จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ 50 เงื่อนไขหนึ่งข้อ

Now you are reading จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ Chapter 50 เงื่อนไขหนึ่งข้อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “ชิ้ง” ดาบยาวสีแดงเข้มในมือของหลู่จงถูกชักออกมา เงาดาบได้ฟันผ่านลมปราณที่หนาวเย็นและพุ่งเข้าใส่ชายชุดดำที่อยู่ข้างหน้าอย่างไร้ความปรานี

        เมื่อมองดูเงาดาบที่ฟันผ่านสายลมจนเกิดเสียง ชายชุดดำก็ได้ใช้สองมือเพื่อรวมเป็นท่าประทับอย่างรวดเร็ว

        หมอกสีขาวที่หนาวเย็นด้านหน้าชายชุดดำได้พลุกพล่านขึ้นมา ทำให้พื้นที่ทั้งหมดสั่นสะเทือน จากนั้นก็มีลูกเห็บมากมายปรากฏขึ้น และทั้งหมดก็พุ่งไปทางหลู่จง

        ลูกเห็บทำให้เกิดเสียงหวีดแหลมของสายลมที่ถูกฉีกกระชาก และอุณหภูมิของพื้นที่โดยรอบก็ได้ลดลงอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น หุบเขารอบๆ ก็ถูกแช่จนเป็นก้อนน้ำแข็งทันที

        “หึ จงแตกให้ข้า” หลู่จงขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นฝ่าเท้าของเขาก็เหยียบลงบนพื้น ตามมาด้วยเสียงของพลังงานที่ถูกระเบิด ร่างกายของหลู่จงได้พุ่งไปอย่างรวดเร็วด้วยออร่าที่ร้อนแรง หลู่จงใช้ดาบยาวในมือแสดงศิลปะดาบกลางอากาศ แล้วจากนั้นเงาของดาบยาวก็ออกจากมือของเขาไป

        เงาดาบได้ฉีกอากาศที่เย็นยะเยือกออกจากกัน และกลายเป็นเงาดาบนับร้อยนับพันบนท้องฟ้า เงาดาบได้ฉีกอากาศและมีเปลวเพลิงจางๆ ซ่อนอยู่ภายใน ทันใดนั้นมันก็ได้ปกคลุมร่างของชายชุดดำและพุ่งเข้าใส่ทันที

        “ปัง ปัง”

        ลูกเห็บและเงาดาบได้ปะทะกันทำให้เกิดสะเก็ดไฟมากมายบนท้องฟ้า จากนั้นลูกเห็บและเงาดาบจำนวนนับไม่ถ้วนก็ได้สลายหายไป

        “สมกับที่เป็นลูกคนที่สามของตระกูล เข้ามาอีก” ท่าประทับในมือของชายชุดดำได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง เมื่อหลู่จงเห็นเช่นนั้นเขาก็รู้สึกประหลาดใจจนทำให้ท่าประทับในมือผิดเพี้ยนไป ทันใดนั้น น้ำแข็งที่แตกเป็นเสี่ยงๆ จำนวนนับไม่ถ้วนก็ได้ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าและพุ่งเข้าใส่หลู่จงทันที

        น้ำแข็งที่แตกเป็นเสี่ยงๆ เหล่านั้นมีสีสันงดงามราวกับภาพมายา ทว่าในตอนนี้มันกลับเป็นอาวุธที่ใช้ในการสังหารคน น้ำแข็งที่แตกกระจายอยู่รอบๆ นั้นเต็มไปด้วยขอบและมุมที่แหลมคม ภายใต้การควบคุมของพลังลมปราณนี้ ทำให้พวกมันทรงพลังอย่างมาก

        “ทำได้ดี แต่เจ้ายังขาดอยู่อีกนิด” หลู่จงตะโกนเบาๆ จากนั้นอุณหภูมิในร่างก็พุ่งสูงขึ้นในทันที ขณะเดียวกันนั้นก็มีเปลวเพลิงปกคลุมร่างกายของหลู่จงและพื้นที่โดยรอบทั้งหมดเอาไว้ อากาศที่เย็นยะเยือกกลับกลายเป็นความว่างเปล่า

        เปลวเพลิงที่ลุกโชนแปรเปลี่ยนเป็นทะเลเพลิงและปกคลุมไปทุกหนทุกแห่งและแผดเผาออกไป เสียงเผาไหม้ของเปลวไฟดังขึ้นทั่วบริเวณ

        ท่าประทับในมือของหลู่จงได้เปลี่ยนไป เปลวเพลิงรอบตัวของเขาร้อนขึ้นหลายส่วน และอากาศที่หนาวเย็นก็ถูกแผดเผาจนหายไปและกลายเป็นเมฆก้อนใหญ่ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า

        “ไป” หลังจากจัดการเศษน้ำแข็งหมดแล้ว หลู่จงก็พาเปลวเพลิงที่ลุกโชนอยู่บนร่างพุ่งทะยานขึ้นฟ้า จากนั้นเงาดาบก็ได้พุ่งตรงไปทางชายชุดดำอย่างรุนแรง

        ชายชุดดำถอยร่างไปหลายก้าวแล้วใช้ท่าประทับออกมา พลังลมปราณที่หนาวเย็นได้แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของเขา และในขณะเดียวกัน ที่ด้านหน้าก็ได้ปรากฏโล่น้ำแข็งขึ้น

        “ฉับ” หลู่จงเหวี่ยงดาบที่มีเปลวเพลิงร้อนแรงกำลังลุกโชนอยู่ลงไปตรงๆ

        “ชิ้ง!”

        เสียงดาบที่ปะทะกับโล่นั้นดังและคมชัด และในเวลาเดียวกันนั้นน้ำแข็งชิ้นเล็กๆ สองสามก้อนก็ได้ตกลงมา หลังจากนั้นเกราะน้ำแข็งก็ได้แตกออกในทันที เมื่อน้ำแข็งตกลงบนพื้นก็กลับกลายเป็นหมอกสีขาวและสลายหายไป

        “เอื้อ”

        ในตอนนั้นเอง ชายชุดดำก็ได้กระอักเลือดออกมา ผ้าคลุมหน้าสีดำที่ปกปิดใบหน้าเอาไว้ถูกย้อมเป็นสีแดง จากนั้นร่างกายของเขาก็โซเซไปด้านหลังสองสามก้าว

        “ชื่อเสียงของลูกคนที่สามของตระกูลหลู่ช่างสมคำเล่าลือนัก ข้าขอลา” หลังจากชายชุดดำกล่าวจบ เขาก็ได้กระโดดจากไปในทันที

        หลู่จงมองไปที่แผ่นหลังของชายชุดดำ แต่ก็ไม่ได้คิดจะตามไป เพราะเขากลัวว่าอีกฝ่ายจะมีแผนเพื่อล่อเสือออกจากถ้ำ หลู่จงนั้นแข็งแกร่งกว่าฝ่ายตรงข้ามเล็กน้อย แต่การจะไล่ฆ่าคนผู้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย จากนั้นหลู่จงก็หันกลับไปมองหลู่เส่าโหย่ว

        “เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?” หลู่จงมองไปที่หลู่เส่าโหย่ว เขาใช้เวลาเนิ่นนานกว่าจะเปิดปากพูดออกมา

        “ไม่เป็นไร ข้ายังไม่ตาย” หลู่เส่าโหย่วกล่าวเบาๆ เพื่อหลู่เส่าโหย่วที่ตายไปแล้ว ตัวเขาไม่ได้มีความประทับใจที่ดีกับบิดาผู้นี้ของเขาเท่าไร

        “คราวหน้าออกมาข้างนอกเจ้าต้องระวังหน่อย หากไม่ออกมาจากตระกูลหลู่เลยจะเป็นการดีที่สุด” หลู่จงถอนหายใจเบาๆ เมื่อเห็นปฏิกิริยาของลูกชาย นี่เป็นสิ่งที่เขาคาดเดาไว้แล้ว

        “ไม่มีอะไรแล้วใช่หรือไม่ เช่นนั้นข้าไปล่ะ” หลังหลู่เส่าโหย่วกล่าวจบ เขาก็พาเสี่ยวหลงออกมาจากหุบเขาทันที พ่อแบบนี้ไม่มีก็ดีแล้ว บิดาที่ไม่เคยทำตามหน้าที่ของคนเป็นพ่อ ตัวเขาจะนับคนแบบนั้นเป็นพ่อไปเพื่ออะไร

        เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของหลู่เส่าโหย่ว หลู่จงก็ได้เผยสีหน้าที่หดหู่ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าหลู่เส่าโหย่วเดินไปไกลแล้ว ถึงได้หายไปจากหุบเขาด้านหลัง

        “เสี่ยวหลง เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่” หลู่เส่าโหย่วที่อุ้มเสี่ยวหลงไว้ในมือรู้สึกกังวลอย่างมาก เพราะกลัวว่าเสี่ยวหลงจะได้รับบาดเจ็บ

        “ฟ่อฟ่อ!” เสี่ยวหลงแลบลิ้นและขดตัวอยู่ในมือของหลู่เส่าโหย่วอย่างสนิทสนม ดวงตาสีดำของมันกำลังจับจ้องมาที่หลู่เส่าโหย่วอย่างมีความสุข เสี่ยวหลงพยักหน้าเล็กน้อย

        “ไม่เป็นไรอย่างนั้นหรือ” หลู่เส่าโหย่วรู้สึกสงสัยขึ้นมา ความแข็งแกร่งของชายชุดดำผู้นั้น อย่างต่ำก็ต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับยอดยุทธ์ เสี่ยวหลงถูกโจมตีจนปลิวไปสองครั้งแต่กลับไม่เป็นอะไร พลังป้องกันช่างแข็งแกร่งนัก

        “นายน้อยเส่าโหย่ว”

        “คารวะนายน้อยเส่าโหย่ว”

        เมื่อกลับมาถึงลานบ้าน เขาก็ได้พบคนรับใช้ในระหว่างทางไม่น้อย ในตอนนี้ คนรับใช้เหล่านี้ต่างก็ทำความเคารพเขาอย่างมีมารยาท ทุกคนล้วนเรียกเขาว่านายน้อย เพราะหลู่เส่าโหย่วได้เข้าไปกราบไหว้บรรพบุรุษ ทำให้คนเหล่านี้คิดว่านายน้อยไร้ค่าคนเดิมได้จดจำบรรพบุรุษกลับเข้าตระกูลแล้ว

        หลู่เส่าโหย่วพยักหน้าเล็กน้อย แน่นอนว่าเขาจะไม่เสียเวลาไปโต้เถียงกับคนรับใช้เหล่านี้ จากนั้นเขาก็กลับมาถึงลานบ้าน

        “ขนเร็วเข้า ใช้แรงหน่อย”

        “นี่เป็นของที่คุณชายเคยชอบที่สุด พวกเจ้าอย่าทำพังล่ะ”

        หลู่เส่าโหย่วได้ยินเสียงของหลู่เสี่ยวไป๋ตั้งแต่อยู่นอกลานบ้าน เมื่อเดินเข้ามาในลานบ้าน เขากลับเห็นคนรับใช้นับสิบคนกำลังขนของออกมามากมาย

        “เสี่ยวไป๋ เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?” หลู่เส่าโหย่วถามอย่างประหลาดใจด้วยสีหน้าที่มืดลง

        “คุณชาย นายหญิงบอกว่าจะย้ายไปอยู่ที่ลานด้านหน้า” หลู่เสี่ยวไป๋กล่าว

        “ย้ายไปลานด้านหน้าอย่างนั้นหรือ? รีบหยุดมือและขนของกลับไปที่เดิม” หลู่เส่าโหย่วกล่าวแล้วจากนั้นก็เดินเข้าไปในลานบ้านอย่างรวดเร็ว

        “ท่านแม่ ข้าไม่อยากย้ายไปอยู่ที่ลานด้านหน้า พวกเราอยู่ที่ลานด้านหลังก็ดีอยู่แล้ว” เมื่อหลู่เส่าโหย่วเข้ามาถึงห้องโถงเล็ก เขาก็เห็นท่านแม่กับหลู่หวู๋ซวงกำลังเก็บของกระจุกกระจิกอยู่ในห้องโถง

        “เส่าโหย่ว แม่ก็คิดว่ามันดีเช่นกัน แต่เมื่อครู่ลุงใหญ่เข้ามาหาข้า เขาพูดถูกแล้ว เจ้าต้องย้ายไปอยู่ที่ลานด้านหน้า” ลั่วหลานซือกล่าว

        “ท่านแม่ พวกเราอยู่ที่นี่ก็พอแล้ว” หลู่เส่าโหย่วประคองลั่วหลานซือให้นั่งลง ดูเหมือนว่าการที่ตัวเขาไม่ยอมจดจำบรรพบุรุษนั้นทำให้ตระกูลหลู่คิดหาทุกวิถีทางเพื่อให้เขายอมทำตาม ตอนนี้ก็เริ่มมาเกลี้ยกล่อมแม่ของเขาแล้ว

        “เจ้าเด็กโง่ ลุงใหญ่ของเจ้าบอกข้าแล้วว่าเจ้าตกอยู่ในอันตรายอย่างมาก เจ้าจะปลอดภัยกว่าหากไปอยู่ที่ลานด้านหน้า เจ้าไม่สามารถอยู่ที่ลานด้านหลังได้ ยังมีอีกเรื่อง เจ้าน่าจะรู้ดี การจดจำบรรพบุรุษกลับเข้าตระกูลเป็นสิ่งที่ข้าหวังมาตลอด เจ้าจงเชื่อฟังแล้วคิดเสียว่าทำเพื่อแม่ได้หรือไม่?” ลั่วหลานซือเอื้อมมือมาจับมือของหลู่เส่าโหย่วเอาไว้

        “ท่านแม่ ตระกูลหลู่ทำกับท่านขนาดนี้ ท่านยังจะช่วยตระกูลหลู่อีก พวกเราไม่จำเป็นต้องพึ่งตระกูลหลู่ ลูกชายของท่านคนนี้สามารถเลี้ยงดูท่านได้ในอนาคต” หลู่เส่าโหย่วกล่าว ดูเหมือนว่าตระกูลหลู่จะเกลี้ยกล่อมแม่ของเขาไปไม่น้อย

        “เส่าโหย่ว ข้ารู้ว่าในใจเจ้ารู้สึกไม่พอใจต่อตระกูลหลู่ แต่ภายในตระกูลนั้นมีเรื่องที่ซับซ้อน เพื่อความปลอดภัยของเจ้า เจ้าก็ย้ายไปอยู่ที่ลานด้านหน้าเถอะ นอกจากนี้ จะอย่างไรเลือดภายในร่างของเจ้าก็เป็นเลือดของคนตระกูลหลู่ การที่เจ้าจดจำบรรพบุรุษกลับเข้าตระกูลก็สมควรแล้ว ถือว่านี่เป็นการทำตามความปรารถนาของป้าสาม” หลู่หวู๋ซวงเปิดปากกล่าวออกมาเบาๆ

        “แล้วสถานะของแม่ข้าล่ะ”

        “นี่…” หลู่หวู๋ซวงพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง ท่านพ่อไม่เคยพูดเรื่องป้าสามเลย และนางก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าเรื่องนี้มันยากนัก

        “เส่าโหย่ว แม่ไม่เป็นไร ตราบใดที่แม่เห็นเจ้าอยู่สบายก็พอแล้ว นอกจากนี้ ครั้งนี้แม่ก็จะย้ายไปกับเจ้า ในอนาคตแม่ก็จะมีความสุขไปกับเจ้าด้วยเช่นกัน” ลั่วหลานซือกล่าวด้วยรอยยิ้ม ในตาของนางเต็มไปด้วยความพึงพอใจ

 

        “ท่านแม่…” หลู่เส่าโหย่วไม่รู้ว่าตระกูลหลู่พูดอะไรกับแม่ของเขา แต่เมื่อเห็นสีหน้าของมารดา ก็ทำให้เขาไม่อยากทำให้นางต้องผิดหวัง จากนั้นเขาก็มองไปที่หลู่หวู๋ซวงและกล่าวออกมา “พี่หวู๋ซวง รบกวนท่านไปบอกลุงใหญ่ที ว่าถ้าหากอยากให้ข้าจดจำบรรพบุรุษกลับเข้าตระกูล เช่นนั้นก็ต้องยอมรับเงื่อนไขของข้าหนึ่งข้อ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ 50 เงื่อนไขหนึ่งข้อ

Now you are reading จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ Chapter 50 เงื่อนไขหนึ่งข้อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “ชิ้ง” ดาบยาวสีแดงเข้มในมือของหลู่จงถูกชักออกมา เงาดาบได้ฟันผ่านลมปราณที่หนาวเย็นและพุ่งเข้าใส่ชายชุดดำที่อยู่ข้างหน้าอย่างไร้ความปรานี

        เมื่อมองดูเงาดาบที่ฟันผ่านสายลมจนเกิดเสียง ชายชุดดำก็ได้ใช้สองมือเพื่อรวมเป็นท่าประทับอย่างรวดเร็ว

        หมอกสีขาวที่หนาวเย็นด้านหน้าชายชุดดำได้พลุกพล่านขึ้นมา ทำให้พื้นที่ทั้งหมดสั่นสะเทือน จากนั้นก็มีลูกเห็บมากมายปรากฏขึ้น และทั้งหมดก็พุ่งไปทางหลู่จง

        ลูกเห็บทำให้เกิดเสียงหวีดแหลมของสายลมที่ถูกฉีกกระชาก และอุณหภูมิของพื้นที่โดยรอบก็ได้ลดลงอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น หุบเขารอบๆ ก็ถูกแช่จนเป็นก้อนน้ำแข็งทันที

        “หึ จงแตกให้ข้า” หลู่จงขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นฝ่าเท้าของเขาก็เหยียบลงบนพื้น ตามมาด้วยเสียงของพลังงานที่ถูกระเบิด ร่างกายของหลู่จงได้พุ่งไปอย่างรวดเร็วด้วยออร่าที่ร้อนแรง หลู่จงใช้ดาบยาวในมือแสดงศิลปะดาบกลางอากาศ แล้วจากนั้นเงาของดาบยาวก็ออกจากมือของเขาไป

        เงาดาบได้ฉีกอากาศที่เย็นยะเยือกออกจากกัน และกลายเป็นเงาดาบนับร้อยนับพันบนท้องฟ้า เงาดาบได้ฉีกอากาศและมีเปลวเพลิงจางๆ ซ่อนอยู่ภายใน ทันใดนั้นมันก็ได้ปกคลุมร่างของชายชุดดำและพุ่งเข้าใส่ทันที

        “ปัง ปัง”

        ลูกเห็บและเงาดาบได้ปะทะกันทำให้เกิดสะเก็ดไฟมากมายบนท้องฟ้า จากนั้นลูกเห็บและเงาดาบจำนวนนับไม่ถ้วนก็ได้สลายหายไป

        “สมกับที่เป็นลูกคนที่สามของตระกูล เข้ามาอีก” ท่าประทับในมือของชายชุดดำได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง เมื่อหลู่จงเห็นเช่นนั้นเขาก็รู้สึกประหลาดใจจนทำให้ท่าประทับในมือผิดเพี้ยนไป ทันใดนั้น น้ำแข็งที่แตกเป็นเสี่ยงๆ จำนวนนับไม่ถ้วนก็ได้ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าและพุ่งเข้าใส่หลู่จงทันที

        น้ำแข็งที่แตกเป็นเสี่ยงๆ เหล่านั้นมีสีสันงดงามราวกับภาพมายา ทว่าในตอนนี้มันกลับเป็นอาวุธที่ใช้ในการสังหารคน น้ำแข็งที่แตกกระจายอยู่รอบๆ นั้นเต็มไปด้วยขอบและมุมที่แหลมคม ภายใต้การควบคุมของพลังลมปราณนี้ ทำให้พวกมันทรงพลังอย่างมาก

        “ทำได้ดี แต่เจ้ายังขาดอยู่อีกนิด” หลู่จงตะโกนเบาๆ จากนั้นอุณหภูมิในร่างก็พุ่งสูงขึ้นในทันที ขณะเดียวกันนั้นก็มีเปลวเพลิงปกคลุมร่างกายของหลู่จงและพื้นที่โดยรอบทั้งหมดเอาไว้ อากาศที่เย็นยะเยือกกลับกลายเป็นความว่างเปล่า

        เปลวเพลิงที่ลุกโชนแปรเปลี่ยนเป็นทะเลเพลิงและปกคลุมไปทุกหนทุกแห่งและแผดเผาออกไป เสียงเผาไหม้ของเปลวไฟดังขึ้นทั่วบริเวณ

        ท่าประทับในมือของหลู่จงได้เปลี่ยนไป เปลวเพลิงรอบตัวของเขาร้อนขึ้นหลายส่วน และอากาศที่หนาวเย็นก็ถูกแผดเผาจนหายไปและกลายเป็นเมฆก้อนใหญ่ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า

        “ไป” หลังจากจัดการเศษน้ำแข็งหมดแล้ว หลู่จงก็พาเปลวเพลิงที่ลุกโชนอยู่บนร่างพุ่งทะยานขึ้นฟ้า จากนั้นเงาดาบก็ได้พุ่งตรงไปทางชายชุดดำอย่างรุนแรง

        ชายชุดดำถอยร่างไปหลายก้าวแล้วใช้ท่าประทับออกมา พลังลมปราณที่หนาวเย็นได้แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของเขา และในขณะเดียวกัน ที่ด้านหน้าก็ได้ปรากฏโล่น้ำแข็งขึ้น

        “ฉับ” หลู่จงเหวี่ยงดาบที่มีเปลวเพลิงร้อนแรงกำลังลุกโชนอยู่ลงไปตรงๆ

        “ชิ้ง!”

        เสียงดาบที่ปะทะกับโล่นั้นดังและคมชัด และในเวลาเดียวกันนั้นน้ำแข็งชิ้นเล็กๆ สองสามก้อนก็ได้ตกลงมา หลังจากนั้นเกราะน้ำแข็งก็ได้แตกออกในทันที เมื่อน้ำแข็งตกลงบนพื้นก็กลับกลายเป็นหมอกสีขาวและสลายหายไป

        “เอื้อ”

        ในตอนนั้นเอง ชายชุดดำก็ได้กระอักเลือดออกมา ผ้าคลุมหน้าสีดำที่ปกปิดใบหน้าเอาไว้ถูกย้อมเป็นสีแดง จากนั้นร่างกายของเขาก็โซเซไปด้านหลังสองสามก้าว

        “ชื่อเสียงของลูกคนที่สามของตระกูลหลู่ช่างสมคำเล่าลือนัก ข้าขอลา” หลังจากชายชุดดำกล่าวจบ เขาก็ได้กระโดดจากไปในทันที

        หลู่จงมองไปที่แผ่นหลังของชายชุดดำ แต่ก็ไม่ได้คิดจะตามไป เพราะเขากลัวว่าอีกฝ่ายจะมีแผนเพื่อล่อเสือออกจากถ้ำ หลู่จงนั้นแข็งแกร่งกว่าฝ่ายตรงข้ามเล็กน้อย แต่การจะไล่ฆ่าคนผู้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย จากนั้นหลู่จงก็หันกลับไปมองหลู่เส่าโหย่ว

        “เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?” หลู่จงมองไปที่หลู่เส่าโหย่ว เขาใช้เวลาเนิ่นนานกว่าจะเปิดปากพูดออกมา

        “ไม่เป็นไร ข้ายังไม่ตาย” หลู่เส่าโหย่วกล่าวเบาๆ เพื่อหลู่เส่าโหย่วที่ตายไปแล้ว ตัวเขาไม่ได้มีความประทับใจที่ดีกับบิดาผู้นี้ของเขาเท่าไร

        “คราวหน้าออกมาข้างนอกเจ้าต้องระวังหน่อย หากไม่ออกมาจากตระกูลหลู่เลยจะเป็นการดีที่สุด” หลู่จงถอนหายใจเบาๆ เมื่อเห็นปฏิกิริยาของลูกชาย นี่เป็นสิ่งที่เขาคาดเดาไว้แล้ว

        “ไม่มีอะไรแล้วใช่หรือไม่ เช่นนั้นข้าไปล่ะ” หลังหลู่เส่าโหย่วกล่าวจบ เขาก็พาเสี่ยวหลงออกมาจากหุบเขาทันที พ่อแบบนี้ไม่มีก็ดีแล้ว บิดาที่ไม่เคยทำตามหน้าที่ของคนเป็นพ่อ ตัวเขาจะนับคนแบบนั้นเป็นพ่อไปเพื่ออะไร

        เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของหลู่เส่าโหย่ว หลู่จงก็ได้เผยสีหน้าที่หดหู่ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าหลู่เส่าโหย่วเดินไปไกลแล้ว ถึงได้หายไปจากหุบเขาด้านหลัง

        “เสี่ยวหลง เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่” หลู่เส่าโหย่วที่อุ้มเสี่ยวหลงไว้ในมือรู้สึกกังวลอย่างมาก เพราะกลัวว่าเสี่ยวหลงจะได้รับบาดเจ็บ

        “ฟ่อฟ่อ!” เสี่ยวหลงแลบลิ้นและขดตัวอยู่ในมือของหลู่เส่าโหย่วอย่างสนิทสนม ดวงตาสีดำของมันกำลังจับจ้องมาที่หลู่เส่าโหย่วอย่างมีความสุข เสี่ยวหลงพยักหน้าเล็กน้อย

        “ไม่เป็นไรอย่างนั้นหรือ” หลู่เส่าโหย่วรู้สึกสงสัยขึ้นมา ความแข็งแกร่งของชายชุดดำผู้นั้น อย่างต่ำก็ต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับยอดยุทธ์ เสี่ยวหลงถูกโจมตีจนปลิวไปสองครั้งแต่กลับไม่เป็นอะไร พลังป้องกันช่างแข็งแกร่งนัก

        “นายน้อยเส่าโหย่ว”

        “คารวะนายน้อยเส่าโหย่ว”

        เมื่อกลับมาถึงลานบ้าน เขาก็ได้พบคนรับใช้ในระหว่างทางไม่น้อย ในตอนนี้ คนรับใช้เหล่านี้ต่างก็ทำความเคารพเขาอย่างมีมารยาท ทุกคนล้วนเรียกเขาว่านายน้อย เพราะหลู่เส่าโหย่วได้เข้าไปกราบไหว้บรรพบุรุษ ทำให้คนเหล่านี้คิดว่านายน้อยไร้ค่าคนเดิมได้จดจำบรรพบุรุษกลับเข้าตระกูลแล้ว

        หลู่เส่าโหย่วพยักหน้าเล็กน้อย แน่นอนว่าเขาจะไม่เสียเวลาไปโต้เถียงกับคนรับใช้เหล่านี้ จากนั้นเขาก็กลับมาถึงลานบ้าน

        “ขนเร็วเข้า ใช้แรงหน่อย”

        “นี่เป็นของที่คุณชายเคยชอบที่สุด พวกเจ้าอย่าทำพังล่ะ”

        หลู่เส่าโหย่วได้ยินเสียงของหลู่เสี่ยวไป๋ตั้งแต่อยู่นอกลานบ้าน เมื่อเดินเข้ามาในลานบ้าน เขากลับเห็นคนรับใช้นับสิบคนกำลังขนของออกมามากมาย

        “เสี่ยวไป๋ เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?” หลู่เส่าโหย่วถามอย่างประหลาดใจด้วยสีหน้าที่มืดลง

        “คุณชาย นายหญิงบอกว่าจะย้ายไปอยู่ที่ลานด้านหน้า” หลู่เสี่ยวไป๋กล่าว

        “ย้ายไปลานด้านหน้าอย่างนั้นหรือ? รีบหยุดมือและขนของกลับไปที่เดิม” หลู่เส่าโหย่วกล่าวแล้วจากนั้นก็เดินเข้าไปในลานบ้านอย่างรวดเร็ว

        “ท่านแม่ ข้าไม่อยากย้ายไปอยู่ที่ลานด้านหน้า พวกเราอยู่ที่ลานด้านหลังก็ดีอยู่แล้ว” เมื่อหลู่เส่าโหย่วเข้ามาถึงห้องโถงเล็ก เขาก็เห็นท่านแม่กับหลู่หวู๋ซวงกำลังเก็บของกระจุกกระจิกอยู่ในห้องโถง

        “เส่าโหย่ว แม่ก็คิดว่ามันดีเช่นกัน แต่เมื่อครู่ลุงใหญ่เข้ามาหาข้า เขาพูดถูกแล้ว เจ้าต้องย้ายไปอยู่ที่ลานด้านหน้า” ลั่วหลานซือกล่าว

        “ท่านแม่ พวกเราอยู่ที่นี่ก็พอแล้ว” หลู่เส่าโหย่วประคองลั่วหลานซือให้นั่งลง ดูเหมือนว่าการที่ตัวเขาไม่ยอมจดจำบรรพบุรุษนั้นทำให้ตระกูลหลู่คิดหาทุกวิถีทางเพื่อให้เขายอมทำตาม ตอนนี้ก็เริ่มมาเกลี้ยกล่อมแม่ของเขาแล้ว

        “เจ้าเด็กโง่ ลุงใหญ่ของเจ้าบอกข้าแล้วว่าเจ้าตกอยู่ในอันตรายอย่างมาก เจ้าจะปลอดภัยกว่าหากไปอยู่ที่ลานด้านหน้า เจ้าไม่สามารถอยู่ที่ลานด้านหลังได้ ยังมีอีกเรื่อง เจ้าน่าจะรู้ดี การจดจำบรรพบุรุษกลับเข้าตระกูลเป็นสิ่งที่ข้าหวังมาตลอด เจ้าจงเชื่อฟังแล้วคิดเสียว่าทำเพื่อแม่ได้หรือไม่?” ลั่วหลานซือเอื้อมมือมาจับมือของหลู่เส่าโหย่วเอาไว้

        “ท่านแม่ ตระกูลหลู่ทำกับท่านขนาดนี้ ท่านยังจะช่วยตระกูลหลู่อีก พวกเราไม่จำเป็นต้องพึ่งตระกูลหลู่ ลูกชายของท่านคนนี้สามารถเลี้ยงดูท่านได้ในอนาคต” หลู่เส่าโหย่วกล่าว ดูเหมือนว่าตระกูลหลู่จะเกลี้ยกล่อมแม่ของเขาไปไม่น้อย

        “เส่าโหย่ว ข้ารู้ว่าในใจเจ้ารู้สึกไม่พอใจต่อตระกูลหลู่ แต่ภายในตระกูลนั้นมีเรื่องที่ซับซ้อน เพื่อความปลอดภัยของเจ้า เจ้าก็ย้ายไปอยู่ที่ลานด้านหน้าเถอะ นอกจากนี้ จะอย่างไรเลือดภายในร่างของเจ้าก็เป็นเลือดของคนตระกูลหลู่ การที่เจ้าจดจำบรรพบุรุษกลับเข้าตระกูลก็สมควรแล้ว ถือว่านี่เป็นการทำตามความปรารถนาของป้าสาม” หลู่หวู๋ซวงเปิดปากกล่าวออกมาเบาๆ

        “แล้วสถานะของแม่ข้าล่ะ”

        “นี่…” หลู่หวู๋ซวงพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง ท่านพ่อไม่เคยพูดเรื่องป้าสามเลย และนางก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าเรื่องนี้มันยากนัก

        “เส่าโหย่ว แม่ไม่เป็นไร ตราบใดที่แม่เห็นเจ้าอยู่สบายก็พอแล้ว นอกจากนี้ ครั้งนี้แม่ก็จะย้ายไปกับเจ้า ในอนาคตแม่ก็จะมีความสุขไปกับเจ้าด้วยเช่นกัน” ลั่วหลานซือกล่าวด้วยรอยยิ้ม ในตาของนางเต็มไปด้วยความพึงพอใจ

 

        “ท่านแม่…” หลู่เส่าโหย่วไม่รู้ว่าตระกูลหลู่พูดอะไรกับแม่ของเขา แต่เมื่อเห็นสีหน้าของมารดา ก็ทำให้เขาไม่อยากทำให้นางต้องผิดหวัง จากนั้นเขาก็มองไปที่หลู่หวู๋ซวงและกล่าวออกมา “พี่หวู๋ซวง รบกวนท่านไปบอกลุงใหญ่ที ว่าถ้าหากอยากให้ข้าจดจำบรรพบุรุษกลับเข้าตระกูล เช่นนั้นก็ต้องยอมรับเงื่อนไขของข้าหนึ่งข้อ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ 50 เงื่อนไขหนึ่งข้อ

Now you are reading จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ Chapter 50 เงื่อนไขหนึ่งข้อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “ชิ้ง” ดาบยาวสีแดงเข้มในมือของหลู่จงถูกชักออกมา เงาดาบได้ฟันผ่านลมปราณที่หนาวเย็นและพุ่งเข้าใส่ชายชุดดำที่อยู่ข้างหน้าอย่างไร้ความปรานี

        เมื่อมองดูเงาดาบที่ฟันผ่านสายลมจนเกิดเสียง ชายชุดดำก็ได้ใช้สองมือเพื่อรวมเป็นท่าประทับอย่างรวดเร็ว

        หมอกสีขาวที่หนาวเย็นด้านหน้าชายชุดดำได้พลุกพล่านขึ้นมา ทำให้พื้นที่ทั้งหมดสั่นสะเทือน จากนั้นก็มีลูกเห็บมากมายปรากฏขึ้น และทั้งหมดก็พุ่งไปทางหลู่จง

        ลูกเห็บทำให้เกิดเสียงหวีดแหลมของสายลมที่ถูกฉีกกระชาก และอุณหภูมิของพื้นที่โดยรอบก็ได้ลดลงอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น หุบเขารอบๆ ก็ถูกแช่จนเป็นก้อนน้ำแข็งทันที

        “หึ จงแตกให้ข้า” หลู่จงขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นฝ่าเท้าของเขาก็เหยียบลงบนพื้น ตามมาด้วยเสียงของพลังงานที่ถูกระเบิด ร่างกายของหลู่จงได้พุ่งไปอย่างรวดเร็วด้วยออร่าที่ร้อนแรง หลู่จงใช้ดาบยาวในมือแสดงศิลปะดาบกลางอากาศ แล้วจากนั้นเงาของดาบยาวก็ออกจากมือของเขาไป

        เงาดาบได้ฉีกอากาศที่เย็นยะเยือกออกจากกัน และกลายเป็นเงาดาบนับร้อยนับพันบนท้องฟ้า เงาดาบได้ฉีกอากาศและมีเปลวเพลิงจางๆ ซ่อนอยู่ภายใน ทันใดนั้นมันก็ได้ปกคลุมร่างของชายชุดดำและพุ่งเข้าใส่ทันที

        “ปัง ปัง”

        ลูกเห็บและเงาดาบได้ปะทะกันทำให้เกิดสะเก็ดไฟมากมายบนท้องฟ้า จากนั้นลูกเห็บและเงาดาบจำนวนนับไม่ถ้วนก็ได้สลายหายไป

        “สมกับที่เป็นลูกคนที่สามของตระกูล เข้ามาอีก” ท่าประทับในมือของชายชุดดำได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง เมื่อหลู่จงเห็นเช่นนั้นเขาก็รู้สึกประหลาดใจจนทำให้ท่าประทับในมือผิดเพี้ยนไป ทันใดนั้น น้ำแข็งที่แตกเป็นเสี่ยงๆ จำนวนนับไม่ถ้วนก็ได้ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าและพุ่งเข้าใส่หลู่จงทันที

        น้ำแข็งที่แตกเป็นเสี่ยงๆ เหล่านั้นมีสีสันงดงามราวกับภาพมายา ทว่าในตอนนี้มันกลับเป็นอาวุธที่ใช้ในการสังหารคน น้ำแข็งที่แตกกระจายอยู่รอบๆ นั้นเต็มไปด้วยขอบและมุมที่แหลมคม ภายใต้การควบคุมของพลังลมปราณนี้ ทำให้พวกมันทรงพลังอย่างมาก

        “ทำได้ดี แต่เจ้ายังขาดอยู่อีกนิด” หลู่จงตะโกนเบาๆ จากนั้นอุณหภูมิในร่างก็พุ่งสูงขึ้นในทันที ขณะเดียวกันนั้นก็มีเปลวเพลิงปกคลุมร่างกายของหลู่จงและพื้นที่โดยรอบทั้งหมดเอาไว้ อากาศที่เย็นยะเยือกกลับกลายเป็นความว่างเปล่า

        เปลวเพลิงที่ลุกโชนแปรเปลี่ยนเป็นทะเลเพลิงและปกคลุมไปทุกหนทุกแห่งและแผดเผาออกไป เสียงเผาไหม้ของเปลวไฟดังขึ้นทั่วบริเวณ

        ท่าประทับในมือของหลู่จงได้เปลี่ยนไป เปลวเพลิงรอบตัวของเขาร้อนขึ้นหลายส่วน และอากาศที่หนาวเย็นก็ถูกแผดเผาจนหายไปและกลายเป็นเมฆก้อนใหญ่ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า

        “ไป” หลังจากจัดการเศษน้ำแข็งหมดแล้ว หลู่จงก็พาเปลวเพลิงที่ลุกโชนอยู่บนร่างพุ่งทะยานขึ้นฟ้า จากนั้นเงาดาบก็ได้พุ่งตรงไปทางชายชุดดำอย่างรุนแรง

        ชายชุดดำถอยร่างไปหลายก้าวแล้วใช้ท่าประทับออกมา พลังลมปราณที่หนาวเย็นได้แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของเขา และในขณะเดียวกัน ที่ด้านหน้าก็ได้ปรากฏโล่น้ำแข็งขึ้น

        “ฉับ” หลู่จงเหวี่ยงดาบที่มีเปลวเพลิงร้อนแรงกำลังลุกโชนอยู่ลงไปตรงๆ

        “ชิ้ง!”

        เสียงดาบที่ปะทะกับโล่นั้นดังและคมชัด และในเวลาเดียวกันนั้นน้ำแข็งชิ้นเล็กๆ สองสามก้อนก็ได้ตกลงมา หลังจากนั้นเกราะน้ำแข็งก็ได้แตกออกในทันที เมื่อน้ำแข็งตกลงบนพื้นก็กลับกลายเป็นหมอกสีขาวและสลายหายไป

        “เอื้อ”

        ในตอนนั้นเอง ชายชุดดำก็ได้กระอักเลือดออกมา ผ้าคลุมหน้าสีดำที่ปกปิดใบหน้าเอาไว้ถูกย้อมเป็นสีแดง จากนั้นร่างกายของเขาก็โซเซไปด้านหลังสองสามก้าว

        “ชื่อเสียงของลูกคนที่สามของตระกูลหลู่ช่างสมคำเล่าลือนัก ข้าขอลา” หลังจากชายชุดดำกล่าวจบ เขาก็ได้กระโดดจากไปในทันที

        หลู่จงมองไปที่แผ่นหลังของชายชุดดำ แต่ก็ไม่ได้คิดจะตามไป เพราะเขากลัวว่าอีกฝ่ายจะมีแผนเพื่อล่อเสือออกจากถ้ำ หลู่จงนั้นแข็งแกร่งกว่าฝ่ายตรงข้ามเล็กน้อย แต่การจะไล่ฆ่าคนผู้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย จากนั้นหลู่จงก็หันกลับไปมองหลู่เส่าโหย่ว

        “เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?” หลู่จงมองไปที่หลู่เส่าโหย่ว เขาใช้เวลาเนิ่นนานกว่าจะเปิดปากพูดออกมา

        “ไม่เป็นไร ข้ายังไม่ตาย” หลู่เส่าโหย่วกล่าวเบาๆ เพื่อหลู่เส่าโหย่วที่ตายไปแล้ว ตัวเขาไม่ได้มีความประทับใจที่ดีกับบิดาผู้นี้ของเขาเท่าไร

        “คราวหน้าออกมาข้างนอกเจ้าต้องระวังหน่อย หากไม่ออกมาจากตระกูลหลู่เลยจะเป็นการดีที่สุด” หลู่จงถอนหายใจเบาๆ เมื่อเห็นปฏิกิริยาของลูกชาย นี่เป็นสิ่งที่เขาคาดเดาไว้แล้ว

        “ไม่มีอะไรแล้วใช่หรือไม่ เช่นนั้นข้าไปล่ะ” หลังหลู่เส่าโหย่วกล่าวจบ เขาก็พาเสี่ยวหลงออกมาจากหุบเขาทันที พ่อแบบนี้ไม่มีก็ดีแล้ว บิดาที่ไม่เคยทำตามหน้าที่ของคนเป็นพ่อ ตัวเขาจะนับคนแบบนั้นเป็นพ่อไปเพื่ออะไร

        เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของหลู่เส่าโหย่ว หลู่จงก็ได้เผยสีหน้าที่หดหู่ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าหลู่เส่าโหย่วเดินไปไกลแล้ว ถึงได้หายไปจากหุบเขาด้านหลัง

        “เสี่ยวหลง เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่” หลู่เส่าโหย่วที่อุ้มเสี่ยวหลงไว้ในมือรู้สึกกังวลอย่างมาก เพราะกลัวว่าเสี่ยวหลงจะได้รับบาดเจ็บ

        “ฟ่อฟ่อ!” เสี่ยวหลงแลบลิ้นและขดตัวอยู่ในมือของหลู่เส่าโหย่วอย่างสนิทสนม ดวงตาสีดำของมันกำลังจับจ้องมาที่หลู่เส่าโหย่วอย่างมีความสุข เสี่ยวหลงพยักหน้าเล็กน้อย

        “ไม่เป็นไรอย่างนั้นหรือ” หลู่เส่าโหย่วรู้สึกสงสัยขึ้นมา ความแข็งแกร่งของชายชุดดำผู้นั้น อย่างต่ำก็ต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับยอดยุทธ์ เสี่ยวหลงถูกโจมตีจนปลิวไปสองครั้งแต่กลับไม่เป็นอะไร พลังป้องกันช่างแข็งแกร่งนัก

        “นายน้อยเส่าโหย่ว”

        “คารวะนายน้อยเส่าโหย่ว”

        เมื่อกลับมาถึงลานบ้าน เขาก็ได้พบคนรับใช้ในระหว่างทางไม่น้อย ในตอนนี้ คนรับใช้เหล่านี้ต่างก็ทำความเคารพเขาอย่างมีมารยาท ทุกคนล้วนเรียกเขาว่านายน้อย เพราะหลู่เส่าโหย่วได้เข้าไปกราบไหว้บรรพบุรุษ ทำให้คนเหล่านี้คิดว่านายน้อยไร้ค่าคนเดิมได้จดจำบรรพบุรุษกลับเข้าตระกูลแล้ว

        หลู่เส่าโหย่วพยักหน้าเล็กน้อย แน่นอนว่าเขาจะไม่เสียเวลาไปโต้เถียงกับคนรับใช้เหล่านี้ จากนั้นเขาก็กลับมาถึงลานบ้าน

        “ขนเร็วเข้า ใช้แรงหน่อย”

        “นี่เป็นของที่คุณชายเคยชอบที่สุด พวกเจ้าอย่าทำพังล่ะ”

        หลู่เส่าโหย่วได้ยินเสียงของหลู่เสี่ยวไป๋ตั้งแต่อยู่นอกลานบ้าน เมื่อเดินเข้ามาในลานบ้าน เขากลับเห็นคนรับใช้นับสิบคนกำลังขนของออกมามากมาย

        “เสี่ยวไป๋ เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?” หลู่เส่าโหย่วถามอย่างประหลาดใจด้วยสีหน้าที่มืดลง

        “คุณชาย นายหญิงบอกว่าจะย้ายไปอยู่ที่ลานด้านหน้า” หลู่เสี่ยวไป๋กล่าว

        “ย้ายไปลานด้านหน้าอย่างนั้นหรือ? รีบหยุดมือและขนของกลับไปที่เดิม” หลู่เส่าโหย่วกล่าวแล้วจากนั้นก็เดินเข้าไปในลานบ้านอย่างรวดเร็ว

        “ท่านแม่ ข้าไม่อยากย้ายไปอยู่ที่ลานด้านหน้า พวกเราอยู่ที่ลานด้านหลังก็ดีอยู่แล้ว” เมื่อหลู่เส่าโหย่วเข้ามาถึงห้องโถงเล็ก เขาก็เห็นท่านแม่กับหลู่หวู๋ซวงกำลังเก็บของกระจุกกระจิกอยู่ในห้องโถง

        “เส่าโหย่ว แม่ก็คิดว่ามันดีเช่นกัน แต่เมื่อครู่ลุงใหญ่เข้ามาหาข้า เขาพูดถูกแล้ว เจ้าต้องย้ายไปอยู่ที่ลานด้านหน้า” ลั่วหลานซือกล่าว

        “ท่านแม่ พวกเราอยู่ที่นี่ก็พอแล้ว” หลู่เส่าโหย่วประคองลั่วหลานซือให้นั่งลง ดูเหมือนว่าการที่ตัวเขาไม่ยอมจดจำบรรพบุรุษนั้นทำให้ตระกูลหลู่คิดหาทุกวิถีทางเพื่อให้เขายอมทำตาม ตอนนี้ก็เริ่มมาเกลี้ยกล่อมแม่ของเขาแล้ว

        “เจ้าเด็กโง่ ลุงใหญ่ของเจ้าบอกข้าแล้วว่าเจ้าตกอยู่ในอันตรายอย่างมาก เจ้าจะปลอดภัยกว่าหากไปอยู่ที่ลานด้านหน้า เจ้าไม่สามารถอยู่ที่ลานด้านหลังได้ ยังมีอีกเรื่อง เจ้าน่าจะรู้ดี การจดจำบรรพบุรุษกลับเข้าตระกูลเป็นสิ่งที่ข้าหวังมาตลอด เจ้าจงเชื่อฟังแล้วคิดเสียว่าทำเพื่อแม่ได้หรือไม่?” ลั่วหลานซือเอื้อมมือมาจับมือของหลู่เส่าโหย่วเอาไว้

        “ท่านแม่ ตระกูลหลู่ทำกับท่านขนาดนี้ ท่านยังจะช่วยตระกูลหลู่อีก พวกเราไม่จำเป็นต้องพึ่งตระกูลหลู่ ลูกชายของท่านคนนี้สามารถเลี้ยงดูท่านได้ในอนาคต” หลู่เส่าโหย่วกล่าว ดูเหมือนว่าตระกูลหลู่จะเกลี้ยกล่อมแม่ของเขาไปไม่น้อย

        “เส่าโหย่ว ข้ารู้ว่าในใจเจ้ารู้สึกไม่พอใจต่อตระกูลหลู่ แต่ภายในตระกูลนั้นมีเรื่องที่ซับซ้อน เพื่อความปลอดภัยของเจ้า เจ้าก็ย้ายไปอยู่ที่ลานด้านหน้าเถอะ นอกจากนี้ จะอย่างไรเลือดภายในร่างของเจ้าก็เป็นเลือดของคนตระกูลหลู่ การที่เจ้าจดจำบรรพบุรุษกลับเข้าตระกูลก็สมควรแล้ว ถือว่านี่เป็นการทำตามความปรารถนาของป้าสาม” หลู่หวู๋ซวงเปิดปากกล่าวออกมาเบาๆ

        “แล้วสถานะของแม่ข้าล่ะ”

        “นี่…” หลู่หวู๋ซวงพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง ท่านพ่อไม่เคยพูดเรื่องป้าสามเลย และนางก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าเรื่องนี้มันยากนัก

        “เส่าโหย่ว แม่ไม่เป็นไร ตราบใดที่แม่เห็นเจ้าอยู่สบายก็พอแล้ว นอกจากนี้ ครั้งนี้แม่ก็จะย้ายไปกับเจ้า ในอนาคตแม่ก็จะมีความสุขไปกับเจ้าด้วยเช่นกัน” ลั่วหลานซือกล่าวด้วยรอยยิ้ม ในตาของนางเต็มไปด้วยความพึงพอใจ

 

        “ท่านแม่…” หลู่เส่าโหย่วไม่รู้ว่าตระกูลหลู่พูดอะไรกับแม่ของเขา แต่เมื่อเห็นสีหน้าของมารดา ก็ทำให้เขาไม่อยากทำให้นางต้องผิดหวัง จากนั้นเขาก็มองไปที่หลู่หวู๋ซวงและกล่าวออกมา “พี่หวู๋ซวง รบกวนท่านไปบอกลุงใหญ่ที ว่าถ้าหากอยากให้ข้าจดจำบรรพบุรุษกลับเข้าตระกูล เช่นนั้นก็ต้องยอมรับเงื่อนไขของข้าหนึ่งข้อ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+