จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ 44 หลู่อวิ๋น ปะทะ หลู่เส่าหู่

Now you are reading จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ Chapter 44 หลู่อวิ๋น ปะทะ หลู่เส่าหู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “นายหญิง คุณชายเป็นผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุ คุณชายเก่งมากเลย” หลู่เสี่ยวไป๋กระโดดโลดเต้นขึ้นมา มีความสุขเหมือนกับตัวเองเป็นผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุเสียเอง

        “ผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุ” ลั่วหลานซืออยู่ในตระกูลหลู่มานาน นางย่อมรู้ว่าผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุหมายความว่าอะไร ในตอนนี้ น้ำตาแห่งความตื้นตันก็ได้ไหลออกมา ช่วงเวลานี้ ราวกับว่าความไม่เป็นธรรมที่เคยได้รับมาทั้งหมดได้หายไป นางรู้สึกว่าทุกอย่างที่ทำไปนั้นคุ้มค่ายิ่งนัก

        หลู่ตง หลู่ซี และผู้อาวุโสของตระกูลที่อยู่บนอัฒจันทร์ทุกคนต่างก็ลุกขึ้นยืน พวกเขาจับจ้องไปยังหลู่เส่าโหย่วด้วยความประหลาดใจและไม่อยากจะเชื่อ ทว่าเมื่อครู่พวกเขาก็พึ่งจะได้เห็นกับตาของตัวเอง ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงแน่นอน

        “ผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุ ผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุในตำนาน ตระกูลหลู่ของข้ากลับมีผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุปรากฏตัวขึ้น” หลู่ตงประหลาดใจจนอธิบายอะไรไม่ถูก เขาหัวเราะขึ้นมาอย่างตื่นเต้น หากผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุคืออัจฉริยะแล้วล่ะก็ เช่นนั้นผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุก็คืออัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ แม้จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุก็ยังห่างไกลเกินกว่าจะเทียบได้

        หากในตอนนี้ตระกูลใหญ่ตระกูลอื่นรู้ว่าตระกูลหลู่มีผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุแล้วล่ะก็ พวกมันจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อดึงตัวไปอย่างแน่นอน ผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุนั้นหายากยิ่งกว่าขนฟินิกซ์เขากิเลนเสียอีก มีอยู่แค่ในตำนานเท่านั้น

        ในเวลานี้ มีเพียงจ้าวฮุ่ยคนเดียวที่มีสีหน้าบึ้งตึง หากกล่าวว่าเรื่องที่หลู่เส่าหู่เปิดเผยฐานะผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุทำให้นางอารมณ์ดีจนขึ้นสวรรค์ เช่นนั้น ตอนนี้เรื่องที่หลู่เส่าโหย่วเป็นผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุ ก็ทำให้อารมณ์ของนางราวกับตกจากสวรรค์ลงสู่นรก

        ในหมู่ผู้ชมก็ได้เกิดความโกลาหลเช่นกัน ในตอนนี้เหมือนทุกคนจะลืมความรู้สึกตื่นเต้นที่หลู่เส่าหู่เป็นผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุไปหมดแล้ว เพราะเรื่องของผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุได้ไปบดบังเรื่องผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุจนหมด

        ผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุ ถือเป็นการคงอยู่ที่เหมือนกับขนฟินิกซ์เขากิเลน ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุแล้ว กลับไม่นับเป็นอะไรเลย

        “ลั่วหลาน ไม่ นายหญิงลั่ว ท่านโชคดีนัก เส่าโหย่วเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุ”

        “นายหญิงลั่ว ความขมขื่นของท่านได้สลายหายไปและในที่สุดความหวานก็กำลังมาเสียที ในภายภาคหน้าท่านก็จะมีแต่ความสุขแล้ว” คนมากมายต่างเข้ามารายล้อมรอบกายของลั่วหลานซือ แต่ละคนต่างก็ยิ้มอย่างประจบสอพลอ

        “ผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุมันก็ไม่ได้มีอะไรมากขนาดนั้น” หลู่เส่าโหย่วถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อเห็นปฏิกิริยาของกลุ่มคน ตัวเขารีบร้อนเก็บพลังธาตุกลับไปสองธาตุ ที่จริงแล้วตัวเขาเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ห้าธาตุ ฉะนั้นการที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุนั้นไม่ได้นับเป็นอะไรเลย

        “พี่เส่าโหย่ว ท่านร้ายกาจเสียจริง ท่านเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุ” หลู่เม่ยเดินมาอยู่ข้างกายของหลู่เส่าโหย่ว เดิมทีก่อนหน้านี้นางเอาแต่มองหลู่เส่าหู่อยู่ตลอด แต่ตอนนี้ดวงตาของนางกลับมาจับจ้องหลู่เส่าโหย่วแทนแล้ว

        หลู่เส่าโหย่วตัวสั่นขึ้นมา เด็กสาวคนนี้ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ

        “ผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุ สามารถเทียบเคียงกับปีศาจสาวในนิกายอวิ๋นหยางได้แล้ว แต่ในแง่ความแข็งแกร่ง หลู่เส่าโหย่วยังห่างอีกเยอะ” หลู่หวู๋ซวงมองไปที่หลู่เส่าโหย่ว เรื่องที่หลู่เส่าโหย่วเป็นผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุนี้เหนือความคาดหมายของนางโดยสิ้นเชิง

        “ทุกคนเงียบหน่อย เวลานี้ คนที่มีพลังบ่มเพาะระดับนักรบไปเตรียมตัวประลองได้แล้ว หลู่เส่าหู่ โจวไห่หมิง หลู่อวิ๋น หลู่เส่าโหย่ว พวกเจ้าทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม คนอื่นถอยออกไป” ผู้อาวุโสชุดเทากล่าวกับเหล่าลูกหลานในตระกูลที่กำลังพูดคุยกัน

        เหล่าลูกหลานในตระกูลหลู่จ้องมองหลู่เส่าโหย่วด้วยความประหลาดใจ ไม่มีใครกล้าดูหมิ่นเขาอีก หลังจากได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสชุดเทา พวกเขาก็ถอยหลังกลับไปอย่างช้าๆ ทั้งสนามประลองมีเพียงหลู่อวิ๋น โจวไห่หมิง หลู่เส่าหู่ และหลู่เส่าโหย่ว รวมทั้งหมดสี่คนที่เหลืออยู่ในสนามประลอง เพราะมีเพียงสี่คนนี้ที่มีพลังบ่มเพาะถึงระดับนักรบ

        หลู่เส่าโหย่วรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของอีกสามคน หลู่เส่าหู่ธาตุดิน, ไม้ระดับนักรบขั้นสาม โจวไห่หมิงธาตุดินระดับนักรบขั้นเจ็ด และหลู่อวิ๋นธาตุน้ำระดับนักรบขั้นสอง เมื่อรวมกับตัวเขาเอง คนที่มีระดับพลังแข็งแกร่งที่สุดคือโจวไห่หมิงอย่างไม่ต้องสงสัย และระดับพลังที่อ่อนกว่าเล็กน้อยก็คือหลู่อวิ๋น

        “พวกเจ้าทั้งสี่จะต้องจับฉลากกัน คนหนึ่งต่อสู้กับอีกคนหนึ่ง และผู้ชนะสองคนสุดท้ายจะเป็นตัวแทนของตระกูลหลู่ไปแข่งขันกับตระกูลอื่นในเมืองชิงอวิ๋นเพื่อชิงเป็นหนึ่งในรายชื่อที่จะได้เข้าร่วมนิกายอวิ๋นหยาง มีเลขจับฉลากสี่เลข จับได้เลขหนึ่งปะทะกับเลขสี่ และสองจะปะทะกับสาม ขึ้นอยู่กับโชคของเจ้า” ผู้อาวุโสมองคนทั้งสี่ พร้อมกับที่ในมือกำลังถือกล่องไม้ที่ใส่เลขจับฉลากเอาไว้ด้านใน

        หลู่เส่าหู่เหลือบมองหลู่เส่าโหย่วอย่างเย็นชา จากนั้นก็เอื้อมมือเข้าไปหยิบหมายเลขในกล่องไม้อย่างไม่ลังเล ตามมาด้วยโจวไห่หมิงและหลู่อวิ๋นก็ได้หยิบกันไปคนละอัน

        หลู่เส่าโหย่วได้คิดคำนวณมาแล้ว ลุงหนานบอกให้เขาเข้านิกายอวิ๋นหยาง เช่นนั้นตัวเขาก็ต้องได้สองอันดับแรก แต่ถ้าหากเขาได้เจอกับโจวไห่หมิงก็คงจะลำบากเล็กน้อย เพราะอย่างไรโจวไห่หมิงก็ไปถึงระดับนักรบขั้นเจ็ดแล้ว ตัวเขาอยู่แค่ระดับนักรบขั้นสาม ต่างกันถึงสี่ระดับ ซึ่งเป็นความแตกต่างที่ค่อนข้างเยอะ มันไม่ง่ายที่จะจัดการเลย

        หลู่เส่าหู่หรือหลู่อวิ๋น หากตัวเขาได้เจอกับหนึ่งในสองคนนี้ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร หลู่เส่าโหย่วเอื้อมไปหยิบหมายเลขสุดท้ายที่เหลืออยู่ในกล่องไม้บนมือของผู้อาวุโสชุดเทา เขาเห็นแค่ว่ามันเขียนเลขสามไว้ด้านใน

        “ในเวลานี้ หมายเลขหนึ่งกับหมายเลขสี่จะเริ่มประลองกัน ผู้ชนะจะได้เป็นตัวแทนของตระกูลไปเข้าร่วมการแข่งขันชิงรายชื่อของนิกายอวิ๋นหยาง ทั้งยังได้รับเงินสองพันเหรียญทองและโอสถขั้นสองหนึ่งเม็ด ผู้แพ้ก็จะได้รับโอสถขั้นสองหนึ่งเม็ดด้วยเช่นกัน จำเอาไว้ว่าการประลองนี้ไม่อนุญาตให้ฆ่ากันระหว่างประลอง ไม่เช่นนั้นจะถูกยกเลิกสิทธิ์และถูกกักขังในห้องสำนึกผิด” ผู้อาวุโสชุดเทาจ้องทั้งสี่คนและกล่าวออกมา

        ทันทีที่ผู้อาวุโสชุดเทากล่าวจบ ก็เห็นเพียงหลู่อวิ๋นกับหลู่เส่าหู่เดินไปถึงแท่นหินที่กว้างใหญ่ด้านหน้าแล้ว เหลือเพียงแค่หลู่เส่าโหย่วและโจวไห่หมิงสองคน

        “โชคร้ายจริง กลับต้องมาเจอกับโจวไห่หมิง” หลู่เส่าโหย่วมีสีหน้าเปลี่ยนไปแต่ก็ไม่ได้เผยพิรุธอะไร ในสามคนนี้ โจวไห่หมิงเป็นคนที่รับมือยากที่สุดแล้ว

        “พวกเจ้าทั้งสองสามารถเริ่มได้เลย” ผู้อาวุโสชุดเทาได้กล่าวขึ้นเมื่อหลู่เส่าหู่และหลู่อวิ๋นก้าวไปข้างหน้า

        “เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้ว” หลู่เส่าหู่กล่าวเบาๆ ทันใดนั้นลมปราณก็ปะทุรอบกายและส่องแสงจางๆ ออกมา ราวกับว่ามันกำลังจะกลายเป็นม่านแสงปกคลุมร่างกาย

        “เข้ามาเถอะนายน้อยเส่าหู่” หลู่อวิ๋นกล่าวเบาๆ ลมปราณในร่างถูกกระตุ้นทันที และด้านหน้าของนางก็ได้มีแสงสีน้ำเงินก่อตัวเป็นวงกลม

        หลู่เส่าโหย่วมองไปที่หลู่อวิ๋น หลู่อวิ๋นผู้นี้เป็นลูกหลานสายรองของตระกูลหลู่ เขาเคยเห็นหน้าตอนเด็กเพียงสองสามครั้ง คิดไม่ถึงว่าตอนนี้นางจะอายุสิบแปดแล้ว

        ในตอนนี้ หลู่อวิ๋นสวมชุดผ้าไหมสีแดงที่คอต่ำมาก เผยให้เห็นหน้าอกเล็กๆ ที่เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่เป็นเส้นโค้งกลมๆ หน้าตาของนางงดงามประณีตดั่งดอกชบา คิ้วเรียวเล็กดั่งต้นหลิว ผิวขาวเนียนดั่งหิมะ ผมสีดำถูกรวบเป็นมวยสูงอย่างสวยงาม และริมฝีปากสีแดงสดของนางก็ยกขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับหลู่เม่ยแล้ว ทั้งสองนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หลู่อวิ๋นนั้นเห็นได้ชัดว่าดูสุภาพอ่อนน้อม ไม่เหมือนกับหลู่เม่ยที่ดึงดูดเย้ายวนผู้คน

        “เช่นนั้นเจ้าระวังให้ดี” หลู่เส่าหู่ได้สงบท่าทางลง แต่ลมปราณยังคงปะทุอยู่ ทั้งสองกำลังแย่งชิงรายชื่อกัน ผู้ชนะก็จะมีโอกาสได้มีรายชื่อเข้านิกายอวิ๋นหยาง เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่เกรงใจ

        ดูเหมือนทั้งคู่จะเป็นคนที่มีชื่อเสียงในตระกูล โดยเฉพาะหลู่เส่าหู่ เพราะในเวลานี้ เหล่าคนรับใช้และลูกหลานในตระกูลต่างก็ส่งเสียงเชียร์ทั้งสองกันจากรอบนอก

 

        หลู่เส่าโหย่วพิจารณาทั้งสองคน หลู่เส่าหู่เป็นผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุที่หาได้ยาก มีธาตุไม้กับธาตุดิน ซึ่งธาตุทั้งสองยังเป็นธาตุที่เกื้อหนุนและส่งเสริมกัน ทำให้หลู่เส่าหู่นั้นเปรียบเสมือนเสือติดปีก และในด้านพลังบ่มเพาะ หลู่เส่าหู่ก็อยู่ระดับนักรบขั้นสาม ทำให้เขามีความแข็งแกร่งกว่าหลู่อวิ๋นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าหลู่อวิ๋นจะอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ 44 หลู่อวิ๋น ปะทะ หลู่เส่าหู่

Now you are reading จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ Chapter 44 หลู่อวิ๋น ปะทะ หลู่เส่าหู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “นายหญิง คุณชายเป็นผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุ คุณชายเก่งมากเลย” หลู่เสี่ยวไป๋กระโดดโลดเต้นขึ้นมา มีความสุขเหมือนกับตัวเองเป็นผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุเสียเอง

        “ผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุ” ลั่วหลานซืออยู่ในตระกูลหลู่มานาน นางย่อมรู้ว่าผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุหมายความว่าอะไร ในตอนนี้ น้ำตาแห่งความตื้นตันก็ได้ไหลออกมา ช่วงเวลานี้ ราวกับว่าความไม่เป็นธรรมที่เคยได้รับมาทั้งหมดได้หายไป นางรู้สึกว่าทุกอย่างที่ทำไปนั้นคุ้มค่ายิ่งนัก

        หลู่ตง หลู่ซี และผู้อาวุโสของตระกูลที่อยู่บนอัฒจันทร์ทุกคนต่างก็ลุกขึ้นยืน พวกเขาจับจ้องไปยังหลู่เส่าโหย่วด้วยความประหลาดใจและไม่อยากจะเชื่อ ทว่าเมื่อครู่พวกเขาก็พึ่งจะได้เห็นกับตาของตัวเอง ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงแน่นอน

        “ผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุ ผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุในตำนาน ตระกูลหลู่ของข้ากลับมีผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุปรากฏตัวขึ้น” หลู่ตงประหลาดใจจนอธิบายอะไรไม่ถูก เขาหัวเราะขึ้นมาอย่างตื่นเต้น หากผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุคืออัจฉริยะแล้วล่ะก็ เช่นนั้นผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุก็คืออัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ แม้จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุก็ยังห่างไกลเกินกว่าจะเทียบได้

        หากในตอนนี้ตระกูลใหญ่ตระกูลอื่นรู้ว่าตระกูลหลู่มีผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุแล้วล่ะก็ พวกมันจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อดึงตัวไปอย่างแน่นอน ผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุนั้นหายากยิ่งกว่าขนฟินิกซ์เขากิเลนเสียอีก มีอยู่แค่ในตำนานเท่านั้น

        ในเวลานี้ มีเพียงจ้าวฮุ่ยคนเดียวที่มีสีหน้าบึ้งตึง หากกล่าวว่าเรื่องที่หลู่เส่าหู่เปิดเผยฐานะผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุทำให้นางอารมณ์ดีจนขึ้นสวรรค์ เช่นนั้น ตอนนี้เรื่องที่หลู่เส่าโหย่วเป็นผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุ ก็ทำให้อารมณ์ของนางราวกับตกจากสวรรค์ลงสู่นรก

        ในหมู่ผู้ชมก็ได้เกิดความโกลาหลเช่นกัน ในตอนนี้เหมือนทุกคนจะลืมความรู้สึกตื่นเต้นที่หลู่เส่าหู่เป็นผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุไปหมดแล้ว เพราะเรื่องของผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุได้ไปบดบังเรื่องผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุจนหมด

        ผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุ ถือเป็นการคงอยู่ที่เหมือนกับขนฟินิกซ์เขากิเลน ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุแล้ว กลับไม่นับเป็นอะไรเลย

        “ลั่วหลาน ไม่ นายหญิงลั่ว ท่านโชคดีนัก เส่าโหย่วเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุ”

        “นายหญิงลั่ว ความขมขื่นของท่านได้สลายหายไปและในที่สุดความหวานก็กำลังมาเสียที ในภายภาคหน้าท่านก็จะมีแต่ความสุขแล้ว” คนมากมายต่างเข้ามารายล้อมรอบกายของลั่วหลานซือ แต่ละคนต่างก็ยิ้มอย่างประจบสอพลอ

        “ผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุมันก็ไม่ได้มีอะไรมากขนาดนั้น” หลู่เส่าโหย่วถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อเห็นปฏิกิริยาของกลุ่มคน ตัวเขารีบร้อนเก็บพลังธาตุกลับไปสองธาตุ ที่จริงแล้วตัวเขาเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ห้าธาตุ ฉะนั้นการที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุนั้นไม่ได้นับเป็นอะไรเลย

        “พี่เส่าโหย่ว ท่านร้ายกาจเสียจริง ท่านเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุ” หลู่เม่ยเดินมาอยู่ข้างกายของหลู่เส่าโหย่ว เดิมทีก่อนหน้านี้นางเอาแต่มองหลู่เส่าหู่อยู่ตลอด แต่ตอนนี้ดวงตาของนางกลับมาจับจ้องหลู่เส่าโหย่วแทนแล้ว

        หลู่เส่าโหย่วตัวสั่นขึ้นมา เด็กสาวคนนี้ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ

        “ผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุ สามารถเทียบเคียงกับปีศาจสาวในนิกายอวิ๋นหยางได้แล้ว แต่ในแง่ความแข็งแกร่ง หลู่เส่าโหย่วยังห่างอีกเยอะ” หลู่หวู๋ซวงมองไปที่หลู่เส่าโหย่ว เรื่องที่หลู่เส่าโหย่วเป็นผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุนี้เหนือความคาดหมายของนางโดยสิ้นเชิง

        “ทุกคนเงียบหน่อย เวลานี้ คนที่มีพลังบ่มเพาะระดับนักรบไปเตรียมตัวประลองได้แล้ว หลู่เส่าหู่ โจวไห่หมิง หลู่อวิ๋น หลู่เส่าโหย่ว พวกเจ้าทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม คนอื่นถอยออกไป” ผู้อาวุโสชุดเทากล่าวกับเหล่าลูกหลานในตระกูลที่กำลังพูดคุยกัน

        เหล่าลูกหลานในตระกูลหลู่จ้องมองหลู่เส่าโหย่วด้วยความประหลาดใจ ไม่มีใครกล้าดูหมิ่นเขาอีก หลังจากได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสชุดเทา พวกเขาก็ถอยหลังกลับไปอย่างช้าๆ ทั้งสนามประลองมีเพียงหลู่อวิ๋น โจวไห่หมิง หลู่เส่าหู่ และหลู่เส่าโหย่ว รวมทั้งหมดสี่คนที่เหลืออยู่ในสนามประลอง เพราะมีเพียงสี่คนนี้ที่มีพลังบ่มเพาะถึงระดับนักรบ

        หลู่เส่าโหย่วรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของอีกสามคน หลู่เส่าหู่ธาตุดิน, ไม้ระดับนักรบขั้นสาม โจวไห่หมิงธาตุดินระดับนักรบขั้นเจ็ด และหลู่อวิ๋นธาตุน้ำระดับนักรบขั้นสอง เมื่อรวมกับตัวเขาเอง คนที่มีระดับพลังแข็งแกร่งที่สุดคือโจวไห่หมิงอย่างไม่ต้องสงสัย และระดับพลังที่อ่อนกว่าเล็กน้อยก็คือหลู่อวิ๋น

        “พวกเจ้าทั้งสี่จะต้องจับฉลากกัน คนหนึ่งต่อสู้กับอีกคนหนึ่ง และผู้ชนะสองคนสุดท้ายจะเป็นตัวแทนของตระกูลหลู่ไปแข่งขันกับตระกูลอื่นในเมืองชิงอวิ๋นเพื่อชิงเป็นหนึ่งในรายชื่อที่จะได้เข้าร่วมนิกายอวิ๋นหยาง มีเลขจับฉลากสี่เลข จับได้เลขหนึ่งปะทะกับเลขสี่ และสองจะปะทะกับสาม ขึ้นอยู่กับโชคของเจ้า” ผู้อาวุโสมองคนทั้งสี่ พร้อมกับที่ในมือกำลังถือกล่องไม้ที่ใส่เลขจับฉลากเอาไว้ด้านใน

        หลู่เส่าหู่เหลือบมองหลู่เส่าโหย่วอย่างเย็นชา จากนั้นก็เอื้อมมือเข้าไปหยิบหมายเลขในกล่องไม้อย่างไม่ลังเล ตามมาด้วยโจวไห่หมิงและหลู่อวิ๋นก็ได้หยิบกันไปคนละอัน

        หลู่เส่าโหย่วได้คิดคำนวณมาแล้ว ลุงหนานบอกให้เขาเข้านิกายอวิ๋นหยาง เช่นนั้นตัวเขาก็ต้องได้สองอันดับแรก แต่ถ้าหากเขาได้เจอกับโจวไห่หมิงก็คงจะลำบากเล็กน้อย เพราะอย่างไรโจวไห่หมิงก็ไปถึงระดับนักรบขั้นเจ็ดแล้ว ตัวเขาอยู่แค่ระดับนักรบขั้นสาม ต่างกันถึงสี่ระดับ ซึ่งเป็นความแตกต่างที่ค่อนข้างเยอะ มันไม่ง่ายที่จะจัดการเลย

        หลู่เส่าหู่หรือหลู่อวิ๋น หากตัวเขาได้เจอกับหนึ่งในสองคนนี้ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร หลู่เส่าโหย่วเอื้อมไปหยิบหมายเลขสุดท้ายที่เหลืออยู่ในกล่องไม้บนมือของผู้อาวุโสชุดเทา เขาเห็นแค่ว่ามันเขียนเลขสามไว้ด้านใน

        “ในเวลานี้ หมายเลขหนึ่งกับหมายเลขสี่จะเริ่มประลองกัน ผู้ชนะจะได้เป็นตัวแทนของตระกูลไปเข้าร่วมการแข่งขันชิงรายชื่อของนิกายอวิ๋นหยาง ทั้งยังได้รับเงินสองพันเหรียญทองและโอสถขั้นสองหนึ่งเม็ด ผู้แพ้ก็จะได้รับโอสถขั้นสองหนึ่งเม็ดด้วยเช่นกัน จำเอาไว้ว่าการประลองนี้ไม่อนุญาตให้ฆ่ากันระหว่างประลอง ไม่เช่นนั้นจะถูกยกเลิกสิทธิ์และถูกกักขังในห้องสำนึกผิด” ผู้อาวุโสชุดเทาจ้องทั้งสี่คนและกล่าวออกมา

        ทันทีที่ผู้อาวุโสชุดเทากล่าวจบ ก็เห็นเพียงหลู่อวิ๋นกับหลู่เส่าหู่เดินไปถึงแท่นหินที่กว้างใหญ่ด้านหน้าแล้ว เหลือเพียงแค่หลู่เส่าโหย่วและโจวไห่หมิงสองคน

        “โชคร้ายจริง กลับต้องมาเจอกับโจวไห่หมิง” หลู่เส่าโหย่วมีสีหน้าเปลี่ยนไปแต่ก็ไม่ได้เผยพิรุธอะไร ในสามคนนี้ โจวไห่หมิงเป็นคนที่รับมือยากที่สุดแล้ว

        “พวกเจ้าทั้งสองสามารถเริ่มได้เลย” ผู้อาวุโสชุดเทาได้กล่าวขึ้นเมื่อหลู่เส่าหู่และหลู่อวิ๋นก้าวไปข้างหน้า

        “เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้ว” หลู่เส่าหู่กล่าวเบาๆ ทันใดนั้นลมปราณก็ปะทุรอบกายและส่องแสงจางๆ ออกมา ราวกับว่ามันกำลังจะกลายเป็นม่านแสงปกคลุมร่างกาย

        “เข้ามาเถอะนายน้อยเส่าหู่” หลู่อวิ๋นกล่าวเบาๆ ลมปราณในร่างถูกกระตุ้นทันที และด้านหน้าของนางก็ได้มีแสงสีน้ำเงินก่อตัวเป็นวงกลม

        หลู่เส่าโหย่วมองไปที่หลู่อวิ๋น หลู่อวิ๋นผู้นี้เป็นลูกหลานสายรองของตระกูลหลู่ เขาเคยเห็นหน้าตอนเด็กเพียงสองสามครั้ง คิดไม่ถึงว่าตอนนี้นางจะอายุสิบแปดแล้ว

        ในตอนนี้ หลู่อวิ๋นสวมชุดผ้าไหมสีแดงที่คอต่ำมาก เผยให้เห็นหน้าอกเล็กๆ ที่เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่เป็นเส้นโค้งกลมๆ หน้าตาของนางงดงามประณีตดั่งดอกชบา คิ้วเรียวเล็กดั่งต้นหลิว ผิวขาวเนียนดั่งหิมะ ผมสีดำถูกรวบเป็นมวยสูงอย่างสวยงาม และริมฝีปากสีแดงสดของนางก็ยกขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับหลู่เม่ยแล้ว ทั้งสองนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หลู่อวิ๋นนั้นเห็นได้ชัดว่าดูสุภาพอ่อนน้อม ไม่เหมือนกับหลู่เม่ยที่ดึงดูดเย้ายวนผู้คน

