Super God Gene 3072 โพรงจิ้งหรีด

Now you are reading Super God Gene Chapter 3072 โพรงจิ้งหรีด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มีจิ้งหรีดสีดำที่มีหัวสีแดงออกมาจากช่องว่างในพื้นหิน มันเริ่มต่อสู้กับตุ๊กแกสีเขียวเข้ม จิ้งหรีดนั้นมีขนาดพอๆกับกำปั้นเท่านั้น ขนาดของมันเล็กกว่าเจ้าตุ๊กแกมาก แต่มันเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว มันไม่ได้เสียเปรียบตุ๊กแกแต่อย่างใด เงาสีดำและเงาสีเขียวเข้าปะทะกันไปมาอยู่ที่ริมของสระน้ำ มันเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด

 

หานเซิ่นมองดูการต่อสู้ของพวกมันด้วยความสนใจ ระดับของยีนเรซทั้งสองไม่ได้สูงอะไรมากนัก อย่างมากที่สุดพวกมันก็เป็นแค่ระดับไวเคานต์เท่านั้น แต่ด้วยการที่ทั้งสองฝ่ายสูสีกัน มันจึงให้ความรู้สึกที่ดุเดือด

 

“ถึงแม้พวกมันจะระดับไม่สูงมากนัก แต่ยีนเรซก็คือยีนเรซ เราจะรอคอยจนกระทั่งพวกมันต่อสู้กันเสร็จแล้ว หลังจากนั้นเราจะเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นไข่ เราคงจะได้เงินพอสมควรจากการนำพวกมันกลับไปขาย อย่างน้อยๆมันก็ควรจะแก้ไขปัญหาเรื่องที่พักของเราได้”

 

หานเซิ่นมองดูการต่อสู้อย่างเพลิดเพลิน ทันใดนั้นรอยตะปุ่มตะป่ำบนหลังของเจ้าตุ๊กแกก็ระเบิด และทำให้ของเหลวสีเขียวกระจายเหมือนกับดอกไม้ที่บานออก

 

เปลือกของจิ้งหรีดที่สัมผัสกับของเหลวสีเขียวนั้นมีควันสีขาวลอยขึ้นมา เหมือนกับว่ามันถูกกัดกร่อนด้วยกรด

 

จิ้งหรีดส่งเสียงหึ่งๆและหันหลังเพื่อหนีไป เจ้าตุ๊กแตไล่ตามไปเมื่อเห็นว่าการโจมตีของมันได้ผล เจ้าจิ้งหรีดพยายามหนีกลับเข้าไปในช่องว่างระหว่างพื้นหินที่มันออกมา

 

แต่ของเหลวสีเขียวของตุ๊กแกนั้นมีพิษร้ายแรงเกินไป ก่อนที่จิ้งหรีดจะกลับเข้าไปในช่องว่างระหว่างพื้นหินได้ เปลือกของมันก็ถูกกัดกร่อนจนเผยให้เห็นเนื้อที่เละเทะอยู่ภายใน ดูเหมือนว่ามันคงจะไม่รอด

 

จิ้งหรีดใช้แรงเฮือกสุดท้ายถีบตัวเองเพื่อกระโดดหลบลิ้นของตุ๊กแก และเข้าไปในช่องว่างระหว่างพื้นหิน

 

“หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนั้น มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ถึงมันจะหนีกลับเข้าไปในถ้ำได้ มันก็จะตายจากการถูกกัดกร่อนอยู่ดี”

หานเซิ่นรู้ว่าตอนนี้คือเวลาที่เขาต้องลงมือ แต่ทันใดนั้นตาดำของเขาก็หดเล็กลงไป

 

ในตอนที่เจ้าตุ๊กแกไปถึงตรงหน้าช่องว่างในพื้นหิน จู่ๆก็มีแสงเย็นพุ่งออกมาจากช่องว่าง ก่อนที่ตุ๊กแกสีเขียวจะตอบสนองอะไรได้ มันก็ถูกเปลี่ยนกลายเป็นก้อนหิน

 

“นี่จิ้งหรีดตัวนั้นมีความสามารถในการทำให้ศัตรูกลายเป็นหินอย่างนั้นหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้นทำไมมันถึงไม่ใช้ให้เร็วกว่านี้?” หานเซิ่นรู้สึกสับสนมากๆ

 

แต่หานเซิ่นไม่มีเวลาคิดมากนัก เขากังวลว่าด้วยอาการบาดเจ็บของจิ้งหรีด มันจะเสียชีวิตในไม่ช้า ถ้ามันตายไปซะก่อน ไม่ว่าพลังของคัมภีร์นภาอำพันของเขาจะสุดยอดยังไง เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนมันให้กลายเป็นไข่ได้

 

หานเซิ่นแว็บมาปรากฏตัวตรงหน้าช่องว่างระหว่างพื้นหินอันลึกลับ เขาใช้คัมภีร์นภาอำพันเพื่อเตะใส่เจ้าตุ๊กแกที่กลายเป็นก้อนหินโดยแสงเย็น

 

ถึงแม้ร่างกายของมันจะกลายเป็นก้อนหิน แต่ภายใต้พลังของคัมภีร์นภาอำพัน มันก็ยังคงวิวัฒนาการย้อนกลับ มันกลายเป็นไข่สีเขียวเข้มที่มีขนาดเท่ากับไข่ของนกพิราบอย่างรวดเร็ว

 

หลังจากที่เก็บไข่ของตุ๊กแกขึ้นมา หานเซิ่นก็ชกใส่พื้นหินที่มีแสงเย็นพุ่งออกมา เขาต้องการจะระเบิดช่องว่างให้กว้างขึ้น และดูว่าเจ้าจิ้งหรีดนั้นกำลังทำอะไรอยู่ข้างใน

 

แต่หลังจากที่หานเซิ่นปล่อยหมัดออกไป พื้นหินก็เกิดรอยร้าวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาไม่สามารถทำลายพื้นหินให้เปิดออกได้

 

“นี่มันอะไรกัน?” หานเซิ่นแปลกใจ พลังหมัดของเขาน่ากลัวมากๆ ไม่ต้องพูดถึงหิน แม้แต่ทองคำขาวบริสุทธิ์ก็จะถูกทำลายเป็นชิ้นๆอย่างง่ายดาย แต่ทั้งหมดที่เขาทำได้ตอนนี้คือทิ้งร่องรอยเพียงเล็กน้อยเอาไว้บนพื้นหิน เห็นได้ชัดว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับหินนี่

 

หานเซิ่นเห็นว่าภายในช่องว่างของพื้นหินนั้นไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ มันไม่มีแสงส่องออกมาจากช่องว่างอีกเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงชกใส่พื้นหินซ้ำๆ ในตอนที่เขาปลดปล่อยหมัดที่สี่ พื้นหินก็แตก ทำให้ช่องว่างขยายใหญ่จนมีขนาดเท่ากับหัวของมนุษย์

 

หานเซิ่นมองเข้าไปในถ้ำและประหลาดใจกับสิ่งที่เห็น ถ้ำนั้นมีขนาดพอๆกับอ่างอาบน้ำ มันไม่มีจิ้งหรีดอยู่ภายใน มันมีเพียงแค่กองเลือด มีโอกาสสูงที่กองเลือดนั้นคือสิ่งที่หลงเหลือจากร่างกายที่ถูกกัดกร่อนของจิ้งหรีดตัวนั้น

 

“นั่นคืออะไร?” หานเซิ่นมองไปที่กองเลือดและสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง

 

ภายในถ้ำหินนั้นชื้นมากๆและเต็มไปด้วยชั้นของมอสส์ กองเลือดนั้นดูเหมือนจะเป็นกรดที่เริ่มกัดกร่อนมอสส์ภายในถ้ำและเผยให้เห็นหินที่อยู่ใต้ล่าง

 

หินนั้นดูแบนๆ และดูเหมือนว่าจะถูกสร้างขึ้นด้วยมือคน มันมีสัญลักษณ์บางอย่างสลักเอาไว้ แต่ภายใต้กองเลือดและมอสส์ เขาจึงมองเห็นไม่ชัดเจน

 

หานเซิ่นใช้มือเช็ดมอสส์ออกไปและค้นพบว่าที่ข้างใต้นั้นมีแผ่นหินที่มีสัญลักษณ์พิเศษสลักเอาไว้ หานเซิ่นพยายามทำลายหินที่อยู่รอบๆแผ่นหิน แต่แผ่นหินนั้นมีความยาวราวๆสี่ฟุตและความกว้างหนึ่งฟุต เขาจึงไม่รู้ว่ามันต้องใช้เวลานานขนาดไหนกว่าที่เขาจะเอามันขึ้นมาได้

 

หานเซิ่นจำเป็นต้องอดทนและทำลายหินที่อยู่รอบๆแผ่นหินไปเรื่อยๆ หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็สังเกตเห็นว่าแผ่นหินนั้นมีความหนาเพียงแค่ครึ่งฟุตเท่านั้น ด้วยเหตุนั้นหลังจากที่ยุ่งอยู่สักพัก ในที่สุดหานเซิ่นก็สามารถเอาแผ่นหินขึ้นมาได้สำเร็จ

 

ในตอนที่เขาเอาแผ่นหินขึ้นมาได้ เขาก็สังเกตเห็นว่าจริงๆแล้วมันไม่ใช่แผ่นหิน แต่เป็นกล่อง หินที่ใช้ทำมีสีเทาที่แตกต่างไปจากหินอื่นๆ

 

หานเซิ่นพยายามจะเปิดกล่องหินนั่น แต่เขาพบว่าไม่สามารถทำได้ เขาลองใช้มือเป็นเหมือนกับมีดเพื่อฟันใส่มัน แต่เขาก็ทำได้แค่ทิ้งรอยสีขาวบางๆเอาไว้บนผิวของกล่องหินเท่านั้น

 

“กล่องหินนี้แปลกจริงๆ” หานเซิ่นคิดว่ามันยังคงเหลือเวลาก่อนที่แมลงแปดเสียงจะปรากฎตัว เขาจึงวางกล่องลงและกลับไปเช็คภายในถ้ำหินอีกครั้ง แต่เขาไม่พบอะไรอีก หลังจากนั้นเขาก็ใช้หินที่อยู่รอบๆมากลบถ้ำที่เขาค้นพบเอาไว้

 

หานเซิ่นคิด ‘แสงที่มีพลังในกลายทำให้สิ่งต่างๆกลายเป็นหินนั่นคงจะไม่ได้มาจากเจ้าจิ้งหรีด เพราะยังไงซะมันก็ดูไม่เหมือนยีนเรซธาตุหิน ถ้ามันไม่ได้มาจากจิ้งหรีด มันก็ต้องมาจากกล่องหินนี่ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นในตอนที่เราขุดกล่องหินนี่ขึ้นมา ทำไมกล่องหินถึงไม่มีปฏิกิริยาอะไร?’

 

หานเซิ่นมองไปที่ด้านบนของกล่องหินที่เดิมทีมีเลือดของจิ้งหรีดอยู่ แต่ในตอนนี้เลือดแห้งไปเรียบร้อยแล้ว

 

หัวใจของหานเซิ่นเต้นตึกตักและเขาคิดไปว่า ‘สิ่งนี้คงจะไม่ได้มีปฏิกิริยากับเลือดหรอกใช่ไหม?’

 

ถึงแม้หานเซิ่นจะคิดแบบนั้น แต่เขาก็ไม่คิดจะลองทดสอบด้วยเลือดของตัวเอง เขามองไปรอบๆเพื่อหายีนเรซสักตัว

 

ทันใดนั้นจู่ๆหานเซิ่นก็ได้ยินเสียงที่เหมือนกับเสียงดีดของสายพิณ มันดังมาจากภายในพุ่มหญ้า หานเซิ่นมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและเห็นพระจันทร์ปรากฏขึ้นเหนือหุบเขา ตอนนี้มันถึงเวลากลางคืนแล้ว

 

ไม่นานหลังจากนั้น หานเซิ่นก็ได้ยินเสียงดีดพิณดังขึ้นอีก มันเหมือนกับว่ามีใครบางคนกำลังเล่นพิณอยู่ เสียงของมันฟังดูไพเราะมากๆ

 

หานเซิ่นกลั้นหายใจ ร่างกายของเขาหยุดนิ่งเหมือนกับว่าเขาถูกแช่แข็งให้กลายเป็นหิน

 

แมลงแปดเสียงไม่มีความสามารถในการมองเห็น แต่มันมีประสาทหูที่ดีเป็นพิเศษ แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่อยู่ไกลไปหลายไมล์ก็ไม่สามารถซ่อนตัวจากพวกมันได้ ถ้าผู้คนต้องการจะจับแมลงแปดเสียง พวกเขาก็ไม่สามารถทำให้เกิดเสียงได้ แม้แต่เสียงเต้นของหัวใจก็จะทำให้พวกมันตื่นตัว

 

เขาจำเป็นต้องรอจนกระทั่งพวกมันออกมาจากพื้นและจัดการกับพวกมันในตอนที่เข้ามาใกล้ เขาไม่สามารถเปิดโอกาสให้พวกมันหนีกลับลงไปในพื้นดินได้

 

หานเซิ่นควบคุมร่างกายและนั่งนิ่งเหมือนกับเป็นก้อนหิน ไม่นานหลังจากนั้นจากเขาก็เห็นแสงสีขาวบินออกมาจากพุ่มไม้ ภายในความมืดยามค่ำคืนนั้นมันดูเหมือนกับหิ่งห้อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Super God Gene 3072 โพรงจิ้งหรีด

Now you are reading Super God Gene Chapter 3072 โพรงจิ้งหรีด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มีจิ้งหรีดสีดำที่มีหัวสีแดงออกมาจากช่องว่างในพื้นหิน มันเริ่มต่อสู้กับตุ๊กแกสีเขียวเข้ม จิ้งหรีดนั้นมีขนาดพอๆกับกำปั้นเท่านั้น ขนาดของมันเล็กกว่าเจ้าตุ๊กแกมาก แต่มันเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว มันไม่ได้เสียเปรียบตุ๊กแกแต่อย่างใด เงาสีดำและเงาสีเขียวเข้าปะทะกันไปมาอยู่ที่ริมของสระน้ำ มันเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด

 

หานเซิ่นมองดูการต่อสู้ของพวกมันด้วยความสนใจ ระดับของยีนเรซทั้งสองไม่ได้สูงอะไรมากนัก อย่างมากที่สุดพวกมันก็เป็นแค่ระดับไวเคานต์เท่านั้น แต่ด้วยการที่ทั้งสองฝ่ายสูสีกัน มันจึงให้ความรู้สึกที่ดุเดือด

 

“ถึงแม้พวกมันจะระดับไม่สูงมากนัก แต่ยีนเรซก็คือยีนเรซ เราจะรอคอยจนกระทั่งพวกมันต่อสู้กันเสร็จแล้ว หลังจากนั้นเราจะเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นไข่ เราคงจะได้เงินพอสมควรจากการนำพวกมันกลับไปขาย อย่างน้อยๆมันก็ควรจะแก้ไขปัญหาเรื่องที่พักของเราได้”

 

หานเซิ่นมองดูการต่อสู้อย่างเพลิดเพลิน ทันใดนั้นรอยตะปุ่มตะป่ำบนหลังของเจ้าตุ๊กแกก็ระเบิด และทำให้ของเหลวสีเขียวกระจายเหมือนกับดอกไม้ที่บานออก

 

เปลือกของจิ้งหรีดที่สัมผัสกับของเหลวสีเขียวนั้นมีควันสีขาวลอยขึ้นมา เหมือนกับว่ามันถูกกัดกร่อนด้วยกรด

 

จิ้งหรีดส่งเสียงหึ่งๆและหันหลังเพื่อหนีไป เจ้าตุ๊กแตไล่ตามไปเมื่อเห็นว่าการโจมตีของมันได้ผล เจ้าจิ้งหรีดพยายามหนีกลับเข้าไปในช่องว่างระหว่างพื้นหินที่มันออกมา

 

แต่ของเหลวสีเขียวของตุ๊กแกนั้นมีพิษร้ายแรงเกินไป ก่อนที่จิ้งหรีดจะกลับเข้าไปในช่องว่างระหว่างพื้นหินได้ เปลือกของมันก็ถูกกัดกร่อนจนเผยให้เห็นเนื้อที่เละเทะอยู่ภายใน ดูเหมือนว่ามันคงจะไม่รอด

 

จิ้งหรีดใช้แรงเฮือกสุดท้ายถีบตัวเองเพื่อกระโดดหลบลิ้นของตุ๊กแก และเข้าไปในช่องว่างระหว่างพื้นหิน

 

“หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนั้น มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ถึงมันจะหนีกลับเข้าไปในถ้ำได้ มันก็จะตายจากการถูกกัดกร่อนอยู่ดี”

หานเซิ่นรู้ว่าตอนนี้คือเวลาที่เขาต้องลงมือ แต่ทันใดนั้นตาดำของเขาก็หดเล็กลงไป

 

ในตอนที่เจ้าตุ๊กแกไปถึงตรงหน้าช่องว่างในพื้นหิน จู่ๆก็มีแสงเย็นพุ่งออกมาจากช่องว่าง ก่อนที่ตุ๊กแกสีเขียวจะตอบสนองอะไรได้ มันก็ถูกเปลี่ยนกลายเป็นก้อนหิน

 

“นี่จิ้งหรีดตัวนั้นมีความสามารถในการทำให้ศัตรูกลายเป็นหินอย่างนั้นหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้นทำไมมันถึงไม่ใช้ให้เร็วกว่านี้?” หานเซิ่นรู้สึกสับสนมากๆ

 

แต่หานเซิ่นไม่มีเวลาคิดมากนัก เขากังวลว่าด้วยอาการบาดเจ็บของจิ้งหรีด มันจะเสียชีวิตในไม่ช้า ถ้ามันตายไปซะก่อน ไม่ว่าพลังของคัมภีร์นภาอำพันของเขาจะสุดยอดยังไง เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนมันให้กลายเป็นไข่ได้

 

หานเซิ่นแว็บมาปรากฏตัวตรงหน้าช่องว่างระหว่างพื้นหินอันลึกลับ เขาใช้คัมภีร์นภาอำพันเพื่อเตะใส่เจ้าตุ๊กแกที่กลายเป็นก้อนหินโดยแสงเย็น

 

ถึงแม้ร่างกายของมันจะกลายเป็นก้อนหิน แต่ภายใต้พลังของคัมภีร์นภาอำพัน มันก็ยังคงวิวัฒนาการย้อนกลับ มันกลายเป็นไข่สีเขียวเข้มที่มีขนาดเท่ากับไข่ของนกพิราบอย่างรวดเร็ว

 

หลังจากที่เก็บไข่ของตุ๊กแกขึ้นมา หานเซิ่นก็ชกใส่พื้นหินที่มีแสงเย็นพุ่งออกมา เขาต้องการจะระเบิดช่องว่างให้กว้างขึ้น และดูว่าเจ้าจิ้งหรีดนั้นกำลังทำอะไรอยู่ข้างใน

 

แต่หลังจากที่หานเซิ่นปล่อยหมัดออกไป พื้นหินก็เกิดรอยร้าวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาไม่สามารถทำลายพื้นหินให้เปิดออกได้

 

“นี่มันอะไรกัน?” หานเซิ่นแปลกใจ พลังหมัดของเขาน่ากลัวมากๆ ไม่ต้องพูดถึงหิน แม้แต่ทองคำขาวบริสุทธิ์ก็จะถูกทำลายเป็นชิ้นๆอย่างง่ายดาย แต่ทั้งหมดที่เขาทำได้ตอนนี้คือทิ้งร่องรอยเพียงเล็กน้อยเอาไว้บนพื้นหิน เห็นได้ชัดว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับหินนี่

 

หานเซิ่นเห็นว่าภายในช่องว่างของพื้นหินนั้นไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ มันไม่มีแสงส่องออกมาจากช่องว่างอีกเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงชกใส่พื้นหินซ้ำๆ ในตอนที่เขาปลดปล่อยหมัดที่สี่ พื้นหินก็แตก ทำให้ช่องว่างขยายใหญ่จนมีขนาดเท่ากับหัวของมนุษย์

 

หานเซิ่นมองเข้าไปในถ้ำและประหลาดใจกับสิ่งที่เห็น ถ้ำนั้นมีขนาดพอๆกับอ่างอาบน้ำ มันไม่มีจิ้งหรีดอยู่ภายใน มันมีเพียงแค่กองเลือด มีโอกาสสูงที่กองเลือดนั้นคือสิ่งที่หลงเหลือจากร่างกายที่ถูกกัดกร่อนของจิ้งหรีดตัวนั้น

 

“นั่นคืออะไร?” หานเซิ่นมองไปที่กองเลือดและสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง

 

ภายในถ้ำหินนั้นชื้นมากๆและเต็มไปด้วยชั้นของมอสส์ กองเลือดนั้นดูเหมือนจะเป็นกรดที่เริ่มกัดกร่อนมอสส์ภายในถ้ำและเผยให้เห็นหินที่อยู่ใต้ล่าง

 

หินนั้นดูแบนๆ และดูเหมือนว่าจะถูกสร้างขึ้นด้วยมือคน มันมีสัญลักษณ์บางอย่างสลักเอาไว้ แต่ภายใต้กองเลือดและมอสส์ เขาจึงมองเห็นไม่ชัดเจน

 

หานเซิ่นใช้มือเช็ดมอสส์ออกไปและค้นพบว่าที่ข้างใต้นั้นมีแผ่นหินที่มีสัญลักษณ์พิเศษสลักเอาไว้ หานเซิ่นพยายามทำลายหินที่อยู่รอบๆแผ่นหิน แต่แผ่นหินนั้นมีความยาวราวๆสี่ฟุตและความกว้างหนึ่งฟุต เขาจึงไม่รู้ว่ามันต้องใช้เวลานานขนาดไหนกว่าที่เขาจะเอามันขึ้นมาได้

 

หานเซิ่นจำเป็นต้องอดทนและทำลายหินที่อยู่รอบๆแผ่นหินไปเรื่อยๆ หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็สังเกตเห็นว่าแผ่นหินนั้นมีความหนาเพียงแค่ครึ่งฟุตเท่านั้น ด้วยเหตุนั้นหลังจากที่ยุ่งอยู่สักพัก ในที่สุดหานเซิ่นก็สามารถเอาแผ่นหินขึ้นมาได้สำเร็จ

 

ในตอนที่เขาเอาแผ่นหินขึ้นมาได้ เขาก็สังเกตเห็นว่าจริงๆแล้วมันไม่ใช่แผ่นหิน แต่เป็นกล่อง หินที่ใช้ทำมีสีเทาที่แตกต่างไปจากหินอื่นๆ

 

หานเซิ่นพยายามจะเปิดกล่องหินนั่น แต่เขาพบว่าไม่สามารถทำได้ เขาลองใช้มือเป็นเหมือนกับมีดเพื่อฟันใส่มัน แต่เขาก็ทำได้แค่ทิ้งรอยสีขาวบางๆเอาไว้บนผิวของกล่องหินเท่านั้น

 

“กล่องหินนี้แปลกจริงๆ” หานเซิ่นคิดว่ามันยังคงเหลือเวลาก่อนที่แมลงแปดเสียงจะปรากฎตัว เขาจึงวางกล่องลงและกลับไปเช็คภายในถ้ำหินอีกครั้ง แต่เขาไม่พบอะไรอีก หลังจากนั้นเขาก็ใช้หินที่อยู่รอบๆมากลบถ้ำที่เขาค้นพบเอาไว้

 

หานเซิ่นคิด ‘แสงที่มีพลังในกลายทำให้สิ่งต่างๆกลายเป็นหินนั่นคงจะไม่ได้มาจากเจ้าจิ้งหรีด เพราะยังไงซะมันก็ดูไม่เหมือนยีนเรซธาตุหิน ถ้ามันไม่ได้มาจากจิ้งหรีด มันก็ต้องมาจากกล่องหินนี่ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นในตอนที่เราขุดกล่องหินนี่ขึ้นมา ทำไมกล่องหินถึงไม่มีปฏิกิริยาอะไร?’

 

หานเซิ่นมองไปที่ด้านบนของกล่องหินที่เดิมทีมีเลือดของจิ้งหรีดอยู่ แต่ในตอนนี้เลือดแห้งไปเรียบร้อยแล้ว

 

หัวใจของหานเซิ่นเต้นตึกตักและเขาคิดไปว่า ‘สิ่งนี้คงจะไม่ได้มีปฏิกิริยากับเลือดหรอกใช่ไหม?’

 

ถึงแม้หานเซิ่นจะคิดแบบนั้น แต่เขาก็ไม่คิดจะลองทดสอบด้วยเลือดของตัวเอง เขามองไปรอบๆเพื่อหายีนเรซสักตัว

 

ทันใดนั้นจู่ๆหานเซิ่นก็ได้ยินเสียงที่เหมือนกับเสียงดีดของสายพิณ มันดังมาจากภายในพุ่มหญ้า หานเซิ่นมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและเห็นพระจันทร์ปรากฏขึ้นเหนือหุบเขา ตอนนี้มันถึงเวลากลางคืนแล้ว

 

ไม่นานหลังจากนั้น หานเซิ่นก็ได้ยินเสียงดีดพิณดังขึ้นอีก มันเหมือนกับว่ามีใครบางคนกำลังเล่นพิณอยู่ เสียงของมันฟังดูไพเราะมากๆ

 

หานเซิ่นกลั้นหายใจ ร่างกายของเขาหยุดนิ่งเหมือนกับว่าเขาถูกแช่แข็งให้กลายเป็นหิน

 

แมลงแปดเสียงไม่มีความสามารถในการมองเห็น แต่มันมีประสาทหูที่ดีเป็นพิเศษ แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่อยู่ไกลไปหลายไมล์ก็ไม่สามารถซ่อนตัวจากพวกมันได้ ถ้าผู้คนต้องการจะจับแมลงแปดเสียง พวกเขาก็ไม่สามารถทำให้เกิดเสียงได้ แม้แต่เสียงเต้นของหัวใจก็จะทำให้พวกมันตื่นตัว

 

เขาจำเป็นต้องรอจนกระทั่งพวกมันออกมาจากพื้นและจัดการกับพวกมันในตอนที่เข้ามาใกล้ เขาไม่สามารถเปิดโอกาสให้พวกมันหนีกลับลงไปในพื้นดินได้

 

หานเซิ่นควบคุมร่างกายและนั่งนิ่งเหมือนกับเป็นก้อนหิน ไม่นานหลังจากนั้นจากเขาก็เห็นแสงสีขาวบินออกมาจากพุ่มไม้ ภายในความมืดยามค่ำคืนนั้นมันดูเหมือนกับหิ่งห้อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+