จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ 33 ต่อสู้

Now you are reading จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ Chapter 33 ต่อสู้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        หลู่หวู๋ซวงได้พุ่งไปทางจ้าวต้าอีกครั้ง ทำให้จ้าวฮุ่ยเผยสีหน้ามืดมน จากนั้นสองมือของนางก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นท่าประทับ ทันใดนั้นก็ได้มีกำแพงไฟออกมาขวางกั้นด้านหน้าของหลู่หวู๋ซวงในทันที

        “พลังระดับปรมาจารย์ของเจ้ายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า เจ้าอยู่เฉยๆ เถอะ” จ้าวฮุ่ยกล่าวอย่างเย้ยหยัน

        หลู่หวู๋ซวงฟันดาบจันทร์ครามในมือจนเกิดเงาดาบหลายอัน ทำให้เกิดกระแสลมที่รุนแรง แต่เมื่อมันตกลงบนกำแพงไฟก็กลับแตกสลายหายไปในทันที หลู่หวู๋ซวงมีสีหน้าเปลี่ยนไป นางรู้ดีว่าความแข็งแกร่งของนางยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวฮุ่ย เพราะจ้าวฮุ่ยผู้นี้อยู่ระดับยอดยุทธ์แล้ว ซึ่งเป็นระดับที่ต่างกับนางมากเกินไป

        “เจ้าลูกผสม มาดูกันว่าใครจะช่วยเจ้าได้อีก” เมื่อมองไปยังหลู่เส่าโหย่ว จ้าวต้าก็กล่าวถ้อยคำเยาะเย้ย ขณะเดียวกันในมือของจ้าวต้าก็ได้รวบรวมพลังลมปราณสีกากีอย่างรวดเร็ว

        ในตอนที่ร่างของจ้าวต้าพุ่งเข้าไปหาหลู่เส่าโหย่วนั้น ฝ่ามือของเขาก็ขดเป็นกรงเล็บแหลมคม แล้วพุ่งตรงไปที่หน้าอกของหลู่เส่าโหย่ว พลังลมปราณสีกากีได้รวบรวมอยู่ที่ปลายนิ้วของจ้าวต้า ทำให้ดูเหมือนว่าเขากำลังสวมใส่ถุงมือกรงเล็บที่แหลมคมอย่างไรอย่างนั้น

        กรงเล็บนั้นทำให้เกิดเสียงระเบิดของสายลมและพุ่งไปหาหลู่เส่าโหย่วอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้ ลั่วหลานซือที่อยู่ด้านข้างก็ตกใจกลัวจนหน้าเปลี่ยนสีและไม่สามารถกล่าวอะไรออกมาได้

        เมื่อมองไปที่กรงเล็บของจ้าวต้า หลู่เส่าโหย่วก็รู้สึกถึงเสียงแหลมเบาๆ ของกรงเล็บที่ฉีกผ่านอากาศ จากนั้นเขาก็หรี่ตาลงเล็กน้อย จ้าวต้าผู้นี้เป็นผู้ฝึกยุทธ์สายธาตุดินและมีระดับพลังของนักรบขั้นสอง แต่ถึงอย่างไรตัวเขาก็ไม่กลัว ในตอนที่เขาปะทะฝีมือกับลุงหนาน ถึงแม้ลุงหนานจะปรับระดับพลังให้อยู่ในระดับนักรบขั้นหนึ่ง แต่พลังที่ลุงหนานได้ปล่อยออกมานั้นทรงพลังกว่าจ้าวต้าที่มีระดับบ่มเพาะขั้นสองเล็กน้อย

        ตัวเขาที่เผชิญหน้ากับลุงหนานยังสามารถรับหมัดนั้นได้ ไม่ต้องพูดถึงจ้าวต้าผู้นี้ หากเทียบจ้าวต้ากับลุงหนานแล้ว มันช่างแตกต่างกันยิ่งนัก

        ทันใดนั้น ในดวงตาของหลู่เส่าโหย่วก็ฉายแววของความเย็นชา ท่าประทับในมือของเขาได้หลอมรวมกันในเวลาเดียวกับที่ร่างของเขาเบี่ยงหลบไปทางซ้าย มือซ้ายของเขาโค้งงอและกระแทกลงกับพื้นดิน พลังลมปราณที่มองไม่เห็นได้กระแทกลงกับพื้น หลู่เส่าโหย่วใช้ประโยชน์จากมันในการหลบกรงเล็บของจ้าวต้าอย่างรวดเร็ว

        กรงเล็บได้เฉียดผ่านจมูกของหลู่เส่าโหย่วไปและมันนำพามาซึ่งกระแสลมที่รุนแรง ทำให้ผมของหลู่เส่าโหย่วสยายออกในทันที

        และในตอนที่หลู่เส่าโหย่วหลบกรงเล็บของจ้าวต้า เขาก็ได้ปล่อยฝ่ามือออกไปอย่างไม่รีรอ ฝ่ามือของเขาที่ปล่อยออกไปนั้นรวดเร็วราวกับลูกศรที่ถูกปล่อยออกจากคันธนู และมันก็นำพามาซึ่งพลังลมปราณสีเหลืองอ่อน ฝ่ามือนั้นได้กระแทกลงไปที่ท้องน้อยของจ้าวต้า

        เมื่อจ้าวต้ารู้ว่ากรงเล็บของตนกรีดโดนอากาศ เขาก็รู้สึกได้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ จากคำบอกเล่าของผู้ที่เห็นเหตุการณ์ในห้องซักผ้า จ้าวต้าก็เดาได้ว่าหลู่เส่าโหย่วน่าจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว ไม่เช่นนั้นหลู่เส่าโหย่วจะสามารถฆ่าจ้าวซานได้อย่างไร จ้าวซานนั้นเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับสาวกซึ่งถือว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่แท้จริงแล้ว ผู้ชายร่างใหญ่ห้าคนยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวซานได้เลย

        แต่เรื่องที่หลู่เส่าโหย่วได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว จ้าวต้านั้นยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก เมื่อหนึ่งเดือนก่อนพวกเขาได้ซ้อมหลู่เส่าโหย่วไปหนึ่งยก นี่ก็พึ่งจะผ่านมาแค่เดือนกว่าเท่านั้น หลู่เส่าโหย่วมันจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้อย่างไร แต่เมื่อมาถึงตอนนี้ จ้าวต้าก็เชื่อแล้ว เพียงเริ่มลงมือพวกเขาก็จะรู้ได้ทันที ในตอนที่กรงเล็บของเขาแหวกผ่านอากาศ จ้าวต้าก็ได้รู้ว่าท่าไม่ดีเสียแล้ว

        เมื่อสัมผัสได้ถึงฝ่ามือที่หน้าท้องของตน จ้าวต้าก็หน้าเปลี่ยนสีและรีบถอยร่างตัวเองออกมาอย่างรวดเร็ว เขาไม่รู้ว่าหลู่เส่าโหย่วใช้วิชาใดออกมา มวลอากาศด้านหน้ามีความผันผวนเล็กน้อย จากนั้นก็มีระลอกคลื่นวงกลมสีเหลืองอ่อนปรากฏขึ้นมาในอากาศ

        ในตอนที่ฝ่ามือของหลู่เส่าโหย่วกระแทกลงไป หลังจากผ่านระลอกคลื่นสีเหลืองอ่อนไปหลายอัน พลังทำลายของมันก็ลดลงไปไม่น้อย แต่พลังทำลายที่เหลืออยู่นั้นได้กระแทกเข้ากับท้องน้อยของจ้าวต้าอย่างโหดเหี้ยม

        ในวินาทีนั้น จ้าวต้าก็ได้ถอยโซเซไปด้านหลัง หากเขาระมัดระวังมากกว่านี้ก็คงเป็นไปไม่ได้เลยที่หลู่เส่าโหย่วจะสามารถโจมตีให้โดนได้โดยใช้เพียงฝ่ามือเดียว ทว่าในตอนแรกเริ่มนั้น จ้าวต้ากลับไม่ได้นำหลู่เส่าโหย่วที่ไร้ค่าไปอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย ในตอนนี้เขาจึงได้กลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

        หลู่เส่าโหย่วเตรียมพร้อมมานานแล้ว หลังผ่านการฝึกฝนกับลุงหนาน ทักษะการต่อสู้และประสบการณ์ของเขาก็ได้รับการยอมรับจากลุงหนานแล้ว ในเวลานี้ หลู่เส่าโหย่วมีท่าทีที่สงบเป็นอย่างมาก ท่าประทับในมือได้เปลี่ยนแปลงไป ข้อมือของหลู่เส่าโหย่วโค้งงอเป็นสี่สิบห้าองศา จากนั้นก็ปล่อยพลังลมปราณสีเหลืองอ่อนออกมา และด้วยอารมณ์ของเขาในตอนนี้ที่ต้องการจะทะลวงทุกสิ่ง หลู่เส่าโหย่วจึงโบกมือไปทางจ้าวต้าอย่างโหดเหี้ยม ตัวเขาในตอนนี้ได้ใช้พลังทั้งหมดแล้ว

        “พลังบ่มเพาะระดับนักรบ” เมื่อเห็นความผันผวนรอบตัวของหลู่เส่าโหย่ว จ้าวฮุ่ยที่อยู่ห่างออกไปก็หน้าเปลี่ยนสีทันที แม้แต่หลู่หวู๋ซวงที่ติดอยู่หลังกำแพงไฟก็ต้องประหลาดใจ

        “เจ้าลูกผสม ตายซะเถอะ” จ้าวฮุ่ยได้เปลี่ยนรอยประทับในมือของของตน ทันใดนั้นกำแพงที่อยู่ด้านหน้าของหลู่หวู๋ซวงก็สลายหายไป จากนั้นลูกไฟขนาดครึ่งเมตรก็ปรากฏตรงระหว่างสองมือของจ้าวฮุ่ยขึ้นมาแทน ทันใดนั้นเอง นางก็ปล่อยลูกไฟใส่แผ่นหลังของหลู่เส่าโหย่วในทันที

        เกิดเสียงลูกไฟที่แผดเผาอากาศดังขึ้น ความแข็งแกร่งของจ้าวฮุ่ยนั้นได้มาถึงระดับที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก สิ่งเพาะปลูกภายในลานบ้านที่ถูกลูกไฟของจ้าวฮุ่ยก็พลันเหี่ยวเฉาและเปลี่ยนเป็นสีเหลืองในทันที

        “น้องสะใภ้ ต้องลงมือโหดร้ายขนาดนี้เลยหรือ” ในตอนนั้นเองก็ได้มีเสียงทุ้มต่ำเสียงหนึ่งดังขึ้น จากนั้นก็ได้มีร่างร่างหนึ่งกระโดดเข้ามาจากด้านนอกลานบ้าน ในมือของเขาได้ปรากฏม่านน้ำห่อหุ้มลูกไฟของจ้าวฮุ่ยเอาไว้ด้านในทันที

        ในเวลานั้น ฝ่ามือของหลู่เส่าโหย่วก็ตกลงมาอย่างฉับพลัน พลังอันรุนแรงของเขาได้ไปกระแทกเข้ากับหน้าอกของจ้าวต้า เมื่อหน้าอกถูกโจมตีด้วยพลังลมปราณที่รุนแรง ร่างของจ้าวต้าก็ถูกสะท้อนกลับไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีที่ซีดขาวในทันที

        “ปัง!”

        จ้าวต้าพ่นเลือดสดๆ ออกมาจากปาก ภายในเลือดของเขานั้นดูเหมือนจะมีเศษของอะไรบางอย่าง น่าจะเป็นเศษของอวัยวะภายในที่ถูกทำลาย

        หลู่เส่าโหย่วลงมืออย่างไร้ปรานี หลังจากได้รับการฝึกฝนกับลุงหนาน เพียงแค่หลู่เส่าโหย่วลงมือก็ถือเป็นท่ารุกฆาต และเขาจะไม่มีวันเหลือโอกาสใดๆ ให้คู่ต่อสู้ อีกทั้งเขายังมีจิตคิดสังหารจ้าวต้าผู้นี้ ทำให้หลู่เส่าโหย่วยิ่งต้องใช้พลังทั้งหมดที่มียามที่ได้ลงมือ

        หากเทียบพลังบ่มเพาะของหลู่เส่าโหย่วกับจ้าวต้าแล้ว เดิมทีจ้าวต้าจะอยู่สูงกว่าเขาหนึ่งระดับ แต่เพราะจ้าวต้ามัวแต่ประมาทในตอนต้นและไม่ได้เตรียมพร้อมให้ดี ทำให้จ้าวต้าถูกกระบวนท่าสังหารของหลู่เส่าโหย่วด้วยการโต้ตอบเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

        เลือดของจ้าวต้าที่ไหลออกมามีเศษอวัยวะภายในที่ถูกทำลายปะปนอยู่ จ้าวต้าเดินถอยไปทางด้านหลังอย่างโซเซไร้เรี่ยวแรง จากนั้นก็ล้มลงบนพื้น เขามองหลู่เส่าโหย่วอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในแววตาของจ้าวต้ามีความหวาดกลัวปรากฏขึ้นมาครู่หนึ่ง ถึงแม้ว่าหลู่เส่าโหย่วจะใช้พลังทั้งหมดที่มี แต่ก็ยังไม่สามารถสังหารจ้าวต้าได้

        จ้าวต้านั้นมีพลังบ่มเพาะระดับนักรบ หากหลู่เส่าโหย่วอยากจะสังหารเขา ก็ดูเหมือนว่าจะยังขาดพลังอีกเล็กน้อย ในตอนนี้คงทำได้แค่ทำให้จ้าวต้าบาดเจ็บหนักเท่านั้น

        “ตูมตูม…”

        เสียงระเบิดดังขึ้นภายในลานบ้าน จากนั้นก็มีเปลวไฟและละอองน้ำตกลงมาจากท้องฟ้า แต่ก่อนที่มันกำลังจะตกถึงพื้น ละอองน้ำและเปลวไฟนั้นก็ได้หมดพลังลงและสลายหายไปในอากาศ

 

        ในด้านของหลู่เสี่ยวไป๋กับจ้าวเอ้อร์นั้นก็ได้หยุดปะทะกันแล้ว ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาปะทะกัน หลู่เสี่ยวไป๋นั้นเป็นฝ่ายถูกกดดันมาโดยตลอด บนร่างของเขาก็ถูกจ้าวเอ้อร์โจมตีไปหนึ่งหมัด เป็นเพราะหลู่เสี่ยวไป๋ยังขาดประสบการณ์การต่อสู้ และพลังบ่มเพาะของพวกเขาก็แตกต่างกันเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไร เขาก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากมาย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ 33 ต่อสู้

Now you are reading จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ Chapter 33 ต่อสู้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        หลู่หวู๋ซวงได้พุ่งไปทางจ้าวต้าอีกครั้ง ทำให้จ้าวฮุ่ยเผยสีหน้ามืดมน จากนั้นสองมือของนางก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นท่าประทับ ทันใดนั้นก็ได้มีกำแพงไฟออกมาขวางกั้นด้านหน้าของหลู่หวู๋ซวงในทันที

        “พลังระดับปรมาจารย์ของเจ้ายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า เจ้าอยู่เฉยๆ เถอะ” จ้าวฮุ่ยกล่าวอย่างเย้ยหยัน

        หลู่หวู๋ซวงฟันดาบจันทร์ครามในมือจนเกิดเงาดาบหลายอัน ทำให้เกิดกระแสลมที่รุนแรง แต่เมื่อมันตกลงบนกำแพงไฟก็กลับแตกสลายหายไปในทันที หลู่หวู๋ซวงมีสีหน้าเปลี่ยนไป นางรู้ดีว่าความแข็งแกร่งของนางยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวฮุ่ย เพราะจ้าวฮุ่ยผู้นี้อยู่ระดับยอดยุทธ์แล้ว ซึ่งเป็นระดับที่ต่างกับนางมากเกินไป

        “เจ้าลูกผสม มาดูกันว่าใครจะช่วยเจ้าได้อีก” เมื่อมองไปยังหลู่เส่าโหย่ว จ้าวต้าก็กล่าวถ้อยคำเยาะเย้ย ขณะเดียวกันในมือของจ้าวต้าก็ได้รวบรวมพลังลมปราณสีกากีอย่างรวดเร็ว

        ในตอนที่ร่างของจ้าวต้าพุ่งเข้าไปหาหลู่เส่าโหย่วนั้น ฝ่ามือของเขาก็ขดเป็นกรงเล็บแหลมคม แล้วพุ่งตรงไปที่หน้าอกของหลู่เส่าโหย่ว พลังลมปราณสีกากีได้รวบรวมอยู่ที่ปลายนิ้วของจ้าวต้า ทำให้ดูเหมือนว่าเขากำลังสวมใส่ถุงมือกรงเล็บที่แหลมคมอย่างไรอย่างนั้น

        กรงเล็บนั้นทำให้เกิดเสียงระเบิดของสายลมและพุ่งไปหาหลู่เส่าโหย่วอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้ ลั่วหลานซือที่อยู่ด้านข้างก็ตกใจกลัวจนหน้าเปลี่ยนสีและไม่สามารถกล่าวอะไรออกมาได้

        เมื่อมองไปที่กรงเล็บของจ้าวต้า หลู่เส่าโหย่วก็รู้สึกถึงเสียงแหลมเบาๆ ของกรงเล็บที่ฉีกผ่านอากาศ จากนั้นเขาก็หรี่ตาลงเล็กน้อย จ้าวต้าผู้นี้เป็นผู้ฝึกยุทธ์สายธาตุดินและมีระดับพลังของนักรบขั้นสอง แต่ถึงอย่างไรตัวเขาก็ไม่กลัว ในตอนที่เขาปะทะฝีมือกับลุงหนาน ถึงแม้ลุงหนานจะปรับระดับพลังให้อยู่ในระดับนักรบขั้นหนึ่ง แต่พลังที่ลุงหนานได้ปล่อยออกมานั้นทรงพลังกว่าจ้าวต้าที่มีระดับบ่มเพาะขั้นสองเล็กน้อย

        ตัวเขาที่เผชิญหน้ากับลุงหนานยังสามารถรับหมัดนั้นได้ ไม่ต้องพูดถึงจ้าวต้าผู้นี้ หากเทียบจ้าวต้ากับลุงหนานแล้ว มันช่างแตกต่างกันยิ่งนัก

        ทันใดนั้น ในดวงตาของหลู่เส่าโหย่วก็ฉายแววของความเย็นชา ท่าประทับในมือของเขาได้หลอมรวมกันในเวลาเดียวกับที่ร่างของเขาเบี่ยงหลบไปทางซ้าย มือซ้ายของเขาโค้งงอและกระแทกลงกับพื้นดิน พลังลมปราณที่มองไม่เห็นได้กระแทกลงกับพื้น หลู่เส่าโหย่วใช้ประโยชน์จากมันในการหลบกรงเล็บของจ้าวต้าอย่างรวดเร็ว

        กรงเล็บได้เฉียดผ่านจมูกของหลู่เส่าโหย่วไปและมันนำพามาซึ่งกระแสลมที่รุนแรง ทำให้ผมของหลู่เส่าโหย่วสยายออกในทันที

        และในตอนที่หลู่เส่าโหย่วหลบกรงเล็บของจ้าวต้า เขาก็ได้ปล่อยฝ่ามือออกไปอย่างไม่รีรอ ฝ่ามือของเขาที่ปล่อยออกไปนั้นรวดเร็วราวกับลูกศรที่ถูกปล่อยออกจากคันธนู และมันก็นำพามาซึ่งพลังลมปราณสีเหลืองอ่อน ฝ่ามือนั้นได้กระแทกลงไปที่ท้องน้อยของจ้าวต้า

        เมื่อจ้าวต้ารู้ว่ากรงเล็บของตนกรีดโดนอากาศ เขาก็รู้สึกได้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ จากคำบอกเล่าของผู้ที่เห็นเหตุการณ์ในห้องซักผ้า จ้าวต้าก็เดาได้ว่าหลู่เส่าโหย่วน่าจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว ไม่เช่นนั้นหลู่เส่าโหย่วจะสามารถฆ่าจ้าวซานได้อย่างไร จ้าวซานนั้นเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับสาวกซึ่งถือว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่แท้จริงแล้ว ผู้ชายร่างใหญ่ห้าคนยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวซานได้เลย

        แต่เรื่องที่หลู่เส่าโหย่วได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว จ้าวต้านั้นยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก เมื่อหนึ่งเดือนก่อนพวกเขาได้ซ้อมหลู่เส่าโหย่วไปหนึ่งยก นี่ก็พึ่งจะผ่านมาแค่เดือนกว่าเท่านั้น หลู่เส่าโหย่วมันจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้อย่างไร แต่เมื่อมาถึงตอนนี้ จ้าวต้าก็เชื่อแล้ว เพียงเริ่มลงมือพวกเขาก็จะรู้ได้ทันที ในตอนที่กรงเล็บของเขาแหวกผ่านอากาศ จ้าวต้าก็ได้รู้ว่าท่าไม่ดีเสียแล้ว

        เมื่อสัมผัสได้ถึงฝ่ามือที่หน้าท้องของตน จ้าวต้าก็หน้าเปลี่ยนสีและรีบถอยร่างตัวเองออกมาอย่างรวดเร็ว เขาไม่รู้ว่าหลู่เส่าโหย่วใช้วิชาใดออกมา มวลอากาศด้านหน้ามีความผันผวนเล็กน้อย จากนั้นก็มีระลอกคลื่นวงกลมสีเหลืองอ่อนปรากฏขึ้นมาในอากาศ

        ในตอนที่ฝ่ามือของหลู่เส่าโหย่วกระแทกลงไป หลังจากผ่านระลอกคลื่นสีเหลืองอ่อนไปหลายอัน พลังทำลายของมันก็ลดลงไปไม่น้อย แต่พลังทำลายที่เหลืออยู่นั้นได้กระแทกเข้ากับท้องน้อยของจ้าวต้าอย่างโหดเหี้ยม

        ในวินาทีนั้น จ้าวต้าก็ได้ถอยโซเซไปด้านหลัง หากเขาระมัดระวังมากกว่านี้ก็คงเป็นไปไม่ได้เลยที่หลู่เส่าโหย่วจะสามารถโจมตีให้โดนได้โดยใช้เพียงฝ่ามือเดียว ทว่าในตอนแรกเริ่มนั้น จ้าวต้ากลับไม่ได้นำหลู่เส่าโหย่วที่ไร้ค่าไปอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย ในตอนนี้เขาจึงได้กลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

        หลู่เส่าโหย่วเตรียมพร้อมมานานแล้ว หลังผ่านการฝึกฝนกับลุงหนาน ทักษะการต่อสู้และประสบการณ์ของเขาก็ได้รับการยอมรับจากลุงหนานแล้ว ในเวลานี้ หลู่เส่าโหย่วมีท่าทีที่สงบเป็นอย่างมาก ท่าประทับในมือได้เปลี่ยนแปลงไป ข้อมือของหลู่เส่าโหย่วโค้งงอเป็นสี่สิบห้าองศา จากนั้นก็ปล่อยพลังลมปราณสีเหลืองอ่อนออกมา และด้วยอารมณ์ของเขาในตอนนี้ที่ต้องการจะทะลวงทุกสิ่ง หลู่เส่าโหย่วจึงโบกมือไปทางจ้าวต้าอย่างโหดเหี้ยม ตัวเขาในตอนนี้ได้ใช้พลังทั้งหมดแล้ว

        “พลังบ่มเพาะระดับนักรบ” เมื่อเห็นความผันผวนรอบตัวของหลู่เส่าโหย่ว จ้าวฮุ่ยที่อยู่ห่างออกไปก็หน้าเปลี่ยนสีทันที แม้แต่หลู่หวู๋ซวงที่ติดอยู่หลังกำแพงไฟก็ต้องประหลาดใจ

        “เจ้าลูกผสม ตายซะเถอะ” จ้าวฮุ่ยได้เปลี่ยนรอยประทับในมือของของตน ทันใดนั้นกำแพงที่อยู่ด้านหน้าของหลู่หวู๋ซวงก็สลายหายไป จากนั้นลูกไฟขนาดครึ่งเมตรก็ปรากฏตรงระหว่างสองมือของจ้าวฮุ่ยขึ้นมาแทน ทันใดนั้นเอง นางก็ปล่อยลูกไฟใส่แผ่นหลังของหลู่เส่าโหย่วในทันที

        เกิดเสียงลูกไฟที่แผดเผาอากาศดังขึ้น ความแข็งแกร่งของจ้าวฮุ่ยนั้นได้มาถึงระดับที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก สิ่งเพาะปลูกภายในลานบ้านที่ถูกลูกไฟของจ้าวฮุ่ยก็พลันเหี่ยวเฉาและเปลี่ยนเป็นสีเหลืองในทันที

        “น้องสะใภ้ ต้องลงมือโหดร้ายขนาดนี้เลยหรือ” ในตอนนั้นเองก็ได้มีเสียงทุ้มต่ำเสียงหนึ่งดังขึ้น จากนั้นก็ได้มีร่างร่างหนึ่งกระโดดเข้ามาจากด้านนอกลานบ้าน ในมือของเขาได้ปรากฏม่านน้ำห่อหุ้มลูกไฟของจ้าวฮุ่ยเอาไว้ด้านในทันที

        ในเวลานั้น ฝ่ามือของหลู่เส่าโหย่วก็ตกลงมาอย่างฉับพลัน พลังอันรุนแรงของเขาได้ไปกระแทกเข้ากับหน้าอกของจ้าวต้า เมื่อหน้าอกถูกโจมตีด้วยพลังลมปราณที่รุนแรง ร่างของจ้าวต้าก็ถูกสะท้อนกลับไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีที่ซีดขาวในทันที

        “ปัง!”

        จ้าวต้าพ่นเลือดสดๆ ออกมาจากปาก ภายในเลือดของเขานั้นดูเหมือนจะมีเศษของอะไรบางอย่าง น่าจะเป็นเศษของอวัยวะภายในที่ถูกทำลาย

        หลู่เส่าโหย่วลงมืออย่างไร้ปรานี หลังจากได้รับการฝึกฝนกับลุงหนาน เพียงแค่หลู่เส่าโหย่วลงมือก็ถือเป็นท่ารุกฆาต และเขาจะไม่มีวันเหลือโอกาสใดๆ ให้คู่ต่อสู้ อีกทั้งเขายังมีจิตคิดสังหารจ้าวต้าผู้นี้ ทำให้หลู่เส่าโหย่วยิ่งต้องใช้พลังทั้งหมดที่มียามที่ได้ลงมือ

        หากเทียบพลังบ่มเพาะของหลู่เส่าโหย่วกับจ้าวต้าแล้ว เดิมทีจ้าวต้าจะอยู่สูงกว่าเขาหนึ่งระดับ แต่เพราะจ้าวต้ามัวแต่ประมาทในตอนต้นและไม่ได้เตรียมพร้อมให้ดี ทำให้จ้าวต้าถูกกระบวนท่าสังหารของหลู่เส่าโหย่วด้วยการโต้ตอบเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

        เลือดของจ้าวต้าที่ไหลออกมามีเศษอวัยวะภายในที่ถูกทำลายปะปนอยู่ จ้าวต้าเดินถอยไปทางด้านหลังอย่างโซเซไร้เรี่ยวแรง จากนั้นก็ล้มลงบนพื้น เขามองหลู่เส่าโหย่วอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในแววตาของจ้าวต้ามีความหวาดกลัวปรากฏขึ้นมาครู่หนึ่ง ถึงแม้ว่าหลู่เส่าโหย่วจะใช้พลังทั้งหมดที่มี แต่ก็ยังไม่สามารถสังหารจ้าวต้าได้

        จ้าวต้านั้นมีพลังบ่มเพาะระดับนักรบ หากหลู่เส่าโหย่วอยากจะสังหารเขา ก็ดูเหมือนว่าจะยังขาดพลังอีกเล็กน้อย ในตอนนี้คงทำได้แค่ทำให้จ้าวต้าบาดเจ็บหนักเท่านั้น

        “ตูมตูม…”

        เสียงระเบิดดังขึ้นภายในลานบ้าน จากนั้นก็มีเปลวไฟและละอองน้ำตกลงมาจากท้องฟ้า แต่ก่อนที่มันกำลังจะตกถึงพื้น ละอองน้ำและเปลวไฟนั้นก็ได้หมดพลังลงและสลายหายไปในอากาศ

 

        ในด้านของหลู่เสี่ยวไป๋กับจ้าวเอ้อร์นั้นก็ได้หยุดปะทะกันแล้ว ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาปะทะกัน หลู่เสี่ยวไป๋นั้นเป็นฝ่ายถูกกดดันมาโดยตลอด บนร่างของเขาก็ถูกจ้าวเอ้อร์โจมตีไปหนึ่งหมัด เป็นเพราะหลู่เสี่ยวไป๋ยังขาดประสบการณ์การต่อสู้ และพลังบ่มเพาะของพวกเขาก็แตกต่างกันเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไร เขาก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากมาย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ 33 ต่อสู้

Now you are reading จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ Chapter 33 ต่อสู้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        หลู่หวู๋ซวงได้พุ่งไปทางจ้าวต้าอีกครั้ง ทำให้จ้าวฮุ่ยเผยสีหน้ามืดมน จากนั้นสองมือของนางก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นท่าประทับ ทันใดนั้นก็ได้มีกำแพงไฟออกมาขวางกั้นด้านหน้าของหลู่หวู๋ซวงในทันที

        “พลังระดับปรมาจารย์ของเจ้ายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า เจ้าอยู่เฉยๆ เถอะ” จ้าวฮุ่ยกล่าวอย่างเย้ยหยัน

        หลู่หวู๋ซวงฟันดาบจันทร์ครามในมือจนเกิดเงาดาบหลายอัน ทำให้เกิดกระแสลมที่รุนแรง แต่เมื่อมันตกลงบนกำแพงไฟก็กลับแตกสลายหายไปในทันที หลู่หวู๋ซวงมีสีหน้าเปลี่ยนไป นางรู้ดีว่าความแข็งแกร่งของนางยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวฮุ่ย เพราะจ้าวฮุ่ยผู้นี้อยู่ระดับยอดยุทธ์แล้ว ซึ่งเป็นระดับที่ต่างกับนางมากเกินไป

        “เจ้าลูกผสม มาดูกันว่าใครจะช่วยเจ้าได้อีก” เมื่อมองไปยังหลู่เส่าโหย่ว จ้าวต้าก็กล่าวถ้อยคำเยาะเย้ย ขณะเดียวกันในมือของจ้าวต้าก็ได้รวบรวมพลังลมปราณสีกากีอย่างรวดเร็ว

        ในตอนที่ร่างของจ้าวต้าพุ่งเข้าไปหาหลู่เส่าโหย่วนั้น ฝ่ามือของเขาก็ขดเป็นกรงเล็บแหลมคม แล้วพุ่งตรงไปที่หน้าอกของหลู่เส่าโหย่ว พลังลมปราณสีกากีได้รวบรวมอยู่ที่ปลายนิ้วของจ้าวต้า ทำให้ดูเหมือนว่าเขากำลังสวมใส่ถุงมือกรงเล็บที่แหลมคมอย่างไรอย่างนั้น

        กรงเล็บนั้นทำให้เกิดเสียงระเบิดของสายลมและพุ่งไปหาหลู่เส่าโหย่วอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้ ลั่วหลานซือที่อยู่ด้านข้างก็ตกใจกลัวจนหน้าเปลี่ยนสีและไม่สามารถกล่าวอะไรออกมาได้

        เมื่อมองไปที่กรงเล็บของจ้าวต้า หลู่เส่าโหย่วก็รู้สึกถึงเสียงแหลมเบาๆ ของกรงเล็บที่ฉีกผ่านอากาศ จากนั้นเขาก็หรี่ตาลงเล็กน้อย จ้าวต้าผู้นี้เป็นผู้ฝึกยุทธ์สายธาตุดินและมีระดับพลังของนักรบขั้นสอง แต่ถึงอย่างไรตัวเขาก็ไม่กลัว ในตอนที่เขาปะทะฝีมือกับลุงหนาน ถึงแม้ลุงหนานจะปรับระดับพลังให้อยู่ในระดับนักรบขั้นหนึ่ง แต่พลังที่ลุงหนานได้ปล่อยออกมานั้นทรงพลังกว่าจ้าวต้าที่มีระดับบ่มเพาะขั้นสองเล็กน้อย

        ตัวเขาที่เผชิญหน้ากับลุงหนานยังสามารถรับหมัดนั้นได้ ไม่ต้องพูดถึงจ้าวต้าผู้นี้ หากเทียบจ้าวต้ากับลุงหนานแล้ว มันช่างแตกต่างกันยิ่งนัก

        ทันใดนั้น ในดวงตาของหลู่เส่าโหย่วก็ฉายแววของความเย็นชา ท่าประทับในมือของเขาได้หลอมรวมกันในเวลาเดียวกับที่ร่างของเขาเบี่ยงหลบไปทางซ้าย มือซ้ายของเขาโค้งงอและกระแทกลงกับพื้นดิน พลังลมปราณที่มองไม่เห็นได้กระแทกลงกับพื้น หลู่เส่าโหย่วใช้ประโยชน์จากมันในการหลบกรงเล็บของจ้าวต้าอย่างรวดเร็ว

        กรงเล็บได้เฉียดผ่านจมูกของหลู่เส่าโหย่วไปและมันนำพามาซึ่งกระแสลมที่รุนแรง ทำให้ผมของหลู่เส่าโหย่วสยายออกในทันที

        และในตอนที่หลู่เส่าโหย่วหลบกรงเล็บของจ้าวต้า เขาก็ได้ปล่อยฝ่ามือออกไปอย่างไม่รีรอ ฝ่ามือของเขาที่ปล่อยออกไปนั้นรวดเร็วราวกับลูกศรที่ถูกปล่อยออกจากคันธนู และมันก็นำพามาซึ่งพลังลมปราณสีเหลืองอ่อน ฝ่ามือนั้นได้กระแทกลงไปที่ท้องน้อยของจ้าวต้า

        เมื่อจ้าวต้ารู้ว่ากรงเล็บของตนกรีดโดนอากาศ เขาก็รู้สึกได้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ จากคำบอกเล่าของผู้ที่เห็นเหตุการณ์ในห้องซักผ้า จ้าวต้าก็เดาได้ว่าหลู่เส่าโหย่วน่าจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว ไม่เช่นนั้นหลู่เส่าโหย่วจะสามารถฆ่าจ้าวซานได้อย่างไร จ้าวซานนั้นเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับสาวกซึ่งถือว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่แท้จริงแล้ว ผู้ชายร่างใหญ่ห้าคนยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวซานได้เลย

        แต่เรื่องที่หลู่เส่าโหย่วได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว จ้าวต้านั้นยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก เมื่อหนึ่งเดือนก่อนพวกเขาได้ซ้อมหลู่เส่าโหย่วไปหนึ่งยก นี่ก็พึ่งจะผ่านมาแค่เดือนกว่าเท่านั้น หลู่เส่าโหย่วมันจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้อย่างไร แต่เมื่อมาถึงตอนนี้ จ้าวต้าก็เชื่อแล้ว เพียงเริ่มลงมือพวกเขาก็จะรู้ได้ทันที ในตอนที่กรงเล็บของเขาแหวกผ่านอากาศ จ้าวต้าก็ได้รู้ว่าท่าไม่ดีเสียแล้ว

        เมื่อสัมผัสได้ถึงฝ่ามือที่หน้าท้องของตน จ้าวต้าก็หน้าเปลี่ยนสีและรีบถอยร่างตัวเองออกมาอย่างรวดเร็ว เขาไม่รู้ว่าหลู่เส่าโหย่วใช้วิชาใดออกมา มวลอากาศด้านหน้ามีความผันผวนเล็กน้อย จากนั้นก็มีระลอกคลื่นวงกลมสีเหลืองอ่อนปรากฏขึ้นมาในอากาศ

        ในตอนที่ฝ่ามือของหลู่เส่าโหย่วกระแทกลงไป หลังจากผ่านระลอกคลื่นสีเหลืองอ่อนไปหลายอัน พลังทำลายของมันก็ลดลงไปไม่น้อย แต่พลังทำลายที่เหลืออยู่นั้นได้กระแทกเข้ากับท้องน้อยของจ้าวต้าอย่างโหดเหี้ยม

        ในวินาทีนั้น จ้าวต้าก็ได้ถอยโซเซไปด้านหลัง หากเขาระมัดระวังมากกว่านี้ก็คงเป็นไปไม่ได้เลยที่หลู่เส่าโหย่วจะสามารถโจมตีให้โดนได้โดยใช้เพียงฝ่ามือเดียว ทว่าในตอนแรกเริ่มนั้น จ้าวต้ากลับไม่ได้นำหลู่เส่าโหย่วที่ไร้ค่าไปอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย ในตอนนี้เขาจึงได้กลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

        หลู่เส่าโหย่วเตรียมพร้อมมานานแล้ว หลังผ่านการฝึกฝนกับลุงหนาน ทักษะการต่อสู้และประสบการณ์ของเขาก็ได้รับการยอมรับจากลุงหนานแล้ว ในเวลานี้ หลู่เส่าโหย่วมีท่าทีที่สงบเป็นอย่างมาก ท่าประทับในมือได้เปลี่ยนแปลงไป ข้อมือของหลู่เส่าโหย่วโค้งงอเป็นสี่สิบห้าองศา จากนั้นก็ปล่อยพลังลมปราณสีเหลืองอ่อนออกมา และด้วยอารมณ์ของเขาในตอนนี้ที่ต้องการจะทะลวงทุกสิ่ง หลู่เส่าโหย่วจึงโบกมือไปทางจ้าวต้าอย่างโหดเหี้ยม ตัวเขาในตอนนี้ได้ใช้พลังทั้งหมดแล้ว

        “พลังบ่มเพาะระดับนักรบ” เมื่อเห็นความผันผวนรอบตัวของหลู่เส่าโหย่ว จ้าวฮุ่ยที่อยู่ห่างออกไปก็หน้าเปลี่ยนสีทันที แม้แต่หลู่หวู๋ซวงที่ติดอยู่หลังกำแพงไฟก็ต้องประหลาดใจ

        “เจ้าลูกผสม ตายซะเถอะ” จ้าวฮุ่ยได้เปลี่ยนรอยประทับในมือของของตน ทันใดนั้นกำแพงที่อยู่ด้านหน้าของหลู่หวู๋ซวงก็สลายหายไป จากนั้นลูกไฟขนาดครึ่งเมตรก็ปรากฏตรงระหว่างสองมือของจ้าวฮุ่ยขึ้นมาแทน ทันใดนั้นเอง นางก็ปล่อยลูกไฟใส่แผ่นหลังของหลู่เส่าโหย่วในทันที

        เกิดเสียงลูกไฟที่แผดเผาอากาศดังขึ้น ความแข็งแกร่งของจ้าวฮุ่ยนั้นได้มาถึงระดับที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก สิ่งเพาะปลูกภายในลานบ้านที่ถูกลูกไฟของจ้าวฮุ่ยก็พลันเหี่ยวเฉาและเปลี่ยนเป็นสีเหลืองในทันที

        “น้องสะใภ้ ต้องลงมือโหดร้ายขนาดนี้เลยหรือ” ในตอนนั้นเองก็ได้มีเสียงทุ้มต่ำเสียงหนึ่งดังขึ้น จากนั้นก็ได้มีร่างร่างหนึ่งกระโดดเข้ามาจากด้านนอกลานบ้าน ในมือของเขาได้ปรากฏม่านน้ำห่อหุ้มลูกไฟของจ้าวฮุ่ยเอาไว้ด้านในทันที

        ในเวลานั้น ฝ่ามือของหลู่เส่าโหย่วก็ตกลงมาอย่างฉับพลัน พลังอันรุนแรงของเขาได้ไปกระแทกเข้ากับหน้าอกของจ้าวต้า เมื่อหน้าอกถูกโจมตีด้วยพลังลมปราณที่รุนแรง ร่างของจ้าวต้าก็ถูกสะท้อนกลับไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีที่ซีดขาวในทันที

        “ปัง!”

        จ้าวต้าพ่นเลือดสดๆ ออกมาจากปาก ภายในเลือดของเขานั้นดูเหมือนจะมีเศษของอะไรบางอย่าง น่าจะเป็นเศษของอวัยวะภายในที่ถูกทำลาย

        หลู่เส่าโหย่วลงมืออย่างไร้ปรานี หลังจากได้รับการฝึกฝนกับลุงหนาน เพียงแค่หลู่เส่าโหย่วลงมือก็ถือเป็นท่ารุกฆาต และเขาจะไม่มีวันเหลือโอกาสใดๆ ให้คู่ต่อสู้ อีกทั้งเขายังมีจิตคิดสังหารจ้าวต้าผู้นี้ ทำให้หลู่เส่าโหย่วยิ่งต้องใช้พลังทั้งหมดที่มียามที่ได้ลงมือ

        หากเทียบพลังบ่มเพาะของหลู่เส่าโหย่วกับจ้าวต้าแล้ว เดิมทีจ้าวต้าจะอยู่สูงกว่าเขาหนึ่งระดับ แต่เพราะจ้าวต้ามัวแต่ประมาทในตอนต้นและไม่ได้เตรียมพร้อมให้ดี ทำให้จ้าวต้าถูกกระบวนท่าสังหารของหลู่เส่าโหย่วด้วยการโต้ตอบเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

        เลือดของจ้าวต้าที่ไหลออกมามีเศษอวัยวะภายในที่ถูกทำลายปะปนอยู่ จ้าวต้าเดินถอยไปทางด้านหลังอย่างโซเซไร้เรี่ยวแรง จากนั้นก็ล้มลงบนพื้น เขามองหลู่เส่าโหย่วอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในแววตาของจ้าวต้ามีความหวาดกลัวปรากฏขึ้นมาครู่หนึ่ง ถึงแม้ว่าหลู่เส่าโหย่วจะใช้พลังทั้งหมดที่มี แต่ก็ยังไม่สามารถสังหารจ้าวต้าได้

        จ้าวต้านั้นมีพลังบ่มเพาะระดับนักรบ หากหลู่เส่าโหย่วอยากจะสังหารเขา ก็ดูเหมือนว่าจะยังขาดพลังอีกเล็กน้อย ในตอนนี้คงทำได้แค่ทำให้จ้าวต้าบาดเจ็บหนักเท่านั้น

        “ตูมตูม…”

        เสียงระเบิดดังขึ้นภายในลานบ้าน จากนั้นก็มีเปลวไฟและละอองน้ำตกลงมาจากท้องฟ้า แต่ก่อนที่มันกำลังจะตกถึงพื้น ละอองน้ำและเปลวไฟนั้นก็ได้หมดพลังลงและสลายหายไปในอากาศ

 

        ในด้านของหลู่เสี่ยวไป๋กับจ้าวเอ้อร์นั้นก็ได้หยุดปะทะกันแล้ว ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาปะทะกัน หลู่เสี่ยวไป๋นั้นเป็นฝ่ายถูกกดดันมาโดยตลอด บนร่างของเขาก็ถูกจ้าวเอ้อร์โจมตีไปหนึ่งหมัด เป็นเพราะหลู่เสี่ยวไป๋ยังขาดประสบการณ์การต่อสู้ และพลังบ่มเพาะของพวกเขาก็แตกต่างกันเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไร เขาก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากมาย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ 33 ต่อสู้

Now you are reading จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ Chapter 33 ต่อสู้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        หลู่หวู๋ซวงได้พุ่งไปทางจ้าวต้าอีกครั้ง ทำให้จ้าวฮุ่ยเผยสีหน้ามืดมน จากนั้นสองมือของนางก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นท่าประทับ ทันใดนั้นก็ได้มีกำแพงไฟออกมาขวางกั้นด้านหน้าของหลู่หวู๋ซวงในทันที

        “พลังระดับปรมาจารย์ของเจ้ายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า เจ้าอยู่เฉยๆ เถอะ” จ้าวฮุ่ยกล่าวอย่างเย้ยหยัน

        หลู่หวู๋ซวงฟันดาบจันทร์ครามในมือจนเกิดเงาดาบหลายอัน ทำให้เกิดกระแสลมที่รุนแรง แต่เมื่อมันตกลงบนกำแพงไฟก็กลับแตกสลายหายไปในทันที หลู่หวู๋ซวงมีสีหน้าเปลี่ยนไป นางรู้ดีว่าความแข็งแกร่งของนางยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวฮุ่ย เพราะจ้าวฮุ่ยผู้นี้อยู่ระดับยอดยุทธ์แล้ว ซึ่งเป็นระดับที่ต่างกับนางมากเกินไป

        “เจ้าลูกผสม มาดูกันว่าใครจะช่วยเจ้าได้อีก” เมื่อมองไปยังหลู่เส่าโหย่ว จ้าวต้าก็กล่าวถ้อยคำเยาะเย้ย ขณะเดียวกันในมือของจ้าวต้าก็ได้รวบรวมพลังลมปราณสีกากีอย่างรวดเร็ว

        ในตอนที่ร่างของจ้าวต้าพุ่งเข้าไปหาหลู่เส่าโหย่วนั้น ฝ่ามือของเขาก็ขดเป็นกรงเล็บแหลมคม แล้วพุ่งตรงไปที่หน้าอกของหลู่เส่าโหย่ว พลังลมปราณสีกากีได้รวบรวมอยู่ที่ปลายนิ้วของจ้าวต้า ทำให้ดูเหมือนว่าเขากำลังสวมใส่ถุงมือกรงเล็บที่แหลมคมอย่างไรอย่างนั้น

        กรงเล็บนั้นทำให้เกิดเสียงระเบิดของสายลมและพุ่งไปหาหลู่เส่าโหย่วอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้ ลั่วหลานซือที่อยู่ด้านข้างก็ตกใจกลัวจนหน้าเปลี่ยนสีและไม่สามารถกล่าวอะไรออกมาได้

        เมื่อมองไปที่กรงเล็บของจ้าวต้า หลู่เส่าโหย่วก็รู้สึกถึงเสียงแหลมเบาๆ ของกรงเล็บที่ฉีกผ่านอากาศ จากนั้นเขาก็หรี่ตาลงเล็กน้อย จ้าวต้าผู้นี้เป็นผู้ฝึกยุทธ์สายธาตุดินและมีระดับพลังของนักรบขั้นสอง แต่ถึงอย่างไรตัวเขาก็ไม่กลัว ในตอนที่เขาปะทะฝีมือกับลุงหนาน ถึงแม้ลุงหนานจะปรับระดับพลังให้อยู่ในระดับนักรบขั้นหนึ่ง แต่พลังที่ลุงหนานได้ปล่อยออกมานั้นทรงพลังกว่าจ้าวต้าที่มีระดับบ่มเพาะขั้นสองเล็กน้อย

        ตัวเขาที่เผชิญหน้ากับลุงหนานยังสามารถรับหมัดนั้นได้ ไม่ต้องพูดถึงจ้าวต้าผู้นี้ หากเทียบจ้าวต้ากับลุงหนานแล้ว มันช่างแตกต่างกันยิ่งนัก

        ทันใดนั้น ในดวงตาของหลู่เส่าโหย่วก็ฉายแววของความเย็นชา ท่าประทับในมือของเขาได้หลอมรวมกันในเวลาเดียวกับที่ร่างของเขาเบี่ยงหลบไปทางซ้าย มือซ้ายของเขาโค้งงอและกระแทกลงกับพื้นดิน พลังลมปราณที่มองไม่เห็นได้กระแทกลงกับพื้น หลู่เส่าโหย่วใช้ประโยชน์จากมันในการหลบกรงเล็บของจ้าวต้าอย่างรวดเร็ว

        กรงเล็บได้เฉียดผ่านจมูกของหลู่เส่าโหย่วไปและมันนำพามาซึ่งกระแสลมที่รุนแรง ทำให้ผมของหลู่เส่าโหย่วสยายออกในทันที

        และในตอนที่หลู่เส่าโหย่วหลบกรงเล็บของจ้าวต้า เขาก็ได้ปล่อยฝ่ามือออกไปอย่างไม่รีรอ ฝ่ามือของเขาที่ปล่อยออกไปนั้นรวดเร็วราวกับลูกศรที่ถูกปล่อยออกจากคันธนู และมันก็นำพามาซึ่งพลังลมปราณสีเหลืองอ่อน ฝ่ามือนั้นได้กระแทกลงไปที่ท้องน้อยของจ้าวต้า

        เมื่อจ้าวต้ารู้ว่ากรงเล็บของตนกรีดโดนอากาศ เขาก็รู้สึกได้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ จากคำบอกเล่าของผู้ที่เห็นเหตุการณ์ในห้องซักผ้า จ้าวต้าก็เดาได้ว่าหลู่เส่าโหย่วน่าจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว ไม่เช่นนั้นหลู่เส่าโหย่วจะสามารถฆ่าจ้าวซานได้อย่างไร จ้าวซานนั้นเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับสาวกซึ่งถือว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่แท้จริงแล้ว ผู้ชายร่างใหญ่ห้าคนยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวซานได้เลย

        แต่เรื่องที่หลู่เส่าโหย่วได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว จ้าวต้านั้นยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก เมื่อหนึ่งเดือนก่อนพวกเขาได้ซ้อมหลู่เส่าโหย่วไปหนึ่งยก นี่ก็พึ่งจะผ่านมาแค่เดือนกว่าเท่านั้น หลู่เส่าโหย่วมันจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้อย่างไร แต่เมื่อมาถึงตอนนี้ จ้าวต้าก็เชื่อแล้ว เพียงเริ่มลงมือพวกเขาก็จะรู้ได้ทันที ในตอนที่กรงเล็บของเขาแหวกผ่านอากาศ จ้าวต้าก็ได้รู้ว่าท่าไม่ดีเสียแล้ว

        เมื่อสัมผัสได้ถึงฝ่ามือที่หน้าท้องของตน จ้าวต้าก็หน้าเปลี่ยนสีและรีบถอยร่างตัวเองออกมาอย่างรวดเร็ว เขาไม่รู้ว่าหลู่เส่าโหย่วใช้วิชาใดออกมา มวลอากาศด้านหน้ามีความผันผวนเล็กน้อย จากนั้นก็มีระลอกคลื่นวงกลมสีเหลืองอ่อนปรากฏขึ้นมาในอากาศ

        ในตอนที่ฝ่ามือของหลู่เส่าโหย่วกระแทกลงไป หลังจากผ่านระลอกคลื่นสีเหลืองอ่อนไปหลายอัน พลังทำลายของมันก็ลดลงไปไม่น้อย แต่พลังทำลายที่เหลืออยู่นั้นได้กระแทกเข้ากับท้องน้อยของจ้าวต้าอย่างโหดเหี้ยม

        ในวินาทีนั้น จ้าวต้าก็ได้ถอยโซเซไปด้านหลัง หากเขาระมัดระวังมากกว่านี้ก็คงเป็นไปไม่ได้เลยที่หลู่เส่าโหย่วจะสามารถโจมตีให้โดนได้โดยใช้เพียงฝ่ามือเดียว ทว่าในตอนแรกเริ่มนั้น จ้าวต้ากลับไม่ได้นำหลู่เส่าโหย่วที่ไร้ค่าไปอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย ในตอนนี้เขาจึงได้กลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

        หลู่เส่าโหย่วเตรียมพร้อมมานานแล้ว หลังผ่านการฝึกฝนกับลุงหนาน ทักษะการต่อสู้และประสบการณ์ของเขาก็ได้รับการยอมรับจากลุงหนานแล้ว ในเวลานี้ หลู่เส่าโหย่วมีท่าทีที่สงบเป็นอย่างมาก ท่าประทับในมือได้เปลี่ยนแปลงไป ข้อมือของหลู่เส่าโหย่วโค้งงอเป็นสี่สิบห้าองศา จากนั้นก็ปล่อยพลังลมปราณสีเหลืองอ่อนออกมา และด้วยอารมณ์ของเขาในตอนนี้ที่ต้องการจะทะลวงทุกสิ่ง หลู่เส่าโหย่วจึงโบกมือไปทางจ้าวต้าอย่างโหดเหี้ยม ตัวเขาในตอนนี้ได้ใช้พลังทั้งหมดแล้ว

        “พลังบ่มเพาะระดับนักรบ” เมื่อเห็นความผันผวนรอบตัวของหลู่เส่าโหย่ว จ้าวฮุ่ยที่อยู่ห่างออกไปก็หน้าเปลี่ยนสีทันที แม้แต่หลู่หวู๋ซวงที่ติดอยู่หลังกำแพงไฟก็ต้องประหลาดใจ

        “เจ้าลูกผสม ตายซะเถอะ” จ้าวฮุ่ยได้เปลี่ยนรอยประทับในมือของของตน ทันใดนั้นกำแพงที่อยู่ด้านหน้าของหลู่หวู๋ซวงก็สลายหายไป จากนั้นลูกไฟขนาดครึ่งเมตรก็ปรากฏตรงระหว่างสองมือของจ้าวฮุ่ยขึ้นมาแทน ทันใดนั้นเอง นางก็ปล่อยลูกไฟใส่แผ่นหลังของหลู่เส่าโหย่วในทันที

        เกิดเสียงลูกไฟที่แผดเผาอากาศดังขึ้น ความแข็งแกร่งของจ้าวฮุ่ยนั้นได้มาถึงระดับที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก สิ่งเพาะปลูกภายในลานบ้านที่ถูกลูกไฟของจ้าวฮุ่ยก็พลันเหี่ยวเฉาและเปลี่ยนเป็นสีเหลืองในทันที

        “น้องสะใภ้ ต้องลงมือโหดร้ายขนาดนี้เลยหรือ” ในตอนนั้นเองก็ได้มีเสียงทุ้มต่ำเสียงหนึ่งดังขึ้น จากนั้นก็ได้มีร่างร่างหนึ่งกระโดดเข้ามาจากด้านนอกลานบ้าน ในมือของเขาได้ปรากฏม่านน้ำห่อหุ้มลูกไฟของจ้าวฮุ่ยเอาไว้ด้านในทันที

        ในเวลานั้น ฝ่ามือของหลู่เส่าโหย่วก็ตกลงมาอย่างฉับพลัน พลังอันรุนแรงของเขาได้ไปกระแทกเข้ากับหน้าอกของจ้าวต้า เมื่อหน้าอกถูกโจมตีด้วยพลังลมปราณที่รุนแรง ร่างของจ้าวต้าก็ถูกสะท้อนกลับไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีที่ซีดขาวในทันที

        “ปัง!”

        จ้าวต้าพ่นเลือดสดๆ ออกมาจากปาก ภายในเลือดของเขานั้นดูเหมือนจะมีเศษของอะไรบางอย่าง น่าจะเป็นเศษของอวัยวะภายในที่ถูกทำลาย

        หลู่เส่าโหย่วลงมืออย่างไร้ปรานี หลังจากได้รับการฝึกฝนกับลุงหนาน เพียงแค่หลู่เส่าโหย่วลงมือก็ถือเป็นท่ารุกฆาต และเขาจะไม่มีวันเหลือโอกาสใดๆ ให้คู่ต่อสู้ อีกทั้งเขายังมีจิตคิดสังหารจ้าวต้าผู้นี้ ทำให้หลู่เส่าโหย่วยิ่งต้องใช้พลังทั้งหมดที่มียามที่ได้ลงมือ

        หากเทียบพลังบ่มเพาะของหลู่เส่าโหย่วกับจ้าวต้าแล้ว เดิมทีจ้าวต้าจะอยู่สูงกว่าเขาหนึ่งระดับ แต่เพราะจ้าวต้ามัวแต่ประมาทในตอนต้นและไม่ได้เตรียมพร้อมให้ดี ทำให้จ้าวต้าถูกกระบวนท่าสังหารของหลู่เส่าโหย่วด้วยการโต้ตอบเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

        เลือดของจ้าวต้าที่ไหลออกมามีเศษอวัยวะภายในที่ถูกทำลายปะปนอยู่ จ้าวต้าเดินถอยไปทางด้านหลังอย่างโซเซไร้เรี่ยวแรง จากนั้นก็ล้มลงบนพื้น เขามองหลู่เส่าโหย่วอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในแววตาของจ้าวต้ามีความหวาดกลัวปรากฏขึ้นมาครู่หนึ่ง ถึงแม้ว่าหลู่เส่าโหย่วจะใช้พลังทั้งหมดที่มี แต่ก็ยังไม่สามารถสังหารจ้าวต้าได้

        จ้าวต้านั้นมีพลังบ่มเพาะระดับนักรบ หากหลู่เส่าโหย่วอยากจะสังหารเขา ก็ดูเหมือนว่าจะยังขาดพลังอีกเล็กน้อย ในตอนนี้คงทำได้แค่ทำให้จ้าวต้าบาดเจ็บหนักเท่านั้น

        “ตูมตูม…”

        เสียงระเบิดดังขึ้นภายในลานบ้าน จากนั้นก็มีเปลวไฟและละอองน้ำตกลงมาจากท้องฟ้า แต่ก่อนที่มันกำลังจะตกถึงพื้น ละอองน้ำและเปลวไฟนั้นก็ได้หมดพลังลงและสลายหายไปในอากาศ

 

        ในด้านของหลู่เสี่ยวไป๋กับจ้าวเอ้อร์นั้นก็ได้หยุดปะทะกันแล้ว ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาปะทะกัน หลู่เสี่ยวไป๋นั้นเป็นฝ่ายถูกกดดันมาโดยตลอด บนร่างของเขาก็ถูกจ้าวเอ้อร์โจมตีไปหนึ่งหมัด เป็นเพราะหลู่เสี่ยวไป๋ยังขาดประสบการณ์การต่อสู้ และพลังบ่มเพาะของพวกเขาก็แตกต่างกันเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไร เขาก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากมาย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+