสักหน่อย ดูเหมือนว่าแม่มดนิทราเองก็จะแข็งแกร่งสุดๆมาตั้งแต่แรกเลยเหมือนกัน”

 

 

 

 ในขณะที่ เบลด และ เพลส กำลังคุยกันถึงเรื่องของ ซิลฟ์ ท่ามกลางการสนทนานั้นเอเลเฟ่นเป็นเพียงคนเดียวที่จ้องมองไปที่ซิลฟ์ที่กำลังใช้เวทมนตร์อย่างไม่วางตา

 

 

 

 ในขณะที่ทั้งสี่กำลังคุยกัน พายุทอร์นาโดที่โหมกระหน่ำยังคงฉีกกระชากร่างอันใหญ่โตของ ดิสต์ เป็นชิ้นๆ และในวินาทีต่อมาเมื่อร่างของมันก็ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ และมันก็ถูกทำลายลงจนเป็นผุยผงอีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

 นอกจากจะไม่สามารถสร้างร่างกายใหม่ได้แล้วตัวของดิสต์เองก็ไม่สามารถแม้แต่จะเคลื่อนไหวได้อย่างที่มันต้องการเนื่องจากมันถูกขัดขวางโดยลมพายุที่รุนแรง

 

 ความเร็วในการฟื้นฟูของดิสต์ค่อยๆ ลดลงและ มันก็สลายหายไปในเวลาเพียงไม่กี่นาที

 

 

 

“ดูเหมือนจะจบแล้วสินะ”

 

“หือ? นั่นเธอกำลังเคลื่อนย้ายกลับเหรอ!?”

 

“ซิลฟีจังเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ผู้สันโดษน่ะซี่”

 

“เดี๋ยวสิ เอเลเฟ่น!?”

 

 

 

 เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลงและเหล่าสาวน้อยเวทมนตร์ได้เริ่มมีโอกาสพักหายใจด้วยความโล่งอก วงเวทย์เทเลพอร์ตที่ส่องประกายก็เริ่มทับร่างของซิลฟ์

 

 สาวน้อยเวทมนตร์แห่งเมืองซากุระเคยชินกับความจริงที่ว่า ไทแรนด์ ซิลฟ์ จะไม่ได้เข้ามาทักทายเพื่อแสดงความมิตร แต่สำหรับสาวน้อยเวทมนตร์แห่งจุนโคอิแล้วการตัดสินใจจากไปโดยไม่พูดอะไรสักนิดเดียวหลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือดแบบนี้เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงว่าจะมีคนทำมันจริงๆ

 

 ในขณะที่เพรสกำลังให้คำอธิบายตัวตนของซิลฟ์ที่เหมาะสมแก่ทั้งสองคนที่ประหลาดใจ เบลดก็เปล่งเสียงของเธอออกมา

 

 

 

 เอเลเฟ่นกระโจนออกไปก่อนที่ทั้งสามจะหันมามองตามด้วยความประหลาดใจเมื่อได้ยินเสียงที่เปล่งออกมาของเบลด

 

 

 

 โดยใช้บ้านส่วนตัว อพาร์ตเมนต์ และคอนโดมิเนียมที่พังทลายเป็นฐานตั้งเหยียบ เธอกระโดดขึ้นไปเรื่อย ๆ และในที่สุดก็กระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยพลังเวทย์เสริมความแข็งแกร่งทางกายภาพอย่างเต็มกำลัง

 

 

 

“ซิลฟ์จัง!”

 

“ห๊ะ? คุณเอเลเฟ่น…”

 

 

 

 เอเลเฟ่นกอด ซิลฟ์ ซึ่งกำลังถูกห่อหุ้มด้วยแสงเทเลพอร์ต

 

 ถึงจะทำแบบนี้ก็เคลื่อนย้ายไปด้วยกันไม่ได้ เอเลเฟ่นนั้นรู้ดี

 

 แต่ถึงอย่างนั้น เหตุผลที่เธอทำทั้งหมดนี้ก็เพียงเพราะเธอต้องการคุยกับไทแรนด์ ซิลฟ์

 

 

 

 แต่มันก็สายเกินไป

 

 ทันทีที่เอเลเฟ่นพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แสงก็สว่างวาบขึ้นและหายไปพร้อมกับ ไทแรนด์ ซิลฟ์

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 เมื่อแสงจากการเทเลพอร์ตจางลงและเธอเปิดเปลือกตาที่ปิดอยู่ท่ามกลางแสงสว่างจ้าขึ้น เอเลเฟ่นก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน

 

 ในห้องมีเตียง โต๊ะเล็กๆ ทีวี และสิ่งอื่นๆ มากมาย ที่ทำให้เธอรู้สึกว่ามีคนอาศัยอยู่ที่นี่

 

 

 

“ติดมาด้วยสินะคะ คุณเอเลเฟ่น”

 

“อุเอ๋!?”

 

 

 

 มันอยู่ใกล้มาก และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงที่เธอได้ยินจากด้านบนตรงนั้นก็พบว่ามีใบหน้าของไทแรนท์ ซิลฟ์ก็มีสีหน้าโกรธเคืองอยู่ การแปลงร่างถูกยกเลิกไปแล้ว ผมที่ไว้ยาวยุ่งเหยิงเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน และเสื้อผ้าก็เป็นเพียงเสื้อยืดตัวโตเท่านั้น

 

 เอเลเฟ่นรีบปล่อยแขนของเธอเมื่อเธอจำได้ว่าเธอกอดไทแรนด์ ซิลฟ์ไว้ยังไง

 

 ไม่นานนักเธอก็เริ่มเข้าใจสถานการณ์ ดูเหมือนว่าเอเลเฟ่นจะติดมากับการเคลื่อนย้ายของไทแรนด์ ซิลฟ์

 

 

 

“ทะทำไมล่ะ…?”

 

 

 

 เดิมทีแล้วเพียงเพราะเธอเกาะติดกับสาวน้อยเวทมนตร์ที่กำลังเคลื่อนย้าย ไม่มีทางทำให้ถูกเคลื่อนย้ายติดไปด้วยได้ แต่ที่จริงก็พอสามารถทำสิ่งที่คล้ายกันกับสถานการณ์นี้ได้หากเปิดใช้งานด้วยความตั้งใจที่จะเทเลพอร์ตด้วยกันมาตั้งแต่ต้น แต่คราวนี้ไม่ใช่ความตั้งใจของ ซิลฟ์ อย่างแน่นอน เอเลเฟ่นรู้เรื่องนั้นดี และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงงุนงงที่เธอสามารถตามมายังปลายทางของการเคลื่อนย้ายของซิลฟ์ได้

 

 

 

“ต้องมีใครบางคนเข้ามาแทรกแซงค่ะ ถึงฉันจะนึกออกแค่คนเดียวที่จะทำเรื่องแบบนั้นก็ตาม”

 

 

 

 ไทแรนด์ ซิลฟ์ ดูสงบมากแม้ว่าจะมีบางอย่างที่ไม่ควรจะเกิด เกิดขึ้นก็ตาม

 

 ราวกับว่าเธอได้บรรลุบางอย่าง ราวกับว่าเธอได้สูญเสียความลังเลใจไป มันเป็นความสงบที่ไม่ได้มาจากความแข็งกร้าวที่แสดงออกมาก่อนหน้านี้ของเธอ

 

 

 

“ฉันขอโทษนะ ซิลฟ์จัง ฉันไม่ได้ตั้งใจจะตามมากับเธอหรอกนะ”

 

“ฉันเข้าใจค่ะ คุณเอเลเฟ่นเป็นคนที่ค่อนข้างหุนหันค่ะ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นคนที่ชอบใส่ใจในคนรอบข้างซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันไม่มีค่ะ”

 

 

 

 ซิลฟ์ หัวเราะเบาๆ เมื่อเธอเห็นเอเลเฟ่นกล่าวขอโทษ

 

 และเมื่อเห็นซิลฟ์ที่เป็นแบบนี้ เอเลเฟ่นก็รู้สึกมีความสุขมากกว่ารู้สึกผิด

 

 ในวันนั้นจริงอยู่ที่ซิลฟ์ดูมีความสุขมากเมื่อพวกเธอออกไปเที่ยวกันด้วยสัญญาเป็นเพื่อนกันแค่วันเดียว แต่ตอนนี้ ซิลฟ์ ดูมีความสุขได้อย่างเป็นธรรมชาติมากกว่าในวันนั้น

 

 เอเลเฟ่นกำลังกรีดร้องอย่างคลุ้มคลั่งอยู่ในใจเพราะในที่สุด ซิลฟ์ ก็เปิดใจให้เธอแล้ว

 

 

 

“ในเมื่อติดมาแล้วก็ช่วยไม่ได้ค่ะ แม้ว่ามันอาจจะเป็นสถานที่ที่คับแคบสักหน่อย แต่ว่าทำตัวตามสบายได้เลยนะคะ ฉันไม่มีของกินอะไรจะนำมาต้อนรับเลย คุณพอจะรับเป็นชาข้าวบาร์เลย์ได้ไหมคะ”

 

“เอ๊ะ อ๊ะ อืม ได้เลยจ้ะ”

 

 

 

 เอเลเฟ่นรู้สึกงุนงงกับพฤติกรรมของซิลฟ์ที่ทำราวกับว่าแค่เพื่อนของเธอมาเยี่ยม

 

 

 

(ป่านนี้แล้วจะมาพูดอย่างนี้ก็ยังไงอยู่นะ แต่นี่มันบ้านของซิลฟ์จังใช่ไหม…ดังนั้นฉันควรจะไปทักทายคุณพ่อกับคุณแม่ของเธอด้วยไหมนะ?)

 

 

 

 เช่นเดียวกับครั้งแรกที่เธอไปเที่ยวบ้านเพื่อน เธอรู้สึกตื่นเต้นและอึดอัดเล็กน้อยในขณะที่รอซิลฟ์กลับมาจากการไปเอาชาข้าวบาร์เลย์

 

 ระหว่างรอเอเลเฟ่นที่ทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อยก็เริ่มมองไปรอบๆ ห้องและพบตุ๊กตาช้างวางโชว์อยู่

 

 

 

(ซิลฟ์จัง ดูแลมันเป็นอย่างดีเลยสินะ แต่นี่เป็นตุ๊กตาสัตว์ตัวเดียวในห้องเลยเหรอ แถมห้องเองก็ดูธรรมดามาก…)

 

 

 

 ไม่มีเครื่องประดับน่ารักหรือตุ๊กตาสัตว์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเด็กผู้หญิงอยู่เลย และสิ่งของรอบๆเองก็เน้นเพียงประโยชน์ใช้สอย

 

 เอเลเฟ่นเข้าใจดีว่าไม่ใช่ทุกคนที่ชอบของน่ารัก แต่เธอก็ยังรู้สึกว่ามันจืดชืดเกินไปสำหรับห้องของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ

 

 

 

“ขอโทษที่ต้องให้รอนานนะคะ เพราะไม่มีแขกมาเลย ฉันจึงต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะหาถ้วยเจอค่ะ”

 

“อือ รอได้แค่แป๊ปเดียวเอง!”

 

“แล้วเป็นไงบ้างคะ? มีอะไรกับฉันหรือเปล่าคะ?”

 

 

 

 แม้ว่าเธอจะไม่ได้ตั้งใจตามมาแต่ซิลฟ์ก็เดาได้ว่าเธอต้องมีบางอย่างที่ต้องการเมื่อจู่ ๆ เธอก็กระโจนเข้ามาหา และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมซิลฟ์ถึงไม่หันหลังให้เธอ แต่มันคงจะเป็นคนละเรื่องที่แตกต่างออกไปจากตอนนี้โดยสิ้นเชิงหากเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นสาวน้อยเวทมนตร์คนอื่นที่ไม่ใช่เอเลเฟ่น แต่เพราะตอนนี้เป็นเธอดังนั้นซิลฟ์จึงไม่สามารถเพิกเฉยต่อสิ่งที่เอเลเฟ่นต้องการได้

 

 

 

“นั่น! นั่นแหละ ซิลฟ์จัง!!”

 

 

 

 ในที่สุดเอเลเฟ่นที่ลืมจุดประสงค์ดั้งเดิมของเธอเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันก็จำสิ่งที่เธอต้องการจะพูดและสิ่งที่เธอต้องการได้ยินหลังจากซิลฟ์กล่าวถามเธอ

 

 

 

“ซิลฟ์จัง เธอบอกว่าเธอกลัวการต่อสู้ใช่ไหมจ้ะ? ถ้ายังกลัวซิลฟ์จังก็ไม่ควรจะมานะ บางทีต่อให้ซิลฟ์จังไม่มาก็อาจมีสาวน้อยเวทมนตร์คนอื่นมาช่วยก็ได้  แล้วก็ต่อให้จะไม่มีใครมาเราก็มีสิทธิ์จะเลือกที่จะสู้หรือว่าจะหนีดังนั้นถึงสุดท้ายถ้าพวกเราจะแพ้แต่นั้นก็เป็นสิ่งที่เราเลือกเองนะ เพราะแบบนั้นซิลฟ์จังไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ เข้าใจไหมจ้ะ?”

 

 

 

 เอเลเฟ่นกังวลว่าซิลฟ์มาที่สนามรบด้วยความรู้สึกว่าเป็นความรับผิดชอบของเธอ

 

 ความแข็งแกร่งของสาวน้อยเวทมนตร์ไทแรนด์ ซิลฟ์นั้นสูงมากจนเหลือเฟือเธอมีความสามารถที่สูงทิ้งห่างจากทุกคนจนสามารถกำจัด ดิสต์ ซึ่งดูเหมือนกว่าจะสามารถหยุดมันได้จริงๆต้องใช้สาวน้อยเวทมนตร์มากถึง 5 คนร่วมมือกัน

 

 แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ไทแรนด์ ซิลฟ์ จะต้องต่อสู้

 

 พลังที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่ความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง มันขึ้นอยู่กับเธอที่จะตัดสินใจว่าจะใช้พลังนั้นเพื่ออะไร

 

 

 

 แม้ว่าสาวน้อยเวทมนตร์หลายคนจะเสียชีวิตในการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึง ไทแรนด์ ซิลฟ์ ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

 

 

 

“ในเมื่อซิลฟ์จังเป็นเด็กที่อ่อนโยนดังนั้นอาจจะไม่ได้คิดแบบนั้นก็ได้ แต่เธอไม่จำเป็นต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำหรอกนะจ้ะ”

 

 

 

 หาก ซิลฟ์ ต้องการเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องบางสิ่งเหมือนดั่งตัวเธอเอง เอเลเฟ่นก็ไม่มีความตั้งใจที่จะหยุดเธอไม่ให้ทำ ไม่สิ ไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ว่าเหตุผลคืออะไรก็ตาม หากซิลฟ์มีเหตุผลที่จะต่อสู้ เธอก็ไม่มีสิทธิ์หยุดเธอ แต่ว่าซิลฟ์เคยบอกกับเธอเอาไว้ว่า เธอไม่อยากสู้เลยจริงๆ และเธอกลัวที่จะต่อสู้

 

 นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เอเลเฟ่นต้องหยุดซิลฟ์ให้ได้ ไม่ว่าเธอจะพยายามซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้และเข้าต่อสู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เธอจะพยายามค้นหาความรู้สึกที่แท้จริงของเธอและหยุดเธอเอาไว้ให้ได้ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตาม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล(WN)] 魔法少女タイラントシルフ สนวม.ซิลฟ์ 25 กอดกันกลมเกลียวพากันเลี้ยวเข้าห้อง

Now you are reading [นิยายแปล(WN)] 魔法少女タイラントシルフ สนวม.ซิลฟ์ Chapter 25 กอดกันกลมเกลียวพากันเลี้ยวเข้าห้อง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1-7 เพื่อน ③

 

 เอเลเฟ่นยังจำได้ดี

 

 เด็กสาวคนนั้นที่เคยทั้งแข็งแกร่งและดื้อรั้นกอดเธอไว้ด้วยร่างเล็กๆของเธอที่สั่นเทา

 

 เธอร้องไห้เพราะกลัวการต่อสู้และกลัวที่จะสูญเสียชีวิตของเธอไป

 

 

 

 นั่นเป็นเหตุผลที่เธอคิดว่าเธอควรปกป้องเด็กคนนั้นเอาไว้

 

 เธอคิดว่าเธอไม่ควรปล่อยให้เด็กสาวคนนี้ต่อสู้อีกต่อไป

 

 

 

 และถึงอย่างนั้น

 

 

 

“ซิลฟ์จัง…!”

 

 

 

 ตอนนี้เด็กสาวที่ว่ากำลังยืนอยู่ในสนามรบเบื้องหน้าของเอเลเฟ่น

 

 

 

「――――」

 

 

 

 ไทแรนด์ ซิลฟ์ เด็กสาวยกไม้เท้าขึ้นแล้วขยับปาก

 

 แม้พวกเธอจะไม่ได้ยินว่าซิลฟ์กำลังพูดอะไร แต่ทุกคนที่นั่นก็เข้าใจว่ามันเป็นคีย์เวิร์ดของเวทมนตร์

 

 

 

 สายลมส่งเสียงคำรามและหมุนวนขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

 

 

 ด้วยเสียงคำรามเหมือนสัตว์ร้ายที่ไม่มีใครเคยได้พบเจอมาก่อน พายุทอร์นาโดสามลูกถูกปลดปล่อยออกจากไม้เท้าขนาดใหญ่ของซิลฟ์ และเข้าโจมตีดิสต์ยักษ์ในวินาทีนั้นเองที่ร่างกายอันใหญ่โตของมันถูกบิดจนกลายเป็นเหมือนงูด้วยความตั้งใจที่ต้องการให้มันเป็นเช่นนั้น

 

 

 

“นั่นมันเป็นเวทมนตร์ระดับสูงมาก และมันก็ถูกควบคุมได้อย่างสมบูรณ์แบบ..สุดยอดเกินไปแล้ว”

 

 

 

 ในจังหวะที่พายุทอร์นาโดก่อตัวขึ้น นัคเคิลซึ่งตอนนี้อุ้มเอเลเฟ่น และถอยห่างออกมาจากตัวดิสต์แล้วก็ได้ส่งเสียงชื่นชมออกมาเมื่อเธอเห็นเวทมนตร์ของ ไทแรนด์ ซิลฟ์

 

 เวทมนตร์ประเภทธรรมชาติมีพลังทำลายล้างที่สูงมากแต่ถ้าการควบคุมหละหลวมผลที่ตามมาคือมันจะกระจายตัวออกไปเป็นวงกว้าง แต่ทว่าเวทมนตร์ของไทแรนด์ ซิลฟ์นั้นโจมตีเพียงเฉพาะดิสต์ และบริเวณโดยรอบตัวของมันได้อย่างแม่นยำ โดยนัคเคิลที่เฝ้าสังเกตการณ์จากระยะไกลได้รับผลกระทบแค่เพียงลมแรงๆที่พัดผ่านมาหาเท่านั้น

 

 

 

“ฉันไม่เคยได้ยินว่ามีแม่มดแบบนี้มาก่อนเลยแต่ถ้าเป็นเฟส 2 ก็เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่เป็นที่รู้จักด้วยความสามารถที่มากขนาดนั้น”

 

 

 

 ซามูไรพีช ที่ถอนตัวออกมาพร้อมกับเบลดและเพรสเช่นเดียวกับนัคเคิลกับเอเลเฟ่นได้เข้ามาร่วมกลุ่มกันและจุดประเด็นตั้งคำถามขึ้นด้วยความสงสัย  

 

 ปัจจุบันมีแม่มด12คนตามข้อมูลที่ได้ถูกปล่อยออกมา รูปร่างหน้าตาของพวกเธอ เวทมนตร์ที่พวกเธอใช้ ชื่อของพวกเธอในฐานะสาวน้อยเวทมนตร์ และกิจกรรมหลักของพวกเธอเหล่านั้นล้วนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง แล้ว ไทแรนด์ ซิลฟ์ ก็ไม่ได้เป็นหนึ่งในสิบสองคนนั้น

 

 นอกจากนี้แม้ว่าจะไม่แข็งแกร่งเท่าแม่มด แต่สาวน้อยเวทมนตร์เฟส 2 ที่แข็งแกร่งและชื่อเสียงเรียงนามเป็นที่รู้จักดีในแถบนี้คือหัวหน้าของพวกเธอ สาวน้อยเวทมนตร์ เอ็กเท็น ที่เรียกได้ว่าเป็นที่รู้จักกันดีในระดับที่ว่าแทบไม่มีใครที่ไม่รู้จักเธอเลย

 

 ในมุมมองของซามูไรพีช ไทแรนด์ ซิลฟ์นั้นเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ที่สามารถเทียบชั้นได้กับเอ็กเท็นได้เลย และมันก็เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่าสาวน้อยเวทมนตร์คนนี้จะเป็นเพียงสนวม.โนเนมที่ไม่เคยมีใครรู้จักมาก่อน

 

 

 

“เด็กคนนั้นเพิ่งได้กลายเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ได้ไม่นานค่ะ”

 

“ดูเหมือนว่าเธอยังไม่ได้ปล่อยวิดีโอด้วยซ้ำล่ะน้า”

 

“มันไม่สมเหตุสมผลเลย? ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมมือใหม่ถึงได้มีพลังมากขนาดนั้น…”

 

“ไม่ใช่ว่าไม่มีมาก่อนสักหน่อย ดูเหมือนว่าแม่มดนิทราเองก็จะแข็งแกร่งสุดๆมาตั้งแต่แรกเลยเหมือนกัน”

 

 

 

 ในขณะที่ เบลด และ เพลส กำลังคุยกันถึงเรื่องของ ซิลฟ์ ท่ามกลางการสนทนานั้นเอเลเฟ่นเป็นเพียงคนเดียวที่จ้องมองไปที่ซิลฟ์ที่กำลังใช้เวทมนตร์อย่างไม่วางตา

 

 

 

 ในขณะที่ทั้งสี่กำลังคุยกัน พายุทอร์นาโดที่โหมกระหน่ำยังคงฉีกกระชากร่างอันใหญ่โตของ ดิสต์ เป็นชิ้นๆ และในวินาทีต่อมาเมื่อร่างของมันก็ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ และมันก็ถูกทำลายลงจนเป็นผุยผงอีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

 นอกจากจะไม่สามารถสร้างร่างกายใหม่ได้แล้วตัวของดิสต์เองก็ไม่สามารถแม้แต่จะเคลื่อนไหวได้อย่างที่มันต้องการเนื่องจากมันถูกขัดขวางโดยลมพายุที่รุนแรง

 

 ความเร็วในการฟื้นฟูของดิสต์ค่อยๆ ลดลงและ มันก็สลายหายไปในเวลาเพียงไม่กี่นาที

 

 

 

“ดูเหมือนจะจบแล้วสินะ”

 

“หือ? นั่นเธอกำลังเคลื่อนย้ายกลับเหรอ!?”

 

“ซิลฟีจังเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ผู้สันโดษน่ะซี่”

 

“เดี๋ยวสิ เอเลเฟ่น!?”

 

 

 

 เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลงและเหล่าสาวน้อยเวทมนตร์ได้เริ่มมีโอกาสพักหายใจด้วยความโล่งอก วงเวทย์เทเลพอร์ตที่ส่องประกายก็เริ่มทับร่างของซิลฟ์

 

 สาวน้อยเวทมนตร์แห่งเมืองซากุระเคยชินกับความจริงที่ว่า ไทแรนด์ ซิลฟ์ จะไม่ได้เข้ามาทักทายเพื่อแสดงความมิตร แต่สำหรับสาวน้อยเวทมนตร์แห่งจุนโคอิแล้วการตัดสินใจจากไปโดยไม่พูดอะไรสักนิดเดียวหลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือดแบบนี้เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงว่าจะมีคนทำมันจริงๆ

 

 ในขณะที่เพรสกำลังให้คำอธิบายตัวตนของซิลฟ์ที่เหมาะสมแก่ทั้งสองคนที่ประหลาดใจ เบลดก็เปล่งเสียงของเธอออกมา

 

 

 

 เอเลเฟ่นกระโจนออกไปก่อนที่ทั้งสามจะหันมามองตามด้วยความประหลาดใจเมื่อได้ยินเสียงที่เปล่งออกมาของเบลด

 

 

 

 โดยใช้บ้านส่วนตัว อพาร์ตเมนต์ และคอนโดมิเนียมที่พังทลายเป็นฐานตั้งเหยียบ เธอกระโดดขึ้นไปเรื่อย ๆ และในที่สุดก็กระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยพลังเวทย์เสริมความแข็งแกร่งทางกายภาพอย่างเต็มกำลัง

 

 

 

“ซิลฟ์จัง!”

 

“ห๊ะ? คุณเอเลเฟ่น…”

 

 

 

 เอเลเฟ่นกอด ซิลฟ์ ซึ่งกำลังถูกห่อหุ้มด้วยแสงเทเลพอร์ต

 

 ถึงจะทำแบบนี้ก็เคลื่อนย้ายไปด้วยกันไม่ได้ เอเลเฟ่นนั้นรู้ดี

 

 แต่ถึงอย่างนั้น เหตุผลที่เธอทำทั้งหมดนี้ก็เพียงเพราะเธอต้องการคุยกับไทแรนด์ ซิลฟ์

 

 

 

 แต่มันก็สายเกินไป

 

 ทันทีที่เอเลเฟ่นพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แสงก็สว่างวาบขึ้นและหายไปพร้อมกับ ไทแรนด์ ซิลฟ์

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 เมื่อแสงจากการเทเลพอร์ตจางลงและเธอเปิดเปลือกตาที่ปิดอยู่ท่ามกลางแสงสว่างจ้าขึ้น เอเลเฟ่นก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน

 

 ในห้องมีเตียง โต๊ะเล็กๆ ทีวี และสิ่งอื่นๆ มากมาย ที่ทำให้เธอรู้สึกว่ามีคนอาศัยอยู่ที่นี่

 

 

 

“ติดมาด้วยสินะคะ คุณเอเลเฟ่น”

 

“อุเอ๋!?”

 

 

 

 มันอยู่ใกล้มาก และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงที่เธอได้ยินจากด้านบนตรงนั้นก็พบว่ามีใบหน้าของไทแรนท์ ซิลฟ์ก็มีสีหน้าโกรธเคืองอยู่ การแปลงร่างถูกยกเลิกไปแล้ว ผมที่ไว้ยาวยุ่งเหยิงเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน และเสื้อผ้าก็เป็นเพียงเสื้อยืดตัวโตเท่านั้น

 

 เอเลเฟ่นรีบปล่อยแขนของเธอเมื่อเธอจำได้ว่าเธอกอดไทแรนด์ ซิลฟ์ไว้ยังไง

 

 ไม่นานนักเธอก็เริ่มเข้าใจสถานการณ์ ดูเหมือนว่าเอเลเฟ่นจะติดมากับการเคลื่อนย้ายของไทแรนด์ ซิลฟ์

 

 

 

“ทะทำไมล่ะ…?”

