Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ 1222

Now you are reading Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ Chapter 1222 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่  1222  ข้าคือเทพ!

 

 “พูดคุยเรื่องฝันหรือ?”  เสียงของจักรพรรดิเทียนหลัวเหมือนไม่พอใจแต่ชัดเจนราวกับสายน้ำในลำธาร  “เล่าเรื่องให้ข้าฟังก่อนดีกว่า!”

 

 “ฮ่าฮ่าฮ่า เล่าเรื่องหรือ ได้ ตอนนี้เป็นเวลาเหมาะจะเล่าเรื่อง!”  ผู้ชื่อชุนหวีเฒ่าหน้าทารกหัวเราะและเหยียดแขนกล่าว  “สามารถฟังเรื่องเล่าจากฝ่าบาทในอีกมุมมองหนึ่ง นับว่าโชคดี เราผู้เฒ่าเดินทางมาครั้งนี้คุ้มค่านัก!”

 

บัณฑิตวัยกลางคนประหลาดใจเล็กน้อย แต่เขาสงบใจได้ทันที

 

เขายังคงไพล่มือไว้ข้างหลัง

 

ยืนนิ่งเงียบ

 

เหมือนกับว่าตั้งใจฟังเรื่องราวจากจักรพรรดิเทียนหลัวหัวซิ่วรี่

 

จักรพรรดิดูเหมือนจะไม่สังเกตเห็นเสียงหัวเราะเสียดสีของชุนหวี ยังคงเฉยเมยเหมือนผิวน้ำทะเลสาบราบเรียบดุจกระจก  “มีเด็กคนหนึ่งเล่าเรื่องราวนี้ให้ข้าฟัง กล่าวอีกนัยหนึ่งว่านักฝันที่ดีมักจะฝันและฝันว่าสักวันเขาจะทำให้เป็นจริงได้  อยู่มาวันหนึ่งเขาเมาแล้วนอนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในสภาพมึนงง เทวทูตสองคนลงมาหาเขาเชื้อเชิญเขาให้มาเยี่ยมชมดินแดนแห่งหนึ่ง  สิ่งที่เขาได้เห็นได้ยินปรากฏว่า ประเทศนี้เล็กและด้อยยิ่งกว่าที่เขาอยู่ เขามีความรู้สึกว่าเหนือกว่า ในระหว่างคัดเลือกเป็นเจ้าหน้าที่ในประเทศใหญ่นี้ คนผู้นี้ได้เข้าร่วมสมัครคัดเลือกด้วย  และพบว่าไม่ยากเลย ในที่สุดเขาสามารถผ่านการทดสอบทั้งสามรอบ เป็นเลิศในระดับมัธยมปลาย ราชาที่นี่เห็นว่าคนผู้โดดเด่นเป็นพิเศษจึงพระราชทานองค์หญิงให้อภิเษกสมรสด้วยพระองค์เอง”

 

 “ชีวิตที่น่าภูมิใจ ได้แต่งงานกับเจ้าหญิง คนผู้นี้มีความสุขเกินจินตนาการ แต่ข้าไม่รู้วัตถุประสงค์ของฝ่าบาทว่าเล่าเรื่องนี้ไปเพื่ออะไร?”  ชุนหวีเหมือนกับไม่ได้ตั้งใจฟัง

 

 “……”  บุรุษวัยกลางคนขมวดคิ้วเช่นกัน

 

 “เรื่องนี้ยังไม่จบ!”  หัวซิ่วรี่ถอนหายใจเล็กน้อยจากนั้นพูดต่อ  “คนผู้นี้ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าครองแคว้น เขามีความขยัน รักในผู้คนสัตย์ซื่อถือมั่น ได้รับความเคารพนับถือจากปวงประชาราษฎร์ เขามีลูกชายหญิงหลายคน ไม่ขาดแคลนผู้รับช่วงต่อจากเขา ถ้าเรื่องราวมาถึงตรงนี้ ท่านทั้งสองคงฟังได้ไม่พอ มิทราบว่าสองท่านเต็มใจจะฟังต่อหรือไม่?”

 

 “กล่าวได้ว่าเราผู้เฒ่ากำลังจะฟังตอนจบ” ชุนหวีหัวเราะอย่างอารมณ์ดี  “เราผู้เฒ่ารู้ว่ามีจุดเปลี่ยนในเรื่องนี้ แต่ไม่รู้ว่า ฝ่าบาทจะบิดเบือนไปตรงไหนกัน ฮ่าฮ่าฮ่า!”

 

บัณฑิตวัยกลางคนไม่พูดอะไร ดวงตาของเขาทอประกายปัญญา และดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจ

 

หัวซิ่วรี่ไม่ได้หวั่นไหวในคำพูดของชุนหวี เขายังคงเล่าเรื่องต่อไปเหมือนสายน้ำที่หยุดไม่ได้  “เมื่อคนผู้นี้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยไม่รู้จักเวลา ประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้เคียงได้ส่งกองทัพเข้าโจมตี  ภายใต้สงครามครั้งที่หนึ่ง ไม่มีกำลังเพียงพอต่อต้าน ศัตรูแข็งแกร่ง ไม่มีใครต่อต้านเปรียบติด!”

 

ชุนหวีหัวเราะลั่น  “ในกรณีเช่นนี้ทำไมไม่ส่งเจ้าแคว้นผู้มีพรสวรรค์นั้นไปนำทัพเล่า?”

 

หัวซิ่วรี่หัวเราะด้วยความภูมิใจจากนั้นพูดต่อ “เป็นที่น่าเสียดายที่เขาไม่เข้าใจศิลปะในการทำสงคราม แม้ว่าเขาจะกล้าหาญก็ตาม ในท้ายที่สุดเกิดการพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ ทหารบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก  กองทัพถูกทำลาย”  ชุนหวีได้ฟังก็หัวเราะทันที ส่วนบัณฑิตวัยกลางคนเลิกคิ้วราวกับว่าเขาคิดออกแล้วทำไมหัวซิ่วรี่ถึงพูดเช่นนั้น  หัวซิ่วรี่หยุดเล็กน้อยและกล่าวต่อ  “คนผู้นี้พ่ายแพ้ระหกระเหินออกจากบ้าน เขาต้องการให้ภรรยาของเขาขอร้องราชา  ใครจะคิดกันเล่าว่าภรรยาของเขาเป็นโรคร้ายเสียชีวิต  เขาได้แต่กลับไปเมืองหลวงยอมรับผิด  พระราชากริ้วและปลดเขาออกจากตำแหน่งเป็นสามัญชน และเนรเทศเขาพร้อมกับบุตรธิดาที่เกิดแต่องค์หญิงออกไปจากแคว้นไม่ยอมให้ทำงานอีกตลอดไป”

 

ชุนหวีได้ยินแล้วรู้สึกจืดชืดไร้เรื่องราว

 

ในใจของเขาต้องการปฏิเสธอยู่สองสามคำ

 

แต่เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

 

บัณฑิตวัยกลางคนมองผิวเผินไม่พูดอะไร แต่การแสดงออกเหมือนกันคาดการณ์ไว้นานแล้ว

 

ขณะที่ทั้งสองคนอึดอัดพูดไม่ออก หัวซิ่วรี่พูดขึ้นอีกครั้ง  “เรื่องนี้ยังไม่จบแบบนี้  คนผู้นั้นถูกส่งตัวกลับบ้านเกิดเดิม เขารู้สึกละอายใจต้องสะดุ้งตะโกนผวาตื่นจากฝัน  เขาพบว่าเป็นเพียงความฝัน ยังดีที่โชคร้ายนั้นไม่ได้เกิดขึ้น เขาพยายามมองหาอย่างระมัดระวังก็พบรังมดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในทุ่งนั้น”

 

 “แค่กๆๆๆๆ!”  ชุนหวีฟังเรื่องราวจบไอจนหน้าแดงทันที

 

 “การรู้แจ้งของฝ่าบาทเป็นการกระตุ้นการตื่นรู้ที่ดีจริงๆ โลกนี้อุดมสมบูรณ์และมั่งคั่งมีความสุข  และความสุขนั้นก็เหมือนกับเมฆที่ล่องลอย จากนั้นก็อาจหายไปในพริบตาได้  แต่ละคนต่างต้องการบรรลุความสำเร็จยิ่งใหญ่  แต่ในความเป็นจริงไม่มีอะไรมากไปกว่ามดเมื่อเทียบเวลาที่ไม่มีที่สิ้นสุดและมิติพื้นที่ซึ่งไม่มีที่สิ้นสุด  เมื่อเทียบกับมหาเทพโบราณที่มีอำนาจทุกอย่าง การต่อสู้ของเราเป็นการต่อสู้ของมดที่ไร้สาระ  แต่น่าเสียดายที่จะมีสักกี่คนในโลกมองได้ทะลุปรุโปร่งเหมือนฝ่าบาทเล่า?”  บัณฑิตวัยกลางคนตอนแรกฟังดูแล้วประหลาดใจอึ้ง จากนั้นก็ปรบมือหัวเราะ

 

 “เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟาง ท่านเป็นผู้ฉลาดอันดับหนึ่งจากแดนสวรรค์ มีสติปัญญาเป็นเลิศทำไมถึงไม่เข้าใจ?”  จักรพรรดิหัวซิ่วรี่ถอนหายใจเบาๆ และถามเสียงอ่อนโยน

 

 “บางคนไม่มีความสนใจในรังมด  แต่บางคนก็ชอบค้นคว้าวิจัยรังมด”  บัณฑิตวัยกลางคนเหมือนจะบอกว่าเขาแตกต่างจากทุกคน

 

 “มดไม่เคยกัด แล้วทำไมต้องรบกวนมัน?”  หัวซิ่วรี่ถามอีกครั้ง

 

 “แม้ว่ามันจะไม่ได้กัดผู้คน แต่ข้าพบว่านี่เป็นฝันดีจริงๆ บางทีคนผู้นั้นไม่อาจทนรับเจ้าหญิงเป็นภรรยา ไม่อาจได้มีลูกๆ ในฝันและไม่อาจได้ทุกอย่างเป็นของเขาก็ได้” บัณฑิตวัยกลางคนหัวเราะและกล่าว

 

 “ทุกสิ่งทุกอย่างในความฝันนั้นดี  แต่ในที่สุดก็เป็นแค่เพียงฝัน” หัวซิ่วรี่พูดยังไม่ทันจบ ชายชราหน้าทารกชุนหวีขัดขึ้นทันที  “ฝ่าบาทพูดอย่างนี้ เราผู้ชราไม่เห็นด้วย นับแต่วันที่คิดฝัน ผู้คนก็ไล่ตามความฝัน ถ้าท่านสามารถทำความฝันให้สำเร็จได้ อย่างนั้นชีวิตก็จะมีความสุขที่สุดเป็นความรุ่งเรืองของชีวิต  สำหรับความผิดหวังที่เกิดขึ้นนั่นเป็นเพราะความสามารถ หากผู้คนในเรื่องนี้มีพลังอำนาจควบคุมกองทัพทั้งสามพวกเขาจะเอาชนะได้อย่างไร? แม้ว่าความฝันจะกลับมาอีกครั้ง ถ้าคนในเรื่องมีความสามารถได้เรียนรู้อย่างแท้จริง มีสนามให้ลงมือตามความเป็นจริง!  ความฝันที่ฝ่าบาทเพิ่งกล่าวถึงเมื่อครู่นี้เป็นเพียงความโศกเศร้าคร่ำครวญของผู้พ่ายแพ้บางคน  ท่านรู้หรือไม่ว่าสิ่งต่างๆ ในโลกนี้ล้วนสร้างขึ้นได้ ตราบใดที่ตั้งใจ ก็ทำฝันให้เป็นจริงได้  นี่คือข้อสรุปที่เราผู้ชรามีต่อการพูดถึงฝัน ฝ่าบาท! มิทราบว่าท่านจะคิดว่าอย่างไร?”

 

 “ข้าคิดว่าไม่สำคัญ แล้วเจ้าตำหนักตงฟางเล่า ท่านคิดประการใด?”

 

 “เงื่อนไขของสิ่งมีชีวิตในโลกนี้มีหลากหลาย บางคนก็คิดว่าฝัน บางคนก็คิดว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับความพยายามของมนุษย์ ข้าทำอะไรตรงนี้ไม่ได้”  คำตอบของบัณฑิตวัยกลางคนไม่เปิดโอกาสแม้แต่จะให้น้ำรั่วหยดได้

 

 “ในกรณีนี้ ถ้าเป็นความฝันในปัจจุบันนี้ จะเป็นรองจากสองท่านตรงไหน?”  เสียงของจักรพรรดิเยือกเย็นได้ทันที และแฝงไปด้วยความรู้สึกที่เย็นชาเงียบสงบเหมือนหิมะและน้ำแข็งละลายทำให้เจ้าตำหนักตงฟางและชายชราหน้าทารกรู้สึกได้ถึงความเยือกเย็น

 

พวกเขารู้ดีว่าวังเทียนหลัว และมิติลวงตานี้

 

ไม่ง่ายที่จะเข้ามา

 

เกรงว่าแม้แต่สามจอมภพแดนสวรรค์ในอดีตที่รุกรานหอทงเทียน มีเพียงจักรพรรดิอวี้ที่รับมือตามลำพัง เมื่อยอดฝีมือทั้งสี่เข่นฆ่าประหัตประหารกัน แผ่นดินเป็นสีดำท้องฟ้ามืดมิด หอทงเทียนเหมือนปราสาทที่ไม่มีการปกป้อง  นักสู้แดนสวรรค์ตะลึงและรอจนจักรพรรดิอวี้พ่ายแพ้ แต่ก่อนนั้นไม่มีใครกล้าย่างเท้าเข้าไปในวังเทียนหลัว ไม่มีใครกล้าเข้ามาในมิติลวงนี้

 

บัณฑิตวัยกลางคนคิดมานานหลายพันปี มองหามาหลายพันปี ในที่สุดก็พบคนที่ทำให้ความฝันเขาสำเร็จได้ ชุนหวี

 

นี่เป็นครั้งแรกที่เขากล้าเข้ามาในวังเทียนหลัว

 

แผ่นดินต้องห้าม

 

นี่เป็นสถานที่ต้องห้ามอย่างยิ่งยวด… บางทีแม้ว่านักรบหอทงเทียนเองก็คงลืมเลือนไปแล้ว  แต่ในฐานะเจ้าตำหนักใหญ่ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อหอทงเทียนอย่างยิ่งยวดและเกลียดหอทงเทียนที่สุด บัณฑิตวัยกลางคนไม่มีวันลืมมิติลวงตาแห่งนี้

 

ในหอทงเทียน แดนนรก บันไดสวรรค์และทวีปมังกรทะยานตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง  แดนนรกหลังจากนางพญาผู้พิชิตถูกผนึกก็ตกต่ำดำดิ่งถึงที่สุด ยังไม่มีใครโดดเด่นขึ้นมาได้  แม้ว่าทวีปมังกรทะยานจะมีอัจฉริยะมากมายตั้งแต่หมื่นปีที่ผ่านมา แต่มีเพียงผู้เดียวที่น่ากลัวที่สุดสามารถทำให้แดนสวรรค์กลัวได้ นั่นคือจักรพรรดิอวี้  ถ้าไม่ใช่เพราะต่อเมื่อมีจักรพรรดิอวี้อีกคนหนึ่ง คุณชายสามตระกูลเย่ว์ก้าวหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็วเหนือจินตนาการทั้งปวง ทวีปมังกรทะยานอาจตกต่ำดำดิ่งยิ่งกว่าแดนนรกเสียอีก

 

มีแต่บันไดสวรรค์เท่านั้น แม้ผ่านไปหมื่นปีถึงค่อยเริ่มตกต่ำบ้าง ผู้ปกครองยังคงมีอยู่ถึงทุกวันนี้

 

จักรพรรดิเทียนหลัวประทับอยู่ในวังเทียนหลัวไม่ได้หมายความว่าเขาจะอยู่กับความฝันตลอดทั้งปี

 

ในมุมมองของนักสู้ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์แดนสวรรค์ นี่คือผู้ที่อันตรายที่สุดในหอทงเทียน

 

ตราบใดที่คนผู้นี้ยังอยู่ที่นั่น คิดจะรุกรานหอทงเทียน นั่นเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ

 

บัณฑิตวัยกลางคนใช้เวลาหลายพันปีได้ชุนหวีผู้เชี่ยวชาญในการทำลายความฝันลวงตาเข้าสู่วังเทียนหลัวได้ ตอนนี้เผชิญการตอบโต้จากจักรพรรดิเทียนหลัว เขามั่นใจเต็มร้อยจริงๆ หรือว่าจะทำลายและเอาชนะได้?  จุดนี้บัณฑิตวัยกลางคนไม่กล้ารับประกันแน่นอน!

 

ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับชุนหวี

 

เขา

 

จะเป็นผู้ทำลายความฝันได้

 

ตราบใดที่ชุนหวีสามารถทำลายความฝันได้  ตราบนั้นจะสามารถทำลายหอทงเทียนได้อีกครั้ง!

 

นอกจากจักรพรรดิเทียนหลัวนี้แล้ว บัณฑิตวัยกลางคนไม่กังวลเกี่ยวกับคุณชายสามตระกูลเย่ว์หรือจื้อจุนชาวมนุษย์ที่เป็นดาวรุ่งยอดฝีมือของหอทงเทียน  ที่สำคัญอัจฉริยะยอดฝีมือรุ่นใหม่ที่โดดเด่นขึ้นมาเหล่านี้ยังอายุเยาว์โดดเด่นจนผู้เยาว์อื่นๆ ตามไม่ทัน  แม้ว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์และจื้อจุนชาวมนุษย์จะมีชื่อเสียงเข้ามาถึงหูเขาบ้าง แต่ในความเห็นของบัณฑิตวัยกลางคนมองว่าเป็นอุบัติเหตุ  เขาไม่เชื่อว่าจะมีใครโดดเด่นในรอบหลายพันปี มีแต่จักรพรรดิเทียนหลัวนี้เท่านั้น  มีแต่ฝันของคนผู้นี้ที่ยังเป็นไปได้อยู่!

 

 “ฝ่าบาท เกี่ยวกับคำถามของท่าน”  ชุนหวีตื่นตัวภายในอย่างที่สุด แต่มองผิวเผินเขาหัวเราะอย่างสบายๆ  “คำตอบของเราผู้เฒ่า ถ้านี่เป็นความฝัน อย่างนั้นเราผู้เฒ่าก็จะทำให้เป็นจริง!  ถ้าเรื่องนี้เป็นความฝัน  เราผู้เฒ่าก็จะทำลายความฝันและเปลี่ยนทุกอย่างในฝันของเขาให้กลายเป็นความจริง!”

 

 “เจ้าไม่ใช่ข้า แต่ยังโอ้อวดอย่างไม่ละอายใจว่ากล้าเปลี่ยนความฝันข้าหรือ?”  หัวซิ่วรี่แค่นเสียง

 

 “ในความฝัน ข้าคือเทพเจ้า!”  ชุนหวีเต็มไปด้วยท่าทีหยิ่งยโส เขาชูมือขึ้นสูง ทั้งคนและโลกแตกกระจัดกระจาย  แสงรัศมีเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์สว่างไสวไปทุกอย่าง มีดังขึ้นให้ได้ยิน  “ข้าคือเทพ  เป็นเทพแห่งความฝัน!  ในความฝัน!  ข้าทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง!”

 

ชุนหวีโบกมือทั้งสองข้างในท้องฟ้า

 

เกิดกลุ่มเมฆมืดครึ้มนับไม่ถ้วนทันที

 

สายฟ้า อัสนีบาตสะท้านเลื่อนลั่น

 

ฝนเทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา

 

ชุนหวีคว่ำมือทั้งสองข้างลงพื้น เมื่อฝนตกลงมายังพื้น หยดน้ำพลันเปลี่ยนเป็นเปลวไฟเผาไหม้ทุกอย่าง เมื่อเฒ่าหน้าทารกประคองมือเสมออกเปลวไฟทั้งหมดเปลี่ยนเป็นดอกไม้ทันที!

 

 “ไม่ว่าจะเป็นใครในโลกความฝัน แต่ข้าเป็นพระเจ้า เป็นเจ้านาย ภายใต้เจตจำนงของข้า  ทุกอย่างจะต้องอยู่ภายใต้นามข้า ไม่มีการยกเว้น ไม่มีการปลดเปลื้องใดๆ ได้ ข้าคือเทพแห่งฝัน เจตจำนงของข้าคือทุกสิ่ง  ไม่ว่าใครก็ตามจะเชื่อฟังข้าหรือต่อต้านข้าโดยกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นผู้สร้างตามธรรมชาติหรือประดิษฐ์สิ่งของ ไม่ว่าจะเป็นของเป็นหรือของตาย ไม่ว่าจะเป็นความคิดที่ชอบธรรมหรือผิดเพี้ยนใดๆ ที่เป็นอิสระจากโลก ไม่ว่าจะมีสติหรือไม่รู้สึกตัวก็ตาม ล้วนแต่อยู่ในความฝันของข้า อยู่ภายใต้การจัดการควบคุมของข้า”  เฒ่าหน้าทารกชุนหวีมีใบหน้าเป็นประกายผ่องใสเหมือนเทพเจ้า

 

 “จงบาน….”  เขาชี้ไปที่ดอกไม้ ดอกไม้ทั้งหมดก็บานสะพรั่ง

 

 “จงเหี่ยวเฉา…”

 

พอเขาชี้นิ้วอีกครั้ง  ดอกไม้ที่บานเต็มทั้งหมดก็เหี่ยวเฉาจนไม่เหลืออะไร

 

ชุนหวีมองขึ้นบนท้องฟ้าและดึงดูดดาวตกอุกกาบาตยักษ์ที่ทำลายโลกและสวรรค์  ขณะที่ดาวตกกำลังจะชนวังเทียนหลัว เขาเปลี่ยนมันให้เป็นกลีบดอกไม้ โปรยปรายร่วงหล่นสีสันราวกับโลหิต

 

ในที่สุดชุนหวีกำหมัดและพยักหน้าให้บัณฑิตวัยกลางคนอย่างมั่นใจ  “ไม่ว่าเป็นใครเมื่ออยู่ในความฝันนี้ ข้าเป็นเทพเจ้าของความฝันนี้  ที่นี่ข้าควบคุมมิติเวลา  ข้าสามารถสร้างและทำลายได้ สามารถทำทุกอย่างได้ ไม่ว่าจะเป็นฝันอะไร ข้าสามารถทำลายด้วยฝันของข้า และเปลี่ยนมันให้เป็นความจริง!”

 

บัณฑิตวัยกลางคนขบกรามเล็กน้อย

 

การพยายามอย่างหนักหลายพันปี การเตรียมตัวมาหลายพันปีได้รับผลตอบแทนในที่สุด

 

แม้ว่าเวลาจะยาวนานสักเล็กน้อย แต่มิใช่ว่ายอมรับกันไม่ได้

 

เป็นที่น่ายินดีล่วงหน้าที่หอทงเทียนจะต้องถูกทำลาย  แต่ถ้าสามารถเตรียมการไปทีละขั้นๆ และผลักดันที่นี่ลงสู่ห้วงเหวที่มิอาจย้อนกลับ นั่นจะเป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา

 

บัณฑิตวัยกลางคนมีความคลายใจกับความฝันทุกประเภท

 

ที่สำคัญชุนหวีมีทักษะแฝงเร้นในการทำลายฝันที่ดีที่สุด เขามีความสามารถในการควบคุมความฝันทุกชนิด เขาเตรียมตัวมาหลายพันปี รอจนชุนหวีมีพลังถึงระดับสุดยอดเพื่อเอาชนะความฝันในวันนี้

 

หากไม่มีการเตรียมการมาหลายพันปี  เขาจะไม่คิดแน่นอนว่าชุนหวีจะสามารถปลดปล่อยพลานุภาพใดๆ เพื่อให้เข้ามาถึงวังเทียนหลัวได้  โชคดีที่ความอดทนหลายพันปีนี้ให้ผลตอบแทน

 

สิ่งเดียวที่บัณฑิตวัยกลางคนไม่สามารถเข้าใจได้ก็คือ

 

ทำไม?

 

ก่อนหน้านั้นจักรพรรดิเทียนหลัวถึงเล่าให้ฟังถึงความฝันของเขาอย่างสบายๆ?

 

 “ฝ่าบาท ท่านคิดว่ายังไง?”  บัณฑิตวัยกลางคนยังไม่พอใจ  อันที่จริงเขาจะยังไม่พอใจก่อนที่อีกฝ่ายจะยอมรับความพ่ายแพ้อย่างบริบูรณ์

 

 “ฝันได้ไม่เลวเลย เมื่อเทียบกับฝันที่เพิ่งเล่าให้ฟังนี้”  หัวซิ่วรี่วิจารณ์ชุนหวีผู้ที่อ้างตัวเองว่าเป็นเทพแห่งความฝัน ทั้งคำพูดและการกระทำต่างๆ

 

 “เจ้าว่ายังไงนะ?”  ชุนหวีโกรธ

 

 “คำพูดของเด็กน้อยจอมโวเจ้าบ่นเพ้อเจ้อเปลืองน้ำลาย ข้าจะพักแล้ว ดังนั้นเจ้ายังจะออกไปไม่ได้”  หัวซิ่วรี่ตรัสเย็นชา  “ข้าคิดว่าพูดชัดเจนพอแล้ว”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด