จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ 54 ไปหาหลู่หวู๋ซวง

Now you are reading จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ Chapter 54 ไปหาหลู่หวู๋ซวง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        แต่ละขั้นนั้นมีความแตกต่างกันอย่างมาก ไม่ต้องพูดถึงความแตกต่างถึงสี่ขั้น และเมื่อระดับขั้นยิ่งสูงขึ้น ความแตกต่างก็ยิ่งมาก หากตอนนั้นเขาไม่ทำให้โจวไห่หมิงโกรธจนใช้พลังไปไม่น้อย จากนั้นในท้ายที่สุดก็อาศัยเกราะวิญญาณฟ้าครามเอาชนะมาอย่างโชคดี เขาก็คงจะไม่มีโอกาสชนะเลย

        “ทะลวงเพียงขั้นเดียว” ถึงแม้จะทะลวงมาได้หนึ่งขั้น แต่หลู่เส่าโหย่วกลับขมวดคิ้ว ในตอนแรกที่เขากินโอสถเจิ้งหยวนไปหนึ่งเม็ด เขาสามารถทะลวงได้ถึงสองขั้น จากนักรบขั้นหนึ่งเป็นนักรบขั้นสาม แต่ตอนนี้ที่เขาได้ใช้โอสถเจิ้งหยวนเม็ดที่สอง กลับทำให้เขาทะลวงมาเพียงขั้นเดียว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ยิ่งเขาทะลวงระดับที่สูงขึ้น เขาก็ยิ่งต้องใช้โอสถมากขึ้นอีก

        หากตอนนี้เขากินโอสถเจิ้งหยวนไปอีกเม็ด มันก็คงยากที่จะทะลวงไปถึงนักรบขั้นห้า ยิ่งไปกว่านั้น เขาเพิ่งขัดเกลาโอสถเจิ้งหยวนเข้าไป การบริโภคและการขัดเกลาก็ต้องใช้กระบวนการเช่นกัน หากกินโอสถเจิ้งหยวนต่อเนื่องกันย่อมเป็นการสิ้นเปลืองอย่างไม่ต้องสงสัย

        และหากต้องการใช้โอสถเจิ้งหยวนในการทะลวงระดับปรมาจารย์ ย่อมต้องใช้โอสถเจิ้งหยวนจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับเขาแล้วนี่คือการผลาญเหรียญทองจำนวนมาก

        ตอนนี้ตัวเขาเป็นนักรบขั้นสี่แล้ว แต่ในด้านพลังวิญญาณหลู่เส่าโหย่วสัมผัสได้ว่าเขายังเป็นเพียงนักรบขั้นหนึ่งเช่นเดิม โอสถเจิ้งหยวนเพิ่มพลังวิญญาณได้ไม่มากเท่ากับพลังลมปราณ ถ้าเขาต้องการที่จะเพิ่มพลังวิญญาณ ก็มีแต่ต้องหลอมโอสถอื่น หากยังพึ่งพาโอสถเจิ้งหยวนต่อไป เขาคงไม่สามารถทะลวงระดับลมปราณและวิญญาณพร้อมกันได้อย่างแน่นอน

        “ควรไปเตรียมตัวได้แล้ว นิกายอวิ๋นหยางมีสมบัติล้ำค่าอะไร ข้าลืมถามลุงหนานไปเลย” ลุงหนานให้เขาไปนิกายอวิ๋นหยาง แต่ตัวเขากลับไม่รู้ว่าต้องไปเอาอะไร หลู่เส่าโหย่วได้แต่คิดว่าวันหน้าต้องไปถามลุงหนานแล้ว

        หลังเก็บโอสถกับเตามังกรเพลิงเสร็จ หลู่เส่าโหย่วก็ออกจากห้องลับไป จากนั้นเขาก็เดินไปทางลานด้านหน้า การปิดด่านครั้งหนึ่งใช้เวลาไปถึงสิบสามวัน เกรงว่าท่านแม่คงกังวลแล้ว

        “คารวะนายน้อย” ตลอดทาง เมื่อคนรับใช้เห็นหลู่เส่าโหย่วก็จะทำความเคารพทันที ไม่มีใครกล้าดูถูกนายน้อยไร้ประโยชน์คนนี้อีกต่อไป สาวใช้บางคนถึงกับแสดงความต้องการทางสายตา เพราะถ้าหากนายน้อยถูกตาต้องใจพวกนาง เช่นนั้นชะตากรรมของพวกนางก็คงจะเปลี่ยนไปนับจากนี้

        เมื่อหลู่เส่าโหย่วกลับมาถึงเรือนที่อาศัย หลังเปิดประตูเข้าไป เขาก็เห็นคนรับใช้และสาวใช้กำลังทำความสะอาดเรือนกันอยู่

        “คารวะคุณชาย” มีข้ารับใช้ทั้งหมดห้าคน ชายสาม หญิงสอง ผู้หญิงมีอายุประมาณยี่สิบ เมื่อเห็นหลู่เส่าโหย่วก็รีบทำความเคารพในทันที และเพราะได้รับการสั่งสอนจากเสี่ยวไป๋ คำสรรพนามที่ปกติแล้วจะต้องเรียกว่านายน้อยจึงถูกเปลี่ยนเป็นคุณชายแทน

        หลู่เส่าโหย่วพยักหน้าเบาๆ หลู่เสี่ยวไป๋นับว่าฉลาดไม่น้อย หากผู้อื่นเรียกเขาว่านายน้อย เขาก็คงทำอะไรไม่ได้ เขาไม่สามารถไปบอกทุกคนว่าไม่ต้องเรียกเขาว่านายน้อยได้ แต่ไม่ใช่กับคนรับใช้ในเรือนของเขา การเรียกว่านายน้อยนั้นทำให้หลู่เส่าโหย่วฟังแล้วรู้สึกอึดอัดเสียจริง

        “คุณชาย ในที่สุดท่านก็กลับมา นายหญิงกังวลจะตายอยู่แล้ว” หลู่เสี่ยวไป๋กล่าว

        “เสี่ยวไป๋ แม่ข้าล่ะ?” หลู่เส่าโหย่วไม่รู้สึกแปลกใจ เขารู้ว่าท่านแม่จะต้องเป็นกังวลแน่

        “ข้ากำลังจัดของบางอย่างอยู่ เจ้าเด็กคนนี้ ออกไปครั้งหนึ่งก็ไปนานเช่นนี้ ข้าเป็นห่วงแทบตาย” ลั่วหลานซือเดินออกมาจากบ้าน ช่วงหลายวันมานี้นางกังวลใจอย่างมาก ตอนนี้เมื่อได้เห็นหลู่เส่าโหย่วนางถึงได้รู้สึกโล่งใจขึ้นมา

        “ท่านแม่ ท่านให้พวกคนรับใช้จัดการก็พอแล้ว ท่านไม่ต้องทำเองแล้ว” หลู่เส่าโหย่วกล่าวเบาๆ ท่านแม่ของเขามีสีหน้าท่าทางที่ดีขึ้น แม้จะสวมใส่ชุดธรรมดาเหมือนเมื่อก่อน แต่กลิ่นอายที่ส่งออกมานั้นได้เปลี่ยนไป

        “แม่ยังไม่แก่ แม่ยังสามารถขยับตัวได้ นอกจากนี้ แม่ก็กำลังเก็บข้าวของตอนเด็กของเจ้าอยู่ หากให้คนอื่นทำแม่ไม่วางใจ” ลั่วหลานซือกล่าว

        หลังจากนั้น หลู่เส่าโหย่วก็ได้รับรู้ว่าตระกูลหลู่ยอมรับเงื่อนไขของเขาแล้ว ทำให้แม่ของเขาได้กลายเป็นนายหญิงของตระกูลหลู่ เมื่อมองดูรูปลักษณ์ของแม่ในตอนนี้ ในใจของหลู่เส่าโหย่วก็พรั่งพรูไปด้วยความสุข แต่ไม่ใช่เพราะเรื่องที่แม่ของเขาได้เป็นนายหญิงของตระกูลหลู่ การเป็นนายหญิงของตระกูลหลู่นั้นไม่นับเป็นอะไรเลยในสายตาของหลู่เส่าโหย่ว แต่มันกลับเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับแม่ของเขา

        สิ่งที่ทำให้หลู่เส่าโหย่วมีความสุขคือ ในที่สุดเขาก็สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของท่านแม่ได้แล้ว เขาสามารถทำให้ท่านไม่ต้องลำบากและได้รับความไม่เป็นธรรมอีก

        หลังจากพูดคุยกับท่านแม่ครู่หนึ่ง หลู่เส่าโหย่วก็วางแผนจะไปหาหลู่หวู๋ซวงที่อยู่เรือนข้างๆ เขาวางแผนที่จะเข้าไปยังหอเก็บวิชายุทธ์ แต่กลับไม่รู้จักทาง จึงต้องให้หลู่หวู๋ซวงนำทางไป ส่วนเรื่องหอเก็บวิชายุทธ์นั้น ในจิตใจของเขาไม่มีความทรงจำของมันเลยแม้แต่น้อย เขารู้แค่ว่ามันเป็นสถานที่ต้องห้ามของตระกูลหลู่ ถึงแม้จะเป็นลูกหลานของตระกูล แต่หากไม่ได้รับอนุญาต ก็จะไม่สามารถเข้าไปที่นั่นได้อย่างเด็ดขาด

        เรือนที่พักของหลู่หวู๋ซวงนั้นอยู่ติดกับเรือนของเขา ที่ลานด้านหน้ามีเรือนแบบนี้มากมาย ลูกหลานสายตรงล้วนมีเรือนเป็นของตนเอง

        เมื่อมาถึงเรือนของหลู่หวู๋ซวง หลู่เส่าโหย่วกลับไม่เห็นคนรับใช้สักคน เพราะหลู่หวู๋ซวงออกจากนิกายอวิ๋นหยางมาอยู่ที่ตระกูลไม่นาน เรือนหลังนี้จึงไม่มีคนรับใช้คอยดูแล

        “พี่หวู๋ซวง” หลู่เส่าโหย่วตะโกนขึ้นมาสองครั้งหลังเข้ามาภายในเรือน  เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตัดสินใจเดินเข้าไปข้างใน

        “พี่หวู๋ซวง ท่านอยู่หรือไม่?” หลู่เส่าโหย่วตะโกนเบาๆ

        “เส่าโหย่ว เจ้ามาได้อย่างไร เจ้ารอที่ด้านนอกสักครู่” เสียงตื่นตระหนกของหลู่หวู๋ซวงดังออกมาจากห้องหนึ่ง และจากนั้นก็มีเสียงน้ำดังออกมา

        “หรือว่าท่านกำลังอาบน้ำอยู่?” เมื่อได้ยินเสียงน้ำ หลู่เส่าโหย่วจึงพึมพำออกมา ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงตอนที่เขาอยู่ที่ลานด้านหลังในวันที่เขาถูกหลู่หวู๋ซวงเห็นทั้งหมด  หากตอนนี้เขาเปิดประตูเข้าไปเพื่อดู จะนับว่ายุติธรรมสำหรับตัวเองหรือไม่

        “เจ้าคนไร้ยางอาย” หลู่เส่าโหย่วก่นด่าตัวเองในใจ จากนั้นก็นั่งรอที่ห้องโถง แต่ในหัวกลับอดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพสาวงามที่พึ่งอาบน้ำเสร็จ ใต้ท้องน้อยของเขาจึงเริ่มมีปฏิกิริยาขึ้นมา

        “เส่าโหย่ว เจ้ามาทำไมอย่างนั้นหรือ?” หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ร่างของหลู่หวู๋ซวงก็ได้มาปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าของหลู่เส่าโหย่ว

        ‘นี่มันเป็นการราดน้ำมันลงบนกองไฟโดยแท้’ เมื่อมองไปยังร่างของนาง หลู่เส่าโหย่วก็ได้แอบคิดในใจ ในตอนนี้เขาเห็นเพียงแค่หลู่หวู๋ซวงที่ใส่ชุดเหมือนนางสนมสีน้ำเงิน ปล่อยผมสีดำที่เปียกปอนไว้ที่ไหล่ด้านหลังกับด้านหน้า นั่นทำให้นางดูมีเสน่ห์อย่างยิ่ง

        ผมของนางยาวถึงตรงหน้าอกพอดี คราบน้ำบนปลายผมทำให้กระโปรงยางสีน้ำเงินเปียก ส่วนที่เปียกนั้นทำให้เห็นส่วนโค้งภายใต้กระโปรงสีน้ำเงินที่เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ ซึ่งก็ยิ่งทำให้หลู่หวู๋ซวงดูมีเสน่ห์มากขึ้น

        ‘เหมือนว่าจะไม่ได้ใส่อะไร…’ หลู่เส่าโหย่วมองไปยังบริเวณที่ไม่ควรมอง และทันใดนั้นเขาก็คิดขึ้นมาได้ว่า หรือว่าบนโลกใบนี้จะยังไม่มีชุดชั้นในเหมือนกับชาติก่อนบนโลกของเขา และในตอนนี้เขาก็พึ่งจะได้เห็นฤดูใบไม้ผลินั้นกับตาของตัวเอง

        หลู่หวู๋ซวงในตอนนี้ดูขาวสะอาด นางไม่ได้มีการเสริมแต่งอะไรมากมาย แต่กลับทำให้มีเสน่ห์และยั่วยวนมากขึ้นเรื่อยๆ หลู่เส่าโหย่วไม่คิดเลยว่าหลู่หวู๋ซวงจะมีด้านที่ดูยั่วยวนถึงเพียงนี้ ผิวที่เหมือนดั่งครีมของนางยังมีร่องรอยของหยดน้ำจากปลายผม เอวบาง ส่วนโค้งที่ดูน่าดึงดูด และใบหน้าที่งดงามประณีต ทั้งหมดนั้นทำให้หลู่เส่าโหย่วที่อยู่ในวัยเลือดร้อนกำลังถูกล่อลวง

        หลู่เส่าโหย่วอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย มันน่าดึงดูดเกินไปจนทำให้อดไม่ได้จนกล่าวขึ้นมาเบาๆ ว่า “ใบหน้าที่น่ารักเปิดออกเพียงครึ่งหนึ่ง แต่กลับงดงามและมีชีวิตชีวา ในลานบ้าน หญิงงามเดินออกมาหลังจากอาบน้ำ และดูเหมือนธรรมชาติจะสนใจเป็นพิเศษ จึงสอนให้พระจันทร์ที่สดใสและผืนดินที่ทอดยาวได้อยู่ร่วมกัน มดทองและมดเขียวได้ดื่มเหล้าร่วมกัน ไม่มีใครแก้ตัวที่เมามาย ดอกไม้ดอกนี้ไม่เหมือนกับดอกอื่น”

        “เจ้าพูดอะไรกัน” หลู่หวู๋ซวงเอ่ยอย่างเขินอายพร้อมกับก้มหน้าลง นางบังเอิญเห็นว่าสายตาของหลู่เส่าโหย่วนั้นมองไปที่หน้าอกของนางตลอดเวลา และเมื่อนางมองลงไป ก็มีจุดสีขาวผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ที่หน้าอก ทันใดนั้น ใบหน้าที่น่ารักของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดงตั้งแต่คอไปจนถึงหูในทันที จากนั้นนางก็วิ่งเข้าไปในห้องด้วยความเขินอาย

        ‘หลู่เส่าโหย่ว เจ้าช่างไร้ยางอายเสียจริง’

 

        เมื่อเห็นการปฏิกิริยาของหลู่หวู๋ซวง หลู่เส่าโหย่วก็ได้ก่นด่าตัวเองในใจอีกครั้ง และจากนั้นก็ยิ้มออกมา เรื่องนี้ก็คงไม่นับเป็นอะไร ในเมื่อเขาถูกนางเห็นมาจนหมดแล้วเช่นกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ 54 ไปหาหลู่หวู๋ซวง

Now you are reading จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ Chapter 54 ไปหาหลู่หวู๋ซวง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        แต่ละขั้นนั้นมีความแตกต่างกันอย่างมาก ไม่ต้องพูดถึงความแตกต่างถึงสี่ขั้น และเมื่อระดับขั้นยิ่งสูงขึ้น ความแตกต่างก็ยิ่งมาก หากตอนนั้นเขาไม่ทำให้โจวไห่หมิงโกรธจนใช้พลังไปไม่น้อย จากนั้นในท้ายที่สุดก็อาศัยเกราะวิญญาณฟ้าครามเอาชนะมาอย่างโชคดี เขาก็คงจะไม่มีโอกาสชนะเลย

        “ทะลวงเพียงขั้นเดียว” ถึงแม้จะทะลวงมาได้หนึ่งขั้น แต่หลู่เส่าโหย่วกลับขมวดคิ้ว ในตอนแรกที่เขากินโอสถเจิ้งหยวนไปหนึ่งเม็ด เขาสามารถทะลวงได้ถึงสองขั้น จากนักรบขั้นหนึ่งเป็นนักรบขั้นสาม แต่ตอนนี้ที่เขาได้ใช้โอสถเจิ้งหยวนเม็ดที่สอง กลับทำให้เขาทะลวงมาเพียงขั้นเดียว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ยิ่งเขาทะลวงระดับที่สูงขึ้น เขาก็ยิ่งต้องใช้โอสถมากขึ้นอีก

        หากตอนนี้เขากินโอสถเจิ้งหยวนไปอีกเม็ด มันก็คงยากที่จะทะลวงไปถึงนักรบขั้นห้า ยิ่งไปกว่านั้น เขาเพิ่งขัดเกลาโอสถเจิ้งหยวนเข้าไป การบริโภคและการขัดเกลาก็ต้องใช้กระบวนการเช่นกัน หากกินโอสถเจิ้งหยวนต่อเนื่องกันย่อมเป็นการสิ้นเปลืองอย่างไม่ต้องสงสัย

        และหากต้องการใช้โอสถเจิ้งหยวนในการทะลวงระดับปรมาจารย์ ย่อมต้องใช้โอสถเจิ้งหยวนจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับเขาแล้วนี่คือการผลาญเหรียญทองจำนวนมาก

        ตอนนี้ตัวเขาเป็นนักรบขั้นสี่แล้ว แต่ในด้านพลังวิญญาณหลู่เส่าโหย่วสัมผัสได้ว่าเขายังเป็นเพียงนักรบขั้นหนึ่งเช่นเดิม โอสถเจิ้งหยวนเพิ่มพลังวิญญาณได้ไม่มากเท่ากับพลังลมปราณ ถ้าเขาต้องการที่จะเพิ่มพลังวิญญาณ ก็มีแต่ต้องหลอมโอสถอื่น หากยังพึ่งพาโอสถเจิ้งหยวนต่อไป เขาคงไม่สามารถทะลวงระดับลมปราณและวิญญาณพร้อมกันได้อย่างแน่นอน

        “ควรไปเตรียมตัวได้แล้ว นิกายอวิ๋นหยางมีสมบัติล้ำค่าอะไร ข้าลืมถามลุงหนานไปเลย” ลุงหนานให้เขาไปนิกายอวิ๋นหยาง แต่ตัวเขากลับไม่รู้ว่าต้องไปเอาอะไร หลู่เส่าโหย่วได้แต่คิดว่าวันหน้าต้องไปถามลุงหนานแล้ว

        หลังเก็บโอสถกับเตามังกรเพลิงเสร็จ หลู่เส่าโหย่วก็ออกจากห้องลับไป จากนั้นเขาก็เดินไปทางลานด้านหน้า การปิดด่านครั้งหนึ่งใช้เวลาไปถึงสิบสามวัน เกรงว่าท่านแม่คงกังวลแล้ว

        “คารวะนายน้อย” ตลอดทาง เมื่อคนรับใช้เห็นหลู่เส่าโหย่วก็จะทำความเคารพทันที ไม่มีใครกล้าดูถูกนายน้อยไร้ประโยชน์คนนี้อีกต่อไป สาวใช้บางคนถึงกับแสดงความต้องการทางสายตา เพราะถ้าหากนายน้อยถูกตาต้องใจพวกนาง เช่นนั้นชะตากรรมของพวกนางก็คงจะเปลี่ยนไปนับจากนี้

        เมื่อหลู่เส่าโหย่วกลับมาถึงเรือนที่อาศัย หลังเปิดประตูเข้าไป เขาก็เห็นคนรับใช้และสาวใช้กำลังทำความสะอาดเรือนกันอยู่

        “คารวะคุณชาย” มีข้ารับใช้ทั้งหมดห้าคน ชายสาม หญิงสอง ผู้หญิงมีอายุประมาณยี่สิบ เมื่อเห็นหลู่เส่าโหย่วก็รีบทำความเคารพในทันที และเพราะได้รับการสั่งสอนจากเสี่ยวไป๋ คำสรรพนามที่ปกติแล้วจะต้องเรียกว่านายน้อยจึงถูกเปลี่ยนเป็นคุณชายแทน

        หลู่เส่าโหย่วพยักหน้าเบาๆ หลู่เสี่ยวไป๋นับว่าฉลาดไม่น้อย หากผู้อื่นเรียกเขาว่านายน้อย เขาก็คงทำอะไรไม่ได้ เขาไม่สามารถไปบอกทุกคนว่าไม่ต้องเรียกเขาว่านายน้อยได้ แต่ไม่ใช่กับคนรับใช้ในเรือนของเขา การเรียกว่านายน้อยนั้นทำให้หลู่เส่าโหย่วฟังแล้วรู้สึกอึดอัดเสียจริง

        “คุณชาย ในที่สุดท่านก็กลับมา นายหญิงกังวลจะตายอยู่แล้ว” หลู่เสี่ยวไป๋กล่าว

        “เสี่ยวไป๋ แม่ข้าล่ะ?” หลู่เส่าโหย่วไม่รู้สึกแปลกใจ เขารู้ว่าท่านแม่จะต้องเป็นกังวลแน่

        “ข้ากำลังจัดของบางอย่างอยู่ เจ้าเด็กคนนี้ ออกไปครั้งหนึ่งก็ไปนานเช่นนี้ ข้าเป็นห่วงแทบตาย” ลั่วหลานซือเดินออกมาจากบ้าน ช่วงหลายวันมานี้นางกังวลใจอย่างมาก ตอนนี้เมื่อได้เห็นหลู่เส่าโหย่วนางถึงได้รู้สึกโล่งใจขึ้นมา

        “ท่านแม่ ท่านให้พวกคนรับใช้จัดการก็พอแล้ว ท่านไม่ต้องทำเองแล้ว” หลู่เส่าโหย่วกล่าวเบาๆ ท่านแม่ของเขามีสีหน้าท่าทางที่ดีขึ้น แม้จะสวมใส่ชุดธรรมดาเหมือนเมื่อก่อน แต่กลิ่นอายที่ส่งออกมานั้นได้เปลี่ยนไป

        “แม่ยังไม่แก่ แม่ยังสามารถขยับตัวได้ นอกจากนี้ แม่ก็กำลังเก็บข้าวของตอนเด็กของเจ้าอยู่ หากให้คนอื่นทำแม่ไม่วางใจ” ลั่วหลานซือกล่าว

        หลังจากนั้น หลู่เส่าโหย่วก็ได้รับรู้ว่าตระกูลหลู่ยอมรับเงื่อนไขของเขาแล้ว ทำให้แม่ของเขาได้กลายเป็นนายหญิงของตระกูลหลู่ เมื่อมองดูรูปลักษณ์ของแม่ในตอนนี้ ในใจของหลู่เส่าโหย่วก็พรั่งพรูไปด้วยความสุข แต่ไม่ใช่เพราะเรื่องที่แม่ของเขาได้เป็นนายหญิงของตระกูลหลู่ การเป็นนายหญิงของตระกูลหลู่นั้นไม่นับเป็นอะไรเลยในสายตาของหลู่เส่าโหย่ว แต่มันกลับเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับแม่ของเขา

        สิ่งที่ทำให้หลู่เส่าโหย่วมีความสุขคือ ในที่สุดเขาก็สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของท่านแม่ได้แล้ว เขาสามารถทำให้ท่านไม่ต้องลำบากและได้รับความไม่เป็นธรรมอีก

        หลังจากพูดคุยกับท่านแม่ครู่หนึ่ง หลู่เส่าโหย่วก็วางแผนจะไปหาหลู่หวู๋ซวงที่อยู่เรือนข้างๆ เขาวางแผนที่จะเข้าไปยังหอเก็บวิชายุทธ์ แต่กลับไม่รู้จักทาง จึงต้องให้หลู่หวู๋ซวงนำทางไป ส่วนเรื่องหอเก็บวิชายุทธ์นั้น ในจิตใจของเขาไม่มีความทรงจำของมันเลยแม้แต่น้อย เขารู้แค่ว่ามันเป็นสถานที่ต้องห้ามของตระกูลหลู่ ถึงแม้จะเป็นลูกหลานของตระกูล แต่หากไม่ได้รับอนุญาต ก็จะไม่สามารถเข้าไปที่นั่นได้อย่างเด็ดขาด

        เรือนที่พักของหลู่หวู๋ซวงนั้นอยู่ติดกับเรือนของเขา ที่ลานด้านหน้ามีเรือนแบบนี้มากมาย ลูกหลานสายตรงล้วนมีเรือนเป็นของตนเอง

        เมื่อมาถึงเรือนของหลู่หวู๋ซวง หลู่เส่าโหย่วกลับไม่เห็นคนรับใช้สักคน เพราะหลู่หวู๋ซวงออกจากนิกายอวิ๋นหยางมาอยู่ที่ตระกูลไม่นาน เรือนหลังนี้จึงไม่มีคนรับใช้คอยดูแล

        “พี่หวู๋ซวง” หลู่เส่าโหย่วตะโกนขึ้นมาสองครั้งหลังเข้ามาภายในเรือน  เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตัดสินใจเดินเข้าไปข้างใน

        “พี่หวู๋ซวง ท่านอยู่หรือไม่?” หลู่เส่าโหย่วตะโกนเบาๆ

        “เส่าโหย่ว เจ้ามาได้อย่างไร เจ้ารอที่ด้านนอกสักครู่” เสียงตื่นตระหนกของหลู่หวู๋ซวงดังออกมาจากห้องหนึ่ง และจากนั้นก็มีเสียงน้ำดังออกมา

        “หรือว่าท่านกำลังอาบน้ำอยู่?” เมื่อได้ยินเสียงน้ำ หลู่เส่าโหย่วจึงพึมพำออกมา ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงตอนที่เขาอยู่ที่ลานด้านหลังในวันที่เขาถูกหลู่หวู๋ซวงเห็นทั้งหมด  หากตอนนี้เขาเปิดประตูเข้าไปเพื่อดู จะนับว่ายุติธรรมสำหรับตัวเองหรือไม่

        “เจ้าคนไร้ยางอาย” หลู่เส่าโหย่วก่นด่าตัวเองในใจ จากนั้นก็นั่งรอที่ห้องโถง แต่ในหัวกลับอดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพสาวงามที่พึ่งอาบน้ำเสร็จ ใต้ท้องน้อยของเขาจึงเริ่มมีปฏิกิริยาขึ้นมา

        “เส่าโหย่ว เจ้ามาทำไมอย่างนั้นหรือ?” หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ร่างของหลู่หวู๋ซวงก็ได้มาปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าของหลู่เส่าโหย่ว

        ‘นี่มันเป็นการราดน้ำมันลงบนกองไฟโดยแท้’ เมื่อมองไปยังร่างของนาง หลู่เส่าโหย่วก็ได้แอบคิดในใจ ในตอนนี้เขาเห็นเพียงแค่หลู่หวู๋ซวงที่ใส่ชุดเหมือนนางสนมสีน้ำเงิน ปล่อยผมสีดำที่เปียกปอนไว้ที่ไหล่ด้านหลังกับด้านหน้า นั่นทำให้นางดูมีเสน่ห์อย่างยิ่ง

        ผมของนางยาวถึงตรงหน้าอกพอดี คราบน้ำบนปลายผมทำให้กระโปรงยางสีน้ำเงินเปียก ส่วนที่เปียกนั้นทำให้เห็นส่วนโค้งภายใต้กระโปรงสีน้ำเงินที่เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ ซึ่งก็ยิ่งทำให้หลู่หวู๋ซวงดูมีเสน่ห์มากขึ้น

        ‘เหมือนว่าจะไม่ได้ใส่อะไร…’ หลู่เส่าโหย่วมองไปยังบริเวณที่ไม่ควรมอง และทันใดนั้นเขาก็คิดขึ้นมาได้ว่า หรือว่าบนโลกใบนี้จะยังไม่มีชุดชั้นในเหมือนกับชาติก่อนบนโลกของเขา และในตอนนี้เขาก็พึ่งจะได้เห็นฤดูใบไม้ผลินั้นกับตาของตัวเอง

        หลู่หวู๋ซวงในตอนนี้ดูขาวสะอาด นางไม่ได้มีการเสริมแต่งอะไรมากมาย แต่กลับทำให้มีเสน่ห์และยั่วยวนมากขึ้นเรื่อยๆ หลู่เส่าโหย่วไม่คิดเลยว่าหลู่หวู๋ซวงจะมีด้านที่ดูยั่วยวนถึงเพียงนี้ ผิวที่เหมือนดั่งครีมของนางยังมีร่องรอยของหยดน้ำจากปลายผม เอวบาง ส่วนโค้งที่ดูน่าดึงดูด และใบหน้าที่งดงามประณีต ทั้งหมดนั้นทำให้หลู่เส่าโหย่วที่อยู่ในวัยเลือดร้อนกำลังถูกล่อลวง