        “เช่นนั้นเจ้าระวังให้ดี” หลู่เส่าหู่ได้สงบท่าทางลง แต่ลมปราณยังคงปะทุอยู่ ทั้งสองกำลังแย่งชิงรายชื่อกัน ผู้ชนะก็จะมีโอกาสได้มีรายชื่อเข้านิกายอวิ๋นหยาง เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่เกรงใจ

        ดูเหมือนทั้งคู่จะเป็นคนที่มีชื่อเสียงในตระกูล โดยเฉพาะหลู่เส่าหู่ เพราะในเวลานี้ เหล่าคนรับใช้และลูกหลานในตระกูลต่างก็ส่งเสียงเชียร์ทั้งสองกันจากรอบนอก

 

        หลู่เส่าโหย่วพิจารณาทั้งสองคน หลู่เส่าหู่เป็นผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุที่หาได้ยาก มีธาตุไม้กับธาตุดิน ซึ่งธาตุทั้งสองยังเป็นธาตุที่เกื้อหนุนและส่งเสริมกัน ทำให้หลู่เส่าหู่นั้นเปรียบเสมือนเสือติดปีก และในด้านพลังบ่มเพาะ หลู่เส่าหู่ก็อยู่ระดับนักรบขั้นสาม ทำให้เขามีความแข็งแกร่งกว่าหลู่อวิ๋นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าหลู่อวิ๋นจะอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ 44 หลู่อวิ๋น ปะทะ หลู่เส่าหู่

Now you are reading จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ Chapter 44 หลู่อวิ๋น ปะทะ หลู่เส่าหู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “นายหญิง คุณชายเป็นผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุ คุณชายเก่งมากเลย” หลู่เสี่ยวไป๋กระโดดโลดเต้นขึ้นมา มีความสุขเหมือนกับตัวเองเป็นผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุเสียเอง

        “ผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุ” ลั่วหลานซืออยู่ในตระกูลหลู่มานาน นางย่อมรู้ว่าผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุหมายความว่าอะไร ในตอนนี้ น้ำตาแห่งความตื้นตันก็ได้ไหลออกมา ช่วงเวลานี้ ราวกับว่าความไม่เป็นธรรมที่เคยได้รับมาทั้งหมดได้หายไป นางรู้สึกว่าทุกอย่างที่ทำไปนั้นคุ้มค่ายิ่งนัก

        หลู่ตง หลู่ซี และผู้อาวุโสของตระกูลที่อยู่บนอัฒจันทร์ทุกคนต่างก็ลุกขึ้นยืน พวกเขาจับจ้องไปยังหลู่เส่าโหย่วด้วยความประหลาดใจและไม่อยากจะเชื่อ ทว่าเมื่อครู่พวกเขาก็พึ่งจะได้เห็นกับตาของตัวเอง ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงแน่นอน

        “ผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุ ผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุในตำนาน ตระกูลหลู่ของข้ากลับมีผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุปรากฏตัวขึ้น” หลู่ตงประหลาดใจจนอธิบายอะไรไม่ถูก เขาหัวเราะขึ้นมาอย่างตื่นเต้น หากผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุคืออัจฉริยะแล้วล่ะก็ เช่นนั้นผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุก็คืออัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ แม้จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุก็ยังห่างไกลเกินกว่าจะเทียบได้

        หากในตอนนี้ตระกูลใหญ่ตระกูลอื่นรู้ว่าตระกูลหลู่มีผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุแล้วล่ะก็ พวกมันจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อดึงตัวไปอย่างแน่นอน ผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุนั้นหายากยิ่งกว่าขนฟินิกซ์เขากิเลนเสียอีก มีอยู่แค่ในตำนานเท่านั้น

        ในเวลานี้ มีเพียงจ้าวฮุ่ยคนเดียวที่มีสีหน้าบึ้งตึง หากกล่าวว่าเรื่องที่หลู่เส่าหู่เปิดเผยฐานะผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุทำให้นางอารมณ์ดีจนขึ้นสวรรค์ เช่นนั้น ตอนนี้เรื่องที่หลู่เส่าโหย่วเป็นผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุ ก็ทำให้อารมณ์ของนางราวกับตกจากสวรรค์ลงสู่นรก

        ในหมู่ผู้ชมก็ได้เกิดความโกลาหลเช่นกัน ในตอนนี้เหมือนทุกคนจะลืมความรู้สึกตื่นเต้นที่หลู่เส่าหู่เป็นผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุไปหมดแล้ว เพราะเรื่องของผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุได้ไปบดบังเรื่องผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุจนหมด

        ผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุ ถือเป็นการคงอยู่ที่เหมือนกับขนฟินิกซ์เขากิเลน ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุแล้ว กลับไม่นับเป็นอะไรเลย

        “ลั่วหลาน ไม่ นายหญิงลั่ว ท่านโชคดีนัก เส่าโหย่วเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุ”

        “นายหญิงลั่ว ความขมขื่นของท่านได้สลายหายไปและในที่สุดความหวานก็กำลังมาเสียที ในภายภาคหน้าท่านก็จะมีแต่ความสุขแล้ว” คนมากมายต่างเข้ามารายล้อมรอบกายของลั่วหลานซือ แต่ละคนต่างก็ยิ้มอย่างประจบสอพลอ

        “ผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุมันก็ไม่ได้มีอะไรมากขนาดนั้น” หลู่เส่าโหย่วถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อเห็นปฏิกิริยาของกลุ่มคน ตัวเขารีบร้อนเก็บพลังธาตุกลับไปสองธาตุ ที่จริงแล้วตัวเขาเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ห้าธาตุ ฉะนั้นการที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุนั้นไม่ได้นับเป็นอะไรเลย

        “พี่เส่าโหย่ว ท่านร้ายกาจเสียจริง ท่านเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุ” หลู่เม่ยเดินมาอยู่ข้างกายของหลู่เส่าโหย่ว เดิมทีก่อนหน้านี้นางเอาแต่มองหลู่เส่าหู่อยู่ตลอด แต่ตอนนี้ดวงตาของนางกลับมาจับจ้องหลู่เส่าโหย่วแทนแล้ว

        หลู่เส่าโหย่วตัวสั่นขึ้นมา เด็กสาวคนนี้ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ

        “ผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุ สามารถเทียบเคียงกับปีศาจสาวในนิกายอวิ๋นหยางได้แล้ว แต่ในแง่ความแข็งแกร่ง หลู่เส่าโหย่วยังห่างอีกเยอะ” หลู่หวู๋ซวงมองไปที่หลู่เส่าโหย่ว เรื่องที่หลู่เส่าโหย่วเป็นผู้ฝึกยุทธ์สามธาตุนี้เหนือความคาดหมายของนางโดยสิ้นเชิง

        “ทุกคนเงียบหน่อย เวลานี้ คนที่มีพลังบ่มเพาะระดับนักรบไปเตรียมตัวประลองได้แล้ว หลู่เส่าหู่ โจวไห่หมิง หลู่อวิ๋น หลู่เส่าโหย่ว พวกเจ้าทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม คนอื่นถอยออกไป” ผู้อาวุโสชุดเทากล่าวกับเหล่าลูกหลานในตระกูลที่กำลังพูดคุยกัน

        เหล่าลูกหลานในตระกูลหลู่จ้องมองหลู่เส่าโหย่วด้วยความประหลาดใจ ไม่มีใครกล้าดูหมิ่นเขาอีก หลังจากได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสชุดเทา พวกเขาก็ถอยหลังกลับไปอย่างช้าๆ ทั้งสนามประลองมีเพียงหลู่อวิ๋น โจวไห่หมิง หลู่เส่าหู่ และหลู่เส่าโหย่ว รวมทั้งหมดสี่คนที่เหลืออยู่ในสนามประลอง เพราะมีเพียงสี่คนนี้ที่มีพลังบ่มเพาะถึงระดับนักรบ

        หลู่เส่าโหย่วรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของอีกสามคน หลู่เส่าหู่ธาตุดิน, ไม้ระดับนักรบขั้นสาม โจวไห่หมิงธาตุดินระดับนักรบขั้นเจ็ด และหลู่อวิ๋นธาตุน้ำระดับนักรบขั้นสอง เมื่อรวมกับตัวเขาเอง คนที่มีระดับพลังแข็งแกร่งที่สุดคือโจวไห่หมิงอย่างไม่ต้องสงสัย และระดับพลังที่อ่อนกว่าเล็กน้อยก็คือหลู่อวิ๋น

        “พวกเจ้าทั้งสี่จะต้องจับฉลากกัน คนหนึ่งต่อสู้กับอีกคนหนึ่ง และผู้ชนะสองคนสุดท้ายจะเป็นตัวแทนของตระกูลหลู่ไปแข่งขันกับตระกูลอื่นในเมืองชิงอวิ๋นเพื่อชิงเป็นหนึ่งในรายชื่อที่จะได้เข้าร่วมนิกายอวิ๋นหยาง มีเลขจับฉลากสี่เลข จับได้เลขหนึ่งปะทะกับเลขสี่ และสองจะปะทะกับสาม ขึ้นอยู่กับโชคของเจ้า” ผู้อาวุโสมองคนทั้งสี่ พร้อมกับที่ในมือกำลังถือกล่องไม้ที่ใส่เลขจับฉลากเอาไว้ด้านใน

        หลู่เส่าหู่เหลือบมองหลู่เส่าโหย่วอย่างเย็นชา จากนั้นก็เอื้อมมือเข้าไปหยิบหมายเลขในกล่องไม้อย่างไม่ลังเล ตามมาด้วยโจวไห่หมิงและหลู่อวิ๋นก็ได้หยิบกันไปคนละอัน

        หลู่เส่าโหย่วได้คิดคำนวณมาแล้ว ลุงหนานบอกให้เขาเข้านิกายอวิ๋นหยาง เช่นนั้นตัวเขาก็ต้องได้สองอันดับแรก แต่ถ้าหากเขาได้เจอกับโจวไห่หมิงก็คงจะลำบากเล็กน้อย เพราะอย่างไรโจวไห่หมิงก็ไปถึงระดับนักรบขั้นเจ็ดแล้ว ตัวเขาอยู่แค่ระดับนักรบขั้นสาม ต่างกันถึงสี่ระดับ ซึ่งเป็นความแตกต่างที่ค่อนข้างเยอะ มันไม่ง่ายที่จะจัดการเลย

        หลู่เส่าหู่หรือหลู่อวิ๋น หากตัวเขาได้เจอกับหนึ่งในสองคนนี้ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร หลู่เส่าโหย่วเอื้อมไปหยิบหมายเลขสุดท้ายที่เหลืออยู่ในกล่องไม้บนมือของผู้อาวุโสชุดเทา เขาเห็นแค่ว่ามันเขียนเลขสามไว้ด้านใน

        “ในเวลานี้ หมายเลขหนึ่งกับหมายเลขสี่จะเริ่มประลองกัน ผู้ชนะจะได้เป็นตัวแทนของตระกูลไปเข้าร่วมการแข่งขันชิงรายชื่อของนิกายอวิ๋นหยาง ทั้งยังได้รับเงินสองพันเหรียญทองและโอสถขั้นสองหนึ่งเม็ด ผู้แพ้ก็จะได้รับโอสถขั้นสองหนึ่งเม็ดด้วยเช่นกัน จำเอาไว้ว่าการประลองนี้ไม่อนุญาตให้ฆ่ากันระหว่างประลอง ไม่เช่นนั้นจะถูกยกเลิกสิทธิ์และถูกกักขังในห้องสำนึกผิด” ผู้อาวุโสชุดเทาจ้องทั้งสี่คนและกล่าวออกมา

        ทันทีที่ผู้อาวุโสชุดเทากล่าวจบ ก็เห็นเพียงหลู่อวิ๋นกับหลู่เส่าหู่เดินไปถึงแท่นหินที่กว้างใหญ่ด้านหน้าแล้ว เหลือเพียงแค่หลู่เส่าโหย่วและโจวไห่หมิงสองคน

        “โชคร้ายจริง กลับต้องมาเจอกับโจวไห่หมิง” หลู่เส่าโหย่วมีสีหน้าเปลี่ยนไปแต่ก็ไม่ได้เผยพิรุธอะไร ในสามคนนี้ โจวไห่หมิงเป็นคนที่รับมือยากที่สุดแล้ว

        “พวกเจ้าทั้งสองสามารถเริ่มได้เลย” ผู้อาวุโสชุดเทาได้กล่าวขึ้นเมื่อหลู่เส่าหู่และหลู่อวิ๋นก้าวไปข้างหน้า

        “เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้ว” หลู่เส่าหู่กล่าวเบาๆ ทันใดนั้นลมปราณก็ปะทุรอบกายและส่องแสงจางๆ ออกมา ราวกับว่ามันกำลังจะกลายเป็นม่านแสงปกคลุมร่างกาย

        “เข้ามาเถอะนายน้อยเส่าหู่” หลู่อวิ๋นกล่าวเบาๆ ลมปราณในร่างถูกกระตุ้นทันที และด้านหน้าของนางก็ได้มีแสงสีน้ำเงินก่อตัวเป็นวงกลม

        หลู่เส่าโหย่วมองไปที่หลู่อวิ๋น หลู่อวิ๋นผู้นี้เป็นลูกหลานสายรองของตระกูลหลู่ เขาเคยเห็นหน้าตอนเด็กเพียงสองสามครั้ง คิดไม่ถึงว่าตอนนี้นางจะอายุสิบแปดแล้ว

        ในตอนนี้ หลู่อวิ๋นสวมชุดผ้าไหมสีแดงที่คอต่ำมาก เผยให้เห็นหน้าอกเล็กๆ ที่เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่เป็นเส้นโค้งกลมๆ หน้าตาของนางงดงามประณีตดั่งดอกชบา คิ้วเรียวเล็กดั่งต้นหลิว ผิวขาวเนียนดั่งหิมะ ผมสีดำถูกรวบเป็นมวยสูงอย่างสวยงาม และริมฝีปากสีแดงสดของนางก็ยกขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับหลู่เม่ยแล้ว ทั้งสองนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หลู่อวิ๋นนั้นเห็นได้ชัดว่าดูสุภาพอ่อนน้อม ไม่เหมือนกับหลู่เม่ยที่ดึงดูดเย้ายวนผู้คน

        “เช่นนั้นเจ้าระวังให้ดี” หลู่เส่าหู่ได้สงบท่าทางลง แต่ลมปราณยังคงปะทุอยู่ ทั้งสองกำลังแย่งชิงรายชื่อกัน ผู้ชนะก็จะมีโอกาสได้มีรายชื่อเข้านิกายอวิ๋นหยาง เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่เกรงใจ

        ดูเหมือนทั้งคู่จะเป็นคนที่มีชื่อเสียงในตระกูล โดยเฉพาะหลู่เส่าหู่ เพราะในเวลานี้ เหล่าคนรับใช้และลูกหลานในตระกูลต่างก็ส่งเสียงเชียร์ทั้งสองกันจากรอบนอก

 

        หลู่เส่าโหย่วพิจารณาทั้งสองคน หลู่เส่าหู่เป็นผู้ฝึกยุทธ์สองธาตุที่หาได้ยาก มีธาตุไม้กับธาตุดิน ซึ่งธาตุทั้งสองยังเป็นธาตุที่เกื้อหนุนและส่งเสริมกัน ทำให้หลู่เส่าหู่นั้นเปรียบเสมือนเสือติดปีก และในด้านพลังบ่มเพาะ หลู่เส่าหู่ก็อยู่ระดับนักรบขั้นสาม ทำให้เขามีความแข็งแกร่งกว่าหลู่อวิ๋นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าหลู่อวิ๋นจะอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+