จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ 38 การแข่งขันหลังปีใหม่

Now you are reading จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ Chapter 38 การแข่งขันหลังปีใหม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เปลวเพลิงภายในเตามังกรเพลิงไม่ได้รุนแรงขึ้น แต่มันกลับดูชัดเจนขึ้น และในเวลานี้ ภายในเตามังกรเพลิงก็ได้เกิดเสียงหึ่งๆ ขึ้นมา

        “ปัง” เตามังกรเพลิงได้เปิดออก จากนั้นโอสถสีน้ำเงินก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของหลู่เส่าโหย่ว ทันใดนั้นกลิ่นหอมเข้มข้นของโอสถก็แผ่กระจายไปทั่วห้องลับในทันที

        “หลอมรวมให้ข้า” ท่าประทับในมือของหลู่เส่าโหย่วได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง พลังวิญญาณในมือของเขาได้ก่อตัวเป็นเปลวเพลิงสองดวง ทันใดนั้น เขาก็ยิงมันออกไปห่อหุ้มใส่เม็ดยา และจากนั้นภายในเตามังกรเพลิงก็ได้มีเปลวเพลิงพุ่งออกมาห่อหุ้มเม็ดยาเอาไว้ จากนั้นโอสถสีน้ำเงินก็ได้สั่นไหวอยู่ในเปลวเพลิง

        สีหน้าของหลู่เส่าโหย่วซีดลงเรื่อยๆ การเผาผลาญพลังนั้นสูงเป็นอย่างมาก แต่ในเวลานี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะพักได้ หากเกิดข้อผิดพลาด ความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดก็จะสูญเปล่า

        “หลอมรวมให้ข้า” หลู่เส่าโหย่วตะโกนเบาๆ ภายใต้การห่อหุ้มของเปลวเพลิงทั้งสามที่ถูกควบคุมด้วยพลังจิตวิญญาณอย่างไม่มีข้อผิดพลาด กลิ่นหอมของโอสถก็กำลังถูกบีบอัดลงในโอสถ

        “ฟู่ฟู่” หลังจากถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงทั้งสาม โอสถสีน้ำเงินเม็ดนี้ก็ได้แสดงความดุร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ พื้นผิวของโอสถเริ่มแตกร้าวเล็กน้อย ราวกับว่ามันกำลังจะแตกออก

        “ให้ตายเถอะ” หลู่เส่าโหย่วรู้สึกเคร่งเครียด มันจะล้มเหลวไม่ได้

        “เป็นไงเป็นกัน” หลู่เส่าโหย่วกัดฟัน เขาใช้ท่าประทับอีกครั้ง พลังวิญญาณที่อยู่ในจิตใจของเขาปะทุออกมา และแม้แต่พลังจิตวิญญาณของเขา ก็ประทุออกมาทั้งหมด

        เพราะการควบคุมอย่างบ้าคลั่งของพลังจิตวิญญาณ อุณหภูมิของเปลวเพลิงทั้งสามจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ในที่สุดหลู่เส่าโหย่วก็สามารถห่อหุ้มโอสถสีน้ำเงินได้อีกครั้ง พร้อมกับสายตาที่ดูปล่อยวาง

        รอยแตกร้าวบนผิวของโอสถสีน้ำเงินค่อยๆ จางหายไป เปลวเพลิงกำลังคำรามและเคลื่อนไหวอยู่ภายในเตามังกรเพลิง หลู่เส่าโหย่วในตอนนี้ไม่ได้รู้เลยว่า ภายในห้องห้องหนึ่ง ลุงหนานที่นั่งท่าขัดสมาธิอยู่นั้นแสดงท่าทางเป็นกังวลมาโดยตลอด แต่ในตอนที่ชายชราได้ลืมตาขึ้นมา ในดวงตาของเขาก็มีประกายของความประหลาดใจวาบผ่านเล็กน้อย แต่กระนั้น ส่วนใหญ่มันกลับเป็นความปีติ

        “เจ้าเด็กนี่ เดิมทีพรสรรค์ก็นับว่ายอดเยี่ยมแล้ว คิดไม่ถึงว่าหลังจากกลายเป็นผู้ฝึกตนแบบควบคู่พลังจิตวิญญาณจะถูกยกระดับขึ้นมา ทำให้สามารถหลอมโอสถขั้นสองได้ตั้งแต่ตอนนี้ ในทวีปหลิงหวู่ทั้งทวีป เกรงว่าคนที่มีความสามารถระดับนี้จะมีเพียงแค่ไม่กี่คน” ลุงหนานยิ้มเบาๆ จากนั้นก็กลับกลายเป็นชายชราที่ดูเชื่องช้าเช่นเดิม

        ภายในห้องลับนั้น ท่าประทับในมือของหลู่เส่าโหย่วก็ได้เปลี่ยนไป จากนั้นโอสถสีน้ำเงินก็เริ่มหมุนวนในเปลวเพลิงขึ้นมา มันเต็มไปด้วยแสงแวววาวจางๆ

        “สำเร็จให้ข้าซะ” ท่าประทับในมือของหลู่เส่าโหย่วได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง จากนั้นพลังวิญญาณก็ล้อมรอบบริเวณร่างกายของเขาจนเกิดเป็นคลื่นที่ผันผวน แล้วเปลวเพลิงทั้งสามก็ได้บีบอัดกัน จากนั้นมันก็ห่อหุ้มแสงสว่างแวววาวนั้นแล้วหลอมรวมเข้ากับโอสถสีน้ำเงิน

        “ซือ…” โอสถสีน้ำเงินที่ส่องแสงสีเหลืองได้ปรากฏขึ้นในมือของหลู่เส่าโหย่ว หลู่เส่าโหย่วถือโอสถเม็ดนั้นเอาไว้ในมือและทรุดตัวลงไป พร้อมหอบหายใจอย่างหนักหน่วง หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงเหมือนคลื่นไม่หยุด

        “โอสถเจิ้งหยวน สำเร็จแล้ว” หลู่เส่าโหย่วนอนอยู่บนพื้นและจ้องมองโอสถที่อยู่ในมือ จากนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา โอสถเจิ้งหยวนเป็นถึงโอสถขั้นสอง ปกติโอสถขั้นสองจะมีราคาอยู่ที่ประมาณสองร้อยเหรียญทอง แพงกว่าโอสถขั้นหนึ่งหลายเท่านัก

        “ยังเหลืออีกเม็ด หลอมต่อ” หลู่เส่าโหย่วลุกขึ้นมาและเก็บโอสถเจิ้งหยวนลงไป จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิและปรับลมหายใจ การเผาผลาญระดับนี้ช่างมหาศาล ในตอนที่เขาปรับลมหายใจ หลู่เส่าโหย่วก็สัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณในร่างไม่เพียงแข็งแกร่งขึ้นมาเล็กน้อย แต่มันยังมีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

        หลังจากผ่านมาหลายชั่วยาม หลู่เส่าโหย่วก็ได้เปิดเปลือกตาอีกครั้ง ดวงตาของเขาที่ดูดำมืด กลับแจ่มใสขึ้นกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย

        “หลอมโอสถต่อ” หลู่เส่าโหย่วยิ้มอย่างขมขื่น หากอยากจะยกระดับพลังและชดใช้หนี้ ตัวเขาในตอนนี้ก็ต้องทำงานอย่างหนักถึงจะเพียงพอ

        ในเมืองชิงอวิ๋นนั้น เทศกาลปีใหม่กำลังใกล้เข้ามา ทุกๆ ครัวเรือนต่างก็มีโคมไฟห้อยอยู่ และถูกตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม ภาพที่สวยงามเช่นนี้ก็เกิดขึ้นที่ตระกูลหลู่เช่นเดียวกัน ลานบ้านทุกหลังกำลังถูกปัดกวาดและเต็มไปด้วยโคมไฟมากมายที่ถูกแขวนไว้ มองแล้วช่างดูมีความสุขนัก

        แต่ในตระกูลหลู่ นอกจากการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่แล้ว ก็ยังมีเรื่องดีๆ อีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือหลังจากกราบไหว้บรรพบุรุษแล้ว จะมีการแข่งขันระหว่างรุ่นเยาว์ทั้งหมดในตระกูล บุคคลสองคนที่แข็งแกร่งที่สุด เมื่อถึงเวลาพวกเขาจะสามารถเป็นตัวแทนของตระกูลหลู่ในการเข้าแข่งขันระหว่างตระกูลใหญ่ต่างๆ ในเมืองชิงอวิ๋น การแข่งขันนี้เป็นการแข่งขันที่สามปีถึงจะเกิดขึ้นหนึ่งครั้ง และผู้ที่ได้ห้าอันดับแรก จะสามารถเข้าไปเป็นศิษย์ของนิกายอวิ๋นหยางได้

        นิกายอวิ๋นหยางนั้น สามปีถึงจะรับศิษย์ใหม่สักที ซึ่งนั่นก็เป็นเวลาพอดีกับช่วงหลังปีใหม่ เป็นสิ่งที่หลายคนตั้งตารอ

        การได้เป็นศิษย์สายตรงของนิกายอวิ๋นหยางเป็นเรื่องที่ใครๆ ต่างก็ใฝ่ฝัน ศิษย์สายตรงของนิกายอวิ๋นหยาง เมื่อเทียบกับศิษย์ทั่วไปแล้วนับว่ามีความสูงส่งกว่ามาก ศิษย์สายตรงของนิกายอวิ๋นหยางนั้น แม้แต่หัวหน้าตระกูลในเมืองชิงอวิ๋นก็ยังต้องปฏิบัติตัวอย่างสุภาพ ไม่กล้าที่จะละเลย

        เมื่อเทศกาลปีใหม่ใกล้เข้ามา เหล่ารุ่นเยาว์สายตรงและสายรองต่างก็เร่งรีบกลับมาที่ตระกูลหลู่ ส่วนพวกที่อายุเยอะแล้วก็จะถูกไล่กลับมาทั้งหมด หนึ่งคือมาไหว้บรรพบุรุษ สองคือมาดูเรื่องสนุก ไม่รู้ว่ารอบนี้จะเป็นสองคนไหนที่เป็นตัวแทนของตระกูลหลู่

        เมื่อตระกูลสาขาต่างกลับมา คนรับใช้ในตระกูลหลู่ก็ยุ่งจนหัวหมุน หลู่เสี่ยวไป๋ที่ตอนนี้เลื่อนสถานะขึ้นมาเป็นผู้ดูแลก็สบายขึ้นไม่น้อย เลยกลายเป็นเป้าที่คนรับใช้ต่างก็อิจฉา และยังมีสาวใช้จากลานด้านหน้าจำนวนไม่น้อยแอบส่งสายตาให้ ซึ่งนั่นก็ทำให้หลู่เสี่ยวไป๋รู้สึกคันยุบยิบที่หัวใจอยู่พักหนึ่ง แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้ไปข้องแวะกับใคร หลังจากได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ สายตาของหลู่เสี่ยวไป๋ก็สูงส่งขึ้นไม่น้อย นั่นจึงทำให้เขาไม่ได้รู้สึกว่าเสี่ยวฉุยสวยเหมือนแต่ก่อนที่เขาเคยมองแล้ว

        ในห้องลับ หลู่เส่าโหย่วถูกรายล้อมไปด้วยม่านแสงที่แวววาว ท่าประทับในมือของเขาได้เปลี่ยนไปตลอดเวลา หน้าอกของเขายุบและพองไปมา การหายใจก็เริ่มมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ

        แต่แสงสว่างที่ส่องออกมาจากรอบตัวก็ราวกับผิวน้ำที่สงบนิ่งถูกหินกระแทกเข้าอย่างกะทันหัน ทำให้เกิดคลื่นขึ้นมา และพลังงานที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็ได้แทรกซึมผ่านแสงที่แวววาว จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นเส้นพลังงานเล็กๆ นับหมื่นพุ่งเข้าไปในร่างของหลู่เส่าโหย่ว

        พลังงานเส้นเล็กๆ นับหมื่นกำลังวนเวียนอยู่รอบกายของเขา เมื่อมองแล้วมันกลับให้ความรู้สึกลึกลับที่ไม่สามารถอธิบายได้ และในตอนนี้ ภายในร่างของหลู่เส่าโหย่วนั้น พลังเหล่านี้ก็ได้ถูกปรับแต่งโดยทักษะวิญญาณหยินหยาง แล้วแปรเปลี่ยนเป็นพลังลมปราณกับพลังวิญญาณสองส่วน จากนั้นมันก็พุ่งเข้าสู่ทะลมปราณในตันเถียนกับจิตใจของเขาตามลำดับ

        แต่พลังที่ถูกปรับแต่งเป็นพลังลมปราณมีมากกว่าพลังวิญญาณหลายเท่านัก ทำให้สามารถเพิ่มพลังวิญญาณได้แค่น้อยนิดเท่านั้น

        พลังงานเหล่านี้ไหลผ่านเส้นชีพจรในร่างกายของเขา ทำให้เส้นชีพจรขยายตัวอย่างรวดเร็ว แม้แต่ในเส้นชีพจร หลู่เส่าโหย่วก็ยังสัมผัสได้ว่ามันมีรอยแตกเล็กๆ ปรากฏขึ้น และในรอยแตกนั้นยังมีแสงสว่างทะลุออกมา ความเจ็บปวดเช่นนี้ หลู่เส่าโหย่วทำได้เพียงกัดฟันอดทนเอาไว้

        ทั้งหมดนี้ ลุงหนานเคยกล่าวกับหลู่เส่าโหย่วเอาไว้ก่อนแล้ว เมื่อกลืนกินโอสถเพื่อดูดซับลงไป ยิ่งโอสถแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ พลังงานก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น หากเส้นชีพจรทนไม่ไหว มันก็จะขยายตัว แต่หากพลังงานนั้นเกินกว่าที่เส้นชีพจรจะรับไหว ก็จะทำให้เส้นชีพจรแตกและตายในที่สุด

        ดังนั้น แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีโอสถขั้นห้าหรือโอสถขั้นหก หลู่เส่าโหย่วก็ไม่กล้าใช้มัน เพราะมันเหมือนเป็นการเอาชีวิตไปล้อเล่น แล้วอีกอย่าง โอสถขั้นห้าหรือขั้นหกในทวีปหลิงหวู่นั้นถือว่าเป็นการคงอยู่ของสมบัติล้ำค่า เขาคงไม่สามารถหามาได้ และหากจะหลอมขึ้นมาเอง เขาก็ยังมีความสามารถไม่มากพอ

 

        ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่รูขุมขนบนผิวของเขาได้เชื่อมต่อกับพลังงานนับหมื่นเส้นและเพลิดเพลินไปกับการดูดซับพลังงานเหล่านั้น ทำให้ออร่าของเขาในตอนนี้ค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ 38 การแข่งขันหลังปีใหม่

Now you are reading จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ Chapter 38 การแข่งขันหลังปีใหม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เปลวเพลิงภายในเตามังกรเพลิงไม่ได้รุนแรงขึ้น แต่มันกลับดูชัดเจนขึ้น และในเวลานี้ ภายในเตามังกรเพลิงก็ได้เกิดเสียงหึ่งๆ ขึ้นมา

        “ปัง” เตามังกรเพลิงได้เปิดออก จากนั้นโอสถสีน้ำเงินก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของหลู่เส่าโหย่ว ทันใดนั้นกลิ่นหอมเข้มข้นของโอสถก็แผ่กระจายไปทั่วห้องลับในทันที

        “หลอมรวมให้ข้า” ท่าประทับในมือของหลู่เส่าโหย่วได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง พลังวิญญาณในมือของเขาได้ก่อตัวเป็นเปลวเพลิงสองดวง ทันใดนั้น เขาก็ยิงมันออกไปห่อหุ้มใส่เม็ดยา และจากนั้นภายในเตามังกรเพลิงก็ได้มีเปลวเพลิงพุ่งออกมาห่อหุ้มเม็ดยาเอาไว้ จากนั้นโอสถสีน้ำเงินก็ได้สั่นไหวอยู่ในเปลวเพลิง

        สีหน้าของหลู่เส่าโหย่วซีดลงเรื่อยๆ การเผาผลาญพลังนั้นสูงเป็นอย่างมาก แต่ในเวลานี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะพักได้ หากเกิดข้อผิดพลาด ความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดก็จะสูญเปล่า

        “หลอมรวมให้ข้า” หลู่เส่าโหย่วตะโกนเบาๆ ภายใต้การห่อหุ้มของเปลวเพลิงทั้งสามที่ถูกควบคุมด้วยพลังจิตวิญญาณอย่างไม่มีข้อผิดพลาด กลิ่นหอมของโอสถก็กำลังถูกบีบอัดลงในโอสถ

        “ฟู่ฟู่” หลังจากถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงทั้งสาม โอสถสีน้ำเงินเม็ดนี้ก็ได้แสดงความดุร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ พื้นผิวของโอสถเริ่มแตกร้าวเล็กน้อย ราวกับว่ามันกำลังจะแตกออก

        “ให้ตายเถอะ” หลู่เส่าโหย่วรู้สึกเคร่งเครียด มันจะล้มเหลวไม่ได้

        “เป็นไงเป็นกัน” หลู่เส่าโหย่วกัดฟัน เขาใช้ท่าประทับอีกครั้ง พลังวิญญาณที่อยู่ในจิตใจของเขาปะทุออกมา และแม้แต่พลังจิตวิญญาณของเขา ก็ประทุออกมาทั้งหมด

        เพราะการควบคุมอย่างบ้าคลั่งของพลังจิตวิญญาณ อุณหภูมิของเปลวเพลิงทั้งสามจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ในที่สุดหลู่เส่าโหย่วก็สามารถห่อหุ้มโอสถสีน้ำเงินได้อีกครั้ง พร้อมกับสายตาที่ดูปล่อยวาง

        รอยแตกร้าวบนผิวของโอสถสีน้ำเงินค่อยๆ จางหายไป เปลวเพลิงกำลังคำรามและเคลื่อนไหวอยู่ภายในเตามังกรเพลิง หลู่เส่าโหย่วในตอนนี้ไม่ได้รู้เลยว่า ภายในห้องห้องหนึ่ง ลุงหนานที่นั่งท่าขัดสมาธิอยู่นั้นแสดงท่าทางเป็นกังวลมาโดยตลอด แต่ในตอนที่ชายชราได้ลืมตาขึ้นมา ในดวงตาของเขาก็มีประกายของความประหลาดใจวาบผ่านเล็กน้อย แต่กระนั้น ส่วนใหญ่มันกลับเป็นความปีติ

        “เจ้าเด็กนี่ เดิมทีพรสรรค์ก็นับว่ายอดเยี่ยมแล้ว คิดไม่ถึงว่าหลังจากกลายเป็นผู้ฝึกตนแบบควบคู่พลังจิตวิญญาณจะถูกยกระดับขึ้นมา ทำให้สามารถหลอมโอสถขั้นสองได้ตั้งแต่ตอนนี้ ในทวีปหลิงหวู่ทั้งทวีป เกรงว่าคนที่มีความสามารถระดับนี้จะมีเพียงแค่ไม่กี่คน” ลุงหนานยิ้มเบาๆ จากนั้นก็กลับกลายเป็นชายชราที่ดูเชื่องช้าเช่นเดิม

        ภายในห้องลับนั้น ท่าประทับในมือของหลู่เส่าโหย่วก็ได้เปลี่ยนไป จากนั้นโอสถสีน้ำเงินก็เริ่มหมุนวนในเปลวเพลิงขึ้นมา มันเต็มไปด้วยแสงแวววาวจางๆ

        “สำเร็จให้ข้าซะ” ท่าประทับในมือของหลู่เส่าโหย่วได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง จากนั้นพลังวิญญาณก็ล้อมรอบบริเวณร่างกายของเขาจนเกิดเป็นคลื่นที่ผันผวน แล้วเปลวเพลิงทั้งสามก็ได้บีบอัดกัน จากนั้นมันก็ห่อหุ้มแสงสว่างแวววาวนั้นแล้วหลอมรวมเข้ากับโอสถสีน้ำเงิน

        “ซือ…” โอสถสีน้ำเงินที่ส่องแสงสีเหลืองได้ปรากฏขึ้นในมือของหลู่เส่าโหย่ว หลู่เส่าโหย่วถือโอสถเม็ดนั้นเอาไว้ในมือและทรุดตัวลงไป พร้อมหอบหายใจอย่างหนักหน่วง หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงเหมือนคลื่นไม่หยุด

        “โอสถเจิ้งหยวน สำเร็จแล้ว” หลู่เส่าโหย่วนอนอยู่บนพื้นและจ้องมองโอสถที่อยู่ในมือ จากนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา โอสถเจิ้งหยวนเป็นถึงโอสถขั้นสอง ปกติโอสถขั้นสองจะมีราคาอยู่ที่ประมาณสองร้อยเหรียญทอง แพงกว่าโอสถขั้นหนึ่งหลายเท่านัก

        “ยังเหลืออีกเม็ด หลอมต่อ” หลู่เส่าโหย่วลุกขึ้นมาและเก็บโอสถเจิ้งหยวนลงไป จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิและปรับลมหายใจ การเผาผลาญระดับนี้ช่างมหาศาล ในตอนที่เขาปรับลมหายใจ หลู่เส่าโหย่วก็สัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณในร่างไม่เพียงแข็งแกร่งขึ้นมาเล็กน้อย แต่มันยังมีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

        หลังจากผ่านมาหลายชั่วยาม หลู่เส่าโหย่วก็ได้เปิดเปลือกตาอีกครั้ง ดวงตาของเขาที่ดูดำมืด กลับแจ่มใสขึ้นกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย

        “หลอมโอสถต่อ” หลู่เส่าโหย่วยิ้มอย่างขมขื่น หากอยากจะยกระดับพลังและชดใช้หนี้ ตัวเขาในตอนนี้ก็ต้องทำงานอย่างหนักถึงจะเพียงพอ

        ในเมืองชิงอวิ๋นนั้น เทศกาลปีใหม่กำลังใกล้เข้ามา ทุกๆ ครัวเรือนต่างก็มีโคมไฟห้อยอยู่ และถูกตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม ภาพที่สวยงามเช่นนี้ก็เกิดขึ้นที่ตระกูลหลู่เช่นเดียวกัน ลานบ้านทุกหลังกำลังถูกปัดกวาดและเต็มไปด้วยโคมไฟมากมายที่ถูกแขวนไว้ มองแล้วช่างดูมีความสุขนัก

        แต่ในตระกูลหลู่ นอกจากการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่แล้ว ก็ยังมีเรื่องดีๆ อีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือหลังจากกราบไหว้บรรพบุรุษแล้ว จะมีการแข่งขันระหว่างรุ่นเยาว์ทั้งหมดในตระกูล บุคคลสองคนที่แข็งแกร่งที่สุด เมื่อถึงเวลาพวกเขาจะสามารถเป็นตัวแทนของตระกูลหลู่ในการเข้าแข่งขันระหว่างตระกูลใหญ่ต่างๆ ในเมืองชิงอวิ๋น การแข่งขันนี้เป็นการแข่งขันที่สามปีถึงจะเกิดขึ้นหนึ่งครั้ง และผู้ที่ได้ห้าอันดับแรก จะสามารถเข้าไปเป็นศิษย์ของนิกายอวิ๋นหยางได้

        นิกายอวิ๋นหยางนั้น สามปีถึงจะรับศิษย์ใหม่สักที ซึ่งนั่นก็เป็นเวลาพอดีกับช่วงหลังปีใหม่ เป็นสิ่งที่หลายคนตั้งตารอ

        การได้เป็นศิษย์สายตรงของนิกายอวิ๋นหยางเป็นเรื่องที่ใครๆ ต่างก็ใฝ่ฝัน ศิษย์สายตรงของนิกายอวิ๋นหยาง เมื่อเทียบกับศิษย์ทั่วไปแล้วนับว่ามีความสูงส่งกว่ามาก ศิษย์สายตรงของนิกายอวิ๋นหยางนั้น แม้แต่หัวหน้าตระกูลในเมืองชิงอวิ๋นก็ยังต้องปฏิบัติตัวอย่างสุภาพ ไม่กล้าที่จะละเลย

        เมื่อเทศกาลปีใหม่ใกล้เข้ามา เหล่ารุ่นเยาว์สายตรงและสายรองต่างก็เร่งรีบกลับมาที่ตระกูลหลู่ ส่วนพวกที่อายุเยอะแล้วก็จะถูกไล่กลับมาทั้งหมด หนึ่งคือมาไหว้บรรพบุรุษ สองคือมาดูเรื่องสนุก ไม่รู้ว่ารอบนี้จะเป็นสองคนไหนที่เป็นตัวแทนของตระกูลหลู่

        เมื่อตระกูลสาขาต่างกลับมา คนรับใช้ในตระกูลหลู่ก็ยุ่งจนหัวหมุน หลู่เสี่ยวไป๋ที่ตอนนี้เลื่อนสถานะขึ้นมาเป็นผู้ดูแลก็สบายขึ้นไม่น้อย เลยกลายเป็นเป้าที่คนรับใช้ต่างก็อิจฉา และยังมีสาวใช้จากลานด้านหน้าจำนวนไม่น้อยแอบส่งสายตาให้ ซึ่งนั่นก็ทำให้หลู่เสี่ยวไป๋รู้สึกคันยุบยิบที่หัวใจอยู่พักหนึ่ง แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้ไปข้องแวะกับใคร หลังจากได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ สายตาของหลู่เสี่ยวไป๋ก็สูงส่งขึ้นไม่น้อย นั่นจึงทำให้เขาไม่ได้รู้สึกว่าเสี่ยวฉุยสวยเหมือนแต่ก่อนที่เขาเคยมองแล้ว

        ในห้องลับ หลู่เส่าโหย่วถูกรายล้อมไปด้วยม่านแสงที่แวววาว ท่าประทับในมือของเขาได้เปลี่ยนไปตลอดเวลา หน้าอกของเขายุบและพองไปมา การหายใจก็เริ่มมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ

        แต่แสงสว่างที่ส่องออกมาจากรอบตัวก็ราวกับผิวน้ำที่สงบนิ่งถูกหินกระแทกเข้าอย่างกะทันหัน ทำให้เกิดคลื่นขึ้นมา และพลังงานที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็ได้แทรกซึมผ่านแสงที่แวววาว จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นเส้นพลังงานเล็กๆ นับหมื่นพุ่งเข้าไปในร่างของหลู่เส่าโหย่ว

        พลังงานเส้นเล็กๆ นับหมื่นกำลังวนเวียนอยู่รอบกายของเขา เมื่อมองแล้วมันกลับให้ความรู้สึกลึกลับที่ไม่สามารถอธิบายได้ และในตอนนี้ ภายในร่างของหลู่เส่าโหย่วนั้น พลังเหล่านี้ก็ได้ถูกปรับแต่งโดยทักษะวิญญาณหยินหยาง แล้วแปรเปลี่ยนเป็นพลังลมปราณกับพลังวิญญาณสองส่วน จากนั้นมันก็พุ่งเข้าสู่ทะลมปราณในตันเถียนกับจิตใจของเขาตามลำดับ

        แต่พลังที่ถูกปรับแต่งเป็นพลังลมปราณมีมากกว่าพลังวิญญาณหลายเท่านัก ทำให้สามารถเพิ่มพลังวิญญาณได้แค่น้อยนิดเท่านั้น

        พลังงานเหล่านี้ไหลผ่านเส้นชีพจรในร่างกายของเขา ทำให้เส้นชีพจรขยายตัวอย่างรวดเร็ว แม้แต่ในเส้นชีพจร หลู่เส่าโหย่วก็ยังสัมผัสได้ว่ามันมีรอยแตกเล็กๆ ปรากฏขึ้น และในรอยแตกนั้นยังมีแสงสว่างทะลุออกมา ความเจ็บปวดเช่นนี้ หลู่เส่าโหย่วทำได้เพียงกัดฟันอดทนเอาไว้

        ทั้งหมดนี้ ลุงหนานเคยกล่าวกับหลู่เส่าโหย่วเอาไว้ก่อนแล้ว เมื่อกลืนกินโอสถเพื่อดูดซับลงไป ยิ่งโอสถแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ พลังงานก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น หากเส้นชีพจรทนไม่ไหว มันก็จะขยายตัว แต่หากพลังงานนั้นเกินกว่าที่เส้นชีพจรจะรับไหว ก็จะทำให้เส้นชีพจรแตกและตายในที่สุด

        ดังนั้น แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีโอสถขั้นห้าหรือโอสถขั้นหก หลู่เส่าโหย่วก็ไม่กล้าใช้มัน เพราะมันเหมือนเป็นการเอาชีวิตไปล้อเล่น แล้วอีกอย่าง โอสถขั้นห้าหรือขั้นหกในทวีปหลิงหวู่นั้นถือว่าเป็นการคงอยู่ของสมบัติล้ำค่า เขาคงไม่สามารถหามาได้ และหากจะหลอมขึ้นมาเอง เขาก็ยังมีความสามารถไม่มากพอ

 

        ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่รูขุมขนบนผิวของเขาได้เชื่อมต่อกับพลังงานนับหมื่นเส้นและเพลิดเพลินไปกับการดูดซับพลังงานเหล่านั้น ทำให้ออร่าของเขาในตอนนี้ค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ 38 การแข่งขันหลังปีใหม่

Now you are reading จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ Chapter 38 การแข่งขันหลังปีใหม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เปลวเพลิงภายในเตามังกรเพลิงไม่ได้รุนแรงขึ้น แต่มันกลับดูชัดเจนขึ้น และในเวลานี้ ภายในเตามังกรเพลิงก็ได้เกิดเสียงหึ่งๆ ขึ้นมา

        “ปัง” เตามังกรเพลิงได้เปิดออก จากนั้นโอสถสีน้ำเงินก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของหลู่เส่าโหย่ว ทันใดนั้นกลิ่นหอมเข้มข้นของโอสถก็แผ่กระจายไปทั่วห้องลับในทันที

        “หลอมรวมให้ข้า” ท่าประทับในมือของหลู่เส่าโหย่วได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง พลังวิญญาณในมือของเขาได้ก่อตัวเป็นเปลวเพลิงสองดวง ทันใดนั้น เขาก็ยิงมันออกไปห่อหุ้มใส่เม็ดยา และจากนั้นภายในเตามังกรเพลิงก็ได้มีเปลวเพลิงพุ่งออกมาห่อหุ้มเม็ดยาเอาไว้ จากนั้นโอสถสีน้ำเงินก็ได้สั่นไหวอยู่ในเปลวเพลิง

        สีหน้าของหลู่เส่าโหย่วซีดลงเรื่อยๆ การเผาผลาญพลังนั้นสูงเป็นอย่างมาก แต่ในเวลานี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะพักได้ หากเกิดข้อผิดพลาด ความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดก็จะสูญเปล่า

        “หลอมรวมให้ข้า” หลู่เส่าโหย่วตะโกนเบาๆ ภายใต้การห่อหุ้มของเปลวเพลิงทั้งสามที่ถูกควบคุมด้วยพลังจิตวิญญาณอย่างไม่มีข้อผิดพลาด กลิ่นหอมของโอสถก็กำลังถูกบีบอัดลงในโอสถ

        “ฟู่ฟู่” หลังจากถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงทั้งสาม โอสถสีน้ำเงินเม็ดนี้ก็ได้แสดงความดุร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ พื้นผิวของโอสถเริ่มแตกร้าวเล็กน้อย ราวกับว่ามันกำลังจะแตกออก

        “ให้ตายเถอะ” หลู่เส่าโหย่วรู้สึกเคร่งเครียด มันจะล้มเหลวไม่ได้

        “เป็นไงเป็นกัน” หลู่เส่าโหย่วกัดฟัน เขาใช้ท่าประทับอีกครั้ง พลังวิญญาณที่อยู่ในจิตใจของเขาปะทุออกมา และแม้แต่พลังจิตวิญญาณของเขา ก็ประทุออกมาทั้งหมด

        เพราะการควบคุมอย่างบ้าคลั่งของพลังจิตวิญญาณ อุณหภูมิของเปลวเพลิงทั้งสามจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ในที่สุดหลู่เส่าโหย่วก็สามารถห่อหุ้มโอสถสีน้ำเงินได้อีกครั้ง พร้อมกับสายตาที่ดูปล่อยวาง

        รอยแตกร้าวบนผิวของโอสถสีน้ำเงินค่อยๆ จางหายไป เปลวเพลิงกำลังคำรามและเคลื่อนไหวอยู่ภายในเตามังกรเพลิง หลู่เส่าโหย่วในตอนนี้ไม่ได้รู้เลยว่า ภายในห้องห้องหนึ่ง ลุงหนานที่นั่งท่าขัดสมาธิอยู่นั้นแสดงท่าทางเป็นกังวลมาโดยตลอด แต่ในตอนที่ชายชราได้ลืมตาขึ้นมา ในดวงตาของเขาก็มีประกายของความประหลาดใจวาบผ่านเล็กน้อย แต่กระนั้น ส่วนใหญ่มันกลับเป็นความปีติ

        “เจ้าเด็กนี่ เดิมทีพรสรรค์ก็นับว่ายอดเยี่ยมแล้ว คิดไม่ถึงว่าหลังจากกลายเป็นผู้ฝึกตนแบบควบคู่พลังจิตวิญญาณจะถูกยกระดับขึ้นมา ทำให้สามารถหลอมโอสถขั้นสองได้ตั้งแต่ตอนนี้ ในทวีปหลิงหวู่ทั้งทวีป เกรงว่าคนที่มีความสามารถระดับนี้จะมีเพียงแค่ไม่กี่คน” ลุงหนานยิ้มเบาๆ จากนั้นก็กลับกลายเป็นชายชราที่ดูเชื่องช้าเช่นเดิม

        ภายในห้องลับนั้น ท่าประทับในมือของหลู่เส่าโหย่วก็ได้เปลี่ยนไป จากนั้นโอสถสีน้ำเงินก็เริ่มหมุนวนในเปลวเพลิงขึ้นมา มันเต็มไปด้วยแสงแวววาวจางๆ

        “สำเร็จให้ข้าซะ” ท่าประทับในมือของหลู่เส่าโหย่วได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง จากนั้นพลังวิญญาณก็ล้อมรอบบริเวณร่างกายของเขาจนเกิดเป็นคลื่นที่ผันผวน แล้วเปลวเพลิงทั้งสามก็ได้บีบอัดกัน จากนั้นมันก็ห่อหุ้มแสงสว่างแวววาวนั้นแล้วหลอมรวมเข้ากับโอสถสีน้ำเงิน

        “ซือ…” โอสถสีน้ำเงินที่ส่องแสงสีเหลืองได้ปรากฏขึ้นในมือของหลู่เส่าโหย่ว หลู่เส่าโหย่วถือโอสถเม็ดนั้นเอาไว้ในมือและทรุดตัวลงไป พร้อมหอบหายใจอย่างหนักหน่วง หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงเหมือนคลื่นไม่หยุด

        “โอสถเจิ้งหยวน สำเร็จแล้ว” หลู่เส่าโหย่วนอนอยู่บนพื้นและจ้องมองโอสถที่อยู่ในมือ จากนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา โอสถเจิ้งหยวนเป็นถึงโอสถขั้นสอง ปกติโอสถขั้นสองจะมีราคาอยู่ที่ประมาณสองร้อยเหรียญทอง แพงกว่าโอสถขั้นหนึ่งหลายเท่านัก

        “ยังเหลืออีกเม็ด หลอมต่อ” หลู่เส่าโหย่วลุกขึ้นมาและเก็บโอสถเจิ้งหยวนลงไป จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิและปรับลมหายใจ การเผาผลาญระดับนี้ช่างมหาศาล ในตอนที่เขาปรับลมหายใจ หลู่เส่าโหย่วก็สัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณในร่างไม่เพียงแข็งแกร่งขึ้นมาเล็กน้อย แต่มันยังมีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

        หลังจากผ่านมาหลายชั่วยาม หลู่เส่าโหย่วก็ได้เปิดเปลือกตาอีกครั้ง ดวงตาของเขาที่ดูดำมืด กลับแจ่มใสขึ้นกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย

        “หลอมโอสถต่อ” หลู่เส่าโหย่วยิ้มอย่างขมขื่น หากอยากจะยกระดับพลังและชดใช้หนี้ ตัวเขาในตอนนี้ก็ต้องทำงานอย่างหนักถึงจะเพียงพอ

        ในเมืองชิงอวิ๋นนั้น เทศกาลปีใหม่กำลังใกล้เข้ามา ทุกๆ ครัวเรือนต่างก็มีโคมไฟห้อยอยู่ และถูกตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม ภาพที่สวยงามเช่นนี้ก็เกิดขึ้นที่ตระกูลหลู่เช่นเดียวกัน ลานบ้านทุกหลังกำลังถูกปัดกวาดและเต็มไปด้วยโคมไฟมากมายที่ถูกแขวนไว้ มองแล้วช่างดูมีความสุขนัก

        แต่ในตระกูลหลู่ นอกจากการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่แล้ว ก็ยังมีเรื่องดีๆ อีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือหลังจากกราบไหว้บรรพบุรุษแล้ว จะมีการแข่งขันระหว่างรุ่นเยาว์ทั้งหมดในตระกูล บุคคลสองคนที่แข็งแกร่งที่สุด เมื่อถึงเวลาพวกเขาจะสามารถเป็นตัวแทนของตระกูลหลู่ในการเข้าแข่งขันระหว่างตระกูลใหญ่ต่างๆ ในเมืองชิงอวิ๋น การแข่งขันนี้เป็นการแข่งขันที่สามปีถึงจะเกิดขึ้นหนึ่งครั้ง และผู้ที่ได้ห้าอันดับแรก จะสามารถเข้าไปเป็นศิษย์ของนิกายอวิ๋นหยางได้

        นิกายอวิ๋นหยางนั้น สามปีถึงจะรับศิษย์ใหม่สักที ซึ่งนั่นก็เป็นเวลาพอดีกับช่วงหลังปีใหม่ เป็นสิ่งที่หลายคนตั้งตารอ

        การได้เป็นศิษย์สายตรงของนิกายอวิ๋นหยางเป็นเรื่องที่ใครๆ ต่างก็ใฝ่ฝัน ศิษย์สายตรงของนิกายอวิ๋นหยาง เมื่อเทียบกับศิษย์ทั่วไปแล้วนับว่ามีความสูงส่งกว่ามาก ศิษย์สายตรงของนิกายอวิ๋นหยางนั้น แม้แต่หัวหน้าตระกูลในเมืองชิงอวิ๋นก็ยังต้องปฏิบัติตัวอย่างสุภาพ ไม่กล้าที่จะละเลย

        เมื่อเทศกาลปีใหม่ใกล้เข้ามา เหล่ารุ่นเยาว์สายตรงและสายรองต่างก็เร่งรีบกลับมาที่ตระกูลหลู่ ส่วนพวกที่อายุเยอะแล้วก็จะถูกไล่กลับมาทั้งหมด หนึ่งคือมาไหว้บรรพบุรุษ สองคือมาดูเรื่องสนุก ไม่รู้ว่ารอบนี้จะเป็นสองคนไหนที่เป็นตัวแทนของตระกูลหลู่

        เมื่อตระกูลสาขาต่างกลับมา คนรับใช้ในตระกูลหลู่ก็ยุ่งจนหัวหมุน หลู่เสี่ยวไป๋ที่ตอนนี้เลื่อนสถานะขึ้นมาเป็นผู้ดูแลก็สบายขึ้นไม่น้อย เลยกลายเป็นเป้าที่คนรับใช้ต่างก็อิจฉา และยังมีสาวใช้จากลานด้านหน้าจำนวนไม่น้อยแอบส่งสายตาให้ ซึ่งนั่นก็ทำให้หลู่เสี่ยวไป๋รู้สึกคันยุบยิบที่หัวใจอยู่พักหนึ่ง แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้ไปข้องแวะกับใคร หลังจากได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ สายตาของหลู่เสี่ยวไป๋ก็สูงส่งขึ้นไม่น้อย นั่นจึงทำให้เขาไม่ได้รู้สึกว่าเสี่ยวฉุยสวยเหมือนแต่ก่อนที่เขาเคยมองแล้ว

        ในห้องลับ หลู่เส่าโหย่วถูกรายล้อมไปด้วยม่านแสงที่แวววาว ท่าประทับในมือของเขาได้เปลี่ยนไปตลอดเวลา หน้าอกของเขายุบและพองไปมา การหายใจก็เริ่มมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ

        แต่แสงสว่างที่ส่องออกมาจากรอบตัวก็ราวกับผิวน้ำที่สงบนิ่งถูกหินกระแทกเข้าอย่างกะทันหัน ทำให้เกิดคลื่นขึ้นมา และพลังงานที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็ได้แทรกซึมผ่านแสงที่แวววาว จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นเส้นพลังงานเล็กๆ นับหมื่นพุ่งเข้าไปในร่างของหลู่เส่าโหย่ว

        พลังงานเส้นเล็กๆ นับหมื่นกำลังวนเวียนอยู่รอบกายของเขา เมื่อมองแล้วมันกลับให้ความรู้สึกลึกลับที่ไม่สามารถอธิบายได้ และในตอนนี้ ภายในร่างของหลู่เส่าโหย่วนั้น พลังเหล่านี้ก็ได้ถูกปรับแต่งโดยทักษะวิญญาณหยินหยาง แล้วแปรเปลี่ยนเป็นพลังลมปราณกับพลังวิญญาณสองส่วน จากนั้นมันก็พุ่งเข้าสู่ทะลมปราณในตันเถียนกับจิตใจของเขาตามลำดับ

        แต่พลังที่ถูกปรับแต่งเป็นพลังลมปราณมีมากกว่าพลังวิญญาณหลายเท่านัก ทำให้สามารถเพิ่มพลังวิญญาณได้แค่น้อยนิดเท่านั้น

        พลังงานเหล่านี้ไหลผ่านเส้นชีพจรในร่างกายของเขา ทำให้เส้นชีพจรขยายตัวอย่างรวดเร็ว แม้แต่ในเส้นชีพจร หลู่เส่าโหย่วก็ยังสัมผัสได้ว่ามันมีรอยแตกเล็กๆ ปรากฏขึ้น และในรอยแตกนั้นยังมีแสงสว่างทะลุออกมา ความเจ็บปวดเช่นนี้ หลู่เส่าโหย่วทำได้เพียงกัดฟันอดทนเอาไว้

        ทั้งหมดนี้ ลุงหนานเคยกล่าวกับหลู่เส่าโหย่วเอาไว้ก่อนแล้ว เมื่อกลืนกินโอสถเพื่อดูดซับลงไป ยิ่งโอสถแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ พลังงานก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น หากเส้นชีพจรทนไม่ไหว มันก็จะขยายตัว แต่หากพลังงานนั้นเกินกว่าที่เส้นชีพจรจะรับไหว ก็จะทำให้เส้นชีพจรแตกและตายในที่สุด

        ดังนั้น แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีโอสถขั้นห้าหรือโอสถขั้นหก หลู่เส่าโหย่วก็ไม่กล้าใช้มัน เพราะมันเหมือนเป็นการเอาชีวิตไปล้อเล่น แล้วอีกอย่าง โอสถขั้นห้าหรือขั้นหกในทวีปหลิงหวู่นั้นถือว่าเป็นการคงอยู่ของสมบัติล้ำค่า เขาคงไม่สามารถหามาได้ และหากจะหลอมขึ้นมาเอง เขาก็ยังมีความสามารถไม่มากพอ

 

        ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่รูขุมขนบนผิวของเขาได้เชื่อมต่อกับพลังงานนับหมื่นเส้นและเพลิดเพลินไปกับการดูดซับพลังงานเหล่านั้น ทำให้ออร่าของเขาในตอนนี้ค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ 38 การแข่งขันหลังปีใหม่

Now you are reading จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ Chapter 38 การแข่งขันหลังปีใหม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เปลวเพลิงภายในเตามังกรเพลิงไม่ได้รุนแรงขึ้น แต่มันกลับดูชัดเจนขึ้น และในเวลานี้ ภายในเตามังกรเพลิงก็ได้เกิดเสียงหึ่งๆ ขึ้นมา

        “ปัง” เตามังกรเพลิงได้เปิดออก จากนั้นโอสถสีน้ำเงินก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของหลู่เส่าโหย่ว ทันใดนั้นกลิ่นหอมเข้มข้นของโอสถก็แผ่กระจายไปทั่วห้องลับในทันที

        “หลอมรวมให้ข้า” ท่าประทับในมือของหลู่เส่าโหย่วได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง พลังวิญญาณในมือของเขาได้ก่อตัวเป็นเปลวเพลิงสองดวง ทันใดนั้น เขาก็ยิงมันออกไปห่อหุ้มใส่เม็ดยา และจากนั้นภายในเตามังกรเพลิงก็ได้มีเปลวเพลิงพุ่งออกมาห่อหุ้มเม็ดยาเอาไว้ จากนั้นโอสถสีน้ำเงินก็ได้สั่นไหวอยู่ในเปลวเพลิง

        สีหน้าของหลู่เส่าโหย่วซีดลงเรื่อยๆ การเผาผลาญพลังนั้นสูงเป็นอย่างมาก แต่ในเวลานี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะพักได้ หากเกิดข้อผิดพลาด ความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดก็จะสูญเปล่า

        “หลอมรวมให้ข้า” หลู่เส่าโหย่วตะโกนเบาๆ ภายใต้การห่อหุ้มของเปลวเพลิงทั้งสามที่ถูกควบคุมด้วยพลังจิตวิญญาณอย่างไม่มีข้อผิดพลาด กลิ่นหอมของโอสถก็กำลังถูกบีบอัดลงในโอสถ

        “ฟู่ฟู่” หลังจากถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงทั้งสาม โอสถสีน้ำเงินเม็ดนี้ก็ได้แสดงความดุร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ พื้นผิวของโอสถเริ่มแตกร้าวเล็กน้อย ราวกับว่ามันกำลังจะแตกออก

        “ให้ตายเถอะ” หลู่เส่าโหย่วรู้สึกเคร่งเครียด มันจะล้มเหลวไม่ได้

        “เป็นไงเป็นกัน” หลู่เส่าโหย่วกัดฟัน เขาใช้ท่าประทับอีกครั้ง พลังวิญญาณที่อยู่ในจิตใจของเขาปะทุออกมา และแม้แต่พลังจิตวิญญาณของเขา ก็ประทุออกมาทั้งหมด

        เพราะการควบคุมอย่างบ้าคลั่งของพลังจิตวิญญาณ อุณหภูมิของเปลวเพลิงทั้งสามจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ในที่สุดหลู่เส่าโหย่วก็สามารถห่อหุ้มโอสถสีน้ำเงินได้อีกครั้ง พร้อมกับสายตาที่ดูปล่อยวาง

        รอยแตกร้าวบนผิวของโอสถสีน้ำเงินค่อยๆ จางหายไป เปลวเพลิงกำลังคำรามและเคลื่อนไหวอยู่ภายในเตามังกรเพลิง หลู่เส่าโหย่วในตอนนี้ไม่ได้รู้เลยว่า ภายในห้องห้องหนึ่ง ลุงหนานที่นั่งท่าขัดสมาธิอยู่นั้นแสดงท่าทางเป็นกังวลมาโดยตลอด แต่ในตอนที่ชายชราได้ลืมตาขึ้นมา ในดวงตาของเขาก็มีประกายของความประหลาดใจวาบผ่านเล็กน้อย แต่กระนั้น ส่วนใหญ่มันกลับเป็นความปีติ

        “เจ้าเด็กนี่ เดิมทีพรสรรค์ก็นับว่ายอดเยี่ยมแล้ว คิดไม่ถึงว่าหลังจากกลายเป็นผู้ฝึกตนแบบควบคู่พลังจิตวิญญาณจะถูกยกระดับขึ้นมา ทำให้สามารถหลอมโอสถขั้นสองได้ตั้งแต่ตอนนี้ ในทวีปหลิงหวู่ทั้งทวีป เกรงว่าคนที่มีความสามารถระดับนี้จะมีเพียงแค่ไม่กี่คน” ลุงหนานยิ้มเบาๆ จากนั้นก็กลับกลายเป็นชายชราที่ดูเชื่องช้าเช่นเดิม

        ภายในห้องลับนั้น ท่าประทับในมือของหลู่เส่าโหย่วก็ได้เปลี่ยนไป จากนั้นโอสถสีน้ำเงินก็เริ่มหมุนวนในเปลวเพลิงขึ้นมา มันเต็มไปด้วยแสงแวววาวจางๆ

        “สำเร็จให้ข้าซะ” ท่าประทับในมือของหลู่เส่าโหย่วได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง จากนั้นพลังวิญญาณก็ล้อมรอบบริเวณร่างกายของเขาจนเกิดเป็นคลื่นที่ผันผวน แล้วเปลวเพลิงทั้งสามก็ได้บีบอัดกัน จากนั้นมันก็ห่อหุ้มแสงสว่างแวววาวนั้นแล้วหลอมรวมเข้ากับโอสถสีน้ำเงิน

        “ซือ…” โอสถสีน้ำเงินที่ส่องแสงสีเหลืองได้ปรากฏขึ้นในมือของหลู่เส่าโหย่ว หลู่เส่าโหย่วถือโอสถเม็ดนั้นเอาไว้ในมือและทรุดตัวลงไป พร้อมหอบหายใจอย่างหนักหน่วง หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงเหมือนคลื่นไม่หยุด

        “โอสถเจิ้งหยวน สำเร็จแล้ว” หลู่เส่าโหย่วนอนอยู่บนพื้นและจ้องมองโอสถที่อยู่ในมือ จากนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา โอสถเจิ้งหยวนเป็นถึงโอสถขั้นสอง ปกติโอสถขั้นสองจะมีราคาอยู่ที่ประมาณสองร้อยเหรียญทอง แพงกว่าโอสถขั้นหนึ่งหลายเท่านัก

        “ยังเหลืออีกเม็ด หลอมต่อ” หลู่เส่าโหย่วลุกขึ้นมาและเก็บโอสถเจิ้งหยวนลงไป จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิและปรับลมหายใจ การเผาผลาญระดับนี้ช่างมหาศาล ในตอนที่เขาปรับลมหายใจ หลู่เส่าโหย่วก็สัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณในร่างไม่เพียงแข็งแกร่งขึ้นมาเล็กน้อย แต่มันยังมีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

        หลังจากผ่านมาหลายชั่วยาม หลู่เส่าโหย่วก็ได้เปิดเปลือกตาอีกครั้ง ดวงตาของเขาที่ดูดำมืด กลับแจ่มใสขึ้นกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย

        “หลอมโอสถต่อ” หลู่เส่าโหย่วยิ้มอย่างขมขื่น หากอยากจะยกระดับพลังและชดใช้หนี้ ตัวเขาในตอนนี้ก็ต้องทำงานอย่างหนักถึงจะเพียงพอ

        ในเมืองชิงอวิ๋นนั้น เทศกาลปีใหม่กำลังใกล้เข้ามา ทุกๆ ครัวเรือนต่างก็มีโคมไฟห้อยอยู่ และถูกตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม ภาพที่สวยงามเช่นนี้ก็เกิดขึ้นที่ตระกูลหลู่เช่นเดียวกัน ลานบ้านทุกหลังกำลังถูกปัดกวาดและเต็มไปด้วยโคมไฟมากมายที่ถูกแขวนไว้ มองแล้วช่างดูมีความสุขนัก

        แต่ในตระกูลหลู่ นอกจากการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่แล้ว ก็ยังมีเรื่องดีๆ อีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือหลังจากกราบไหว้บรรพบุรุษแล้ว จะมีการแข่งขันระหว่างรุ่นเยาว์ทั้งหมดในตระกูล บุคคลสองคนที่แข็งแกร่งที่สุด เมื่อถึงเวลาพวกเขาจะสามารถเป็นตัวแทนของตระกูลหลู่ในการเข้าแข่งขันระหว่างตระกูลใหญ่ต่างๆ ในเมืองชิงอวิ๋น การแข่งขันนี้เป็นการแข่งขันที่สามปีถึงจะเกิดขึ้นหนึ่งครั้ง และผู้ที่ได้ห้าอันดับแรก จะสามารถเข้าไปเป็นศิษย์ของนิกายอวิ๋นหยางได้

        นิกายอวิ๋นหยางนั้น สามปีถึงจะรับศิษย์ใหม่สักที ซึ่งนั่นก็เป็นเวลาพอดีกับช่วงหลังปีใหม่ เป็นสิ่งที่หลายคนตั้งตารอ

        การได้เป็นศิษย์สายตรงของนิกายอวิ๋นหยางเป็นเรื่องที่ใครๆ ต่างก็ใฝ่ฝัน ศิษย์สายตรงของนิกายอวิ๋นหยาง เมื่อเทียบกับศิษย์ทั่วไปแล้วนับว่ามีความสูงส่งกว่ามาก ศิษย์สายตรงของนิกายอวิ๋นหยางนั้น แม้แต่หัวหน้าตระกูลในเมืองชิงอวิ๋นก็ยังต้องปฏิบัติตัวอย่างสุภาพ ไม่กล้าที่จะละเลย

        เมื่อเทศกาลปีใหม่ใกล้เข้ามา เหล่ารุ่นเยาว์สายตรงและสายรองต่างก็เร่งรีบกลับมาที่ตระกูลหลู่ ส่วนพวกที่อายุเยอะแล้วก็จะถูกไล่กลับมาทั้งหมด หนึ่งคือมาไหว้บรรพบุรุษ สองคือมาดูเรื่องสนุก ไม่รู้ว่ารอบนี้จะเป็นสองคนไหนที่เป็นตัวแทนของตระกูลหลู่

        เมื่อตระกูลสาขาต่างกลับมา คนรับใช้ในตระกูลหลู่ก็ยุ่งจนหัวหมุน หลู่เสี่ยวไป๋ที่ตอนนี้เลื่อนสถานะขึ้นมาเป็นผู้ดูแลก็สบายขึ้นไม่น้อย เลยกลายเป็นเป้าที่คนรับใช้ต่างก็อิจฉา และยังมีสาวใช้จากลานด้านหน้าจำนวนไม่น้อยแอบส่งสายตาให้ ซึ่งนั่นก็ทำให้หลู่เสี่ยวไป๋รู้สึกคันยุบยิบที่หัวใจอยู่พักหนึ่ง แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้ไปข้องแวะกับใคร หลังจากได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ สายตาของหลู่เสี่ยวไป๋ก็สูงส่งขึ้นไม่น้อย นั่นจึงทำให้เขาไม่ได้รู้สึกว่าเสี่ยวฉุยสวยเหมือนแต่ก่อนที่เขาเคยมองแล้ว

        ในห้องลับ หลู่เส่าโหย่วถูกรายล้อมไปด้วยม่านแสงที่แวววาว ท่าประทับในมือของเขาได้เปลี่ยนไปตลอดเวลา หน้าอกของเขายุบและพองไปมา การหายใจก็เริ่มมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ

        แต่แสงสว่างที่ส่องออกมาจากรอบตัวก็ราวกับผิวน้ำที่สงบนิ่งถูกหินกระแทกเข้าอย่างกะทันหัน ทำให้เกิดคลื่นขึ้นมา และพลังงานที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็ได้แทรกซึมผ่านแสงที่แวววาว จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นเส้นพลังงานเล็กๆ นับหมื่นพุ่งเข้าไปในร่างของหลู่เส่าโหย่ว

        พลังงานเส้นเล็กๆ นับหมื่นกำลังวนเวียนอยู่รอบกายของเขา เมื่อมองแล้วมันกลับให้ความรู้สึกลึกลับที่ไม่สามารถอธิบายได้ และในตอนนี้ ภายในร่างของหลู่เส่าโหย่วนั้น พลังเหล่านี้ก็ได้ถูกปรับแต่งโดยทักษะวิญญาณหยินหยาง แล้วแปรเปลี่ยนเป็นพลังลมปราณกับพลังวิญญาณสองส่วน จากนั้นมันก็พุ่งเข้าสู่ทะลมปราณในตันเถียนกับจิตใจของเขาตามลำดับ

        แต่พลังที่ถูกปรับแต่งเป็นพลังลมปราณมีมากกว่าพลังวิญญาณหลายเท่านัก ทำให้สามารถเพิ่มพลังวิญญาณได้แค่น้อยนิดเท่านั้น

        พลังงานเหล่านี้ไหลผ่านเส้นชีพจรในร่างกายของเขา ทำให้เส้นชีพจรขยายตัวอย่างรวดเร็ว แม้แต่ในเส้นชีพจร หลู่เส่าโหย่วก็ยังสัมผัสได้ว่ามันมีรอยแตกเล็กๆ ปรากฏขึ้น และในรอยแตกนั้นยังมีแสงสว่างทะลุออกมา ความเจ็บปวดเช่นนี้ หลู่เส่าโหย่วทำได้เพียงกัดฟันอดทนเอาไว้

        ทั้งหมดนี้ ลุงหนานเคยกล่าวกับหลู่เส่าโหย่วเอาไว้ก่อนแล้ว เมื่อกลืนกินโอสถเพื่อดูดซับลงไป ยิ่งโอสถแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ พลังงานก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น หากเส้นชีพจรทนไม่ไหว มันก็จะขยายตัว แต่หากพลังงานนั้นเกินกว่าที่เส้นชีพจรจะรับไหว ก็จะทำให้เส้นชีพจรแตกและตายในที่สุด

        ดังนั้น แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีโอสถขั้นห้าหรือโอสถขั้นหก หลู่เส่าโหย่วก็ไม่กล้าใช้มัน เพราะมันเหมือนเป็นการเอาชีวิตไปล้อเล่น แล้วอีกอย่าง โอสถขั้นห้าหรือขั้นหกในทวีปหลิงหวู่นั้นถือว่าเป็นการคงอยู่ของสมบัติล้ำค่า เขาคงไม่สามารถหามาได้ และหากจะหลอมขึ้นมาเอง เขาก็ยังมีความสามารถไม่มากพอ

 

        ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่รูขุมขนบนผิวของเขาได้เชื่อมต่อกับพลังงานนับหมื่นเส้นและเพลิดเพลินไปกับการดูดซับพลังงานเหล่านั้น ทำให้ออร่าของเขาในตอนนี้ค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ 38 การแข่งขันหลังปีใหม่

Now you are reading จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ Chapter 38 การแข่งขันหลังปีใหม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เปลวเพลิงภายในเตามังกรเพลิงไม่ได้รุนแรงขึ้น แต่มันกลับดูชัดเจนขึ้น และในเวลานี้ ภายในเตามังกรเพลิงก็ได้เกิดเสียงหึ่งๆ ขึ้นมา

        “ปัง” เตามังกรเพลิงได้เปิดออก จากนั้นโอสถสีน้ำเงินก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของหลู่เส่าโหย่ว ทันใดนั้นกลิ่นหอมเข้มข้นของโอสถก็แผ่กระจายไปทั่วห้องลับในทันที

        “หลอมรวมให้ข้า” ท่าประทับในมือของหลู่เส่าโหย่วได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง พลังวิญญาณในมือของเขาได้ก่อตัวเป็นเปลวเพลิงสองดวง ทันใดนั้น เขาก็ยิงมันออกไปห่อหุ้มใส่เม็ดยา และจากนั้นภายในเตามังกรเพลิงก็ได้มีเปลวเพลิงพุ่งออกมาห่อหุ้มเม็ดยาเอาไว้ จากนั้นโอสถสีน้ำเงินก็ได้สั่นไหวอยู่ในเปลวเพลิง

        สีหน้าของหลู่เส่าโหย่วซีดลงเรื่อยๆ การเผาผลาญพลังนั้นสูงเป็นอย่างมาก แต่ในเวลานี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะพักได้ หากเกิดข้อผิดพลาด ความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดก็จะสูญเปล่า

        “หลอมรวมให้ข้า” หลู่เส่าโหย่วตะโกนเบาๆ ภายใต้การห่อหุ้มของเปลวเพลิงทั้งสามที่ถูกควบคุมด้วยพลังจิตวิญญาณอย่างไม่มีข้อผิดพลาด กลิ่นหอมของโอสถก็กำลังถูกบีบอัดลงในโอสถ

        “ฟู่ฟู่” หลังจากถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงทั้งสาม โอสถสีน้ำเงินเม็ดนี้ก็ได้แสดงความดุร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ พื้นผิวของโอสถเริ่มแตกร้าวเล็กน้อย ราวกับว่ามันกำลังจะแตกออก

        “ให้ตายเถอะ” หลู่เส่าโหย่วรู้สึกเคร่งเครียด มันจะล้มเหลวไม่ได้

        “เป็นไงเป็นกัน” หลู่เส่าโหย่วกัดฟัน เขาใช้ท่าประทับอีกครั้ง พลังวิญญาณที่อยู่ในจิตใจของเขาปะทุออกมา และแม้แต่พลังจิตวิญญาณของเขา ก็ประทุออกมาทั้งหมด

        เพราะการควบคุมอย่างบ้าคลั่งของพลังจิตวิญญาณ อุณหภูมิของเปลวเพลิงทั้งสามจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ในที่สุดหลู่เส่าโหย่วก็สามารถห่อหุ้มโอสถสีน้ำเงินได้อีกครั้ง พร้อมกับสายตาที่ดูปล่อยวาง

        รอยแตกร้าวบนผิวของโอสถสีน้ำเงินค่อยๆ จางหายไป เปลวเพลิงกำลังคำรามและเคลื่อนไหวอยู่ภายในเตามังกรเพลิง หลู่เส่าโหย่วในตอนนี้ไม่ได้รู้เลยว่า ภายในห้องห้องหนึ่ง ลุงหนานที่นั่งท่าขัดสมาธิอยู่นั้นแสดงท่าทางเป็นกังวลมาโดยตลอด แต่ในตอนที่ชายชราได้ลืมตาขึ้นมา ในดวงตาของเขาก็มีประกายของความประหลาดใจวาบผ่านเล็กน้อย แต่กระนั้น ส่วนใหญ่มันกลับเป็นความปีติ

        “เจ้าเด็กนี่ เดิมทีพรสรรค์ก็นับว่ายอดเยี่ยมแล้ว คิดไม่ถึงว่าหลังจากกลายเป็นผู้ฝึกตนแบบควบคู่พลังจิตวิญญาณจะถูกยกระดับขึ้นมา ทำให้สามารถหลอมโอสถขั้นสองได้ตั้งแต่ตอนนี้ ในทวีปหลิงหวู่ทั้งทวีป เกรงว่าคนที่มีความสามารถระดับนี้จะมีเพียงแค่ไม่กี่คน” ลุงหนานยิ้มเบาๆ จากนั้นก็กลับกลายเป็นชายชราที่ดูเชื่องช้าเช่นเดิม

        ภายในห้องลับนั้น ท่าประทับในมือของหลู่เส่าโหย่วก็ได้เปลี่ยนไป จากนั้นโอสถสีน้ำเงินก็เริ่มหมุนวนในเปลวเพลิงขึ้นมา มันเต็มไปด้วยแสงแวววาวจางๆ

        “สำเร็จให้ข้าซะ” ท่าประทับในมือของหลู่เส่าโหย่วได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง จากนั้นพลังวิญญาณก็ล้อมรอบบริเวณร่างกายของเขาจนเกิดเป็นคลื่นที่ผันผวน แล้วเปลวเพลิงทั้งสามก็ได้บีบอัดกัน จากนั้นมันก็ห่อหุ้มแสงสว่างแวววาวนั้นแล้วหลอมรวมเข้ากับโอสถสีน้ำเงิน

        “ซือ…” โอสถสีน้ำเงินที่ส่องแสงสีเหลืองได้ปรากฏขึ้นในมือของหลู่เส่าโหย่ว หลู่เส่าโหย่วถือโอสถเม็ดนั้นเอาไว้ในมือและทรุดตัวลงไป พร้อมหอบหายใจอย่างหนักหน่วง หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงเหมือนคลื่นไม่หยุด

        “โอสถเจิ้งหยวน สำเร็จแล้ว” หลู่เส่าโหย่วนอนอยู่บนพื้นและจ้องมองโอสถที่อยู่ในมือ จากนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา โอสถเจิ้งหยวนเป็นถึงโอสถขั้นสอง ปกติโอสถขั้นสองจะมีราคาอยู่ที่ประมาณสองร้อยเหรียญทอง แพงกว่าโอสถขั้นหนึ่งหลายเท่านัก

        “ยังเหลืออีกเม็ด หลอมต่อ” หลู่เส่าโหย่วลุกขึ้นมาและเก็บโอสถเจิ้งหยวนลงไป จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิและปรับลมหายใจ การเผาผลาญระดับนี้ช่างมหาศาล ในตอนที่เขาปรับลมหายใจ หลู่เส่าโหย่วก็สัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณในร่างไม่เพียงแข็งแกร่งขึ้นมาเล็กน้อย แต่มันยังมีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

        หลังจากผ่านมาหลายชั่วยาม หลู่เส่าโหย่วก็ได้เปิดเปลือกตาอีกครั้ง ดวงตาของเขาที่ดูดำมืด กลับแจ่มใสขึ้นกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย

        “หลอมโอสถต่อ” หลู่เส่าโหย่วยิ้มอย่างขมขื่น หากอยากจะยกระดับพลังและชดใช้หนี้ ตัวเขาในตอนนี้ก็ต้องทำงานอย่างหนักถึงจะเพียงพอ

        ในเมืองชิงอวิ๋นนั้น เทศกาลปีใหม่กำลังใกล้เข้ามา ทุกๆ ครัวเรือนต่างก็มีโคมไฟห้อยอยู่ และถูกตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม ภาพที่สวยงามเช่นนี้ก็เกิดขึ้นที่ตระกูลหลู่เช่นเดียวกัน ลานบ้านทุกหลังกำลังถูกปัดกวาดและเต็มไปด้วยโคมไฟมากมายที่ถูกแขวนไว้ มองแล้วช่างดูมีความสุขนัก

        แต่ในตระกูลหลู่ นอกจากการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่แล้ว ก็ยังมีเรื่องดีๆ อีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือหลังจากกราบไหว้บรรพบุรุษแล้ว จะมีการแข่งขันระหว่างรุ่นเยาว์ทั้งหมดในตระกูล บุคคลสองคนที่แข็งแกร่งที่สุด เมื่อถึงเวลาพวกเขาจะสามารถเป็นตัวแทนของตระกูลหลู่ในการเข้าแข่งขันระหว่างตระกูลใหญ่ต่างๆ ในเมืองชิงอวิ๋น การแข่งขันนี้เป็นการแข่งขันที่สามปีถึงจะเกิดขึ้นหนึ่งครั้ง และผู้ที่ได้ห้าอันดับแรก จะสามารถเข้าไปเป็นศิษย์ของนิกายอวิ๋นหยางได้

        นิกายอวิ๋นหยางนั้น สามปีถึงจะรับศิษย์ใหม่สักที ซึ่งนั่นก็เป็นเวลาพอดีกับช่วงหลังปีใหม่ เป็นสิ่งที่หลายคนตั้งตารอ

        การได้เป็นศิษย์สายตรงของนิกายอวิ๋นหยางเป็นเรื่องที่ใครๆ ต่างก็ใฝ่ฝัน ศิษย์สายตรงของนิกายอวิ๋นหยาง เมื่อเทียบกับศิษย์ทั่วไปแล้วนับว่ามีความสูงส่งกว่ามาก ศิษย์สายตรงของนิกายอวิ๋นหยางนั้น แม้แต่หัวหน้าตระกูลในเมืองชิงอวิ๋นก็ยังต้องปฏิบัติตัวอย่างสุภาพ ไม่กล้าที่จะละเลย

        เมื่อเทศกาลปีใหม่ใกล้เข้ามา เหล่ารุ่นเยาว์สายตรงและสายรองต่างก็เร่งรีบกลับมาที่ตระกูลหลู่ ส่วนพวกที่อายุเยอะแล้วก็จะถูกไล่กลับมาทั้งหมด หนึ่งคือมาไหว้บรรพบุรุษ สองคือมาดูเรื่องสนุก ไม่รู้ว่ารอบนี้จะเป็นสองคนไหนที่เป็นตัวแทนของตระกูลหลู่

        เมื่อตระกูลสาขาต่างกลับมา คนรับใช้ในตระกูลหลู่ก็ยุ่งจนหัวหมุน หลู่เสี่ยวไป๋ที่ตอนนี้เลื่อนสถานะขึ้นมาเป็นผู้ดูแลก็สบายขึ้นไม่น้อย เลยกลายเป็นเป้าที่คนรับใช้ต่างก็อิจฉา และยังมีสาวใช้จากลานด้านหน้าจำนวนไม่น้อยแอบส่งสายตาให้ ซึ่งนั่นก็ทำให้หลู่เสี่ยวไป๋รู้สึกคันยุบยิบที่หัวใจอยู่พักหนึ่ง แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้ไปข้องแวะกับใคร หลังจากได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ สายตาของหลู่เสี่ยวไป๋ก็สูงส่งขึ้นไม่น้อย นั่นจึงทำให้เขาไม่ได้รู้สึกว่าเสี่ยวฉุยสวยเหมือนแต่ก่อนที่เขาเคยมองแล้ว

        ในห้องลับ หลู่เส่าโหย่วถูกรายล้อมไปด้วยม่านแสงที่แวววาว ท่าประทับในมือของเขาได้เปลี่ยนไปตลอดเวลา หน้าอกของเขายุบและพองไปมา การหายใจก็เริ่มมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ

        แต่แสงสว่างที่ส่องออกมาจากรอบตัวก็ราวกับผิวน้ำที่สงบนิ่งถูกหินกระแทกเข้าอย่างกะทันหัน ทำให้เกิดคลื่นขึ้นมา และพลังงานที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็ได้แทรกซึมผ่านแสงที่แวววาว จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นเส้นพลังงานเล็กๆ นับหมื่นพุ่งเข้าไปในร่างของหลู่เส่าโหย่ว

        พลังงานเส้นเล็กๆ นับหมื่นกำลังวนเวียนอยู่รอบกายของเขา เมื่อมองแล้วมันกลับให้ความรู้สึกลึกลับที่ไม่สามารถอธิบายได้ และในตอนนี้ ภายในร่างของหลู่เส่าโหย่วนั้น พลังเหล่านี้ก็ได้ถูกปรับแต่งโดยทักษะวิญญาณหยินหยาง แล้วแปรเปลี่ยนเป็นพลังลมปราณกับพลังวิญญาณสองส่วน จากนั้นมันก็พุ่งเข้าสู่ทะลมปราณในตันเถียนกับจิตใจของเขาตามลำดับ

        แต่พลังที่ถูกปรับแต่งเป็นพลังลมปราณมีมากกว่าพลังวิญญาณหลายเท่านัก ทำให้สามารถเพิ่มพลังวิญญาณได้แค่น้อยนิดเท่านั้น

        พลังงานเหล่านี้ไหลผ่านเส้นชีพจรในร่างกายของเขา ทำให้เส้นชีพจรขยายตัวอย่างรวดเร็ว แม้แต่ในเส้นชีพจร หลู่เส่าโหย่วก็ยังสัมผัสได้ว่ามันมีรอยแตกเล็กๆ ปรากฏขึ้น และในรอยแตกนั้นยังมีแสงสว่างทะลุออกมา ความเจ็บปวดเช่นนี้ หลู่เส่าโหย่วทำได้เพียงกัดฟันอดทนเอาไว้

        ทั้งหมดนี้ ลุงหนานเคยกล่าวกับหลู่เส่าโหย่วเอาไว้ก่อนแล้ว เมื่อกลืนกินโอสถเพื่อดูดซับลงไป ยิ่งโอสถแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ พลังงานก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น หากเส้นชีพจรทนไม่ไหว มันก็จะขยายตัว แต่หากพลังงานนั้นเกินกว่าที่เส้นชีพจรจะรับไหว ก็จะทำให้เส้นชีพจรแตกและตายในที่สุด

        ดังนั้น แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีโอสถขั้นห้าหรือโอสถขั้นหก หลู่เส่าโหย่วก็ไม่กล้าใช้มัน เพราะมันเหมือนเป็นการเอาชีวิตไปล้อเล่น แล้วอีกอย่าง โอสถขั้นห้าหรือขั้นหกในทวีปหลิงหวู่นั้นถือว่าเป็นการคงอยู่ของสมบัติล้ำค่า เขาคงไม่สามารถหามาได้ และหากจะหลอมขึ้นมาเอง เขาก็ยังมีความสามารถไม่มากพอ

 

        ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่รูขุมขนบนผิวของเขาได้เชื่อมต่อกับพลังงานนับหมื่นเส้นและเพลิดเพลินไปกับการดูดซับพลังงานเหล่านั้น ทำให้ออร่าของเขาในตอนนี้ค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ 38 การแข่งขันหลังปีใหม่

Now you are reading จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ Chapter 38 การแข่งขันหลังปีใหม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เปลวเพลิงภายในเตามังกรเพลิงไม่ได้รุนแรงขึ้น แต่มันกลับดูชัดเจนขึ้น และในเวลานี้ ภายในเตามังกรเพลิงก็ได้เกิดเสียงหึ่งๆ ขึ้นมา

        “ปัง” เตามังกรเพลิงได้เปิดออก จากนั้นโอสถสีน้ำเงินก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของหลู่เส่าโหย่ว ทันใดนั้นกลิ่นหอมเข้มข้นของโอสถก็แผ่กระจายไปทั่วห้องลับในทันที

        “หลอมรวมให้ข้า” ท่าประทับในมือของหลู่เส่าโหย่วได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง พลังวิญญาณในมือของเขาได้ก่อตัวเป็นเปลวเพลิงสองดวง ทันใดนั้น เขาก็ยิงมันออกไปห่อหุ้มใส่เม็ดยา และจากนั้นภายในเตามังกรเพลิงก็ได้มีเปลวเพลิงพุ่งออกมาห่อหุ้มเม็ดยาเอาไว้ จากนั้นโอสถสีน้ำเงินก็ได้สั่นไหวอยู่ในเปลวเพลิง

        สีหน้าของหลู่เส่าโหย่วซีดลงเรื่อยๆ การเผาผลาญพลังนั้นสูงเป็นอย่างมาก แต่ในเวลานี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะพักได้ หากเกิดข้อผิดพลาด ความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดก็จะสูญเปล่า

        “หลอมรวมให้ข้า” หลู่เส่าโหย่วตะโกนเบาๆ ภายใต้การห่อหุ้มของเปลวเพลิงทั้งสามที่ถูกควบคุมด้วยพลังจิตวิญญาณอย่างไม่มีข้อผิดพลาด กลิ่นหอมของโอสถก็กำลังถูกบีบอัดลงในโอสถ

        “ฟู่ฟู่” หลังจากถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงทั้งสาม โอสถสีน้ำเงินเม็ดนี้ก็ได้แสดงความดุร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ พื้นผิวของโอสถเริ่มแตกร้าวเล็กน้อย ราวกับว่ามันกำลังจะแตกออก

        “ให้ตายเถอะ” หลู่เส่าโหย่วรู้สึกเคร่งเครียด มันจะล้มเหลวไม่ได้

        “เป็นไงเป็นกัน” หลู่เส่าโหย่วกัดฟัน เขาใช้ท่าประทับอีกครั้ง พลังวิญญาณที่อยู่ในจิตใจของเขาปะทุออกมา และแม้แต่พลังจิตวิญญาณของเขา ก็ประทุออกมาทั้งหมด

        เพราะการควบคุมอย่างบ้าคลั่งของพลังจิตวิญญาณ อุณหภูมิของเปลวเพลิงทั้งสามจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ในที่สุดหลู่เส่าโหย่วก็สามารถห่อหุ้มโอสถสีน้ำเงินได้อีกครั้ง พร้อมกับสายตาที่ดูปล่อยวาง

        รอยแตกร้าวบนผิวของโอสถสีน้ำเงินค่อยๆ จางหายไป เปลวเพลิงกำลังคำรามและเคลื่อนไหวอยู่ภายในเตามังกรเพลิง หลู่เส่าโหย่วในตอนนี้ไม่ได้รู้เลยว่า ภายในห้องห้องหนึ่ง ลุงหนานที่นั่งท่าขัดสมาธิอยู่นั้นแสดงท่าทางเป็นกังวลมาโดยตลอด แต่ในตอนที่ชายชราได้ลืมตาขึ้นมา ในดวงตาของเขาก็มีประกายของความประหลาดใจวาบผ่านเล็กน้อย แต่กระนั้น ส่วนใหญ่มันกลับเป็นความปีติ

        “เจ้าเด็กนี่ เดิมทีพรสรรค์ก็นับว่ายอดเยี่ยมแล้ว คิดไม่ถึงว่าหลังจากกลายเป็นผู้ฝึกตนแบบควบคู่พลังจิตวิญญาณจะถูกยกระดับขึ้นมา ทำให้สามารถหลอมโอสถขั้นสองได้ตั้งแต่ตอนนี้ ในทวีปหลิงหวู่ทั้งทวีป เกรงว่าคนที่มีความสามารถระดับนี้จะมีเพียงแค่ไม่กี่คน” ลุงหนานยิ้มเบาๆ จากนั้นก็กลับกลายเป็นชายชราที่ดูเชื่องช้าเช่นเดิม

        ภายในห้องลับนั้น ท่าประทับในมือของหลู่เส่าโหย่วก็ได้เปลี่ยนไป จากนั้นโอสถสีน้ำเงินก็เริ่มหมุนวนในเปลวเพลิงขึ้นมา มันเต็มไปด้วยแสงแวววาวจางๆ

        “สำเร็จให้ข้าซะ” ท่าประทับในมือของหลู่เส่าโหย่วได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง จากนั้นพลังวิญญาณก็ล้อมรอบบริเวณร่างกายของเขาจนเกิดเป็นคลื่นที่ผันผวน แล้วเปลวเพลิงทั้งสามก็ได้บีบอัดกัน จากนั้นมันก็ห่อหุ้มแสงสว่างแวววาวนั้นแล้วหลอมรวมเข้ากับโอสถสีน้ำเงิน

        “ซือ…” โอสถสีน้ำเงินที่ส่องแสงสีเหลืองได้ปรากฏขึ้นในมือของหลู่เส่าโหย่ว หลู่เส่าโหย่วถือโอสถเม็ดนั้นเอาไว้ในมือและทรุดตัวลงไป พร้อมหอบหายใจอย่างหนักหน่วง หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงเหมือนคลื่นไม่หยุด

        “โอสถเจิ้งหยวน สำเร็จแล้ว” หลู่เส่าโหย่วนอนอยู่บนพื้นและจ้องมองโอสถที่อยู่ในมือ จากนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา โอสถเจิ้งหยวนเป็นถึงโอสถขั้นสอง ปกติโอสถขั้นสองจะมีราคาอยู่ที่ประมาณสองร้อยเหรียญทอง แพงกว่าโอสถขั้นหนึ่งหลายเท่านัก

        “ยังเหลืออีกเม็ด หลอมต่อ” หลู่เส่าโหย่วลุกขึ้นมาและเก็บโอสถเจิ้งหยวนลงไป จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิและปรับลมหายใจ การเผาผลาญระดับนี้ช่างมหาศาล ในตอนที่เขาปรับลมหายใจ หลู่เส่าโหย่วก็สัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณในร่างไม่เพียงแข็งแกร่งขึ้นมาเล็กน้อย แต่มันยังมีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

        หลังจากผ่านมาหลายชั่วยาม หลู่เส่าโหย่วก็ได้เปิดเปลือกตาอีกครั้ง ดวงตาของเขาที่ดูดำมืด กลับแจ่มใสขึ้นกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย

        “หลอมโอสถต่อ” หลู่เส่าโหย่วยิ้มอย่างขมขื่น หากอยากจะยกระดับพลังและชดใช้หนี้ ตัวเขาในตอนนี้ก็ต้องทำงานอย่างหนักถึงจะเพียงพอ

        ในเมืองชิงอวิ๋นนั้น เทศกาลปีใหม่กำลังใกล้เข้ามา ทุกๆ ครัวเรือนต่างก็มีโคมไฟห้อยอยู่ และถูกตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม ภาพที่สวยงามเช่นนี้ก็เกิดขึ้นที่ตระกูลหลู่เช่นเดียวกัน ลานบ้านทุกหลังกำลังถูกปัดกวาดและเต็มไปด้วยโคมไฟมากมายที่ถูกแขวนไว้ มองแล้วช่างดูมีความสุขนัก

        แต่ในตระกูลหลู่ นอกจากการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่แล้ว ก็ยังมีเรื่องดีๆ อีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือหลังจากกราบไหว้บรรพบุรุษแล้ว จะมีการแข่งขันระหว่างรุ่นเยาว์ทั้งหมดในตระกูล บุคคลสองคนที่แข็งแกร่งที่สุด เมื่อถึงเวลาพวกเขาจะสามารถเป็นตัวแทนของตระกูลหลู่ในการเข้าแข่งขันระหว่างตระกูลใหญ่ต่างๆ ในเมืองชิงอวิ๋น การแข่งขันนี้เป็นการแข่งขันที่สามปีถึงจะเกิดขึ้นหนึ่งครั้ง และผู้ที่ได้ห้าอันดับแรก จะสามารถเข้าไปเป็นศิษย์ของนิกายอวิ๋นหยางได้

        นิกายอวิ๋นหยางนั้น สามปีถึงจะรับศิษย์ใหม่สักที ซึ่งนั่นก็เป็นเวลาพอดีกับช่วงหลังปีใหม่ เป็นสิ่งที่หลายคนตั้งตารอ

        การได้เป็นศิษย์สายตรงของนิกายอวิ๋นหยางเป็นเรื่องที่ใครๆ ต่างก็ใฝ่ฝัน ศิษย์สายตรงของนิกายอวิ๋นหยาง เมื่อเทียบกับศิษย์ทั่วไปแล้วนับว่ามีความสูงส่งกว่ามาก ศิษย์สายตรงของนิกายอวิ๋นหยางนั้น แม้แต่หัวหน้าตระกูลในเมืองชิงอวิ๋นก็ยังต้องปฏิบัติตัวอย่างสุภาพ ไม่กล้าที่จะละเลย

        เมื่อเทศกาลปีใหม่ใกล้เข้ามา เหล่ารุ่นเยาว์สายตรงและสายรองต่างก็เร่งรีบกลับมาที่ตระกูลหลู่ ส่วนพวกที่อายุเยอะแล้วก็จะถูกไล่กลับมาทั้งหมด หนึ่งคือมาไหว้บรรพบุรุษ สองคือมาดูเรื่องสนุก ไม่รู้ว่ารอบนี้จะเป็นสองคนไหนที่เป็นตัวแทนของตระกูลหลู่

        เมื่อตระกูลสาขาต่างกลับมา คนรับใช้ในตระกูลหลู่ก็ยุ่งจนหัวหมุน หลู่เสี่ยวไป๋ที่ตอนนี้เลื่อนสถานะขึ้นมาเป็นผู้ดูแลก็สบายขึ้นไม่น้อย เลยกลายเป็นเป้าที่คนรับใช้ต่างก็อิจฉา และยังมีสาวใช้จากลานด้านหน้าจำนวนไม่น้อยแอบส่งสายตาให้ ซึ่งนั่นก็ทำให้หลู่เสี่ยวไป๋รู้สึกคันยุบยิบที่หัวใจอยู่พักหนึ่ง แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้ไปข้องแวะกับใคร หลังจากได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ สายตาของหลู่เสี่ยวไป๋ก็สูงส่งขึ้นไม่น้อย นั่นจึงทำให้เขาไม่ได้รู้สึกว่าเสี่ยวฉุยสวยเหมือนแต่ก่อนที่เขาเคยมองแล้ว

        ในห้องลับ หลู่เส่าโหย่วถูกรายล้อมไปด้วยม่านแสงที่แวววาว ท่าประทับในมือของเขาได้เปลี่ยนไปตลอดเวลา หน้าอกของเขายุบและพองไปมา การหายใจก็เริ่มมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ

        แต่แสงสว่างที่ส่องออกมาจากรอบตัวก็ราวกับผิวน้ำที่สงบนิ่งถูกหินกระแทกเข้าอย่างกะทันหัน ทำให้เกิดคลื่นขึ้นมา และพลังงานที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็ได้แทรกซึมผ่านแสงที่แวววาว จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นเส้นพลังงานเล็กๆ นับหมื่นพุ่งเข้าไปในร่างของหลู่เส่าโหย่ว

        พลังงานเส้นเล็กๆ นับหมื่นกำลังวนเวียนอยู่รอบกายของเขา เมื่อมองแล้วมันกลับให้ความรู้สึกลึกลับที่ไม่สามารถอธิบายได้ และในตอนนี้ ภายในร่างของหลู่เส่าโหย่วนั้น พลังเหล่านี้ก็ได้ถูกปรับแต่งโดยทักษะวิญญาณหยินหยาง แล้วแปรเปลี่ยนเป็นพลังลมปราณกับพลังวิญญาณสองส่วน จากนั้นมันก็พุ่งเข้าสู่ทะลมปราณในตันเถียนกับจิตใจของเขาตามลำดับ

        แต่พลังที่ถูกปรับแต่งเป็นพลังลมปราณมีมากกว่าพลังวิญญาณหลายเท่านัก ทำให้สามารถเพิ่มพลังวิญญาณได้แค่น้อยนิดเท่านั้น

        พลังงานเหล่านี้ไหลผ่านเส้นชีพจรในร่างกายของเขา ทำให้เส้นชีพจรขยายตัวอย่างรวดเร็ว แม้แต่ในเส้นชีพจร หลู่เส่าโหย่วก็ยังสัมผัสได้ว่ามันมีรอยแตกเล็กๆ ปรากฏขึ้น และในรอยแตกนั้นยังมีแสงสว่างทะลุออกมา ความเจ็บปวดเช่นนี้ หลู่เส่าโหย่วทำได้เพียงกัดฟันอดทนเอาไว้

        ทั้งหมดนี้ ลุงหนานเคยกล่าวกับหลู่เส่าโหย่วเอาไว้ก่อนแล้ว เมื่อกลืนกินโอสถเพื่อดูดซับลงไป ยิ่งโอสถแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ พลังงานก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น หากเส้นชีพจรทนไม่ไหว มันก็จะขยายตัว แต่หากพลังงานนั้นเกินกว่าที่เส้นชีพจรจะรับไหว ก็จะทำให้เส้นชีพจรแตกและตายในที่สุด

        ดังนั้น แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีโอสถขั้นห้าหรือโอสถขั้นหก หลู่เส่าโหย่วก็ไม่กล้าใช้มัน เพราะมันเหมือนเป็นการเอาชีวิตไปล้อเล่น แล้วอีกอย่าง โอสถขั้นห้าหรือขั้นหกในทวีปหลิงหวู่นั้นถือว่าเป็นการคงอยู่ของสมบัติล้ำค่า เขาคงไม่สามารถหามาได้ และหากจะหลอมขึ้นมาเอง เขาก็ยังมีความสามารถไม่มากพอ

 

        ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่รูขุมขนบนผิวของเขาได้เชื่อมต่อกับพลังงานนับหมื่นเส้นและเพลิดเพลินไปกับการดูดซับพลังงานเหล่านั้น ทำให้ออร่าของเขาในตอนนี้ค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ 38 การแข่งขันหลังปีใหม่

Now you are reading จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ Chapter 38 การแข่งขันหลังปีใหม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เปลวเพลิงภายในเตามังกรเพลิงไม่ได้รุนแรงขึ้น แต่มันกลับดูชัดเจนขึ้น และในเวลานี้ ภายในเตามังกรเพลิงก็ได้เกิดเสียงหึ่งๆ ขึ้นมา

        “ปัง” เตามังกรเพลิงได้เปิดออก จากนั้นโอสถสีน้ำเงินก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของหลู่เส่าโหย่ว ทันใดนั้นกลิ่นหอมเข้มข้นของโอสถก็แผ่กระจายไปทั่วห้องลับในทันที

        “หลอมรวมให้ข้า” ท่าประทับในมือของหลู่เส่าโหย่วได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง พลังวิญญาณในมือของเขาได้ก่อตัวเป็นเปลวเพลิงสองดวง ทันใดนั้น เขาก็ยิงมันออกไปห่อหุ้มใส่เม็ดยา และจากนั้นภายในเตามังกรเพลิงก็ได้มีเปลวเพลิงพุ่งออกมาห่อหุ้มเม็ดยาเอาไว้ จากนั้นโอสถสีน้ำเงินก็ได้สั่นไหวอยู่ในเปลวเพลิง

        สีหน้าของหลู่เส่าโหย่วซีดลงเรื่อยๆ การเผาผลาญพลังนั้นสูงเป็นอย่างมาก แต่ในเวลานี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะพักได้ หากเกิดข้อผิดพลาด ความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดก็จะสูญเปล่า

        “หลอมรวมให้ข้า” หลู่เส่าโหย่วตะโกนเบาๆ ภายใต้การห่อหุ้มของเปลวเพลิงทั้งสามที่ถูกควบคุมด้วยพลังจิตวิญญาณอย่างไม่มีข้อผิดพลาด กลิ่นหอมของโอสถก็กำลังถูกบีบอัดลงในโอสถ

        “ฟู่ฟู่” หลังจากถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงทั้งสาม โอสถสีน้ำเงินเม็ดนี้ก็ได้แสดงความดุร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ พื้นผิวของโอสถเริ่มแตกร้าวเล็กน้อย ราวกับว่ามันกำลังจะแตกออก

        “ให้ตายเถอะ” หลู่เส่าโหย่วรู้สึกเคร่งเครียด มันจะล้มเหลวไม่ได้

        “เป็นไงเป็นกัน” หลู่เส่าโหย่วกัดฟัน เขาใช้ท่าประทับอีกครั้ง พลังวิญญาณที่อยู่ในจิตใจของเขาปะทุออกมา และแม้แต่พลังจิตวิญญาณของเขา ก็ประทุออกมาทั้งหมด

        เพราะการควบคุมอย่างบ้าคลั่งของพลังจิตวิญญาณ อุณหภูมิของเปลวเพลิงทั้งสามจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ในที่สุดหลู่เส่าโหย่วก็สามารถห่อหุ้มโอสถสีน้ำเงินได้อีกครั้ง พร้อมกับสายตาที่ดูปล่อยวาง

        รอยแตกร้าวบนผิวของโอสถสีน้ำเงินค่อยๆ จางหายไป เปลวเพลิงกำลังคำรามและเคลื่อนไหวอยู่ภายในเตามังกรเพลิง หลู่เส่าโหย่วในตอนนี้ไม่ได้รู้เลยว่า ภายในห้องห้องหนึ่ง ลุงหนานที่นั่งท่าขัดสมาธิอยู่นั้นแสดงท่าทางเป็นกังวลมาโดยตลอด แต่ในตอนที่ชายชราได้ลืมตาขึ้นมา ในดวงตาของเขาก็มีประกายของความประหลาดใจวาบผ่านเล็กน้อย แต่กระนั้น ส่วนใหญ่มันกลับเป็นความปีติ

        “เจ้าเด็กนี่ เดิมทีพรสรรค์ก็นับว่ายอดเยี่ยมแล้ว คิดไม่ถึงว่าหลังจากกลายเป็นผู้ฝึกตนแบบควบคู่พลังจิตวิญญาณจะถูกยกระดับขึ้นมา ทำให้สามารถหลอมโอสถขั้นสองได้ตั้งแต่ตอนนี้ ในทวีปหลิงหวู่ทั้งทวีป เกรงว่าคนที่มีความสามารถระดับนี้จะมีเพียงแค่ไม่กี่คน” ลุงหนานยิ้มเบาๆ จากนั้นก็กลับกลายเป็นชายชราที่ดูเชื่องช้าเช่นเดิม

        ภายในห้องลับนั้น ท่าประทับในมือของหลู่เส่าโหย่วก็ได้เปลี่ยนไป จากนั้นโอสถสีน้ำเงินก็เริ่มหมุนวนในเปลวเพลิงขึ้นมา มันเต็มไปด้วยแสงแวววาวจางๆ

        “สำเร็จให้ข้าซะ” ท่าประทับในมือของหลู่เส่าโหย่วได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง จากนั้นพลังวิญญาณก็ล้อมรอบบริเวณร่างกายของเขาจนเกิดเป็นคลื่นที่ผันผวน แล้วเปลวเพลิงทั้งสามก็ได้บีบอัดกัน จากนั้นมันก็ห่อหุ้มแสงสว่างแวววาวนั้นแล้วหลอมรวมเข้ากับโอสถสีน้ำเงิน

        “ซือ…” โอสถสีน้ำเงินที่ส่องแสงสีเหลืองได้ปรากฏขึ้นในมือของหลู่เส่าโหย่ว หลู่เส่าโหย่วถือโอสถเม็ดนั้นเอาไว้ในมือและทรุดตัวลงไป พร้อมหอบหายใจอย่างหนักหน่วง หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงเหมือนคลื่นไม่หยุด

        “โอสถเจิ้งหยวน สำเร็จแล้ว” หลู่เส่าโหย่วนอนอยู่บนพื้นและจ้องมองโอสถที่อยู่ในมือ จากนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา โอสถเจิ้งหยวนเป็นถึงโอสถขั้นสอง ปกติโอสถขั้นสองจะมีราคาอยู่ที่ประมาณสองร้อยเหรียญทอง แพงกว่าโอสถขั้นหนึ่งหลายเท่านัก

        “ยังเหลืออีกเม็ด หลอมต่อ” หลู่เส่าโหย่วลุกขึ้นมาและเก็บโอสถเจิ้งหยวนลงไป จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิและปรับลมหายใจ การเผาผลาญระดับนี้ช่างมหาศาล ในตอนที่เขาปรับลมหายใจ หลู่เส่าโหย่วก็สัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณในร่างไม่เพียงแข็งแกร่งขึ้นมาเล็กน้อย แต่มันยังมีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

        หลังจากผ่านมาหลายชั่วยาม หลู่เส่าโหย่วก็ได้เปิดเปลือกตาอีกครั้ง ดวงตาของเขาที่ดูดำมืด กลับแจ่มใสขึ้นกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย

        “หลอมโอสถต่อ” หลู่เส่าโหย่วยิ้มอย่างขมขื่น หากอยากจะยกระดับพลังและชดใช้หนี้ ตัวเขาในตอนนี้ก็ต้องทำงานอย่างหนักถึงจะเพียงพอ

        ในเมืองชิงอวิ๋นนั้น เทศกาลปีใหม่กำลังใกล้เข้ามา ทุกๆ ครัวเรือนต่างก็มีโคมไฟห้อยอยู่ และถูกตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม ภาพที่สวยงามเช่นนี้ก็เกิดขึ้นที่ตระกูลหลู่เช่นเดียวกัน ลานบ้านทุกหลังกำลังถูกปัดกวาดและเต็มไปด้วยโคมไฟมากมายที่ถูกแขวนไว้ มองแล้วช่างดูมีความสุขนัก

        แต่ในตระกูลหลู่ นอกจากการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่แล้ว ก็ยังมีเรื่องดีๆ อีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือหลังจากกราบไหว้บรรพบุรุษแล้ว จะมีการแข่งขันระหว่างรุ่นเยาว์ทั้งหมดในตระกูล บุคคลสองคนที่แข็งแกร่งที่สุด เมื่อถึงเวลาพวกเขาจะสามารถเป็นตัวแทนของตระกูลหลู่ในการเข้าแข่งขันระหว่างตระกูลใหญ่ต่างๆ ในเมืองชิงอวิ๋น การแข่งขันนี้เป็นการแข่งขันที่สามปีถึงจะเกิดขึ้นหนึ่งครั้ง และผู้ที่ได้ห้าอันดับแรก จะสามารถเข้าไปเป็นศิษย์ของนิกายอวิ๋นหยางได้

        นิกายอวิ๋นหยางนั้น สามปีถึงจะรับศิษย์ใหม่สักที ซึ่งนั่นก็เป็นเวลาพอดีกับช่วงหลังปีใหม่ เป็นสิ่งที่หลายคนตั้งตารอ

        การได้เป็นศิษย์สายตรงของนิกายอวิ๋นหยางเป็นเรื่องที่ใครๆ ต่างก็ใฝ่ฝัน ศิษย์สายตรงของนิกายอวิ๋นหยาง เมื่อเทียบกับศิษย์ทั่วไปแล้วนับว่ามีความสูงส่งกว่ามาก ศิษย์สายตรงของนิกายอวิ๋นหยางนั้น แม้แต่หัวหน้าตระกูลในเมืองชิงอวิ๋นก็ยังต้องปฏิบัติตัวอย่างสุภาพ ไม่กล้าที่จะละเลย

        เมื่อเทศกาลปีใหม่ใกล้เข้ามา เหล่ารุ่นเยาว์สายตรงและสายรองต่างก็เร่งรีบกลับมาที่ตระกูลหลู่ ส่วนพวกที่อายุเยอะแล้วก็จะถูกไล่กลับมาทั้งหมด หนึ่งคือมาไหว้บรรพบุรุษ สองคือมาดูเรื่องสนุก ไม่รู้ว่ารอบนี้จะเป็นสองคนไหนที่เป็นตัวแทนของตระกูลหลู่

        เมื่อตระกูลสาขาต่างกลับมา คนรับใช้ในตระกูลหลู่ก็ยุ่งจนหัวหมุน หลู่เสี่ยวไป๋ที่ตอนนี้เลื่อนสถานะขึ้นมาเป็นผู้ดูแลก็สบายขึ้นไม่น้อย เลยกลายเป็นเป้าที่คนรับใช้ต่างก็อิจฉา และยังมีสาวใช้จากลานด้านหน้าจำนวนไม่น้อยแอบส่งสายตาให้ ซึ่งนั่นก็ทำให้หลู่เสี่ยวไป๋รู้สึกคันยุบยิบที่หัวใจอยู่พักหนึ่ง แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้ไปข้องแวะกับใคร หลังจากได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ สายตาของหลู่เสี่ยวไป๋ก็สูงส่งขึ้นไม่น้อย นั่นจึงทำให้เขาไม่ได้รู้สึกว่าเสี่ยวฉุยสวยเหมือนแต่ก่อนที่เขาเคยมองแล้ว

        ในห้องลับ หลู่เส่าโหย่วถูกรายล้อมไปด้วยม่านแสงที่แวววาว ท่าประทับในมือของเขาได้เปลี่ยนไปตลอดเวลา หน้าอกของเขายุบและพองไปมา การหายใจก็เริ่มมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ

        แต่แสงสว่างที่ส่องออกมาจากรอบตัวก็ราวกับผิวน้ำที่สงบนิ่งถูกหินกระแทกเข้าอย่างกะทันหัน ทำให้เกิดคลื่นขึ้นมา และพลังงานที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็ได้แทรกซึมผ่านแสงที่แวววาว จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นเส้นพลังงานเล็กๆ นับหมื่นพุ่งเข้าไปในร่างของหลู่เส่าโหย่ว

        พลังงานเส้นเล็กๆ นับหมื่นกำลังวนเวียนอยู่รอบกายของเขา เมื่อมองแล้วมันกลับให้ความรู้สึกลึกลับที่ไม่สามารถอธิบายได้ และในตอนนี้ ภายในร่างของหลู่เส่าโหย่วนั้น พลังเหล่านี้ก็ได้ถูกปรับแต่งโดยทักษะวิญญาณหยินหยาง แล้วแปรเปลี่ยนเป็นพลังลมปราณกับพลังวิญญาณสองส่วน จากนั้นมันก็พุ่งเข้าสู่ทะลมปราณในตันเถียนกับจิตใจของเขาตามลำดับ

        แต่พลังที่ถูกปรับแต่งเป็นพลังลมปราณมีมากกว่าพลังวิญญาณหลายเท่านัก ทำให้สามารถเพิ่มพลังวิญญาณได้แค่น้อยนิดเท่านั้น

        พลังงานเหล่านี้ไหลผ่านเส้นชีพจรในร่างกายของเขา ทำให้เส้นชีพจรขยายตัวอย่างรวดเร็ว แม้แต่ในเส้นชีพจร หลู่เส่าโหย่วก็ยังสัมผัสได้ว่ามันมีรอยแตกเล็กๆ ปรากฏขึ้น และในรอยแตกนั้นยังมีแสงสว่างทะลุออกมา ความเจ็บปวดเช่นนี้ หลู่เส่าโหย่วทำได้เพียงกัดฟันอดทนเอาไว้

        ทั้งหมดนี้ ลุงหนานเคยกล่าวกับหลู่เส่าโหย่วเอาไว้ก่อนแล้ว เมื่อกลืนกินโอสถเพื่อดูดซับลงไป ยิ่งโอสถแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ พลังงานก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น หากเส้นชีพจรทนไม่ไหว มันก็จะขยายตัว แต่หากพลังงานนั้นเกินกว่าที่เส้นชีพจรจะรับไหว ก็จะทำให้เส้นชีพจรแตกและตายในที่สุด

        ดังนั้น แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีโอสถขั้นห้าหรือโอสถขั้นหก หลู่เส่าโหย่วก็ไม่กล้าใช้มัน เพราะมันเหมือนเป็นการเอาชีวิตไปล้อเล่น แล้วอีกอย่าง โอสถขั้นห้าหรือขั้นหกในทวีปหลิงหวู่นั้นถือว่าเป็นการคงอยู่ของสมบัติล้ำค่า เขาคงไม่สามารถหามาได้ และหากจะหลอมขึ้นมาเอง เขาก็ยังมีความสามารถไม่มากพอ

 

        ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่รูขุมขนบนผิวของเขาได้เชื่อมต่อกับพลังงานนับหมื่นเส้นและเพลิดเพลินไปกับการดูดซับพลังงานเหล่านั้น ทำให้ออร่าของเขาในตอนนี้ค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ 38 การแข่งขันหลังปีใหม่

Now you are reading จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ Chapter 38 การแข่งขันหลังปีใหม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เปลวเพลิงภายในเตามังกรเพลิงไม่ได้รุนแรงขึ้น แต่มันกลับดูชัดเจนขึ้น และในเวลานี้ ภายในเตามังกรเพลิงก็ได้เกิดเสียงหึ่งๆ ขึ้นมา

        “ปัง” เตามังกรเพลิงได้เปิดออก จากนั้นโอสถสีน้ำเงินก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของหลู่เส่าโหย่ว ทันใดนั้นกลิ่นหอมเข้มข้นของโอสถก็แผ่กระจายไปทั่วห้องลับในทันที

        “หลอมรวมให้ข้า” ท่าประทับในมือของหลู่เส่าโหย่วได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง พลังวิญญาณในมือของเขาได้ก่อตัวเป็นเปลวเพลิงสองดวง ทันใดนั้น เขาก็ยิงมันออกไปห่อหุ้มใส่เม็ดยา และจากนั้นภายในเตามังกรเพลิงก็ได้มีเปลวเพลิงพุ่งออกมาห่อหุ้มเม็ดยาเอาไว้ จากนั้นโอสถสีน้ำเงินก็ได้สั่นไหวอยู่ในเปลวเพลิง

        สีหน้าของหลู่เส่าโหย่วซีดลงเรื่อยๆ การเผาผลาญพลังนั้นสูงเป็นอย่างมาก แต่ในเวลานี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะพักได้ หากเกิดข้อผิดพลาด ความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดก็จะสูญเปล่า

        “หลอมรวมให้ข้า” หลู่เส่าโหย่วตะโกนเบาๆ ภายใต้การห่อหุ้มของเปลวเพลิงทั้งสามที่ถูกควบคุมด้วยพลังจิตวิญญาณอย่างไม่มีข้อผิดพลาด กลิ่นหอมของโอสถก็กำลังถูกบีบอัดลงในโอสถ

        “ฟู่ฟู่” หลังจากถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงทั้งสาม โอสถสีน้ำเงินเม็ดนี้ก็ได้แสดงความดุร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ พื้นผิวของโอสถเริ่มแตกร้าวเล็กน้อย ราวกับว่ามันกำลังจะแตกออก

        “ให้ตายเถอะ” หลู่เส่าโหย่วรู้สึกเคร่งเครียด มันจะล้มเหลวไม่ได้

        “เป็นไงเป็นกัน” หลู่เส่าโหย่วกัดฟัน เขาใช้ท่าประทับอีกครั้ง พลังวิญญาณที่อยู่ในจิตใจของเขาปะทุออกมา และแม้แต่พลังจิตวิญญาณของเขา ก็ประทุออกมาทั้งหมด

        เพราะการควบคุมอย่างบ้าคลั่งของพลังจิตวิญญาณ อุณหภูมิของเปลวเพลิงทั้งสามจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ในที่สุดหลู่เส่าโหย่วก็สามารถห่อหุ้มโอสถสีน้ำเงินได้อีกครั้ง พร้อมกับสายตาที่ดูปล่อยวาง

        รอยแตกร้าวบนผิวของโอสถสีน้ำเงินค่อยๆ จางหายไป เปลวเพลิงกำลังคำรามและเคลื่อนไหวอยู่ภายในเตามังกรเพลิง หลู่เส่าโหย่วในตอนนี้ไม่ได้รู้เลยว่า ภายในห้องห้องหนึ่ง ลุงหนานที่นั่งท่าขัดสมาธิอยู่นั้นแสดงท่าทางเป็นกังวลมาโดยตลอด แต่ในตอนที่ชายชราได้ลืมตาขึ้นมา ในดวงตาของเขาก็มีประกายของความประหลาดใจวาบผ่านเล็กน้อย แต่กระนั้น ส่วนใหญ่มันกลับเป็นความปีติ

        “เจ้าเด็กนี่ เดิมทีพรสรรค์ก็นับว่ายอดเยี่ยมแล้ว คิดไม่ถึงว่าหลังจากกลายเป็นผู้ฝึกตนแบบควบคู่พลังจิตวิญญาณจะถูกยกระดับขึ้นมา ทำให้สามารถหลอมโอสถขั้นสองได้ตั้งแต่ตอนนี้ ในทวีปหลิงหวู่ทั้งทวีป เกรงว่าคนที่มีความสามารถระดับนี้จะมีเพียงแค่ไม่กี่คน” ลุงหนานยิ้มเบาๆ จากนั้นก็กลับกลายเป็นชายชราที่ดูเชื่องช้าเช่นเดิม

        ภายในห้องลับนั้น ท่าประทับในมือของหลู่เส่าโหย่วก็ได้เปลี่ยนไป จากนั้นโอสถสีน้ำเงินก็เริ่มหมุนวนในเปลวเพลิงขึ้นมา มันเต็มไปด้วยแสงแวววาวจางๆ

        “สำเร็จให้ข้าซะ” ท่าประทับในมือของหลู่เส่าโหย่วได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง จากนั้นพลังวิญญาณก็ล้อมรอบบริเวณร่างกายของเขาจนเกิดเป็นคลื่นที่ผันผวน แล้วเปลวเพลิงทั้งสามก็ได้บีบอัดกัน จากนั้นมันก็ห่อหุ้มแสงสว่างแวววาวนั้นแล้วหลอมรวมเข้ากับโอสถสีน้ำเงิน

        “ซือ…” โอสถสีน้ำเงินที่ส่องแสงสีเหลืองได้ปรากฏขึ้นในมือของหลู่เส่าโหย่ว หลู่เส่าโหย่วถือโอสถเม็ดนั้นเอาไว้ในมือและทรุดตัวลงไป พร้อมหอบหายใจอย่างหนักหน่วง หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงเหมือนคลื่นไม่หยุด

        “โอสถเจิ้งหยวน สำเร็จแล้ว” หลู่เส่าโหย่วนอนอยู่บนพื้นและจ้องมองโอสถที่อยู่ในมือ จากนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา โอสถเจิ้งหยวนเป็นถึงโอสถขั้นสอง ปกติโอสถขั้นสองจะมีราคาอยู่ที่ประมาณสองร้อยเหรียญทอง แพงกว่าโอสถขั้นหนึ่งหลายเท่านัก

        “ยังเหลืออีกเม็ด หลอมต่อ” หลู่เส่าโหย่วลุกขึ้นมาและเก็บโอสถเจิ้งหยวนลงไป จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิและปรับลมหายใจ การเผาผลาญระดับนี้ช่างมหาศาล ในตอนที่เขาปรับลมหายใจ หลู่เส่าโหย่วก็สัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณในร่างไม่เพียงแข็งแกร่งขึ้นมาเล็กน้อย แต่มันยังมีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

        หลังจากผ่านมาหลายชั่วยาม หลู่เส่าโหย่วก็ได้เปิดเปลือกตาอีกครั้ง ดวงตาของเขาที่ดูดำมืด กลับแจ่มใสขึ้นกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย

        “หลอมโอสถต่อ” หลู่เส่าโหย่วยิ้มอย่างขมขื่น หากอยากจะยกระดับพลังและชดใช้หนี้ ตัวเขาในตอนนี้ก็ต้องทำงานอย่างหนักถึงจะเพียงพอ

        ในเมืองชิงอวิ๋นนั้น เทศกาลปีใหม่กำลังใกล้เข้ามา ทุกๆ ครัวเรือนต่างก็มีโคมไฟห้อยอยู่ และถูกตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม ภาพที่สวยงามเช่นนี้ก็เกิดขึ้นที่ตระกูลหลู่เช่นเดียวกัน ลานบ้านทุกหลังกำลังถูกปัดกวาดและเต็มไปด้วยโคมไฟมากมายที่ถูกแขวนไว้ มองแล้วช่างดูมีความสุขนัก

        แต่ในตระกูลหลู่ นอกจากการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่แล้ว ก็ยังมีเรื่องดีๆ อีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือหลังจากกราบไหว้บรรพบุรุษแล้ว จะมีการแข่งขันระหว่างรุ่นเยาว์ทั้งหมดในตระกูล บุคคลสองคนที่แข็งแกร่งที่สุด เมื่อถึงเวลาพวกเขาจะสามารถเป็นตัวแทนของตระกูลหลู่ในการเข้าแข่งขันระหว่างตระกูลใหญ่ต่างๆ ในเมืองชิงอวิ๋น การแข่งขันนี้เป็นการแข่งขันที่สามปีถึงจะเกิดขึ้นหนึ่งครั้ง และผู้ที่ได้ห้าอันดับแรก จะสามารถเข้าไปเป็นศิษย์ของนิกายอวิ๋นหยางได้

        นิกายอวิ๋นหยางนั้น สามปีถึงจะรับศิษย์ใหม่สักที ซึ่งนั่นก็เป็นเวลาพอดีกับช่วงหลังปีใหม่ เป็นสิ่งที่หลายคนตั้งตารอ

        การได้เป็นศิษย์สายตรงของนิกายอวิ๋นหยางเป็นเรื่องที่ใครๆ ต่างก็ใฝ่ฝัน ศิษย์สายตรงของนิกายอวิ๋นหยาง เมื่อเทียบกับศิษย์ทั่วไปแล้วนับว่ามีความสูงส่งกว่ามาก ศิษย์สายตรงของนิกายอวิ๋นหยางนั้น แม้แต่หัวหน้าตระกูลในเมืองชิงอวิ๋นก็ยังต้องปฏิบัติตัวอย่างสุภาพ ไม่กล้าที่จะละเลย

        เมื่อเทศกาลปีใหม่ใกล้เข้ามา เหล่ารุ่นเยาว์สายตรงและสายรองต่างก็เร่งรีบกลับมาที่ตระกูลหลู่ ส่วนพวกที่อายุเยอะแล้วก็จะถูกไล่กลับมาทั้งหมด หนึ่งคือมาไหว้บรรพบุรุษ สองคือมาดูเรื่องสนุก ไม่รู้ว่ารอบนี้จะเป็นสองคนไหนที่เป็นตัวแทนของตระกูลหลู่

        เมื่อตระกูลสาขาต่างกลับมา คนรับใช้ในตระกูลหลู่ก็ยุ่งจนหัวหมุน หลู่เสี่ยวไป๋ที่ตอนนี้เลื่อนสถานะขึ้นมาเป็นผู้ดูแลก็สบายขึ้นไม่น้อย เลยกลายเป็นเป้าที่คนรับใช้ต่างก็อิจฉา และยังมีสาวใช้จากลานด้านหน้าจำนวนไม่น้อยแอบส่งสายตาให้ ซึ่งนั่นก็ทำให้หลู่เสี่ยวไป๋รู้สึกคันยุบยิบที่หัวใจอยู่พักหนึ่ง แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้ไปข้องแวะกับใคร หลังจากได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ สายตาของหลู่เสี่ยวไป๋ก็สูงส่งขึ้นไม่น้อย นั่นจึงทำให้เขาไม่ได้รู้สึกว่าเสี่ยวฉุยสวยเหมือนแต่ก่อนที่เขาเคยมองแล้ว

        ในห้องลับ หลู่เส่าโหย่วถูกรายล้อมไปด้วยม่านแสงที่แวววาว ท่าประทับในมือของเขาได้เปลี่ยนไปตลอดเวลา หน้าอกของเขายุบและพองไปมา การหายใจก็เริ่มมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ

        แต่แสงสว่างที่ส่องออกมาจากรอบตัวก็ราวกับผิวน้ำที่สงบนิ่งถูกหินกระแทกเข้าอย่างกะทันหัน ทำให้เกิดคลื่นขึ้นมา และพลังงานที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็ได้แทรกซึมผ่านแสงที่แวววาว จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นเส้นพลังงานเล็กๆ นับหมื่นพุ่งเข้าไปในร่างของหลู่เส่าโหย่ว

        พลังงานเส้นเล็กๆ นับหมื่นกำลังวนเวียนอยู่รอบกายของเขา เมื่อมองแล้วมันกลับให้ความรู้สึกลึกลับที่ไม่สามารถอธิบายได้ และในตอนนี้ ภายในร่างของหลู่เส่าโหย่วนั้น พลังเหล่านี้ก็ได้ถูกปรับแต่งโดยทักษะวิญญาณหยินหยาง แล้วแปรเปลี่ยนเป็นพลังลมปราณกับพลังวิญญาณสองส่วน จากนั้นมันก็พุ่งเข้าสู่ทะลมปราณในตันเถียนกับจิตใจของเขาตามลำดับ

        แต่พลังที่ถูกปรับแต่งเป็นพลังลมปราณมีมากกว่าพลังวิญญาณหลายเท่านัก ทำให้สามารถเพิ่มพลังวิญญาณได้แค่น้อยนิดเท่านั้น

        พลังงานเหล่านี้ไหลผ่านเส้นชีพจรในร่างกายของเขา ทำให้เส้นชีพจรขยายตัวอย่างรวดเร็ว แม้แต่ในเส้นชีพจร หลู่เส่าโหย่วก็ยังสัมผัสได้ว่ามันมีรอยแตกเล็กๆ ปรากฏขึ้น และในรอยแตกนั้นยังมีแสงสว่างทะลุออกมา ความเจ็บปวดเช่นนี้ หลู่เส่าโหย่วทำได้เพียงกัดฟันอดทนเอาไว้

        ทั้งหมดนี้ ลุงหนานเคยกล่าวกับหลู่เส่าโหย่วเอาไว้ก่อนแล้ว เมื่อกลืนกินโอสถเพื่อดูดซับลงไป ยิ่งโอสถแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ พลังงานก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น หากเส้นชีพจรทนไม่ไหว มันก็จะขยายตัว แต่หากพลังงานนั้นเกินกว่าที่เส้นชีพจรจะรับไหว ก็จะทำให้เส้นชีพจรแตกและตายในที่สุด

        ดังนั้น แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีโอสถขั้นห้าหรือโอสถขั้นหก หลู่เส่าโหย่วก็ไม่กล้าใช้มัน เพราะมันเหมือนเป็นการเอาชีวิตไปล้อเล่น แล้วอีกอย่าง โอสถขั้นห้าหรือขั้นหกในทวีปหลิงหวู่นั้นถือว่าเป็นการคงอยู่ของสมบัติล้ำค่า เขาคงไม่สามารถหามาได้ และหากจะหลอมขึ้นมาเอง เขาก็ยังมีความสามารถไม่มากพอ

 

        ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่รูขุมขนบนผิวของเขาได้เชื่อมต่อกับพลังงานนับหมื่นเส้นและเพลิดเพลินไปกับการดูดซับพลังงานเหล่านั้น ทำให้ออร่าของเขาในตอนนี้ค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+