Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ 543

Now you are reading Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ Chapter 543 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 543 การมีอยู่เหนือกว่าราชัน

“แน่นอนว่า ประโยคนี้ของชู่เทียนหมังไม่ได้เป็นเหตุผลที่แท้จริงให้เจ้าเกิดมา ความจริงท่านหญิงเป็นที่รักของท่านอาวุโสทั้งเจ็ด เป็นเหมือนลูกสาวของพวกเขา เหล่าท่านอาวุโสไม่อยากให้กฎระเบียบโบราณนี้ไปทำลายคนที่จะทุ่มเททั้งชีวิตให้ตำหนักวิญญาณ ส่วนท่านพ่อของเจ้า เป็นแค่เหตุผลที่พอจะฟังขึ้นให้ท่านอาวุโสเท่านั้น…ความจริง ตำหนักวิญญาณของพวกเราเป็นธรรมและเคารพความเป็นมนุษย์อย่างมาก !” นักวิญญาณเฒ่าเต๋อพูดพร้อมรอยยิ้ม

“เช่นนี้เอง หลังจากนั้น หลังจากนั้นทำไมท่านพ่อของข้าถึงต้องคำสั่งต้องห้ามได้” ชู่มู่ถามขึ้นอย่างใจร้อน

“เรื่องนี้…เรื่องนี้ข้ารู้ไม่เยอะเท่าไร” นักวิญญาณเฒ่าเต๋อบอก

เห็นได้ชัดว่า เรื่องที่เกี่ยวกับชู่เทียนหมังต้องคำสั่งต้องห้ามเป็นข่าวที่ปิดตาย ไม่ว่าชู่มู่จะถามจากใครก็ไม่ได้ข้อมูลที่แน่ชัด

“ชู่เฉิงเอ้ย ตำหนักวิญญาณของพวกเราอาจไม่ประกาศตัวตนนายท่านที่สิบของเจ้า เจ้าต้องทำใจเอาไว้ แต่เจ้าต้องเชื่อว่า ไม่มีท่านอาวุโสคนใดจะทำลายเจ้า มิหนำซ้ำยังจะคอยปกป้องเจ้าต่างหาก ต่อให้เจ้าทำเรื่องวุ่นวายในวังมารนิรยมากเพียงใด เหล่าท่านอาวุโสก็จะลุกขึ้น ไม่มีใครกล้าทำอะไรเจ้า แต่เจ้าต้องจำไว้ มีอำนาจหนึ่งที่ห้ามแตะต้องเด็ดขาด…” น้ำเสียงของนักวิญญาณเฒ่าเต๋อจริงจังขึ้นทันที

“ท่านหมายถึงองค์กรวิญญาณเหรอ” ชู่มู่ถามขึ้น

“อืม อำนาจขององค์กรวิญญาณไม่แข็งแกร่งเท่าไร แต่พวกเขามีคนที่มีความสามารถแข็งแกร่งจนทำให้ท่านอาวุโสของพวกเราจำต้องเคารพอย่างยิ่ง ดังนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามแตะต้ององค์กรวิญญาณ…” น้ำเสียงของนักวิญญาณเฒ่าเต๋อจริงจังขึ้นมาก

ชู่มู่มองไปยังนักวิญญาณเฒ่าเต๋อ ไม่รู้ทำไม เขารู้สึกว่า วันนี้นักวิญญาณเฒ่าเต๋อพูดเยอะกว่าปกติ เหมือนกำลังจะบอกบางอย่างให้กับตัวเองโดยเฉพาะ นี่ทำให้ชู่มู่รู้สึกแปลกใจอย่างมาก

“ข้ารู้แล้ว ข้าจะระวังตัว” ชู่มู่พยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรอีก

องค์กรวิญญาณ แข็งแกร่งมากเพียงใดกันแน่ ทำไมอำนาจนี้ครอบครองทั้งเขตโลก เมืองโลก ทำให้ตำหนักวิญญาณและวังมารนิรยเกรงกลัวอย่างมาก อยู่ในระดับที่ครองทั้งโลกแล้วจริงเหรอ

“ถ้าอย่างนั้นเจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ เตรียมตัวสำหรับด่านที่เก้าได้แล้ว” นักวิญญาณเฒ่าเต๋อบอก

ชู่มู่พยักหน้า หลังจากโค้งคำนับแล้ว ได้กลับไปยังที่พักของตัวเอง

นักวิญญาณเฒ่าเต๋อมองชู่มู่จากไป ด้วยสีหน้าซับซ้อน

รอจนถึงตอนที่ชู่มู่ไกลออกไป นักวิญญาณเฒ่าเต๋อถึงพูดขึ้นอย่างช้า ๆ ว่า “ท่านอาวุโส บอกเขาเยอะขนาดนี้ จะกดดันเขามากไปหรือเปล่า อย่างไรก็ตาม ความสามารถของเขาในตอนนี้…เรื่องพวกนี้ รอให้เขาอายุสามสิบแล้วค่อยบอกก็ไม่ช้าไป”

ชายที่สวมชุดสีขาวเดินออกจากด้านข้างอย่างช้า ๆ เขาส่ายหัว แล้วพูดขึ้นว่า “ข้ากลัวว่า เขาจะเหมือนพ่อของเขาในตอนที่ยังไม่ถึงสามสิบ ไม่รู้จักหักห้ามใจตัวเอง”

“คึคึ ข้ารู้สึกว่า แม้ชู่มู่จะหาเรื่องคนอื่นกับสร้างความเดือดร้อน แต่เขารู้ว่า อะไรทำได้อะไรทำไม่ได้มากกว่าตอนที่ชู่เทียนหมังยังเด็กอีก” นักวิญญาณเฒ่าเต๋อพูดพร้อมรอยยิ้ม

“หวังว่าจะเป็นแบบนั้นเถอะ…ตอนนี้ข้ากังวลอีกเรื่องหนึ่งมากที่สุด” ท่านอาวุโสพูดอย่างเชื่องช้า

“เรื่องอะไร” นักวิญญาณเฒ่าเต๋อถามอย่างไม่เข้าใจ

“เรื่องนี้ค่อนข้างรับมือยาก หลังจากนี้ค่อยบอกกับเจ้า” ท่านอาวุโสบอก

หลังจากชู่มู่กลับไปยังสวนของตัวเอง นั่งบนศาลาหินกลางสวนลำพัง นั่งคิดคำพูดที่นักวิญญาณเฒ่าเต๋อเน้นย้ำ

“หรือว่า นอกจากเซี่ยกว่างหานแล้ว มีคนขององค์กรวิญญาณรู้ถึงการมีอยู่ของมั่วเย้แล้ว” ชู่มู่พึมพำ

วันนี้นักวิญญาณเฒ่าเต๋อจงใจบอกตำแหน่งของหลิ่วปิงฟงออกมา เห็นได้ชัดว่า เป็นการบอกกับตัวเองว่า ไม่ว่าตัวเขาจะอยู่ที่ใดก็ทำตัวขวางได้ มีเพียงองค์กรวิญญาณที่ห้ามยุ่งเด็ดขาด !

ถ้าบอกว่า นักวิญญาณเฒ่าเต๋อแค่บอกเรื่องนี้ตามเรื่องของชู่เทียนหมังละก็ ชู่มู่จะวางใจได้ แต่ถ้าบอกว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับมั่วเย้และมังกรจำศีลอัมพรมรกต ชู่มู่จะมีปัญหาแล้ว เพราะชู่มู่เคยได้ยินมาว่า ในเมืองเทียนเซี่ย เทียนทิงหนึ่งในสี่ที่นั่งเป็นผู้แข็งแกร่งยิ่งขององค์กรวิญญาณ !

“ผู้เฒ่าหลี พวกคนที่นักวิญญาณเฒ่าเต๋อหมายถึง ความสามารถแข็งแกร่งมากเพียงใด” ชู่มู่ถามอย่างจริงจัง

“เจ้าอยากรู้ระยะห่าง หรืออยากรู้ระดับดวงวิญญาณของพวกเขา” ชู่มู่ถาม

“ระยะห่าง บอกด้วยว่า พวกเขาอาจมีดวงวิญญาณระดับอะไรบ้าง” ชู่มู่ถามอีก

“จากตำแหน่งของเจ้าตอนนี้ละกัน ตอนนี้เจ้าเป็นผู้มีระดับเจ็ดของตำหนักวิญญาณ แน่นอนว่า ความสามารถของเจ้าพอที่จะอยู่ในระดับแปดแล้ว ที่อยู่เหนือกว่าเจ้าคือระดับเก้า เช่น หลีเหิง เซี่ยกว่างหาน ฉิงเย้ พวกเขาล้วนมีดวงวิญญาณหลักระดับจักรพรรดิชั้นยอดลักษณะสิบ”

“ผู้มีระดับเก้าน่าจะเทียบเท่าเจ้าเมือง โดยปกติแล้ว เจ้าเมืองของเขตโลกจะมีความสามารถระดับนี้ เหนือกว่านั้นคือผู้ที่มีระดับสิบอย่างเจ้าตำหนักหยู่ ขณะเดียวกัน ระดับเจ้าตำหนักวิญญาณหลักจะเทียบเท่าเจ้าโลก”

“เจ้าตำหนักกับเจ้าโลกอยู่ในระดับสิบ ส่วนใหญ่จะมีดวงวิญญาณระดับราชันอย่างน้อยหนึ่งตัว ดวงวิญญาณอื่นส่วนใหญ่จะอยู่ที่ระดับจักรพรรดิชั้นยอด แน่นอนว่า อยู่ในลักษณะสิบแล้ว”

“ส่วนในระดับสิบนี้มีช่องว่างอย่างมาก โดยปกติจะมีเทียบเท่าราชัน หรือถ้าแข็งแกร่งหน่อยจะมีราชันขั้นกลาง”

“สูงกว่านี้คือระดับผู้อาวุโส จะต้องมีระดับราชันขั้นสูงถึงราชันชั้นยอดหนึ่งตัวเป็นอย่างน้อย !”

“เหนือกว่าระดับผู้อาวุโส คือระดับท่านอาวุโส ซึ่งในระดับนี้จำต้องมีดวงวิญญาณระดับราชัน ! ความจริงแล้ว พวกเขามีดวงวิญญาณเกินกว่าระดับราชันหรือไม่ ข้าเองก็ไม่รู้จริง”

“ส่วนองค์กรวิญญาณเหล่านั้นแข็งแกร่งกว่าบุคคลระดับท่านอาวุโสอีก…เกรงว่าดวงวิญญาณที่ต่ำสุดยังอยู่ราชันชั้นยอด เหล่าท่านอาวุโสเกรงกลัวองค์กรวิญญาณ ก็เป็นเพราะในองค์กรวิญญาณมีคนได้ควบคุมดวงวิญญาณเกินกว่าระดับราชันแล้ว อีกทั้งไม่ได้มีแค่คนเดียว” ผู้เฒ่าหลีบอก

“เกินกว่าราชัน…หลังจากราชัน คืออะไร” ชู่มู่ถามอย่างไร้สติ

ผู้เฒ่าหลีไม่ได้ตอบคำถามนี้ของชู่มู่ แต่พูดต่อว่า

“อย่าเห็นว่าผู้แข็งแกร่งเหล่านี้อยู่ในระดับราชัน ความจริงระดับราชันกว้างมาก เจ้าน่าจะรู้ว่า ระหว่างระดับจักรพรรดิขั้นกลางกับขั้นสูงห่างกันสองขั้นแล้วใช่ไหม” ผู้เฒ่าหลีพูดอย่างจริงจัง

“อืม หรือว่าระดับราชันนี้ห่างกันมากกว่านั้น” ชู่มู่ถามต่อ

“แน่นอนอยู่แล้ว จักรพรรดิชั้นยอดกับจักรพรรดิขั้นสูงห่างกันสองขั้น ส่วนเทียบเท่าราชันห่างกับจักรพรรดิชั้นยอดถึงสามขั้น เท่ากับว่า เทียบเท่าราชันต้องใช้แรงทั้งหมด ถึงจะฆ่าจักรพรรดิชั้นยอดในเสี้ยววินาทีได้ !”

“ส่วนระหว่างเทียบเท่าราชันกับราชันขั้นต่ำมีระยะห่างอย่างมาก ความสามารถห่างกันสามขั้นเช่นกัน เท่ากับว่า ราชันขั้นต่ำสามารถฆ่าเทียบเท่าราชันในเสี้ยววินาทีได้ ! ราชันขั้นกลางกับราชันขั้นต่ำจะมีความสามารถห่างกันสามขั้น…”ผู้เฒ่าหลีบอกพร้อมท้าวเอว

ในใจชู่มู่ตื่นเต้นอย่างมากแล้ว เขาไม่คิดว่า หลังจากระดับราชัน จะมีความสามารถที่ห่างกันมากขนาดนี้ เพียงแค่ความสามารถห่างกันหนึ่งขั้น จะถูกฆ่าตายในเสี้ยววินาทีได้ !

“นอกจากนี้ หลังจากระดับราชัน วัตถุวิญญาณที่จะเพิ่มระดับพลังต่อสู้จำกัดอย่างมาก ราคาสูงจนเกินเหตุ ระดับจักรพรรดิขั้นกลางไปถึงจักรพรรดิขั้นสูงต้องใช้ห้าพันล้านใช่ไหม ระดับจักรพรรดิขั้นสูงถึงจักรพรรดิชั้นยอดต้องใช้ ห้าหมื่นล้าน ส่วนจักรพรรดิชั้นยอดไปเทียบเท่าราชัน ต้องใช้อย่างน้อยหนึ่งล้านล้าน ! เท่ากับว่าเป็นยี่สิบเท่าของจักรพรรดิชั้นยอด ! ที่สำคัญที่สุดคือ ต่อให้เจ้ามีหนึ่งล้านล้านก็ไม่สามารถซื้อได้ง่าย ๆ ! เพราะหลังจากถึงระดับราชันแล้ว เจ้าจะพบว่า หลายครั้งการแลกเปลี่ยนไม่ได้ใช่แค่เงินทอง” ผู้เฒ่าหลีบอก

“หนึ่งล้านล้าน !!! ล้อเล่นเหรอ !!!” ชู่มู่อึ้งมาก !!!

ถ้าอย่างนั้น ถ้ามั่วเย้ไม่ระวัง ก็อาจมีค่าตัวหนึ่งล้านล้าน !!! ตัวเลขนี้น่ากลัวเหลือเกิน !!!

“ไม่แปลก นอกจากนี้ ดวงวิญญาณระดับราชันไม่ได้เลี้ยงง่าย โดยปกติดวงวิญญาณระดับราชันตัวหนึ่ง อาจทำลายดวงวิญญาณทั้งหมดของผู้คุมดวงวิญญาณ เจ้าโลกหลายคน รวมถึงเจ้าตำหนัก หรือราชันวิญญาณ หลังจากพวกเขาได้เทียบเท่าราชันตัวหนึ่งแล้ว ตลอดชีวิตจะอยู่เพื่อดวงวิญญาณตัวนี้ ที่สำคัญที่สุดคือ ต่อให้พวกเขาทุ่มเทแรงทั้งหมด ให้เทียบเท่าราชัน ก็ใช่ว่าจะเพิ่มระดับจนอยู่ในราชันขั้นต่ำได้…” ผู้เฒ่าหลีบอก

ผู้เฒ่าหลีไม่รู้ว่า ชู่มู่ในตอนนี้เข้าใกล้ระดับราชันมากแล้ว ! ดังนั้น ชู่มู่เองในตอนนี้ก็อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับระดับราชัน

แต่ว่า ฟังเรื่องเหล่านี้จากผู้เฒ่าหลีแล้ว ชู่มู่มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเท่าไร

ไม่ว่าอย่างไร หากสามารถเข้าสู่ระดับราชันได้ ความสามารถของชู่มู่จะเพิ่มขึ้น อีกทั้งจะเข้าไปในที่ที่ไม่กล้าเข้าไปผ่านมั่วเย้ได้ แบบนี้จะทำให้ได้วัตถุวิญญาณที่ดวงวิญญาณอื่นต้องการได้ง่ายขึ้น

มองข้ามเรื่องหนึ่งล้านล้านน่ากลัวนั้นไปก่อน กลับมาที่ปัญหาในตอนนี้…

หนึ่งหมื่นสี่พันล้าน !!!

ชู่มู่ต้องคิดวิธีแบ่งเงินก้อนนี้แล้ว

ราชันผีหินผา ปีศาจนักรบไม้ นิ้ง เย้ รวมถึงฉิงด้วย ต่างรู้ว่า ชู่มู่ในตอนนี้อยู่ในช่วงเวลาสำคัญอย่างมาก ความสามารถของพวกมันในตอนนี้ยากที่จะก่อประโยชน์ในด่านที่เก้าได้

ดังนั้น ดวงวิญญาณส่วนใหญ่ในนี้บอกให้แบ่งหนึ่งหมื่นสี่พันล้านนี้ให้มั่วเย้ จั้นเย้ กับมารนิรยขาว ให้พวกมันเพิ่มความสามารถขึ้นมาอีก แบบนี้จะมีความมั่นใจในการประลองฟ้าดินมากขึ้น

“ถ้าอย่างนั้นต้องขอโทษพวกเจ้าก่อน รอให้จบการประลองฟ้าดิน ค่อยเพิ่มความสามารถของพวกเจ้า” ชู่มู่บอก

นอกจากนี้ ยังใช้วัตถุวิญญาณเพิ่มความแข็งแกร่งให้จั้นเย้ได้ เพิ่มให้จั้นเย้อยู่ในจักรพรรดิขั้นกลางได้ไม่มีปัญหา ทว่า ชู่มู่รู้สึกว่า การเพิ่มความสามารถนี้ไม่มีความหมายมากเท่าไร อย่างไรก็ตามจั้นเย้แค่ทนหน่อย ก็เพิ่มความสามารถจนอยู่ในจักรพรรดิขั้นสูงได้แล้ว

ส่วนมั่วเย้กำลังจะแปรเปลี่ยนตระกูล ให้มันกินวัตถุวิญญาณไม่มีความหมายเท่าไร อย่างไรก็ตามมั่วเย้ที่จะเพิ่มค่าตัวถึงหนึ่งล้านล้านระดับเทียบเท่าราชันแล้ว วัตถุวิญญาณหนึ่งหมื่นสี่พันล้านเหมือนกินข้าวธรรมดา กินอิ่มก็ไม่มีประโยชน์แล้ว

มารนิรยขาวได้ผ่านการเพิ่มความแข็งแกร่งด้วยวัตถุวิญญาณและกลืนกินกลุ่มเดียวกันแล้ว อย่างน้อยก่อนที่มันจะถึงลักษณะสิบ ชู่มู่ไม่มีทางเพิ่มความแข็งแกร่งด้วยวัตถุวิญญาณแน่นอน แบบนั้นจะทำให้สิ้นเปลืองมากขึ้น

“นายท่าน ซื้อชุดวิญญาณโจมตีรอบด้านขั้นเก้า เพิ่มพลังโจมตีให้ปีศาจขาว ราคาของชุดวิญญาณโจมตีรอบด้านอยู่ที่หนึ่งหมื่นล้าน ซื้อแล้ว ความสามารถลักษณะเก้าขั้นเจ็ดของปีศาจขาวจะเทียบเท่าจักรพรรดิลักษณะสิบแล้ว จักรพรรดิขั้นกลางกับขั้นสูงห่างกันสองขั้น บวกกับเดิมมารนิรยขาวก็สูงกว่าดวงวิญญาณทั่วไปหนึ่งขั้นแล้ว สวนชุดวิญญาณขั้นเก้าแล้ว มารนิรยขาวของเจ้าจะโจมตีจักรพรรดิขั้นกลางลักษณะสิบให้บาดเจ็บสาหัสในครั้งเดียวได้ !”

จักรพรรดิขั้นกลางลักษณะเก้า เป็นความสามารถเฉลี่ยของผู้แข็งแกร่งซ่อนตัว จักรพรรดิขั้นกลางลักษณะสิบเป็นพลังชั้นยอดของขั้นสอง มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของแต่ละอำนาจถึงจะมี…

เรื่องระดับราชันเป็นปัญหาในอนาคต อย่างน้อยมารนิรยขาวจักรพรรดิขั้นสูงเทียบเท่าลักษณะสิบได้ ชู่มู่จะไร้เทียมทานในขั้นสองนี้ !!!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด