เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] 358 : วิธีสร้างแม่มด

Now you are reading เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] Chapter 358 : วิธีสร้างแม่มด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 358 : วิธีสร้างแม่มด

หลินเจี๋ยมองเฟจและเกร็กที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรสไม่ห่างออกไปนัก จากนั้นก็พยักหน้าอย่างโล่งใจ

การสื่อสารกันได้อย่างกลมเกลียวคือขั้นแรกของการปรับตัวเข้าหากัน เชื่อว่าตราบใดที่เกร็กสามารถติดต่อกับคนอื่น ๆ ได้ เขาจะค่อย ๆ เอาชนะปัญหาทางจิตใจและปลดการกั้นเขตทางสังคมที่ทำให้เขาประหม่าจนไม่สามารถสื่อสารกับคนอื่นได้อย่างเป็นธรรมชาติเมื่อต้องเผชิญหน้าได้

ปรบมือ!

ยินดีด้วย!

เนื่องจากช่วงการให้ของขวัญจะเกิดขึ้นในช่วงเที่ยง จึงยังมีเวลาให้เหล่าแขกผู้มีเกียรติพูดคุยกันได้อย่างอิสระ

ทว่าหลินเจี๋ยไม่รู้จักใครเลยในงานเลี้ยงนี้ เขาย่อมไม่สามารถปรับตัวเข้ากับกลุ่มไหนได้เลย…

และตรงหน้าเขาก็มีลูกค้าสำเร็จรูปอยู่ตั้งสามคน เขาย่อมดูแลพวกเขาก่อนอยู่แล้ว

ลูกค้าดีมีไม่มาก

หลินเจี๋ยตระหนักอย่างสมบูรณ์ถึงเรื่องนี้จากประสบการณ์การเปิดร้านหนังสือสองสามปีที่ผ่านมา

ลูกค้าชั้นดีสามารถแก้ปัญหาส่วนใหญ่ได้ทั้งหมด และการหนุนเสริมกันระหว่างลูกค้าจะช่วยให้พวกเขามีความรู้สึกดี ๆ ต่อร้านหนังสือมากขึ้นด้วย และความเหนียวแน่นก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก…

โดยเฉพาะเกร็กและชาร์ล็อตต์ที่เป็นคนใกล้ตัวของโจเซฟและไวลด์ และการกระชับความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะช่วยให้สองคนนั้นคืนดีกันได้เร็วขึ้นอย่างแน่นอน

แน่นอนว่าแขกคนอื่น ๆ หลายคนยังคงแอบมองมาทางเขาราวกับกระตือรือร้นอยากเข้ามาพูดคุย แต่ดูเหมือนว่าจากการกั้นขวางของจี้จือซู่เมื่อคืนก่อน คนเหล่านี้จึงดูลังเลมาก และบ่อยครั้งที่พวกเขาจะชักสายตากลับแล้วล้มเลิกความคิดทันที

มันไม่พอที่หลินเจี๋ยจะพยายามเข้าไปหาพวกเขาได้

เฮ้อ…ดูเหมือนว่าสิ่งที่เราคิดก่อนหน้านี้จะสวยงามเกินไปแล้ว มันไม่สมจริงเลยถ้าอยากจะได้กลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ทันที

แต่ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยเราก็เร้าความสนใจของพวกเขาได้แล้ว ถ้ามีการประกาศแผนร่วมมือต่อจากนี้ ฐานลูกค้าที่นี่ต้องโผล่มาแน่

หลินเจี๋ยคิดเช่นนี้แล้วหันไปมองชาร์ล็อตต์ที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาชื่นชม

ผู้ช่วยคนใหม่คนนี้ของเฒ่าไวลด์เป็นแค่เด็กสาวตัวเล็ก ๆ ที่เป็นกึ่ง ๆ นักเรียนของเขา ถ้ามองแค่ภายนอก เธอก็เป็นสาวสวยมาดเย็นชาที่มีกิริยาท่าทางสูงส่งมาก

เทียบกับความก้าวร้าว ทรงพลัง และสง่างามฉูดฉาดราวดอกกุหลาบของจี้จือซู่แล้ว ชาร์ล็อตต์ดูจะเหมือนดอกบัวที่ปลูกไว้ในศาลา ผมสีบลอนด์ซีดจนเกือบขาวของเธอถูกรวบไปด้านหลังราวน้ำในทะเลสาบ ดวงตาของเธอก็สีซีดราวมีชั้นน้ำแข็งเกาะอยู่บาง ๆ

เธอดูเป็นผู้ดีแต่กำเนิด เหมาะสมมากที่จะสวมชุดขาวที่หรูหราและละเอียดอ่อน นั่งบนเก้าอี้กำมะหยี่พนักพิงสูง และยิ้มน้อย ๆ อย่างสำรวม

ไม่น่าแปลกใจเลย…!

เพราะเหตุนี้ แม้ว่าจี้จือซู่จะประพฤติตัวตามมารยาทชนชั้นสูง แต่โดยแก่นแล้ว เธอไม่ได้ดูเหมือนชนชั้นสูงเลยจริง ๆ

เกร็กบอกว่าตระกูลจี้เคยเป็นตระกูลคนไร้บ้านที่มาจากทางเหนือ และบริษัทโรลล์เองก็เป็นเพียงเครื่องมือขุดเหมือง ผมสีดำและโครงสร้างชื่ออันเป็นเอกลักษณ์นี้ดูผิดที่ผิดทาง ซึ่งดูจะเป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่สามารถทำตัวกลมกลืนกับสังคมได้เสียที

ผมสีดำสนิทและดวงตาสีดำของหลินเจี๋ยเองก็หาได้ยากมากในนอร์ซิน ดังนั้นในตอนที่เชอร์รี่ช่วยเขาปลอมบัตรประชาชนในทีแรก เธอถึงได้ใส่ภูมิลำเนาของเขาไว้ว่าเป็น ‘ชาวเหนือ’ ทันที

แม้ว่าตระกูลจี้จะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของสังคมผู้มั่งคั่งแล้วก็ตามที แต่พวกเขาก็มีคนเข้าหาแค่เพราะฐานะทางสังคม และฐานะเหล่านั้นก็อาจไม่ช่วยอะไร

เหมือนอย่างจอห์นเมื่อคืนก่อน และอาจจะมีอีกหลายคนที่เป็นเหมือนเขา…

หลินเจี๋ยลูบคางแล้วรู้สึกว่า แม้ว่าบริษัทโรลล์จะเหมือนขุนเขาที่ข้ามไม่ได้ แต่ตระกูลจี้ที่อยู่บนยอดเขาก็ดูจะเผชิญปัญหาของพวกเขาเองอยู่

ชายหนุ่มรู้สึกว่าในฐานะพันธมิตร เขาก็ควรเข้ามาช่วยเหลือสักหน่อย

ตระกูลของเกร็กดูเหมือนจะมีอำนาจมาก แต่เขาดูจะไม่สนใจตระกูลจี้เท่าไร หรืออาจจะรังเกียจนิดหน่อยเสียด้วยซ้ำ แต่ตัดสินจากคนที่ห้อมล้อมชาร์ล็อตต์เมื่อครู่ สถานะตระกูลของเธอน่าจะดีไม่น้อย อย่างน้อย ๆ ก็ยังมีชื่อเสียงกว่าผู้ดีพวกนั้น

ในเมื่อคนพวกนั้นเอาแต่มองอย่างลังเล บางทีพวกเขาอาจจะเข้ามาขอให้ชาร์ล็อตต์ช่วยแนะนำทีหลังก็ได้

“อะแฮ่ม…!” หลินเจี๋ยปิดปากกระแอมแห้ง ๆ แสร้งทำตัวตามปกติ “จะว่าไป คุณชาร์ล็อตต์อ่านหนังสืออะไรอยู่หรือเปล่าครับ?”

เมื่อชาร์ล็อตต์ได้ยินเช่นนั้น เธอก็พูดอย่างจริงจังทันที “ฉันอ่านงานเขียนของคุณวันละสามครั้ง ท่องมันทุกวันทุกคืนจนจำขึ้นใจเลยค่ะ ฉันหวังว่าสักวันฉันจะสามารถเข้าใกล้ภูมิปัญญาที่ล้ำลึกราวหุบเหวของคุณได้”

“…”

เอ่อ…ไหงเจ๊ดูเหมือนจะยอกันหนักกว่าเฒ่าไวลด์อีกล่ะ?

อย่างน้อยเฒ่าไวลด์ยังแค่อวดงานของเขาเอง นี่เจ๊คิดจะใช้หนังสือของผมเป็นพระคัมภีร์หรืออย่างไร?

หลินเจี๋ยยิ้มตาหยีแล้วกล่าวว่า “ฮะ ๆๆ คุณไม่ต้องทำให้มันดูเหมือนพิธีทางศาสนาก็ได้ครับ ไม่ต้องอ่านมันทุกวันก็ได้ ที่จริงแล้วการเรียนรู้เรื่องแบบนี้อย่างไรเสียก็ต้องศึกษาและทำความเข้าใจ คุณไม่มีทางจะเข้าใจมันได้จากการแค่อ่านมันซ้ำ ๆ หลายครั้งหรอกครับ ความหมายที่ลึกซึ้งของมันจะไม่สามารถหาได้จากการอ่านเฉย ๆ แน่ คุณต้องทำความเข้าใจแล้วฝึกฝนด้วยตนเองต่างหากครับ”

“ผมคิดว่าแทนที่จะอ่านมันวันละสามรอบ คุณควรหาหัวข้อมาสักหัวข้อแล้วศึกษาด้วยตัวเองจะดีกว่า หากคุณลองด้วยตัวเอง นั่นแหละ คุณถึงเข้าใจเรื่องเหล่านั้นอย่างลึกซึ้งขึ้นได้…”

ชาร์ล็อตต์เบิกตากว้าง “หัวข้อเหรอคะ?”

หลินเจี๋ยมองดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น และจิตวิญญาณครูก็กลับมากะทันหัน เขาเอื้อมมือไปสัมผัสศีรษะของเธอแล้วยิ้มอย่างเมตตา “ใช่ครับ ตัดสินทิศทางที่คุณอยากศึกษา ตั้งสมมติฐานและวิธีการค้นคว้า จากนั้นก็หาวัตถุดิบที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นลายลักษณ์อักษรหรือสิ่งของ จะดีที่สุดถ้าถามบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยตรงแล้วรับข้อมูลจากปากของพวกเขา และนี่คือการตรวจสอบทุกวิถีทางที่ดีและน่าเชื่อถือที่สุดครับ”

ชาร์ล็อตต์ครุ่นคิด “จากปากของคน…”

“ครับ” หลินเจี๋ยพยักหน้า “พวกเราศึกษามนุษยศาสตร์ และมันเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับการศึกษาความคิด วัฒนธรรม หรือแม้กระทั่งจิตวิญญาณของคน ดังนั้นเราต้องเริ่มที่คน เพื่อให้ชัดเจนขึ้น เราก็ต้องขุดลึกเข้าไปในสมองของคน นำความคิดของเขามาเป็นของเรา และไม่ใช่แค่นั้น คุณต้องเรียนรู้ที่จะย่อยมันด้วย”

ชาร์ล็อตต์เข้าใจแจ่มแจ้ง “ขุดออกมา…ย่อยมัน!”

เจ้าของร้านหลินชอบนักเรียนที่ตั้งใจเรียนแบบนี้ที่สุด เขาจึงพูดโน้มน้าวด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรมากขึ้น “ยิ่งกว่านั้น…ถ้าคุณเอาแต่อ่านหนังสือเล่มเดิม คุณจะไปก้าวหน้าได้อย่างไรล่ะครับ? เราต้องมองในมุมมองระยะยาวกว่านั้นนะ”

ชาร์ล็อตต์พูดขัด “ฉันเลยต้องอ่านหนังสือให้มากกว่านี้”

แจ่ม!

หลินเจี๋ยไม่ได้พบนักเรียนที่ประจักษ์ตนเองแบบนี้มานานแล้ว เขาจึงหยิบหนังสือเล่มหนึ่งจากด้านหลังด้วยรอยยิ้มแล้วกล่าวว่า “แต่คุณก็อย่าเรียนหักโหมนักนะครับ สำหรับคุณที่ศึกษามาถึงขั้นนี้ แค่อ่านหนังสือของผมก็พอแล้วล่ะ แต่คุณก็ควรเรียนรู้การแบ่งเรียนแบ่งพัก หยุดพักบ้างนาน ๆ ที แล้วพัฒนาหลาย ๆ ด้านด้วยนะครับ”

“เอาล่ะ หนังสือเล่มนี้เหมาะกับสาวน้อยอย่างคุณมากเลยล่ะ”

เขายื่นหนังสือ ‘สาวทรงเสน่ห์’ ที่เขานำมาที่นี่ในฐานะหนึ่งในหนังสือทดลองขายให้กับเธอ

นี่คือ ‘ของขวัญจากพระเจ้า’…

ชาร์ล็อตต์กลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว เธอหยุดตัวเองไม่ให้คุกเข่าลงเหมือนสาวกที่บ้าคลั่งอย่างสุดชีวิต ก้มหัวลงแล้วรับหนังสือมาด้วยมือที่สั่นเทา ความกระตือรือร้นในดวงตาของเธอเกือบจะเปล่งแสงออกมาได้ และชั้นน้ำแข็งบาง ๆ ก็เปลี่ยนเป็นกระแสน้ำมืดดำ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] 358 : วิธีสร้างแม่มด

Now you are reading เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] Chapter 358 : วิธีสร้างแม่มด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 358 : วิธีสร้างแม่มด

หลินเจี๋ยมองเฟจและเกร็กที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรสไม่ห่างออกไปนัก จากนั้นก็พยักหน้าอย่างโล่งใจ

การสื่อสารกันได้อย่างกลมเกลียวคือขั้นแรกของการปรับตัวเข้าหากัน เชื่อว่าตราบใดที่เกร็กสามารถติดต่อกับคนอื่น ๆ ได้ เขาจะค่อย ๆ เอาชนะปัญหาทางจิตใจและปลดการกั้นเขตทางสังคมที่ทำให้เขาประหม่าจนไม่สามารถสื่อสารกับคนอื่นได้อย่างเป็นธรรมชาติเมื่อต้องเผชิญหน้าได้

ปรบมือ!

ยินดีด้วย!

เนื่องจากช่วงการให้ของขวัญจะเกิดขึ้นในช่วงเที่ยง จึงยังมีเวลาให้เหล่าแขกผู้มีเกียรติพูดคุยกันได้อย่างอิสระ

ทว่าหลินเจี๋ยไม่รู้จักใครเลยในงานเลี้ยงนี้ เขาย่อมไม่สามารถปรับตัวเข้ากับกลุ่มไหนได้เลย…

และตรงหน้าเขาก็มีลูกค้าสำเร็จรูปอยู่ตั้งสามคน เขาย่อมดูแลพวกเขาก่อนอยู่แล้ว

ลูกค้าดีมีไม่มาก

หลินเจี๋ยตระหนักอย่างสมบูรณ์ถึงเรื่องนี้จากประสบการณ์การเปิดร้านหนังสือสองสามปีที่ผ่านมา

ลูกค้าชั้นดีสามารถแก้ปัญหาส่วนใหญ่ได้ทั้งหมด และการหนุนเสริมกันระหว่างลูกค้าจะช่วยให้พวกเขามีความรู้สึกดี ๆ ต่อร้านหนังสือมากขึ้นด้วย และความเหนียวแน่นก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก…

โดยเฉพาะเกร็กและชาร์ล็อตต์ที่เป็นคนใกล้ตัวของโจเซฟและไวลด์ และการกระชับความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะช่วยให้สองคนนั้นคืนดีกันได้เร็วขึ้นอย่างแน่นอน

แน่นอนว่าแขกคนอื่น ๆ หลายคนยังคงแอบมองมาทางเขาราวกับกระตือรือร้นอยากเข้ามาพูดคุย แต่ดูเหมือนว่าจากการกั้นขวางของจี้จือซู่เมื่อคืนก่อน คนเหล่านี้จึงดูลังเลมาก และบ่อยครั้งที่พวกเขาจะชักสายตากลับแล้วล้มเลิกความคิดทันที

มันไม่พอที่หลินเจี๋ยจะพยายามเข้าไปหาพวกเขาได้

เฮ้อ…ดูเหมือนว่าสิ่งที่เราคิดก่อนหน้านี้จะสวยงามเกินไปแล้ว มันไม่สมจริงเลยถ้าอยากจะได้กลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ทันที

แต่ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยเราก็เร้าความสนใจของพวกเขาได้แล้ว ถ้ามีการประกาศแผนร่วมมือต่อจากนี้ ฐานลูกค้าที่นี่ต้องโผล่มาแน่

หลินเจี๋ยคิดเช่นนี้แล้วหันไปมองชาร์ล็อตต์ที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาชื่นชม

ผู้ช่วยคนใหม่คนนี้ของเฒ่าไวลด์เป็นแค่เด็กสาวตัวเล็ก ๆ ที่เป็นกึ่ง ๆ นักเรียนของเขา ถ้ามองแค่ภายนอก เธอก็เป็นสาวสวยมาดเย็นชาที่มีกิริยาท่าทางสูงส่งมาก

เทียบกับความก้าวร้าว ทรงพลัง และสง่างามฉูดฉาดราวดอกกุหลาบของจี้จือซู่แล้ว ชาร์ล็อตต์ดูจะเหมือนดอกบัวที่ปลูกไว้ในศาลา ผมสีบลอนด์ซีดจนเกือบขาวของเธอถูกรวบไปด้านหลังราวน้ำในทะเลสาบ ดวงตาของเธอก็สีซีดราวมีชั้นน้ำแข็งเกาะอยู่บาง ๆ

เธอดูเป็นผู้ดีแต่กำเนิด เหมาะสมมากที่จะสวมชุดขาวที่หรูหราและละเอียดอ่อน นั่งบนเก้าอี้กำมะหยี่พนักพิงสูง และยิ้มน้อย ๆ อย่างสำรวม

ไม่น่าแปลกใจเลย…!

เพราะเหตุนี้ แม้ว่าจี้จือซู่จะประพฤติตัวตามมารยาทชนชั้นสูง แต่โดยแก่นแล้ว เธอไม่ได้ดูเหมือนชนชั้นสูงเลยจริง ๆ

เกร็กบอกว่าตระกูลจี้เคยเป็นตระกูลคนไร้บ้านที่มาจากทางเหนือ และบริษัทโรลล์เองก็เป็นเพียงเครื่องมือขุดเหมือง ผมสีดำและโครงสร้างชื่ออันเป็นเอกลักษณ์นี้ดูผิดที่ผิดทาง ซึ่งดูจะเป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่สามารถทำตัวกลมกลืนกับสังคมได้เสียที

ผมสีดำสนิทและดวงตาสีดำของหลินเจี๋ยเองก็หาได้ยากมากในนอร์ซิน ดังนั้นในตอนที่เชอร์รี่ช่วยเขาปลอมบัตรประชาชนในทีแรก เธอถึงได้ใส่ภูมิลำเนาของเขาไว้ว่าเป็น ‘ชาวเหนือ’ ทันที

แม้ว่าตระกูลจี้จะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของสังคมผู้มั่งคั่งแล้วก็ตามที แต่พวกเขาก็มีคนเข้าหาแค่เพราะฐานะทางสังคม และฐานะเหล่านั้นก็อาจไม่ช่วยอะไร

เหมือนอย่างจอห์นเมื่อคืนก่อน และอาจจะมีอีกหลายคนที่เป็นเหมือนเขา…

หลินเจี๋ยลูบคางแล้วรู้สึกว่า แม้ว่าบริษัทโรลล์จะเหมือนขุนเขาที่ข้ามไม่ได้ แต่ตระกูลจี้ที่อยู่บนยอดเขาก็ดูจะเผชิญปัญหาของพวกเขาเองอยู่

ชายหนุ่มรู้สึกว่าในฐานะพันธมิตร เขาก็ควรเข้ามาช่วยเหลือสักหน่อย

ตระกูลของเกร็กดูเหมือนจะมีอำนาจมาก แต่เขาดูจะไม่สนใจตระกูลจี้เท่าไร หรืออาจจะรังเกียจนิดหน่อยเสียด้วยซ้ำ แต่ตัดสินจากคนที่ห้อมล้อมชาร์ล็อตต์เมื่อครู่ สถานะตระกูลของเธอน่าจะดีไม่น้อย อย่างน้อย ๆ ก็ยังมีชื่อเสียงกว่าผู้ดีพวกนั้น

ในเมื่อคนพวกนั้นเอาแต่มองอย่างลังเล บางทีพวกเขาอาจจะเข้ามาขอให้ชาร์ล็อตต์ช่วยแนะนำทีหลังก็ได้

“อะแฮ่ม…!” หลินเจี๋ยปิดปากกระแอมแห้ง ๆ แสร้งทำตัวตามปกติ “จะว่าไป คุณชาร์ล็อตต์อ่านหนังสืออะไรอยู่หรือเปล่าครับ?”

เมื่อชาร์ล็อตต์ได้ยินเช่นนั้น เธอก็พูดอย่างจริงจังทันที “ฉันอ่านงานเขียนของคุณวันละสามครั้ง ท่องมันทุกวันทุกคืนจนจำขึ้นใจเลยค่ะ ฉันหวังว่าสักวันฉันจะสามารถเข้าใกล้ภูมิปัญญาที่ล้ำลึกราวหุบเหวของคุณได้”

“…”

เอ่อ…ไหงเจ๊ดูเหมือนจะยอกันหนักกว่าเฒ่าไวลด์อีกล่ะ?

อย่างน้อยเฒ่าไวลด์ยังแค่อวดงานของเขาเอง นี่เจ๊คิดจะใช้หนังสือของผมเป็นพระคัมภีร์หรืออย่างไร?

หลินเจี๋ยยิ้มตาหยีแล้วกล่าวว่า “ฮะ ๆๆ คุณไม่ต้องทำให้มันดูเหมือนพิธีทางศาสนาก็ได้ครับ ไม่ต้องอ่านมันทุกวันก็ได้ ที่จริงแล้วการเรียนรู้เรื่องแบบนี้อย่างไรเสียก็ต้องศึกษาและทำความเข้าใจ คุณไม่มีทางจะเข้าใจมันได้จากการแค่อ่านมันซ้ำ ๆ หลายครั้งหรอกครับ ความหมายที่ลึกซึ้งของมันจะไม่สามารถหาได้จากการอ่านเฉย ๆ แน่ คุณต้องทำความเข้าใจแล้วฝึกฝนด้วยตนเองต่างหากครับ”

“ผมคิดว่าแทนที่จะอ่านมันวันละสามรอบ คุณควรหาหัวข้อมาสักหัวข้อแล้วศึกษาด้วยตัวเองจะดีกว่า หากคุณลองด้วยตัวเอง นั่นแหละ คุณถึงเข้าใจเรื่องเหล่านั้นอย่างลึกซึ้งขึ้นได้…”

ชาร์ล็อตต์เบิกตากว้าง “หัวข้อเหรอคะ?”

หลินเจี๋ยมองดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น และจิตวิญญาณครูก็กลับมากะทันหัน เขาเอื้อมมือไปสัมผัสศีรษะของเธอแล้วยิ้มอย่างเมตตา “ใช่ครับ ตัดสินทิศทางที่คุณอยากศึกษา ตั้งสมมติฐานและวิธีการค้นคว้า จากนั้นก็หาวัตถุดิบที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นลายลักษณ์อักษรหรือสิ่งของ จะดีที่สุดถ้าถามบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยตรงแล้วรับข้อมูลจากปากของพวกเขา และนี่คือการตรวจสอบทุกวิถีทางที่ดีและน่าเชื่อถือที่สุดครับ”

ชาร์ล็อตต์ครุ่นคิด “จากปากของคน…”

“ครับ” หลินเจี๋ยพยักหน้า “พวกเราศึกษามนุษยศาสตร์ และมันเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับการศึกษาความคิด วัฒนธรรม หรือแม้กระทั่งจิตวิญญาณของคน ดังนั้นเราต้องเริ่มที่คน เพื่อให้ชัดเจนขึ้น เราก็ต้องขุดลึกเข้าไปในสมองของคน นำความคิดของเขามาเป็นของเรา และไม่ใช่แค่นั้น คุณต้องเรียนรู้ที่จะย่อยมันด้วย”

ชาร์ล็อตต์เข้าใจแจ่มแจ้ง “ขุดออกมา…ย่อยมัน!”

เจ้าของร้านหลินชอบนักเรียนที่ตั้งใจเรียนแบบนี้ที่สุด เขาจึงพูดโน้มน้าวด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรมากขึ้น “ยิ่งกว่านั้น…ถ้าคุณเอาแต่อ่านหนังสือเล่มเดิม คุณจะไปก้าวหน้าได้อย่างไรล่ะครับ? เราต้องมองในมุมมองระยะยาวกว่านั้นนะ”

ชาร์ล็อตต์พูดขัด “ฉันเลยต้องอ่านหนังสือให้มากกว่านี้”

แจ่ม!

หลินเจี๋ยไม่ได้พบนักเรียนที่ประจักษ์ตนเองแบบนี้มานานแล้ว เขาจึงหยิบหนังสือเล่มหนึ่งจากด้านหลังด้วยรอยยิ้มแล้วกล่าวว่า “แต่คุณก็อย่าเรียนหักโหมนักนะครับ สำหรับคุณที่ศึกษามาถึงขั้นนี้ แค่อ่านหนังสือของผมก็พอแล้วล่ะ แต่คุณก็ควรเรียนรู้การแบ่งเรียนแบ่งพัก หยุดพักบ้างนาน ๆ ที แล้วพัฒนาหลาย ๆ ด้านด้วยนะครับ”

“เอาล่ะ หนังสือเล่มนี้เหมาะกับสาวน้อยอย่างคุณมากเลยล่ะ”

เขายื่นหนังสือ ‘สาวทรงเสน่ห์’ ที่เขานำมาที่นี่ในฐานะหนึ่งในหนังสือทดลองขายให้กับเธอ

นี่คือ ‘ของขวัญจากพระเจ้า’…

ชาร์ล็อตต์กลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว เธอหยุดตัวเองไม่ให้คุกเข่าลงเหมือนสาวกที่บ้าคลั่งอย่างสุดชีวิต ก้มหัวลงแล้วรับหนังสือมาด้วยมือที่สั่นเทา ความกระตือรือร้นในดวงตาของเธอเกือบจะเปล่งแสงออกมาได้ และชั้นน้ำแข็งบาง ๆ ก็เปลี่ยนเป็นกระแสน้ำมืดดำ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] 358 : วิธีสร้างแม่มด

Now you are reading เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] Chapter 358 : วิธีสร้างแม่มด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 358 : วิธีสร้างแม่มด

หลินเจี๋ยมองเฟจและเกร็กที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรสไม่ห่างออกไปนัก จากนั้นก็พยักหน้าอย่างโล่งใจ

การสื่อสารกันได้อย่างกลมเกลียวคือขั้นแรกของการปรับตัวเข้าหากัน เชื่อว่าตราบใดที่เกร็กสามารถติดต่อกับคนอื่น ๆ ได้ เขาจะค่อย ๆ เอาชนะปัญหาทางจิตใจและปลดการกั้นเขตทางสังคมที่ทำให้เขาประหม่าจนไม่สามารถสื่อสารกับคนอื่นได้อย่างเป็นธรรมชาติเมื่อต้องเผชิญหน้าได้

ปรบมือ!

ยินดีด้วย!

เนื่องจากช่วงการให้ของขวัญจะเกิดขึ้นในช่วงเที่ยง จึงยังมีเวลาให้เหล่าแขกผู้มีเกียรติพูดคุยกันได้อย่างอิสระ

ทว่าหลินเจี๋ยไม่รู้จักใครเลยในงานเลี้ยงนี้ เขาย่อมไม่สามารถปรับตัวเข้ากับกลุ่มไหนได้เลย…

และตรงหน้าเขาก็มีลูกค้าสำเร็จรูปอยู่ตั้งสามคน เขาย่อมดูแลพวกเขาก่อนอยู่แล้ว

ลูกค้าดีมีไม่มาก

หลินเจี๋ยตระหนักอย่างสมบูรณ์ถึงเรื่องนี้จากประสบการณ์การเปิดร้านหนังสือสองสามปีที่ผ่านมา

ลูกค้าชั้นดีสามารถแก้ปัญหาส่วนใหญ่ได้ทั้งหมด และการหนุนเสริมกันระหว่างลูกค้าจะช่วยให้พวกเขามีความรู้สึกดี ๆ ต่อร้านหนังสือมากขึ้นด้วย และความเหนียวแน่นก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก…

โดยเฉพาะเกร็กและชาร์ล็อตต์ที่เป็นคนใกล้ตัวของโจเซฟและไวลด์ และการกระชับความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะช่วยให้สองคนนั้นคืนดีกันได้เร็วขึ้นอย่างแน่นอน

แน่นอนว่าแขกคนอื่น ๆ หลายคนยังคงแอบมองมาทางเขาราวกับกระตือรือร้นอยากเข้ามาพูดคุย แต่ดูเหมือนว่าจากการกั้นขวางของจี้จือซู่เมื่อคืนก่อน คนเหล่านี้จึงดูลังเลมาก และบ่อยครั้งที่พวกเขาจะชักสายตากลับแล้วล้มเลิกความคิดทันที

มันไม่พอที่หลินเจี๋ยจะพยายามเข้าไปหาพวกเขาได้

เฮ้อ…ดูเหมือนว่าสิ่งที่เราคิดก่อนหน้านี้จะสวยงามเกินไปแล้ว มันไม่สมจริงเลยถ้าอยากจะได้กลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ทันที

แต่ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยเราก็เร้าความสนใจของพวกเขาได้แล้ว ถ้ามีการประกาศแผนร่วมมือต่อจากนี้ ฐานลูกค้าที่นี่ต้องโผล่มาแน่

หลินเจี๋ยคิดเช่นนี้แล้วหันไปมองชาร์ล็อตต์ที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาชื่นชม

ผู้ช่วยคนใหม่คนนี้ของเฒ่าไวลด์เป็นแค่เด็กสาวตัวเล็ก ๆ ที่เป็นกึ่ง ๆ นักเรียนของเขา ถ้ามองแค่ภายนอก เธอก็เป็นสาวสวยมาดเย็นชาที่มีกิริยาท่าทางสูงส่งมาก

เทียบกับความก้าวร้าว ทรงพลัง และสง่างามฉูดฉาดราวดอกกุหลาบของจี้จือซู่แล้ว ชาร์ล็อตต์ดูจะเหมือนดอกบัวที่ปลูกไว้ในศาลา ผมสีบลอนด์ซีดจนเกือบขาวของเธอถูกรวบไปด้านหลังราวน้ำในทะเลสาบ ดวงตาของเธอก็สีซีดราวมีชั้นน้ำแข็งเกาะอยู่บาง ๆ

เธอดูเป็นผู้ดีแต่กำเนิด เหมาะสมมากที่จะสวมชุดขาวที่หรูหราและละเอียดอ่อน นั่งบนเก้าอี้กำมะหยี่พนักพิงสูง และยิ้มน้อย ๆ อย่างสำรวม

ไม่น่าแปลกใจเลย…!

เพราะเหตุนี้ แม้ว่าจี้จือซู่จะประพฤติตัวตามมารยาทชนชั้นสูง แต่โดยแก่นแล้ว เธอไม่ได้ดูเหมือนชนชั้นสูงเลยจริง ๆ

เกร็กบอกว่าตระกูลจี้เคยเป็นตระกูลคนไร้บ้านที่มาจากทางเหนือ และบริษัทโรลล์เองก็เป็นเพียงเครื่องมือขุดเหมือง ผมสีดำและโครงสร้างชื่ออันเป็นเอกลักษณ์นี้ดูผิดที่ผิดทาง ซึ่งดูจะเป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่สามารถทำตัวกลมกลืนกับสังคมได้เสียที

ผมสีดำสนิทและดวงตาสีดำของหลินเจี๋ยเองก็หาได้ยากมากในนอร์ซิน ดังนั้นในตอนที่เชอร์รี่ช่วยเขาปลอมบัตรประชาชนในทีแรก เธอถึงได้ใส่ภูมิลำเนาของเขาไว้ว่าเป็น ‘ชาวเหนือ’ ทันที

แม้ว่าตระกูลจี้จะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของสังคมผู้มั่งคั่งแล้วก็ตามที แต่พวกเขาก็มีคนเข้าหาแค่เพราะฐานะทางสังคม และฐานะเหล่านั้นก็อาจไม่ช่วยอะไร

เหมือนอย่างจอห์นเมื่อคืนก่อน และอาจจะมีอีกหลายคนที่เป็นเหมือนเขา…

หลินเจี๋ยลูบคางแล้วรู้สึกว่า แม้ว่าบริษัทโรลล์จะเหมือนขุนเขาที่ข้ามไม่ได้ แต่ตระกูลจี้ที่อยู่บนยอดเขาก็ดูจะเผชิญปัญหาของพวกเขาเองอยู่

ชายหนุ่มรู้สึกว่าในฐานะพันธมิตร เขาก็ควรเข้ามาช่วยเหลือสักหน่อย

ตระกูลของเกร็กดูเหมือนจะมีอำนาจมาก แต่เขาดูจะไม่สนใจตระกูลจี้เท่าไร หรืออาจจะรังเกียจนิดหน่อยเสียด้วยซ้ำ แต่ตัดสินจากคนที่ห้อมล้อมชาร์ล็อตต์เมื่อครู่ สถานะตระกูลของเธอน่าจะดีไม่น้อย อย่างน้อย ๆ ก็ยังมีชื่อเสียงกว่าผู้ดีพวกนั้น

ในเมื่อคนพวกนั้นเอาแต่มองอย่างลังเล บางทีพวกเขาอาจจะเข้ามาขอให้ชาร์ล็อตต์ช่วยแนะนำทีหลังก็ได้

“อะแฮ่ม…!” หลินเจี๋ยปิดปากกระแอมแห้ง ๆ แสร้งทำตัวตามปกติ “จะว่าไป คุณชาร์ล็อตต์อ่านหนังสืออะไรอยู่หรือเปล่าครับ?”

เมื่อชาร์ล็อตต์ได้ยินเช่นนั้น เธอก็พูดอย่างจริงจังทันที “ฉันอ่านงานเขียนของคุณวันละสามครั้ง ท่องมันทุกวันทุกคืนจนจำขึ้นใจเลยค่ะ ฉันหวังว่าสักวันฉันจะสามารถเข้าใกล้ภูมิปัญญาที่ล้ำลึกราวหุบเหวของคุณได้”

“…”

เอ่อ…ไหงเจ๊ดูเหมือนจะยอกันหนักกว่าเฒ่าไวลด์อีกล่ะ?

อย่างน้อยเฒ่าไวลด์ยังแค่อวดงานของเขาเอง นี่เจ๊คิดจะใช้หนังสือของผมเป็นพระคัมภีร์หรืออย่างไร?

หลินเจี๋ยยิ้มตาหยีแล้วกล่าวว่า “ฮะ ๆๆ คุณไม่ต้องทำให้มันดูเหมือนพิธีทางศาสนาก็ได้ครับ ไม่ต้องอ่านมันทุกวันก็ได้ ที่จริงแล้วการเรียนรู้เรื่องแบบนี้อย่างไรเสียก็ต้องศึกษาและทำความเข้าใจ คุณไม่มีทางจะเข้าใจมันได้จากการแค่อ่านมันซ้ำ ๆ หลายครั้งหรอกครับ ความหมายที่ลึกซึ้งของมันจะไม่สามารถหาได้จากการอ่านเฉย ๆ แน่ คุณต้องทำความเข้าใจแล้วฝึกฝนด้วยตนเองต่างหากครับ”

“ผมคิดว่าแทนที่จะอ่านมันวันละสามรอบ คุณควรหาหัวข้อมาสักหัวข้อแล้วศึกษาด้วยตัวเองจะดีกว่า หากคุณลองด้วยตัวเอง นั่นแหละ คุณถึงเข้าใจเรื่องเหล่านั้นอย่างลึกซึ้งขึ้นได้…”

ชาร์ล็อตต์เบิกตากว้าง “หัวข้อเหรอคะ?”

หลินเจี๋ยมองดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น และจิตวิญญาณครูก็กลับมากะทันหัน เขาเอื้อมมือไปสัมผัสศีรษะของเธอแล้วยิ้มอย่างเมตตา “ใช่ครับ ตัดสินทิศทางที่คุณอยากศึกษา ตั้งสมมติฐานและวิธีการค้นคว้า จากนั้นก็หาวัตถุดิบที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นลายลักษณ์อักษรหรือสิ่งของ จะดีที่สุดถ้าถามบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยตรงแล้วรับข้อมูลจากปากของพวกเขา และนี่คือการตรวจสอบทุกวิถีทางที่ดีและน่าเชื่อถือที่สุดครับ”

ชาร์ล็อตต์ครุ่นคิด “จากปากของคน…”

“ครับ” หลินเจี๋ยพยักหน้า “พวกเราศึกษามนุษยศาสตร์ และมันเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับการศึกษาความคิด วัฒนธรรม หรือแม้กระทั่งจิตวิญญาณของคน ดังนั้นเราต้องเริ่มที่คน เพื่อให้ชัดเจนขึ้น เราก็ต้องขุดลึกเข้าไปในสมองของคน นำความคิดของเขามาเป็นของเรา และไม่ใช่แค่นั้น คุณต้องเรียนรู้ที่จะย่อยมันด้วย”

ชาร์ล็อตต์เข้าใจแจ่มแจ้ง “ขุดออกมา…ย่อยมัน!”

เจ้าของร้านหลินชอบนักเรียนที่ตั้งใจเรียนแบบนี้ที่สุด เขาจึงพูดโน้มน้าวด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรมากขึ้น “ยิ่งกว่านั้น…ถ้าคุณเอาแต่อ่านหนังสือเล่มเดิม คุณจะไปก้าวหน้าได้อย่างไรล่ะครับ? เราต้องมองในมุมมองระยะยาวกว่านั้นนะ”

ชาร์ล็อตต์พูดขัด “ฉันเลยต้องอ่านหนังสือให้มากกว่านี้”

แจ่ม!

หลินเจี๋ยไม่ได้พบนักเรียนที่ประจักษ์ตนเองแบบนี้มานานแล้ว เขาจึงหยิบหนังสือเล่มหนึ่งจากด้านหลังด้วยรอยยิ้มแล้วกล่าวว่า “แต่คุณก็อย่าเรียนหักโหมนักนะครับ สำหรับคุณที่ศึกษามาถึงขั้นนี้ แค่อ่านหนังสือของผมก็พอแล้วล่ะ แต่คุณก็ควรเรียนรู้การแบ่งเรียนแบ่งพัก หยุดพักบ้างนาน ๆ ที แล้วพัฒนาหลาย ๆ ด้านด้วยนะครับ”

“เอาล่ะ หนังสือเล่มนี้เหมาะกับสาวน้อยอย่างคุณมากเลยล่ะ”

เขายื่นหนังสือ ‘สาวทรงเสน่ห์’ ที่เขานำมาที่นี่ในฐานะหนึ่งในหนังสือทดลองขายให้กับเธอ

นี่คือ ‘ของขวัญจากพระเจ้า’…

ชาร์ล็อตต์กลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว เธอหยุดตัวเองไม่ให้คุกเข่าลงเหมือนสาวกที่บ้าคลั่งอย่างสุดชีวิต ก้มหัวลงแล้วรับหนังสือมาด้วยมือที่สั่นเทา ความกระตือรือร้นในดวงตาของเธอเกือบจะเปล่งแสงออกมาได้ และชั้นน้ำแข็งบาง ๆ ก็เปลี่ยนเป็นกระแสน้ำมืดดำ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+