 

 

 

 เดิมทีแล้วเพียงเพราะเธอเกาะติดกับสาวน้อยเวทมนตร์ที่กำลังเคลื่อนย้าย ไม่มีทางทำให้ถูกเคลื่อนย้ายติดไปด้วยได้ แต่ที่จริงก็พอสามารถทำสิ่งที่คล้ายกันกับสถานการณ์นี้ได้หากเปิดใช้งานด้วยความตั้งใจที่จะเทเลพอร์ตด้วยกันมาตั้งแต่ต้น แต่คราวนี้ไม่ใช่ความตั้งใจของ ซิลฟ์ อย่างแน่นอน เอเลเฟ่นรู้เรื่องนั้นดี และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงงุนงงที่เธอสามารถตามมายังปลายทางของการเคลื่อนย้ายของซิลฟ์ได้

 

 

 

“ต้องมีใครบางคนเข้ามาแทรกแซงค่ะ ถึงฉันจะนึกออกแค่คนเดียวที่จะทำเรื่องแบบนั้นก็ตาม”

 

 

 

 ไทแรนด์ ซิลฟ์ ดูสงบมากแม้ว่าจะมีบางอย่างที่ไม่ควรจะเกิด เกิดขึ้นก็ตาม

 

 ราวกับว่าเธอได้บรรลุบางอย่าง ราวกับว่าเธอได้สูญเสียความลังเลใจไป มันเป็นความสงบที่ไม่ได้มาจากความแข็งกร้าวที่แสดงออกมาก่อนหน้านี้ของเธอ

 

 

 

“ฉันขอโทษนะ ซิลฟ์จัง ฉันไม่ได้ตั้งใจจะตามมากับเธอหรอกนะ”

 

“ฉันเข้าใจค่ะ คุณเอเลเฟ่นเป็นคนที่ค่อนข้างหุนหันค่ะ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นคนที่ชอบใส่ใจในคนรอบข้างซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันไม่มีค่ะ”

 

 

 

 ซิลฟ์ หัวเราะเบาๆ เมื่อเธอเห็นเอเลเฟ่นกล่าวขอโทษ

 

 และเมื่อเห็นซิลฟ์ที่เป็นแบบนี้ เอเลเฟ่นก็รู้สึกมีความสุขมากกว่ารู้สึกผิด

 

 ในวันนั้นจริงอยู่ที่ซิลฟ์ดูมีความสุขมากเมื่อพวกเธอออกไปเที่ยวกันด้วยสัญญาเป็นเพื่อนกันแค่วันเดียว แต่ตอนนี้ ซิลฟ์ ดูมีความสุขได้อย่างเป็นธรรมชาติมากกว่าในวันนั้น

 

 เอเลเฟ่นกำลังกรีดร้องอย่างคลุ้มคลั่งอยู่ในใจเพราะในที่สุด ซิลฟ์ ก็เปิดใจให้เธอแล้ว

 

 

 

“ในเมื่อติดมาแล้วก็ช่วยไม่ได้ค่ะ แม้ว่ามันอาจจะเป็นสถานที่ที่คับแคบสักหน่อย แต่ว่าทำตัวตามสบายได้เลยนะคะ ฉันไม่มีของกินอะไรจะนำมาต้อนรับเลย คุณพอจะรับเป็นชาข้าวบาร์เลย์ได้ไหมคะ”

 

“เอ๊ะ อ๊ะ อืม ได้เลยจ้ะ”

 

 

 

 เอเลเฟ่นรู้สึกงุนงงกับพฤติกรรมของซิลฟ์ที่ทำราวกับว่าแค่เพื่อนของเธอมาเยี่ยม

 

 

 

(ป่านนี้แล้วจะมาพูดอย่างนี้ก็ยังไงอยู่นะ แต่นี่มันบ้านของซิลฟ์จังใช่ไหม…ดังนั้นฉันควรจะไปทักทายคุณพ่อกับคุณแม่ของเธอด้วยไหมนะ?)

 

 

 

 เช่นเดียวกับครั้งแรกที่เธอไปเที่ยวบ้านเพื่อน เธอรู้สึกตื่นเต้นและอึดอัดเล็กน้อยในขณะที่รอซิลฟ์กลับมาจากการไปเอาชาข้าวบาร์เลย์

 

 ระหว่างรอเอเลเฟ่นที่ทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อยก็เริ่มมองไปรอบๆ ห้องและพบตุ๊กตาช้างวางโชว์อยู่

 

 

 

(ซิลฟ์จัง ดูแลมันเป็นอย่างดีเลยสินะ แต่นี่เป็นตุ๊กตาสัตว์ตัวเดียวในห้องเลยเหรอ แถมห้องเองก็ดูธรรมดามาก…)

 

 

 

 ไม่มีเครื่องประดับน่ารักหรือตุ๊กตาสัตว์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเด็กผู้หญิงอยู่เลย และสิ่งของรอบๆเองก็เน้นเพียงประโยชน์ใช้สอย

 

 เอเลเฟ่นเข้าใจดีว่าไม่ใช่ทุกคนที่ชอบของน่ารัก แต่เธอก็ยังรู้สึกว่ามันจืดชืดเกินไปสำหรับห้องของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ

 

 

 

“ขอโทษที่ต้องให้รอนานนะคะ เพราะไม่มีแขกมาเลย ฉันจึงต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะหาถ้วยเจอค่ะ”

 

“อือ รอได้แค่แป๊ปเดียวเอง!”

 

“แล้วเป็นไงบ้างคะ? มีอะไรกับฉันหรือเปล่าคะ?”

 

 

 

 แม้ว่าเธอจะไม่ได้ตั้งใจตามมาแต่ซิลฟ์ก็เดาได้ว่าเธอต้องมีบางอย่างที่ต้องการเมื่อจู่ ๆ เธอก็กระโจนเข้ามาหา และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมซิลฟ์ถึงไม่หันหลังให้เธอ แต่มันคงจะเป็นคนละเรื่องที่แตกต่างออกไปจากตอนนี้โดยสิ้นเชิงหากเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นสาวน้อยเวทมนตร์คนอื่นที่ไม่ใช่เอเลเฟ่น แต่เพราะตอนนี้เป็นเธอดังนั้นซิลฟ์จึงไม่สามารถเพิกเฉยต่อสิ่งที่เอเลเฟ่นต้องการได้

 

 

 

“นั่น! นั่นแหละ ซิลฟ์จัง!!”

 

 

 

 ในที่สุดเอเลเฟ่นที่ลืมจุดประสงค์ดั้งเดิมของเธอเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันก็จำสิ่งที่เธอต้องการจะพูดและสิ่งที่เธอต้องการได้ยินหลังจากซิลฟ์กล่าวถามเธอ

 

 

 

“ซิลฟ์จัง เธอบอกว่าเธอกลัวการต่อสู้ใช่ไหมจ้ะ? ถ้ายังกลัวซิลฟ์จังก็ไม่ควรจะมานะ บางทีต่อให้ซิลฟ์จังไม่มาก็อาจมีสาวน้อยเวทมนตร์คนอื่นมาช่วยก็ได้  แล้วก็ต่อให้จะไม่มีใครมาเราก็มีสิทธิ์จะเลือกที่จะสู้หรือว่าจะหนีดังนั้นถึงสุดท้ายถ้าพวกเราจะแพ้แต่นั้นก็เป็นสิ่งที่เราเลือกเองนะ เพราะแบบนั้นซิลฟ์จังไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ เข้าใจไหมจ้ะ?”

 

 

 

 เอเลเฟ่นกังวลว่าซิลฟ์มาที่สนามรบด้วยความรู้สึกว่าเป็นความรับผิดชอบของเธอ

 

 ความแข็งแกร่งของสาวน้อยเวทมนตร์ไทแรนด์ ซิลฟ์นั้นสูงมากจนเหลือเฟือเธอมีความสามารถที่สูงทิ้งห่างจากทุกคนจนสามารถกำจัด ดิสต์ ซึ่งดูเหมือนกว่าจะสามารถหยุดมันได้จริงๆต้องใช้สาวน้อยเวทมนตร์มากถึง 5 คนร่วมมือกัน

 

 แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ไทแรนด์ ซิลฟ์ จะต้องต่อสู้

 

 พลังที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่ความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง มันขึ้นอยู่กับเธอที่จะตัดสินใจว่าจะใช้พลังนั้นเพื่ออะไร

 

 

 

 แม้ว่าสาวน้อยเวทมนตร์หลายคนจะเสียชีวิตในการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึง ไทแรนด์ ซิลฟ์ ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

 

 

 

“ในเมื่อซิลฟ์จังเป็นเด็กที่อ่อนโยนดังนั้นอาจจะไม่ได้คิดแบบนั้นก็ได้ แต่เธอไม่จำเป็นต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำหรอกนะจ้ะ”

 

 

 

 หาก ซิลฟ์ ต้องการเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องบางสิ่งเหมือนดั่งตัวเธอเอง เอเลเฟ่นก็ไม่มีความตั้งใจที่จะหยุดเธอไม่ให้ทำ ไม่สิ ไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ว่าเหตุผลคืออะไรก็ตาม หากซิลฟ์มีเหตุผลที่จะต่อสู้ เธอก็ไม่มีสิทธิ์หยุดเธอ แต่ว่าซิลฟ์เคยบอกกับเธอเอาไว้ว่า เธอไม่อยากสู้เลยจริงๆ และเธอกลัวที่จะต่อสู้

 

 นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เอเลเฟ่นต้องหยุดซิลฟ์ให้ได้ ไม่ว่าเธอจะพยายามซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้และเข้าต่อสู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เธอจะพยายามค้นหาความรู้สึกที่แท้จริงของเธอและหยุดเธอเอาไว้ให้ได้ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตาม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+