เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] 426 : ความจริงของหอพิธีกรรมต้องห้าม

Now you are reading เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] Chapter 426 : ความจริงของหอพิธีกรรมต้องห้าม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 426 : ความจริงของหอพิธีกรรมต้องห้าม

บทที่ 426 : ความจริงของหอพิธีกรรมต้องห้าม

หอพิธีกรรมต้องห้าม

สำนักงานใหญ่ในเขตกลางของหอพิธีกรรมต้องห้ามดูเหมือนกำแพงทองแดง

จุดประสงค์ของการสร้างกำแพงภายนอกสุดเด่นสะดุดตานี้ก็เพื่อการแสดงเกียรติภูมิแห่งอัศวิน และผู้ที่อยู่ในชั้นบนสุดของอาคารสูงลำดับที่สองของนอร์ซินก็คือเหล่าผู้อาวุโสของหอพิธีกรรมต้องห้าม

เกร็กเคยมาที่นี่แค่ตอนที่เขาได้รับแต่งตั้งเป็นอัศวินแห่งแสงแทนที่วิเวียน และไม่คิดเลยว่าทำงานไปไม่เท่าไร เขาก็ได้มาที่นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว

เกร็กตามเหล่าอัศวินเวรยามและผู้อาวุโสขึ้นลิฟต์ไปช้า ๆ เมื่อมองออกไปนอกกระจกใสก็จะเห็นเหล่าอัศวินทำหน้าที่ของพวกเขา และดวงตาของเกร็กก็สบเข้ากับร่างสีแดงร่างหนึ่ง

เมลิสซ่า…

เกร็กขมวดคิ้ว บางทีครั้งนี้เขาอาจจะไม่ได้กลับมาอีกเลย และหากเป็นเช่นนั้น เขาก็ควรส่งข้อความให้ถึงเมลิสซ่าเป็นสำคัญ

กลุ่มของสภาผู้อาวุโสเคลื่อนไหวเร็วเกินไป ทันทีที่พบเบาะแส เราก็ถูกพาตัวไปทันที แต่บางที นับแต่ตอนที่เริ่มสืบเรื่องของดาเลียอย่างถี่ถ้วน พวกเขาก็อาจจะเพ่งเล็งเราอยู่แล้วโดยไม่รู้ตัวก็ได้

เกร็กอดด่าตัวเองในความโง่เขลาไม่ได้ นับแต่หอพิธีกรรมต้องห้ามใช้โจเซฟเพื่อประจบเจ้าของร้านหลิน ก่อนจะปล่อยให้โจเซฟตายไป เกร็กก็เริ่มค่อย ๆ สูญเสียศรัทธาในหอพิธีกรรมต้องห้าม

อัศวินผู้น่าชื่นชมที่สุดยังไม่อาจฝากชีวิตไว้กับเพื่อนพ้อง แล้วเกียรติของอัศวินจะมีไว้ทำไม?!

จิตใจของเกร็กพยายามส่งผ่านข้อมูลให้เมลิสซ่าอย่างสิ้นหวัง แต่สุดท้ายก็ไร้หนทาง หากมันง่ายขนาดนั้น หอพอธีกรรมต้องห้ามคงเก็บความลับนี้ไม่ได้เป็นปี ๆ ขนาดนี้หรอก

ในใจของเขาอดภาวนาต่อเจ้าของร้านหลินผู้เป็นเทพที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวไม่ได้

ลิฟต์ส่งเสียง ‘ดิ๊งด่อง’ ออกมาเมื่อถึงชั้นยี่สิบเจ็ด ซึ่งอยู่บนสุด ประตูเปิดออกอย่างเชื่องช้า แสงประกายโลหะจากห้องประชุมโลหะล้วนของนอร์ซินสาดเข้ามาใส่ตาเกร็ก ที่แบบนี้ นอกจากหอพิธีกรรมต้องห้ามแล้วก็หาไม่ได้ที่อื่นอีก

ครั้งหนึ่ง เกร็กเคยคิดว่าความหมายของโลหะเหล่านี้คือการแสดงความน่าเกรงขามและพลังของอัศวิน แต่ตอนนี้มันดูเหมือนเป็นเกราะให้พวกผู้นำหนังยานใกล้ลงโลงพวกนั้นใช้หลบซ่อนตัวมากกว่า

เกร็กมองไปยังโต๊ะกลมสีเงินในห้องประชุม ห้องประชุมยักษ์นี้แบ่งระดับขั้นบันได เกร็กต้องแหงนหน้าจึงจะสามารถมองได้อย่างชัดเจน

ผู้ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเป็นชายชราสามคนในชุดเกราะอัศวิน และคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์สูงสุดคือผู้ก่อตั้งหอพิธีกรรมต้องห้าม วาลเลซ ฟินิดัส

เกร็กเดินไปหาชายชรา และอัศวินอารักขาที่พาเขามาก็หายวับไปในความมืดทันทีราวหมดหน้าที่ของเขาแล้ว

เกร็กแย้มยิ้มอย่างสุภาพและคลั่งไคล้อย่างแสนชำนาญ และคุกเข่าลงตรงหน้าวาลเลซทันที

วาลเลซผู้นี้ดูจะมีอายุขัยยาวนานกว่าพันปี เขาไม่เคยหลบซ่อน ในฐานะบุคคลสูงสุดในหอพิธีกรรมต้องห้าม เขาได้รับความเคารพและปฏิบัติด้วยราวกับเป็นส่วนหนึ่งของเกียรติภูมิแห่งหอพิธีกรรม

เขาดูจะมีเสน่ห์ลึกลับอยู่ตลอดเวลา มีจิตวิญญาณแห่งอัศวินที่คนนับไม่ถ้วนใฝ่หา และยังทำให้หอพิธีกรรมต้องห้ามเป็นองค์กรอันดับหนึ่งในนอร์ซินอีกด้วย

“ท่านวาลเลซ ผมมาตามคำเรียกของท่านแล้วครับ” เกร็กกล่าวอย่างจริงใจ

วาลเลซพยักหน้ากล่าว “อัศวินของเรา ลุกขึ้นเถิด”

เกร็กยืนขึ้นมองวาลเลซอย่างเชื่อฟัง ชายชราคนนี้มีสีหน้าไร้อารมณ์ราวกับคนชราอายุพันปีซึ่งอยู่มานานจนไม่รู้สึกรู้สาใด ๆ แล้ว

“เข้าประเด็นกันเถอะ คุณสืบเรื่องของดาเลียอยู่ใช่หรือไม่?”

เกร็กตกใจ สูดลมหายใจลึก ๆ และพยักหน้า เขาไม่คาดว่าวาลเลซจะไม่อ้อมค้อม เกร็กไม่กล้าปิดบังเพราะอาจถูกเหล่าอัศวินอารักขาฆ่าทิ้งในพริบตา เขาจึงพูดความจริง

“ใช่ครับ”

“เฮ้อ…” วาลเลซถอนหายใจ แสดงสีหน้าแบบที่เกร็กแทบไม่เคยเห็น “คุณนี่เหมือนวิเวียนเลย แต่ก็กะไว้แล้วล่ะ เพราะวิเวียนเองก็สืบสาเหตุการตายของดาเลียเช่นกัน”

“การตายของดาเลียไม่ใช่การตายทั่วไป”

แม้ว่าเกร็กจะคาดไว้ แต่เขายังแปลกใจนิดหน่อยยามได้ยินประโยคนี้

เขาผิดหวังในหอพิธีกรรมต้องห้ามอย่างสมบูรณ์ แต่การกล่าวออกมาตรง ๆ ก็ยังทำให้เกร็กใจสลายอยู่นิดหน่อย

“เพราะดาเลีย แม่ของเมลิสซ่า ภรรยาของโจเซฟ และอัศวินแห่งแสงของเราตายโดยสมัครใจ”

เกร็กที่ยังคิดไม่ตกเงยหน้าขึ้นทันทีหลังได้ยินเช่นนั้นด้วยแววตาเปี่ยมความประหลาดใจ

แต่วาลเลซนิ่งไปนาน เนิ่นนานกว่าจะพูดต่อ

“ตอนนี้ ผมจะเล่าเรื่องที่เก่าแก่มากเรื่องหนึ่งให้ฟัง”

วาลเลซถอนหายใจยาว และกล่าวว่า “เนิ่นนานกาลก่อน เมื่อมนุษย์ในอาซีร์ยังคงถูกพวกเอลฟ์ใช้เป็นอาหาร มีเทพปีศาจตนหนึ่งอุบัติขึ้น”

บรรยากาศรอบตัวเกร็กจริงจัง หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวังอันเลวร้ายบางอย่าง

“เทพปีศาจตนนั้นทำลายยุคสมัยแห่งเอลฟ์ มนุษย์รอดชีวิตภายใต้การคุ้มครองของแม่มดบรรพกาล เราโชคดีนักที่เป็นเช่นนั้น ทว่าในยุคสมัยแห่งเรา เราต่างรู้ว่าเทพปีศาจนั้นเพียงแค่หลับไหล มิได้หายไปจริง ๆ”

เสียงของวาลเลซแหบพร่า และไม่ว่าเขาจะคิดถึงเทพปีศาจตนนี้ขึ้นมาเมื่อไร หลังของเกร็กก็หนาวเยือก

“หากเทพปีศาจมิถูกกำจัด อนาคตแห่งมนุษยชาติก็จะถูกทำลายเยี่ยงเอลฟ์เหล่านั้น ดังนั้น เมื่อพันปีก่อน สมัยที่ผมยังเล็ก ผมรวบรวมกลุ่มอัศวินกลุ่มหนึ่งขึ้น หมายมั่นจะฆ่าเทพปีศาจและปกป้องอนาคตแห่งมนุษยชาติ”

“ผมไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งที่สุดในหมู่สหาย แต่เป็นทั้งผู้ที่โชคดีและโชคร้ายที่สุด ผมและพวกเขาต่างถูกเทพปีศาจทำให้แปดเปื้อนในระหว่างสงครามศักดิ์สิทธิ์ต่อเทพปีศาจ เพื่อนพ้องของผมทั้งหมดตาย และผมก็ติดอยู่ในร่างชราเน่าเปื่อยอันน่าสมเพชนี้ แต่มิตายเสียที”

เกร็ก “!!!”

“แต่ถึงอย่างไร ผมก็ได้รับสืบทอดจิตวิญญาณของพวกเขามา และก่อตั้งหอพิธีกรรมต้องห้ามขึ้น และนี่คือที่มาของหอพิธีกรรมต้องห้าม”

เกร็กหลั่งเหงื่อกาฬเย็นเฉียบยามได้ยินคำว่า ‘เทพปีศาจ’ และภาพของชายหนุ่มผู้มีกลิ่นหอมหนังสือ ท่าทางสุขุมและทรงพลังก็ปรากฏในหัวของเขาอย่างไม่ตั้งใจ

มันดูจะสอดคล้องกับเทพปีศาจที่วาลเลซกล่าวถึง

เกร็กถามเสียงสั่น “เทพปีศาจนั่น ท่านเคยเห็นมันไหมครับ?”

หลังจากวาลเลซได้ยินเช่นนี้ เขากลับหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะดังออกมาจากปากที่เปื่อยผุโดยที่เขาไม่ขยับมุมปากเลยสักนิด

“เปล่า เราไม่มีโอกาสกระทั่งจะได้เห็นเงาของเทพปีศาจ แต่กองทัพของเราทั้งผองก็ถูกกวาดล้างสิ้น”

เกร็กเงียบไป…

แม้ว่าเขาจะไม่เคยได้เห็นเทพปีศาจ แน่ใจไม่ได้ว่าเทพปีศาจนั่นจะเป็นเจ้าของร้านหลินหรือเปล่า? แต่เกร็กก็เรียบเรียงเรื่องราวอย่างรวดเร็ว ขมวดคิ้ว และถามว่า

“งั้น…นี่เกี่ยวอะไรกับอัศวินแห่งแสงดาเลียเหรอครับ?”

“จุดประสงค์ดั้งเดิมและภารกิจของหอพิธีกรรมต้องห้ามของเรามิเคยเปลี่ยนแปลง” วาลเลซพูดอย่างขมขื่น “จุดมุ่งหมายของเราคือการปราบเทพปีศาจ และผู้ที่มีโอกาสเอาชนะเทพปีศาจมากที่สุดในหมู่เราคือโจเซฟ”

“มิใช่เพียงคุณและเรา ดาเลียเองก็เข้าใจความจริงนี้เช่นกัน แต่หลังจากแต่งงานกับดาเลีย โจเซฟก็เริ่มหละหลวม เขาเพิกเฉยต่อความเป็นธรรมและกฎของอัศวิน”

“ดาเลียเป็นเพียงตัวเบี้ยที่เราจัดเตรียมไว้เพื่อสืบสายเลือดที่ยอดเยี่ยมของโจเซฟ แต่เธอกลับสร้างผลกระทบใหญ่หลวงต่อภารกิจที่แท้จริงของโจเซฟ”

ดวงตาของเกร็กเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

“ดังนั้นเธอจึงต้องตาย” วาลเลซกล่าวอย่างจริงจัง

“แค่เพราะเรื่องนี้เหรอครับ?” เกร็กกล่าวอย่างประหลาดใจ

“ถูกต้อง และก่อนที่เธอจะตาย ผมก็เคยคุยกับเธอ บอกเธอถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของหอพิธีกรรมต้องห้าม ดังนั้นเธอจึงตายอย่างสมัครใจ”

เกร็กรู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออกกะทันหัน แม้ว่าความจริงอันแสนทรงพลังจะชวนให้ตกใจ แต่มันก็เปี่ยมด้วยความเคลือบแคลง

หากจะบอกว่าอนาคตของมนุษยชาติที่ว่านั่น และภารกิจของสามีกับลูกของเธอถูกเพิ่มเข้ามาในตัวของอัศวินแห่งแสงผู้เป็นทั้งภรรยาและแม่ จนเธอถูกลักพาตัวไป บางทีการตายของดาเลียก็อาจไม่ได้บอกเธอล่วงหน้าจริง ๆ

แต่สิ่งที่ทำให้เกร็กไม่อยากเชื่อจริง ๆ นั่นคือ…!

“ในเมื่ออัศวินโจเซฟคือความหวังของหอพิธีกรรมต้องห้ามและมนุษยชาติ เราก็ควรทำเพียงหยุดอารมณ์ความรู้สึกของเขาไว้ ทำไมต้องทิ้งเขาไปตอนนี้ล่ะครับ!”

“เพราะเมลิสซ่าเองก็ดีมาก และโจเซฟก็ใกล้ถึงขีดจำกัดแล้วน่ะสิ ทว่าเธอกลับยังมีหนทางอีกยาวไกล” วาลเลซตอบอย่างไร้ปรานี

“ไร้สาระ ท่านก็แค่อยากประจบเจ้าของร้านหลินเท่านั้นแหละ!”

เกร็กเดือดดาล เขาลืมการวางตัวไปชั่วขณะ รู้สึกว่าตนช่างไร้ค่าสำหรับดาเลียและโจเซฟ

“ท่านก็รู้ใช่ไหมล่ะครับว่า เจ้าของร้านหลินคือเทพปีศาจนั่น…ใช่ไหม?” เกร็กกัดฟันถาม

หลังจากได้ยินเช่นนี้ วาลเลซก็เบิกตากว้างมองเกร็กอย่างไม่อยากเชื่อ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] 426 : ความจริงของหอพิธีกรรมต้องห้าม

Now you are reading เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] Chapter 426 : ความจริงของหอพิธีกรรมต้องห้าม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 426 : ความจริงของหอพิธีกรรมต้องห้าม

บทที่ 426 : ความจริงของหอพิธีกรรมต้องห้าม

หอพิธีกรรมต้องห้าม

สำนักงานใหญ่ในเขตกลางของหอพิธีกรรมต้องห้ามดูเหมือนกำแพงทองแดง

จุดประสงค์ของการสร้างกำแพงภายนอกสุดเด่นสะดุดตานี้ก็เพื่อการแสดงเกียรติภูมิแห่งอัศวิน และผู้ที่อยู่ในชั้นบนสุดของอาคารสูงลำดับที่สองของนอร์ซินก็คือเหล่าผู้อาวุโสของหอพิธีกรรมต้องห้าม

เกร็กเคยมาที่นี่แค่ตอนที่เขาได้รับแต่งตั้งเป็นอัศวินแห่งแสงแทนที่วิเวียน และไม่คิดเลยว่าทำงานไปไม่เท่าไร เขาก็ได้มาที่นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว

เกร็กตามเหล่าอัศวินเวรยามและผู้อาวุโสขึ้นลิฟต์ไปช้า ๆ เมื่อมองออกไปนอกกระจกใสก็จะเห็นเหล่าอัศวินทำหน้าที่ของพวกเขา และดวงตาของเกร็กก็สบเข้ากับร่างสีแดงร่างหนึ่ง

เมลิสซ่า…

เกร็กขมวดคิ้ว บางทีครั้งนี้เขาอาจจะไม่ได้กลับมาอีกเลย และหากเป็นเช่นนั้น เขาก็ควรส่งข้อความให้ถึงเมลิสซ่าเป็นสำคัญ

กลุ่มของสภาผู้อาวุโสเคลื่อนไหวเร็วเกินไป ทันทีที่พบเบาะแส เราก็ถูกพาตัวไปทันที แต่บางที นับแต่ตอนที่เริ่มสืบเรื่องของดาเลียอย่างถี่ถ้วน พวกเขาก็อาจจะเพ่งเล็งเราอยู่แล้วโดยไม่รู้ตัวก็ได้

เกร็กอดด่าตัวเองในความโง่เขลาไม่ได้ นับแต่หอพิธีกรรมต้องห้ามใช้โจเซฟเพื่อประจบเจ้าของร้านหลิน ก่อนจะปล่อยให้โจเซฟตายไป เกร็กก็เริ่มค่อย ๆ สูญเสียศรัทธาในหอพิธีกรรมต้องห้าม

อัศวินผู้น่าชื่นชมที่สุดยังไม่อาจฝากชีวิตไว้กับเพื่อนพ้อง แล้วเกียรติของอัศวินจะมีไว้ทำไม?!

จิตใจของเกร็กพยายามส่งผ่านข้อมูลให้เมลิสซ่าอย่างสิ้นหวัง แต่สุดท้ายก็ไร้หนทาง หากมันง่ายขนาดนั้น หอพอธีกรรมต้องห้ามคงเก็บความลับนี้ไม่ได้เป็นปี ๆ ขนาดนี้หรอก

ในใจของเขาอดภาวนาต่อเจ้าของร้านหลินผู้เป็นเทพที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวไม่ได้

ลิฟต์ส่งเสียง ‘ดิ๊งด่อง’ ออกมาเมื่อถึงชั้นยี่สิบเจ็ด ซึ่งอยู่บนสุด ประตูเปิดออกอย่างเชื่องช้า แสงประกายโลหะจากห้องประชุมโลหะล้วนของนอร์ซินสาดเข้ามาใส่ตาเกร็ก ที่แบบนี้ นอกจากหอพิธีกรรมต้องห้ามแล้วก็หาไม่ได้ที่อื่นอีก

ครั้งหนึ่ง เกร็กเคยคิดว่าความหมายของโลหะเหล่านี้คือการแสดงความน่าเกรงขามและพลังของอัศวิน แต่ตอนนี้มันดูเหมือนเป็นเกราะให้พวกผู้นำหนังยานใกล้ลงโลงพวกนั้นใช้หลบซ่อนตัวมากกว่า

เกร็กมองไปยังโต๊ะกลมสีเงินในห้องประชุม ห้องประชุมยักษ์นี้แบ่งระดับขั้นบันได เกร็กต้องแหงนหน้าจึงจะสามารถมองได้อย่างชัดเจน

ผู้ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเป็นชายชราสามคนในชุดเกราะอัศวิน และคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์สูงสุดคือผู้ก่อตั้งหอพิธีกรรมต้องห้าม วาลเลซ ฟินิดัส

เกร็กเดินไปหาชายชรา และอัศวินอารักขาที่พาเขามาก็หายวับไปในความมืดทันทีราวหมดหน้าที่ของเขาแล้ว

เกร็กแย้มยิ้มอย่างสุภาพและคลั่งไคล้อย่างแสนชำนาญ และคุกเข่าลงตรงหน้าวาลเลซทันที

วาลเลซผู้นี้ดูจะมีอายุขัยยาวนานกว่าพันปี เขาไม่เคยหลบซ่อน ในฐานะบุคคลสูงสุดในหอพิธีกรรมต้องห้าม เขาได้รับความเคารพและปฏิบัติด้วยราวกับเป็นส่วนหนึ่งของเกียรติภูมิแห่งหอพิธีกรรม

เขาดูจะมีเสน่ห์ลึกลับอยู่ตลอดเวลา มีจิตวิญญาณแห่งอัศวินที่คนนับไม่ถ้วนใฝ่หา และยังทำให้หอพิธีกรรมต้องห้ามเป็นองค์กรอันดับหนึ่งในนอร์ซินอีกด้วย

“ท่านวาลเลซ ผมมาตามคำเรียกของท่านแล้วครับ” เกร็กกล่าวอย่างจริงใจ

วาลเลซพยักหน้ากล่าว “อัศวินของเรา ลุกขึ้นเถิด”

เกร็กยืนขึ้นมองวาลเลซอย่างเชื่อฟัง ชายชราคนนี้มีสีหน้าไร้อารมณ์ราวกับคนชราอายุพันปีซึ่งอยู่มานานจนไม่รู้สึกรู้สาใด ๆ แล้ว

“เข้าประเด็นกันเถอะ คุณสืบเรื่องของดาเลียอยู่ใช่หรือไม่?”

เกร็กตกใจ สูดลมหายใจลึก ๆ และพยักหน้า เขาไม่คาดว่าวาลเลซจะไม่อ้อมค้อม เกร็กไม่กล้าปิดบังเพราะอาจถูกเหล่าอัศวินอารักขาฆ่าทิ้งในพริบตา เขาจึงพูดความจริง

“ใช่ครับ”

“เฮ้อ…” วาลเลซถอนหายใจ แสดงสีหน้าแบบที่เกร็กแทบไม่เคยเห็น “คุณนี่เหมือนวิเวียนเลย แต่ก็กะไว้แล้วล่ะ เพราะวิเวียนเองก็สืบสาเหตุการตายของดาเลียเช่นกัน”

“การตายของดาเลียไม่ใช่การตายทั่วไป”

แม้ว่าเกร็กจะคาดไว้ แต่เขายังแปลกใจนิดหน่อยยามได้ยินประโยคนี้

เขาผิดหวังในหอพิธีกรรมต้องห้ามอย่างสมบูรณ์ แต่การกล่าวออกมาตรง ๆ ก็ยังทำให้เกร็กใจสลายอยู่นิดหน่อย

“เพราะดาเลีย แม่ของเมลิสซ่า ภรรยาของโจเซฟ และอัศวินแห่งแสงของเราตายโดยสมัครใจ”

เกร็กที่ยังคิดไม่ตกเงยหน้าขึ้นทันทีหลังได้ยินเช่นนั้นด้วยแววตาเปี่ยมความประหลาดใจ

แต่วาลเลซนิ่งไปนาน เนิ่นนานกว่าจะพูดต่อ

“ตอนนี้ ผมจะเล่าเรื่องที่เก่าแก่มากเรื่องหนึ่งให้ฟัง”

วาลเลซถอนหายใจยาว และกล่าวว่า “เนิ่นนานกาลก่อน เมื่อมนุษย์ในอาซีร์ยังคงถูกพวกเอลฟ์ใช้เป็นอาหาร มีเทพปีศาจตนหนึ่งอุบัติขึ้น”

บรรยากาศรอบตัวเกร็กจริงจัง หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวังอันเลวร้ายบางอย่าง

“เทพปีศาจตนนั้นทำลายยุคสมัยแห่งเอลฟ์ มนุษย์รอดชีวิตภายใต้การคุ้มครองของแม่มดบรรพกาล เราโชคดีนักที่เป็นเช่นนั้น ทว่าในยุคสมัยแห่งเรา เราต่างรู้ว่าเทพปีศาจนั้นเพียงแค่หลับไหล มิได้หายไปจริง ๆ”

เสียงของวาลเลซแหบพร่า และไม่ว่าเขาจะคิดถึงเทพปีศาจตนนี้ขึ้นมาเมื่อไร หลังของเกร็กก็หนาวเยือก

“หากเทพปีศาจมิถูกกำจัด อนาคตแห่งมนุษยชาติก็จะถูกทำลายเยี่ยงเอลฟ์เหล่านั้น ดังนั้น เมื่อพันปีก่อน สมัยที่ผมยังเล็ก ผมรวบรวมกลุ่มอัศวินกลุ่มหนึ่งขึ้น หมายมั่นจะฆ่าเทพปีศาจและปกป้องอนาคตแห่งมนุษยชาติ”

“ผมไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งที่สุดในหมู่สหาย แต่เป็นทั้งผู้ที่โชคดีและโชคร้ายที่สุด ผมและพวกเขาต่างถูกเทพปีศาจทำให้แปดเปื้อนในระหว่างสงครามศักดิ์สิทธิ์ต่อเทพปีศาจ เพื่อนพ้องของผมทั้งหมดตาย และผมก็ติดอยู่ในร่างชราเน่าเปื่อยอันน่าสมเพชนี้ แต่มิตายเสียที”

เกร็ก “!!!”

“แต่ถึงอย่างไร ผมก็ได้รับสืบทอดจิตวิญญาณของพวกเขามา และก่อตั้งหอพิธีกรรมต้องห้ามขึ้น และนี่คือที่มาของหอพิธีกรรมต้องห้าม”

เกร็กหลั่งเหงื่อกาฬเย็นเฉียบยามได้ยินคำว่า ‘เทพปีศาจ’ และภาพของชายหนุ่มผู้มีกลิ่นหอมหนังสือ ท่าทางสุขุมและทรงพลังก็ปรากฏในหัวของเขาอย่างไม่ตั้งใจ

มันดูจะสอดคล้องกับเทพปีศาจที่วาลเลซกล่าวถึง

เกร็กถามเสียงสั่น “เทพปีศาจนั่น ท่านเคยเห็นมันไหมครับ?”

หลังจากวาลเลซได้ยินเช่นนี้ เขากลับหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะดังออกมาจากปากที่เปื่อยผุโดยที่เขาไม่ขยับมุมปากเลยสักนิด

“เปล่า เราไม่มีโอกาสกระทั่งจะได้เห็นเงาของเทพปีศาจ แต่กองทัพของเราทั้งผองก็ถูกกวาดล้างสิ้น”

เกร็กเงียบไป…

แม้ว่าเขาจะไม่เคยได้เห็นเทพปีศาจ แน่ใจไม่ได้ว่าเทพปีศาจนั่นจะเป็นเจ้าของร้านหลินหรือเปล่า? แต่เกร็กก็เรียบเรียงเรื่องราวอย่างรวดเร็ว ขมวดคิ้ว และถามว่า

“งั้น…นี่เกี่ยวอะไรกับอัศวินแห่งแสงดาเลียเหรอครับ?”

“จุดประสงค์ดั้งเดิมและภารกิจของหอพิธีกรรมต้องห้ามของเรามิเคยเปลี่ยนแปลง” วาลเลซพูดอย่างขมขื่น “จุดมุ่งหมายของเราคือการปราบเทพปีศาจ และผู้ที่มีโอกาสเอาชนะเทพปีศาจมากที่สุดในหมู่เราคือโจเซฟ”

“มิใช่เพียงคุณและเรา ดาเลียเองก็เข้าใจความจริงนี้เช่นกัน แต่หลังจากแต่งงานกับดาเลีย โจเซฟก็เริ่มหละหลวม เขาเพิกเฉยต่อความเป็นธรรมและกฎของอัศวิน”

“ดาเลียเป็นเพียงตัวเบี้ยที่เราจัดเตรียมไว้เพื่อสืบสายเลือดที่ยอดเยี่ยมของโจเซฟ แต่เธอกลับสร้างผลกระทบใหญ่หลวงต่อภารกิจที่แท้จริงของโจเซฟ”

ดวงตาของเกร็กเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

“ดังนั้นเธอจึงต้องตาย” วาลเลซกล่าวอย่างจริงจัง

“แค่เพราะเรื่องนี้เหรอครับ?” เกร็กกล่าวอย่างประหลาดใจ

“ถูกต้อง และก่อนที่เธอจะตาย ผมก็เคยคุยกับเธอ บอกเธอถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของหอพิธีกรรมต้องห้าม ดังนั้นเธอจึงตายอย่างสมัครใจ”

เกร็กรู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออกกะทันหัน แม้ว่าความจริงอันแสนทรงพลังจะชวนให้ตกใจ แต่มันก็เปี่ยมด้วยความเคลือบแคลง

หากจะบอกว่าอนาคตของมนุษยชาติที่ว่านั่น และภารกิจของสามีกับลูกของเธอถูกเพิ่มเข้ามาในตัวของอัศวินแห่งแสงผู้เป็นทั้งภรรยาและแม่ จนเธอถูกลักพาตัวไป บางทีการตายของดาเลียก็อาจไม่ได้บอกเธอล่วงหน้าจริง ๆ

แต่สิ่งที่ทำให้เกร็กไม่อยากเชื่อจริง ๆ นั่นคือ…!

“ในเมื่ออัศวินโจเซฟคือความหวังของหอพิธีกรรมต้องห้ามและมนุษยชาติ เราก็ควรทำเพียงหยุดอารมณ์ความรู้สึกของเขาไว้ ทำไมต้องทิ้งเขาไปตอนนี้ล่ะครับ!”

“เพราะเมลิสซ่าเองก็ดีมาก และโจเซฟก็ใกล้ถึงขีดจำกัดแล้วน่ะสิ ทว่าเธอกลับยังมีหนทางอีกยาวไกล” วาลเลซตอบอย่างไร้ปรานี

“ไร้สาระ ท่านก็แค่อยากประจบเจ้าของร้านหลินเท่านั้นแหละ!”

เกร็กเดือดดาล เขาลืมการวางตัวไปชั่วขณะ รู้สึกว่าตนช่างไร้ค่าสำหรับดาเลียและโจเซฟ

“ท่านก็รู้ใช่ไหมล่ะครับว่า เจ้าของร้านหลินคือเทพปีศาจนั่น…ใช่ไหม?” เกร็กกัดฟันถาม

หลังจากได้ยินเช่นนี้ วาลเลซก็เบิกตากว้างมองเกร็กอย่างไม่อยากเชื่อ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+