เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] 308 : เริ่มปฏิบัติการ

Now you are reading เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] Chapter 308 : เริ่มปฏิบัติการ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 308 : เริ่มปฏิบัติการ

แซดคิเอลดึงเสี้ยวจิตสำนึกที่ส่งไปยังรังของซานดัลฟอนกลับมา ร่างหลักในความว่างเปล่าของเขาที่นั่งขัดสมาธิอยู่ลุกขึ้นยืนช้า ๆ

เส้นหนวดหลากหลายขนาดที่ประกอบกันเป็นร่างของเขาเลื้อยพันกัน ก่อให้เกิดเสียงรบกวนนิดหน่อยต่อพื้นที่โดยรอบอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดรอยร้าวที่ทั้งยาวและแคบขึ้นพริบตาหนึ่ง ก่อนที่มันจะหายไปทันที

ภายในพริบตาต่อมา เส้นหนวดของเขาก็ยื่นออกไปรวมกับความว่างเปล่า จากนั้นก็หายตัวไป

จากจดหมายของมิคาเอล เขาควรไปยังจุดนัดพบที่ถูกระบุไว้ก่อน ซึ่งก็คือบ้านเกิดของแม่มดแห่งพฤกษาฟราซินัสที่ตอนนี้กลายเป็นที่มั่นของเผ่าเอลฟ์ไปแล้ว เพื่อเติมเต็มสัญญาพันธมิตรกับวิถีแห่งดาบอัคคีอีกครั้ง

แต่ในที่ที่ลึกลับยิ่งกว่านั้น เรื่องบางเรื่องก็กำลังอุบัติ…

ตอนนี้ เมลิสซ่าได้มาถึงจุดรวมพลของหน่วยรบย่อยที่ห้าแล้ว

อัศวินจากหอพิธีกรรมต้องห้ามมีการแบ่งกลุ่มในหน่วยย่อยเพื่อความเป็นระเบียบ พวกเขาจะรับคำสั่งของหัวหน้ากลุ่มแล้วตั้งแถวรอเตรียมพร้อมอย่างน่าเกรงขาม

ไม่นานนัก เมลิสซ่าก็เจอกลุ่มของตัวเองแล้วเดินเข้าไป

เพราะก่อนหน้านี้เธอเคยเป็นหัวหน้ากลุ่ม ดังนั้นเธอจึงมีลูกน้องในทีมของเธอสิบคน แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่ากลุ่มของเธอมีการจัดตั้งหัวหน้าชั่วคราวขึ้นมาใหม่แล้ว คือ ไมรอน ลูกทีมเดิมที่มีความแข็งแกร่งรองลงมาแทน

“ทีม…เมลิสซ่า? คุณมาที่นี่ทำไม?”

เมื่อไมรอนที่กำลังตรวจสอบสมาชิกในทีมเห็นเธอเข้า สีหน้าของเขาพลันประหลาดใจสุด ๆ แล้วเมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้ เขาก็อดถามเบา ๆ ไม่ได้

เมลิสซ่ารู้สึกได้ราง ๆ อยู่แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เมื่อมาเห็นทีมของเธอถูกเปลี่ยนหัวหน้า เธอก็ถูกถามว่ามาได้ยังไง

เมลิสซ่าก็รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นคนนอกทันที และนั่นทำให้เธอไม่สบายใจนัก

เมลิสซ่าอดถามกลับไม่ได้ “ฉันจะมาไม่ได้เหรอ?”

เธอมองไปรอบ ๆ แล้วนึกถึงคำพูดของครูฝึกคนนั้นขึ้นมา จากนั้นจึงพูดต่อ “นี่ไม่ใช่คำสั่งจากสภาผู้อาวุโสเหรอ?”

“นี่…”

ไมรอนลังเล เกาหัว แล้วพูดอย่างละล้าละลัง “ภารกิจครั้งนี้ออกโดยสภาผู้อาวุโสจริง ๆ…แต่คุณไม่ได้อยู่ในภารกิจด้วยนะ…”

มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าคุณเป็นลูกสาวโจเซฟ แล้วตอนนี้ก็เป็นอภิสิทธิ์ชนไปแล้ว

เรื่องที่โจเซฟกับไวลด์เป็นคู่อาฆาตกันเป็นที่รู้กันดี ภารกิจครั้งนี้คือการเผชิญหน้ากับกลุ่มของไวลด์ ดังนั้นปัจจัยเสี่ยงจึงเพิ่มพรวดพราดอย่างเห็นได้ชัด แล้วหอพิธีกรรมต้องห้ามจะปล่อยให้คุณมาเสี่ยงได้อย่างไร?

เมลิสซ่าสรุปความหมายนี้ได้จากสีหน้าของไมรอนทันที

เธอหยุดคำพูดของไมรอนไว้ทันทีโดยการพูดแทรก “ในเมื่อทุกคนจากหน่วยรบย่อยที่ห้ามีส่วนร่วม ฉันเองก็เป็นสมาชิกของหน่วยรบย่อยที่ห้าเหมือนกันนะ ทำไมถึงมาไม่ได้ล่ะ?”

ไมรอนทำปากพะงาบ เขาพูดไม่ออก มาคิดดูแล้วนี่ก็เป็นความจริง

แม้ว่าทุกคนจะรู้ว่าเมลิสซ่าจะถูกย้ายไปที่หน่วยข่าวกรอง แต่พิธีการย้ายหน่วยของเธอยังไม่เสร็จสิ้น และยังไม่มีการออกหนังสือชี้แจงใด ๆ ดังนั้นเธอจึงยังเป็นสมาชิกหน่วยรบอยู่

ในเมื่อเธอยังอยู่ในหน่วยรบ ดังนั้นการรับคำสั่งจากเบื้องบนแล้วมาเข้าร่วมศึกจึงเป็นเรื่องธรรมดา

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เขาก็ดูตีโพยตีพายไปเปล่า ๆ เสียแทน…

สุดท้ายไมรอนก็ทำได้แต่เพียงพยักหน้า “โอเค…แต่ตอนนี้ผมเป็นหัวหน้ากลุ่มชั่วคราวไปแล้วนะ…”

เมลิสซ่าเข้าร่วมกลุ่มแล้วกล่าวว่า “ไม่เป็นไรหรอก เป็นต่อได้เลย หัวหน้าออกคำสั่งมา ส่วนตอนนี้ฉันเป็นแค่ลูกทีมธรรมดาแล้ว”

เธอมองไมรอน “นี่น่าจะเป็นภารกิจสุดท้ายของฉัน ต่อจากนี้ฉันจะถูกย้ายไปหน่วยข่าวกรอง แล้วนายก็จะขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่มอย่างเป็นทางการแทน”

ไมรอนตกใจเล็กน้อย “หัวหน้ากลุ่ม…”

เมลิสซ่าว่า “กลุ่มต้องได้รับการจัดเรียง ฉันไม่ใช่หัวหน้ากลุ่มแล้ว คุณต่างหาก หัวหน้าไมรอน ขานชื่อ”

ไมรอนตอบโดยไม่รู้ตัว “ครับ!”

