เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้ายบทที่ 230 กำราบด้วยอาหารรสเลิศ

Now you are reading เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย Chapter บทที่ 230 กำราบด้วยอาหารรสเลิศ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 230 กำราบด้วยอาหารรสเลิศ

มื้อเย็นมีเนื้อสัตว์ป่าที่จางต้าเปียวนำมาส่ง และยังมีวัตถุดิบล้ำค่าที่ปล้นมาจากฮ่องเต้เซี่ยเจินอีกไม่น้อย จี้จือฮวนจึงไม่คิดที่จะประหยัดแต่อย่างใด นางนำวัตถุดิบสดใหม่มาทำอาหารมากมาย หากไม่ส่งกลิ่นหอมไปไกลถึงสิบลี้นางไม่ยอมรามือเป็นแน่

นางเปิดหม้อและเตาขนาดใหญ่!

แพะป่าที่ถูกเชือดเอาไว้แล้วถูกถอนขนจนเกลี้ยง อวัยวะภายในถูกควักออกมา ขูดและล้างจนสะอาด บริเวณที่เนื้อเยอะอย่างช่วงท้องและขาหลังด้านในนางใช้มีดกรีดเป็นรูเล็ก ๆ

จากนั้นก็เอาต้นหอม ขิงหั่นแว่น พริกไทย โป๊ยกั๊ก และยี่หร่ายัดลงไปในท้องของแกะ ก่อนจะนำเครื่องปรุงที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ใส่ลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติ

นำแกะทั้งตัวมาเสียบกับแท่งเหล็กแล้วกางออก ทาด้วยซีอิ๊วขาวและน้ำตาลที่เคี่ยวจนละลาย ตามด้วยน้ำมันงาหนา ๆ อีกชั้นหนึ่ง

เตาอบเป็นแบบสร้างขึ้นชั่วคราว เชื้อเพลิงที่เลือกคือต้นของผลไม้ต่าง ๆ และเศษไม้สน เนื้อที่ย่างด้วยวิธีนี้จะหอมไปด้วยกลิ่นผลไม้ ทำให้เนื้อกรอบนอกนุ่มในและมีรสชาติที่อร่อยยิ่งขึ้น จากนั้นก็ใช้หม้อเหล็กปิดปากเตาให้แน่น แล้วโปะด้วยโคลนสีเหลืองอีกชั้น ไม่นานกลิ่นหอมก็โชยออกมา

จี้จือฮวนให้พวกท่านป้าเตรียมต้นหอมสับ กระเทียมสับ รวมถึงน้ำปรุงบะหมี่ และให้พวกนางทำแป้งนึ่งทรงใบบัวรอเอาไว้ ถึงเวลาก็สามารถเอามาห่อเนื้อแกะและกินพร้อมกันได้

ฮ่องเต้เซี่ยเจินพาคนมาไม่น้อย วัตถุดิบย่อมอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะอาหารทะเลสด ๆ ที่ทำเอาจี้จือฮวนตาเป็นประกาย แม้ว่าตำบลฉาซู่เองก็มีอาหารทะเลขาย แต่ถึงอย่างไรก็ไม่สดใหม่เท่าของในเมืองหลวง และราคาก็แพง โดยมากนางจึงไปจับเอาในแม่น้ำเสียเอง

น้ำแกงที่เคี่ยวมาตั้งแต่เมื่อคืนตอนนี้รสชาติได้ที่แล้ว วัตถุดิบอย่างปลิงทะเล กระเพาะปลา และของอื่น ๆ ที่อยู่ในลังน้ำแข็งนั้นล้วนแช่น้ำมาแล้ว เพื่อฮ่องเต้เซี่ยเจินจะได้สามารถเสวยได้ทันที

ส่วนหอยขมยัดไส้เนื้อ รากบัวยัดไส้ข้าวเหนียว เป็ดยัดไส้แปดสมบัติ ไส้พันต้นหอม เมื่อเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะถึงช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด

เตาย่างที่สั่งทำขึ้นถูกกองทัพทหารเกราะเหล็กนำมาวางไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เนื้อที่เสียบไม้เอาไว้ถูกวางเรียงราย ก่อนจะโรยด้วยเครื่องปรุง บวกกับกลิ่นหอมของน้ำแกงหม้อใหญ่ อาศัยลมพัดเล็กน้อยกลิ่นก็ลอยไปถึงค่ายพักแรมที่อยู่ริมแม่น้ำทันที ทำให้มีคนกลืนน้ำลายไม่หยุดด้วยความอยากกิน

ทางด้านนี้มีสุราชั้นดีแกล้มด้วยถั่วลิสง และคบไฟที่สว่างไสวก็สะท้อนให้เห็นเนื้อเสียบไม้ย่างที่วางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ทว่าทางด้านนั้นกลับยุ่งเหยิงวุ่นวาย

“อะไรนะ วัตถุดิบหมดแล้ว!? เจ้าทำงานอย่างไรกัน? คนที่ส่งออกไปเล่า! ตอนนี้มันเวลาอะไรแล้ว เจ้าจะให้ฝ่าบาททนหิวหรืออย่างไร!”

“พวกเจ้าเป็นอะไรกันไปหมด จะให้ฝ่าบาทรอจนหิวอย่างนั้นหรือ?” เจียงเต๋อเองก็รอจนหมดความอดทนแล้วเช่นกัน

สถานที่แห่งนี้ผิดปกติอย่างมาก คนที่ส่งออกไปก็ราวกับนกอินทรีที่ถูกปล่อยออกจากกรงอย่างไรอย่างนั้น หาก็หาไม่เจอ! แต่ละคนคิดจะก่อกบฏหรืออย่างไร

“เจียงกงกง ท่านดูของที่พวกเรามีตอนนี้สิขอรับ มีอยู่เท่านี้เอง วัตถุดิบของวันนี้ก็ยังมาไม่ถึงเลยขอรับ”

เจียงเต๋อทำสีหน้าบึ้งตึงขึ้นมาทันที เจ้าพวกไร้ความสามารถ แม้แต่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ก็ยังไม่ได้เรื่องอีก “เช่นนั้นมีอะไรก็ทำไปก่อน เร็วเข้า”

คนที่เหลือคงต้องรอไปก่อนแล้ว

พ่อครัวหลวงจากห้องเครื่องที่ตามมาด้วยก็มีสีหน้าสิ้นหวัง ติดตามฮ่องเต้ออกมาเช่นนี้ จะให้ขุนนางใหญ่หิ้วท้องรอได้อย่างไร

“หรือไม่พวกเราไปขอซื้อจากคนในหมู่บ้านใกล้ ๆ ก่อนดีหรือไม่ขอรับ?”

วิธีนี้เป็นความคิดที่ดี ผักในหมู่บ้านเพิ่งเด็ดมายังสดใหม่อยู่ เอามาทำอาหารบ้าน ๆ ที่รสชาติอ่อนหน่อย บางทีฮ่องเต้อาจจะยังพอเสวยได้บ้าง

“เช่นนั้นยังไม่รีบไปจัดการอีก”

พ่อครัวหลวงจึงรีบนำคนไปที่ทางเข้าหมู่บ้านตระกูลเฉินเพื่อขอซื้อผักทันที

ตอนนี้ทุกคนในหมู่บ้านกำลังถือพัดอันใหญ่พัดไล่กลิ่นหอมกันอยู่ แต่ละคนต่างก็น้ำลายไหลไม่หยุดระหว่างรอกินเนื้อเสียบไม้ มีเวลาว่างมาสนใจพวกเขาที่ใดกัน

“หัวหน้าหมู่บ้าน ด้านนอกมีคนบอกว่าจะมาขอซื้อผักของพวกเรา?”

เฉินฉือสูดน้ำลายเล็กน้อย “ไม่ขาย กินเองยังไม่พอเลย”

คนในหมู่บ้านตระกูลเฉินยังต้องไปซื้อผักจากข้างนอกอยู่เลย จะเอาที่ไหนมาขายให้พวกเขากัน?! วันหน้ารอนาเกลือกับโรงงานเครื่องสำอางเปิด พวกเขาก็ไม่ทำนาแล้ว ให้พวกจวนจี้กั๋วกงทำก็พอแล้ว เงินเล็กน้อยเช่นนี้พวกเขาไม่สนใจหรอก!

ฟางจวิ่นเหมยเงยหน้าขึ้น “พวกเขาจ่ายเท่าใด ผักกาดขาวหนึ่งหัวสิบตำลึงเอาหรือไม่? ไม่เอาพวกเราก็ไม่ขาย”

เฉินฉือเดาะลิ้นทันที “จะมีคนโง่ที่ใดซื้อกัน”

ฟางจวิ่นเหมยไม่คิดเช่นนั้น “นายท่านบอกแล้วว่าลูกชายของเขาเป็นสุนัขโง่ หากว่าการค้านี้สำเร็จเล่า? ต้องหาเงินอั่งเปาให้อาฝูหน่อยสิเจ้าคะ”

เฉินฉือคิดว่าคนที่จะซื้อผักกาดขาวหัวละสิบตำลึงนั้นหาได้ยาก ดังนั้นเขาจึงตอบกลับไปส่ง ๆ เพราะไม่คิดว่าคนเหล่านี้จะซื้อ

แต่ใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะยอมซื้อจริง ๆ เฉินฉือที่ดื่มน้ำชาอยู่แทบจะพ่นออกมา ฟางจวิ่นเหมยจึงรีบไปถามความเห็นของจี้จือฮวน

แน่นอนว่าจี้จือฮวนไม่คิดจะปล่อยให้ฮ่องเต้หิวตายอยู่แล้ว เช่นนั้นจะแกล้งเขาได้อย่างไรกัน? แต่ว่าเรื่องเงินนี่…

“สิบตำลึงดูจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไรนัก”

ฟางจวิ่นเหมยร้อนตัวขึ้นมาทันที “ข้าก็คิดว่าแพงไปหน่อย แค่พูดไปส่ง ๆ แต่พวกเขากลับซื้อจริง ๆ ดูท่าคงจะไม่มีผักแล้วกระมัง”

“ข้าหมายความว่าถูกเกินไป ผักกาดขาวหัวหนึ่งกว่าจะงอก กว่าจะเป็นต้นกล้า กว่าจะผลิใบ กว่าจะเข้าหัว กว่าจะเก็บเกี่ยวได้ กำลังคน ทรัพยากร ระยะเวลา หยาดเหงื่อที่เสียไป ขายแค่สิบตำลึงเองหรือ! อย่างน้อยก็ควรจะขายสักห้าสิบตำลึงถึงจะคุ้ม” จี้จือฮวนเสนอราคาใหม่ด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง

มุมปากฟางจวิ่นเหมยกระตุกเล็กน้อย น้องสาว ชื่อเล่นของเจ้าคงไม่ได้ชื่อจี้ขูดเลือดขูดเนื้อหรอกกระมัง?

แต่พวกเขาล้วนเชื่อฟังจี้จือฮวน

เมื่อฟางจวิ่นเหมยกลับไปแจ้งราคาใหม่ พ่อครัวหลวงที่รออยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้านก็พองขนขึ้นมาทันที

“เจ้าจะปล้นกันหรืออย่างไร!? ห้าสิบตำลึง ผักกาดขาวหมู่บ้านของพวกเจ้าฝังทองคำเอาไว้อย่างนั้นหรือ?”

ฟางจวิ่นเหมยจึงพูดตามที่จี้จือฮวนสอนออกมา “ไม่ได้ฝังทอง แต่เป็นผักกาดขาวที่ไท่ซ่างหวงเป็นคนรดน้ำด้วยพระองค์เอง นี่ข้าลดราคาให้พวกเจ้าแล้วนะ ไม่อยากได้ก็ช่างเถอะ”

!!!

“ช้าก่อน!” พ่อครัวหลวงทำงานในวังหลวงย่อมรู้ดีว่าปลาหมอตายเพราะปากเป็นเช่นไร

“ผักกาดขาวที่ไท่ซ่างหวงเป็นคนรดน้ำหรือ?”

