กำเนิดใหม่ทายาทเนตรจุติ 36 : ทําไมไม่ลองดูล่ะ

Now you are reading กำเนิดใหม่ทายาทเนตรจุติ Chapter 36 : ทําไมไม่ลองดูล่ะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย กําเนิดใหม่ทายาทเนตรจุติ : Reborn into Na…

Chapter 36 : ทําไมไม่ลองดูล่ะ

บนหน้าผาสูง

สมาชิกทั้ง 4 คนของทีมชั่วคราวที่ 11 ยืนอยู่บนหน้าผาสูงและมองไปที่วิหารที่อยู่ห่างออกไป

มีม่านพลังบาง ๆ ล้อมรอบวิหารแห่งนั้นอยู่ ซึ่งช่วยป้องกันการจู่โจมของกองทัพหินเนื่องจากหุ่นหินเหล่านี้ไม่สามารถผ่านหรือทําลายม่านพลังได้พวกมันได้แต่ยืนล้อมวิหารจากทุกทิศทุกทาง

เมื่อเห็นว่าวิหารยังปลอดภัย คาคาชิ ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ถ้าวิหารยังปลอดภัยก็หมายความว่าเรายังมีโอกาสอยู่!”

ไก พูดอย่างกังวลใจว่า “กองทัพวิญญาณเยอะขนาดนี้ เราจะเข้าไปยังไงล่ะ?”

คาคาชิ หันไปหา คุโรโตะ แล้วถามว่า “คุโรโตะ นายช่วยเปิดทางให้เราไปถึงวิหารได้ไหม?”

เคโรโตะ ส่ายหัว “วิหารนั้นถูกพวกมันล้อมไว้จากทุกทิศทาง ถ้าจะให้หาทางแหวกพวกมันไปถึงวิหารทันทีคงจะเป็นเรื่องยาก”

ในที่สุด ชิซุย ก็พูดด้วยน้ําเสียงที่หนักแน่นว่า “ถ้าอย่างนั้น ทางตรงหน้าของเราก็คือทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่!”

เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเข้าไป

พวกเขาพยายามจัดการกับทหารหินเหล่านี้มาหลายครั้งแล้วตั้งแต่เข้ามายังแคว้นโอนแม้ว่าหุ่นเหล่านี้จะมีการเคลื่อนไหวที่สุ่มง่ามมากแต่พวกมันก็ทรงพลังเมื่อพวกเขาเริ่มต่อสู้มันก็เป็นเรื่องยากที่ทีม 11 จะรับมือได้

คุโรโตะ ที่ยังคงสังเกตรอบ ๆ อยู่ก็ชี้ไปที่หน้าผาสูงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “ดูนั่นสิ!”

ทุกคนมองไปในทิศทางที่เขาชี้ไปและพวกเขาก็เห็นร่าง 2 – 3 ร่างปรากฏขึ้นบนหน้าผาสูงฝั่งตรงข้ามเมื่อดูจากเสื้อผ้าของพวกเขาแล้วดูเหมือนว่าพวกเขาน่าจะเป็นนินจาซึนะ

ในฐานะหัวหน้าทีม คาคาชิ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “นั่นน่าจะเป็นทีมนินจาจากซึนะที่ถูกส่งมาทําภารกิจเหมือนเราเราอาจร่วมมือกับพวกเขาเพื่อฝ่าวงล้อมของกองทัพหินพวกนั้นและเข้าไปในวิหารได้

ศัตรูเพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้คือ ปีศาจจากต่างโลกดังนั้นในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ไม่มีใครคัดค้านความคิดที่จะร่วมมือกับหมู่บ้านอื่นดังนั้นทุกคนจึงพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของคาคาชิ

ในไม่ช้ทั้ง 2 ฝ่ายก็พบกัน

ที่มซึนะ ประกอบไปด้วยนินจา 4 คน หัวหน้าทีมของพวกเขาเป็นนินจาหญิงชื่อปาคุระ

ปาคุระ คาถาแผดเผา เป็นนินจาหญิงที่ทรงพลังที่รู้จักกันไปทั่วโลกนินจาเพราะคาถาแผดเผาที่เป็นขีดจํากัดสายเลือดของเธอและเธอก็ยังเป็นที่รู้จักกันในฐานะวีรสตรีของหมู่บ้านซึนะอีกด้วย

ในฐานะหัวหน้าทีม คาคาชิ ออกมาข้างหน้าและพูดคุย 2 – 3 ประโยคกับเธอและได้ข้อสรุปว่า

หัวหน้าทีมทั้ง 2 คาคาชิ และ ปาคุระ จะรับผิดชอบการโจมตีในแนวหน้าไกและนินจาอีก 3 คนของซึนะจะรับผิดชอบตรงกลางและคุโรโตะและชิซุยจะอยู่แนวหลัง

หลังจากวางแผนกันแล้ว ยุธการตีฝ่าวงล้อมก็เริ่มขึ้นทันที

จ๊สสสส!!!

เสียงดังเหมือนนกนับพันตัวกําลังร้อง!

คาคาชิ เริ่มจู่โจม

มือของเขาเปล่งประกายด้วยสายฟ้า ตัดสายฟ้า ของเขาพุ่งเข้าไปในวงล้อมของกองทัพหิน

ตู้ม…

ตู้ม…

ตู้ม…

ตามมาด้วยเสียงระเบิดเป็นชุดหุ่นหินล้มลงกับพื้นที่ละตัว
พลังทะลุทะลวงของตัดสายฟ้าแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในการโจมตีครั้งนี้เกือบจะในทันที

คาคาชิ ก็ทะลุผ่านกองทัพวิญญาณหินได้ถึง 5 แถว

เมื่อเห็นการจู่โจมอันรุนแรงของคาคาชิปาคุระที่ตามเขามาติด ๆ ก็ประสานอินขึ้นและตะโกนออกมา

“คาถาแผดเผา : อัคคีสังหารเดือด!”

ลูกบอลแผดเผา 5 ลูกปรากฏขึ้นรอบ ๆ ปาคุระ ทันที และพุ่งเข้าหากองทัพวิญญาณหินที่อยู่ด้านหน้าจนพวกมันละลายไป

ทันใดนั้น นินจาซึนะ 3 คนที่อยู่ตรงกลางทีมก็ตะโกนออกมา
“คาถาดิน : กําแพงพสุธา!”

กําแพงดิน 2 อันพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินขนาบข้างทางเดินที่ คาคาชิ และปาคุระสร้างขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้ทหารหินที่อยู่ด้านข้างเข้ามาขวางทางได้

ด้านหลังของทีมจู่โจม

คุโรโตะ ตะโกนไปทาง ชิซุย “ชิซุย ไปได้ ฉันจะรั้งพวกมันไว้ให้”

เมื่อรู้ถึงความแข็งแกร่งของ คุโรโตะ ชิซุย ก็ไม่พูดเรื่องไร้สาระใด ๆ และรีบวิ่งไปที่ทีมกลางทันที

คุโรโตะ ที่อยู่ด้านหลัง สามารถสกัดทหารหินได้อย่างสมบูรณ์ด้วยการมองที่เฉียบคมของเนตรจุติการโจมตีของทหารหินกลายเป็นภาพเคลื่อนไหวช้า ๆจนคุโรโตะ สามารถใช้ดาวกระจายโจมตีพวกมันได้ เว้นแต่จาเป็นจริง ๆ เขาจึงจะใช้มวยอ่อนโจมตี

และจากระยะที่ใกล้มาก คุโรโตะ ก็ยังเห็นลักษณะจักระของหุ่นเหล่านี้และรู้ว่าจักระของพวกมันทุกตัวเหมือนกันทุกอย่าง ซึ่งสามารถบอกได้ว่ามันเป็นจักระจากแหล่งเดียวกัน

นอกจากนี้จักระของพวกมันก็ยังรู้สึกชั่วร้ายและรุนแรงอย่างมาก

“ถ้าจักระของหุ่นพวกนี้มาจาก โมเรียว ถ้าอย่างนั้น…”

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ คุโรโตะ ก็ส่ายหัว

จักระที่ชั่วร้ายและรุนแรงเช่นนี้ไม่เหมาะที่จะทําหน้าที่เป็นแหล่งจักระของสัตว์หางเทียมดังนั้นทางเลือกในการใช้โมเรียวเป็นแหล่งจักระจึงถูกตัดทิ้งทันที

แม้ว่าทีมจู่โจมนี้จะมีนินจาเพียง 8 คน แต่ทุกคนต่างก็เป็น นินจาระดับสูงโดยเฉพาะปาระที่ความแข็งแกร่งเกือบจะเท่ากับระดับคาเงะดังนั้นทีมจู่โจมนี้จึงใช้เวลาไม่นานก็สามารถบุกทะลวงแนวกองทัพของศัตรูเข้าไปในเขตม่านพลังของวิหารได้อย่างปลอดภัย

ทันทีที่ทีมของพวกเขาเข้ามาในม่านพลัง พวกเขาก็ได้ยินเสียงเชียร์ของทหารยามที่ปกป้องศาลเจ้าจากภายในม่านพลัง

เนื่องจากผนึกที่ใช้ผนึก โมเรียว อ่อนกําลังลงเป็นอย่างมาก และกองกําาลังวิญญาณหินที่ยังบุกเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทําให้ทหารยามที่ปกป้องศาลเจ้าไม่สามารถผ่อนคลายได้แม้แต่น้อย แต่เมื่อพวกเขาเห็นกาลังเสริมมาถึงพวกเขาจึงเต็มไปด้วยความดีใจ ละทิ้งความวิตกกังวลและความกลัวไปเลย

ในศาลเจ้า

มิโกะ นั่งอยู่บนฟูกด้วยใบหน้าเศร้า ๆ และมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอายุราว ๆ 1 ขวบนอยู่ข้าง ๆ เธอ เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่เป็นแม่ลูกกัน

อีกด้านหนึ่ง มีกลุ่มนินจายืนอยู่ พวกเขาใส่ชุดเครื่องแบบของนินจาจากหมู่บ้านอิ

เห็นได้ชัดว่านหมายความว่านินจาอิวะมาถึงที่นี่ก่อนโคโนฮะและซึนะและเนื่องจากพวกเขามาถึงก่อนพวกเขาทุกคนจึงดูหยิ่งผยองมาก

เมื่อ คุโรโตะ เห็นกลุ่ม นินจาอิวะ เขาก็โกรธจัดและอยากจะฆ่าพวกเขา

นินจาอิวะ เหล่านี้เป็นทีมเดียวกับที่ซุ่มโจมตีคุโรโตะขณะที่เขากําลังพาผู้บาดเจ็บกลับไปที่หมู่บ้านห่างจากหมู่บ้านไปเพียง 10 ไมล์มันเป็นการเผชิญหน้าที่เฉียดตายมากที่สุดของคุโรโตะ

ถ้าทีมสนับสนุนของโคโนฮะมาช่วยเขาไม่ทันคุโรโตะ คงจะตายอย่างทรมานเหมือนกับนินจาในทีมคุ้มกันส่วนใหญ่

เคโรโตะ ไม่เคยลืมที่จะถามถึงตัวตนของนินจาอิวะเหล่านั้น และเขาก็ได้รู้ว่าพวกเขาคือทีมไล่ล่าที่มีชื่อเสียงของหมู่บ้านอิวะ

ในขณะที่ คุโรโตะ กําลังยุ่งอยู่กับการควบคุมอารมณ์ของเขา นินจาอิวะก็สังเกตเห็นกลุ่มนินจาที่เพิ่งมาถึง

“หือ…โคโนฮะ ส่งทีมเด็กต๊อกต๋อยมาตายรึไง? แสดงว่าข่าวลือที่ว่า โคโนฮะอ่อนแอลงก็เป็นความจริงสินะ!” นินจาอิวะ พูดอย่างดูถูก

ปาคระ มีชื่อเสียงมาจาก มหาสงครามโลกนินจาครั้งที่ 3และทีมไล่ล่าของอิวะก็เป็นกองกําาลังน่าเกรงขามอย่างมากเธอและพวกเขาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและแข็งแกร่งของทั้ง 2 หมู่บ้านพอหันมามองทีมชั่วคราวที่ 11 ของโคโนฮะที่ประกอบไปด้วยคาคาชินินจาหนุ่มและนินจาอีก 3 คนที่ไม่มีชื่อเสียงที่เพิ่งเลื่อนตําแหน่งมาเป็น โจนินพิเศษ

เห็นได้ชัดว่า โคโนฮะ ขาดความน่ากลัวจริง ๆ

ในทีมของ โคโนฮะคนที่อายุมากที่สุดก็มีอายุแค่ประมาณ 15 ปีเท่านั้นและชิซุยก็เพิ่งจะอายุแค่ 11 ขวบดังนั้นพวกเขาจึงดูเป็นทีมต๊อกต๋อยเมื่อเทียบกับทีมนินจาซึนะและอิวะ

อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่สามารถปล่อยให้ทีมชั่วคราวที่ 11 ถูกดูหมิ่นได้เพราะการกระทําทั้งหมดของพวกเขามีอิทธิพลต่อชื่อเสียงของหมู่บ้านหากทั้ง 4 คนนี้ยอม จานนต่อค่าดูหมิ่นของหมู่บ้านอื่น ภายในไม่กี่สัปดาห์กองทัพของหมู่บ้านอื่นจะบุกเข้ามาประชิด แคว้นแห่งไฟอย่างแน่นอนดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถดูเหมือนอ่อนแอได้

ดังนั้น คุโรโตะ จึงพูดอย่างเย็นชาว่า “ถ้าคุณคิดอย่างนั้น ก็ระวังอย่าตายด้วยฝีมือทีมต๊อกต่อยก็แล้วกัน!”

หากเป็นคนอื่นที่พยายามจะยั่วยุพวกเขา คุโรโตะ คงจะขี้เกียจเกินกว่าจะตอบโต้แต่เมื่อเป็นค่ายั่วยุของทีมไล่ล่าของอิวะเขาก็ไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้

หัวหน้าทีมไล่ล่าอิวะ ที่ยืนกอดอกอยู่ก็พูดขึ้ด้วยแววตาดุดันว่า เจ้าหนูพวกแกอย่างตายงั้นเหรอ?!”

“ถ้าคิดว่าทําได้ ทําไมไม่ลองดูล่ะ?!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

กำเนิดใหม่ทายาทเนตรจุติ 36 : ทําไมไม่ลองดูล่ะ

Now you are reading กำเนิดใหม่ทายาทเนตรจุติ Chapter 36 : ทําไมไม่ลองดูล่ะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย กําเนิดใหม่ทายาทเนตรจุติ : Reborn into Na…

Chapter 36 : ทําไมไม่ลองดูล่ะ

บนหน้าผาสูง

สมาชิกทั้ง 4 คนของทีมชั่วคราวที่ 11 ยืนอยู่บนหน้าผาสูงและมองไปที่วิหารที่อยู่ห่างออกไป

มีม่านพลังบาง ๆ ล้อมรอบวิหารแห่งนั้นอยู่ ซึ่งช่วยป้องกันการจู่โจมของกองทัพหินเนื่องจากหุ่นหินเหล่านี้ไม่สามารถผ่านหรือทําลายม่านพลังได้พวกมันได้แต่ยืนล้อมวิหารจากทุกทิศทุกทาง

เมื่อเห็นว่าวิหารยังปลอดภัย คาคาชิ ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ถ้าวิหารยังปลอดภัยก็หมายความว่าเรายังมีโอกาสอยู่!”

ไก พูดอย่างกังวลใจว่า “กองทัพวิญญาณเยอะขนาดนี้ เราจะเข้าไปยังไงล่ะ?”

คาคาชิ หันไปหา คุโรโตะ แล้วถามว่า “คุโรโตะ นายช่วยเปิดทางให้เราไปถึงวิหารได้ไหม?”

เคโรโตะ ส่ายหัว “วิหารนั้นถูกพวกมันล้อมไว้จากทุกทิศทาง ถ้าจะให้หาทางแหวกพวกมันไปถึงวิหารทันทีคงจะเป็นเรื่องยาก”

ในที่สุด ชิซุย ก็พูดด้วยน้ําเสียงที่หนักแน่นว่า “ถ้าอย่างนั้น ทางตรงหน้าของเราก็คือทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่!”

เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเข้าไป

พวกเขาพยายามจัดการกับทหารหินเหล่านี้มาหลายครั้งแล้วตั้งแต่เข้ามายังแคว้นโอนแม้ว่าหุ่นเหล่านี้จะมีการเคลื่อนไหวที่สุ่มง่ามมากแต่พวกมันก็ทรงพลังเมื่อพวกเขาเริ่มต่อสู้มันก็เป็นเรื่องยากที่ทีม 11 จะรับมือได้

คุโรโตะ ที่ยังคงสังเกตรอบ ๆ อยู่ก็ชี้ไปที่หน้าผาสูงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “ดูนั่นสิ!”

ทุกคนมองไปในทิศทางที่เขาชี้ไปและพวกเขาก็เห็นร่าง 2 – 3 ร่างปรากฏขึ้นบนหน้าผาสูงฝั่งตรงข้ามเมื่อดูจากเสื้อผ้าของพวกเขาแล้วดูเหมือนว่าพวกเขาน่าจะเป็นนินจาซึนะ

ในฐานะหัวหน้าทีม คาคาชิ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “นั่นน่าจะเป็นทีมนินจาจากซึนะที่ถูกส่งมาทําภารกิจเหมือนเราเราอาจร่วมมือกับพวกเขาเพื่อฝ่าวงล้อมของกองทัพหินพวกนั้นและเข้าไปในวิหารได้

ศัตรูเพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้คือ ปีศาจจากต่างโลกดังนั้นในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ไม่มีใครคัดค้านความคิดที่จะร่วมมือกับหมู่บ้านอื่นดังนั้นทุกคนจึงพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของคาคาชิ

ในไม่ช้ทั้ง 2 ฝ่ายก็พบกัน

ที่มซึนะ ประกอบไปด้วยนินจา 4 คน หัวหน้าทีมของพวกเขาเป็นนินจาหญิงชื่อปาคุระ

ปาคุระ คาถาแผดเผา เป็นนินจาหญิงที่ทรงพลังที่รู้จักกันไปทั่วโลกนินจาเพราะคาถาแผดเผาที่เป็นขีดจํากัดสายเลือดของเธอและเธอก็ยังเป็นที่รู้จักกันในฐานะวีรสตรีของหมู่บ้านซึนะอีกด้วย

ในฐานะหัวหน้าทีม คาคาชิ ออกมาข้างหน้าและพูดคุย 2 – 3 ประโยคกับเธอและได้ข้อสรุปว่า

หัวหน้าทีมทั้ง 2 คาคาชิ และ ปาคุระ จะรับผิดชอบการโจมตีในแนวหน้าไกและนินจาอีก 3 คนของซึนะจะรับผิดชอบตรงกลางและคุโรโตะและชิซุยจะอยู่แนวหลัง

หลังจากวางแผนกันแล้ว ยุธการตีฝ่าวงล้อมก็เริ่มขึ้นทันที

จ๊สสสส!!!

เสียงดังเหมือนนกนับพันตัวกําลังร้อง!

คาคาชิ เริ่มจู่โจม

มือของเขาเปล่งประกายด้วยสายฟ้า ตัดสายฟ้า ของเขาพุ่งเข้าไปในวงล้อมของกองทัพหิน

ตู้ม…

ตู้ม…

ตู้ม…

ตามมาด้วยเสียงระเบิดเป็นชุดหุ่นหินล้มลงกับพื้นที่ละตัว
พลังทะลุทะลวงของตัดสายฟ้าแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในการโจมตีครั้งนี้เกือบจะในทันที

คาคาชิ ก็ทะลุผ่านกองทัพวิญญาณหินได้ถึง 5 แถว

เมื่อเห็นการจู่โจมอันรุนแรงของคาคาชิปาคุระที่ตามเขามาติด ๆ ก็ประสานอินขึ้นและตะโกนออกมา

“คาถาแผดเผา : อัคคีสังหารเดือด!”

ลูกบอลแผดเผา 5 ลูกปรากฏขึ้นรอบ ๆ ปาคุระ ทันที และพุ่งเข้าหากองทัพวิญญาณหินที่อยู่ด้านหน้าจนพวกมันละลายไป

ทันใดนั้น นินจาซึนะ 3 คนที่อยู่ตรงกลางทีมก็ตะโกนออกมา
“คาถาดิน : กําแพงพสุธา!”

กําแพงดิน 2 อันพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินขนาบข้างทางเดินที่ คาคาชิ และปาคุระสร้างขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้ทหารหินที่อยู่ด้านข้างเข้ามาขวางทางได้

ด้านหลังของทีมจู่โจม

คุโรโตะ ตะโกนไปทาง ชิซุย “ชิซุย ไปได้ ฉันจะรั้งพวกมันไว้ให้”

เมื่อรู้ถึงความแข็งแกร่งของ คุโรโตะ ชิซุย ก็ไม่พูดเรื่องไร้สาระใด ๆ และรีบวิ่งไปที่ทีมกลางทันที

คุโรโตะ ที่อยู่ด้านหลัง สามารถสกัดทหารหินได้อย่างสมบูรณ์ด้วยการมองที่เฉียบคมของเนตรจุติการโจมตีของทหารหินกลายเป็นภาพเคลื่อนไหวช้า ๆจนคุโรโตะ สามารถใช้ดาวกระจายโจมตีพวกมันได้ เว้นแต่จาเป็นจริง ๆ เขาจึงจะใช้มวยอ่อนโจมตี

และจากระยะที่ใกล้มาก คุโรโตะ ก็ยังเห็นลักษณะจักระของหุ่นเหล่านี้และรู้ว่าจักระของพวกมันทุกตัวเหมือนกันทุกอย่าง ซึ่งสามารถบอกได้ว่ามันเป็นจักระจากแหล่งเดียวกัน

นอกจากนี้จักระของพวกมันก็ยังรู้สึกชั่วร้ายและรุนแรงอย่างมาก

“ถ้าจักระของหุ่นพวกนี้มาจาก โมเรียว ถ้าอย่างนั้น…”

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ คุโรโตะ ก็ส่ายหัว

จักระที่ชั่วร้ายและรุนแรงเช่นนี้ไม่เหมาะที่จะทําหน้าที่เป็นแหล่งจักระของสัตว์หางเทียมดังนั้นทางเลือกในการใช้โมเรียวเป็นแหล่งจักระจึงถูกตัดทิ้งทันที

แม้ว่าทีมจู่โจมนี้จะมีนินจาเพียง 8 คน แต่ทุกคนต่างก็เป็น นินจาระดับสูงโดยเฉพาะปาระที่ความแข็งแกร่งเกือบจะเท่ากับระดับคาเงะดังนั้นทีมจู่โจมนี้จึงใช้เวลาไม่นานก็สามารถบุกทะลวงแนวกองทัพของศัตรูเข้าไปในเขตม่านพลังของวิหารได้อย่างปลอดภัย

ทันทีที่ทีมของพวกเขาเข้ามาในม่านพลัง พวกเขาก็ได้ยินเสียงเชียร์ของทหารยามที่ปกป้องศาลเจ้าจากภายในม่านพลัง

เนื่องจากผนึกที่ใช้ผนึก โมเรียว อ่อนกําลังลงเป็นอย่างมาก และกองกําาลังวิญญาณหินที่ยังบุกเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทําให้ทหารยามที่ปกป้องศาลเจ้าไม่สามารถผ่อนคลายได้แม้แต่น้อย แต่เมื่อพวกเขาเห็นกาลังเสริมมาถึงพวกเขาจึงเต็มไปด้วยความดีใจ ละทิ้งความวิตกกังวลและความกลัวไปเลย

ในศาลเจ้า

มิโกะ นั่งอยู่บนฟูกด้วยใบหน้าเศร้า ๆ และมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอายุราว ๆ 1 ขวบนอยู่ข้าง ๆ เธอ เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่เป็นแม่ลูกกัน

อีกด้านหนึ่ง มีกลุ่มนินจายืนอยู่ พวกเขาใส่ชุดเครื่องแบบของนินจาจากหมู่บ้านอิ

เห็นได้ชัดว่านหมายความว่านินจาอิวะมาถึงที่นี่ก่อนโคโนฮะและซึนะและเนื่องจากพวกเขามาถึงก่อนพวกเขาทุกคนจึงดูหยิ่งผยองมาก

เมื่อ คุโรโตะ เห็นกลุ่ม นินจาอิวะ เขาก็โกรธจัดและอยากจะฆ่าพวกเขา

นินจาอิวะ เหล่านี้เป็นทีมเดียวกับที่ซุ่มโจมตีคุโรโตะขณะที่เขากําลังพาผู้บาดเจ็บกลับไปที่หมู่บ้านห่างจากหมู่บ้านไปเพียง 10 ไมล์มันเป็นการเผชิญหน้าที่เฉียดตายมากที่สุดของคุโรโตะ

ถ้าทีมสนับสนุนของโคโนฮะมาช่วยเขาไม่ทันคุโรโตะ คงจะตายอย่างทรมานเหมือนกับนินจาในทีมคุ้มกันส่วนใหญ่

เคโรโตะ ไม่เคยลืมที่จะถามถึงตัวตนของนินจาอิวะเหล่านั้น และเขาก็ได้รู้ว่าพวกเขาคือทีมไล่ล่าที่มีชื่อเสียงของหมู่บ้านอิวะ

ในขณะที่ คุโรโตะ กําลังยุ่งอยู่กับการควบคุมอารมณ์ของเขา นินจาอิวะก็สังเกตเห็นกลุ่มนินจาที่เพิ่งมาถึง

“หือ…โคโนฮะ ส่งทีมเด็กต๊อกต๋อยมาตายรึไง? แสดงว่าข่าวลือที่ว่า โคโนฮะอ่อนแอลงก็เป็นความจริงสินะ!” นินจาอิวะ พูดอย่างดูถูก

ปาคระ มีชื่อเสียงมาจาก มหาสงครามโลกนินจาครั้งที่ 3และทีมไล่ล่าของอิวะก็เป็นกองกําาลังน่าเกรงขามอย่างมากเธอและพวกเขาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและแข็งแกร่งของทั้ง 2 หมู่บ้านพอหันมามองทีมชั่วคราวที่ 11 ของโคโนฮะที่ประกอบไปด้วยคาคาชินินจาหนุ่มและนินจาอีก 3 คนที่ไม่มีชื่อเสียงที่เพิ่งเลื่อนตําแหน่งมาเป็น โจนินพิเศษ

เห็นได้ชัดว่า โคโนฮะ ขาดความน่ากลัวจริง ๆ

ในทีมของ โคโนฮะคนที่อายุมากที่สุดก็มีอายุแค่ประมาณ 15 ปีเท่านั้นและชิซุยก็เพิ่งจะอายุแค่ 11 ขวบดังนั้นพวกเขาจึงดูเป็นทีมต๊อกต๋อยเมื่อเทียบกับทีมนินจาซึนะและอิวะ

อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่สามารถปล่อยให้ทีมชั่วคราวที่ 11 ถูกดูหมิ่นได้เพราะการกระทําทั้งหมดของพวกเขามีอิทธิพลต่อชื่อเสียงของหมู่บ้านหากทั้ง 4 คนนี้ยอม จานนต่อค่าดูหมิ่นของหมู่บ้านอื่น ภายในไม่กี่สัปดาห์กองทัพของหมู่บ้านอื่นจะบุกเข้ามาประชิด แคว้นแห่งไฟอย่างแน่นอนดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถดูเหมือนอ่อนแอได้

ดังนั้น คุโรโตะ จึงพูดอย่างเย็นชาว่า “ถ้าคุณคิดอย่างนั้น ก็ระวังอย่าตายด้วยฝีมือทีมต๊อกต่อยก็แล้วกัน!”

หากเป็นคนอื่นที่พยายามจะยั่วยุพวกเขา คุโรโตะ คงจะขี้เกียจเกินกว่าจะตอบโต้แต่เมื่อเป็นค่ายั่วยุของทีมไล่ล่าของอิวะเขาก็ไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้

หัวหน้าทีมไล่ล่าอิวะ ที่ยืนกอดอกอยู่ก็พูดขึ้ด้วยแววตาดุดันว่า เจ้าหนูพวกแกอย่างตายงั้นเหรอ?!”

“ถ้าคิดว่าทําได้ ทําไมไม่ลองดูล่ะ?!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+