เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้ายบทที่ 229 แรงดีมาก

Now you are reading เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย Chapter บทที่ 229 แรงดีมาก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 229 แรงดีมาก

ตอนที่จี้จือฮวนกลับมาถึงบ้าน ก็ได้พบกับหลี่ฮองเฮา

สตรีผู้นั้นไม่ได้อ่อนเยาว์อีกแล้ว ทั้งยังเปี่ยมไปด้วยพลังในการใช้ชีวิต และนางก็กำลังมองดูจี้จือฮวนอย่างเงียบ ๆ

“ท่านแม่” อาฉือลุกขึ้นยืน ก่อนจะมองหลี่ฮองเฮาเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้น “ท่านย่า นี่คือท่านแม่ของข้า”

หลี่ฮองเฮาไม่พูดพร่ำทำเพลง คุกเข่าลงคารวะให้จี้จือฮวนทันที “ขอบคุณเผยฮูหยินที่ดูแลอาฉือของข้า ข้าไม่มีอะไรตอบแทนได้จริง ๆ”

จี้จือฮวนรีบห้ามเอาไว้ “ฮองเฮาไม่ต้องทำเช่นนี้หรอกเพคะ อาฉือเรียกข้าว่าแม่ไม่จำเป็นต้องให้ใครตอบแทนเพคะ”

ความรู้สึกบนโลกเดิมก็เป็นเช่นนี้ ขึ้นอยู่กับหัวใจเท่านั้น

หลี่ฮองเฮาน้ำตานองหน้า นางจับมือของจี้จือฮวนเอาไว้และไม่ได้พูดอะไรอีก เพราะนางรู้ว่าต่อให้พูดมากกว่านี้ก็ไม่สามารถชดเชยที่นางดูแลอาฉือได้

ในหมู่บ้านที่ห่างไกลเช่นนี้ นางเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวต้องดูแลทั้งเผยยวนที่นอนเป็นผัก และเด็ก ๆ ถึงสามคน ต้องลำบากเพียงใดกัน คนที่ไม่ได้เป็นอะไรกันกลับโอบอุ้มเด็ก ๆ เอาไว้ด้วยความปรารถนาดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่ฮ่องเต้เซี่ยเจินที่เป็นปู่แท้ ๆ กลับคิดแต่จะฆ่าเขา

หลี่ฮองเฮาคิดถึงตรงนี้ ในใจก็ราวกับมีมือคู่หนึ่งมาบีบรัดเอาไว้จนใจแทบจะแตกสลาย ความเกลียดชังของนาง ความแค้นของนาง หากไม่ได้เห็นฮ่องเต้เซี่ยเจินพบจุดจบแบบเดียวกัน ใจของนางก็คงไม่อาจสงบลงได้!

เนื่องจากฮ่องเต้เซี่ยเจินไม่ได้รับอนุญาตจากไท่ซ่างหวงให้เข้าไปในหมู่บ้านตระกูลเฉินด้วย บรรยากาศในค่ายพักแรมจึงไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ตรงกันข้ามในหมู่บ้านตระกูลเฉินกลับคึกคักเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจี้จือฮวนได้สั่งลูกหมู วัว และแกะจากจางต้าเปียวมาเพิ่มอีก

“นี่คือเนื้อแพะป่าที่ดีที่สุด ข้าเอามาส่งให้พวกเจ้าก่อนเลย” จางต้าเปียวเช็ดเหงื่อบนใบหน้า พลางเอ่ยออกมาอย่างร่าเริง

จี้จือฮวนเปลี่ยนมาสวมผ้ากันเปื้อนแล้ว วันนี้หลี่ฮองเฮามาเป็นแขกที่บ้าน และเป็นวันสำคัญของอาฉือ นางต้องทำอาหารที่พิเศษสักหน่อย เมื่อเห็นว่าเนื้อที่จางต้าเปียวเอามาส่งไม่เลวเลย นางจึงบอกให้เขาอยู่กินข้าวด้วยกัน

จางต้าเปียวที่ช่วงนี้มักจะมาส่งเนื้อที่หมู่บ้านตระกูลเฉินบ่อย ๆ จึงคุ้นชินกับความคึกคักของคนในหมู่บ้านแล้ว เพียงแต่เขาสงสัยว่าเงินของจี้จือฮวนเหตุใดถึงดูเหมือนใช้ไม่มีวันหมดอย่างไรอย่างนั้น กินเช่นนี้ทุกวันยังมีเงินเหลืออีกหรือ?

“จะว่าไปแล้วที่ทางเข้าหมู่บ้านของพวกเจ้า เหตุใดถึงมีคนมากันมากมายเช่นนั้น ดูเหมือนขุนนางและทหารของราชสำนักเลย เจ้าคงไม่ได้ไปก่อเรื่องอะไรเข้าหรอกกระมัง”

จี้จือฮวนทำสีหน้าไร้เดียงสา “คนเราจะพูดจาเหลวไหลไม่ได้นะ สาวชาวบ้านอย่างข้าจะทำอะไรผิดได้กัน”

จางต้าเปียวเกาหัวแกรก ๆ คำพูดนี้มีเหตุผล “เจ้ามีเงินเยอะเช่นนี้ พวกเขาอาจจะลงมือกับหมู่บ้านของเจ้าก็ได้ เจ้าระวังเอาไว้หน่อยล่ะ”

จี้จือฮวนพยักหน้ารับ “ที่ท่านพูดก็มีเหตุผล”

ทรัพยากรอย่างแร่ธาตุในต้าจิ้นนั้นหายาก หมู่บ้านตระกูลเฉินมีเหมืองแร่ถึงสองแห่ง หากฮ่องเต้เซี่ยเจินรู้ว่านางใช้เงินสองพันสองร้อยตำลึงซื้อภูเขาที่มีเหมืองแร่ถึงสองเหมืองมา คงกระอักเลือดออกมาเป็นแน่

ข่าวดีเช่นนี้ต้องใช้ในช่วงเวลาสำคัญ

จางต้าเปียวเอ่ยสองสามประโยคก็ไม่ได้พูดอะไรกับนางอีก ครั้งนี้หมู่บ้านตระกูลเฉินสั่งลูกหมูมามากเพียงนี้นับเป็นการค้าใหญ่ เขาต้องไปพูดคุยกับชาวบ้านดูว่ายังมีใครจะสั่งเนื้ออีกหรือไม่

จี้จือฮวนตั้งใจว่าคืนนี้จะทำแกะย่างทั้งตัว ขณะกำลังเตรียมเครื่องปรุง พวกหลิวเฟิงก็กลับมาพอดี จี้จือฮวนเลิกคิ้วพลางเอ่ยถาม “เป็นเช่นไรบ้าง?”

“ฮูหยิน ท่านหยั่งรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้จริง ๆ หรือขอรับ? พวกเราขวางทหารที่มาส่งเสบียงเหล่านั้นเอาไว้ระหว่างทาง และชิงเอาของทั้งหมดกลับมาแล้วขอรับ ทั้งเป๋าฮื้อ ปลิงทะเล หูฉลาม กระเพาะปลา มีของดีไม่น้อยเลยขอรับ”

ฮ่องเต้เซี่ยเจินเป็นถึงฮ่องเต้ ของกินของใช้ย่อมต้องเป็นของดีที่สุด ต่อให้ออกมาข้างนอกก็ต้องกินอาหารสดใหม่ จะใช้ของค้างคืนได้อย่างไร

จี้จือฮวนเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “เอาของดีเหล่านี้ไปเก็บไว้ก่อน คืนนี้พวกเราจะทำพระกระโดดกำแพง อีกเรื่องที่ข้าสั่งให้พวกเจ้าไปทำ รีบไปทำให้เสร็จก่อน”

“ขอรับ!”

พวกหลิวเฟิงวิ่งออกไปด้วยความกระตือรือร้น และบังเอิญสวนกับเผยยวนที่เดินเข้ามาพอดี

เผยยวน “???”

ตอนนี้ในสายตาของคนเหล่านั้น ไม่มีเจ้านายอย่างเขาแล้วอย่างนั้นหรือ?

จี้จือฮวนเห็นเขาเข้ามาก็วางตะหลิวลงแล้วเอ่ยขึ้น “เจอฮองเฮาหรือยัง?”

เผยยวนพยักหน้ารับ “ฮองเฮาทรงชราลงไปไม่น้อย”

คิดถึงตอนนั้นที่วังหลังไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเคียงกับพระนางได้

จี้จือฮวนไม่เคยเห็นหน้าตาของหลี่ฮองเฮาในตอนนั้น แต่ดูจากหน้าตาของอาฉือแล้ว ต้องดูดีอย่างแน่นอน

เพียงชั่วประกายไฟแลบ ทันใดนั้นนางก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ในเมื่อเผยยวนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเผยเกอ เช่นนั้นเขาจะมีความเกี่ยวข้องกับอาฉือหรือไม่?

ไม่อย่างนั้นเหตุใดตอนที่ท่านป้าเจอเขาครั้งแรก ถึงได้เรียกเขาว่าน้องชายกัน?

ขณะกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น มือของนางก็ถูกเผยยวนบีบเอาไว้ เขาใช้ปลายนิ้วไล้ฝ่ามือของนางเบา ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแต่แฝงความนัยเอาไว้ “ยังเมื่อยอยู่หรือไม่?”