“อืม~” ฟางจวิ่นเหมยส่งเสียงอืมออกมาด้วยความภาคภูมิใจ

“เจ้ารอเดี๋ยว ข้าต้องไปปรึกษาคนอื่นก่อน ผักกาดขาวหัวละห้าสิบตำลึง เช่นนั้นเนื้อเล่า? เนื้อคงไม่ใช่ไท่ซ่างหวงเป็นคนให้อาหารเองหรอกกระมัง”

ฟางจวิ่นเหมยครุ่นคิดครู่หนึ่ง “ไม่ใช่จริง ๆ นั่นแหละ แต่ว่าไท่ซ่างหวงเคยเอ่ยชม”

พ่อครัวหลวงตะลึงงัน “???”

ไท่ซ่างหวงเหตุใดพระองค์ถึงได้มีเวลาว่างเพียงนี้กัน!

“เช่นนั้นเจ้ารอก่อน ราคาค่อนข้างสูง ข้าต้องกลับไปถามก่อน”

หากกินเช่นนี้ต่อไป หนึ่งมื้อจะราคาเท่าใดกัน

ฟางจวิ่นเหมยเห็นพ่อครัวผู้นั้นกลับไปด้วยท่าทางขวัญหนีดีฝ่อ ก็รู้สึกเปิดหูเปิดตายิ่งนัก บนโลกนี้มีคนโง่เช่นนี้ด้วยหรือ!

แต่เกี่ยวอะไรกับนางกันเล่า? อย่างไรเสียคนที่หิวก็ไม่ใช่นาง กลับไปดูเนื้อเสียบไม้ย่างดีกว่า~~

ต้องทำให้กลิ่นหอมลอยออกไปให้ไกล~~ ลอยไปจนคนที่อยู่ด้านล่างหิวจนร้องโหยหวนออกมาด้วยยิ่งดี

ฮ่องเต้เซี่ยเจินหิวแล้วจริง ๆ เป็นฮ่องเต้มานานเพียงนี้ นอกจากตอนเช้าของเทศกาลใหญ่ ๆ ที่ไม่กินมื้อเช้าแล้ว เขาไม่เคยเหนื่อยไม่เคยหิวเช่นนี้มาก่อนเลยจริง ๆ

แถมหมู่บ้านตระกูลเฉินนั่นก็ไม่รู้ว่ากำลังต้มกำลังตุ๋นอะไรอยู่กันแน่ แต่กลิ่นหอมนั่นทำคนท้องร้องไปหมดแล้ว

“เจียงเต๋อ! เจียงเต๋อ!”

เจียงเต๋อรีบก้มตัวลงและวิ่งเข้ามา “ฝ่าบาท”

“พ่อครัวกำลังทำอะไรอยู่!?”

“ฝ่าบาท วัตถุดิบของเราไม่มีแล้ว ตอนนี้พ่อครัวกำลังไปขอซื้อผักอยู่พ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้เซี่ยเจินได้ยินเช่นนั้นก็โกรธจนใบหน้าแดงก่ำ หมู่บ้านตระกูลเฉินเป็นหมู่บ้านที่บัดซบจริง ๆ ตั้งแต่มาที่นี่ก็ไม่เคยราบรื่นเลย!

“เช่นนั้นด้านนอกเหตุใดถึงได้หอมเพียงนี้?”

“อ่อ ไท่ซ่างหวงพระราชทานหมูหัน และอาหารจำนวนหนึ่งลงมาพ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้นเหตุใดยังไม่รีบยกมาให้ข้าอีก” ฮ่องเต้เซี่ยเจินได้ยินก็มีแรงขึ้นมาทันใด

ทว่าเจียงเต๋อกลับเอ่ยด้วยท่าทางอึกอัก “นั่นไม่ได้ให้พระองค์ แต่ให้ถังกั๋วกงกับจอมปราชญ์เสิ่นพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้เซี่ยเจิน “…”

.

.

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด