กำเนิดใหม่ทายาทเนตรจุติ 33 : แผนสร้างสัตว์หางเทียม

Now you are reading กำเนิดใหม่ทายาทเนตรจุติ Chapter 33 : แผนสร้างสัตว์หางเทียม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย กําเนิดใหม่ทายาทเนตรจุติ : Reborn into …

Chapter 33 : แผนสร้างสัตว์หางเทียม

คําพูดที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของชิซุยทําให้อิทาจิหลงอยู่ในความคิด

เขารู้ดีถึงกระแสน้ําที่พัดพาภายใน ครอบครัวแม้ว่าเขาจะอายุยังน้อยแต่เขาก็สัมผัสได้ถึงความขัดแย้งระหว่างตระกูลอุจิฮะกับหมู่บ้าน แต่เขาไม่สามา ถทําอะไรกับมันได้

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง อิทาจิ ก็ อยากจะพูดอะไรบางอย่าง“พี่ชิซุยถ้าเรื่องที่พี่แพ้คุณคุโรโตะแพร่กระจายออกไปผมกลัวว่า…”

ไม่ใช่แค่แรงกดดันจากหมู่บ้านเท่านั้นแต่อาจพูดได้ว่าอุจิฮะก็มีปัญหาภายใจเช่นกัน

เหตุผลหลักของเรื่องทั้งหมดก็คือ เมื่อ คนของอุจิฮะปลุกเนตรของพวกเขาขึ้นมาได้ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดและในที่สุดพวกเขาจะเติบโตเป็นโจนินได้อย่าง ง่ายดาย นี่เป็นความจริงที่แทบจะหลีกเลี่ยงไม่ได้

พวกเขาไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรมากเพื่อให้ได้มาซึ่งอํานาจเหนือผู้อื่น

เมื่อเวลาผ่านไป เป็นเรื่องปกติสําหรับพวกเขาที่จะพัฒนาอยู่เหนือกว่าผู้อื่น

ดังนั้น อิทาจิ จึงกังวลมากเมื่อรู้ว่าอุจิฮะชิซุยอัจฉริยะของอุจิฮะ แพ้ให้กับฮิวงะคุโรโตะเพราะอุจิฮะคนอื่นจะต้องไปหาคุโรโตะ เพื่อแก้แค้นอย่าง แน่นอน

นี่ไม่ใช่เรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ชิซุย ยิ้ม “ฉันรู้ว่าเธอกังวลเรื่องอะไร แต่เธอสามารถมั่นใจได้เลยว่าคุโรโตะแข็งแกร่งกว่าที่เธอหรือที่ฉันคิด!”

อิทาจิ เข้าใจจุดประสงค์ของชิซุยในทันทีดังนั้นเขาจึงอยากรู้มากขึ้นเกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างชิซุยกับคุโรโตะและถามอย่างเร่งรีบว่า “เล่าให้ผมฟังหน่อยได้ไหมครับว่าการต่อสู้ของพี่กับรุ่นพี่คุโรโตะ เกิดอะไรขึ้นบ้าง!”

ชิซุย เล่าถึงการต่อสู้ของเขากับคุโรโตะและพูดซ้ําๆว่า “ฉันไม่เคยคิดเลยว่าคุณคุโรโตะที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงจะมีพลังเนตรที่แข็งแกร่งกว่าฉันทั้ง ๆ ที่ฉันถูกเรียกว่าอัจฉริยะมาโดยตลอดช่าง น่าละอายใจจริง ๆ”

หลังจากส่ายหัวและถอนหายใจชิซุยก็อธิบายถึงการต่อสู้ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง

“ทั้งวิชาเนตรและวิชากระบวนท่าของพี่เกือบจะไม่มีผลกับเขา” เมื่อได้ยินชิซุยเล่าให้ฟังอิทาจิก็ก้มหัวลงและและพึมพํากับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งแล้วเขาก็พูดอีกครั้งว่า“รุ่นพี่คุโรโตะแข็งแกร่งจริง
ชิซุยนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้และพูดว่า “ฉันมีความรู้สึกตลอดเวลาที่ต่อสู้กับเขา!”

อิทาจิ ถามว่า “รู้สึกอะไรเหรอครับ?”

“รู้สึกว่า คุณคุโรโตะจะรู้ว่าฉันไม่ได้ใช้กําลังเต็มที่ในการต่อสู้ดูเหมือนว่าเขาจะ..”

ชิซุยอยากจะบอกว่าเขามีความรู้สึกว่าคุโรโตะดูเหมือนจะรู้ความจริงเรื่องเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาของเขาแต่เขาก็รีบส่ายหัวและลบความคิดที่ไว้สาระแบบนี้ออกจากหัวของเขา

ปัจจุบันมีเพียง 2 คนเท่านั้นที่รู้ว่าเขาปลุก เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาขึ้นมาได้แล้วนั้นก็คือตัวชิซุยเองและอิทาจิซึ่งชิซุย ก็เชื่อว่าอิทาจิจะไม่เปิดเผยความลับของเขาแน่นอน

อีกด้านหนึ่งของ หมู่บ้านโคโนฮะ

ห้องส่วนตัวบนชั้น 2 ของร้านอาหารแห่งหนึ่ง

หลังจากเล่าถึงการเผชิญหน้าของเขากับซาโซริแห่งทรายสีแดงคุโรโตะก็คิดอยู่ครู่หนึ่งและถามอย่างไม่แน่ใจว่า“ท่านโอโรจิมารุ ท่านรู้เรื่องเกี่ยวกับสัตว์หางบ้างหรือเปล่าครับ?”

โอโรจิมารุ แปลกใจเล็กน้อยกับคําถามของคุโรโตะ “เธอสนใจสัตว์หางเหรอ? เพราะพลังสถิตร่าง 2 หางที่เธอเจอก่อนหน้านี้หรือเปล่า?”

คุโรโตะ ไม่ได้ปิดบังและพยักหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ “จักระของผมน้อยเกินไปดังนั้นเพื่อแก้ปัญหานี้ผมเลยอ่านหนังสือและเอกสารมากมาย และ ทําการวิจัยซึ่งผลของการวิจัยทั้งหมดไปที่สัตว์หาง”

โอโรจิมารุ ยิ้มอย่างนุ่มนวล “ดูเหมือนว่าพวกเราจะเหมือนกันมากกว่าที่คิดว่าไหม? เธอเองก็จะทําทุกวิถีทางเพื่อให้ได้คําตอบที่เธอต้องการแต่ฉันจะให้คําแนะนําที่เป็นประโยชน์แก่เธออย่าแตะต้องสัตว์หางเด็ดขาด! พวกมันจะสร้างปัญหาให้เธอได้มากกว่าที่เธอคิด”

คุโรโตะ พูดอย่างรวดเร็ว “สัตว์หางเป็นอาวุธลับของ 5 หมู่บ้านใหญ่แน่นอนว่าผมจะไม่ทําอะไรโง่ ๆ แน่นอนแต่ผมก็ได้ข้อสรุปมาอยู่ข้อหนึ่ง”

“โฮ…แล้วสรุปได้ว่ายังไงล่ะ?” โอโรจิมารุถามด้วยความสงสัย

“เป็นไปได้ไหมครับ ที่จะสร้างบางสิ่งที่คล้ายกับสัตว์หาง”

ตอนนี้คําถามนี้ดึงความสนใจของโอโรจิมารุ

เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกในการแสดงออกของโอโรจิมารุคุโรโตะก็อธิบายความคิดของเขาในการสร้างสัตว์หางเทียมให้ โอโรจิมารุฟังทันที

ด้วยคลังความรู้ในปัจจุบันของ คุโรโตะ เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่จะสร้างสัตว์หางเทียมได้ถ้าเขาต้องการให้ 0 หางเกิดขึ้นก่อนเวลาเขาต้องพึ่งพาพลังของโอโรจิมารุ,นักวิจัยอันดับ 2 ของโลกนินจา

ทําไม โอโรจิมารุ ถึงไม่ใช่นักวิจัยที่ เก่งที่สุด? คําถามนั้นตอบง่ายมาก!

เพราะนักวิจัยที่เก่งที่สุดได้ตายไปแล้วนั้นก็คือโฮคาเงะรุ่น 2, เซนจูโทบิรามะในความคิดของคุโรโตะเขาเป็นนักวิจัยที่เก่งที่สุดในโลกนินจา

กลับมาที่การสนทนาของทั้งคู่

โอโรจิมารุ ประหลาดใจกับความคิดของคุโรโตะอีกครั้งจากนั้นจึงพูดด้วยน้ําเสียงแหบแห้งว่า“คุโรโตะคุงเธอแตกต่างจากคนอื่นจริงๆเธอเป็นคนที่เต็มไปด้วยความคิดและจินตนาการ
คุโรโตะ มองที่โอโรจิมารุอย่างคาดหวัง“ความคิดของผมพอจะเป็นจริงได้ไหมครับท่านโอโรจิมารุ?”

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง โอโรจิมารุ ก็พูดด้วยน้ําเสียงที่หนักแน่นว่า “อันที่จริง หมู่บ้านโคโนฮะได้ศึกษาสัตว์หางมาตลอดตั้งแต่สมัยโฮคาเงะรุ่นแรกจนโฮคาเงะรุ่น 2 ขึ้นรับตําแหน่งก็ยังมีการวิจัยเกี่ยวกับสัตว์หางอยู่แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าทําไมจู่ๆการวิจัยเหล่านั้นถึงถูกยกเลิกข้อมูลการวิจัยทั้งหมดถูกปิดผนึกและโครงการวิจัยสัตว์หางก็ถูกระงับโดยสิ้นเชิง”

คโรโตะ ที่ได้ยินเช่นนี้ก็คิดในใจว่า“หมู่บ้านเคยศึกษาสัตว์หางมาแล้วจริงๆ!”

อันที่จริง นับตั้งแต่เขาได้พบกับ ชินโนคุโรโตะก็พยายามค้นหาว่าหมู่บ้านใดที่ ชินโน จะไปขโมยเทคโนโลยีเพื่อสร้างสัตว์หางที่ไม่มีหางมา

ในบรรดาหมู่บ้านใหญ่ทั้ง 5 สถานการณ์ทางการเมืองของ หมู่บ้านคิริและหมู่บ้านซึนะไม่มั่นคงมาโดยตลอดและกําลังทหารของพวกเขาก็ไม่สูงมากเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ผิดที่จะบอกว่าพวกเขาไม่มีความสามารถในการวิจัยเชิงลึกเกี่ยวกับสัตว์หางและความจริงข้อนี้ก็มองเห็นได้ชัดเจนจากพลังสถิตร่างที่ไม่เสถียรของพวกเขาดังนั้นทั้ง 2 หมู่บ้านนี้จึงถูกตัดทิ้งไป

สําหรับ หมู่บ้านอิวะ และ หมู่บ้านคุโมะนั้นพวกเขามีการวิจัยที่ก้าวหน้าก็จริง แต่การวิจัยที่พวกเขามุ่งเน้นก็คือการพัฒนาคาถาดินและคาถาสายฟ้ารวมไปถึงวิชากระบวนท่าก็ด้วย

แม้ว่า หมู่บ้านคุโมะ จะมีความเข้าใจและเคยค้นคว้าเกี่ยวกับสัตว์หางอยู่บ้างเพราะพวกเขามีเกาะเต่าและมรดกที่พี่น้องคนกินทิ้งเอาไว้ซึ่งเป็นสมบัติของเซียน 6 วิถีทําให้พวกเขามีพลังสถิตร่างที่สมบูรณ์แบบแต่คุโรโตะไม่เชื่อว่าพวกเขาจะมีทรัพยากรในการวิจัยและ นักวิจัยเพียงพอที่สามารถทําการวิจัยสัตว์หางเทียมได้

ดังนั้น โคโนฮะ จึงเป็นหมู่บ้านเดียวที่มีทั้งทรัพยากรและวิธีการที่เหมาะสมที่จะวิจัยสัตว์หางได้ด้วยคาถาไม้ของโฮคาเงะรุ่นแรกทําให้สามารถปราบปรามสัตว์หางได้ควบคู่ไปกับความสนใจทาง วิทยาศาสตร์ของโฮคาเงะรุ่น 2 ทําให้การวิจัยดังกล่าวเป็นไปได้มากที่สุด

ดังนั้น โคโนฮะ จึงเป็นหมู่บ้านเดียวที่ชินโนจะได้รับผลการวิจัยเกี่ยวกับสัตว์หางเทียม

นี่คือเหตุผลที่ คุโรโตะ เชื่อว่าโอโร จิมารุจะสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่เขากําลังมองหาได้

คุโรโตะ พึมพํา “เพราะอะไรงานวิจัยถึงถูกระงับนะ?”

โอโรจิมารุ ตอบว่า “แม้ว่าฉันจะไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงแต่ถ้าให้ฉันเดาก็อาจเป็นเพราะความไม่เสถียรของสัตว์หางเทียมฉันเคยตรวจสอบข้อมูลบางส่วนของการวิจัยนี้และข้อมูลทั้งหมดระบุว่าความ เป็นไปได้ที่สัตว์หางจะหลุดออกไปนั้นสูงมากมันไม่มีวิธีผนึกหรือวิธีจัดการที่เหมาะสมดังนั้นถ้าสัตว์หางหลุดไปได้มันจะกลายเป็นความหายนะทันทีดังนั้นโฮคาเงะรุ่น 3 จึงสั่งหยุดการวิจัยนี้!”

คุโรโตะ เสนอความคิดอีกครั้งว่า “แล้วถ้าเราไม่สนใจการโจมตีของสัตว์หางแต่สนใจแต่ปริมาณจักระเท่านั้นแล้วใช้มันเป็นเหมือนแหล่งจักระแค่นั้นละครับ?”

โอโรจิมารุ เหลือบมองคุโรโตะ ที่อยากรู้อยากเห็นและพูดวิเคราะห์ว่า “การสะสมจักระจํานวนมากทําให้มีพลังทําลายล้างค่อนข้างมากและไม่มีสิ่งใดที่จะละทิ้งสัญชาตญาณในการโจมตีฉันเคยใช้สมมติฐานที่คล้ายกับที่เธอคิดในช่วงปีแรก ๆ ของการทดลองของฉันแต่มันก็ไม่เป็นไปตามนั้นสิ่งเดียวที่ฉันได้จากกการทดลองก็คือ น่าจะมีวิธีเดียวเท่านั้นที่จะสามารถสร้างสัตว์หางเทียมขึ้นมาได้ และวิธีนั้นก็คือการใช้แหล่งจักระเพียงแห่งเดียวเพื่อสร้างสัตว์หาง เทียมนอกจากนี้แหล่งที่มาของจักระก็ไม่ควรจะก้าวร้าวเกินไปในธรรมชาติ”

คุโรโตะขมวดคิ้วเมื่อได้ยินสิ่งที่โอโรจิมารุบอก “ถ้าเป็นไปตามทฤษฎีนี้จริงถ้าอย่างนั้นนอกจากสัตว์หางจริงๆ แล้วก็คงจะไม่มีแหล่งจักระไหนที่มีปริมาณมากพอที่จะสร้างสัตว์หางเทียมได้

“ถูกต้อง ในโลกนินจาคงมีเพียงแค่โฮคาเงะรุ่นแรกเท่านั้นที่มีจักระมากพอที่จะสร้างสัตว์หางเทียมได้ด้วยตัวเองส่วนคนอื่น ๆ แม้แต่โฮคาเงะรุ่น 2 ก็คงจะมีปริมาณจักระไม่เพียงพอที่จะทําได้” หลังจากหยุดไปครู่หนึ่งโอโรจิมารุก็พูดต่อ“ยิ่งไปกว่านั้นที่มาของจักระไม่ควรก้าวร้าวหรือรุนแรงโดยธรรมชาติไม่อย่างนั้นสัตว์หางเทียมอาจจะหลุดไปได้และมันจะกําจัดสัตว์หางตามธรรมชาติที่ งหมดจักระที่มีความรุนแรงจากแหล่งที่มาที่ไม่เหมาะสมจึงทําให้จึงอาจถูกยกเลิก”

เมื่อได้ฟังความคิดของ โอโรจิมารุ ในเรื่องนี้คุโรโตะก็พยายามคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างจากความทรงจําในชีวิตก่อนของเขาโดยหวังว่าจะพบคําตอบสําหรับคําถามที่ดูเหมือนจะแก้ไม่ตกนี้
เขานึกถึงหลายคนที่มีปริมาณจักระจํานวนมากแต่แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในจุดสูงสุดของพลังแล้วแต่คุโรโตะก็คิดว่าไม่มีใครเหมาะจะเป็นแหล่งจักระได้

นอกจากคนเหล่านั้นที่เขานึกถึงแล้วเขายังนึกถึงแหล่งจักระลึกลับอีก 2 แห่งที่เป็นแหล่งพลังงานขนาดใหญ่มาก

แหล่งแรกคือสายแร่มังกรของเมืองโรรันในแคว้นแห่งลม และอีกแหล่งหนึ่งก็คือโมเรียวที่ถูกผนึกอยู่ในแคว้นแห่งโอนิ..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

กำเนิดใหม่ทายาทเนตรจุติ 33 : แผนสร้างสัตว์หางเทียม

Now you are reading กำเนิดใหม่ทายาทเนตรจุติ Chapter 33 : แผนสร้างสัตว์หางเทียม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย กําเนิดใหม่ทายาทเนตรจุติ : Reborn into …

Chapter 33 : แผนสร้างสัตว์หางเทียม

คําพูดที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของชิซุยทําให้อิทาจิหลงอยู่ในความคิด

เขารู้ดีถึงกระแสน้ําที่พัดพาภายใน ครอบครัวแม้ว่าเขาจะอายุยังน้อยแต่เขาก็สัมผัสได้ถึงความขัดแย้งระหว่างตระกูลอุจิฮะกับหมู่บ้าน แต่เขาไม่สามา ถทําอะไรกับมันได้

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง อิทาจิ ก็ อยากจะพูดอะไรบางอย่าง“พี่ชิซุยถ้าเรื่องที่พี่แพ้คุณคุโรโตะแพร่กระจายออกไปผมกลัวว่า…”

ไม่ใช่แค่แรงกดดันจากหมู่บ้านเท่านั้นแต่อาจพูดได้ว่าอุจิฮะก็มีปัญหาภายใจเช่นกัน

เหตุผลหลักของเรื่องทั้งหมดก็คือ เมื่อ คนของอุจิฮะปลุกเนตรของพวกเขาขึ้นมาได้ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดและในที่สุดพวกเขาจะเติบโตเป็นโจนินได้อย่าง ง่ายดาย นี่เป็นความจริงที่แทบจะหลีกเลี่ยงไม่ได้

พวกเขาไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรมากเพื่อให้ได้มาซึ่งอํานาจเหนือผู้อื่น

เมื่อเวลาผ่านไป เป็นเรื่องปกติสําหรับพวกเขาที่จะพัฒนาอยู่เหนือกว่าผู้อื่น

ดังนั้น อิทาจิ จึงกังวลมากเมื่อรู้ว่าอุจิฮะชิซุยอัจฉริยะของอุจิฮะ แพ้ให้กับฮิวงะคุโรโตะเพราะอุจิฮะคนอื่นจะต้องไปหาคุโรโตะ เพื่อแก้แค้นอย่าง แน่นอน

นี่ไม่ใช่เรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ชิซุย ยิ้ม “ฉันรู้ว่าเธอกังวลเรื่องอะไร แต่เธอสามารถมั่นใจได้เลยว่าคุโรโตะแข็งแกร่งกว่าที่เธอหรือที่ฉันคิด!”

อิทาจิ เข้าใจจุดประสงค์ของชิซุยในทันทีดังนั้นเขาจึงอยากรู้มากขึ้นเกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างชิซุยกับคุโรโตะและถามอย่างเร่งรีบว่า “เล่าให้ผมฟังหน่อยได้ไหมครับว่าการต่อสู้ของพี่กับรุ่นพี่คุโรโตะ เกิดอะไรขึ้นบ้าง!”

ชิซุย เล่าถึงการต่อสู้ของเขากับคุโรโตะและพูดซ้ําๆว่า “ฉันไม่เคยคิดเลยว่าคุณคุโรโตะที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงจะมีพลังเนตรที่แข็งแกร่งกว่าฉันทั้ง ๆ ที่ฉันถูกเรียกว่าอัจฉริยะมาโดยตลอดช่าง น่าละอายใจจริง ๆ”

หลังจากส่ายหัวและถอนหายใจชิซุยก็อธิบายถึงการต่อสู้ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง

“ทั้งวิชาเนตรและวิชากระบวนท่าของพี่เกือบจะไม่มีผลกับเขา” เมื่อได้ยินชิซุยเล่าให้ฟังอิทาจิก็ก้มหัวลงและและพึมพํากับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งแล้วเขาก็พูดอีกครั้งว่า“รุ่นพี่คุโรโตะแข็งแกร่งจริง
ชิซุยนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้และพูดว่า “ฉันมีความรู้สึกตลอดเวลาที่ต่อสู้กับเขา!”

อิทาจิ ถามว่า “รู้สึกอะไรเหรอครับ?”

“รู้สึกว่า คุณคุโรโตะจะรู้ว่าฉันไม่ได้ใช้กําลังเต็มที่ในการต่อสู้ดูเหมือนว่าเขาจะ..”

ชิซุยอยากจะบอกว่าเขามีความรู้สึกว่าคุโรโตะดูเหมือนจะรู้ความจริงเรื่องเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาของเขาแต่เขาก็รีบส่ายหัวและลบความคิดที่ไว้สาระแบบนี้ออกจากหัวของเขา

ปัจจุบันมีเพียง 2 คนเท่านั้นที่รู้ว่าเขาปลุก เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาขึ้นมาได้แล้วนั้นก็คือตัวชิซุยเองและอิทาจิซึ่งชิซุย ก็เชื่อว่าอิทาจิจะไม่เปิดเผยความลับของเขาแน่นอน

อีกด้านหนึ่งของ หมู่บ้านโคโนฮะ

ห้องส่วนตัวบนชั้น 2 ของร้านอาหารแห่งหนึ่ง

หลังจากเล่าถึงการเผชิญหน้าของเขากับซาโซริแห่งทรายสีแดงคุโรโตะก็คิดอยู่ครู่หนึ่งและถามอย่างไม่แน่ใจว่า“ท่านโอโรจิมารุ ท่านรู้เรื่องเกี่ยวกับสัตว์หางบ้างหรือเปล่าครับ?”

โอโรจิมารุ แปลกใจเล็กน้อยกับคําถามของคุโรโตะ “เธอสนใจสัตว์หางเหรอ? เพราะพลังสถิตร่าง 2 หางที่เธอเจอก่อนหน้านี้หรือเปล่า?”

คุโรโตะ ไม่ได้ปิดบังและพยักหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ “จักระของผมน้อยเกินไปดังนั้นเพื่อแก้ปัญหานี้ผมเลยอ่านหนังสือและเอกสารมากมาย และ ทําการวิจัยซึ่งผลของการวิจัยทั้งหมดไปที่สัตว์หาง”

โอโรจิมารุ ยิ้มอย่างนุ่มนวล “ดูเหมือนว่าพวกเราจะเหมือนกันมากกว่าที่คิดว่าไหม? เธอเองก็จะทําทุกวิถีทางเพื่อให้ได้คําตอบที่เธอต้องการแต่ฉันจะให้คําแนะนําที่เป็นประโยชน์แก่เธออย่าแตะต้องสัตว์หางเด็ดขาด! พวกมันจะสร้างปัญหาให้เธอได้มากกว่าที่เธอคิด”

คุโรโตะ พูดอย่างรวดเร็ว “สัตว์หางเป็นอาวุธลับของ 5 หมู่บ้านใหญ่แน่นอนว่าผมจะไม่ทําอะไรโง่ ๆ แน่นอนแต่ผมก็ได้ข้อสรุปมาอยู่ข้อหนึ่ง”

“โฮ…แล้วสรุปได้ว่ายังไงล่ะ?” โอโรจิมารุถามด้วยความสงสัย

“เป็นไปได้ไหมครับ ที่จะสร้างบางสิ่งที่คล้ายกับสัตว์หาง”

ตอนนี้คําถามนี้ดึงความสนใจของโอโรจิมารุ

เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกในการแสดงออกของโอโรจิมารุคุโรโตะก็อธิบายความคิดของเขาในการสร้างสัตว์หางเทียมให้ โอโรจิมารุฟังทันที

ด้วยคลังความรู้ในปัจจุบันของ คุโรโตะ เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่จะสร้างสัตว์หางเทียมได้ถ้าเขาต้องการให้ 0 หางเกิดขึ้นก่อนเวลาเขาต้องพึ่งพาพลังของโอโรจิมารุ,นักวิจัยอันดับ 2 ของโลกนินจา

ทําไม โอโรจิมารุ ถึงไม่ใช่นักวิจัยที่ เก่งที่สุด? คําถามนั้นตอบง่ายมาก!

เพราะนักวิจัยที่เก่งที่สุดได้ตายไปแล้วนั้นก็คือโฮคาเงะรุ่น 2, เซนจูโทบิรามะในความคิดของคุโรโตะเขาเป็นนักวิจัยที่เก่งที่สุดในโลกนินจา

กลับมาที่การสนทนาของทั้งคู่

โอโรจิมารุ ประหลาดใจกับความคิดของคุโรโตะอีกครั้งจากนั้นจึงพูดด้วยน้ําเสียงแหบแห้งว่า“คุโรโตะคุงเธอแตกต่างจากคนอื่นจริงๆเธอเป็นคนที่เต็มไปด้วยความคิดและจินตนาการ
คุโรโตะ มองที่โอโรจิมารุอย่างคาดหวัง“ความคิดของผมพอจะเป็นจริงได้ไหมครับท่านโอโรจิมารุ?”

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง โอโรจิมารุ ก็พูดด้วยน้ําเสียงที่หนักแน่นว่า “อันที่จริง หมู่บ้านโคโนฮะได้ศึกษาสัตว์หางมาตลอดตั้งแต่สมัยโฮคาเงะรุ่นแรกจนโฮคาเงะรุ่น 2 ขึ้นรับตําแหน่งก็ยังมีการวิจัยเกี่ยวกับสัตว์หางอยู่แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าทําไมจู่ๆการวิจัยเหล่านั้นถึงถูกยกเลิกข้อมูลการวิจัยทั้งหมดถูกปิดผนึกและโครงการวิจัยสัตว์หางก็ถูกระงับโดยสิ้นเชิง”

คโรโตะ ที่ได้ยินเช่นนี้ก็คิดในใจว่า“หมู่บ้านเคยศึกษาสัตว์หางมาแล้วจริงๆ!”

อันที่จริง นับตั้งแต่เขาได้พบกับ ชินโนคุโรโตะก็พยายามค้นหาว่าหมู่บ้านใดที่ ชินโน จะไปขโมยเทคโนโลยีเพื่อสร้างสัตว์หางที่ไม่มีหางมา

ในบรรดาหมู่บ้านใหญ่ทั้ง 5 สถานการณ์ทางการเมืองของ หมู่บ้านคิริและหมู่บ้านซึนะไม่มั่นคงมาโดยตลอดและกําลังทหารของพวกเขาก็ไม่สูงมากเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ผิดที่จะบอกว่าพวกเขาไม่มีความสามารถในการวิจัยเชิงลึกเกี่ยวกับสัตว์หางและความจริงข้อนี้ก็มองเห็นได้ชัดเจนจากพลังสถิตร่างที่ไม่เสถียรของพวกเขาดังนั้นทั้ง 2 หมู่บ้านนี้จึงถูกตัดทิ้งไป

สําหรับ หมู่บ้านอิวะ และ หมู่บ้านคุโมะนั้นพวกเขามีการวิจัยที่ก้าวหน้าก็จริง แต่การวิจัยที่พวกเขามุ่งเน้นก็คือการพัฒนาคาถาดินและคาถาสายฟ้ารวมไปถึงวิชากระบวนท่าก็ด้วย

แม้ว่า หมู่บ้านคุโมะ จะมีความเข้าใจและเคยค้นคว้าเกี่ยวกับสัตว์หางอยู่บ้างเพราะพวกเขามีเกาะเต่าและมรดกที่พี่น้องคนกินทิ้งเอาไว้ซึ่งเป็นสมบัติของเซียน 6 วิถีทําให้พวกเขามีพลังสถิตร่างที่สมบูรณ์แบบแต่คุโรโตะไม่เชื่อว่าพวกเขาจะมีทรัพยากรในการวิจัยและ นักวิจัยเพียงพอที่สามารถทําการวิจัยสัตว์หางเทียมได้

ดังนั้น โคโนฮะ จึงเป็นหมู่บ้านเดียวที่มีทั้งทรัพยากรและวิธีการที่เหมาะสมที่จะวิจัยสัตว์หางได้ด้วยคาถาไม้ของโฮคาเงะรุ่นแรกทําให้สามารถปราบปรามสัตว์หางได้ควบคู่ไปกับความสนใจทาง วิทยาศาสตร์ของโฮคาเงะรุ่น 2 ทําให้การวิจัยดังกล่าวเป็นไปได้มากที่สุด

ดังนั้น โคโนฮะ จึงเป็นหมู่บ้านเดียวที่ชินโนจะได้รับผลการวิจัยเกี่ยวกับสัตว์หางเทียม

นี่คือเหตุผลที่ คุโรโตะ เชื่อว่าโอโร จิมารุจะสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่เขากําลังมองหาได้

คุโรโตะ พึมพํา “เพราะอะไรงานวิจัยถึงถูกระงับนะ?”

โอโรจิมารุ ตอบว่า “แม้ว่าฉันจะไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงแต่ถ้าให้ฉันเดาก็อาจเป็นเพราะความไม่เสถียรของสัตว์หางเทียมฉันเคยตรวจสอบข้อมูลบางส่วนของการวิจัยนี้และข้อมูลทั้งหมดระบุว่าความ เป็นไปได้ที่สัตว์หางจะหลุดออกไปนั้นสูงมากมันไม่มีวิธีผนึกหรือวิธีจัดการที่เหมาะสมดังนั้นถ้าสัตว์หางหลุดไปได้มันจะกลายเป็นความหายนะทันทีดังนั้นโฮคาเงะรุ่น 3 จึงสั่งหยุดการวิจัยนี้!”

คุโรโตะ เสนอความคิดอีกครั้งว่า “แล้วถ้าเราไม่สนใจการโจมตีของสัตว์หางแต่สนใจแต่ปริมาณจักระเท่านั้นแล้วใช้มันเป็นเหมือนแหล่งจักระแค่นั้นละครับ?”

โอโรจิมารุ เหลือบมองคุโรโตะ ที่อยากรู้อยากเห็นและพูดวิเคราะห์ว่า “การสะสมจักระจํานวนมากทําให้มีพลังทําลายล้างค่อนข้างมากและไม่มีสิ่งใดที่จะละทิ้งสัญชาตญาณในการโจมตีฉันเคยใช้สมมติฐานที่คล้ายกับที่เธอคิดในช่วงปีแรก ๆ ของการทดลองของฉันแต่มันก็ไม่เป็นไปตามนั้นสิ่งเดียวที่ฉันได้จากกการทดลองก็คือ น่าจะมีวิธีเดียวเท่านั้นที่จะสามารถสร้างสัตว์หางเทียมขึ้นมาได้ และวิธีนั้นก็คือการใช้แหล่งจักระเพียงแห่งเดียวเพื่อสร้างสัตว์หาง เทียมนอกจากนี้แหล่งที่มาของจักระก็ไม่ควรจะก้าวร้าวเกินไปในธรรมชาติ”

คุโรโตะขมวดคิ้วเมื่อได้ยินสิ่งที่โอโรจิมารุบอก “ถ้าเป็นไปตามทฤษฎีนี้จริงถ้าอย่างนั้นนอกจากสัตว์หางจริงๆ แล้วก็คงจะไม่มีแหล่งจักระไหนที่มีปริมาณมากพอที่จะสร้างสัตว์หางเทียมได้

“ถูกต้อง ในโลกนินจาคงมีเพียงแค่โฮคาเงะรุ่นแรกเท่านั้นที่มีจักระมากพอที่จะสร้างสัตว์หางเทียมได้ด้วยตัวเองส่วนคนอื่น ๆ แม้แต่โฮคาเงะรุ่น 2 ก็คงจะมีปริมาณจักระไม่เพียงพอที่จะทําได้” หลังจากหยุดไปครู่หนึ่งโอโรจิมารุก็พูดต่อ“ยิ่งไปกว่านั้นที่มาของจักระไม่ควรก้าวร้าวหรือรุนแรงโดยธรรมชาติไม่อย่างนั้นสัตว์หางเทียมอาจจะหลุดไปได้และมันจะกําจัดสัตว์หางตามธรรมชาติที่ งหมดจักระที่มีความรุนแรงจากแหล่งที่มาที่ไม่เหมาะสมจึงทําให้จึงอาจถูกยกเลิก”

เมื่อได้ฟังความคิดของ โอโรจิมารุ ในเรื่องนี้คุโรโตะก็พยายามคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างจากความทรงจําในชีวิตก่อนของเขาโดยหวังว่าจะพบคําตอบสําหรับคําถามที่ดูเหมือนจะแก้ไม่ตกนี้
เขานึกถึงหลายคนที่มีปริมาณจักระจํานวนมากแต่แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในจุดสูงสุดของพลังแล้วแต่คุโรโตะก็คิดว่าไม่มีใครเหมาะจะเป็นแหล่งจักระได้

นอกจากคนเหล่านั้นที่เขานึกถึงแล้วเขายังนึกถึงแหล่งจักระลึกลับอีก 2 แห่งที่เป็นแหล่งพลังงานขนาดใหญ่มาก

แหล่งแรกคือสายแร่มังกรของเมืองโรรันในแคว้นแห่งลม และอีกแหล่งหนึ่งก็คือโมเรียวที่ถูกผนึกอยู่ในแคว้นแห่งโอนิ..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+