Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ 1122

Now you are reading Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ Chapter 1122 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่  1122  เด็กน้อย เจ้าไปได้ไกล

ชนะ

จากการบังคับให้สู้กับศัตรูนับหมื่นอย่างสิ้นหวังจนกระทั่งพลิกตลบจักรวาลได้ในพริบตา ผู้คนที่ชมดูการต่อสู้รู้สึกเหลือเชื่อและเหมือนฝัน

ก่อนหน้านั้นใครจะนึกภาพออกว่าภายใต้การรุมล้อมของนักรบเผ่ากระดูกทั้งหกหมื่น ไตตันน้อยจะสามารถบินขึ้นไปบนฟ้าและเอาชนะได้?  ใครจะคาดคิดว่านักรบกระดูกเหล็กหกหมื่นจะนอนกรีดร้องแทบเท้าไตตันน้อย พังทลายตั้งแต่การโจมตีครั้งแรก?

นักเรียนที่ส่งเสียงเชียร์เย่ว์หยางโห่ร้องอย่างตื่นเต้น

ฉีมู่กอดฮ็อก ทั้งคู่หลั่งน้ำมูกน้ำตาเปรอะเปื้อนกันโดยไม่รู้ตัว และฮ็อกจนใจกับเรื่องนี้… แม้แต่อาจารย์ใหญ่ก็ปลาบปลื้มน้ำตาซึมเล็กน้อย ขณะที่ไม่มีใครสังเกตเห็นเขารีบแอบปาดน้ำตา   ครูบาอาจารย์ที่ร่วมกันทำงานวิจัยหุ่นรบบินทั้งหัวเราะและร้องไห้ด้วยความตื่นเต้น แม้แต่พี่น้องตระกูลโอที่ยอมทุ่มชื่อเสียงและโชคชะตาร่วมวิจัยและพัฒนาค้นคว้าในครั้งนี้ พี่น้องในตระกูลกอดกันแน่นร้องไห้ พวกเขาคุกเข่าด้วยกันอธิษฐานปลอบประโลมใจบิดาของพวกเขาที่ล่วงลับไปแล้วเงียบๆ  ‘หุ่นรบบินได้รับการพัฒนาและประสบความสำเร็จ ท่านผู้เฒ่าที่สถิตอยู่ในสรวงสวรรค์ เราเชื่อว่าท่านคงได้เห็นการต่อสู้ที่เหนือชั้นนี้ รอจนกระทั่งถึงบัดนี้ ความปรารถนาของท่านผู้เฒ่าสมปรารถนาแล้ว’

ในสนามรบ ว่านหมอหน้าซีดขาว

เขารู้ตัวว่าแพ้แล้ว

เมื่อพ่ายแพ้ ก็ไม่มีอะไรจะพูด

แม้ว่าจะได้พลังศักดิ์สิทธิ์แลกเปลี่ยนจากเทพ อย่างไรก็ตามไม่ว่านักรบกระดูกจะมีมากแค่ไหน ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะไตตันน้อยมีความร้ายกาจยิ่งนักจนเขาไม่สามารถจะตอบโต้ได้

คนผู้นี้น่ากลัวยิ่งกว่าจีอู๋ลี่ผู้เข้าใกล้ความเป็นเทพมากที่สุด ทั้งยังน่าสิ้นหวังมากกว่า

หากจีอู๋ลี่ยังได้แค่ตามหลังเขา

อย่างนั้นไตตันน้อยนี้

เขาสามารถตรวจสอบความมีอยู่คนผู้ถ่อมตนนี้ได้… บุรุษผู้ยากหยั่งถึงนี้ไม่สามารถเอาชนะได้ด้วยกำลังหรือแม้แต่จินตนาการ  เขาคืออัจฉริยะที่คาดไม่ถึง มีสติปัญญาเหลือเชื่อร้ายกาจ  เมื่อใดก็ตามที่มีผู้คิดท้าทาย เขาสามารถเอาชนะได้อย่างเด็ดขาด เขายืนเด่นสง่าอยู่ในท่ามกลางเมฆมองดูคู่ต่อสู้เหมือนกับเทพมองมดแมลง

ว่านหมอรู้สึกเจ็บปวดมาก เขารู้สึกเหมือนถูกตรึงประจาน

ถ้าไม่ใช่เพราะเขาคือว่านหมอเจ้าตำหนักมืด แต่เป็นเจ้าตำหนักไฟหลานฟงแทน ก็คงจะดีกว่า

น่าเสียดายที่เขาเลือกคู่ต่อสู้ผิดพลาด  แม้ว่าเขาจะได้รับการสนับสนุนจากสัญญาแลกเปลี่ยนกับเทพ  แต่กลับกลายเป็นว่าไปช่วยเพิ่มเกียรติยศศักดิ์ศรีให้ไตตันน้อย

ก่อนนั้นใครจะรู้ว่าพลังของไตตันน้อยน่ากลัวมากมายขนาดนี้?

ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น

ทุกคนมองข้ามเด็กหนุ่มผู้นี้ และประเมินเขาต่ำเกินไป ราคาการท้าทายที่เขาต้องเสียไป ทำให้เขาต้องทุกข์ทรมานเจ็บปวด เหมือนลูกธนูที่หลุดจากแล่งไปแล้วไม่สามารถย้อนกลับได้  ตอนนี้ว่านหมอสำนึกเสียใจที่ตัดสินใจสู้เด็ดขาด  มันสายเกินไปแล้ว  แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ใช้พลังจากเทพเพื่อหยุดกฎสวรรค์ไม่ปล่อยนักรบกระดูกทั้งหกหมื่นออกมา สถานการณ์คงไม่เลวร้ายนัก!  ตอนนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาจะถูกตราหน้าว่าสร้างมลทินให้กับประวัติศาสตร์  ไตตันน้อยคนเดียวสู้กับนักรบกระดูกหลายหมื่น  เขากลายเป็นผู้พ่ายแพ้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์นับแต่สร้างหุบเขามนุษย์ขึ้นมา  บันทึกเหตุการณ์นี้จะเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ต่อไป

ว่านหมอหลับตาอย่างเจ็บปวด และเขารู้ว่าดีที่สุดก็คือยอมรับความพ่ายแพ้ให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้

เพราะเวลาผ่านไปทุกวินาที ความอัปยศจะเพิ่มขึ้นทุกขณะ

นักรบเผ่ากระดูกไม่สามารถช่วยได้แน่นอน

แทนที่จะดูพวกมันเจ็บปวดทุรนทุรายจากพลังชีวิต  เขายอมรับความพ่ายแพ้แต่ต้นดีกว่าเพื่อบรรเทาความทุกข์ทรมานให้พวกมันอย่างรวดเร็วที่สุด

 “ข้า…” ว่านหมอพยายามจะเอ่ยปากหลายครั้งเพื่อยอมรับความล้มเหลวของตนเอง แต่เมื่อคำพูดที่ขมขื่นมาถึงปาก  เขากลับกล้ำกลืนคำพูดเหล่านั้นอีกครั้ง คำพูดยอมรับความพ่ายแพ้นี้เป็นเรื่องเจ็บปวดเกินกว่าจะฝืนใจพูดออกไปได้ในฐานะเจ้าตำหนักมืดแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ ทำไมวันนี้เขาถึงได้ล้มเหลว?

ภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน เขาจะพูดประโยคว่า “ข้ายอมรับความพ่ายแพ้” ออกไปได้อย่างไร?

ว่านหมอชำเลืองมองเย่ว์หยางที่กำลังบินอยู่อย่างเสรีพร้อมกับอินทรีศึก

และตัดสินใจอย่างไม่ค่อยเต็มใจ

เขาโบกมือ

ขุนพลกระดูกขาวผู้ได้รับคำสั่งนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ยังรอดชีวิตอยู่ได้ มันถูกเรียกกลับมาอย่างรวดเร็วเตรียมจะเก็บเข้าไว้ในแหวนเก็บสมบัติ เขาพยายามจะช่วยเผ่ากระดูกคนสุดท้ายที่มีค่าเท่ากับหุ่นรบแพลตตินัม

บึ้ม ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง

รอจนว่านหมอตั้งหลักได้

มีเสียงระเบิดน่ากลัวดังต่อเนื่องรอบตัวเขา

เสียงระเบิดดังสนั่นทำลายทุกอย่าง ขุนพลกระดูกขาวที่อยู่ใกล้ว่านหมอถูกระเบิดกระดูกกระจาย

ว่านหมอเงยหน้าขึ้นมอง ครั้งนี้เขาพบว่า มีฝนดำจำนวนมาก เป็นโลหะกลมกำลังตกลงมา และแต่ละลูกมีพลังระเบิดทำลายภูผาที่น่ากลัว  พวกขุนพลกระดูกขาวต้องการจะต้านโลหะดำนี้หรือหุ่นอสูรและพยายามหลบเลี่ยงพวกมัน  แต่พวกมันกลายสภาพเป็นแมงมุมสงคราม อสูรหุ่นที่ดุร้าย จากนั้นแนบตัวกับนักรบกระดูกฝ่ายตรงข้ามและระเบิดร่าง ไม่มีใครสามารถหนีรอดจากการโจมตีนี้

 “ระเบิดแมงมุม, ฮ่า ฮ่า ฮ่า  เจ้าตัวน้อยนี่ออกฤทธิ์จนได้ ระเบิด ระเบิดได้ดี เอาเลย” ฉีมู่เชียร์อย่างคลั่งไคล้ราวกับเห็นเทพธิดา

 “นี่, นี่คือระเบิดแมงมุมหรือ?”  ไม่เพียงแต่หมาป่าแห่งหอสูงมิกและคุณชายหยางฉวนเท่านั้น แม้แต่ฮ็อกก็ยังไม่รู้เรื่องนี้

 “เล่าให้เราฟังบ้าง”  พวกนักเรียนล้อมวงเข้ามาอย่างตื่นเต้น

 “คุณชายฉีมู่ ร้ายกาจจริงๆ ถึงกับรู้ได้ว่าไตตันน้อยมีอาวุธเช่นนี้ได้ ร้ายกาจ” ใครบางคนเยินยอ

 “ข้ายังได้มีโอกาสร่วมพัฒนาระเบิดแมงมุม และข้าจะเล่าให้ทุกคนฟังโดยทั่วไปได้อย่างไร?  อาวุธลับ แน่นอน  แน่นอนว่าจะต้องใช้อย่างลับๆ  บอกให้พวกเจ้าอิจฉาก็ได้  ข้าเป็นผู้ช่วยคนแรกๆ ที่ใช้ตัวอย่างและให้ความร่วมมือไตตันน้อยอย่างเต็มที่ในการวิจัยค้นคว้า  พวกเจ้าอาจจะพูดก็ได้ว่าหากไม่มีข้า  ในวันนี้ไตตันน้อยอาจไม่มีระเบิดแมงมุมก็ได้  พวกเจ้าคิดว่ามันสร้างง่ายนักหรือ?  ข้าต้องทำตัวไม่สำคัญโดดเด่นก็เพื่อเก็บความลับเอาไว้  พวกเจ้าคิดว่าชื่อเสียงโชคลาภทางโลกจะทำให้ข้าอยากดังนักหรือ? น่าขัน ชื่อเสียงลาภยศเป็นเหมือนก้อนเมฆ”  ฉีมู่ยืดอก และในสายตาของคนนับไม่ถ้วนตั้งแต่ข้างบนจรดชั้นล่างรู้สึกนับถือเขา

 “….”  คุณชายหมิงจูเงียบ ไม่หักหน้าว่าเขาโกหก มิฉะนั้นภาพพจน์ที่น่านับถือของคุณชายฉีมู่คงพังทลายทันที

ไม่มีข้อสงสัยเลยในการต่อสู้ครั้งนี้

แม้แต่จินฉีผู้อยู่ในหุ่นรบปีศาจก็ต้องก้มหน้ายอมแพ้

ไม่ต้องพูดถึงหุ่นระเบิดแมงมุมที่สามารถเอาชนะเขาได้ แต่เขายังโดนทุบตีเล่นงานไม่หยุด แต่ยักษ์แก้วผลึกไม่รู้จักเหนื่อย ทำให้จินฉีไม่สามารถไปไหนมาไหนได้

พลังของเทพปีศาจไม่ใช่ยาครอบจักรวาล ทันทีที่เอามาใช้มากเกินไป ผลที่ตามมาก็น่ากลัว… จินฉีต่อสู้มาเป็นเวลานาน พลังเทพปีศาจที่คงอยู่มีมากเกินไป หากเขายังดื้อรั้นถือทิฏฐิ ผลที่ตามมาจะรุนแรง ยักษ์แก้วผลึกไม่เคยเหน็ดเหนื่อยจะได้หัวเราะในท้ายที่สุด จินฉีฟื้นร่างขึ้นมา ร่างอาจระเบิดก็ได้

ก่อนที่จะถึงระดับนั้น จินฉีก้มหน้ายอมรับความพ่ายแพ้

อย่างไรก็ตามว่านหมอผู้มีนักรบเผ่ากระดูกหกหมื่นพ่ายแพ้ แต่ยังไม่ยอมพูดกล่าว

ในที่สุดว่านหมอมองไปที่นักรบกระดูกและส่ายหน้าถอนหายใจ กระทั่งถึงขุนพลกระดูกขาวตัวสุดท้าย เขาจึงยอมก้มหน้ายอมรับความพ่ายแพ้ต่อเย่ว์หยางด้วยความอับอาย

 “ข้าแพ้, ข้าแพ้แล้ว” ว่านหมอท้อแท้ยอมเอ่ยปากกล่าวคำรับพ่ายแพ้ต่อเย่ว์

 “แน่ใจหรือเปล่า?”  กรรมการชุดดำถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น  การต่อสู้นี้อยู่ในความรับผิดชอบของเขา ทั้งจะต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ นี่คือเกียรติยศของคนทุกรุ่น!  ไม่ว่าประวัติศาสตร์ของหุบเขามนุษย์จะก้าวหน้าไปอย่างไร  ไม่ว่าจะถูกจัดอันดับอย่างไร  การต่อสู้ครั้งนี้ จะต้องติดอยู่ในสิบอันดับแรก หรือสามอันดับแรกแน่นอน!

 “แน่ใจ”  เทียบกับกรรมการแล้ว ว่านหมอรู้ว่าเขาต้องถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์แน่นอน แต่นี่เป็นจุดที่เจ็บปวดและไม่เต็มใจที่สุดของเขา เพราะเขาถูกบันทึกไว้ด้วยความอับอาย เป็นโศกนาฏกรรมเพื่อเพิ่มเกียรติยศให้ผู้อื่น

ว่านหมอเป็นวีรบุรุษคนหนึ่ง แม้ว่าเขาจะล้มเหลวอีกครั้ง แต่เขากล้าจะยอมรับ

เนื่องจากความพ่ายแพ้นั้นอยู่ในสภาพที่น่ากลัว จึงต้องยอมรับเต็มที่

เพราะเขาเชื่อว่าแม้แต่ในอนาคต จะไม่มีศึกครั้งไหนแย่ไปกว่าวันนี้อีกแล้ว

หลานฟงยืนดูสนามรบรู้สึกกลัวจนหลั่งเหงื่อเยียบเย็น  เขาไม่ได้สู้กับไตตันน้อย มิฉะนั้นคนที่ต้องพ่ายแพ้อับอายคงจะไม่ใช่ว่านหมอ แต่เป็นตัวเขาเอง

จงหัวอดยิ้มอย่างช่วยไม่ได้

ไม่มีอะไรผิดปกติกับการแสดงความปรารถนาดีของเขา

ไตตันน้อยเป็นอัจฉริยะจากเผ่าบูรพาอมตะจริงๆ  แม้ว่าชื่อไม่น่าทึ่ง แต่ที่สำคัญถ้าเป็นเผ่าบูรพาอมตะ ก็ไม่น่าประหลาดใจกับความสามารถที่ยอดเยี่ยม

ลองคิดดูด้วยสถานะและความแข็งแกร่งของเขาในฐานะไตตันน้อย เขาจะแพ้จินฉีและว่านหมอได้อย่างไร?  พวกเขาร่วมกำลังกันได้อย่างไร?  หากมีศัตรูคนหนึ่งแล้วจะทำอย่างไร?  ไตตันน้อยเป็นทายาทของเผ่าบูรพาอมตะ เกิดมาก็มีอนาคตสดใส  หนอนแมลงน้อยอย่างจินฉีและว่านหมอตาแก่หัวโบราณจะคุกคามเขาได้อย่างไร?

ไม่ใช่เรื่องแย่กับการค้นหาตรวจสอบ  แต่นั่นก็เป็นเรื่องตลกเช่นกัน

ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมาดูจีอู๋ลี่ผู้อ้างตัวว่าใกล้เคียงกับความเป็นเทพ  เขาจะพบกับโศกนาฏกรรมแบบไหนกับการต่อต้านไตตันน้อย?

เมื่อเห็นเย่ว์หยางท้าสู้กลับ หนึ่งต่อหมื่นกับศัตรูคนหนึ่ง บีบบังคับให้คู่ต่อสู้ทั้งสองคนก้มหน้ายอมรับความพ่ายแพ้  ทูตสวรรค์หญิงชุดขาวทั้งสามคนมองหน้าและยิ้มให้กัน แม้ว่าสีหน้าพวกนางค่อนข้างซีดแต่พวกนางค่อนข้างปลื้มใจกับเรื่องนี้ แม้แต่ชัยชนะของเย่ว์หยางก็เกินคาดหมายพวกนาง ทำให้พวกนางรู้สึกประหลาดใจมาก

 “ข้าเหนื่อยจริงๆ  ต้องขอตัวไปพักก่อน” เย่ว์หยางกลับมาในท่ามกลางการรุมล้อมทุกคน  พวกเขาพร้อมจะยกขบวนแห่แหน แต่เขาแสร้งทำเป็นเหนื่อยมากหลังจากต่อสู้ และปฏิเสธด้วยการกล่าวขอบคุณปล่อยให้เขาได้พักก่อนแล้วค่อยแสดงความยินดีอีกครั้ง

หลังจากนั้น เขากลัวว่าทุกคนจะไม่ยอมให้เขาปฏิเสธ เขารีบฉุดมือน้อยๆ ของคุณชายหมิงจูและจากไป

คุณชายหมิงจูโกรธเขามาก เตรียมเล่นงานโจรฉวยโอกาส

ชนะแล้วแต่ต้องทำตัวเหมือนผู้แพ้ด้วยหรือ?  ใครทำกันอย่างนี้…อย่างไรก็ตามเพราะถูกเย่ว์หยางฉุดดึงไป  คุณชายหมิงจูปล่อยให้เขาฉุดดึงมือไปก่อนแล้วจึงค่อยหยุดฟังเขา

เขาชนะแล้ว คิดว่าจะใช้ค้อนทองทุบตีเขาไม่ได้หรือ?

อย่างไรก็ตาม ค่อยหาโอกาสคิดบัญชีคืนในอนาคต

คุณชายหมิงจูชูกำปั้นและสบถ  “เจ้าเด็กน้อย  เจ้าทำเกินไปแล้ว ดีนะว่าข้าอารมณ์ข้ากำลังดี ไม่อย่างนั้น ฮึ…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด