Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ 605

Now you are reading Soul Pets สยบวิญญาณ สะท้านโลกันตร์ Chapter 605 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 605 กลับโลกตะวันตก

สิบวันหลังจากเรื่องครึ่งมาร ท่านอาวุโสหลิ่วได้ปรากฏตัวตรงหน้าชู่มู่ในที่สุด

ประโยคแรกที่ท่านอาวุโสหลิ่วถามขึ้นคือ ทำไมชู่มู่ถึงรีบออกจากเมืองเทียนเซี่ย

“ข้าอยากออกไปฝึกตนหน่อย” ชู่มู่ในตอนนี้อยากจะเพิ่มความสามารถของเหล่าดวงวิญญาณอย่างมาก อย่างไรเสีย ช่องว่างจักรพรรดิชั้นยอดสำหรับผู้คุมดวงวิญญาณส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นปัญหาของชู่มู่แล้ว

ท่านอาวุโสหลิ่วได้ยินว่า ชู่มู่เป็นพวกคลั่งการฝึกตั้งนานแล้ว ตอนนี้ได้พูดกับชู่มู่อย่างจริงจัง “หลังจากเทียนทิงตาย ข้าได้แอบจัดการคนขององค์กรวิญญาณ แต่ข้าคิดว่า อีกไม่นาน องค์กรวิญญาณจะส่งคนคนหนึ่งมาแทนที่ตำแหน่งของเทียนทิง เขาจะรับหน้าที่ชิงจิ้งจอกแห่งโทษทั้งเจ็ดของเจ้าเช่นกัน”

ชู่มู่พยักหน้า พูดด้วยเสียงเบาว่า “ข้ารู้ ดังนั้น ข้าจึงอยากจากที่นี่ จะไม่ปรากฏตัวในเมืองใหญ่พักหนึ่ง”

ท่านอาวุโสหลิ่วส่ายหัว พูดขึ้นว่า​ “ตัวตนของเจ้าน่าจะยังไม่เปิดเผย เจ้ายังใช้ตัวตนของชู่เฉิงได้อยู่ ไม่กี่วันก่อนข้าได้ข่าว เจ้าองค์กรได้เข้าไปยังเมืองต้องห้ามลำพัง ไม่อยู่ในโลกมนุษย์ของพวกเรา…”

“เข้าไปในเมืองต้องห้ามงั้นหรือ” ชู่มู่ตกใจทันที !!!

ในตอนที่ชู่มู่เดินไปยังเมืองตะวันตก ตำแหน่งทางด้านตะวันตกเฉียงใต้เป็นเมืองต้องห้ามที่ติดกัน และชู่มู่แค่ข้ามผ่านเขตเมืองนั้นเล็กน้อยเท่านั้น แต่สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าชู่มู่กลับเป็นโลกอลวนของเจ้าโลกที่มีระดับราชันคนหนึ่ง !

ถ้ามองว่า เมืองต้องห้ามเป็นมหาสมุทรละก็ ถ้าอย่างนั้นโลกอลวนของราชันภูตวิญญาณจักรวาลฟ้าที่ชู่มู่ได้เข้าไปนั้นเป็นแค่ชายหาดเล็กๆ เท่านั้น ทะลุผ่านเมืองต้องห้ามแบบนั้นจะเป็นเรื่องที่น่าสะเทือนใจมากเพียงใด !

“อืม…บนโลกนี้คนที่ทะลุผ่านเมืองต้องห้ามได้ มีเพียงเจ้าองค์กรคนเดียว” ท่านอาวุโสหลิ่วบอก

“เขา…ทำไมเขาต้องทะลุผ่านเมืองต้องห้าม อีกฝั่งของเมืองต้องห้ามมีดวงวิญญาณพิเศษอะไรเหรอ” ชู่มู่ถามขึ้นทันที

ท่านอาวุโสหลิ่วส่ายหัวพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้ข้าก็ไม่เข้าใจ ข้าเองก็ไม่เคยไปยังอีกฝั่งของเมืองต้องห้ามมาก่อน แม้เจ้าองค์กรจะมีความสามารถทะลุผ่านเมืองต้องห้ามได้ แต่ต้องใช้เวลาไม่น้อย จะไม่กลับมาในปีที่จะถึงนี้แน่นอน”

พอท่านอาวุโสหลิ่วพูดแบบนี้ ชู่มู่กลับสบายใจไม่น้อย อีกทั้งแอบภาวนาในใจ หวังว่าเจ้าองค์กรคนนี้ได้เจอสิ่งมีชีวิตนิรนามที่เกินกว่าระดับราชัน แล้วถูกฆ่าตายในเสี้ยววินาที

ในเมื่อปีต่อจากนี้เจ้าองค์กรจะไม่ปรากฏตัว ถ้าอย่างนั้นชู่มู่จะเพิ่มความสามารถได้อย่างสบายใจแล้ว ไม่แน่ หลังจากที่เจ้าองค์กรกลับมา เขาจะส่งบุคคลที่คล้ายกับเทียนทิงมาอีก เกรงว่าคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตัวเองแล้ว

“ทุกครั้งที่เจ้าองค์กรกลับจากการผ่านเมืองต้องห้าม ความสามารถจะเพิ่มขึ้น เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในมนุษยชาติ ไม่รู้กี่ปีแล้วที่ไม่มีใครกล้าเป็นศัตรูกับเขา ชู่มู่ เจ้าได้รับพรสวรรค์ผู้คุมดวงวิญญาณของชู่เทียนหมังกับหลิ่วปิงฟง นับว่ามีพื้นฐานที่ดีมาก เจ้าเองก็พยายามอย่างมากในเส้นทางเติบโตนี้ แต่ว่าถ้าเป็นศัตรูกับคนนี้ละก็ อาจเป็นเหมือนพ่อของเจ้า ทำลายชีวิตที่กำลังจะรุ่งเรือง…” น้ำเสียงของท่านอาวุโสหลิ่วทุ้มต่ำลง เขามองไปยังชู่มู่ แล้วพูดต่อ

ท่านอาวุโสหลิ่วไม่หวังว่าชู่มู่จะทำให้เจ้าองค์กรโกรธเพราะดวงวิญญาณตัวเดียว อย่างไรก็ตาม ชู่มู่เป็นผู้คุมดวงวิญญาณที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งจริงๆ และหวังว่าจะได้เข้าไปในผู้แข็งแกร่งชั้นยอดไม่กี่คนของมนุษยชาติ

“ท่านตา วางใจได้ ข้าจะระวังตัวมากขึ้น” ชู่มู่พูดอย่างจริงจัง

ชู่มู่เองก็เข้าใจความหมายของท่านอาวุโสหลิ่ว แต่ว่าให้เขาปล่อยมั่วเย้ไป แล้วเพิ่มความสามารถอย่างไม่สนใจอะไร นี่กลับทำให้ตัวเองเหมือนศพที่เดินได้มากกว่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความรุ่งเรืองในเส้นทางหลังจากนี้

ดังนั้น ต่อให้ตัวเองจะเป็นศัตรูของคนที่แข็งแกร่งที่สุดในมนุษยชาติ ชู่มู่ก็จะไม่หวั่นไหว

“เฮ้อ ท่าทางเจ้ายังไม่รู้ว่า คนนี้เแข็งแกร่งมากเพียงใด แข็งแกร่งจนตำหนักวิญญาณของพวกเราที่มีอยู่ทั่วโลกยังต้องนอบน้อม….ช่างเถอะ ปีต่อจากนี้เจ้าไม่น่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเจ้าองค์กรยังไม่พบร่องรอยอะไร บางทีความลับนี้อาจหายไป ในเมื่อเจ้าจะเดินในเส้นทางของตัวเอง ก็ไปเถอะ” ท่านอาวุโสหลิ่วพูดโน้มน้าวชู่มู่ไม่ได้แล้ว

ท่านอาวุโสหลิ่วเองก็ไม่พูดอะไรอีก ตบไหล่ของชู่มู่ แล้วหันหลังจากไป

หลังจากชู่มู่มองเขาจากไป ตัวเองก็กลับไปที่ห้องของเขา

ชู่มู่มักจัดการเรื่องต่างๆ อย่างรวดเร็ว ในเมื่อตัวเองจะเริ่มการเดินทางใหม่ ถ้าอย่างนั้น เช้าวันที่สอง ชู่มู่จะออกเดินทางทันที

ก่อนที่จะไป ชู่มู่เองได้ส่งราชันปีศาจวายุร้ายตัวอ่อนนี้ให้นักวิญญาณเฒ่าเต๋อ ให้เขาหาผู้ซื้อที่ดีให้ตัวเอง เพื่อแลกกับวัตถุวิญญาณหมวดลมที่เพิ่มความแข็งแกร่งภูตพันวายุได้

ตอนที่นักวิญญาณเฒ่าเต๋อรับดวงวิญญาณราชันตัวอ่อนนี้ ก็บ่นตลอด ชู่มู่ให้ตัวเองทำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ตลอด ไม่เหมือนผู้อาวุโสแม้แต่น้อย ตัวเขาเป็นเหมือนคนรับใช้ของชู่มู่ชัดๆ

นักวิญญาณเฒ่าเต๋อบ่นก็จริง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ อีกทั้งบอกว่า การเพิ่มความแข็งแกร่งภูตพันวายุให้อยู่ในระดับราชันเป็นทางเลือกที่ฉลาดกว่าเลือกราชันปีศาจวายุร้ายจริง ๆ

คืนก่อนที่ชู่มู่จะจากไป ได้บอกลาองค์หญิงจิ่งโหลวอย่างเงียบๆ องค์หญิงจิ่งโหลวไม่รู้ยุ่งกับเรื่องอะไรอยู่ หรือจะบอกว่า หลังจากกลับจากด่านที่สิบ องค์หญิงจิ่งโหลวไม่เคยปรากฏตัวอีก

ชู่มู่ไม่เคยเข้าใจผู้หญิงคนนี้ อย่างไรก็ตาม เขาได้ทักทายแล้ว ชู่มู่ไม่ได้คิดมาก ออกจากเมืองเทียนเซี่ยทันที

วินาทีที่ก้าวออกจากเมืองเทียนเซี่ย ชู่มู่มองไปยังขอบฟ้าที่ติดกับพื้นดิน กลับรู้สึกสบายใจอย่างมาก จึงวิ่งด้วยความเร็ว มุ่งหน้าไปยังที่ราบด้านตะวันตกของเมืองเทียนเซี่ย….

บนพื้นราบสีเขียว สายน้ำสีฟ้าเส้นหนึ่ง ไหลไปตามทางที่คดโค้งอย่างงดงาม…

แม่น้ำทั้งลึกและกว้าง สามารถมองเห็นเรือไม่น้อยที่ไหลไปตามแม่น้ำอย่างเชื่องช้า

เรือส่วนใหญ่เป็นเรือพาณิชย์ ทำการค้าระหว่างโลกตะวันตกกับโลกจั้นหลีมาตลอด

ดินของโลกตะวันตกมีทรัพยากรที่โลกจั้นหลีไม่มี ดินส่วนใหญ่นี้เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ใช้ในการสร้างสิ่งก่อสร้างระดับตำหนักต่างๆ ตอนที่เมืองที่อยู่ใกล้กับแม่น้ำเขตโลกทั้งสองนี้ต้องการสร้างตำหนัก จำต้องใช้กลุ่มพาณิชย์จากโลกตะวันตกนี้ตลอดเวลา

แน่นอนว่า เพราะแม่น้ำเส้นนี้ได้ข้ามผ่านเขตโลกทั้งสอง กลายเป็นแหล่งน้ำของเมืองใหญ่สิบกว่าเมือง และเป็นสาเหตุที่ทำให้สายน้ำยาวนี้กลายเป็นทางจราจรสำคัญ มีคนไม่น้อยที่ต้องการผ่านเขตโลกและต้องการหลีกเลี่ยงอันตรายระหว่างทาง จะเลือกเรือโดยสารที่นี่แทน

อีกทั้งทิวทัศน์ระหว่างทางแม่น้ำนี้งดงามอย่างมาก เป็นหนึ่งในสถานท่องเที่ยวโปรดของวัยหนุ่มสาวมากมาย

เรือโดยสารมีหลายระดับมาก เรือโดยสารปกติจะใช้ดวงวิญญาณหมวดน้ำระดับที่ต่ำมากควบคุมคลื่นน้ำ ดันเรือทวนกระแสน้ำอย่างช้า ๆ

ระดับที่สูงขึ้นหน่อย จะใช้ทักษะของดวงวิญญาณหมวดน้ำที่แข็งแกร่งกว่าเป็นแรงเคลื่อนไหวเรือ

ระดับสูงที่สุดคือเรือโดยสารที่วิ่งไปตามสายน้ำราวกับนักเลงที่วิ่งด้วยความเร็วสูงอย่างไม่แยแสสิ่งใด โดยปกติจะมีดวงวิญญาณหมวดน้ำฝูงใหญ่ควบคุมคลื่นน้ำ ความเร็วไม่ช้ากว่าเหล่าดวงวิญญาณที่วิ่งบนพื้น

“อ้อ ที่แท้เรือโดยสารเป็นการค้าของตระกูลชู่ น่าสนใจ” บนเรือที่แล่นด้วยความเร็วสูง ชายหนุ่มที่สวมชุดขาวลูบคางของตัวเอง

ตัวเรือไม่เร็วมาก น้ำกระเซ็นขึ้นไม่หยุด ปลิวผ่านข้างตัววัยหนุ่มชุดขาว จนรู้สึกเย็นสบาย

“แหะแหะ เพิ่งรับมือมาก่อนหน้านี้ไม่นาน เพื่อให้ได้สิ่งนี้มา ตระกูลชู่ได้ใช้ผู้แข็งแกร่งหลายคน ถึงบีบบังคับตระกูลหลู่ที่ทำด้านนี้มาก่อนได้” พนักงานขับเรือคนนั้นพูดแนะนำด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

พนักงานคนนี้ย่อมเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เพราะวัยหนุ่มตรงหน้าคนนี้ได้เหมาเรือระดับสูงสุดคนเดียว

เรือระดับนี้บรรจุคนได้หนึ่งร้อยคน อีกทั้งราคาไม่ธรรมดา พนักงานคนนี้ยังไม่เคยเห็นใครที่กล้าใช้เงินแบบนี้มาก่อน

วัยหนุ่มยืนอยู่ตรงบริเวณที่กั้นไม้ มองไปยังน้ำที่กระเซ็นขึ้น พูดพึมพำ “ในเมื่อเป็นทางผ่าน กลับไปดูที่ตระกูลเถอะ ไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านปู่เป็นอย่างไรบ้าง แล้วก็พวกท่านอาด้วย…”

วัยหนุ่มที่เหมาเรือระดับชั้นยอดแบบนี้ย่อมเป็นชู่มู่

หลังจากออกจากเมืองเทียนเซี่ย ชู่มู่มุ่งหน้าไปทางตะวันตกตลอด ถึงเวลาที่ควรจะกลับไปยังเมืองจั้นหลีตามทางแล้ว

แน่นอนว่า เส้นทางที่ชู่มู่เลือกเดินมีความแตกต่างกัน เช่นแม่น้ำตะวันตกนี้ ก่อนหน้านี้ชู่มู่ไม่เคยผ่านมาก่อน

เห็นสายน้ำไหล ชู่มู่เองก็ต้องการพักผ่อนหลังจากเดินทางตลอดหลายคืน ดังนั้น จึงจ้างเรือโดยสารที่เร็วที่สุดขับทวนน้ำ ไปยังต้นน้ำของแม่น้ำนี้ น่าจะเข้าใกล้ฐานการค้าหลักของตระกูลชู่ในเมืองตะวันตกแล้ว

ที่ทำให้ชู่มู่ประหลาดใจอย่างมากคือ หลายปีที่ผ่านมานี้ความสามารถของตระกูลชู่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำการค้าข้ามเขตโลกนี้ได้ แม้จะเป็นแค่การค้ารอง แต่แหล่งน้ำที่เป็นแม่น้ำเชื่อมไปยังเมืองสิบกว่าเมืองนี้ เรือโดยสารเป็นการค้าที่ได้กำไรมหาศาลแน่นอน…

ชู่มู่จำได้ว่า ตระกูลชู่ที่อยู่ในเมืองหวั่งหลัวในตอนนั้น มีการค้าอยู่แค่เมืองระดับขั้นแปดขั้นเก้าเท่านั้น แทบไม่มีสิทธิ์ยื่นมือเข้าไปในเมืองขั้นสิบได้ ส่วนตอนนี้ได้ก้าวข้ามผ่านแล้ว คาดว่าอีกไม่กี่ปี ตระกูลชู่จะเจริญอย่างมาก

“นายท่าน เป็นถึงราชันวิญญาณ อำนาจของเขตโลกยังคงสำคัญมาก ถ้ามีเขตโลกหนึ่ง ทรัพยากรวิญญาณของเขตโลกนี้จะเป็นของนายท่านทั้งหมด ส่วนปริมาณวิญญาณของเขตโลกระดับต่ำที่สุดเพียงพอที่จะเลี้ยงเทียบเท่าราชันวิญญาณตัวหนึ่งได้แน่นอน นายท่านลองคิดจะชิงทรัพยากรของโลกตะวันตกไปได้ ตามการคาดคะเนของข้า ปริมาณวิญญาณในแต่ละเดือนของโลกตะวันตกนี้น่าจะมีประมาณหนึ่งร้อยวิญญาณ อีกทั้งทรัพยากรวิญญาณหลายแห่งยังไม่ถูกค้นพบ ถ้าถูกค้นพบ จะเป็นจำนวนเงินมหาศาลอีก” ผู้เฒ่าหลีบอก

“แค่หนึ่งร้อยวิญญาณเหรอ ถ้าคำนวณเป็นเงิน เขตโลกหนึ่งได้แค่หนึ่งหมื่นล้านใช่ไหม” ชู่มู่ถามขึ้น

“นายท่าน จะให้คนแก่อย่างข้าพูดกี่รอบ ไม่มีคนโง่คนไหนใช้หนึ่งวิญญาณไปแลกเป็นเงินหนึ่งหมื่นล้าน !วิญญาณกับเงินทองเทียบกันไม่ได้ ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในระดับเดียวกัน! และตอนนี้ทรัพยากรวิญญาณขาดแคลนอย่างมาก ที่ต่างๆ เต็มไปด้วยภัยมากมาย ระดับราชันสำคัญอย่างมาก คาดว่าในไม่กี่ปีนี้ ถ้าใช้หนึ่งพันล้านแลกกับหนึ่งวิญญาณ ราชันวิญญาณบางคนยอมแลกแน่นอน !

“เดิมราคาของวิญญาณเปลี่ยนแปลงง่ายมากอยู่แล้ว เรื่องนี้เกี่ยวกับภัยแล้ง หนึ่งวิญญาณแลกกับหนึ่งร้อยล้าน นี่คงเป็นราคาต่ำสุด…” ผู้เฒ่าหลีบอก

“ได้ แม้ตอนนี้ข้ายังมีหนึ่งพันวิญญาณอยู่ แต่แหล่งทรัพย์มั่นคงยังต้องมี มิฉะนั้น หลังจากนี้ ถ้ามีราชันเพิ่มขึ้น จะมีภาระมากขึ้น ข้าจะลองให้ตระกูลแก้ปัญหาวิญญาณนี้ให้ข้า” ชู่มู่บอก

ชู่มู่ในตอนนี้มีความสามารถจะสู้กับเจ้าโลกบางที่ได้บ้าง การช่วยเหลือตระกูลหนึ่งไม่ใช่ปัญหามากเท่าไร

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด