แวมไพร์หนุ่มกับแม่มดทั้งเจ็ด (Haverzhakan Village) 68: บทลงโทษในวันอันแสนสงบสุข (1)

Now you are reading แวมไพร์หนุ่มกับแม่มดทั้งเจ็ด (Haverzhakan Village) Chapter 68: บทลงโทษในวันอันแสนสงบสุข (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

               12 นาฬิกา 30 นาที ภายในอาคารปราสาทสีขาว ตรงระเบียงทางเดินชั้นที่สี่

               เลวอน วัตสัน อิทสึกิ ฮิคาริ เวสน่า อาเธอเรีย สเตฟาเนีย ออเดรย์ โมนิก้า และคลาร่า หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จสิ้น เหล่าวัยรุ่นหนุ่มสาวทั้งสิบชีวิตจึงเดินทางมายังชั้นบริเวณนี้เพื่อลงมือทำความสะอาด ตามบทลงโทษที่ได้รับจากยาโรสลาฟตลอดหนึ่งสัปดาห์ โดยมีกำหนดต้องปฏิบัติทั้งในเวลาพักเที่ยงและช่วงหลังเลิกเรียน

               สืบเนื่องจากโมนิก้าได้ใช้ชื่อของทีมประกาศิตแห่งมังกร เป็นตัวแทนในการรับเควสเพื่อปฏิบัติภารกิจปราบพยัคฆ์ขาวเพียงลำพัง อีกทั้งยังทำให้เหล่าต้นไม้ในป่าทึบจำนวนหลายร้อยต้นได้รับความเสียหายในระหว่างหารต่อสู้ สมาชิกทีมทุกคนจึงต้องรับผิดชอบร่วมกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

               เลวอน วัตสัน อิทสึกิ ฮิคาริ และเวสน่า รับหน้าที่ทำความสะอาดตรงบริเวณทางเดินระเบียงทางทิศเหนือ อาเธอเรียคอยรับผิดชอบตรงพื้นที่ส่วนตะวันออก ออเดรย์ โมนิก้า และคลาร่า ต่างลงมือทำความสะอาดยังพื้นที่ทางทิศใต้ จะมีเพียงแต่สเตฟาเนียเท่านั้นที่ปลีกวิเวกจัดการพื้นที่ส่วนตะวันตกตามลำพัง ซึ่งแต่ละคนต่างตระเตรียมทั้งไม้กวาด ไม้ถูพื้น ผ้าขี้ริ้ว ไม้ปัดฝุ่น และถังน้ำแบบพร้อมเสร็จสรรพ

               ในขณะที่เหล่าสมาชิกทีมประกาศิตแห่งมังกรกำลังทำความสะอาดตามบริเวณส่วนต่าง ๆ เลวอนและพรรคพวกก็ได้แต่ยอมจำใจทนฟังเสียงหัวเราะตลกขบขัน พร้อมด้วยสายตาของเหล่านักศึกษาทุกชั้นปีบางคน ซึ่งจับจ้องมองมายังทางนี้อย่างสมเพชเวทนา แม้จะรู้สึกอับอาย แต่ถึงกระนั้นพวกตนก็ยังคงก้มหน้าก้มตาปฏิบัติหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายต่อไป

               “แล้วทำไมพวกฉันถึงต้องถูกลงโทษโดยการทำความสะอาดโรงเรียนด้วยล่ะยะ…?”

               ฮิคาริที่กำลังใช้ไม้ม็อบเปียกน้ำหมาด ๆ เช็ดถูพื้นหินอ่อนตามทางเดินระเบียง แอบบ่นพึมพำด้วยสีหน้าน้ำเสียงบึ้งตึง วัตสันซึ่งอยู่ห่างจากเธอไม่ไกลมากนักจึงให้คำตอบกลับไป ในขณะที่เขากำลังใช้ไม้ขนไก่ปัดชั้นวางหนังสือตามผนังกำแพง

               “ฮะฮะฮะ ก็ยังดีกว่าต้องโดนลงโทษโดยการปลูกต้นไม้หลายสิบต้นในป่าล่ะน่า”

               “เรื่องนั้นมันก็จริง… ว่าแต่นายเป็นผู้ชายแท้ ๆ ไหงถึงให้ฉันถูพื้นด้วยเล่า ใช่สิฉันมันตัวเตี้ยนี่นา”

               ซามูไรสาวพูดเหน็บแนม ทว่าพ่อมดหนุ่มนักปรุงยากลับผิวปากทำหูทวนลมยืนปัดฝุ่นต่อไปอย่างสบายใจเฉิบ ซึ่งมันก็เป็นความจริงอย่างที่ฮิคาริกล่าวมา เดิมทีชั้นวางหนังสือแห่งนี้ค่อนข้างสูงชันกว่าตนพอสมควร ดังนั้นเธอจึงบ่นประชดประชันอะไรต่อวัตสันได้ไม่มากนัก

               “แล้วความเสียหายภายในป่าที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ล่ะขอรับจะทำยังไง ในเมื่อพวกเรา… ไม่สิ ในเมื่อท่านเลวอนเป็นคนโค่นลงเองหลายร้อยต้นแบบนั้น”

               ระหว่างนั้นเอง อิทสึกิที่กำลังใช้ไม้กวาดปัดพื้นระเบียงอยู่ได้เอ่ยซักถามอย่างสงสัย ท้ายประโยคดังกล่าวทำเอาเลวอนซึ่งกำลังใช้ไม้ม็อบถูช่วยฮิคาริอีกแรงอยู่ถึงกับสะดุ้งโหยง พร้อมทั้งเผยสีหน้าสำนึกผิดเสียกระนั้น ส่วนเด็กสาวจอมดาบเวทก็ได้แต่แสยะยิ้มส่งเสียงหัวเราะในลำคอหยอกล้อเขาพอหอมปากหอมคอ

               “เห็นศาสตราจารย์ยาโรสลาฟเล่ามาว่า คุณอีร์มาที่เป็นจอมเวทพฤกษศาสตร์จะจัดการเรื่องนั้นให้เองโดยใช้เวทมนตร์แบบผสมผสานน่ะค่ะ เพราะงั้นพวกเราเลยต้องถูกลงโทษโดยการทำความสะอาดภายในสถานศึกษาเป็นการชดเชยยังไงล่ะคะ” เวสน่าที่กำลังใช้ผ้าขี้ริ้วเช็ดบานกระจกอยู่ได้เกริ่นอธิบาย

               “อ-เอ๊ะ!? คุณอีร์มาที่ซิสเตอร์กล่าวถึงเมื่อกี้นี้ หมายถึงคุณอีร์มา จาโนตา ที่เป็นเจ้าของร้านอาหารลูกแกะหลงทางคนนั้นน่ะเหรอ แล้วทำไมถึงได้…!?”

               ฮิคาริรีบเงยใบหน้าขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ วัตสันจึงถือโอกาสนี้หยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาเปิดเว็บไซต์โซเชียล แล้วหันหน้าจอแสดงรูปถ่ายให้เธอดู ในภาพปรากฏให้เห็นถึงแม่มดสาวพราวเสน่ห์รูปร่างดีวัยยี่สิบเจ็ดปี เจ้าของเรือนผมสีบลอนด์ทองรวบหางม้านัยน์ตาสีฟ้าใสสุกสกาว และสวมแว่นตากรอบวงกลมอันคุ้นเคย โดยมียาโรสลาฟยืนอยู่ทางเบื้องหลัง

               ทว่าครั้งนี้เธอกลับสวมชุดครุยสีกรมท่าพร้อมด้วยหมวกแม่มด แทนที่จะเป็นชุดเชฟสีขาวดำตามปกติ เป็นรูปเซลฟี่ซึ่งเพิ่งบันทึกเอาไว้ในเขตพื้นที่ป่าทึบเมื่อไม่นานมานี้ แล้วโพสต์ลงในบล็อกส่วนตัวนั่นเอง

               “คุณอีร์มาเคยเป็นนักเรียนเก่าประจำสถานศึกษาแห่งนี้มาก่อน แถมยังเป็นถึงลูกศิษย์คนโปรดของศาสตราจารย์ยาโรสลาฟอีกด้วย เนื่องจากเธอมีใจรักในการทำอาหารก็เลยเอาดีด้านนั้นเป็นหลัก แต่ถ้าหากเป็นเรื่องพืชพรรณสมุนไพรหรือต้นไม้นานาชนิดแล้วล่ะก็ต้องยกให้เธอคนนี้เลย เพราะเธอสามารถใช้เวทมนตร์ร่ายเมล็ดพันธุ์เพื่อเร่งการเจริญเติบโตได้… โชคดีมากที่วันนี้คุณอีร์มาว่าง เลยพอจะสละเวลามารับหน้าที่นี้แทนพวกเรา”

               วัตสันอธิบายถึงประวัติความเป็นมาของอีร์มาโดยสังเขป ด้วยความที่ตัวเขา เลวอน อิทสึกิ และเวสน่า รู้จักเธอมานานจึงไม่รู้สึกแปลกใจเท่าไหร่ ยกเว้นนักเรียนแลกเปลี่ยนอย่างฮิคาริเท่านั้นที่เผยท่าทีอึ้งทึ่ง พร้อมทั้งนึกชื่นชมอยู่ภายในใจลึก ๆ

               “ในฐานะที่ข้าเคยโดนลงโทษด้วยการปลูกต้นไม้ในป่ามาก่อน กล้าพูดได้เลยว่างานทำความสะอาดแบบนี้ ถือเป็นงานที่ค่อนข้างเบาแรงที่สุดในบรรดาบทลงโทษอื่น ๆ ทั้งหมดเลยนะขอรับ”

               อิทสึกิเล่าถึงประสบการณ์ตน เลวอน วัตสัน และเวสน่า ต่างผงกศีรษะเห็นพ้องต้องกัน ด้วยเหตุนี้ฮิคาริจึงทำใจยอมรับบทลงโทษสถานเบาซึ่งได้รับมาอย่างง่ายดาย อย่างไรเสียมันก็คงดีกว่าการที่ต้องมานั่งก้มหน้าก้มตาขุดดินปลูกต้นไม้ พลางรับลมแดดร้อน ๆ ที่อาจเผาไหม้ผิวหนังตัวเองในยามบ่ายไปด้วยอยู่ดี

               วินาทีนั้นเองซามูไรสาวพลันฉุกนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหันไปสนทนากับเวสน่าด้วยความสงสัย

               “จริงสิ ซิสเตอร์ได้รับการยกเว้นโทษจากศาสตราจารย์ไปแล้วนี่นา ไม่จำเป็นต้องมาลำบากเพื่อช่วยพวกเราเลย”

               “ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันเองก็เป็นหนึ่งในสมาชิกทีมประกาศิตแห่งมังกรเช่นเดียวกัน จะให้ละเว้นงานแล้วปล่อยให้เพื่อน ๆ ลำบากอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้ฉันคงต้องรู้สึกผิดต่อทุกคนแน่ ๆ อีกอย่างฉันอยากจะทำตัวให้เป็นประโยชน์แก่พวกพ้องด้วย… ในเรื่องทักษะการต่อสู้ฉันคงไม่ชำนาญ แต่ถ้าหากเป็นเรื่องที่ฉันพอจะทำได้ล่ะก็ทางนี้ยินดีเป็นกำลังให้เสมอ เพื่อตอบแทนความยากลำบากที่พวกคุณได้เผชิญจากการต่อสู้ยังไงล่ะคะ”

               ซิสเตอร์สาวตอบกลับพร้อมด้วยรอยยิ้มแสนละมุนละไม วัตสันและอิทสึกิเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปสัมผัสสองมือบางของเธอ แล้วกล่าวถ้อยคำสรรเสริญซาบซึ้งในน้ำใจโดยพลัน

               “พระแม่เวสน่าผู้เมตตา ช่างเป็นซิสเตอร์ที่แสนประเสริฐยิ่งนัก!”

               “พ… พวกคิโม่ย (น่ารังเกียจ) ถ้าพวกนายตายไปแล้วตกนรกนี่ฉันจะไม่แปลกใจเลย”

               ฮิคาริเหล่ตามองสองเด็กหนุ่มผู้มาดทะเล้นอย่างดูแคลน ในขณะที่เวสน่ากลับแย้มสรวลไม่ถือสาเอาความแต่อย่างใด แม้ว่าวัตสันและอิทสึกิกำลังจับต้องสัมผัสมือเธออยู่ก็ตาม เลวอนได้แต่ยืนอมยิ้มต่อบรรยากาศอันแสนสุขที่อยู่ตรงเบื้องหน้าตน ก่อนจะลงมือใช้ไม้ม็อบขัดถูพื้นด้วยท่าทีขะมักเขม้นและเงียบเชียบต่อไป

               “นี่เลวอน นายเป็นยังไงบ้าง… ดีขึ้นแล้วหรือยัง?”

               ยุวสตรีจอมดาบเวทซักถามอีกฝ่ายด้วยความห่วงใย แม้นว่าสีหน้าท่าทีจะดูค่อนข้างแข็งกระด้างก็ตาม เนื่องจากเธอไม่อยากเปิดเผยความรู้สึกที่ซื่อตรงออกมาอย่างเต็มรูปแบบต่อหน้าคนอื่นสักเท่าไหร่นัก ขณะเดียวกันบุรุษหนุ่มผมสีขาวโพลนก็ได้เงยหน้าแย้มสรวลจาง ๆ พร้อมทั้งโต้ตอบบทสนทนากลับไป

               “เพราะได้ทุกคนคอยช่วยปลอบโยนผมเมื่อตอนเช้า ก็เลยรู้สึกโอเคขึ้นมาบ้างแล้ว… ขอบพระคุณมากนะครับ แล้วก็ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณฮิคาริเป็นห่วง”

               “ค… ใครเป็นห่วงนายกันยะเจ้าลูกแกะบ้า อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย! แทนที่จะกล่าวขอบคุณหรือขอโทษ ฉันว่าเอาเวลานั่นมาช่วยพวกเราทำความสะอาดจะดีกว่าไหม ถ้าคิดอยากจะขอบคุณกันล่ะก็ งั้นนายรีบช่วยฉันถูพื้นต่อไปเร็ว ๆ เข้าสิ!”

               ฮิคาริบ่ายเบี่ยงพลางใช้ไม้ม็อบถูพื้นไปมาอย่างตะลีตะลานเพื่อกลบเกลื่อนความเหนียมอาย อิทสึกิเห็นจึงคึกคะนองรีบกล่าวแซวเธอด้วยสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องทันที

               “เป็นห่วงแท้ ๆ แต่กลับชอบแสดงท่าทีรุนแรงใส่ เพราะงี้ถึงไม่ค่อยมีผู้ชายมาจีบยังไงล่ะขอรับ หุหุหุ”

               ——แกร๊ก!!

               เสียงปะทะกันดังขึ้นแบบฉับพลัน ทำให้เลวอน เวสน่า และวัตสันต่างใจหายวาบ เมื่อเห็นว่าซามูไรสาวได้ใช้ไม้ม็อบฟาดฟันใส่อิทสึกิในท่วงท่าวิชาอิไอโด โชคดีที่เทพสุนัขหนุ่มรีบยกด้ามไม้กวาดขึ้นมาตั้งรับการโจมตีอย่างทันท่วงทีด้วยวิชาดาบเคนโด้ หาไม่แล้วสีข้างเอวฝั่งขวาของเขาคงได้โดนซัดเข้าอย่างจังโดยไม่ต้องสงสัย

               “แว้กกกก พูดแซวแค่นี้ท่านฮิคาริถึงกับจะฆ่าแกงข้ากันเลยหรือขอรับ!?” อิทสึกิส่งเสียงลนลาน

               “ฉันไม่มีผู้ชายมาจีบแล้วมันหนักหัวกระบาลใครมิทราบยะ!?” ฮิคาริเอ็ดใส่อีกฝ่าย

               เวสน่า วัตสัน และเลวอน เห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้าไปห้ามปราม สองบุรุษหนุ่มจับแยกอิทสึกิโดยการสอดแขนหิ้วปีกรั้งเขาเอาไว้ ส่วนนักพรตสาวพลันยกสองมือฉุดรั้งหัวไหล่ฮิคาริจากทางด้านหลัง พร้อมทั้งกล่าวทักท้วงด้วยน้ำเสียงสุภาพ

               “ท-ทั้งสองคนอย่าทะเลาะกันสิคะ!”

               “อยากให้พวกฉันโดนยืดเวลารับบทลงโทษเพิ่มขึ้นเป็นสองอาทิตย์รึยังไงกันฟะ!!?”

               วัตสันตะโกนลั่นโดยไม่สนใจเหล่านักเรียนซึ่งเดินผ่านไปมาโดยรอบ เลวอนรีบยกนิ้วชี้แตะริมฝีปากพลางลากน้ำเสียงกระซิบเพื่อเตือนสติทุกคนทันที

               “ชี่…! นายเองก็เหมือนกันวัตสัน อย่าส่งเสียงดังรบกวนคนอื่นสิ!”

               วัตสันเร่งยกสองมือขึ้นมาปิดปากตนอย่างลนลาน ด้วยเหตุนี้ความเงียบสงบจึงกลับมาเยือนอีกครั้ง ฮิคาริและอิทสึกิตัดสินใจยอมเลิกราต่อกัน เพื่อไม่ให้เพื่อน ๆ พลอยเคราะห์ซ้ำกรรมซัดโดนยาโรสลาฟเพิ่มบทลงโทษอีก ส่วนเลวอนและเวสน่าต่างถอนหายใจโล่งอก ก่อนที่หนุ่มสาวทั้งห้าคนจะลงมือทำความสะอาดพื้นที่ทางเดินระเบียงตรงส่วนนี้ต่อไป

               เลวอนแอบปลีกวิเวกใช้ไม้ม็อบถูทางเดินตรงมุมอื่นแทน ฮิคาริจึงสบโอกาสเข้าใกล้เขาเพื่อช่วยเหลือพลางชวนพูดคุย

               “นายนี่มันบ้าระห่ำเกินเยียวยาจริง ๆ ตอนนั้นคิดยังไงถึงได้หยิบมีดขึ้นมากะจะแทงตัวเองตาย?”

               “…ผมขอโทษครับ” บุรุษหนุ่มเกริ่นสำนึกผิดโดยยังคงทำหน้าที่ของตนต่อไป

               “เอาเถอะ ใช่ว่าฉันจะไม่เข้าใจความรู้สึกของนายนะ เพราะฉันเองก็เคยประสบกับเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันมาก่อน… ไม่ใช่เรื่องราวในอดีตหรอกนะ แต่ฉันหมายถึง…”

               “หมายถึง?” เลวอนถึงกับเงยศีรษะสบตามองเธอด้วยความฉงน

               “ม-ไม่มีอะไรย่ะ…!”

               ฮิคาริรีบหันมาปฏิเสธบ่ายเบี่ยงด้วยสีหน้าคิ้วขมวดพร้อมทั้งแก้มแดงระเรื่อ ก่อนที่กิริยาท่าทางและน้ำเสียงจะอ่อนลง หลังจากนั้นจึงสนทนากับเขาอีกครั้ง โดยยังคงลงมือทำความสะอาดพื้นตามปกติ

               “จะยังไงก็เถอะ การฆ่าตัวตายเพื่อรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองก่อขึ้นมันไม่ใช่วิธีการที่ดีนักหรอก ต่อให้นายอาจจะสวนฉันกลับมาถึงเรื่องวัฒนธรรมคว้านท้องที่ชาวญี่ปุ่นในสมัยก่อนชอบทำกันก็เถอะ แต่นายหัดคิดถึงคนใกล้ตัวที่ยังมีชีวิตอยู่บ้างซะสิ ไม่ใช่แค่เพื่อน ๆ หรือพ่อแม่ของนายหรอกนะที่เป็นห่วง เพราะถ้าหากนายตายไปฉันเองก็คงใจหายไม่น้อยเหมือนกัน”

               “คุณฮิคาริ…”

               “เห็นว่านายเป็นนักเรียนของสำนักดาบตระกูลฮาชิสึเมะ เลยนึกอยากจะสั่งสอนก็เท่านั้นเอง ถึงจะไม่ใช่ลูกศิษย์อย่างเป็นทางการก็เถอะ เพราะงั้นจงโยนความคิดโง่ ๆ นั่นทิ้งไปแล้วหัดเชื่อใจพวกพ้องกันบ้าง ฉันน่ะไม่มีทางที่จะถูกวิญญาณร้ายในร่างของนายฆ่าตายง่าย ๆ หรอกนะจะบอกให้…

               ถ้าหากเกิดเรื่องราวซ้ำรอยขึ้นมาอีก เมื่อถึงตอนนั้นฉันในฐานะที่เป็นครูผู้สอนจะคอยยื่นมือช่วยเหลือนายเอง ขืนนายชิงตายไปก่อนโดยที่ไม่ทันได้สอนวิชาเวทมนตร์ฝั่งตะวันตกให้ล่ะก็ ฉันไม่มีวันยกโทษให้นายแน่… เข้าใจไหมตาทึ่ม?”

               พูดจบแม่มดสาวจอมดาบเวทพลันยกมือซ้ายขึ้นมาดีดหน้าผากเลวอนเสียงดัง “เพียะ!” จนอีกฝ่ายเซถลาหงายหลังเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ แต่ถึงกระนั้นเด็กหนุ่มกลับไม่ถือสาต่อการกระทำของเธอ ซ้ำยังแย้มสรวลบาง ๆ อย่างตื้นตันใจ พร้อมทั้งกล่าวถ้อยคำซาบซึ้งด้วยท่าทีและน้ำเสียงละมุน

               “ขอบคุณมากนะครับ รู้สึกภาคภูมิใจมากเลยล่ะที่ได้เจอครูสอนดาบดี ๆ อย่างคุณฮิคาริ”

               “อ… อะไรกันเล่า ไม่ต้องมาพูดจายกยอเลย ฉันไม่มีอะไรจะให้นายหรอกนะยะ”

               ฮิคาริหลบสายตาไปทางอื่นพลางยกมือซ้ายเท้าเอวทั้งที่สองแก้มแดงก่ำ คอยกลบเกลื่อนท่าทีเหนียมอายเอาไว้ด้วยสีหน้าบึ้งตึงแสร้งทำเป็นไม่รับบุญ ทว่าในท้ายที่สุดเธอก็เผลอหลุดยิ้มมุมปากอย่างโล่งใจ เมื่อเห็นว่าเลวอนนั้นกลับมาร่าเริงสดใสตามปกติโดยปราศจากอาการเสแสร้ง

               “ฮี่ฮี่ฮี่ กำลังดีใจอยู่ล่ะสิ~”

               “อ้างว่าทำไปเพื่อลูกศิษย์ แต่ที่จริงแล้วก็แอบเป็นห่วงสุด ๆ ใช่ไหมล่ะขอรับ~?”

               ขณะเดียวกันนั้นเอง วัตสันและอิทสึกิที่แอบซุ่มดักฟังบทสนทนาอยู่ทางเบื้องหลังของฮิคาริ ได้ส่งเสียงหัวเราะในลำคอด้วยสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง อีกทั้งยังกล่าวแซวใส่เธออย่างไม่เกรงอกเกรงใจตามลำดับ

               โดยที่เธอและเลวอนเองต่างก็ไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายแอบย่องเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่

               ——เปรี้ยง!!

               เสียงกระแทกพร้อมคลื่นกระแสลมปรากฏขึ้นแบบฉับพลัน ฮิคาริได้ใช้ด้ามไม้ม็อบฟาดฟันใส่สองพ่อมดหนุ่มกวนโอ๊ยเข้าอย่างจังด้วยวิชาดาบอิไอโด ทั้งที่ใบหน้าแดงก่ำน้ำตาคลอ พลางแผดเสียงระบายอารมณ์ออกไปโดยไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมองค์ใดทั้งสิ้น

               “นิสัยไม่ดี ไปตายซ้าาาาาาาา~!!”

               “ว้ากกกกกกกกก~!!?”

               อิทสึกิและวัตสันถูกสายลมลูกใหญ่ซัดกระแทกเข้าใส่หน้าท้องเต็มแรง จนร่างของทั้งคู่ปลิวถอยหลังไปตามพื้นระเบียง ก่อนจะพลิกตัวหัวคะมำล้มลงนอนอย่างไม่เป็นท่าในสภาพดูไม่จืด ท่ามกลางสายตาของเหล่านักศึกษาจอมเวทฝึกหัดทุกชั้นปี เวสน่าเห็นดังนั้นจึงรีบเข้าไปให้ความช่วยเหลือแก่พวกเขาโดยร่ายเวทปฐมพยาบาลด้วยท่าทีลนลาน ส่วนเลวอนหัวเราะเผื่อน ๆ ปนเอือมระอาใจต่อการกระทำของสองเพื่อนสนิท

               ทว่าเรื่องราวสุดหรรษาที่เกิดขึ้นในวันอันแสนสงบนั้นไม่ได้จบลงแต่เพียงเท่านี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด