จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ 45 หลู่เส่าโหย่ว ปะทะ โจวไห่หมิง

Now you are reading จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ Chapter 45 หลู่เส่าโหย่ว ปะทะ โจวไห่หมิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        ในตอนที่หลู่เส่าโหย่วกำลังคิดอย่างอื่นอยู่ หลู่เส่าหู่กับหลู่อวิ๋นก็ได้เข้าปะทะกันแล้ว ตอนที่ทั้งสองปะทะกัน เขาเห็นเพียงหลู่อวิ๋นได้กลายเป็นเงาสีน้ำเงิน เหมือนนางจะรู้ว่าหากปะทะกันตรงๆ นางจะไม่มีความได้เปรียบใดๆ ทำได้เพียงหาโอกาสเพื่อเอาชนะเท่านั้น

        ในทางกลับกัน หลู่เส่าหู่นั้นดูผ่อนคลายกว่ามากเมื่อเขารู้ว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่า หลู่เส่าหู่ได้ใช้ความนิ่งสงบสยบการเคลื่อนไหว ทั้งสองเข้าปะทะกันเป็นครั้งคราว ทั้งคู่เลือกวิธีจู่โจมที่แม่นยำที่สุด ทำให้เหล่าผู้อาวุโสในตระกูลกับหลู่ตงและคนอื่นๆ บนอัฒจันทร์พยักหน้าขึ้นลงและยิ้มเล็กน้อย

        ตรงกันข้าม ที่ด้านล่างอัฒจันทร์นั้นมีเสียงตะโกนเชียร์ของผู้ชมมากมายก้องกังวานไปทั่วสนามประลอง ทำให้สนามประลองแห่งนี้คึกคักและมีชีวิตชีวาอย่างมาก แม้แต่หลู่เส่าโหย่วก็ยังรู้สึกว่าเลือดในกายเดือดพล่านขึ้นมา ในที่สุดวันนี้ตัวเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้อย่างเป็นทางการแล้ว

        หลู่เส่าโหย่วจับจ้องไปที่สนามประลอง เฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวและทุกกระบวนท่าของทั้งสอง ลุงหนานเคยกล่าวไว้ว่า ระหว่างสนามรบ หากสังเกตอย่างละเอียดก็จะสามารถมองเห็นจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ได้ ขอเพียงแค่ฝ่ายตรงข้ามลงมือ ก็จะมีจุดอ่อนให้เห็น บนโลกใบนี้ ยังไม่มีวิชายุทธ์ที่สมบูรณ์แบบไร้ข้อบกพร่อง หากอยู่ในสถานการณ์ที่ความแข็งแกร่งไม่แตกต่างกันมาก เมื่อหาจุดอ่อนของอีกฝ่ายพบ ก็ถือว่าชนะไปแล้วครึ่งหนึ่ง

        “สถานการณ์ของหลู่อวิ๋นไม่ดีแล้ว” หลู่เส่าโหย่วคิดในใจ ถึงแม้หลู่อวิ๋นจะใช้การตอบสนองที่รวดเร็วเพื่อหาโอกาส แต่ว่านางก็ได้ใช้พลังลมปราณไปไม่น้อย เทียบกับหลู่เส่าหู่ที่ใช้การก้าวเท้าไม่กี่ครั้ง เขาแทบไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรมากมาย และการปะทะกันในบางครั้ง หลู่เส่าหู่ก็ใช้ความพิเศษของธาตุดินนำพลังโจมตีที่ได้รับส่งลงพื้น ถึงแม้วิธีนี้จะไม่ฉลาดนัก แต่มันกลับมีประสิทธิภาพ

        ‘หลู่เส่าหู่ผู้นี้มีแผนการบางอย่าง’ หลู่เส่าโหย่วคิดในใจ

        เหมือนว่าหลู่อวิ๋นจะสัมผัสได้ว่าหากยืดเยื้อไปมากกว่านี้คงไม่เป็นผลดีกับตัวเอง สีหน้าของนางเปลี่ยนไป คงเพราะอายุของนางยังน้อยจึงทำให้อดทนไม่ไหว นางตะโกนออกมาเบาๆ และไม่รู้ว่าใช้วิชาอะไร เห็นเพียงแค่ว่าท่าประทับในมือของนางได้เปลี่ยนไป จากนั้นรอบกายของนางก็มีพลังลมปราณระเบิดออกมา พลังนั้นให้ความรู้สึกที่ดุร้าย

        บนร่างของหลู่อวิ๋นได้มีแสงสีฟ้าส่องออกมา จากนั้นพลังลมปราณที่ระเบิดออกก็ได้กลายเป็นคลื่นน้ำขนาดใหญ่ ทันใดนั้น มันก็ได้ปกคลุมและพุ่งไปทางหลู่เส่าหู่

        “โล่ดิน” หลู่เส่าหู่ตะโกนออกมา ท่าประทับในมือของเขาได้เปลี่ยนไป พลังลมปราณทั่วร่างนั้นก่อให้เกิดโล่ที่เกิดจากฝุ่นและทรายขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด คลื่นน้ำขนาดใหญ่ของหลู่อวิ๋นไม่สามารถผ่านเข้ามาได้แม้แต่น้อย เมื่อคลื่นสูงขึ้นหนึ่งส่วน โล่ดินก็สูงขึ้นหนึ่งส่วน

        “เถาวัลย์”

        ทันใดนั้น บนโล่ดินก็ปรากฏเถาวัลย์สีเขียวหลายสิบอันที่มีความหนาขนาดเท่าหัวแม่มือปรากฏขึ้น ด้วยความรวดเร็ว มันก็ได้ทะลวงผ่านคลื่นน้ำและพุ่งเข้าใส่หลู่อวิ๋นในทันที

        สีหน้าของหลู่อวิ๋นได้เปลี่ยนไป ร่างที่บอบบางถอยกลับหลังในทันที จากนั้นนางก็เปลี่ยนท่าประทับในมือด้วยความตกใจ และปล่อยลูกศรน้ำหลายลูกพุ่งออกมา

        ลูกศรน้ำพุ่งออกไปชนกับเถาวัลย์ ทำให้เถาวัลย์เหี่ยวเฉาลงอย่างรวดเร็ว แต่ตอนนั้นเอง เถาวัลย์ที่เหลืออยู่ก็ได้พันรอบร่างกายของหลู่อวิ๋นอย่างแน่นหนา ทำให้นางไม่สามารถขยับเขยื้อนได้

        “พี่หลู่อวิ๋น ข้าได้ล่วงเกินแล้ว” หลู่เส่าหู่กล่าวเบาๆ ด้วยใบหน้าที่หยิ่งผยอง

        ‘ผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุ วิชายุทธ์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงสองแบบได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทำให้มีพลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก ยากที่คู่ต่อสู้จะป้องกันได้’ หลู่เส่าโหย่วคิดในใจ หลู่เส่าหู่ผู้นี้ก็ถือว่าพอมีความสามารถอยู่บ้าง เขาใช้วิชาธาตุดิน หลังจากนั้นก็ใช้วิชาธาตุไม้ต่อ น่าเสียดายที่หลู่เส่าโหย่วมีเพียงวิชาฝ่ามือแยกภูผาของธาตุดิน ตัวเขาเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ห้าธาตุ แต่กลับไม่มีวิชายุทธ์ธาตุอื่น เรื่องนี้ทำให้หลู่เส่าโหย่วรู้สึกหดหู่

        เขาเคยขอวิชาธาตุอื่นกับลุงหนานแล้ว แต่ลุงหนานกลับบอกให้เขาไปหาเอง และยังบอกอีกว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะฝึกวิชาสายธาตุอื่น เบ็ดเตล็ดแต่ไม่ประณีต พวกมันเป็นสิ่งไร้สาระ มีเยอะแต่ก็ไม่เป็นประโยชน์

        “หลู่เส่าหู่ชนะ หลู่อวิ๋นแพ้” ผู้อาวุโสชุดเทาประกาศ ดูเหมือนผู้อาวุโสนั้นจะไม่ได้แปลกใจกับผลลัพธ์นัก

        เมื่อหลู่เส่าหู่ชนะ ทันใดนั้น ทุกคนที่เชียร์หลู่เส่าหู่ก็ตะโกนขึ้นมาทันที และมีสาวใช้ไม่น้อยที่มองหลู่เส่าหู่จนดวงตากลายเป็นรูปหัวใจ

        บนอัฒจันทร์ จ้าวฮุ่ยที่เดิมทีมีสีหน้ามืดมนก็ได้เผยรอยยิ้มออกมา

        หลังจากผู้อาวุโสชุดเทาประกาศว่าหลู่เส่าหู่เป็นผู้ชนะ คนสองคนที่มีอารมณ์แตกต่างกันก็ได้ถอยออกไปท่ามกลางสายตาผู้ชมนับร้อย และในรอบต่อไป ก็เหลือเพียงหลู่เส่าโหย่วกับโจวไห่หมิงสองคนแล้ว

        “โจวไห่หมิง หลู่เส่าโหย่ว พวกเจ้าทั้งสองขึ้นมาเถอะ” ผู้อาวุโสชุดเทากล่าว

        โจวไห่หมิงหัวเราะเบาๆ แล้วจากนั้นก็กระโดดขึ้นไปบนแท่นหินด้านหน้าอย่างคล่องแคล่วแม่นยำ ทำให้หญิงสาวหลายคนส่งเสียงเชียร์ออกมาในทันที

        ขณะเดียวกัน หลู่เส่าโหย่วก็ไขว้มือเอาไว้ด้านหลังและค่อยๆ เดินขึ้นไปบนแท่นหินอย่างไม่เร็วไม่ช้า นี่เป็นการประลองไม่ใช่การแสดงผาดโผน ไม่ใช่ว่ากระโดดขึ้นไปได้แล้วจะชนะเสียหน่อย

        “เส่าโหย่ว…เด็กคนนี้ดูเป็นผู้ใหญ่และสงบ ขัดเกลานิสัยมาได้ไม่เลว ในอนาคตคงจะได้รับความสำเร็จไม่น้อยอย่างแน่นอน” เมื่อเห็นท่าทางของหลู่เส่าโหย่ว หลู่ตงก็ได้กล่าวออกมาเบาๆ

        หลู่หนานกับโจวลี่ซิงที่กำลังดีใจกับการกระโดดของลูกชายเมื่อครู่ หลังได้ยินสิ่งที่หลู่ตงกล่าว ทันใดนั้นสีหน้าของพวกเขาก็ไม่เป็นธรรมชาติขึ้นมาทันที

        หลู่เส่าโหย่วได้ก้าวขึ้นไปบนแท่นหิน จากนั้นก็เหลือบมองโจวไห่หมิง ในแง่ของพลังบ่มเพาะ คู่ต่อสู้นั้นมีความแข็งแกร่งกว่าเขาไม่น้อย นอกจากการเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยการโจมตีที่คาดไม่ถึงแล้ว โอกาสอื่นๆ นั้นบางเบาน้อยนิดมาก ส่วนวิชายุทธ์ ตัวเขาก็มีแค่วิชาฝ่ามือแยกภูผาเท่านั้น

        “เหอะ…หลู่เส่าโหย่ว เป็นผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุแล้วอย่างไร ข้าจะทำให้เจ้ารู้ถึงผลลัพธ์ที่มายั่วยุข้า” โจวไห่หมิงจ้องมองหลู่เส่าโหย่ว แยกไม่ออกว่าในแววตาของเขานั้นเป็นความริษยาหรือความเกลียดชัง หรืออาจจะเป็นทั้งสอง เขาคิดหาโอกาสที่จะได้สั่งสอนบทเรียนให้กับหลู่เส่าโหย่วอยู่พอดี

        หลู่เส่าโหย่วไม่แม้แต่จะมองโจวไห่หมิง ตัวเขาไม่ได้มีความสนใจที่จะไปสบถด่าคนอื่นต่อหน้าผู้คน แต่ในใจเขาก็ไม่คิดประมาทแม้แต่น้อย นี่เป็นครั้งแรกที่ตัวเขาจะต้องเผชิญหน้าคู่ต่อสู้อย่างตรงไปตรงมา อีกทั้งคู่ต่อสู้ก็ยังมีพลังบ่มเพาะที่แข็งแกร่งกว่าเขามาก ตัวเขาที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่จึงไม่สามารถประมาทได้แม้แต่น้อย

        “พวกเจ้าสามารถลงมือได้แล้ว แต่ต้องจำเอาไว้ว่าห้ามฆ่ากัน ไม่เช่นนั้นเจ้าจะถูกตัดสิทธิ์” หลังจากผู้อาวุโสชุดเทามองสนามประลองไปรอบหนึ่ง เขาก็กล่าวออกมาเสียงดัง

        เมื่อสิ้นเสียงของผู้อาวุโสชุดเทา ผู้ชมรอบข้างต่างก็เงียบลงไปชั่วขณะหนึ่ง สายตาของผู้คนจำนวนมากก็ได้จับจ้องไปยังร่างของหลู่เส่าโหย่ว ในแววตาของคนเหล่านั้นได้ถูกความอยากรู้อยากเห็นครอบงำไปมากกว่าครึ่ง

        หลู่หวู๋ซวง ลั่วหลานซือ หลู่เสี่ยวไป๋ และคนอื่นๆ ต่างก็กังวลเล็กน้อย แม้กระทั่งหลู่ตงและคนอื่นๆ ที่อยู่บนอัฒจันทร์ก็จ้องมองไปที่สนามประลองอย่างตั้งใจ

        “คุณชาย ท่านอย่าแพ้โดยเด็ดขาด นี่เป็นเรื่องของหน้าตาเชียว” หลู่เสี่ยวไป๋กุมมือแน่นและกัดฟัน

        “หลู่เส่าโหย่ว ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าข้าเก่งแค่ไหน” สีหน้าของโจวไห่หมิงมืดลง จากนั้นเขาก็โคจรพลังลมปราณในร่าง ท่าประทับในมือของเขาได้มีฝ่ามือสีกากีปรากฏขึ้นมาแล้วกระแทกไปทางหน้าอกของหลู่เส่าโหย่ว โจวไห่หมิงลงมือได้อย่างรวดเร็วและโหดเหี้ยม ไม่มีความเกรงใจแม้แต่น้อย

        เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังลมปราณที่แข็งแกร่งบนร่างของโจวไห่หมิง หลู่เส่าโหย่วก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียด และกระโดดหลบทันที เพราะได้ฝึกฝนกับลุงหนาน ปฏิกิริยาตอบสนองของเขาจึงไปถึงอีกระดับหนึ่งแล้ว

 

        “หรือว่าเจ้าหนีเป็นอย่างเดียว!” เมื่อเห็นหลู่เส่าโหย่วหลบได้ โจวไห่หมิงก็กล่าวออกมาอย่างเย็นชา ในช่วงเวลาที่เสียงพูดจบลง ออร่าที่รุนแรงก็ได้ระเบิดออกมาจากร่างของโจวไห่หมิง  จากนั้นก็กลายเป็นแสงสีเหลืองอ่อนและห่อหุ้มร่างกายของเขาไว้ ทำให้ความเร็วของโจวไห่หมิงเพิ่มขึ้นไม่น้อย ฝ่ามือของเขาพุ่งเข้ามาใกล้หลู่เส่าโหย่วอย่างรวดเร็ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ 45 หลู่เส่าโหย่ว ปะทะ โจวไห่หมิง

Now you are reading จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ Chapter 45 หลู่เส่าโหย่ว ปะทะ โจวไห่หมิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        ในตอนที่หลู่เส่าโหย่วกำลังคิดอย่างอื่นอยู่ หลู่เส่าหู่กับหลู่อวิ๋นก็ได้เข้าปะทะกันแล้ว ตอนที่ทั้งสองปะทะกัน เขาเห็นเพียงหลู่อวิ๋นได้กลายเป็นเงาสีน้ำเงิน เหมือนนางจะรู้ว่าหากปะทะกันตรงๆ นางจะไม่มีความได้เปรียบใดๆ ทำได้เพียงหาโอกาสเพื่อเอาชนะเท่านั้น

        ในทางกลับกัน หลู่เส่าหู่นั้นดูผ่อนคลายกว่ามากเมื่อเขารู้ว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่า หลู่เส่าหู่ได้ใช้ความนิ่งสงบสยบการเคลื่อนไหว ทั้งสองเข้าปะทะกันเป็นครั้งคราว ทั้งคู่เลือกวิธีจู่โจมที่แม่นยำที่สุด ทำให้เหล่าผู้อาวุโสในตระกูลกับหลู่ตงและคนอื่นๆ บนอัฒจันทร์พยักหน้าขึ้นลงและยิ้มเล็กน้อย

        ตรงกันข้าม ที่ด้านล่างอัฒจันทร์นั้นมีเสียงตะโกนเชียร์ของผู้ชมมากมายก้องกังวานไปทั่วสนามประลอง ทำให้สนามประลองแห่งนี้คึกคักและมีชีวิตชีวาอย่างมาก แม้แต่หลู่เส่าโหย่วก็ยังรู้สึกว่าเลือดในกายเดือดพล่านขึ้นมา ในที่สุดวันนี้ตัวเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้อย่างเป็นทางการแล้ว

        หลู่เส่าโหย่วจับจ้องไปที่สนามประลอง เฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวและทุกกระบวนท่าของทั้งสอง ลุงหนานเคยกล่าวไว้ว่า ระหว่างสนามรบ หากสังเกตอย่างละเอียดก็จะสามารถมองเห็นจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ได้ ขอเพียงแค่ฝ่ายตรงข้ามลงมือ ก็จะมีจุดอ่อนให้เห็น บนโลกใบนี้ ยังไม่มีวิชายุทธ์ที่สมบูรณ์แบบไร้ข้อบกพร่อง หากอยู่ในสถานการณ์ที่ความแข็งแกร่งไม่แตกต่างกันมาก เมื่อหาจุดอ่อนของอีกฝ่ายพบ ก็ถือว่าชนะไปแล้วครึ่งหนึ่ง

        “สถานการณ์ของหลู่อวิ๋นไม่ดีแล้ว” หลู่เส่าโหย่วคิดในใจ ถึงแม้หลู่อวิ๋นจะใช้การตอบสนองที่รวดเร็วเพื่อหาโอกาส แต่ว่านางก็ได้ใช้พลังลมปราณไปไม่น้อย เทียบกับหลู่เส่าหู่ที่ใช้การก้าวเท้าไม่กี่ครั้ง เขาแทบไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรมากมาย และการปะทะกันในบางครั้ง หลู่เส่าหู่ก็ใช้ความพิเศษของธาตุดินนำพลังโจมตีที่ได้รับส่งลงพื้น ถึงแม้วิธีนี้จะไม่ฉลาดนัก แต่มันกลับมีประสิทธิภาพ

        ‘หลู่เส่าหู่ผู้นี้มีแผนการบางอย่าง’ หลู่เส่าโหย่วคิดในใจ

        เหมือนว่าหลู่อวิ๋นจะสัมผัสได้ว่าหากยืดเยื้อไปมากกว่านี้คงไม่เป็นผลดีกับตัวเอง สีหน้าของนางเปลี่ยนไป คงเพราะอายุของนางยังน้อยจึงทำให้อดทนไม่ไหว นางตะโกนออกมาเบาๆ และไม่รู้ว่าใช้วิชาอะไร เห็นเพียงแค่ว่าท่าประทับในมือของนางได้เปลี่ยนไป จากนั้นรอบกายของนางก็มีพลังลมปราณระเบิดออกมา พลังนั้นให้ความรู้สึกที่ดุร้าย

        บนร่างของหลู่อวิ๋นได้มีแสงสีฟ้าส่องออกมา จากนั้นพลังลมปราณที่ระเบิดออกก็ได้กลายเป็นคลื่นน้ำขนาดใหญ่ ทันใดนั้น มันก็ได้ปกคลุมและพุ่งไปทางหลู่เส่าหู่

        “โล่ดิน” หลู่เส่าหู่ตะโกนออกมา ท่าประทับในมือของเขาได้เปลี่ยนไป พลังลมปราณทั่วร่างนั้นก่อให้เกิดโล่ที่เกิดจากฝุ่นและทรายขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด คลื่นน้ำขนาดใหญ่ของหลู่อวิ๋นไม่สามารถผ่านเข้ามาได้แม้แต่น้อย เมื่อคลื่นสูงขึ้นหนึ่งส่วน โล่ดินก็สูงขึ้นหนึ่งส่วน

        “เถาวัลย์”

        ทันใดนั้น บนโล่ดินก็ปรากฏเถาวัลย์สีเขียวหลายสิบอันที่มีความหนาขนาดเท่าหัวแม่มือปรากฏขึ้น ด้วยความรวดเร็ว มันก็ได้ทะลวงผ่านคลื่นน้ำและพุ่งเข้าใส่หลู่อวิ๋นในทันที

        สีหน้าของหลู่อวิ๋นได้เปลี่ยนไป ร่างที่บอบบางถอยกลับหลังในทันที จากนั้นนางก็เปลี่ยนท่าประทับในมือด้วยความตกใจ และปล่อยลูกศรน้ำหลายลูกพุ่งออกมา

        ลูกศรน้ำพุ่งออกไปชนกับเถาวัลย์ ทำให้เถาวัลย์เหี่ยวเฉาลงอย่างรวดเร็ว แต่ตอนนั้นเอง เถาวัลย์ที่เหลืออยู่ก็ได้พันรอบร่างกายของหลู่อวิ๋นอย่างแน่นหนา ทำให้นางไม่สามารถขยับเขยื้อนได้

        “พี่หลู่อวิ๋น ข้าได้ล่วงเกินแล้ว” หลู่เส่าหู่กล่าวเบาๆ ด้วยใบหน้าที่หยิ่งผยอง

        ‘ผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุ วิชายุทธ์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงสองแบบได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทำให้มีพลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก ยากที่คู่ต่อสู้จะป้องกันได้’ หลู่เส่าโหย่วคิดในใจ หลู่เส่าหู่ผู้นี้ก็ถือว่าพอมีความสามารถอยู่บ้าง เขาใช้วิชาธาตุดิน หลังจากนั้นก็ใช้วิชาธาตุไม้ต่อ น่าเสียดายที่หลู่เส่าโหย่วมีเพียงวิชาฝ่ามือแยกภูผาของธาตุดิน ตัวเขาเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ห้าธาตุ แต่กลับไม่มีวิชายุทธ์ธาตุอื่น เรื่องนี้ทำให้หลู่เส่าโหย่วรู้สึกหดหู่

        เขาเคยขอวิชาธาตุอื่นกับลุงหนานแล้ว แต่ลุงหนานกลับบอกให้เขาไปหาเอง และยังบอกอีกว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะฝึกวิชาสายธาตุอื่น เบ็ดเตล็ดแต่ไม่ประณีต พวกมันเป็นสิ่งไร้สาระ มีเยอะแต่ก็ไม่เป็นประโยชน์

        “หลู่เส่าหู่ชนะ หลู่อวิ๋นแพ้” ผู้อาวุโสชุดเทาประกาศ ดูเหมือนผู้อาวุโสนั้นจะไม่ได้แปลกใจกับผลลัพธ์นัก

        เมื่อหลู่เส่าหู่ชนะ ทันใดนั้น ทุกคนที่เชียร์หลู่เส่าหู่ก็ตะโกนขึ้นมาทันที และมีสาวใช้ไม่น้อยที่มองหลู่เส่าหู่จนดวงตากลายเป็นรูปหัวใจ

        บนอัฒจันทร์ จ้าวฮุ่ยที่เดิมทีมีสีหน้ามืดมนก็ได้เผยรอยยิ้มออกมา

        หลังจากผู้อาวุโสชุดเทาประกาศว่าหลู่เส่าหู่เป็นผู้ชนะ คนสองคนที่มีอารมณ์แตกต่างกันก็ได้ถอยออกไปท่ามกลางสายตาผู้ชมนับร้อย และในรอบต่อไป ก็เหลือเพียงหลู่เส่าโหย่วกับโจวไห่หมิงสองคนแล้ว

        “โจวไห่หมิง หลู่เส่าโหย่ว พวกเจ้าทั้งสองขึ้นมาเถอะ” ผู้อาวุโสชุดเทากล่าว

        โจวไห่หมิงหัวเราะเบาๆ แล้วจากนั้นก็กระโดดขึ้นไปบนแท่นหินด้านหน้าอย่างคล่องแคล่วแม่นยำ ทำให้หญิงสาวหลายคนส่งเสียงเชียร์ออกมาในทันที

        ขณะเดียวกัน หลู่เส่าโหย่วก็ไขว้มือเอาไว้ด้านหลังและค่อยๆ เดินขึ้นไปบนแท่นหินอย่างไม่เร็วไม่ช้า นี่เป็นการประลองไม่ใช่การแสดงผาดโผน ไม่ใช่ว่ากระโดดขึ้นไปได้แล้วจะชนะเสียหน่อย

        “เส่าโหย่ว…เด็กคนนี้ดูเป็นผู้ใหญ่และสงบ ขัดเกลานิสัยมาได้ไม่เลว ในอนาคตคงจะได้รับความสำเร็จไม่น้อยอย่างแน่นอน” เมื่อเห็นท่าทางของหลู่เส่าโหย่ว หลู่ตงก็ได้กล่าวออกมาเบาๆ

        หลู่หนานกับโจวลี่ซิงที่กำลังดีใจกับการกระโดดของลูกชายเมื่อครู่ หลังได้ยินสิ่งที่หลู่ตงกล่าว ทันใดนั้นสีหน้าของพวกเขาก็ไม่เป็นธรรมชาติขึ้นมาทันที

        หลู่เส่าโหย่วได้ก้าวขึ้นไปบนแท่นหิน จากนั้นก็เหลือบมองโจวไห่หมิง ในแง่ของพลังบ่มเพาะ คู่ต่อสู้นั้นมีความแข็งแกร่งกว่าเขาไม่น้อย นอกจากการเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยการโจมตีที่คาดไม่ถึงแล้ว โอกาสอื่นๆ นั้นบางเบาน้อยนิดมาก ส่วนวิชายุทธ์ ตัวเขาก็มีแค่วิชาฝ่ามือแยกภูผาเท่านั้น

        “เหอะ…หลู่เส่าโหย่ว เป็นผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุแล้วอย่างไร ข้าจะทำให้เจ้ารู้ถึงผลลัพธ์ที่มายั่วยุข้า” โจวไห่หมิงจ้องมองหลู่เส่าโหย่ว แยกไม่ออกว่าในแววตาของเขานั้นเป็นความริษยาหรือความเกลียดชัง หรืออาจจะเป็นทั้งสอง เขาคิดหาโอกาสที่จะได้สั่งสอนบทเรียนให้กับหลู่เส่าโหย่วอยู่พอดี

        หลู่เส่าโหย่วไม่แม้แต่จะมองโจวไห่หมิง ตัวเขาไม่ได้มีความสนใจที่จะไปสบถด่าคนอื่นต่อหน้าผู้คน แต่ในใจเขาก็ไม่คิดประมาทแม้แต่น้อย นี่เป็นครั้งแรกที่ตัวเขาจะต้องเผชิญหน้าคู่ต่อสู้อย่างตรงไปตรงมา อีกทั้งคู่ต่อสู้ก็ยังมีพลังบ่มเพาะที่แข็งแกร่งกว่าเขามาก ตัวเขาที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่จึงไม่สามารถประมาทได้แม้แต่น้อย

        “พวกเจ้าสามารถลงมือได้แล้ว แต่ต้องจำเอาไว้ว่าห้ามฆ่ากัน ไม่เช่นนั้นเจ้าจะถูกตัดสิทธิ์” หลังจากผู้อาวุโสชุดเทามองสนามประลองไปรอบหนึ่ง เขาก็กล่าวออกมาเสียงดัง

        เมื่อสิ้นเสียงของผู้อาวุโสชุดเทา ผู้ชมรอบข้างต่างก็เงียบลงไปชั่วขณะหนึ่ง สายตาของผู้คนจำนวนมากก็ได้จับจ้องไปยังร่างของหลู่เส่าโหย่ว ในแววตาของคนเหล่านั้นได้ถูกความอยากรู้อยากเห็นครอบงำไปมากกว่าครึ่ง

        หลู่หวู๋ซวง ลั่วหลานซือ หลู่เสี่ยวไป๋ และคนอื่นๆ ต่างก็กังวลเล็กน้อย แม้กระทั่งหลู่ตงและคนอื่นๆ ที่อยู่บนอัฒจันทร์ก็จ้องมองไปที่สนามประลองอย่างตั้งใจ

        “คุณชาย ท่านอย่าแพ้โดยเด็ดขาด นี่เป็นเรื่องของหน้าตาเชียว” หลู่เสี่ยวไป๋กุมมือแน่นและกัดฟัน

        “หลู่เส่าโหย่ว ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าข้าเก่งแค่ไหน” สีหน้าของโจวไห่หมิงมืดลง จากนั้นเขาก็โคจรพลังลมปราณในร่าง ท่าประทับในมือของเขาได้มีฝ่ามือสีกากีปรากฏขึ้นมาแล้วกระแทกไปทางหน้าอกของหลู่เส่าโหย่ว โจวไห่หมิงลงมือได้อย่างรวดเร็วและโหดเหี้ยม ไม่มีความเกรงใจแม้แต่น้อย

        เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังลมปราณที่แข็งแกร่งบนร่างของโจวไห่หมิง หลู่เส่าโหย่วก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียด และกระโดดหลบทันที เพราะได้ฝึกฝนกับลุงหนาน ปฏิกิริยาตอบสนองของเขาจึงไปถึงอีกระดับหนึ่งแล้ว

 

        “หรือว่าเจ้าหนีเป็นอย่างเดียว!” เมื่อเห็นหลู่เส่าโหย่วหลบได้ โจวไห่หมิงก็กล่าวออกมาอย่างเย็นชา ในช่วงเวลาที่เสียงพูดจบลง ออร่าที่รุนแรงก็ได้ระเบิดออกมาจากร่างของโจวไห่หมิง  จากนั้นก็กลายเป็นแสงสีเหลืองอ่อนและห่อหุ้มร่างกายของเขาไว้ ทำให้ความเร็วของโจวไห่หมิงเพิ่มขึ้นไม่น้อย ฝ่ามือของเขาพุ่งเข้ามาใกล้หลู่เส่าโหย่วอย่างรวดเร็ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ 45 หลู่เส่าโหย่ว ปะทะ โจวไห่หมิง

Now you are reading จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ Chapter 45 หลู่เส่าโหย่ว ปะทะ โจวไห่หมิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        ในตอนที่หลู่เส่าโหย่วกำลังคิดอย่างอื่นอยู่ หลู่เส่าหู่กับหลู่อวิ๋นก็ได้เข้าปะทะกันแล้ว ตอนที่ทั้งสองปะทะกัน เขาเห็นเพียงหลู่อวิ๋นได้กลายเป็นเงาสีน้ำเงิน เหมือนนางจะรู้ว่าหากปะทะกันตรงๆ นางจะไม่มีความได้เปรียบใดๆ ทำได้เพียงหาโอกาสเพื่อเอาชนะเท่านั้น

        ในทางกลับกัน หลู่เส่าหู่นั้นดูผ่อนคลายกว่ามากเมื่อเขารู้ว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่า หลู่เส่าหู่ได้ใช้ความนิ่งสงบสยบการเคลื่อนไหว ทั้งสองเข้าปะทะกันเป็นครั้งคราว ทั้งคู่เลือกวิธีจู่โจมที่แม่นยำที่สุด ทำให้เหล่าผู้อาวุโสในตระกูลกับหลู่ตงและคนอื่นๆ บนอัฒจันทร์พยักหน้าขึ้นลงและยิ้มเล็กน้อย

        ตรงกันข้าม ที่ด้านล่างอัฒจันทร์นั้นมีเสียงตะโกนเชียร์ของผู้ชมมากมายก้องกังวานไปทั่วสนามประลอง ทำให้สนามประลองแห่งนี้คึกคักและมีชีวิตชีวาอย่างมาก แม้แต่หลู่เส่าโหย่วก็ยังรู้สึกว่าเลือดในกายเดือดพล่านขึ้นมา ในที่สุดวันนี้ตัวเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้อย่างเป็นทางการแล้ว

        หลู่เส่าโหย่วจับจ้องไปที่สนามประลอง เฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวและทุกกระบวนท่าของทั้งสอง ลุงหนานเคยกล่าวไว้ว่า ระหว่างสนามรบ หากสังเกตอย่างละเอียดก็จะสามารถมองเห็นจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ได้ ขอเพียงแค่ฝ่ายตรงข้ามลงมือ ก็จะมีจุดอ่อนให้เห็น บนโลกใบนี้ ยังไม่มีวิชายุทธ์ที่สมบูรณ์แบบไร้ข้อบกพร่อง หากอยู่ในสถานการณ์ที่ความแข็งแกร่งไม่แตกต่างกันมาก เมื่อหาจุดอ่อนของอีกฝ่ายพบ ก็ถือว่าชนะไปแล้วครึ่งหนึ่ง

        “สถานการณ์ของหลู่อวิ๋นไม่ดีแล้ว” หลู่เส่าโหย่วคิดในใจ ถึงแม้หลู่อวิ๋นจะใช้การตอบสนองที่รวดเร็วเพื่อหาโอกาส แต่ว่านางก็ได้ใช้พลังลมปราณไปไม่น้อย เทียบกับหลู่เส่าหู่ที่ใช้การก้าวเท้าไม่กี่ครั้ง เขาแทบไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรมากมาย และการปะทะกันในบางครั้ง หลู่เส่าหู่ก็ใช้ความพิเศษของธาตุดินนำพลังโจมตีที่ได้รับส่งลงพื้น ถึงแม้วิธีนี้จะไม่ฉลาดนัก แต่มันกลับมีประสิทธิภาพ

        ‘หลู่เส่าหู่ผู้นี้มีแผนการบางอย่าง’ หลู่เส่าโหย่วคิดในใจ

        เหมือนว่าหลู่อวิ๋นจะสัมผัสได้ว่าหากยืดเยื้อไปมากกว่านี้คงไม่เป็นผลดีกับตัวเอง สีหน้าของนางเปลี่ยนไป คงเพราะอายุของนางยังน้อยจึงทำให้อดทนไม่ไหว นางตะโกนออกมาเบาๆ และไม่รู้ว่าใช้วิชาอะไร เห็นเพียงแค่ว่าท่าประทับในมือของนางได้เปลี่ยนไป จากนั้นรอบกายของนางก็มีพลังลมปราณระเบิดออกมา พลังนั้นให้ความรู้สึกที่ดุร้าย

        บนร่างของหลู่อวิ๋นได้มีแสงสีฟ้าส่องออกมา จากนั้นพลังลมปราณที่ระเบิดออกก็ได้กลายเป็นคลื่นน้ำขนาดใหญ่ ทันใดนั้น มันก็ได้ปกคลุมและพุ่งไปทางหลู่เส่าหู่

        “โล่ดิน” หลู่เส่าหู่ตะโกนออกมา ท่าประทับในมือของเขาได้เปลี่ยนไป พลังลมปราณทั่วร่างนั้นก่อให้เกิดโล่ที่เกิดจากฝุ่นและทรายขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด คลื่นน้ำขนาดใหญ่ของหลู่อวิ๋นไม่สามารถผ่านเข้ามาได้แม้แต่น้อย เมื่อคลื่นสูงขึ้นหนึ่งส่วน โล่ดินก็สูงขึ้นหนึ่งส่วน

        “เถาวัลย์”

        ทันใดนั้น บนโล่ดินก็ปรากฏเถาวัลย์สีเขียวหลายสิบอันที่มีความหนาขนาดเท่าหัวแม่มือปรากฏขึ้น ด้วยความรวดเร็ว มันก็ได้ทะลวงผ่านคลื่นน้ำและพุ่งเข้าใส่หลู่อวิ๋นในทันที

        สีหน้าของหลู่อวิ๋นได้เปลี่ยนไป ร่างที่บอบบางถอยกลับหลังในทันที จากนั้นนางก็เปลี่ยนท่าประทับในมือด้วยความตกใจ และปล่อยลูกศรน้ำหลายลูกพุ่งออกมา

        ลูกศรน้ำพุ่งออกไปชนกับเถาวัลย์ ทำให้เถาวัลย์เหี่ยวเฉาลงอย่างรวดเร็ว แต่ตอนนั้นเอง เถาวัลย์ที่เหลืออยู่ก็ได้พันรอบร่างกายของหลู่อวิ๋นอย่างแน่นหนา ทำให้นางไม่สามารถขยับเขยื้อนได้

        “พี่หลู่อวิ๋น ข้าได้ล่วงเกินแล้ว” หลู่เส่าหู่กล่าวเบาๆ ด้วยใบหน้าที่หยิ่งผยอง

        ‘ผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุ วิชายุทธ์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงสองแบบได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทำให้มีพลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก ยากที่คู่ต่อสู้จะป้องกันได้’ หลู่เส่าโหย่วคิดในใจ หลู่เส่าหู่ผู้นี้ก็ถือว่าพอมีความสามารถอยู่บ้าง เขาใช้วิชาธาตุดิน หลังจากนั้นก็ใช้วิชาธาตุไม้ต่อ น่าเสียดายที่หลู่เส่าโหย่วมีเพียงวิชาฝ่ามือแยกภูผาของธาตุดิน ตัวเขาเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ห้าธาตุ แต่กลับไม่มีวิชายุทธ์ธาตุอื่น เรื่องนี้ทำให้หลู่เส่าโหย่วรู้สึกหดหู่

        เขาเคยขอวิชาธาตุอื่นกับลุงหนานแล้ว แต่ลุงหนานกลับบอกให้เขาไปหาเอง และยังบอกอีกว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะฝึกวิชาสายธาตุอื่น เบ็ดเตล็ดแต่ไม่ประณีต พวกมันเป็นสิ่งไร้สาระ มีเยอะแต่ก็ไม่เป็นประโยชน์

        “หลู่เส่าหู่ชนะ หลู่อวิ๋นแพ้” ผู้อาวุโสชุดเทาประกาศ ดูเหมือนผู้อาวุโสนั้นจะไม่ได้แปลกใจกับผลลัพธ์นัก

        เมื่อหลู่เส่าหู่ชนะ ทันใดนั้น ทุกคนที่เชียร์หลู่เส่าหู่ก็ตะโกนขึ้นมาทันที และมีสาวใช้ไม่น้อยที่มองหลู่เส่าหู่จนดวงตากลายเป็นรูปหัวใจ

        บนอัฒจันทร์ จ้าวฮุ่ยที่เดิมทีมีสีหน้ามืดมนก็ได้เผยรอยยิ้มออกมา

        หลังจากผู้อาวุโสชุดเทาประกาศว่าหลู่เส่าหู่เป็นผู้ชนะ คนสองคนที่มีอารมณ์แตกต่างกันก็ได้ถอยออกไปท่ามกลางสายตาผู้ชมนับร้อย และในรอบต่อไป ก็เหลือเพียงหลู่เส่าโหย่วกับโจวไห่หมิงสองคนแล้ว

        “โจวไห่หมิง หลู่เส่าโหย่ว พวกเจ้าทั้งสองขึ้นมาเถอะ” ผู้อาวุโสชุดเทากล่าว

        โจวไห่หมิงหัวเราะเบาๆ แล้วจากนั้นก็กระโดดขึ้นไปบนแท่นหินด้านหน้าอย่างคล่องแคล่วแม่นยำ ทำให้หญิงสาวหลายคนส่งเสียงเชียร์ออกมาในทันที

        ขณะเดียวกัน หลู่เส่าโหย่วก็ไขว้มือเอาไว้ด้านหลังและค่อยๆ เดินขึ้นไปบนแท่นหินอย่างไม่เร็วไม่ช้า นี่เป็นการประลองไม่ใช่การแสดงผาดโผน ไม่ใช่ว่ากระโดดขึ้นไปได้แล้วจะชนะเสียหน่อย

        “เส่าโหย่ว…เด็กคนนี้ดูเป็นผู้ใหญ่และสงบ ขัดเกลานิสัยมาได้ไม่เลว ในอนาคตคงจะได้รับความสำเร็จไม่น้อยอย่างแน่นอน” เมื่อเห็นท่าทางของหลู่เส่าโหย่ว หลู่ตงก็ได้กล่าวออกมาเบาๆ

        หลู่หนานกับโจวลี่ซิงที่กำลังดีใจกับการกระโดดของลูกชายเมื่อครู่ หลังได้ยินสิ่งที่หลู่ตงกล่าว ทันใดนั้นสีหน้าของพวกเขาก็ไม่เป็นธรรมชาติขึ้นมาทันที

        หลู่เส่าโหย่วได้ก้าวขึ้นไปบนแท่นหิน จากนั้นก็เหลือบมองโจวไห่หมิง ในแง่ของพลังบ่มเพาะ คู่ต่อสู้นั้นมีความแข็งแกร่งกว่าเขาไม่น้อย นอกจากการเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยการโจมตีที่คาดไม่ถึงแล้ว โอกาสอื่นๆ นั้นบางเบาน้อยนิดมาก ส่วนวิชายุทธ์ ตัวเขาก็มีแค่วิชาฝ่ามือแยกภูผาเท่านั้น

        “เหอะ…หลู่เส่าโหย่ว เป็นผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุแล้วอย่างไร ข้าจะทำให้เจ้ารู้ถึงผลลัพธ์ที่มายั่วยุข้า” โจวไห่หมิงจ้องมองหลู่เส่าโหย่ว แยกไม่ออกว่าในแววตาของเขานั้นเป็นความริษยาหรือความเกลียดชัง หรืออาจจะเป็นทั้งสอง เขาคิดหาโอกาสที่จะได้สั่งสอนบทเรียนให้กับหลู่เส่าโหย่วอยู่พอดี

        หลู่เส่าโหย่วไม่แม้แต่จะมองโจวไห่หมิง ตัวเขาไม่ได้มีความสนใจที่จะไปสบถด่าคนอื่นต่อหน้าผู้คน แต่ในใจเขาก็ไม่คิดประมาทแม้แต่น้อย นี่เป็นครั้งแรกที่ตัวเขาจะต้องเผชิญหน้าคู่ต่อสู้อย่างตรงไปตรงมา อีกทั้งคู่ต่อสู้ก็ยังมีพลังบ่มเพาะที่แข็งแกร่งกว่าเขามาก ตัวเขาที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่จึงไม่สามารถประมาทได้แม้แต่น้อย

        “พวกเจ้าสามารถลงมือได้แล้ว แต่ต้องจำเอาไว้ว่าห้ามฆ่ากัน ไม่เช่นนั้นเจ้าจะถูกตัดสิทธิ์” หลังจากผู้อาวุโสชุดเทามองสนามประลองไปรอบหนึ่ง เขาก็กล่าวออกมาเสียงดัง

        เมื่อสิ้นเสียงของผู้อาวุโสชุดเทา ผู้ชมรอบข้างต่างก็เงียบลงไปชั่วขณะหนึ่ง สายตาของผู้คนจำนวนมากก็ได้จับจ้องไปยังร่างของหลู่เส่าโหย่ว ในแววตาของคนเหล่านั้นได้ถูกความอยากรู้อยากเห็นครอบงำไปมากกว่าครึ่ง

        หลู่หวู๋ซวง ลั่วหลานซือ หลู่เสี่ยวไป๋ และคนอื่นๆ ต่างก็กังวลเล็กน้อย แม้กระทั่งหลู่ตงและคนอื่นๆ ที่อยู่บนอัฒจันทร์ก็จ้องมองไปที่สนามประลองอย่างตั้งใจ

        “คุณชาย ท่านอย่าแพ้โดยเด็ดขาด นี่เป็นเรื่องของหน้าตาเชียว” หลู่เสี่ยวไป๋กุมมือแน่นและกัดฟัน

        “หลู่เส่าโหย่ว ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าข้าเก่งแค่ไหน” สีหน้าของโจวไห่หมิงมืดลง จากนั้นเขาก็โคจรพลังลมปราณในร่าง ท่าประทับในมือของเขาได้มีฝ่ามือสีกากีปรากฏขึ้นมาแล้วกระแทกไปทางหน้าอกของหลู่เส่าโหย่ว โจวไห่หมิงลงมือได้อย่างรวดเร็วและโหดเหี้ยม ไม่มีความเกรงใจแม้แต่น้อย

        เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังลมปราณที่แข็งแกร่งบนร่างของโจวไห่หมิง หลู่เส่าโหย่วก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียด และกระโดดหลบทันที เพราะได้ฝึกฝนกับลุงหนาน ปฏิกิริยาตอบสนองของเขาจึงไปถึงอีกระดับหนึ่งแล้ว

 

        “หรือว่าเจ้าหนีเป็นอย่างเดียว!” เมื่อเห็นหลู่เส่าโหย่วหลบได้ โจวไห่หมิงก็กล่าวออกมาอย่างเย็นชา ในช่วงเวลาที่เสียงพูดจบลง ออร่าที่รุนแรงก็ได้ระเบิดออกมาจากร่างของโจวไห่หมิง  จากนั้นก็กลายเป็นแสงสีเหลืองอ่อนและห่อหุ้มร่างกายของเขาไว้ ทำให้ความเร็วของโจวไห่หมิงเพิ่มขึ้นไม่น้อย ฝ่ามือของเขาพุ่งเข้ามาใกล้หลู่เส่าโหย่วอย่างรวดเร็ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+