จี้จือฮวนเงยหน้าขึ้นก็สบเข้ากับสายตาที่ผ่อนคลายและจดจ้องของชายหนุ่ม ราวกับนางกำลังถูกไฟลวกก็มิปาน จี้จือฮวนคิดจะชักมือกลับ แต่เผยยวนกลับออกแรงดึงไว้ ทำให้นางเซไปหาเขาเล็กน้อย ก่อนจะถูกเขาโอบเอวเอาไว้แน่น

“ฮูหยิน ฟ้ายังไม่มืดเลย” ใบหน้าของเผยยวนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

จี้จือฮวนรู้สึกว่าตั้งแต่เมื่อคืนเป็นต้นมา ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่อาจควบคุมได้อีก

จี้จือฮวนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง พวกอาฝูก็วิ่งเข้ามาเสียก่อน จี้จือฮวนพยายามจะขืนตัวออกจากอ้อมกอดของเผยยวน เพราะพวกอาฝูกะพริบตาปริบ ๆ มองพวกเขาอยู่

จี้จือฮวนนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง “อาฝู มีอะไรหรือ?”

อาฝูพยักหน้าหงึก ๆ มองหน้าจี้จือฮวนแล้วเอ่ยขึ้นมา “ท่านน้าฮวนฮวน วันนี้พวกเราเรียนคำที่ใช้พูดกับคนอื่นมาด้วยขอรับ”

จี้จือฮวนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นเจ้าพูดให้ข้าฟังสักประโยคสิ”

อาฝูกำหมัดเล็ก ๆ ของเขาจนแน่น ทำให้ใบหน้าแดงก่ำไปหมด ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาหนึ่งประโยค “แรงของท่านอาเผยดีจริง ๆ ขอรับ”

เผยยวนที่กอดเอวของจี้จือฮวนเอาไว้ไม่ยอมปล่อย เมื่อได้ยินดังนั้นก็ยิ้มกว้างออกมาทันที “อาฝู อาเผยคิดว่าโรงเรียนอนุบาลของเจ้า คุ้มค่าที่จะเรียนจริง ๆ”

“ขอบคุณท่านอาเผยขอรับ!” อาฝูกุมใบหน้าแล้ววิ่งดุกดิกออกไปทันที ทิ้งจี้จือฮวนที่ความคิดกำลังยุ่งเหยิงเอาไว้

เผยยวนก็ไม่ยอมปล่อยนางไปเสียที เขาไล้นิ้วมือไปมาบนเอวของนาง ก่อนจะโน้มกายลงไปเล็กน้อย เข้าไปใกล้หูของนางแล้วเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ “แรงของข้าไม่เลวจริง ๆ เมื่อไรเจ้าถึงจะลองหรือ?”

จี้จือฮวนเงยหน้ามองเขาราวกับเห็นผี แต่กลับพบว่าดวงตาของชายหนุ่มแทบจะเรืองแสงออกมาอยู่แล้ว

นางกระแอมเล็กน้อย “ดูอารมณ์ก่อน”

นางเป็นคนที่สามารถล่อลวงได้ง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ เผยยวนจึงส่งเสียงรับคำ “ข้าพร้อมตลอดเวลา”

!!

เรื่องแบบนี้ไม่ต้องพูดออกมาก็ได้กระมัง! คนแบบเจ้าที่โลกเก่าของนางเรียกว่าคนทะลึ่ง!

ใกล้กับเตา เซียวเย่เจ๋อถือโหลผักดองและเอาหัวชนกับไป๋จิ่นอยู่ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสังเกตเห็นพวกเขา จึงกระซิบขึ้นมา “ยานี้ของเจ้าใช้ได้ผลจริงหรือไม่?”

ไป๋จิ่นสะบัดผมที่เป็นลอนของเขา จนเชือกมัดผมสีแดงสะบัดมาโดนหน้าของเซียวเย่เจ๋อ “เจ้าล้อเล่นหรืออย่างไร ข้าคือปรมาจารย์พิษที่โดดเด่นของสำนักพิษแดนตะวันตก เจ้าคิดว่าแม้แต่ยาเสน่ห์ข้าก็ยังทำไม่ได้อย่างนั้นหรือ นี่เจ้ากำลังดูถูกข้าอยู่นะ”

“เช่นนั้นจะไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายใช่หรือไม่? หากท่านแม่ทัพเผยของข้าเป็นอะไรขึ้นมาจะทำเช่นไร!”

ไป๋จิ่นส่งเสียงชิชะออกมา “คนเขาเป็นสามีภรรยากันจะเข้าห้องหอหรือไม่ เจ้าจะเป็นห่วงไปทำไมกัน?”

เซียวเย่เจ๋อกลอกตามองบน “เจ้าดูท่าทางของจี้จือฮวนสิ เหมือนผู้ชายยิ่งกว่าผู้ชายเสียอีก แต่ท่านแม่ทัพเผยของข้าอยู่ในช่วงวัยที่เลือดลมกำลังพลุ่งพล่าน หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเมื่อใดพวกเขาจะมีลูกกัน เช่นนี้จะไม่ให้ข้าวางยาได้อย่างไร?”

ไป๋จิ่นส่ายหน้า ข้าว่าเจ้าเล่นแรงเกินไปแล้ว

.

.

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด