เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] 339 : ถามตรง ๆ

Now you are reading เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] Chapter 339 : ถามตรง ๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 339 : ถามตรง ๆ

“!”

เกร็กที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ เขาเข้าใจความหมายของมันได้อย่างรวดเร็วแล้วตื่นตัวขึ้นมาทันที

มาแล้ว…นี่คือสิ่งที่ถูกระบุไว้หลายต่อหลายครั้งในแฟ้มข้อมูลเกี่ยวกับศาสตร์การพูดที่เจ้าของร้านหนังสือมักจะใช้

เริ่มจากหาหัวข้อที่ดูเหมือนจะเป็นการคุยเล่นที่ล้วงให้พูดปัญหาคาใจออกมา เล่นบทเป็นคนดี แต่ที่จริงแล้วเขากำลังหลอกให้คู่สนทนาลดความระแวดระวังลงแล้วจัดเตรียมกับดักรอทีละขั้นตอน รอเหยื่อมาติดกับ

จากนั้น ในการสนทนาที่ลึกซึ้งขึ้น อีกฝ่ายจะค่อย ๆ เข้าควบคุมจังหวะและทิศทางการสนทนาโดยสมบูรณ์ แล้วความคิดของคู่สนทนาก็จะตกอยู่ภายใต้อำนาจของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว

ข้อมูลของคู่สนทนาจะถูกล้วงไม่เหลือ และพวกเขาจะเชื่อใจเจ้าของร้านหนังสือเสียจนถึงระดับที่ไม่สามารถหาเหตุผลมาอธิบายได้อย่างน่าประหลาดราวกับขายตัวเองแล้วช่วยอีกฝ่ายนับเงิน

จนตอนนี้ ในหมู่บุคคลทั้งหมดที่เข้าไปในร้านหนังสือหรือเคยติดต่อกับเจ้าของร้าน ตราบใดที่พวกเขาไม่แสดงท่าทีเป็นปรปักษ์อย่างชัดเจน โดยหลักแล้วพวกเขาก็จะกลายเป็นสาวกของปีศาจตนนี้ไป

มันดูเหมือนการดัดแปลงความรู้ความเข้าใจของคน…แต่ก็ไม่ใช่

ถึงพวกเขาจะไม่ได้ตรวจสอบเรื่องนี้ แต่ก็เชื่อว่าที่จริงแล้ว เจ้าของร้านหนังสือได้ใช้วิธีการบางอย่างเพื่อควบคุมจิตใจของลูกค้าทุกคน

ส่วนผู้ที่แสดงความเป็นปรปักษ์…ป่านนี้หญ้าบนหลุมฝังศพคงงอกสูงสักฟุตหนึ่งได้แล้ว

เมื่อเกร็กได้ยินคำพูดนี้ในตอนแรก เขาก็ตระหนกและกระวนกระวายมาก

เพราะไอดอลของเขา โจเซฟก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านี้ด้วย

แค่โชคดีที่โจเซฟยังคงรักษาความมีเหตุผลของเขาเอาไว้ได้ การประเมินเจ้าของร้านหนังสือของเขาก็อิงวัตถุประสงค์มากเช่นกัน เขาจำแนกอันตรายที่อาจเกิดจากร้านหนังสือได้อย่างชัดเจนมาก

ทุกอย่างมีรากเหง้ามาจากความเมตตา ยิ่งกว่านั้นเจ้าของร้านหนังสือยังขอให้เขาทำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ ดังนั้น เขาจึงช่วยอีกฝ่ายมาโดยตลอด

…อย่างน้อย นี่ก็คือสิ่งที่เกร็กคิด

เขายกความดีความชอบในเรื่องนี้ให้เจตจำนงส่วนบุคคลของโจเซฟ

เขาสามารถใช้เจตจำนงของตัวเองเอาชนะลูกไม้สกปรกของเจ้าของร้านหนังสือได้ สมกับเป็นคุณโจเซฟจริง ๆ!

ถึงแม้ว่าคุณโจเซฟในตอนนั้นจะอยู่ในจุดตกต่ำ แล้วแพ้ให้กับปีศาจตนนี้ด้านอำนาจต่อสู้เพราะไม่ทันตั้งตัว

แต่คุณโจเซฟก็เป็นคุณโจเซฟอยู่ดี เขามีเจตจำนงที่มั่นคงเหมือนเปลวเพลิงที่ไม่มีวันดับ ควรค่าให้ติดตาม

ดังนั้น ในฐานะลูกศิษย์ฝึกหัดของโจเซฟ เขา…เกร็กคนนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับลูกไม้เดียวกัน เขาจะทำให้อาจารย์เสียหน้าไม่ได้เด็ดขาด!

เกร็กสูดหายใจลึก ๆ แล้วเตรียมใจไว้เงียบ ๆ บอกตัวเองว่าต้องไม่ให้ข้อมูลที่มากเกินไปเด็ดขาด แต่แค่บอกความกังวลของตัวเองออกไปสักหน่อยก็คงไม่มีปัญหาอะไร…

จากนั้น เขาก็อ้าปากพูดเสียงต่ำ “ผมมาจากหน่วยอื่นครับ ที่จริงแล้วผมควรถูกมองว่าเป็นพนักงานอัตราจ้างจากภายนอกมากกว่า ผมไม่ได้มาจากหน่วยบ่มเพาะบุคลากรของหอพิธีกรรมต้องห้าม แต่หลังจากนั้นคุณโจเซฟก็มองว่าผมมีฝีมือ ผมเลยได้เข้าร่วมหน่วยข่าวกรอง”

“ก่อนหน้านั้น ผมก็ทำได้แค่งานจิปาถะในหอพิธีกรรมต้องห้ามเท่านั้น แต่…สำหรับเพื่อนร่วมงานปัจจุบันของผมแล้ว ผมก็ดูเหมือนเด็กเส้นมากกว่า”

เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มเย้ยตัวเองที่มุมปาก

เหตุผลที่ใหญ่กว่านั้นจริง ๆ ก็คือเรื่องที่เขาจ่ายเงินมากและทำตัวออกหน้าเกินไปเพื่อไอดอลของเขา

เมื่อคนอื่นถามเรื่องนี้แล้วโยงเข้ากับเรื่องที่โจเซฟรับเขาเป็นศิษย์อีกครั้ง พวกเขาก็จะพากันแสดงสีหน้าเข้าอกเข้าใจ

ส่วนความสามารถของเขาเหรอ?

ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอก็ไม่สำคัญหรอก เขาเป็นคนแบบที่ขอแค่ได้ทำในสิ่งที่คนธรรมดามองว่าไร้สาระและฟุ่มเฟือยก็พอแล้วจริง ๆ

พวกเขาจะมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ หรือซุบซิบลับหลังเขาก็ได้…แต่แม้จะไร้ความพยาบาทใด ๆ เกร็กก็ยังอดไม่ได้จะรู้สึกไม่ดี เหมือนเขาถูกสังคมกีดกัน

แน่นอนว่าเกร็กไม่บ่นเรื่องนี้กับคนอื่น ๆ ในหอพิธีกรรมต้องห้าม หรือบอกกับสมาชิกครอบครัวตัวเองหรอก

แต่คนตรงหน้านี้ไม่ใช่เพื่อนร่วมงานหรือครอบครัว และเป็นแค่ ‘ศัตรู’ ที่เขาเคยเห็นมาก่อนแวบ ๆ ในร่างแมว

เล่าไปก็ไม่ค้างคา ไม่รู้สึกอาย เหมือนกับว่า…กลายเป็นที่ระบายความในใจที่สมบูรณ์แบบไปแทน?

แต่เรื่องแบบนี้ก็ง่ายเกินไปที่จะถูกตลบหลัง ดังนั้นเขาจึงไม่สาธยายประวัติอันดำมืดเหล่านี้ให้เจ้าปีศาจนี่ฟังอย่างละเอียดหรอก เล่าคร่าว ๆ แค่นี้ก็พอแล้ว

หลินเจี๋ยยกสองมือขึ้นเท้าใต้คางแล้วครุ่นคิด “อย่างนี้นี่เอง คุณรู้สึกต่อต้านสิ่งแปลกปลอมเพราะกังวลว่าจะได้รับคำวิจารณ์จากคนอื่นสินะครับ…เป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้จริง ๆ”

เขาดื่มชาที่เพิ่งชงแล้วหรี่ตาพูด “ผมคิดว่า คุณควรระงับการพูดเรื่องนี้กับคนอื่นให้มากครับ เพราะคำพูดและการกระทำของพวกเขาอาจจะทำร้ายความเคารพในตนเองของคุณได้ ดังนั้น คุณไม่ต้องไปคิดสนใจหรอกว่าพวกเขาจะทำอะไรหลังได้ยินคำพูดของคุณ ถึงพวกเขาจะสำนึกผิดทีหลัง ผลกระทบที่เกิดกับคุณไปแล้วก็คงเปลี่ยนแปลงไม่ได้อยู่ดี”

“ในกรณีนี้ ทำไมคุณต้องคาดหวังให้พวกเขาเลิกล้มความคิดด้วยล่ะครับ? มันมีแต่จะทำให้คุณรู้สึกอึดอัดแล้วดูอ่อนแอเปล่า ๆ ใช่ไหมครับนักศึกษาเกร็ก?”

เกร็กสะดุ้งแล้วละล่ำละลัก “คุณ ทำไมคุณ…”

“ทำไมผมถึงรู้เหรอครับ?”

หลินเจี๋ยยิ้มลึกลับ ผมคุยกับวัยรุ่นอย่างพวกคุณมาไม่รู้กี่คน เรื่องพวกนี้ก็เจอมาบ่อย หลัก ๆ มันก็แค่มีความต่างกันยิบย่อยนิดเดียวเองนี่?

ในตอนนี้ เกร็กแอบปรามาสตัวเองว่าโง่เง่า เจ้าของร้านหนังสือถูกขนานนามไปทั่วว่า ‘เป็นผู้รอบรู้และเชี่ยวชาญรอบด้าน’ ทำไมต้องถามความจริงง่าย ๆ แบบนี้ด้วยล่ะ?

แต่ก็…ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาคิดแบบนั้นอยู่จริง ๆ

หลินเจี๋ยยักไหล่แล้วพูดต่อ “นี่คือการใช้ความรู้ทางจิตวิทยาร่วมกับเทคนิคง่าย ๆ ครับ ถ้าคุณอยากเรียน ผมสอนให้ได้นะ”

เกร็กส่ายหน้ารัว ๆ “ไม่ครับ ไม่เป็นไร!”

เกร็กแอบคิดว่าเกือบไปแล้ว เกือบตกหลุมพรางแล้วไง แต่ไม่เป็นไรหรอก เขาในตอนนี้ยังคงมีสติมากเหมือนเดิม เขาไม่ฮุบเหยื่อแน่ ๆ

เฮอะ ปีศาจเหรอ? ตราบใดที่เขามั่นคงพอ เขาก็ไม่ถูกควบคุมหรอก

“ได้ครับ” หลินเจี๋ยละมือที่จะล้วงเข้าไปหยิบหนังสือกลับอย่างเสียดาย แล้วกล่าวว่า “คุณจะถือว่าผมเป็นโพรงต้นไม้ไหมครับ?”

เกร็กถามอย่างงุนงง “โพรงต้นไม้เหรอครับ?”

“เวลาคุณมีเรื่องที่บอกคนอื่นไม่ได้ เช่นปัญหาหรือความลับใด ๆ คุณก็เอาไปบอกโพรงต้นไม้ได้ครับ มันจะไม่ถูกแพร่กระจายหรือตอบสนองใด ๆ และมันก็จะไม่รู้อะไรด้วยซ้ำ ไม่ต้องกังวลนะครับ ผมจะแค่ฟังเงียบ ๆ เท่านั้น”

“ถึงตัวผมจะเทียบกับโพรงต้นไม้ไม่ได้จริง ๆ ก็เถอะ แต่เราสองคนก็เป็นกึ่ง ๆ คนแปลกหน้า ผมจะไม่ไปเที่ยวพูดไร้สาระกับเพื่อนร่วมงานของคุณแน่นอน การบอกผมก็เหมือนการระบายความในใจกับโพรงต้นไม้นั่นแหละครับ”

“บางครั้ง การเก็บกดความรู้สึกไว้กับตัวเองนานเกินไป ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าสบายใจนักหรอกครับ”

หลินเจี๋ยยิ้มอย่างเป็นมิตรตามเอกลักษณ์แล้วกล่าวว่า “คุณรู้สึกอย่างไรบ้างครับ?”

ถึงแม้ว่าจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่หลินเจี๋ยก็แอบเปลี่ยน ‘บอกปัญหาของคุณ’ เป็น ‘เล่าความลับของคุณออกมา’ อย่างเงียบ ๆ…

หากต้องการรักษาฐานลูกค้า นอกจากจะต้องมีสินค้าที่ดีแล้ว เขาต้องมีความยืดหยุ่นมากด้วย

เกร็กลังเล มองรอยยิ้มอ่อนโยนตรงหน้า แล้วรู้สึกว่าข้อเสนอนี้เกือบตรงกับความคิดในใจเขาพอดี…

ใช่แล้ว แค่พูดเรื่องที่ไม่สลักสำคัญ ไม่ใช่การเผยไต๋ในหอพิธีกรรมสักหน่อย แค่คุยกันเฉย ๆ ไม่เป็นไรหรอก

เดี๋ยว ไม่ ๆๆ นี่เขาคิดอะไรอยู่!

นี่มันคือจุดเริ่มต้นของการติดกับดักของปีศาจ เชื่อไม่ได้! ต้องคุมเกมไว้!

แต่ถ้าเกิดเขาพูดออกมา เขาอาจจะสามารถได้รับความไว้วางใจจากปีศาจตนนี้ ได้รับข้อชี้แนะสำคัญในการทำลายการต่อสู้ที่น่ากังวลในตอนนี้ พิสูจน์คุณค่าของตัวเขาเองได้ก็เป็นได้

ความคิดของเกร็กสับสนอลหม่าน เขากัดฟันพูด “จริง ๆ แล้วนี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกครับ พูดออกมาอาจจะทำให้ผ่อนคลายได้มากกว่า แต่ผมก็อยากฟังความคิดของคุณต่อปัญหานี้เหมือนกันครับ”

หลินเจี๋ยเลิกคิ้ว “ความคิดของผมเหรอครับ?”

“ครับ” เกร็กพยักหน้า “อาจารย์ของผม…คุณโจเซฟ ถ้าเขากับไวลด์เผชิญหน้ากัน คุณคิดว่าใครมีโอกาสชนะมากกว่ากันเหรอครับ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] 339 : ถามตรง ๆ

Now you are reading เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] Chapter 339 : ถามตรง ๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 339 : ถามตรง ๆ

“!”

เกร็กที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ เขาเข้าใจความหมายของมันได้อย่างรวดเร็วแล้วตื่นตัวขึ้นมาทันที

มาแล้ว…นี่คือสิ่งที่ถูกระบุไว้หลายต่อหลายครั้งในแฟ้มข้อมูลเกี่ยวกับศาสตร์การพูดที่เจ้าของร้านหนังสือมักจะใช้

เริ่มจากหาหัวข้อที่ดูเหมือนจะเป็นการคุยเล่นที่ล้วงให้พูดปัญหาคาใจออกมา เล่นบทเป็นคนดี แต่ที่จริงแล้วเขากำลังหลอกให้คู่สนทนาลดความระแวดระวังลงแล้วจัดเตรียมกับดักรอทีละขั้นตอน รอเหยื่อมาติดกับ

จากนั้น ในการสนทนาที่ลึกซึ้งขึ้น อีกฝ่ายจะค่อย ๆ เข้าควบคุมจังหวะและทิศทางการสนทนาโดยสมบูรณ์ แล้วความคิดของคู่สนทนาก็จะตกอยู่ภายใต้อำนาจของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว

ข้อมูลของคู่สนทนาจะถูกล้วงไม่เหลือ และพวกเขาจะเชื่อใจเจ้าของร้านหนังสือเสียจนถึงระดับที่ไม่สามารถหาเหตุผลมาอธิบายได้อย่างน่าประหลาดราวกับขายตัวเองแล้วช่วยอีกฝ่ายนับเงิน

จนตอนนี้ ในหมู่บุคคลทั้งหมดที่เข้าไปในร้านหนังสือหรือเคยติดต่อกับเจ้าของร้าน ตราบใดที่พวกเขาไม่แสดงท่าทีเป็นปรปักษ์อย่างชัดเจน โดยหลักแล้วพวกเขาก็จะกลายเป็นสาวกของปีศาจตนนี้ไป

มันดูเหมือนการดัดแปลงความรู้ความเข้าใจของคน…แต่ก็ไม่ใช่

ถึงพวกเขาจะไม่ได้ตรวจสอบเรื่องนี้ แต่ก็เชื่อว่าที่จริงแล้ว เจ้าของร้านหนังสือได้ใช้วิธีการบางอย่างเพื่อควบคุมจิตใจของลูกค้าทุกคน

ส่วนผู้ที่แสดงความเป็นปรปักษ์…ป่านนี้หญ้าบนหลุมฝังศพคงงอกสูงสักฟุตหนึ่งได้แล้ว

เมื่อเกร็กได้ยินคำพูดนี้ในตอนแรก เขาก็ตระหนกและกระวนกระวายมาก

เพราะไอดอลของเขา โจเซฟก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านี้ด้วย

แค่โชคดีที่โจเซฟยังคงรักษาความมีเหตุผลของเขาเอาไว้ได้ การประเมินเจ้าของร้านหนังสือของเขาก็อิงวัตถุประสงค์มากเช่นกัน เขาจำแนกอันตรายที่อาจเกิดจากร้านหนังสือได้อย่างชัดเจนมาก

ทุกอย่างมีรากเหง้ามาจากความเมตตา ยิ่งกว่านั้นเจ้าของร้านหนังสือยังขอให้เขาทำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ ดังนั้น เขาจึงช่วยอีกฝ่ายมาโดยตลอด

…อย่างน้อย นี่ก็คือสิ่งที่เกร็กคิด

เขายกความดีความชอบในเรื่องนี้ให้เจตจำนงส่วนบุคคลของโจเซฟ

เขาสามารถใช้เจตจำนงของตัวเองเอาชนะลูกไม้สกปรกของเจ้าของร้านหนังสือได้ สมกับเป็นคุณโจเซฟจริง ๆ!

ถึงแม้ว่าคุณโจเซฟในตอนนั้นจะอยู่ในจุดตกต่ำ แล้วแพ้ให้กับปีศาจตนนี้ด้านอำนาจต่อสู้เพราะไม่ทันตั้งตัว

แต่คุณโจเซฟก็เป็นคุณโจเซฟอยู่ดี เขามีเจตจำนงที่มั่นคงเหมือนเปลวเพลิงที่ไม่มีวันดับ ควรค่าให้ติดตาม

ดังนั้น ในฐานะลูกศิษย์ฝึกหัดของโจเซฟ เขา…เกร็กคนนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับลูกไม้เดียวกัน เขาจะทำให้อาจารย์เสียหน้าไม่ได้เด็ดขาด!

เกร็กสูดหายใจลึก ๆ แล้วเตรียมใจไว้เงียบ ๆ บอกตัวเองว่าต้องไม่ให้ข้อมูลที่มากเกินไปเด็ดขาด แต่แค่บอกความกังวลของตัวเองออกไปสักหน่อยก็คงไม่มีปัญหาอะไร…

จากนั้น เขาก็อ้าปากพูดเสียงต่ำ “ผมมาจากหน่วยอื่นครับ ที่จริงแล้วผมควรถูกมองว่าเป็นพนักงานอัตราจ้างจากภายนอกมากกว่า ผมไม่ได้มาจากหน่วยบ่มเพาะบุคลากรของหอพิธีกรรมต้องห้าม แต่หลังจากนั้นคุณโจเซฟก็มองว่าผมมีฝีมือ ผมเลยได้เข้าร่วมหน่วยข่าวกรอง”

“ก่อนหน้านั้น ผมก็ทำได้แค่งานจิปาถะในหอพิธีกรรมต้องห้ามเท่านั้น แต่…สำหรับเพื่อนร่วมงานปัจจุบันของผมแล้ว ผมก็ดูเหมือนเด็กเส้นมากกว่า”

เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มเย้ยตัวเองที่มุมปาก

เหตุผลที่ใหญ่กว่านั้นจริง ๆ ก็คือเรื่องที่เขาจ่ายเงินมากและทำตัวออกหน้าเกินไปเพื่อไอดอลของเขา

เมื่อคนอื่นถามเรื่องนี้แล้วโยงเข้ากับเรื่องที่โจเซฟรับเขาเป็นศิษย์อีกครั้ง พวกเขาก็จะพากันแสดงสีหน้าเข้าอกเข้าใจ

ส่วนความสามารถของเขาเหรอ?

ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอก็ไม่สำคัญหรอก เขาเป็นคนแบบที่ขอแค่ได้ทำในสิ่งที่คนธรรมดามองว่าไร้สาระและฟุ่มเฟือยก็พอแล้วจริง ๆ

พวกเขาจะมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ หรือซุบซิบลับหลังเขาก็ได้…แต่แม้จะไร้ความพยาบาทใด ๆ เกร็กก็ยังอดไม่ได้จะรู้สึกไม่ดี เหมือนเขาถูกสังคมกีดกัน

แน่นอนว่าเกร็กไม่บ่นเรื่องนี้กับคนอื่น ๆ ในหอพิธีกรรมต้องห้าม หรือบอกกับสมาชิกครอบครัวตัวเองหรอก

แต่คนตรงหน้านี้ไม่ใช่เพื่อนร่วมงานหรือครอบครัว และเป็นแค่ ‘ศัตรู’ ที่เขาเคยเห็นมาก่อนแวบ ๆ ในร่างแมว

เล่าไปก็ไม่ค้างคา ไม่รู้สึกอาย เหมือนกับว่า…กลายเป็นที่ระบายความในใจที่สมบูรณ์แบบไปแทน?

แต่เรื่องแบบนี้ก็ง่ายเกินไปที่จะถูกตลบหลัง ดังนั้นเขาจึงไม่สาธยายประวัติอันดำมืดเหล่านี้ให้เจ้าปีศาจนี่ฟังอย่างละเอียดหรอก เล่าคร่าว ๆ แค่นี้ก็พอแล้ว

หลินเจี๋ยยกสองมือขึ้นเท้าใต้คางแล้วครุ่นคิด “อย่างนี้นี่เอง คุณรู้สึกต่อต้านสิ่งแปลกปลอมเพราะกังวลว่าจะได้รับคำวิจารณ์จากคนอื่นสินะครับ…เป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้จริง ๆ”

เขาดื่มชาที่เพิ่งชงแล้วหรี่ตาพูด “ผมคิดว่า คุณควรระงับการพูดเรื่องนี้กับคนอื่นให้มากครับ เพราะคำพูดและการกระทำของพวกเขาอาจจะทำร้ายความเคารพในตนเองของคุณได้ ดังนั้น คุณไม่ต้องไปคิดสนใจหรอกว่าพวกเขาจะทำอะไรหลังได้ยินคำพูดของคุณ ถึงพวกเขาจะสำนึกผิดทีหลัง ผลกระทบที่เกิดกับคุณไปแล้วก็คงเปลี่ยนแปลงไม่ได้อยู่ดี”

“ในกรณีนี้ ทำไมคุณต้องคาดหวังให้พวกเขาเลิกล้มความคิดด้วยล่ะครับ? มันมีแต่จะทำให้คุณรู้สึกอึดอัดแล้วดูอ่อนแอเปล่า ๆ ใช่ไหมครับนักศึกษาเกร็ก?”

เกร็กสะดุ้งแล้วละล่ำละลัก “คุณ ทำไมคุณ…”

“ทำไมผมถึงรู้เหรอครับ?”

หลินเจี๋ยยิ้มลึกลับ ผมคุยกับวัยรุ่นอย่างพวกคุณมาไม่รู้กี่คน เรื่องพวกนี้ก็เจอมาบ่อย หลัก ๆ มันก็แค่มีความต่างกันยิบย่อยนิดเดียวเองนี่?

ในตอนนี้ เกร็กแอบปรามาสตัวเองว่าโง่เง่า เจ้าของร้านหนังสือถูกขนานนามไปทั่วว่า ‘เป็นผู้รอบรู้และเชี่ยวชาญรอบด้าน’ ทำไมต้องถามความจริงง่าย ๆ แบบนี้ด้วยล่ะ?

แต่ก็…ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาคิดแบบนั้นอยู่จริง ๆ

หลินเจี๋ยยักไหล่แล้วพูดต่อ “นี่คือการใช้ความรู้ทางจิตวิทยาร่วมกับเทคนิคง่าย ๆ ครับ ถ้าคุณอยากเรียน ผมสอนให้ได้นะ”

เกร็กส่ายหน้ารัว ๆ “ไม่ครับ ไม่เป็นไร!”

เกร็กแอบคิดว่าเกือบไปแล้ว เกือบตกหลุมพรางแล้วไง แต่ไม่เป็นไรหรอก เขาในตอนนี้ยังคงมีสติมากเหมือนเดิม เขาไม่ฮุบเหยื่อแน่ ๆ

เฮอะ ปีศาจเหรอ? ตราบใดที่เขามั่นคงพอ เขาก็ไม่ถูกควบคุมหรอก

“ได้ครับ” หลินเจี๋ยละมือที่จะล้วงเข้าไปหยิบหนังสือกลับอย่างเสียดาย แล้วกล่าวว่า “คุณจะถือว่าผมเป็นโพรงต้นไม้ไหมครับ?”

เกร็กถามอย่างงุนงง “โพรงต้นไม้เหรอครับ?”

“เวลาคุณมีเรื่องที่บอกคนอื่นไม่ได้ เช่นปัญหาหรือความลับใด ๆ คุณก็เอาไปบอกโพรงต้นไม้ได้ครับ มันจะไม่ถูกแพร่กระจายหรือตอบสนองใด ๆ และมันก็จะไม่รู้อะไรด้วยซ้ำ ไม่ต้องกังวลนะครับ ผมจะแค่ฟังเงียบ ๆ เท่านั้น”

“ถึงตัวผมจะเทียบกับโพรงต้นไม้ไม่ได้จริง ๆ ก็เถอะ แต่เราสองคนก็เป็นกึ่ง ๆ คนแปลกหน้า ผมจะไม่ไปเที่ยวพูดไร้สาระกับเพื่อนร่วมงานของคุณแน่นอน การบอกผมก็เหมือนการระบายความในใจกับโพรงต้นไม้นั่นแหละครับ”

“บางครั้ง การเก็บกดความรู้สึกไว้กับตัวเองนานเกินไป ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าสบายใจนักหรอกครับ”

หลินเจี๋ยยิ้มอย่างเป็นมิตรตามเอกลักษณ์แล้วกล่าวว่า “คุณรู้สึกอย่างไรบ้างครับ?”

ถึงแม้ว่าจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่หลินเจี๋ยก็แอบเปลี่ยน ‘บอกปัญหาของคุณ’ เป็น ‘เล่าความลับของคุณออกมา’ อย่างเงียบ ๆ…

หากต้องการรักษาฐานลูกค้า นอกจากจะต้องมีสินค้าที่ดีแล้ว เขาต้องมีความยืดหยุ่นมากด้วย

เกร็กลังเล มองรอยยิ้มอ่อนโยนตรงหน้า แล้วรู้สึกว่าข้อเสนอนี้เกือบตรงกับความคิดในใจเขาพอดี…

ใช่แล้ว แค่พูดเรื่องที่ไม่สลักสำคัญ ไม่ใช่การเผยไต๋ในหอพิธีกรรมสักหน่อย แค่คุยกันเฉย ๆ ไม่เป็นไรหรอก

เดี๋ยว ไม่ ๆๆ นี่เขาคิดอะไรอยู่!

นี่มันคือจุดเริ่มต้นของการติดกับดักของปีศาจ เชื่อไม่ได้! ต้องคุมเกมไว้!

แต่ถ้าเกิดเขาพูดออกมา เขาอาจจะสามารถได้รับความไว้วางใจจากปีศาจตนนี้ ได้รับข้อชี้แนะสำคัญในการทำลายการต่อสู้ที่น่ากังวลในตอนนี้ พิสูจน์คุณค่าของตัวเขาเองได้ก็เป็นได้

ความคิดของเกร็กสับสนอลหม่าน เขากัดฟันพูด “จริง ๆ แล้วนี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกครับ พูดออกมาอาจจะทำให้ผ่อนคลายได้มากกว่า แต่ผมก็อยากฟังความคิดของคุณต่อปัญหานี้เหมือนกันครับ”

หลินเจี๋ยเลิกคิ้ว “ความคิดของผมเหรอครับ?”

“ครับ” เกร็กพยักหน้า “อาจารย์ของผม…คุณโจเซฟ ถ้าเขากับไวลด์เผชิญหน้ากัน คุณคิดว่าใครมีโอกาสชนะมากกว่ากันเหรอครับ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] 339 : ถามตรง ๆ

Now you are reading เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] Chapter 339 : ถามตรง ๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 339 : ถามตรง ๆ

“!”

เกร็กที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ เขาเข้าใจความหมายของมันได้อย่างรวดเร็วแล้วตื่นตัวขึ้นมาทันที

มาแล้ว…นี่คือสิ่งที่ถูกระบุไว้หลายต่อหลายครั้งในแฟ้มข้อมูลเกี่ยวกับศาสตร์การพูดที่เจ้าของร้านหนังสือมักจะใช้

เริ่มจากหาหัวข้อที่ดูเหมือนจะเป็นการคุยเล่นที่ล้วงให้พูดปัญหาคาใจออกมา เล่นบทเป็นคนดี แต่ที่จริงแล้วเขากำลังหลอกให้คู่สนทนาลดความระแวดระวังลงแล้วจัดเตรียมกับดักรอทีละขั้นตอน รอเหยื่อมาติดกับ

จากนั้น ในการสนทนาที่ลึกซึ้งขึ้น อีกฝ่ายจะค่อย ๆ เข้าควบคุมจังหวะและทิศทางการสนทนาโดยสมบูรณ์ แล้วความคิดของคู่สนทนาก็จะตกอยู่ภายใต้อำนาจของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว

ข้อมูลของคู่สนทนาจะถูกล้วงไม่เหลือ และพวกเขาจะเชื่อใจเจ้าของร้านหนังสือเสียจนถึงระดับที่ไม่สามารถหาเหตุผลมาอธิบายได้อย่างน่าประหลาดราวกับขายตัวเองแล้วช่วยอีกฝ่ายนับเงิน

จนตอนนี้ ในหมู่บุคคลทั้งหมดที่เข้าไปในร้านหนังสือหรือเคยติดต่อกับเจ้าของร้าน ตราบใดที่พวกเขาไม่แสดงท่าทีเป็นปรปักษ์อย่างชัดเจน โดยหลักแล้วพวกเขาก็จะกลายเป็นสาวกของปีศาจตนนี้ไป

มันดูเหมือนการดัดแปลงความรู้ความเข้าใจของคน…แต่ก็ไม่ใช่

ถึงพวกเขาจะไม่ได้ตรวจสอบเรื่องนี้ แต่ก็เชื่อว่าที่จริงแล้ว เจ้าของร้านหนังสือได้ใช้วิธีการบางอย่างเพื่อควบคุมจิตใจของลูกค้าทุกคน

ส่วนผู้ที่แสดงความเป็นปรปักษ์…ป่านนี้หญ้าบนหลุมฝังศพคงงอกสูงสักฟุตหนึ่งได้แล้ว

เมื่อเกร็กได้ยินคำพูดนี้ในตอนแรก เขาก็ตระหนกและกระวนกระวายมาก

เพราะไอดอลของเขา โจเซฟก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านี้ด้วย

แค่โชคดีที่โจเซฟยังคงรักษาความมีเหตุผลของเขาเอาไว้ได้ การประเมินเจ้าของร้านหนังสือของเขาก็อิงวัตถุประสงค์มากเช่นกัน เขาจำแนกอันตรายที่อาจเกิดจากร้านหนังสือได้อย่างชัดเจนมาก

ทุกอย่างมีรากเหง้ามาจากความเมตตา ยิ่งกว่านั้นเจ้าของร้านหนังสือยังขอให้เขาทำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ ดังนั้น เขาจึงช่วยอีกฝ่ายมาโดยตลอด

…อย่างน้อย นี่ก็คือสิ่งที่เกร็กคิด

เขายกความดีความชอบในเรื่องนี้ให้เจตจำนงส่วนบุคคลของโจเซฟ

เขาสามารถใช้เจตจำนงของตัวเองเอาชนะลูกไม้สกปรกของเจ้าของร้านหนังสือได้ สมกับเป็นคุณโจเซฟจริง ๆ!

ถึงแม้ว่าคุณโจเซฟในตอนนั้นจะอยู่ในจุดตกต่ำ แล้วแพ้ให้กับปีศาจตนนี้ด้านอำนาจต่อสู้เพราะไม่ทันตั้งตัว

แต่คุณโจเซฟก็เป็นคุณโจเซฟอยู่ดี เขามีเจตจำนงที่มั่นคงเหมือนเปลวเพลิงที่ไม่มีวันดับ ควรค่าให้ติดตาม

ดังนั้น ในฐานะลูกศิษย์ฝึกหัดของโจเซฟ เขา…เกร็กคนนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับลูกไม้เดียวกัน เขาจะทำให้อาจารย์เสียหน้าไม่ได้เด็ดขาด!

เกร็กสูดหายใจลึก ๆ แล้วเตรียมใจไว้เงียบ ๆ บอกตัวเองว่าต้องไม่ให้ข้อมูลที่มากเกินไปเด็ดขาด แต่แค่บอกความกังวลของตัวเองออกไปสักหน่อยก็คงไม่มีปัญหาอะไร…

จากนั้น เขาก็อ้าปากพูดเสียงต่ำ “ผมมาจากหน่วยอื่นครับ ที่จริงแล้วผมควรถูกมองว่าเป็นพนักงานอัตราจ้างจากภายนอกมากกว่า ผมไม่ได้มาจากหน่วยบ่มเพาะบุคลากรของหอพิธีกรรมต้องห้าม แต่หลังจากนั้นคุณโจเซฟก็มองว่าผมมีฝีมือ ผมเลยได้เข้าร่วมหน่วยข่าวกรอง”

“ก่อนหน้านั้น ผมก็ทำได้แค่งานจิปาถะในหอพิธีกรรมต้องห้ามเท่านั้น แต่…สำหรับเพื่อนร่วมงานปัจจุบันของผมแล้ว ผมก็ดูเหมือนเด็กเส้นมากกว่า”

เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มเย้ยตัวเองที่มุมปาก

เหตุผลที่ใหญ่กว่านั้นจริง ๆ ก็คือเรื่องที่เขาจ่ายเงินมากและทำตัวออกหน้าเกินไปเพื่อไอดอลของเขา

เมื่อคนอื่นถามเรื่องนี้แล้วโยงเข้ากับเรื่องที่โจเซฟรับเขาเป็นศิษย์อีกครั้ง พวกเขาก็จะพากันแสดงสีหน้าเข้าอกเข้าใจ

ส่วนความสามารถของเขาเหรอ?

ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอก็ไม่สำคัญหรอก เขาเป็นคนแบบที่ขอแค่ได้ทำในสิ่งที่คนธรรมดามองว่าไร้สาระและฟุ่มเฟือยก็พอแล้วจริง ๆ

พวกเขาจะมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ หรือซุบซิบลับหลังเขาก็ได้…แต่แม้จะไร้ความพยาบาทใด ๆ เกร็กก็ยังอดไม่ได้จะรู้สึกไม่ดี เหมือนเขาถูกสังคมกีดกัน

แน่นอนว่าเกร็กไม่บ่นเรื่องนี้กับคนอื่น ๆ ในหอพิธีกรรมต้องห้าม หรือบอกกับสมาชิกครอบครัวตัวเองหรอก

แต่คนตรงหน้านี้ไม่ใช่เพื่อนร่วมงานหรือครอบครัว และเป็นแค่ ‘ศัตรู’ ที่เขาเคยเห็นมาก่อนแวบ ๆ ในร่างแมว

เล่าไปก็ไม่ค้างคา ไม่รู้สึกอาย เหมือนกับว่า…กลายเป็นที่ระบายความในใจที่สมบูรณ์แบบไปแทน?

แต่เรื่องแบบนี้ก็ง่ายเกินไปที่จะถูกตลบหลัง ดังนั้นเขาจึงไม่สาธยายประวัติอันดำมืดเหล่านี้ให้เจ้าปีศาจนี่ฟังอย่างละเอียดหรอก เล่าคร่าว ๆ แค่นี้ก็พอแล้ว

หลินเจี๋ยยกสองมือขึ้นเท้าใต้คางแล้วครุ่นคิด “อย่างนี้นี่เอง คุณรู้สึกต่อต้านสิ่งแปลกปลอมเพราะกังวลว่าจะได้รับคำวิจารณ์จากคนอื่นสินะครับ…เป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้จริง ๆ”

เขาดื่มชาที่เพิ่งชงแล้วหรี่ตาพูด “ผมคิดว่า คุณควรระงับการพูดเรื่องนี้กับคนอื่นให้มากครับ เพราะคำพูดและการกระทำของพวกเขาอาจจะทำร้ายความเคารพในตนเองของคุณได้ ดังนั้น คุณไม่ต้องไปคิดสนใจหรอกว่าพวกเขาจะทำอะไรหลังได้ยินคำพูดของคุณ ถึงพวกเขาจะสำนึกผิดทีหลัง ผลกระทบที่เกิดกับคุณไปแล้วก็คงเปลี่ยนแปลงไม่ได้อยู่ดี”

“ในกรณีนี้ ทำไมคุณต้องคาดหวังให้พวกเขาเลิกล้มความคิดด้วยล่ะครับ? มันมีแต่จะทำให้คุณรู้สึกอึดอัดแล้วดูอ่อนแอเปล่า ๆ ใช่ไหมครับนักศึกษาเกร็ก?”

เกร็กสะดุ้งแล้วละล่ำละลัก “คุณ ทำไมคุณ…”

“ทำไมผมถึงรู้เหรอครับ?”

หลินเจี๋ยยิ้มลึกลับ ผมคุยกับวัยรุ่นอย่างพวกคุณมาไม่รู้กี่คน เรื่องพวกนี้ก็เจอมาบ่อย หลัก ๆ มันก็แค่มีความต่างกันยิบย่อยนิดเดียวเองนี่?

ในตอนนี้ เกร็กแอบปรามาสตัวเองว่าโง่เง่า เจ้าของร้านหนังสือถูกขนานนามไปทั่วว่า ‘เป็นผู้รอบรู้และเชี่ยวชาญรอบด้าน’ ทำไมต้องถามความจริงง่าย ๆ แบบนี้ด้วยล่ะ?

แต่ก็…ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาคิดแบบนั้นอยู่จริง ๆ

หลินเจี๋ยยักไหล่แล้วพูดต่อ “นี่คือการใช้ความรู้ทางจิตวิทยาร่วมกับเทคนิคง่าย ๆ ครับ ถ้าคุณอยากเรียน ผมสอนให้ได้นะ”

เกร็กส่ายหน้ารัว ๆ “ไม่ครับ ไม่เป็นไร!”

เกร็กแอบคิดว่าเกือบไปแล้ว เกือบตกหลุมพรางแล้วไง แต่ไม่เป็นไรหรอก เขาในตอนนี้ยังคงมีสติมากเหมือนเดิม เขาไม่ฮุบเหยื่อแน่ ๆ

เฮอะ ปีศาจเหรอ? ตราบใดที่เขามั่นคงพอ เขาก็ไม่ถูกควบคุมหรอก

“ได้ครับ” หลินเจี๋ยละมือที่จะล้วงเข้าไปหยิบหนังสือกลับอย่างเสียดาย แล้วกล่าวว่า “คุณจะถือว่าผมเป็นโพรงต้นไม้ไหมครับ?”

เกร็กถามอย่างงุนงง “โพรงต้นไม้เหรอครับ?”

“เวลาคุณมีเรื่องที่บอกคนอื่นไม่ได้ เช่นปัญหาหรือความลับใด ๆ คุณก็เอาไปบอกโพรงต้นไม้ได้ครับ มันจะไม่ถูกแพร่กระจายหรือตอบสนองใด ๆ และมันก็จะไม่รู้อะไรด้วยซ้ำ ไม่ต้องกังวลนะครับ ผมจะแค่ฟังเงียบ ๆ เท่านั้น”

“ถึงตัวผมจะเทียบกับโพรงต้นไม้ไม่ได้จริง ๆ ก็เถอะ แต่เราสองคนก็เป็นกึ่ง ๆ คนแปลกหน้า ผมจะไม่ไปเที่ยวพูดไร้สาระกับเพื่อนร่วมงานของคุณแน่นอน การบอกผมก็เหมือนการระบายความในใจกับโพรงต้นไม้นั่นแหละครับ”

“บางครั้ง การเก็บกดความรู้สึกไว้กับตัวเองนานเกินไป ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าสบายใจนักหรอกครับ”

หลินเจี๋ยยิ้มอย่างเป็นมิตรตามเอกลักษณ์แล้วกล่าวว่า “คุณรู้สึกอย่างไรบ้างครับ?”

ถึงแม้ว่าจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่หลินเจี๋ยก็แอบเปลี่ยน ‘บอกปัญหาของคุณ’ เป็น ‘เล่าความลับของคุณออกมา’ อย่างเงียบ ๆ…

หากต้องการรักษาฐานลูกค้า นอกจากจะต้องมีสินค้าที่ดีแล้ว เขาต้องมีความยืดหยุ่นมากด้วย

เกร็กลังเล มองรอยยิ้มอ่อนโยนตรงหน้า แล้วรู้สึกว่าข้อเสนอนี้เกือบตรงกับความคิดในใจเขาพอดี…

ใช่แล้ว แค่พูดเรื่องที่ไม่สลักสำคัญ ไม่ใช่การเผยไต๋ในหอพิธีกรรมสักหน่อย แค่คุยกันเฉย ๆ ไม่เป็นไรหรอก

เดี๋ยว ไม่ ๆๆ นี่เขาคิดอะไรอยู่!

นี่มันคือจุดเริ่มต้นของการติดกับดักของปีศาจ เชื่อไม่ได้! ต้องคุมเกมไว้!

แต่ถ้าเกิดเขาพูดออกมา เขาอาจจะสามารถได้รับความไว้วางใจจากปีศาจตนนี้ ได้รับข้อชี้แนะสำคัญในการทำลายการต่อสู้ที่น่ากังวลในตอนนี้ พิสูจน์คุณค่าของตัวเขาเองได้ก็เป็นได้

ความคิดของเกร็กสับสนอลหม่าน เขากัดฟันพูด “จริง ๆ แล้วนี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกครับ พูดออกมาอาจจะทำให้ผ่อนคลายได้มากกว่า แต่ผมก็อยากฟังความคิดของคุณต่อปัญหานี้เหมือนกันครับ”

หลินเจี๋ยเลิกคิ้ว “ความคิดของผมเหรอครับ?”

“ครับ” เกร็กพยักหน้า “อาจารย์ของผม…คุณโจเซฟ ถ้าเขากับไวลด์เผชิญหน้ากัน คุณคิดว่าใครมีโอกาสชนะมากกว่ากันเหรอครับ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+