        หลู่เส่าโหย่วอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย มันน่าดึงดูดเกินไปจนทำให้อดไม่ได้จนกล่าวขึ้นมาเบาๆ ว่า “ใบหน้าที่น่ารักเปิดออกเพียงครึ่งหนึ่ง แต่กลับงดงามและมีชีวิตชีวา ในลานบ้าน หญิงงามเดินออกมาหลังจากอาบน้ำ และดูเหมือนธรรมชาติจะสนใจเป็นพิเศษ จึงสอนให้พระจันทร์ที่สดใสและผืนดินที่ทอดยาวได้อยู่ร่วมกัน มดทองและมดเขียวได้ดื่มเหล้าร่วมกัน ไม่มีใครแก้ตัวที่เมามาย ดอกไม้ดอกนี้ไม่เหมือนกับดอกอื่น”

        “เจ้าพูดอะไรกัน” หลู่หวู๋ซวงเอ่ยอย่างเขินอายพร้อมกับก้มหน้าลง นางบังเอิญเห็นว่าสายตาของหลู่เส่าโหย่วนั้นมองไปที่หน้าอกของนางตลอดเวลา และเมื่อนางมองลงไป ก็มีจุดสีขาวผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ที่หน้าอก ทันใดนั้น ใบหน้าที่น่ารักของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดงตั้งแต่คอไปจนถึงหูในทันที จากนั้นนางก็วิ่งเข้าไปในห้องด้วยความเขินอาย

        ‘หลู่เส่าโหย่ว เจ้าช่างไร้ยางอายเสียจริง’

 

        เมื่อเห็นการปฏิกิริยาของหลู่หวู๋ซวง หลู่เส่าโหย่วก็ได้ก่นด่าตัวเองในใจอีกครั้ง และจากนั้นก็ยิ้มออกมา เรื่องนี้ก็คงไม่นับเป็นอะไร ในเมื่อเขาถูกนางเห็นมาจนหมดแล้วเช่นกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ 54 ไปหาหลู่หวู๋ซวง

Now you are reading จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ Chapter 54 ไปหาหลู่หวู๋ซวง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        แต่ละขั้นนั้นมีความแตกต่างกันอย่างมาก ไม่ต้องพูดถึงความแตกต่างถึงสี่ขั้น และเมื่อระดับขั้นยิ่งสูงขึ้น ความแตกต่างก็ยิ่งมาก หากตอนนั้นเขาไม่ทำให้โจวไห่หมิงโกรธจนใช้พลังไปไม่น้อย จากนั้นในท้ายที่สุดก็อาศัยเกราะวิญญาณฟ้าครามเอาชนะมาอย่างโชคดี เขาก็คงจะไม่มีโอกาสชนะเลย

        “ทะลวงเพียงขั้นเดียว” ถึงแม้จะทะลวงมาได้หนึ่งขั้น แต่หลู่เส่าโหย่วกลับขมวดคิ้ว ในตอนแรกที่เขากินโอสถเจิ้งหยวนไปหนึ่งเม็ด เขาสามารถทะลวงได้ถึงสองขั้น จากนักรบขั้นหนึ่งเป็นนักรบขั้นสาม แต่ตอนนี้ที่เขาได้ใช้โอสถเจิ้งหยวนเม็ดที่สอง กลับทำให้เขาทะลวงมาเพียงขั้นเดียว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ยิ่งเขาทะลวงระดับที่สูงขึ้น เขาก็ยิ่งต้องใช้โอสถมากขึ้นอีก

        หากตอนนี้เขากินโอสถเจิ้งหยวนไปอีกเม็ด มันก็คงยากที่จะทะลวงไปถึงนักรบขั้นห้า ยิ่งไปกว่านั้น เขาเพิ่งขัดเกลาโอสถเจิ้งหยวนเข้าไป การบริโภคและการขัดเกลาก็ต้องใช้กระบวนการเช่นกัน หากกินโอสถเจิ้งหยวนต่อเนื่องกันย่อมเป็นการสิ้นเปลืองอย่างไม่ต้องสงสัย

        และหากต้องการใช้โอสถเจิ้งหยวนในการทะลวงระดับปรมาจารย์ ย่อมต้องใช้โอสถเจิ้งหยวนจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับเขาแล้วนี่คือการผลาญเหรียญทองจำนวนมาก

        ตอนนี้ตัวเขาเป็นนักรบขั้นสี่แล้ว แต่ในด้านพลังวิญญาณหลู่เส่าโหย่วสัมผัสได้ว่าเขายังเป็นเพียงนักรบขั้นหนึ่งเช่นเดิม โอสถเจิ้งหยวนเพิ่มพลังวิญญาณได้ไม่มากเท่ากับพลังลมปราณ ถ้าเขาต้องการที่จะเพิ่มพลังวิญญาณ ก็มีแต่ต้องหลอมโอสถอื่น หากยังพึ่งพาโอสถเจิ้งหยวนต่อไป เขาคงไม่สามารถทะลวงระดับลมปราณและวิญญาณพร้อมกันได้อย่างแน่นอน

        “ควรไปเตรียมตัวได้แล้ว นิกายอวิ๋นหยางมีสมบัติล้ำค่าอะไร ข้าลืมถามลุงหนานไปเลย” ลุงหนานให้เขาไปนิกายอวิ๋นหยาง แต่ตัวเขากลับไม่รู้ว่าต้องไปเอาอะไร หลู่เส่าโหย่วได้แต่คิดว่าวันหน้าต้องไปถามลุงหนานแล้ว

        หลังเก็บโอสถกับเตามังกรเพลิงเสร็จ หลู่เส่าโหย่วก็ออกจากห้องลับไป จากนั้นเขาก็เดินไปทางลานด้านหน้า การปิดด่านครั้งหนึ่งใช้เวลาไปถึงสิบสามวัน เกรงว่าท่านแม่คงกังวลแล้ว

        “คารวะนายน้อย” ตลอดทาง เมื่อคนรับใช้เห็นหลู่เส่าโหย่วก็จะทำความเคารพทันที ไม่มีใครกล้าดูถูกนายน้อยไร้ประโยชน์คนนี้อีกต่อไป สาวใช้บางคนถึงกับแสดงความต้องการทางสายตา เพราะถ้าหากนายน้อยถูกตาต้องใจพวกนาง เช่นนั้นชะตากรรมของพวกนางก็คงจะเปลี่ยนไปนับจากนี้

        เมื่อหลู่เส่าโหย่วกลับมาถึงเรือนที่อาศัย หลังเปิดประตูเข้าไป เขาก็เห็นคนรับใช้และสาวใช้กำลังทำความสะอาดเรือนกันอยู่

        “คารวะคุณชาย” มีข้ารับใช้ทั้งหมดห้าคน ชายสาม หญิงสอง ผู้หญิงมีอายุประมาณยี่สิบ เมื่อเห็นหลู่เส่าโหย่วก็รีบทำความเคารพในทันที และเพราะได้รับการสั่งสอนจากเสี่ยวไป๋ คำสรรพนามที่ปกติแล้วจะต้องเรียกว่านายน้อยจึงถูกเปลี่ยนเป็นคุณชายแทน

        หลู่เส่าโหย่วพยักหน้าเบาๆ หลู่เสี่ยวไป๋นับว่าฉลาดไม่น้อย หากผู้อื่นเรียกเขาว่านายน้อย เขาก็คงทำอะไรไม่ได้ เขาไม่สามารถไปบอกทุกคนว่าไม่ต้องเรียกเขาว่านายน้อยได้ แต่ไม่ใช่กับคนรับใช้ในเรือนของเขา การเรียกว่านายน้อยนั้นทำให้หลู่เส่าโหย่วฟังแล้วรู้สึกอึดอัดเสียจริง

        “คุณชาย ในที่สุดท่านก็กลับมา นายหญิงกังวลจะตายอยู่แล้ว” หลู่เสี่ยวไป๋กล่าว

        “เสี่ยวไป๋ แม่ข้าล่ะ?” หลู่เส่าโหย่วไม่รู้สึกแปลกใจ เขารู้ว่าท่านแม่จะต้องเป็นกังวลแน่

        “ข้ากำลังจัดของบางอย่างอยู่ เจ้าเด็กคนนี้ ออกไปครั้งหนึ่งก็ไปนานเช่นนี้ ข้าเป็นห่วงแทบตาย” ลั่วหลานซือเดินออกมาจากบ้าน ช่วงหลายวันมานี้นางกังวลใจอย่างมาก ตอนนี้เมื่อได้เห็นหลู่เส่าโหย่วนางถึงได้รู้สึกโล่งใจขึ้นมา

        “ท่านแม่ ท่านให้พวกคนรับใช้จัดการก็พอแล้ว ท่านไม่ต้องทำเองแล้ว” หลู่เส่าโหย่วกล่าวเบาๆ ท่านแม่ของเขามีสีหน้าท่าทางที่ดีขึ้น แม้จะสวมใส่ชุดธรรมดาเหมือนเมื่อก่อน แต่กลิ่นอายที่ส่งออกมานั้นได้เปลี่ยนไป

        “แม่ยังไม่แก่ แม่ยังสามารถขยับตัวได้ นอกจากนี้ แม่ก็กำลังเก็บข้าวของตอนเด็กของเจ้าอยู่ หากให้คนอื่นทำแม่ไม่วางใจ” ลั่วหลานซือกล่าว

        หลังจากนั้น หลู่เส่าโหย่วก็ได้รับรู้ว่าตระกูลหลู่ยอมรับเงื่อนไขของเขาแล้ว ทำให้แม่ของเขาได้กลายเป็นนายหญิงของตระกูลหลู่ เมื่อมองดูรูปลักษณ์ของแม่ในตอนนี้ ในใจของหลู่เส่าโหย่วก็พรั่งพรูไปด้วยความสุข แต่ไม่ใช่เพราะเรื่องที่แม่ของเขาได้เป็นนายหญิงของตระกูลหลู่ การเป็นนายหญิงของตระกูลหลู่นั้นไม่นับเป็นอะไรเลยในสายตาของหลู่เส่าโหย่ว แต่มันกลับเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับแม่ของเขา

        สิ่งที่ทำให้หลู่เส่าโหย่วมีความสุขคือ ในที่สุดเขาก็สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของท่านแม่ได้แล้ว เขาสามารถทำให้ท่านไม่ต้องลำบากและได้รับความไม่เป็นธรรมอีก

        หลังจากพูดคุยกับท่านแม่ครู่หนึ่ง หลู่เส่าโหย่วก็วางแผนจะไปหาหลู่หวู๋ซวงที่อยู่เรือนข้างๆ เขาวางแผนที่จะเข้าไปยังหอเก็บวิชายุทธ์ แต่กลับไม่รู้จักทาง จึงต้องให้หลู่หวู๋ซวงนำทางไป ส่วนเรื่องหอเก็บวิชายุทธ์นั้น ในจิตใจของเขาไม่มีความทรงจำของมันเลยแม้แต่น้อย เขารู้แค่ว่ามันเป็นสถานที่ต้องห้ามของตระกูลหลู่ ถึงแม้จะเป็นลูกหลานของตระกูล แต่หากไม่ได้รับอนุญาต ก็จะไม่สามารถเข้าไปที่นั่นได้อย่างเด็ดขาด

        เรือนที่พักของหลู่หวู๋ซวงนั้นอยู่ติดกับเรือนของเขา ที่ลานด้านหน้ามีเรือนแบบนี้มากมาย ลูกหลานสายตรงล้วนมีเรือนเป็นของตนเอง

        เมื่อมาถึงเรือนของหลู่หวู๋ซวง หลู่เส่าโหย่วกลับไม่เห็นคนรับใช้สักคน เพราะหลู่หวู๋ซวงออกจากนิกายอวิ๋นหยางมาอยู่ที่ตระกูลไม่นาน เรือนหลังนี้จึงไม่มีคนรับใช้คอยดูแล

        “พี่หวู๋ซวง” หลู่เส่าโหย่วตะโกนขึ้นมาสองครั้งหลังเข้ามาภายในเรือน  เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตัดสินใจเดินเข้าไปข้างใน

        “พี่หวู๋ซวง ท่านอยู่หรือไม่?” หลู่เส่าโหย่วตะโกนเบาๆ

        “เส่าโหย่ว เจ้ามาได้อย่างไร เจ้ารอที่ด้านนอกสักครู่” เสียงตื่นตระหนกของหลู่หวู๋ซวงดังออกมาจากห้องหนึ่ง และจากนั้นก็มีเสียงน้ำดังออกมา

        “หรือว่าท่านกำลังอาบน้ำอยู่?” เมื่อได้ยินเสียงน้ำ หลู่เส่าโหย่วจึงพึมพำออกมา ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงตอนที่เขาอยู่ที่ลานด้านหลังในวันที่เขาถูกหลู่หวู๋ซวงเห็นทั้งหมด  หากตอนนี้เขาเปิดประตูเข้าไปเพื่อดู จะนับว่ายุติธรรมสำหรับตัวเองหรือไม่

        “เจ้าคนไร้ยางอาย” หลู่เส่าโหย่วก่นด่าตัวเองในใจ จากนั้นก็นั่งรอที่ห้องโถง แต่ในหัวกลับอดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพสาวงามที่พึ่งอาบน้ำเสร็จ ใต้ท้องน้อยของเขาจึงเริ่มมีปฏิกิริยาขึ้นมา

        “เส่าโหย่ว เจ้ามาทำไมอย่างนั้นหรือ?” หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ร่างของหลู่หวู๋ซวงก็ได้มาปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าของหลู่เส่าโหย่ว

        ‘นี่มันเป็นการราดน้ำมันลงบนกองไฟโดยแท้’ เมื่อมองไปยังร่างของนาง หลู่เส่าโหย่วก็ได้แอบคิดในใจ ในตอนนี้เขาเห็นเพียงแค่หลู่หวู๋ซวงที่ใส่ชุดเหมือนนางสนมสีน้ำเงิน ปล่อยผมสีดำที่เปียกปอนไว้ที่ไหล่ด้านหลังกับด้านหน้า นั่นทำให้นางดูมีเสน่ห์อย่างยิ่ง

        ผมของนางยาวถึงตรงหน้าอกพอดี คราบน้ำบนปลายผมทำให้กระโปรงยางสีน้ำเงินเปียก ส่วนที่เปียกนั้นทำให้เห็นส่วนโค้งภายใต้กระโปรงสีน้ำเงินที่เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ ซึ่งก็ยิ่งทำให้หลู่หวู๋ซวงดูมีเสน่ห์มากขึ้น

        ‘เหมือนว่าจะไม่ได้ใส่อะไร…’ หลู่เส่าโหย่วมองไปยังบริเวณที่ไม่ควรมอง และทันใดนั้นเขาก็คิดขึ้นมาได้ว่า หรือว่าบนโลกใบนี้จะยังไม่มีชุดชั้นในเหมือนกับชาติก่อนบนโลกของเขา และในตอนนี้เขาก็พึ่งจะได้เห็นฤดูใบไม้ผลินั้นกับตาของตัวเอง

        หลู่หวู๋ซวงในตอนนี้ดูขาวสะอาด นางไม่ได้มีการเสริมแต่งอะไรมากมาย แต่กลับทำให้มีเสน่ห์และยั่วยวนมากขึ้นเรื่อยๆ หลู่เส่าโหย่วไม่คิดเลยว่าหลู่หวู๋ซวงจะมีด้านที่ดูยั่วยวนถึงเพียงนี้ ผิวที่เหมือนดั่งครีมของนางยังมีร่องรอยของหยดน้ำจากปลายผม เอวบาง ส่วนโค้งที่ดูน่าดึงดูด และใบหน้าที่งดงามประณีต ทั้งหมดนั้นทำให้หลู่เส่าโหย่วที่อยู่ในวัยเลือดร้อนกำลังถูกล่อลวง

        หลู่เส่าโหย่วอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย มันน่าดึงดูดเกินไปจนทำให้อดไม่ได้จนกล่าวขึ้นมาเบาๆ ว่า “ใบหน้าที่น่ารักเปิดออกเพียงครึ่งหนึ่ง แต่กลับงดงามและมีชีวิตชีวา ในลานบ้าน หญิงงามเดินออกมาหลังจากอาบน้ำ และดูเหมือนธรรมชาติจะสนใจเป็นพิเศษ จึงสอนให้พระจันทร์ที่สดใสและผืนดินที่ทอดยาวได้อยู่ร่วมกัน มดทองและมดเขียวได้ดื่มเหล้าร่วมกัน ไม่มีใครแก้ตัวที่เมามาย ดอกไม้ดอกนี้ไม่เหมือนกับดอกอื่น”

        “เจ้าพูดอะไรกัน” หลู่หวู๋ซวงเอ่ยอย่างเขินอายพร้อมกับก้มหน้าลง นางบังเอิญเห็นว่าสายตาของหลู่เส่าโหย่วนั้นมองไปที่หน้าอกของนางตลอดเวลา และเมื่อนางมองลงไป ก็มีจุดสีขาวผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ที่หน้าอก ทันใดนั้น ใบหน้าที่น่ารักของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดงตั้งแต่คอไปจนถึงหูในทันที จากนั้นนางก็วิ่งเข้าไปในห้องด้วยความเขินอาย

        ‘หลู่เส่าโหย่ว เจ้าช่างไร้ยางอายเสียจริง’

 

        เมื่อเห็นการปฏิกิริยาของหลู่หวู๋ซวง หลู่เส่าโหย่วก็ได้ก่นด่าตัวเองในใจอีกครั้ง และจากนั้นก็ยิ้มออกมา เรื่องนี้ก็คงไม่นับเป็นอะไร ในเมื่อเขาถูกนางเห็นมาจนหมดแล้วเช่นกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+