หลายคนในกลุ่มหลุดขำออกมา ทำให้สีหน้าของไมรอนแดงแปร๊ด แต่เขาก็มองเมลิสซ่าแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้เหมือนกัน หมดความเขินอายไปแล้ว

สีแดงบนใบหน้าของไมรอนลามไปถึงคอ แต่เขาก็บังคับสงบสติตัวเองแล้วปรามาสไปหลายคำ ทำให้คนอื่นเงียบไป

จากนั้นเขาก็ขานชื่อแล้วจัดระเบียบกลุ่ม และรายงานความแข็งแกร่งโดยรวมของกลุ่ม

เมลิสซ่าถูกรวมเข้ากับกลุ่มของเธอตามปกติ แต่เธอไม่ใช่หัวหน้ากลุ่มอีกต่อไป แต่เป็นเพียงสมาชิกธรรมดาเท่านั้น

ทั้งหน่วยรบย่อยที่ห้ามีกลุ่มย่อยทั้งหมดยี่สิบกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีสิบคน และกลุ่มของเมลิสซ่าคือกลุ่มที่แปด

เธอยืนอยู่หลังสมาชิกกลุ่ม เห็นหนึ่งในสิบอัศวินแห่งแสง ‘หอกสีชาด’ วิเวียน

สมฉายาของวิเวียน เธอนั่งคร่อมบนหลังม้าสีดำ สวมชุดเกราะหนักสีแดงเข้มตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า มีหอกยาวเกือบสามเมตรในมือของเธอ ที่ท้ายหมวกเกราะมีปลายเส้นผมสั้นสีน้ำตาลแลบออกมา เกราะไหล่และแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเธอทำให้เธอดูสูงสง่าเป็นพิเศษ กระทั่งดูไม่เหมือนผู้หญิงด้วยซ้ำ

แต่ที่จริงแล้ว เมลิสซ่าเคยเห็นหน้าจริงของวิเวียนมาก่อน และเธอก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงที่กล้าหาญและงดงามมาก แถมยังมีเสน่ห์ด้วย

…ถ้าจะถามว่าทำไมเธอถึงรู้เยอะนัก งั้นคงต้องไปถามคุณโจเซฟ ‘เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทาน’ แล้วล่ะ

ถึงแม้โจเซฟจะทุ่มเทความรู้สึกทั้งหมดให้ภรรยาที่ล่วงลับและลูกสาวของเขาไปแล้ว แต่คนที่แอบชอบเขาอยู่ก็มีเยอะ

เมื่อวิเวียนขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ก่อนเริ่มสงครามเช่นทุกที เมลิสซ่าก็นึกถึงข่าวซุบซิบในหมู่พวกผู้ใหญ่ขึ้นมาอย่างเบื่อหน่าย

“…หอพิธีกรรมต้องห้ามไร้เทียมทาน แต่ในครั้งนี้ เราจะนำชัยชนะไร้คู่เปรียบกลับมาด้วย เดินทัพ!”

วิเวียนยกหอกยาวของเธอขึ้นแล้วตะโกน และผู้คนเบื้องล่างก็กู่ร้องนำชัยเสียงดัง แล้วบรรดานักเวทสังกัดหอพิธีกรรมต้องห้ามก็เปิดจุดเคลื่อนย้ายเพื่อส่งกองทัพไปยังสนามรบ

ภารกิจถูกมอบหมายให้แต่ละกลุ่มตั้งแต่แรกแล้ว พวกเขาก็แค่ทำหน้าที่ของตัวเองเท่านั้น

หากพบสมาชิกระดับสูงของนิกายกลืนศพ วิเวียนจะเข้ารับมือเอง

เมลิสซ่าคุ้นเคยกับขั้นตอนของภารกิจอยู่นานแล้ว แล้วเธอกับสามชิกกลุ่มก็ถูกส่งไปยังจุดหมายพร้อมกัน

ครั้งนี้พวกเธอต้องปิดล้อมฐานที่มั่นใหญ่ของนิกายกลืนศพ และปราบปรามสมาชิกระดับสัตว์ประหลาดสามคนที่ถูกระบุว่าเป็นระดับสั่งการ

หนึ่งในผู้ติดตามของไวลด์เป็นนักล่าที่แข็งแกร่ง ใช้โค้ดเนมว่า ‘เหยี่ยวราตรี’ และมีความแข็งแกร่งอยู่ในจุดสูงสุดของระดับสัตว์ประหลาด ดังนั้นวิเวียนจึงถูกส่งมาเพื่อจัดการกับเขา

อีกสองคนค่อนข้างธรรมดา ด้วยความที่ครั้งนี้เมลิสซ่าได้รับการชี้แนะจากเจ้าของร้านหลินแล้วแข็งแกร่งขึ้น เธอจึงไม่มีอะไรต้องกลัว

แต่เดิมแล้ว ภารกิจระดับนี้ไม่เพียงพอให้หอพิธีกรรมต้องห้ามส่งพวกเขาออกมามากมายขนาดนี้หรอก แต่เพราะนิกายกลืนศพชั่วร้ายมาก พวกเขาสามารถทวีคูณความแข็งแกร่งของตนเองได้ไม่รู้จบจากการสังเวยศัตรู ขอแค่มีใครถูกฆ่า เรื่องราวก็จะยิ่งแย่…

ช่วงนี้หอพิธีกรรมต้องห้ามปวดเศียรเวียนเกล้ากับมันมาก แล้วในที่สุดพวกเขาก็หาวิธีจัดการกับนิกายกลืนศพได้ นั่นก็คือ ต้องประเมินระดับความแข็งแกร่งของศัตรูให้สูงขึ้น

“ทุกคนฟังทางนี้ จากแผนแล้ว ถ้าใครพบสมาชิกของนิกายกลืนศพเตรียมทำพิธีบวงสรวง ให้ฆ่ามันก่อนเลยนะ!”

เมื่อวิเวียนออกคำสั่งสุดท้าย เธอก็เข้าใกล้สนามรบมากแล้ว

“ครับ/ค่ะ!”

ผู้คนต่างตอบกลับมาในเครื่องมือสื่อสารเป็นเสียงเดียว

ปฏิบัติการลับสุดยอดปิดล้อมลัทธิเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ แล้วทุกคนก็กระจายกำลังกันไปปิดล้อมซอย 67 อย่างเป็นระเบียบ…

“คุณป้าวิเวียน ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”

จู่ ๆ ข้อความนี้ก็ถูกส่งมาในช่องสื่อสารส่วนตัวของวิเวียน เธออยู่ในสภาวะเตรียมพร้อมแล้วเปิดดู แต่แล้วสีหน้าของเธอก็พลันเปลี่ยน

“เมลิสซ่า?! เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?? แย่ล่ะ!”

เธอรีบส่งข้อความ “นี่เธออยู่ไหน?”

เมลิสซ่าตอบกลับว่า “หนูอยู่ในทีมปิดล้อมที่ซอย 67 ค่ะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] 308 : เริ่มปฏิบัติการ

Now you are reading เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] Chapter 308 : เริ่มปฏิบัติการ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 308 : เริ่มปฏิบัติการ

แซดคิเอลดึงเสี้ยวจิตสำนึกที่ส่งไปยังรังของซานดัลฟอนกลับมา ร่างหลักในความว่างเปล่าของเขาที่นั่งขัดสมาธิอยู่ลุกขึ้นยืนช้า ๆ

เส้นหนวดหลากหลายขนาดที่ประกอบกันเป็นร่างของเขาเลื้อยพันกัน ก่อให้เกิดเสียงรบกวนนิดหน่อยต่อพื้นที่โดยรอบอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดรอยร้าวที่ทั้งยาวและแคบขึ้นพริบตาหนึ่ง ก่อนที่มันจะหายไปทันที

ภายในพริบตาต่อมา เส้นหนวดของเขาก็ยื่นออกไปรวมกับความว่างเปล่า จากนั้นก็หายตัวไป

จากจดหมายของมิคาเอล เขาควรไปยังจุดนัดพบที่ถูกระบุไว้ก่อน ซึ่งก็คือบ้านเกิดของแม่มดแห่งพฤกษาฟราซินัสที่ตอนนี้กลายเป็นที่มั่นของเผ่าเอลฟ์ไปแล้ว เพื่อเติมเต็มสัญญาพันธมิตรกับวิถีแห่งดาบอัคคีอีกครั้ง

แต่ในที่ที่ลึกลับยิ่งกว่านั้น เรื่องบางเรื่องก็กำลังอุบัติ…

ตอนนี้ เมลิสซ่าได้มาถึงจุดรวมพลของหน่วยรบย่อยที่ห้าแล้ว

อัศวินจากหอพิธีกรรมต้องห้ามมีการแบ่งกลุ่มในหน่วยย่อยเพื่อความเป็นระเบียบ พวกเขาจะรับคำสั่งของหัวหน้ากลุ่มแล้วตั้งแถวรอเตรียมพร้อมอย่างน่าเกรงขาม

ไม่นานนัก เมลิสซ่าก็เจอกลุ่มของตัวเองแล้วเดินเข้าไป

เพราะก่อนหน้านี้เธอเคยเป็นหัวหน้ากลุ่ม ดังนั้นเธอจึงมีลูกน้องในทีมของเธอสิบคน แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่ากลุ่มของเธอมีการจัดตั้งหัวหน้าชั่วคราวขึ้นมาใหม่แล้ว คือ ไมรอน ลูกทีมเดิมที่มีความแข็งแกร่งรองลงมาแทน

“ทีม…เมลิสซ่า? คุณมาที่นี่ทำไม?”

เมื่อไมรอนที่กำลังตรวจสอบสมาชิกในทีมเห็นเธอเข้า สีหน้าของเขาพลันประหลาดใจสุด ๆ แล้วเมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้ เขาก็อดถามเบา ๆ ไม่ได้

เมลิสซ่ารู้สึกได้ราง ๆ อยู่แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เมื่อมาเห็นทีมของเธอถูกเปลี่ยนหัวหน้า เธอก็ถูกถามว่ามาได้ยังไง

เมลิสซ่าก็รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นคนนอกทันที และนั่นทำให้เธอไม่สบายใจนัก

เมลิสซ่าอดถามกลับไม่ได้ “ฉันจะมาไม่ได้เหรอ?”

เธอมองไปรอบ ๆ แล้วนึกถึงคำพูดของครูฝึกคนนั้นขึ้นมา จากนั้นจึงพูดต่อ “นี่ไม่ใช่คำสั่งจากสภาผู้อาวุโสเหรอ?”

“นี่…”

ไมรอนลังเล เกาหัว แล้วพูดอย่างละล้าละลัง “ภารกิจครั้งนี้ออกโดยสภาผู้อาวุโสจริง ๆ…แต่คุณไม่ได้อยู่ในภารกิจด้วยนะ…”

มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าคุณเป็นลูกสาวโจเซฟ แล้วตอนนี้ก็เป็นอภิสิทธิ์ชนไปแล้ว

เรื่องที่โจเซฟกับไวลด์เป็นคู่อาฆาตกันเป็นที่รู้กันดี ภารกิจครั้งนี้คือการเผชิญหน้ากับกลุ่มของไวลด์ ดังนั้นปัจจัยเสี่ยงจึงเพิ่มพรวดพราดอย่างเห็นได้ชัด แล้วหอพิธีกรรมต้องห้ามจะปล่อยให้คุณมาเสี่ยงได้อย่างไร?

เมลิสซ่าสรุปความหมายนี้ได้จากสีหน้าของไมรอนทันที

เธอหยุดคำพูดของไมรอนไว้ทันทีโดยการพูดแทรก “ในเมื่อทุกคนจากหน่วยรบย่อยที่ห้ามีส่วนร่วม ฉันเองก็เป็นสมาชิกของหน่วยรบย่อยที่ห้าเหมือนกันนะ ทำไมถึงมาไม่ได้ล่ะ?”

ไมรอนทำปากพะงาบ เขาพูดไม่ออก มาคิดดูแล้วนี่ก็เป็นความจริง

แม้ว่าทุกคนจะรู้ว่าเมลิสซ่าจะถูกย้ายไปที่หน่วยข่าวกรอง แต่พิธีการย้ายหน่วยของเธอยังไม่เสร็จสิ้น และยังไม่มีการออกหนังสือชี้แจงใด ๆ ดังนั้นเธอจึงยังเป็นสมาชิกหน่วยรบอยู่

ในเมื่อเธอยังอยู่ในหน่วยรบ ดังนั้นการรับคำสั่งจากเบื้องบนแล้วมาเข้าร่วมศึกจึงเป็นเรื่องธรรมดา

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เขาก็ดูตีโพยตีพายไปเปล่า ๆ เสียแทน…

สุดท้ายไมรอนก็ทำได้แต่เพียงพยักหน้า “โอเค…แต่ตอนนี้ผมเป็นหัวหน้ากลุ่มชั่วคราวไปแล้วนะ…”

เมลิสซ่าเข้าร่วมกลุ่มแล้วกล่าวว่า “ไม่เป็นไรหรอก เป็นต่อได้เลย หัวหน้าออกคำสั่งมา ส่วนตอนนี้ฉันเป็นแค่ลูกทีมธรรมดาแล้ว”

เธอมองไมรอน “นี่น่าจะเป็นภารกิจสุดท้ายของฉัน ต่อจากนี้ฉันจะถูกย้ายไปหน่วยข่าวกรอง แล้วนายก็จะขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่มอย่างเป็นทางการแทน”

ไมรอนตกใจเล็กน้อย “หัวหน้ากลุ่ม…”

เมลิสซ่าว่า “กลุ่มต้องได้รับการจัดเรียง ฉันไม่ใช่หัวหน้ากลุ่มแล้ว คุณต่างหาก หัวหน้าไมรอน ขานชื่อ”

ไมรอนตอบโดยไม่รู้ตัว “ครับ!”

หลายคนในกลุ่มหลุดขำออกมา ทำให้สีหน้าของไมรอนแดงแปร๊ด แต่เขาก็มองเมลิสซ่าแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้เหมือนกัน หมดความเขินอายไปแล้ว

สีแดงบนใบหน้าของไมรอนลามไปถึงคอ แต่เขาก็บังคับสงบสติตัวเองแล้วปรามาสไปหลายคำ ทำให้คนอื่นเงียบไป

จากนั้นเขาก็ขานชื่อแล้วจัดระเบียบกลุ่ม และรายงานความแข็งแกร่งโดยรวมของกลุ่ม

เมลิสซ่าถูกรวมเข้ากับกลุ่มของเธอตามปกติ แต่เธอไม่ใช่หัวหน้ากลุ่มอีกต่อไป แต่เป็นเพียงสมาชิกธรรมดาเท่านั้น

ทั้งหน่วยรบย่อยที่ห้ามีกลุ่มย่อยทั้งหมดยี่สิบกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีสิบคน และกลุ่มของเมลิสซ่าคือกลุ่มที่แปด

เธอยืนอยู่หลังสมาชิกกลุ่ม เห็นหนึ่งในสิบอัศวินแห่งแสง ‘หอกสีชาด’ วิเวียน

สมฉายาของวิเวียน เธอนั่งคร่อมบนหลังม้าสีดำ สวมชุดเกราะหนักสีแดงเข้มตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า มีหอกยาวเกือบสามเมตรในมือของเธอ ที่ท้ายหมวกเกราะมีปลายเส้นผมสั้นสีน้ำตาลแลบออกมา เกราะไหล่และแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเธอทำให้เธอดูสูงสง่าเป็นพิเศษ กระทั่งดูไม่เหมือนผู้หญิงด้วยซ้ำ

แต่ที่จริงแล้ว เมลิสซ่าเคยเห็นหน้าจริงของวิเวียนมาก่อน และเธอก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงที่กล้าหาญและงดงามมาก แถมยังมีเสน่ห์ด้วย

…ถ้าจะถามว่าทำไมเธอถึงรู้เยอะนัก งั้นคงต้องไปถามคุณโจเซฟ ‘เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทาน’ แล้วล่ะ

ถึงแม้โจเซฟจะทุ่มเทความรู้สึกทั้งหมดให้ภรรยาที่ล่วงลับและลูกสาวของเขาไปแล้ว แต่คนที่แอบชอบเขาอยู่ก็มีเยอะ

เมื่อวิเวียนขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ก่อนเริ่มสงครามเช่นทุกที เมลิสซ่าก็นึกถึงข่าวซุบซิบในหมู่พวกผู้ใหญ่ขึ้นมาอย่างเบื่อหน่าย

“…หอพิธีกรรมต้องห้ามไร้เทียมทาน แต่ในครั้งนี้ เราจะนำชัยชนะไร้คู่เปรียบกลับมาด้วย เดินทัพ!”

วิเวียนยกหอกยาวของเธอขึ้นแล้วตะโกน และผู้คนเบื้องล่างก็กู่ร้องนำชัยเสียงดัง แล้วบรรดานักเวทสังกัดหอพิธีกรรมต้องห้ามก็เปิดจุดเคลื่อนย้ายเพื่อส่งกองทัพไปยังสนามรบ

ภารกิจถูกมอบหมายให้แต่ละกลุ่มตั้งแต่แรกแล้ว พวกเขาก็แค่ทำหน้าที่ของตัวเองเท่านั้น

หากพบสมาชิกระดับสูงของนิกายกลืนศพ วิเวียนจะเข้ารับมือเอง

เมลิสซ่าคุ้นเคยกับขั้นตอนของภารกิจอยู่นานแล้ว แล้วเธอกับสามชิกกลุ่มก็ถูกส่งไปยังจุดหมายพร้อมกัน

ครั้งนี้พวกเธอต้องปิดล้อมฐานที่มั่นใหญ่ของนิกายกลืนศพ และปราบปรามสมาชิกระดับสัตว์ประหลาดสามคนที่ถูกระบุว่าเป็นระดับสั่งการ

หนึ่งในผู้ติดตามของไวลด์เป็นนักล่าที่แข็งแกร่ง ใช้โค้ดเนมว่า ‘เหยี่ยวราตรี’ และมีความแข็งแกร่งอยู่ในจุดสูงสุดของระดับสัตว์ประหลาด ดังนั้นวิเวียนจึงถูกส่งมาเพื่อจัดการกับเขา

อีกสองคนค่อนข้างธรรมดา ด้วยความที่ครั้งนี้เมลิสซ่าได้รับการชี้แนะจากเจ้าของร้านหลินแล้วแข็งแกร่งขึ้น เธอจึงไม่มีอะไรต้องกลัว

แต่เดิมแล้ว ภารกิจระดับนี้ไม่เพียงพอให้หอพิธีกรรมต้องห้ามส่งพวกเขาออกมามากมายขนาดนี้หรอก แต่เพราะนิกายกลืนศพชั่วร้ายมาก พวกเขาสามารถทวีคูณความแข็งแกร่งของตนเองได้ไม่รู้จบจากการสังเวยศัตรู ขอแค่มีใครถูกฆ่า เรื่องราวก็จะยิ่งแย่…

ช่วงนี้หอพิธีกรรมต้องห้ามปวดเศียรเวียนเกล้ากับมันมาก แล้วในที่สุดพวกเขาก็หาวิธีจัดการกับนิกายกลืนศพได้ นั่นก็คือ ต้องประเมินระดับความแข็งแกร่งของศัตรูให้สูงขึ้น

“ทุกคนฟังทางนี้ จากแผนแล้ว ถ้าใครพบสมาชิกของนิกายกลืนศพเตรียมทำพิธีบวงสรวง ให้ฆ่ามันก่อนเลยนะ!”

เมื่อวิเวียนออกคำสั่งสุดท้าย เธอก็เข้าใกล้สนามรบมากแล้ว

“ครับ/ค่ะ!”

ผู้คนต่างตอบกลับมาในเครื่องมือสื่อสารเป็นเสียงเดียว

ปฏิบัติการลับสุดยอดปิดล้อมลัทธิเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ แล้วทุกคนก็กระจายกำลังกันไปปิดล้อมซอย 67 อย่างเป็นระเบียบ…

“คุณป้าวิเวียน ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”

จู่ ๆ ข้อความนี้ก็ถูกส่งมาในช่องสื่อสารส่วนตัวของวิเวียน เธออยู่ในสภาวะเตรียมพร้อมแล้วเปิดดู แต่แล้วสีหน้าของเธอก็พลันเปลี่ยน

“เมลิสซ่า?! เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?? แย่ล่ะ!”

เธอรีบส่งข้อความ “นี่เธออยู่ไหน?”

เมลิสซ่าตอบกลับว่า “หนูอยู่ในทีมปิดล้อมที่ซอย 67 ค่ะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] 308 : เริ่มปฏิบัติการ

Now you are reading เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] Chapter 308 : เริ่มปฏิบัติการ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 308 : เริ่มปฏิบัติการ

แซดคิเอลดึงเสี้ยวจิตสำนึกที่ส่งไปยังรังของซานดัลฟอนกลับมา ร่างหลักในความว่างเปล่าของเขาที่นั่งขัดสมาธิอยู่ลุกขึ้นยืนช้า ๆ

เส้นหนวดหลากหลายขนาดที่ประกอบกันเป็นร่างของเขาเลื้อยพันกัน ก่อให้เกิดเสียงรบกวนนิดหน่อยต่อพื้นที่โดยรอบอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดรอยร้าวที่ทั้งยาวและแคบขึ้นพริบตาหนึ่ง ก่อนที่มันจะหายไปทันที

ภายในพริบตาต่อมา เส้นหนวดของเขาก็ยื่นออกไปรวมกับความว่างเปล่า จากนั้นก็หายตัวไป

จากจดหมายของมิคาเอล เขาควรไปยังจุดนัดพบที่ถูกระบุไว้ก่อน ซึ่งก็คือบ้านเกิดของแม่มดแห่งพฤกษาฟราซินัสที่ตอนนี้กลายเป็นที่มั่นของเผ่าเอลฟ์ไปแล้ว เพื่อเติมเต็มสัญญาพันธมิตรกับวิถีแห่งดาบอัคคีอีกครั้ง

แต่ในที่ที่ลึกลับยิ่งกว่านั้น เรื่องบางเรื่องก็กำลังอุบัติ…

ตอนนี้ เมลิสซ่าได้มาถึงจุดรวมพลของหน่วยรบย่อยที่ห้าแล้ว

อัศวินจากหอพิธีกรรมต้องห้ามมีการแบ่งกลุ่มในหน่วยย่อยเพื่อความเป็นระเบียบ พวกเขาจะรับคำสั่งของหัวหน้ากลุ่มแล้วตั้งแถวรอเตรียมพร้อมอย่างน่าเกรงขาม

ไม่นานนัก เมลิสซ่าก็เจอกลุ่มของตัวเองแล้วเดินเข้าไป

เพราะก่อนหน้านี้เธอเคยเป็นหัวหน้ากลุ่ม ดังนั้นเธอจึงมีลูกน้องในทีมของเธอสิบคน แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่ากลุ่มของเธอมีการจัดตั้งหัวหน้าชั่วคราวขึ้นมาใหม่แล้ว คือ ไมรอน ลูกทีมเดิมที่มีความแข็งแกร่งรองลงมาแทน

“ทีม…เมลิสซ่า? คุณมาที่นี่ทำไม?”

เมื่อไมรอนที่กำลังตรวจสอบสมาชิกในทีมเห็นเธอเข้า สีหน้าของเขาพลันประหลาดใจสุด ๆ แล้วเมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้ เขาก็อดถามเบา ๆ ไม่ได้

เมลิสซ่ารู้สึกได้ราง ๆ อยู่แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เมื่อมาเห็นทีมของเธอถูกเปลี่ยนหัวหน้า เธอก็ถูกถามว่ามาได้ยังไง

เมลิสซ่าก็รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นคนนอกทันที และนั่นทำให้เธอไม่สบายใจนัก

เมลิสซ่าอดถามกลับไม่ได้ “ฉันจะมาไม่ได้เหรอ?”

เธอมองไปรอบ ๆ แล้วนึกถึงคำพูดของครูฝึกคนนั้นขึ้นมา จากนั้นจึงพูดต่อ “นี่ไม่ใช่คำสั่งจากสภาผู้อาวุโสเหรอ?”

“นี่…”

ไมรอนลังเล เกาหัว แล้วพูดอย่างละล้าละลัง “ภารกิจครั้งนี้ออกโดยสภาผู้อาวุโสจริง ๆ…แต่คุณไม่ได้อยู่ในภารกิจด้วยนะ…”

มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าคุณเป็นลูกสาวโจเซฟ แล้วตอนนี้ก็เป็นอภิสิทธิ์ชนไปแล้ว

เรื่องที่โจเซฟกับไวลด์เป็นคู่อาฆาตกันเป็นที่รู้กันดี ภารกิจครั้งนี้คือการเผชิญหน้ากับกลุ่มของไวลด์ ดังนั้นปัจจัยเสี่ยงจึงเพิ่มพรวดพราดอย่างเห็นได้ชัด แล้วหอพิธีกรรมต้องห้ามจะปล่อยให้คุณมาเสี่ยงได้อย่างไร?

เมลิสซ่าสรุปความหมายนี้ได้จากสีหน้าของไมรอนทันที

เธอหยุดคำพูดของไมรอนไว้ทันทีโดยการพูดแทรก “ในเมื่อทุกคนจากหน่วยรบย่อยที่ห้ามีส่วนร่วม ฉันเองก็เป็นสมาชิกของหน่วยรบย่อยที่ห้าเหมือนกันนะ ทำไมถึงมาไม่ได้ล่ะ?”

ไมรอนทำปากพะงาบ เขาพูดไม่ออก มาคิดดูแล้วนี่ก็เป็นความจริง

แม้ว่าทุกคนจะรู้ว่าเมลิสซ่าจะถูกย้ายไปที่หน่วยข่าวกรอง แต่พิธีการย้ายหน่วยของเธอยังไม่เสร็จสิ้น และยังไม่มีการออกหนังสือชี้แจงใด ๆ ดังนั้นเธอจึงยังเป็นสมาชิกหน่วยรบอยู่

ในเมื่อเธอยังอยู่ในหน่วยรบ ดังนั้นการรับคำสั่งจากเบื้องบนแล้วมาเข้าร่วมศึกจึงเป็นเรื่องธรรมดา

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เขาก็ดูตีโพยตีพายไปเปล่า ๆ เสียแทน…

สุดท้ายไมรอนก็ทำได้แต่เพียงพยักหน้า “โอเค…แต่ตอนนี้ผมเป็นหัวหน้ากลุ่มชั่วคราวไปแล้วนะ…”

เมลิสซ่าเข้าร่วมกลุ่มแล้วกล่าวว่า “ไม่เป็นไรหรอก เป็นต่อได้เลย หัวหน้าออกคำสั่งมา ส่วนตอนนี้ฉันเป็นแค่ลูกทีมธรรมดาแล้ว”

เธอมองไมรอน “นี่น่าจะเป็นภารกิจสุดท้ายของฉัน ต่อจากนี้ฉันจะถูกย้ายไปหน่วยข่าวกรอง แล้วนายก็จะขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่มอย่างเป็นทางการแทน”

ไมรอนตกใจเล็กน้อย “หัวหน้ากลุ่ม…”

เมลิสซ่าว่า “กลุ่มต้องได้รับการจัดเรียง ฉันไม่ใช่หัวหน้ากลุ่มแล้ว คุณต่างหาก หัวหน้าไมรอน ขานชื่อ”

ไมรอนตอบโดยไม่รู้ตัว “ครับ!”

หลายคนในกลุ่มหลุดขำออกมา ทำให้สีหน้าของไมรอนแดงแปร๊ด แต่เขาก็มองเมลิสซ่าแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้เหมือนกัน หมดความเขินอายไปแล้ว

สีแดงบนใบหน้าของไมรอนลามไปถึงคอ แต่เขาก็บังคับสงบสติตัวเองแล้วปรามาสไปหลายคำ ทำให้คนอื่นเงียบไป

จากนั้นเขาก็ขานชื่อแล้วจัดระเบียบกลุ่ม และรายงานความแข็งแกร่งโดยรวมของกลุ่ม

เมลิสซ่าถูกรวมเข้ากับกลุ่มของเธอตามปกติ แต่เธอไม่ใช่หัวหน้ากลุ่มอีกต่อไป แต่เป็นเพียงสมาชิกธรรมดาเท่านั้น

ทั้งหน่วยรบย่อยที่ห้ามีกลุ่มย่อยทั้งหมดยี่สิบกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีสิบคน และกลุ่มของเมลิสซ่าคือกลุ่มที่แปด

เธอยืนอยู่หลังสมาชิกกลุ่ม เห็นหนึ่งในสิบอัศวินแห่งแสง ‘หอกสีชาด’ วิเวียน

สมฉายาของวิเวียน เธอนั่งคร่อมบนหลังม้าสีดำ สวมชุดเกราะหนักสีแดงเข้มตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า มีหอกยาวเกือบสามเมตรในมือของเธอ ที่ท้ายหมวกเกราะมีปลายเส้นผมสั้นสีน้ำตาลแลบออกมา เกราะไหล่และแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเธอทำให้เธอดูสูงสง่าเป็นพิเศษ กระทั่งดูไม่เหมือนผู้หญิงด้วยซ้ำ

แต่ที่จริงแล้ว เมลิสซ่าเคยเห็นหน้าจริงของวิเวียนมาก่อน และเธอก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงที่กล้าหาญและงดงามมาก แถมยังมีเสน่ห์ด้วย

…ถ้าจะถามว่าทำไมเธอถึงรู้เยอะนัก งั้นคงต้องไปถามคุณโจเซฟ ‘เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทาน’ แล้วล่ะ

ถึงแม้โจเซฟจะทุ่มเทความรู้สึกทั้งหมดให้ภรรยาที่ล่วงลับและลูกสาวของเขาไปแล้ว แต่คนที่แอบชอบเขาอยู่ก็มีเยอะ

เมื่อวิเวียนขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ก่อนเริ่มสงครามเช่นทุกที เมลิสซ่าก็นึกถึงข่าวซุบซิบในหมู่พวกผู้ใหญ่ขึ้นมาอย่างเบื่อหน่าย

“…หอพิธีกรรมต้องห้ามไร้เทียมทาน แต่ในครั้งนี้ เราจะนำชัยชนะไร้คู่เปรียบกลับมาด้วย เดินทัพ!”

วิเวียนยกหอกยาวของเธอขึ้นแล้วตะโกน และผู้คนเบื้องล่างก็กู่ร้องนำชัยเสียงดัง แล้วบรรดานักเวทสังกัดหอพิธีกรรมต้องห้ามก็เปิดจุดเคลื่อนย้ายเพื่อส่งกองทัพไปยังสนามรบ

ภารกิจถูกมอบหมายให้แต่ละกลุ่มตั้งแต่แรกแล้ว พวกเขาก็แค่ทำหน้าที่ของตัวเองเท่านั้น

หากพบสมาชิกระดับสูงของนิกายกลืนศพ วิเวียนจะเข้ารับมือเอง

เมลิสซ่าคุ้นเคยกับขั้นตอนของภารกิจอยู่นานแล้ว แล้วเธอกับสามชิกกลุ่มก็ถูกส่งไปยังจุดหมายพร้อมกัน

ครั้งนี้พวกเธอต้องปิดล้อมฐานที่มั่นใหญ่ของนิกายกลืนศพ และปราบปรามสมาชิกระดับสัตว์ประหลาดสามคนที่ถูกระบุว่าเป็นระดับสั่งการ

หนึ่งในผู้ติดตามของไวลด์เป็นนักล่าที่แข็งแกร่ง ใช้โค้ดเนมว่า ‘เหยี่ยวราตรี’ และมีความแข็งแกร่งอยู่ในจุดสูงสุดของระดับสัตว์ประหลาด ดังนั้นวิเวียนจึงถูกส่งมาเพื่อจัดการกับเขา

อีกสองคนค่อนข้างธรรมดา ด้วยความที่ครั้งนี้เมลิสซ่าได้รับการชี้แนะจากเจ้าของร้านหลินแล้วแข็งแกร่งขึ้น เธอจึงไม่มีอะไรต้องกลัว

แต่เดิมแล้ว ภารกิจระดับนี้ไม่เพียงพอให้หอพิธีกรรมต้องห้ามส่งพวกเขาออกมามากมายขนาดนี้หรอก แต่เพราะนิกายกลืนศพชั่วร้ายมาก พวกเขาสามารถทวีคูณความแข็งแกร่งของตนเองได้ไม่รู้จบจากการสังเวยศัตรู ขอแค่มีใครถูกฆ่า เรื่องราวก็จะยิ่งแย่…

ช่วงนี้หอพิธีกรรมต้องห้ามปวดเศียรเวียนเกล้ากับมันมาก แล้วในที่สุดพวกเขาก็หาวิธีจัดการกับนิกายกลืนศพได้ นั่นก็คือ ต้องประเมินระดับความแข็งแกร่งของศัตรูให้สูงขึ้น

“ทุกคนฟังทางนี้ จากแผนแล้ว ถ้าใครพบสมาชิกของนิกายกลืนศพเตรียมทำพิธีบวงสรวง ให้ฆ่ามันก่อนเลยนะ!”

เมื่อวิเวียนออกคำสั่งสุดท้าย เธอก็เข้าใกล้สนามรบมากแล้ว

“ครับ/ค่ะ!”

ผู้คนต่างตอบกลับมาในเครื่องมือสื่อสารเป็นเสียงเดียว

ปฏิบัติการลับสุดยอดปิดล้อมลัทธิเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ แล้วทุกคนก็กระจายกำลังกันไปปิดล้อมซอย 67 อย่างเป็นระเบียบ…

“คุณป้าวิเวียน ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”

จู่ ๆ ข้อความนี้ก็ถูกส่งมาในช่องสื่อสารส่วนตัวของวิเวียน เธออยู่ในสภาวะเตรียมพร้อมแล้วเปิดดู แต่แล้วสีหน้าของเธอก็พลันเปลี่ยน

“เมลิสซ่า?! เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?? แย่ล่ะ!”

เธอรีบส่งข้อความ “นี่เธออยู่ไหน?”

เมลิสซ่าตอบกลับว่า “หนูอยู่ในทีมปิดล้อมที่ซอย 67 ค่ะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] 308 : เริ่มปฏิบัติการ

Now you are reading เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] Chapter 308 : เริ่มปฏิบัติการ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 308 : เริ่มปฏิบัติการ

แซดคิเอลดึงเสี้ยวจิตสำนึกที่ส่งไปยังรังของซานดัลฟอนกลับมา ร่างหลักในความว่างเปล่าของเขาที่นั่งขัดสมาธิอยู่ลุกขึ้นยืนช้า ๆ

เส้นหนวดหลากหลายขนาดที่ประกอบกันเป็นร่างของเขาเลื้อยพันกัน ก่อให้เกิดเสียงรบกวนนิดหน่อยต่อพื้นที่โดยรอบอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดรอยร้าวที่ทั้งยาวและแคบขึ้นพริบตาหนึ่ง ก่อนที่มันจะหายไปทันที

ภายในพริบตาต่อมา เส้นหนวดของเขาก็ยื่นออกไปรวมกับความว่างเปล่า จากนั้นก็หายตัวไป

จากจดหมายของมิคาเอล เขาควรไปยังจุดนัดพบที่ถูกระบุไว้ก่อน ซึ่งก็คือบ้านเกิดของแม่มดแห่งพฤกษาฟราซินัสที่ตอนนี้กลายเป็นที่มั่นของเผ่าเอลฟ์ไปแล้ว เพื่อเติมเต็มสัญญาพันธมิตรกับวิถีแห่งดาบอัคคีอีกครั้ง

แต่ในที่ที่ลึกลับยิ่งกว่านั้น เรื่องบางเรื่องก็กำลังอุบัติ…

ตอนนี้ เมลิสซ่าได้มาถึงจุดรวมพลของหน่วยรบย่อยที่ห้าแล้ว

อัศวินจากหอพิธีกรรมต้องห้ามมีการแบ่งกลุ่มในหน่วยย่อยเพื่อความเป็นระเบียบ พวกเขาจะรับคำสั่งของหัวหน้ากลุ่มแล้วตั้งแถวรอเตรียมพร้อมอย่างน่าเกรงขาม

ไม่นานนัก เมลิสซ่าก็เจอกลุ่มของตัวเองแล้วเดินเข้าไป

เพราะก่อนหน้านี้เธอเคยเป็นหัวหน้ากลุ่ม ดังนั้นเธอจึงมีลูกน้องในทีมของเธอสิบคน แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่ากลุ่มของเธอมีการจัดตั้งหัวหน้าชั่วคราวขึ้นมาใหม่แล้ว คือ ไมรอน ลูกทีมเดิมที่มีความแข็งแกร่งรองลงมาแทน

“ทีม…เมลิสซ่า? คุณมาที่นี่ทำไม?”

เมื่อไมรอนที่กำลังตรวจสอบสมาชิกในทีมเห็นเธอเข้า สีหน้าของเขาพลันประหลาดใจสุด ๆ แล้วเมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้ เขาก็อดถามเบา ๆ ไม่ได้

เมลิสซ่ารู้สึกได้ราง ๆ อยู่แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เมื่อมาเห็นทีมของเธอถูกเปลี่ยนหัวหน้า เธอก็ถูกถามว่ามาได้ยังไง

เมลิสซ่าก็รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นคนนอกทันที และนั่นทำให้เธอไม่สบายใจนัก

เมลิสซ่าอดถามกลับไม่ได้ “ฉันจะมาไม่ได้เหรอ?”

เธอมองไปรอบ ๆ แล้วนึกถึงคำพูดของครูฝึกคนนั้นขึ้นมา จากนั้นจึงพูดต่อ “นี่ไม่ใช่คำสั่งจากสภาผู้อาวุโสเหรอ?”

“นี่…”

ไมรอนลังเล เกาหัว แล้วพูดอย่างละล้าละลัง “ภารกิจครั้งนี้ออกโดยสภาผู้อาวุโสจริง ๆ…แต่คุณไม่ได้อยู่ในภารกิจด้วยนะ…”

มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าคุณเป็นลูกสาวโจเซฟ แล้วตอนนี้ก็เป็นอภิสิทธิ์ชนไปแล้ว

เรื่องที่โจเซฟกับไวลด์เป็นคู่อาฆาตกันเป็นที่รู้กันดี ภารกิจครั้งนี้คือการเผชิญหน้ากับกลุ่มของไวลด์ ดังนั้นปัจจัยเสี่ยงจึงเพิ่มพรวดพราดอย่างเห็นได้ชัด แล้วหอพิธีกรรมต้องห้ามจะปล่อยให้คุณมาเสี่ยงได้อย่างไร?

เมลิสซ่าสรุปความหมายนี้ได้จากสีหน้าของไมรอนทันที

เธอหยุดคำพูดของไมรอนไว้ทันทีโดยการพูดแทรก “ในเมื่อทุกคนจากหน่วยรบย่อยที่ห้ามีส่วนร่วม ฉันเองก็เป็นสมาชิกของหน่วยรบย่อยที่ห้าเหมือนกันนะ ทำไมถึงมาไม่ได้ล่ะ?”

ไมรอนทำปากพะงาบ เขาพูดไม่ออก มาคิดดูแล้วนี่ก็เป็นความจริง

แม้ว่าทุกคนจะรู้ว่าเมลิสซ่าจะถูกย้ายไปที่หน่วยข่าวกรอง แต่พิธีการย้ายหน่วยของเธอยังไม่เสร็จสิ้น และยังไม่มีการออกหนังสือชี้แจงใด ๆ ดังนั้นเธอจึงยังเป็นสมาชิกหน่วยรบอยู่

ในเมื่อเธอยังอยู่ในหน่วยรบ ดังนั้นการรับคำสั่งจากเบื้องบนแล้วมาเข้าร่วมศึกจึงเป็นเรื่องธรรมดา

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เขาก็ดูตีโพยตีพายไปเปล่า ๆ เสียแทน…

สุดท้ายไมรอนก็ทำได้แต่เพียงพยักหน้า “โอเค…แต่ตอนนี้ผมเป็นหัวหน้ากลุ่มชั่วคราวไปแล้วนะ…”

เมลิสซ่าเข้าร่วมกลุ่มแล้วกล่าวว่า “ไม่เป็นไรหรอก เป็นต่อได้เลย หัวหน้าออกคำสั่งมา ส่วนตอนนี้ฉันเป็นแค่ลูกทีมธรรมดาแล้ว”

เธอมองไมรอน “นี่น่าจะเป็นภารกิจสุดท้ายของฉัน ต่อจากนี้ฉันจะถูกย้ายไปหน่วยข่าวกรอง แล้วนายก็จะขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่มอย่างเป็นทางการแทน”

ไมรอนตกใจเล็กน้อย “หัวหน้ากลุ่ม…”

เมลิสซ่าว่า “กลุ่มต้องได้รับการจัดเรียง ฉันไม่ใช่หัวหน้ากลุ่มแล้ว คุณต่างหาก หัวหน้าไมรอน ขานชื่อ”

ไมรอนตอบโดยไม่รู้ตัว “ครับ!”

หลายคนในกลุ่มหลุดขำออกมา ทำให้สีหน้าของไมรอนแดงแปร๊ด แต่เขาก็มองเมลิสซ่าแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้เหมือนกัน หมดความเขินอายไปแล้ว

สีแดงบนใบหน้าของไมรอนลามไปถึงคอ แต่เขาก็บังคับสงบสติตัวเองแล้วปรามาสไปหลายคำ ทำให้คนอื่นเงียบไป

จากนั้นเขาก็ขานชื่อแล้วจัดระเบียบกลุ่ม และรายงานความแข็งแกร่งโดยรวมของกลุ่ม

เมลิสซ่าถูกรวมเข้ากับกลุ่มของเธอตามปกติ แต่เธอไม่ใช่หัวหน้ากลุ่มอีกต่อไป แต่เป็นเพียงสมาชิกธรรมดาเท่านั้น

ทั้งหน่วยรบย่อยที่ห้ามีกลุ่มย่อยทั้งหมดยี่สิบกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีสิบคน และกลุ่มของเมลิสซ่าคือกลุ่มที่แปด

เธอยืนอยู่หลังสมาชิกกลุ่ม เห็นหนึ่งในสิบอัศวินแห่งแสง ‘หอกสีชาด’ วิเวียน

สมฉายาของวิเวียน เธอนั่งคร่อมบนหลังม้าสีดำ สวมชุดเกราะหนักสีแดงเข้มตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า มีหอกยาวเกือบสามเมตรในมือของเธอ ที่ท้ายหมวกเกราะมีปลายเส้นผมสั้นสีน้ำตาลแลบออกมา เกราะไหล่และแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเธอทำให้เธอดูสูงสง่าเป็นพิเศษ กระทั่งดูไม่เหมือนผู้หญิงด้วยซ้ำ

แต่ที่จริงแล้ว เมลิสซ่าเคยเห็นหน้าจริงของวิเวียนมาก่อน และเธอก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงที่กล้าหาญและงดงามมาก แถมยังมีเสน่ห์ด้วย

…ถ้าจะถามว่าทำไมเธอถึงรู้เยอะนัก งั้นคงต้องไปถามคุณโจเซฟ ‘เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทาน’ แล้วล่ะ

ถึงแม้โจเซฟจะทุ่มเทความรู้สึกทั้งหมดให้ภรรยาที่ล่วงลับและลูกสาวของเขาไปแล้ว แต่คนที่แอบชอบเขาอยู่ก็มีเยอะ

เมื่อวิเวียนขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ก่อนเริ่มสงครามเช่นทุกที เมลิสซ่าก็นึกถึงข่าวซุบซิบในหมู่พวกผู้ใหญ่ขึ้นมาอย่างเบื่อหน่าย

“…หอพิธีกรรมต้องห้ามไร้เทียมทาน แต่ในครั้งนี้ เราจะนำชัยชนะไร้คู่เปรียบกลับมาด้วย เดินทัพ!”

วิเวียนยกหอกยาวของเธอขึ้นแล้วตะโกน และผู้คนเบื้องล่างก็กู่ร้องนำชัยเสียงดัง แล้วบรรดานักเวทสังกัดหอพิธีกรรมต้องห้ามก็เปิดจุดเคลื่อนย้ายเพื่อส่งกองทัพไปยังสนามรบ

ภารกิจถูกมอบหมายให้แต่ละกลุ่มตั้งแต่แรกแล้ว พวกเขาก็แค่ทำหน้าที่ของตัวเองเท่านั้น

หากพบสมาชิกระดับสูงของนิกายกลืนศพ วิเวียนจะเข้ารับมือเอง

เมลิสซ่าคุ้นเคยกับขั้นตอนของภารกิจอยู่นานแล้ว แล้วเธอกับสามชิกกลุ่มก็ถูกส่งไปยังจุดหมายพร้อมกัน

ครั้งนี้พวกเธอต้องปิดล้อมฐานที่มั่นใหญ่ของนิกายกลืนศพ และปราบปรามสมาชิกระดับสัตว์ประหลาดสามคนที่ถูกระบุว่าเป็นระดับสั่งการ

หนึ่งในผู้ติดตามของไวลด์เป็นนักล่าที่แข็งแกร่ง ใช้โค้ดเนมว่า ‘เหยี่ยวราตรี’ และมีความแข็งแกร่งอยู่ในจุดสูงสุดของระดับสัตว์ประหลาด ดังนั้นวิเวียนจึงถูกส่งมาเพื่อจัดการกับเขา

อีกสองคนค่อนข้างธรรมดา ด้วยความที่ครั้งนี้เมลิสซ่าได้รับการชี้แนะจากเจ้าของร้านหลินแล้วแข็งแกร่งขึ้น เธอจึงไม่มีอะไรต้องกลัว

แต่เดิมแล้ว ภารกิจระดับนี้ไม่เพียงพอให้หอพิธีกรรมต้องห้ามส่งพวกเขาออกมามากมายขนาดนี้หรอก แต่เพราะนิกายกลืนศพชั่วร้ายมาก พวกเขาสามารถทวีคูณความแข็งแกร่งของตนเองได้ไม่รู้จบจากการสังเวยศัตรู ขอแค่มีใครถูกฆ่า เรื่องราวก็จะยิ่งแย่…

ช่วงนี้หอพิธีกรรมต้องห้ามปวดเศียรเวียนเกล้ากับมันมาก แล้วในที่สุดพวกเขาก็หาวิธีจัดการกับนิกายกลืนศพได้ นั่นก็คือ ต้องประเมินระดับความแข็งแกร่งของศัตรูให้สูงขึ้น

“ทุกคนฟังทางนี้ จากแผนแล้ว ถ้าใครพบสมาชิกของนิกายกลืนศพเตรียมทำพิธีบวงสรวง ให้ฆ่ามันก่อนเลยนะ!”

เมื่อวิเวียนออกคำสั่งสุดท้าย เธอก็เข้าใกล้สนามรบมากแล้ว

“ครับ/ค่ะ!”

ผู้คนต่างตอบกลับมาในเครื่องมือสื่อสารเป็นเสียงเดียว

ปฏิบัติการลับสุดยอดปิดล้อมลัทธิเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ แล้วทุกคนก็กระจายกำลังกันไปปิดล้อมซอย 67 อย่างเป็นระเบียบ…

“คุณป้าวิเวียน ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”

จู่ ๆ ข้อความนี้ก็ถูกส่งมาในช่องสื่อสารส่วนตัวของวิเวียน เธออยู่ในสภาวะเตรียมพร้อมแล้วเปิดดู แต่แล้วสีหน้าของเธอก็พลันเปลี่ยน

“เมลิสซ่า?! เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?? แย่ล่ะ!”

เธอรีบส่งข้อความ “นี่เธออยู่ไหน?”

เมลิสซ่าตอบกลับว่า “หนูอยู่ในทีมปิดล้อมที่ซอย 67 ค่ะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+