จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ 36 โอสถเจิ้งหยวน

Now you are reading จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ Chapter 36 โอสถเจิ้งหยวน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “ดูเหมือนว่าเบื้องหลังของคนผู้นี้จะมีความลับอยู่ พวกเราจะต้องให้ความสนใจเขามากขึ้นอีกในอนาคต” กูตู๋ปิงหลันกล่าว

        “เทียนเป่าเหมินพยายามดึงข้าเข้าไปเป็นพวกตลอด พวกนั้นเห็นอะไรในตัวข้ากัน” หลู่เส่าโหย่วเอาแต่คิดเรื่องนี้ตลอดทาง ลุงหนานเคยบอกเอาไว้ว่าภูมิหลังของเทียนเป่าเหมินนั้นไม่ธรรมดา

        “ลืมมันไป เรามาตั้งใจชำระหนี้ดีกว่า” หลู่เส่าโหย่วมองสมุนไพรที่อยู่ในมือ เขาต้องการหลอมโอสถเสริมพลังห้าสิบเม็ดเพื่อนำมาใช้ชำระหนี้ ส่วนสมุนไพรอีกสองชุด คือสมุนไพรสำหรับหลอมโอสถขั้นสอง นั่นก็คือโอสถเจิ้งหยวน มันเป็นหนึ่งในสูตรโอสถจากแผ่นหยกที่ลุงหนานให้เขามา

        เมื่อหลู่เส่าโหย่วเปิดแผ่นหยกที่ลุงหนานให้ ด้านในนั้นก็ได้มีบันทึกของสูตรโอสถและความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรมากมาย มันเป็นเหมือนกับประวัติของโอสถทั้งหมด ช่างมีค่ายิ่งนัก

        โอสถขั้นสองที่ชื่อว่าโอสถเจิ้งหยวนนั้น มีผลช่วยเพิ่มพลังลมปราณ และในเวลาเดียวกันยังสามารถเพิ่มพลังวิญญาณด้วยเล็กน้อย นี่คือสิ่งที่หลู่เส่าโหย่วกำลังต้องการ ตัวเขาที่บ่มเพาะด้วยทักษะวิญญาณหยินหยางจะต้องทะลวงระดับพลังลมปราณและพลังวิญญาณพร้อมกัน ไม่อย่างนั้นแล้วเขาจะมีปัญหา

        หลู่เส่าโหย่วได้คิดเอาไว้แล้วว่าเขาจะอยู่ในตระกูลหลู่เพื่อหลอมโอสถ ส่วนสถานที่นั้น ห้องลับในห้องเก็บฟืนก็ถือว่ากำลังดี เพราะอย่างไรลุงหนานก็ไม่ได้ใช้ห้องลับนั้น หากเขายืมใช้สักหน่อยก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ถ้าอยู่ในห้องลับ เขาก็จะได้หลอมโอสถอย่างสบายใจ

        “เสี่ยวหลง ข้าจะต้องปิดด่านเพื่อหลอมโอสถหลายวัน ดังนั้น หลายวันนี้เจ้าก็ไปอยู่ที่หุบเขาด้านหลังก่อน จะได้ไม่หิว” ก่อนจะกลับไปยังคฤหาสน์ของตระกูล หลู่เส่าโหย่วก็ได้นำเสี่ยวหลงไปปล่อยไว้ที่หุบเขาด้านหลัง ในตอนนี้ปริมาณการกินของเสี่ยวหลงเยอะขึ้นมาก คงจะไม่สามาถอดอาหาร ไม่ให้เสี่ยวหลงได้กินอะไรตลอดทั้งวันได้

        “ฟ่อฟ่อ…”

        เสี่ยวหลงเข้าใจสิ่งที่หลู่เส่าโหย่วกล่าว มันแลบลิ้นออกและเงยหัวขึ้นมองหลู่เส่าโหย่วอย่างสนิทสนม จากนั้นก็เลื้อยออกจากมือของหลู่เส่าโหย่วและมุ่งหน้าไปทางหุบเขาด้านหลัง

        เมื่อเห็นเสี่ยวหลงลับหายไป หลู่เส่าโหย่วก็กลับเข้าไปในตระกูลหลู่ ภายในลานด้านหลังนั้น เขาก็ได้พบกับคนรับใช้จำนวนไม่น้อย ปกติคนรับใช้เหล่านี้จะทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน บ้างก็ไม่ยอมมองเขาตรงๆ ทว่าวันนี้ เมื่อคนรับใช้แต่ละคนได้เห็นเขาก็รีบถอยหลังให้เขาเดินไปก่อนในทันที บางคนก็ถึงกับก้มหัวลงอย่างตื่นตระหนก ราวกับกลัวว่าเขาจะเข้าไปทำร้าย

        “ได้ยินมาว่าผู้ดูแลใหญ่จ้าวบาดเจ็บสาหัส”

        “ยิ่งไปกว่านั้น เสี่ยวหลันยังถูกทุบตีจนจะบอกว่าเป็นคนก็ไม่เหมือนคน จะบอกว่าเป็นผีก็ไม่เหมือนผี ส่วนผู้ดูแลจ้าวซานก็โดนฆ่าตายอีก”

                 

        “ดูเหมือนว่าเขาจะถูกย้ายไปอยู่ลานด้านหน้าไม่ช้าก็เร็ว แล้วจากนั้นเขาก็จะกลายเป็นนายน้อยที่แท้จริงของตระกูลหลู่”

        “ยังดีที่ในอดีตข้าไม่เคยมีปัญหากับมัน ดูเสี่ยวหลันสิ ถูกทุบตีอย่างอนาถ เกรงว่าแม้แต่แม่ของนางก็ยังจำนางไม่ได้เลย”

        “เมื่อก่อนข้าเคยหัวเราะเยาะมัน มันจะมาล้างแค้นข้าหรือไม่ คราวนี้ข้าซวยแน่”

        หลู่เส่าโหย่วเหยียดยิ้มบางเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่พวกคนรับใช้กำลังพูดคุยกัน นี่คือตัวอย่างจิตใจของพวกคนรับใช้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนพวกนี้จะเป็นคนรับใช้ไปตลอดชีวิต กับคนเหล่านี้ ไม่มีอะไรที่เขาจะต้องสนใจ

        หลังกลับมาถึงลานบ้าน หลู่เส่าโหย่วก็ต้องประหลาดใจ หลู่หวู๋ซวงกับหลู่เสี่ยวไป๋ได้มาอยู่ในลานบ้านของเขา และดูเหมือนว่าหลู่หวู๋ซวงจะคอยดูหลู่เสี่ยวไป๋ที่กำลังขนของอยู่

        “เสี่ยวไป๋ ขนเสร็จหมดหรือยัง” หลู่หวู๋ซวงเอ่ยถามขึ้น

        “คุณหนูหวู๋ซวง ข้าขนเสร็จหมดแล้ว” หลู่เสี่ยวไป๋ตอบด้วยความเหน็ดเหนื่อย หากไม่ใช่เพราะว่าเขาได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว ตอนนี้เขาคงได้เหนื่อยตายแน่

        “พี่หวู๋ซวง ท่านกำลังทำอะไร?” หลู่เส่าโหย่วถามขึ้นมาอย่างสงสัย

        “เส่าโหย่ว ที่นี่เหลือห้องว่างอยู่หนึ่งห้อง หวู๋ซวงเอาแต่ยืนกรานว่านางจะย้ายเข้ามา” ลั่วหลานซือที่เดินออกมาจากในห้องได้ตอบคำถามนั้นแทน

        “ย้ายเข้ามา” หลู่เส่าโหย่วกล่าวด้วยความประหลาดใจ “พี่หวู๋ซวง เรื่องที่ท่านย้ายเข้ามานี้ลุงใหญ่รู้หรือไม่ ที่นี่เทียบอะไรไม่ได้กับลานด้านหน้าเลย ท่านจะย้ายมาทำไม”

        “ท่านพ่อรู้ ข้าอยากจะย้ายเข้ามาเพื่อคอยดูเจ้า มีข้าอยู่ หากมีคนอยากจะเข้ามาทำร้ายเจ้าก็จะไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้นแล้ว”

        “พี่หวู๋ซวงได้โปรดวางใจ ข้าสามารถดูแลตัวเองได้ ท่านย้ายกลับไปลานด้านหน้าเถอะ ที่นี่ไม่เหมาะกับท่าน”  หลู่เส่าโหย่วกล่าว

        “หมายความว่าอย่างไรที่ว่าไม่เหมาะกับข้า ข้าคิดว่าที่แห่งนี้ก็ไม่เลว หลู่เสี่ยวไป๋ ช่วยข้าย้ายของทุกอย่างเข้าไปในห้อง” หลู่หวู๋ซวงยิ้มบางๆ และเดินเข้าไปในลานบ้าน

        “ขอรับ คุณหนูหวู๋ซวง” หลู่เสี่ยวไป๋ตอบรับเบาๆ จากนั้นก็ยกกล่องใบใหญ่เข้าไปในลานบ้าน

        หลู่เส่าโหย่วยืนอยู่ในลานบ้านแล้วยิ้มด้วยความขมขื่น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็วางใจได้เรื่องหนึ่ง เขากำลังจะปิดด่าน แต่กระนั้นเขาก็ไม่สามารถปล่อยให้ท่านแม่อยู่คนเดียวได้ ตอนนี้มีหลู่หวู๋ซวงมาอยู่ด้วยแล้ว เขาก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีก สามารถปิดด่านได้อย่างวางใจ

        “เส่าโหย่ว พี่หวู๋ซวงของเจ้าย้ายเข้ามาก็ดีแล้ว เจ้าล่ะ เจ้าหิวข้าวหรือยัง ข้าจะไปทำอะไรให้เจ้ากิน” ลั่วหลานซือกล่าวกับหลู่เส่าโหย่ว

        “ท่ามแม่ ข้ามีเรื่องต้องออกไปข้างนอกสักพัก คาดว่าคงต้องใช้เวลาสักห้าหกวันถึงจะกลับมา” หลู่เส่าโหย่วกล่าว

        “ออกไปข้างนอกอย่างนั้นหรือ แล้วยังนานขนาดนี้ อีกไม่กี่วันก็ปีใหม่แล้ว เจ้าจะไปไหนหรือ?” ลั่วหลานซือถามลูกชายด้วยความกังวล

        “เส่าโหย่ว เจ้าจะไปไหน ให้ข้าไปกับเจ้าเถอะ” หลู่หวู๋ซวงที่พึ่งเดินออกมา เมื่อนางได้ยินว่าหลู่เส่าโหย่วจะออกไปข้างนอกหลายวันก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา

        “พี่หวู๋ซวง ข้าออกไปไม่ไกล และมันไม่อันตราย  ข้ามีเรื่องที่ต้องทำ อีกไม่กี่วันเดี๋ยวข้าก็กลับมา หลายวันนี้ฝากท่านดูแลท่านแม่ของข้าด้วย” หลู่เส่าโหย่วกล่าว

        “แต่ถ้าเจ้าออกไปตอนนี้ อาจจะพบเจออันตรายได้” หลู่หวู๋ซวงกล่าว

        “วางใจเถอะ ข้าจะไม่เป็นไร” หลังหลู่เส่าโหย่วกล่าวจบ เขาก็เดินออกมาจากลานบ้าน เรื่องห้องลับกับเรื่องที่ตัวเขาเป็นผู้ฝึกวิญญาณ เขาจะไม่เปิดเผยมันอย่างแน่นอน

        “เส่าโหย่ว ลูกคนนี้…” ลั่วหลานซือกล่าวด้วยความกังวล

        “ป้าสาม เส่าโหย่วได้มีการเตรียมการเอาไว้แล้ว ดังนั้นพวกเราก็ไม่ต้องกังวลมากเกินไป” เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของหลู่เส่าโหย่ว ถึงแม้นางจะกังวล แต่นางก็เชื่อมั่นในตัวหลู่เส่าโหย่วอย่างมาก

        หลังจากเดินผ่านทางเดินมาหลายทาง หลู่เส่าโหย่วก็มาถึงบริเวณห้องเก็บฟืน เขาสอดส่องบริเวณรอบๆ ราวกับว่าเป็นโจร หลังจากตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่ารอบๆ ไม่มีคน เขาก็รีบเข้าไปในห้องเก็บฟืนทันที

        ปกติห้องเก็บฟืนนั้นก็ไม่ค่อยจะมีใครเข้ามาอยู่แล้ว หลู่เส่าโหย่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นเขาก็เปิดห้องลับแล้วเข้าไป

        “หลู่เส่าโหย่ว เจ้ามาทำอะไร” เมื่อหลู่เส่าโหย่วเข้าไปในห้องลับ ก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นในทันที

        “ลุงหนาน ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่”

        “นั่นควรเป็นสิ่งที่ข้าต้องถามเจ้า ข้าเห็นเจ้าทำตัวลับๆ ล่อๆ อยู่แถวนี้ เลยอยากรู้ว่าเจ้าจะทำอะไร ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ ว่าเจ้าไม่ต้องกลับมาที่ห้องลับอีก” ลุงหนานจ้องไปที่หลู่เส่าโหย่วแล้วกล่าวออกมา

        “ลุงหนาน ข้าต้องการสถานที่ที่ใช้สำหรับหลอมโอสถ มีเพียงที่ห้องลับแห่งนี้ที่เหมาะสม”

        “นั่นมันก็เป็นเรื่องของเจ้า เจ้าไปหาสถานที่เองเถอะ” ลุงหนานกล่าวออกมาด้วยอารมณ์ขุ่นมัว

        “ตาแก่ ข้าแค่ยืมใช้ห้องนี้ชั่วคราวเท่านั้น จำเป็นต้องใจแคบขนาดนี้เลยหรือ?”

 

        “เจ้าหนู เจ้ายังมีเหตุผลอะไรอีกหรือ เมื่อวานไม่ใช่ว่าเจ้าอาจหาญแล้วหรือ ข้าบอกให้เจ้าเก็บซ่อนฝีมือเอาไว้ ทำไมพอถึงตอนนี้จะมารีบร้อนเพิ่มระดับบ่มเพาะกันเล่า?” ลุงหนานกล่าวเบาๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ 36 โอสถเจิ้งหยวน

Now you are reading จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ Chapter 36 โอสถเจิ้งหยวน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “ดูเหมือนว่าเบื้องหลังของคนผู้นี้จะมีความลับอยู่ พวกเราจะต้องให้ความสนใจเขามากขึ้นอีกในอนาคต” กูตู๋ปิงหลันกล่าว

        “เทียนเป่าเหมินพยายามดึงข้าเข้าไปเป็นพวกตลอด พวกนั้นเห็นอะไรในตัวข้ากัน” หลู่เส่าโหย่วเอาแต่คิดเรื่องนี้ตลอดทาง ลุงหนานเคยบอกเอาไว้ว่าภูมิหลังของเทียนเป่าเหมินนั้นไม่ธรรมดา

        “ลืมมันไป เรามาตั้งใจชำระหนี้ดีกว่า” หลู่เส่าโหย่วมองสมุนไพรที่อยู่ในมือ เขาต้องการหลอมโอสถเสริมพลังห้าสิบเม็ดเพื่อนำมาใช้ชำระหนี้ ส่วนสมุนไพรอีกสองชุด คือสมุนไพรสำหรับหลอมโอสถขั้นสอง นั่นก็คือโอสถเจิ้งหยวน มันเป็นหนึ่งในสูตรโอสถจากแผ่นหยกที่ลุงหนานให้เขามา

        เมื่อหลู่เส่าโหย่วเปิดแผ่นหยกที่ลุงหนานให้ ด้านในนั้นก็ได้มีบันทึกของสูตรโอสถและความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรมากมาย มันเป็นเหมือนกับประวัติของโอสถทั้งหมด ช่างมีค่ายิ่งนัก

        โอสถขั้นสองที่ชื่อว่าโอสถเจิ้งหยวนนั้น มีผลช่วยเพิ่มพลังลมปราณ และในเวลาเดียวกันยังสามารถเพิ่มพลังวิญญาณด้วยเล็กน้อย นี่คือสิ่งที่หลู่เส่าโหย่วกำลังต้องการ ตัวเขาที่บ่มเพาะด้วยทักษะวิญญาณหยินหยางจะต้องทะลวงระดับพลังลมปราณและพลังวิญญาณพร้อมกัน ไม่อย่างนั้นแล้วเขาจะมีปัญหา

        หลู่เส่าโหย่วได้คิดเอาไว้แล้วว่าเขาจะอยู่ในตระกูลหลู่เพื่อหลอมโอสถ ส่วนสถานที่นั้น ห้องลับในห้องเก็บฟืนก็ถือว่ากำลังดี เพราะอย่างไรลุงหนานก็ไม่ได้ใช้ห้องลับนั้น หากเขายืมใช้สักหน่อยก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ถ้าอยู่ในห้องลับ เขาก็จะได้หลอมโอสถอย่างสบายใจ

        “เสี่ยวหลง ข้าจะต้องปิดด่านเพื่อหลอมโอสถหลายวัน ดังนั้น หลายวันนี้เจ้าก็ไปอยู่ที่หุบเขาด้านหลังก่อน จะได้ไม่หิว” ก่อนจะกลับไปยังคฤหาสน์ของตระกูล หลู่เส่าโหย่วก็ได้นำเสี่ยวหลงไปปล่อยไว้ที่หุบเขาด้านหลัง ในตอนนี้ปริมาณการกินของเสี่ยวหลงเยอะขึ้นมาก คงจะไม่สามาถอดอาหาร ไม่ให้เสี่ยวหลงได้กินอะไรตลอดทั้งวันได้

        “ฟ่อฟ่อ…”

        เสี่ยวหลงเข้าใจสิ่งที่หลู่เส่าโหย่วกล่าว มันแลบลิ้นออกและเงยหัวขึ้นมองหลู่เส่าโหย่วอย่างสนิทสนม จากนั้นก็เลื้อยออกจากมือของหลู่เส่าโหย่วและมุ่งหน้าไปทางหุบเขาด้านหลัง

        เมื่อเห็นเสี่ยวหลงลับหายไป หลู่เส่าโหย่วก็กลับเข้าไปในตระกูลหลู่ ภายในลานด้านหลังนั้น เขาก็ได้พบกับคนรับใช้จำนวนไม่น้อย ปกติคนรับใช้เหล่านี้จะทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน บ้างก็ไม่ยอมมองเขาตรงๆ ทว่าวันนี้ เมื่อคนรับใช้แต่ละคนได้เห็นเขาก็รีบถอยหลังให้เขาเดินไปก่อนในทันที บางคนก็ถึงกับก้มหัวลงอย่างตื่นตระหนก ราวกับกลัวว่าเขาจะเข้าไปทำร้าย

        “ได้ยินมาว่าผู้ดูแลใหญ่จ้าวบาดเจ็บสาหัส”

        “ยิ่งไปกว่านั้น เสี่ยวหลันยังถูกทุบตีจนจะบอกว่าเป็นคนก็ไม่เหมือนคน จะบอกว่าเป็นผีก็ไม่เหมือนผี ส่วนผู้ดูแลจ้าวซานก็โดนฆ่าตายอีก”

                 

        “ดูเหมือนว่าเขาจะถูกย้ายไปอยู่ลานด้านหน้าไม่ช้าก็เร็ว แล้วจากนั้นเขาก็จะกลายเป็นนายน้อยที่แท้จริงของตระกูลหลู่”

        “ยังดีที่ในอดีตข้าไม่เคยมีปัญหากับมัน ดูเสี่ยวหลันสิ ถูกทุบตีอย่างอนาถ เกรงว่าแม้แต่แม่ของนางก็ยังจำนางไม่ได้เลย”

        “เมื่อก่อนข้าเคยหัวเราะเยาะมัน มันจะมาล้างแค้นข้าหรือไม่ คราวนี้ข้าซวยแน่”

        หลู่เส่าโหย่วเหยียดยิ้มบางเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่พวกคนรับใช้กำลังพูดคุยกัน นี่คือตัวอย่างจิตใจของพวกคนรับใช้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนพวกนี้จะเป็นคนรับใช้ไปตลอดชีวิต กับคนเหล่านี้ ไม่มีอะไรที่เขาจะต้องสนใจ

        หลังกลับมาถึงลานบ้าน หลู่เส่าโหย่วก็ต้องประหลาดใจ หลู่หวู๋ซวงกับหลู่เสี่ยวไป๋ได้มาอยู่ในลานบ้านของเขา และดูเหมือนว่าหลู่หวู๋ซวงจะคอยดูหลู่เสี่ยวไป๋ที่กำลังขนของอยู่

        “เสี่ยวไป๋ ขนเสร็จหมดหรือยัง” หลู่หวู๋ซวงเอ่ยถามขึ้น

        “คุณหนูหวู๋ซวง ข้าขนเสร็จหมดแล้ว” หลู่เสี่ยวไป๋ตอบด้วยความเหน็ดเหนื่อย หากไม่ใช่เพราะว่าเขาได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว ตอนนี้เขาคงได้เหนื่อยตายแน่

        “พี่หวู๋ซวง ท่านกำลังทำอะไร?” หลู่เส่าโหย่วถามขึ้นมาอย่างสงสัย

        “เส่าโหย่ว ที่นี่เหลือห้องว่างอยู่หนึ่งห้อง หวู๋ซวงเอาแต่ยืนกรานว่านางจะย้ายเข้ามา” ลั่วหลานซือที่เดินออกมาจากในห้องได้ตอบคำถามนั้นแทน

        “ย้ายเข้ามา” หลู่เส่าโหย่วกล่าวด้วยความประหลาดใจ “พี่หวู๋ซวง เรื่องที่ท่านย้ายเข้ามานี้ลุงใหญ่รู้หรือไม่ ที่นี่เทียบอะไรไม่ได้กับลานด้านหน้าเลย ท่านจะย้ายมาทำไม”

        “ท่านพ่อรู้ ข้าอยากจะย้ายเข้ามาเพื่อคอยดูเจ้า มีข้าอยู่ หากมีคนอยากจะเข้ามาทำร้ายเจ้าก็จะไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้นแล้ว”

        “พี่หวู๋ซวงได้โปรดวางใจ ข้าสามารถดูแลตัวเองได้ ท่านย้ายกลับไปลานด้านหน้าเถอะ ที่นี่ไม่เหมาะกับท่าน”  หลู่เส่าโหย่วกล่าว

        “หมายความว่าอย่างไรที่ว่าไม่เหมาะกับข้า ข้าคิดว่าที่แห่งนี้ก็ไม่เลว หลู่เสี่ยวไป๋ ช่วยข้าย้ายของทุกอย่างเข้าไปในห้อง” หลู่หวู๋ซวงยิ้มบางๆ และเดินเข้าไปในลานบ้าน

        “ขอรับ คุณหนูหวู๋ซวง” หลู่เสี่ยวไป๋ตอบรับเบาๆ จากนั้นก็ยกกล่องใบใหญ่เข้าไปในลานบ้าน

        หลู่เส่าโหย่วยืนอยู่ในลานบ้านแล้วยิ้มด้วยความขมขื่น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็วางใจได้เรื่องหนึ่ง เขากำลังจะปิดด่าน แต่กระนั้นเขาก็ไม่สามารถปล่อยให้ท่านแม่อยู่คนเดียวได้ ตอนนี้มีหลู่หวู๋ซวงมาอยู่ด้วยแล้ว เขาก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีก สามารถปิดด่านได้อย่างวางใจ

        “เส่าโหย่ว พี่หวู๋ซวงของเจ้าย้ายเข้ามาก็ดีแล้ว เจ้าล่ะ เจ้าหิวข้าวหรือยัง ข้าจะไปทำอะไรให้เจ้ากิน” ลั่วหลานซือกล่าวกับหลู่เส่าโหย่ว

        “ท่ามแม่ ข้ามีเรื่องต้องออกไปข้างนอกสักพัก คาดว่าคงต้องใช้เวลาสักห้าหกวันถึงจะกลับมา” หลู่เส่าโหย่วกล่าว

        “ออกไปข้างนอกอย่างนั้นหรือ แล้วยังนานขนาดนี้ อีกไม่กี่วันก็ปีใหม่แล้ว เจ้าจะไปไหนหรือ?” ลั่วหลานซือถามลูกชายด้วยความกังวล

        “เส่าโหย่ว เจ้าจะไปไหน ให้ข้าไปกับเจ้าเถอะ” หลู่หวู๋ซวงที่พึ่งเดินออกมา เมื่อนางได้ยินว่าหลู่เส่าโหย่วจะออกไปข้างนอกหลายวันก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา

        “พี่หวู๋ซวง ข้าออกไปไม่ไกล และมันไม่อันตราย  ข้ามีเรื่องที่ต้องทำ อีกไม่กี่วันเดี๋ยวข้าก็กลับมา หลายวันนี้ฝากท่านดูแลท่านแม่ของข้าด้วย” หลู่เส่าโหย่วกล่าว

        “แต่ถ้าเจ้าออกไปตอนนี้ อาจจะพบเจออันตรายได้” หลู่หวู๋ซวงกล่าว

        “วางใจเถอะ ข้าจะไม่เป็นไร” หลังหลู่เส่าโหย่วกล่าวจบ เขาก็เดินออกมาจากลานบ้าน เรื่องห้องลับกับเรื่องที่ตัวเขาเป็นผู้ฝึกวิญญาณ เขาจะไม่เปิดเผยมันอย่างแน่นอน

        “เส่าโหย่ว ลูกคนนี้…” ลั่วหลานซือกล่าวด้วยความกังวล

        “ป้าสาม เส่าโหย่วได้มีการเตรียมการเอาไว้แล้ว ดังนั้นพวกเราก็ไม่ต้องกังวลมากเกินไป” เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของหลู่เส่าโหย่ว ถึงแม้นางจะกังวล แต่นางก็เชื่อมั่นในตัวหลู่เส่าโหย่วอย่างมาก

        หลังจากเดินผ่านทางเดินมาหลายทาง หลู่เส่าโหย่วก็มาถึงบริเวณห้องเก็บฟืน เขาสอดส่องบริเวณรอบๆ ราวกับว่าเป็นโจร หลังจากตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่ารอบๆ ไม่มีคน เขาก็รีบเข้าไปในห้องเก็บฟืนทันที

        ปกติห้องเก็บฟืนนั้นก็ไม่ค่อยจะมีใครเข้ามาอยู่แล้ว หลู่เส่าโหย่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นเขาก็เปิดห้องลับแล้วเข้าไป

        “หลู่เส่าโหย่ว เจ้ามาทำอะไร” เมื่อหลู่เส่าโหย่วเข้าไปในห้องลับ ก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นในทันที

        “ลุงหนาน ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่”

        “นั่นควรเป็นสิ่งที่ข้าต้องถามเจ้า ข้าเห็นเจ้าทำตัวลับๆ ล่อๆ อยู่แถวนี้ เลยอยากรู้ว่าเจ้าจะทำอะไร ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ ว่าเจ้าไม่ต้องกลับมาที่ห้องลับอีก” ลุงหนานจ้องไปที่หลู่เส่าโหย่วแล้วกล่าวออกมา

        “ลุงหนาน ข้าต้องการสถานที่ที่ใช้สำหรับหลอมโอสถ มีเพียงที่ห้องลับแห่งนี้ที่เหมาะสม”

        “นั่นมันก็เป็นเรื่องของเจ้า เจ้าไปหาสถานที่เองเถอะ” ลุงหนานกล่าวออกมาด้วยอารมณ์ขุ่นมัว

        “ตาแก่ ข้าแค่ยืมใช้ห้องนี้ชั่วคราวเท่านั้น จำเป็นต้องใจแคบขนาดนี้เลยหรือ?”

 

        “เจ้าหนู เจ้ายังมีเหตุผลอะไรอีกหรือ เมื่อวานไม่ใช่ว่าเจ้าอาจหาญแล้วหรือ ข้าบอกให้เจ้าเก็บซ่อนฝีมือเอาไว้ ทำไมพอถึงตอนนี้จะมารีบร้อนเพิ่มระดับบ่มเพาะกันเล่า?” ลุงหนานกล่าวเบาๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ 36 โอสถเจิ้งหยวน

Now you are reading จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ Chapter 36 โอสถเจิ้งหยวน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “ดูเหมือนว่าเบื้องหลังของคนผู้นี้จะมีความลับอยู่ พวกเราจะต้องให้ความสนใจเขามากขึ้นอีกในอนาคต” กูตู๋ปิงหลันกล่าว

        “เทียนเป่าเหมินพยายามดึงข้าเข้าไปเป็นพวกตลอด พวกนั้นเห็นอะไรในตัวข้ากัน” หลู่เส่าโหย่วเอาแต่คิดเรื่องนี้ตลอดทาง ลุงหนานเคยบอกเอาไว้ว่าภูมิหลังของเทียนเป่าเหมินนั้นไม่ธรรมดา

        “ลืมมันไป เรามาตั้งใจชำระหนี้ดีกว่า” หลู่เส่าโหย่วมองสมุนไพรที่อยู่ในมือ เขาต้องการหลอมโอสถเสริมพลังห้าสิบเม็ดเพื่อนำมาใช้ชำระหนี้ ส่วนสมุนไพรอีกสองชุด คือสมุนไพรสำหรับหลอมโอสถขั้นสอง นั่นก็คือโอสถเจิ้งหยวน มันเป็นหนึ่งในสูตรโอสถจากแผ่นหยกที่ลุงหนานให้เขามา

        เมื่อหลู่เส่าโหย่วเปิดแผ่นหยกที่ลุงหนานให้ ด้านในนั้นก็ได้มีบันทึกของสูตรโอสถและความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรมากมาย มันเป็นเหมือนกับประวัติของโอสถทั้งหมด ช่างมีค่ายิ่งนัก

        โอสถขั้นสองที่ชื่อว่าโอสถเจิ้งหยวนนั้น มีผลช่วยเพิ่มพลังลมปราณ และในเวลาเดียวกันยังสามารถเพิ่มพลังวิญญาณด้วยเล็กน้อย นี่คือสิ่งที่หลู่เส่าโหย่วกำลังต้องการ ตัวเขาที่บ่มเพาะด้วยทักษะวิญญาณหยินหยางจะต้องทะลวงระดับพลังลมปราณและพลังวิญญาณพร้อมกัน ไม่อย่างนั้นแล้วเขาจะมีปัญหา

        หลู่เส่าโหย่วได้คิดเอาไว้แล้วว่าเขาจะอยู่ในตระกูลหลู่เพื่อหลอมโอสถ ส่วนสถานที่นั้น ห้องลับในห้องเก็บฟืนก็ถือว่ากำลังดี เพราะอย่างไรลุงหนานก็ไม่ได้ใช้ห้องลับนั้น หากเขายืมใช้สักหน่อยก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ถ้าอยู่ในห้องลับ เขาก็จะได้หลอมโอสถอย่างสบายใจ

        “เสี่ยวหลง ข้าจะต้องปิดด่านเพื่อหลอมโอสถหลายวัน ดังนั้น หลายวันนี้เจ้าก็ไปอยู่ที่หุบเขาด้านหลังก่อน จะได้ไม่หิว” ก่อนจะกลับไปยังคฤหาสน์ของตระกูล หลู่เส่าโหย่วก็ได้นำเสี่ยวหลงไปปล่อยไว้ที่หุบเขาด้านหลัง ในตอนนี้ปริมาณการกินของเสี่ยวหลงเยอะขึ้นมาก คงจะไม่สามาถอดอาหาร ไม่ให้เสี่ยวหลงได้กินอะไรตลอดทั้งวันได้

        “ฟ่อฟ่อ…”

        เสี่ยวหลงเข้าใจสิ่งที่หลู่เส่าโหย่วกล่าว มันแลบลิ้นออกและเงยหัวขึ้นมองหลู่เส่าโหย่วอย่างสนิทสนม จากนั้นก็เลื้อยออกจากมือของหลู่เส่าโหย่วและมุ่งหน้าไปทางหุบเขาด้านหลัง

        เมื่อเห็นเสี่ยวหลงลับหายไป หลู่เส่าโหย่วก็กลับเข้าไปในตระกูลหลู่ ภายในลานด้านหลังนั้น เขาก็ได้พบกับคนรับใช้จำนวนไม่น้อย ปกติคนรับใช้เหล่านี้จะทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน บ้างก็ไม่ยอมมองเขาตรงๆ ทว่าวันนี้ เมื่อคนรับใช้แต่ละคนได้เห็นเขาก็รีบถอยหลังให้เขาเดินไปก่อนในทันที บางคนก็ถึงกับก้มหัวลงอย่างตื่นตระหนก ราวกับกลัวว่าเขาจะเข้าไปทำร้าย

        “ได้ยินมาว่าผู้ดูแลใหญ่จ้าวบาดเจ็บสาหัส”

        “ยิ่งไปกว่านั้น เสี่ยวหลันยังถูกทุบตีจนจะบอกว่าเป็นคนก็ไม่เหมือนคน จะบอกว่าเป็นผีก็ไม่เหมือนผี ส่วนผู้ดูแลจ้าวซานก็โดนฆ่าตายอีก”

                 

        “ดูเหมือนว่าเขาจะถูกย้ายไปอยู่ลานด้านหน้าไม่ช้าก็เร็ว แล้วจากนั้นเขาก็จะกลายเป็นนายน้อยที่แท้จริงของตระกูลหลู่”

        “ยังดีที่ในอดีตข้าไม่เคยมีปัญหากับมัน ดูเสี่ยวหลันสิ ถูกทุบตีอย่างอนาถ เกรงว่าแม้แต่แม่ของนางก็ยังจำนางไม่ได้เลย”

        “เมื่อก่อนข้าเคยหัวเราะเยาะมัน มันจะมาล้างแค้นข้าหรือไม่ คราวนี้ข้าซวยแน่”

        หลู่เส่าโหย่วเหยียดยิ้มบางเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่พวกคนรับใช้กำลังพูดคุยกัน นี่คือตัวอย่างจิตใจของพวกคนรับใช้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนพวกนี้จะเป็นคนรับใช้ไปตลอดชีวิต กับคนเหล่านี้ ไม่มีอะไรที่เขาจะต้องสนใจ

        หลังกลับมาถึงลานบ้าน หลู่เส่าโหย่วก็ต้องประหลาดใจ หลู่หวู๋ซวงกับหลู่เสี่ยวไป๋ได้มาอยู่ในลานบ้านของเขา และดูเหมือนว่าหลู่หวู๋ซวงจะคอยดูหลู่เสี่ยวไป๋ที่กำลังขนของอยู่

        “เสี่ยวไป๋ ขนเสร็จหมดหรือยัง” หลู่หวู๋ซวงเอ่ยถามขึ้น

        “คุณหนูหวู๋ซวง ข้าขนเสร็จหมดแล้ว” หลู่เสี่ยวไป๋ตอบด้วยความเหน็ดเหนื่อย หากไม่ใช่เพราะว่าเขาได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว ตอนนี้เขาคงได้เหนื่อยตายแน่

        “พี่หวู๋ซวง ท่านกำลังทำอะไร?” หลู่เส่าโหย่วถามขึ้นมาอย่างสงสัย

        “เส่าโหย่ว ที่นี่เหลือห้องว่างอยู่หนึ่งห้อง หวู๋ซวงเอาแต่ยืนกรานว่านางจะย้ายเข้ามา” ลั่วหลานซือที่เดินออกมาจากในห้องได้ตอบคำถามนั้นแทน

        “ย้ายเข้ามา” หลู่เส่าโหย่วกล่าวด้วยความประหลาดใจ “พี่หวู๋ซวง เรื่องที่ท่านย้ายเข้ามานี้ลุงใหญ่รู้หรือไม่ ที่นี่เทียบอะไรไม่ได้กับลานด้านหน้าเลย ท่านจะย้ายมาทำไม”

        “ท่านพ่อรู้ ข้าอยากจะย้ายเข้ามาเพื่อคอยดูเจ้า มีข้าอยู่ หากมีคนอยากจะเข้ามาทำร้ายเจ้าก็จะไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้นแล้ว”

        “พี่หวู๋ซวงได้โปรดวางใจ ข้าสามารถดูแลตัวเองได้ ท่านย้ายกลับไปลานด้านหน้าเถอะ ที่นี่ไม่เหมาะกับท่าน”  หลู่เส่าโหย่วกล่าว

        “หมายความว่าอย่างไรที่ว่าไม่เหมาะกับข้า ข้าคิดว่าที่แห่งนี้ก็ไม่เลว หลู่เสี่ยวไป๋ ช่วยข้าย้ายของทุกอย่างเข้าไปในห้อง” หลู่หวู๋ซวงยิ้มบางๆ และเดินเข้าไปในลานบ้าน

        “ขอรับ คุณหนูหวู๋ซวง” หลู่เสี่ยวไป๋ตอบรับเบาๆ จากนั้นก็ยกกล่องใบใหญ่เข้าไปในลานบ้าน

        หลู่เส่าโหย่วยืนอยู่ในลานบ้านแล้วยิ้มด้วยความขมขื่น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็วางใจได้เรื่องหนึ่ง เขากำลังจะปิดด่าน แต่กระนั้นเขาก็ไม่สามารถปล่อยให้ท่านแม่อยู่คนเดียวได้ ตอนนี้มีหลู่หวู๋ซวงมาอยู่ด้วยแล้ว เขาก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีก สามารถปิดด่านได้อย่างวางใจ

        “เส่าโหย่ว พี่หวู๋ซวงของเจ้าย้ายเข้ามาก็ดีแล้ว เจ้าล่ะ เจ้าหิวข้าวหรือยัง ข้าจะไปทำอะไรให้เจ้ากิน” ลั่วหลานซือกล่าวกับหลู่เส่าโหย่ว

        “ท่ามแม่ ข้ามีเรื่องต้องออกไปข้างนอกสักพัก คาดว่าคงต้องใช้เวลาสักห้าหกวันถึงจะกลับมา” หลู่เส่าโหย่วกล่าว

        “ออกไปข้างนอกอย่างนั้นหรือ แล้วยังนานขนาดนี้ อีกไม่กี่วันก็ปีใหม่แล้ว เจ้าจะไปไหนหรือ?” ลั่วหลานซือถามลูกชายด้วยความกังวล

        “เส่าโหย่ว เจ้าจะไปไหน ให้ข้าไปกับเจ้าเถอะ” หลู่หวู๋ซวงที่พึ่งเดินออกมา เมื่อนางได้ยินว่าหลู่เส่าโหย่วจะออกไปข้างนอกหลายวันก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา

        “พี่หวู๋ซวง ข้าออกไปไม่ไกล และมันไม่อันตราย  ข้ามีเรื่องที่ต้องทำ อีกไม่กี่วันเดี๋ยวข้าก็กลับมา หลายวันนี้ฝากท่านดูแลท่านแม่ของข้าด้วย” หลู่เส่าโหย่วกล่าว

        “แต่ถ้าเจ้าออกไปตอนนี้ อาจจะพบเจออันตรายได้” หลู่หวู๋ซวงกล่าว

        “วางใจเถอะ ข้าจะไม่เป็นไร” หลังหลู่เส่าโหย่วกล่าวจบ เขาก็เดินออกมาจากลานบ้าน เรื่องห้องลับกับเรื่องที่ตัวเขาเป็นผู้ฝึกวิญญาณ เขาจะไม่เปิดเผยมันอย่างแน่นอน

        “เส่าโหย่ว ลูกคนนี้…” ลั่วหลานซือกล่าวด้วยความกังวล

        “ป้าสาม เส่าโหย่วได้มีการเตรียมการเอาไว้แล้ว ดังนั้นพวกเราก็ไม่ต้องกังวลมากเกินไป” เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของหลู่เส่าโหย่ว ถึงแม้นางจะกังวล แต่นางก็เชื่อมั่นในตัวหลู่เส่าโหย่วอย่างมาก

        หลังจากเดินผ่านทางเดินมาหลายทาง หลู่เส่าโหย่วก็มาถึงบริเวณห้องเก็บฟืน เขาสอดส่องบริเวณรอบๆ ราวกับว่าเป็นโจร หลังจากตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่ารอบๆ ไม่มีคน เขาก็รีบเข้าไปในห้องเก็บฟืนทันที

        ปกติห้องเก็บฟืนนั้นก็ไม่ค่อยจะมีใครเข้ามาอยู่แล้ว หลู่เส่าโหย่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นเขาก็เปิดห้องลับแล้วเข้าไป

        “หลู่เส่าโหย่ว เจ้ามาทำอะไร” เมื่อหลู่เส่าโหย่วเข้าไปในห้องลับ ก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นในทันที

        “ลุงหนาน ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่”

        “นั่นควรเป็นสิ่งที่ข้าต้องถามเจ้า ข้าเห็นเจ้าทำตัวลับๆ ล่อๆ อยู่แถวนี้ เลยอยากรู้ว่าเจ้าจะทำอะไร ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ ว่าเจ้าไม่ต้องกลับมาที่ห้องลับอีก” ลุงหนานจ้องไปที่หลู่เส่าโหย่วแล้วกล่าวออกมา

        “ลุงหนาน ข้าต้องการสถานที่ที่ใช้สำหรับหลอมโอสถ มีเพียงที่ห้องลับแห่งนี้ที่เหมาะสม”

        “นั่นมันก็เป็นเรื่องของเจ้า เจ้าไปหาสถานที่เองเถอะ” ลุงหนานกล่าวออกมาด้วยอารมณ์ขุ่นมัว

        “ตาแก่ ข้าแค่ยืมใช้ห้องนี้ชั่วคราวเท่านั้น จำเป็นต้องใจแคบขนาดนี้เลยหรือ?”

 

        “เจ้าหนู เจ้ายังมีเหตุผลอะไรอีกหรือ เมื่อวานไม่ใช่ว่าเจ้าอาจหาญแล้วหรือ ข้าบอกให้เจ้าเก็บซ่อนฝีมือเอาไว้ ทำไมพอถึงตอนนี้จะมารีบร้อนเพิ่มระดับบ่มเพาะกันเล่า?” ลุงหนานกล่าวเบาๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ 36 โอสถเจิ้งหยวน

Now you are reading จิตวิญญาณเทพยุทธ์สยบเทวะ Chapter 36 โอสถเจิ้งหยวน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “ดูเหมือนว่าเบื้องหลังของคนผู้นี้จะมีความลับอยู่ พวกเราจะต้องให้ความสนใจเขามากขึ้นอีกในอนาคต” กูตู๋ปิงหลันกล่าว

        “เทียนเป่าเหมินพยายามดึงข้าเข้าไปเป็นพวกตลอด พวกนั้นเห็นอะไรในตัวข้ากัน” หลู่เส่าโหย่วเอาแต่คิดเรื่องนี้ตลอดทาง ลุงหนานเคยบอกเอาไว้ว่าภูมิหลังของเทียนเป่าเหมินนั้นไม่ธรรมดา

        “ลืมมันไป เรามาตั้งใจชำระหนี้ดีกว่า” หลู่เส่าโหย่วมองสมุนไพรที่อยู่ในมือ เขาต้องการหลอมโอสถเสริมพลังห้าสิบเม็ดเพื่อนำมาใช้ชำระหนี้ ส่วนสมุนไพรอีกสองชุด คือสมุนไพรสำหรับหลอมโอสถขั้นสอง นั่นก็คือโอสถเจิ้งหยวน มันเป็นหนึ่งในสูตรโอสถจากแผ่นหยกที่ลุงหนานให้เขามา

        เมื่อหลู่เส่าโหย่วเปิดแผ่นหยกที่ลุงหนานให้ ด้านในนั้นก็ได้มีบันทึกของสูตรโอสถและความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรมากมาย มันเป็นเหมือนกับประวัติของโอสถทั้งหมด ช่างมีค่ายิ่งนัก

        โอสถขั้นสองที่ชื่อว่าโอสถเจิ้งหยวนนั้น มีผลช่วยเพิ่มพลังลมปราณ และในเวลาเดียวกันยังสามารถเพิ่มพลังวิญญาณด้วยเล็กน้อย นี่คือสิ่งที่หลู่เส่าโหย่วกำลังต้องการ ตัวเขาที่บ่มเพาะด้วยทักษะวิญญาณหยินหยางจะต้องทะลวงระดับพลังลมปราณและพลังวิญญาณพร้อมกัน ไม่อย่างนั้นแล้วเขาจะมีปัญหา

        หลู่เส่าโหย่วได้คิดเอาไว้แล้วว่าเขาจะอยู่ในตระกูลหลู่เพื่อหลอมโอสถ ส่วนสถานที่นั้น ห้องลับในห้องเก็บฟืนก็ถือว่ากำลังดี เพราะอย่างไรลุงหนานก็ไม่ได้ใช้ห้องลับนั้น หากเขายืมใช้สักหน่อยก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ถ้าอยู่ในห้องลับ เขาก็จะได้หลอมโอสถอย่างสบายใจ

        “เสี่ยวหลง ข้าจะต้องปิดด่านเพื่อหลอมโอสถหลายวัน ดังนั้น หลายวันนี้เจ้าก็ไปอยู่ที่หุบเขาด้านหลังก่อน จะได้ไม่หิว” ก่อนจะกลับไปยังคฤหาสน์ของตระกูล หลู่เส่าโหย่วก็ได้นำเสี่ยวหลงไปปล่อยไว้ที่หุบเขาด้านหลัง ในตอนนี้ปริมาณการกินของเสี่ยวหลงเยอะขึ้นมาก คงจะไม่สามาถอดอาหาร ไม่ให้เสี่ยวหลงได้กินอะไรตลอดทั้งวันได้

        “ฟ่อฟ่อ…”

        เสี่ยวหลงเข้าใจสิ่งที่หลู่เส่าโหย่วกล่าว มันแลบลิ้นออกและเงยหัวขึ้นมองหลู่เส่าโหย่วอย่างสนิทสนม จากนั้นก็เลื้อยออกจากมือของหลู่เส่าโหย่วและมุ่งหน้าไปทางหุบเขาด้านหลัง

        เมื่อเห็นเสี่ยวหลงลับหายไป หลู่เส่าโหย่วก็กลับเข้าไปในตระกูลหลู่ ภายในลานด้านหลังนั้น เขาก็ได้พบกับคนรับใช้จำนวนไม่น้อย ปกติคนรับใช้เหล่านี้จะทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน บ้างก็ไม่ยอมมองเขาตรงๆ ทว่าวันนี้ เมื่อคนรับใช้แต่ละคนได้เห็นเขาก็รีบถอยหลังให้เขาเดินไปก่อนในทันที บางคนก็ถึงกับก้มหัวลงอย่างตื่นตระหนก ราวกับกลัวว่าเขาจะเข้าไปทำร้าย

        “ได้ยินมาว่าผู้ดูแลใหญ่จ้าวบาดเจ็บสาหัส”

        “ยิ่งไปกว่านั้น เสี่ยวหลันยังถูกทุบตีจนจะบอกว่าเป็นคนก็ไม่เหมือนคน จะบอกว่าเป็นผีก็ไม่เหมือนผี ส่วนผู้ดูแลจ้าวซานก็โดนฆ่าตายอีก”

                 

        “ดูเหมือนว่าเขาจะถูกย้ายไปอยู่ลานด้านหน้าไม่ช้าก็เร็ว แล้วจากนั้นเขาก็จะกลายเป็นนายน้อยที่แท้จริงของตระกูลหลู่”

        “ยังดีที่ในอดีตข้าไม่เคยมีปัญหากับมัน ดูเสี่ยวหลันสิ ถูกทุบตีอย่างอนาถ เกรงว่าแม้แต่แม่ของนางก็ยังจำนางไม่ได้เลย”

        “เมื่อก่อนข้าเคยหัวเราะเยาะมัน มันจะมาล้างแค้นข้าหรือไม่ คราวนี้ข้าซวยแน่”

        หลู่เส่าโหย่วเหยียดยิ้มบางเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่พวกคนรับใช้กำลังพูดคุยกัน นี่คือตัวอย่างจิตใจของพวกคนรับใช้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนพวกนี้จะเป็นคนรับใช้ไปตลอดชีวิต กับคนเหล่านี้ ไม่มีอะไรที่เขาจะต้องสนใจ

        หลังกลับมาถึงลานบ้าน หลู่เส่าโหย่วก็ต้องประหลาดใจ หลู่หวู๋ซวงกับหลู่เสี่ยวไป๋ได้มาอยู่ในลานบ้านของเขา และดูเหมือนว่าหลู่หวู๋ซวงจะคอยดูหลู่เสี่ยวไป๋ที่กำลังขนของอยู่

        “เสี่ยวไป๋ ขนเสร็จหมดหรือยัง” หลู่หวู๋ซวงเอ่ยถามขึ้น

        “คุณหนูหวู๋ซวง ข้าขนเสร็จหมดแล้ว” หลู่เสี่ยวไป๋ตอบด้วยความเหน็ดเหนื่อย หากไม่ใช่เพราะว่าเขาได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว ตอนนี้เขาคงได้เหนื่อยตายแน่

        “พี่หวู๋ซวง ท่านกำลังทำอะไร?” หลู่เส่าโหย่วถามขึ้นมาอย่างสงสัย

        “เส่าโหย่ว ที่นี่เหลือห้องว่างอยู่หนึ่งห้อง หวู๋ซวงเอาแต่ยืนกรานว่านางจะย้ายเข้ามา” ลั่วหลานซือที่เดินออกมาจากในห้องได้ตอบคำถามนั้นแทน

        “ย้ายเข้ามา” หลู่เส่าโหย่วกล่าวด้วยความประหลาดใจ “พี่หวู๋ซวง เรื่องที่ท่านย้ายเข้ามานี้ลุงใหญ่รู้หรือไม่ ที่นี่เทียบอะไรไม่ได้กับลานด้านหน้าเลย ท่านจะย้ายมาทำไม”

        “ท่านพ่อรู้ ข้าอยากจะย้ายเข้ามาเพื่อคอยดูเจ้า มีข้าอยู่ หากมีคนอยากจะเข้ามาทำร้ายเจ้าก็จะไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้นแล้ว”

        “พี่หวู๋ซวงได้โปรดวางใจ ข้าสามารถดูแลตัวเองได้ ท่านย้ายกลับไปลานด้านหน้าเถอะ ที่นี่ไม่เหมาะกับท่าน”  หลู่เส่าโหย่วกล่าว

        “หมายความว่าอย่างไรที่ว่าไม่เหมาะกับข้า ข้าคิดว่าที่แห่งนี้ก็ไม่เลว หลู่เสี่ยวไป๋ ช่วยข้าย้ายของทุกอย่างเข้าไปในห้อง” หลู่หวู๋ซวงยิ้มบางๆ และเดินเข้าไปในลานบ้าน

        “ขอรับ คุณหนูหวู๋ซวง” หลู่เสี่ยวไป๋ตอบรับเบาๆ จากนั้นก็ยกกล่องใบใหญ่เข้าไปในลานบ้าน

        หลู่เส่าโหย่วยืนอยู่ในลานบ้านแล้วยิ้มด้วยความขมขื่น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็วางใจได้เรื่องหนึ่ง เขากำลังจะปิดด่าน แต่กระนั้นเขาก็ไม่สามารถปล่อยให้ท่านแม่อยู่คนเดียวได้ ตอนนี้มีหลู่หวู๋ซวงมาอยู่ด้วยแล้ว เขาก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีก สามารถปิดด่านได้อย่างวางใจ

        “เส่าโหย่ว พี่หวู๋ซวงของเจ้าย้ายเข้ามาก็ดีแล้ว เจ้าล่ะ เจ้าหิวข้าวหรือยัง ข้าจะไปทำอะไรให้เจ้ากิน” ลั่วหลานซือกล่าวกับหลู่เส่าโหย่ว

        “ท่ามแม่ ข้ามีเรื่องต้องออกไปข้างนอกสักพัก คาดว่าคงต้องใช้เวลาสักห้าหกวันถึงจะกลับมา” หลู่เส่าโหย่วกล่าว

        “ออกไปข้างนอกอย่างนั้นหรือ แล้วยังนานขนาดนี้ อีกไม่กี่วันก็ปีใหม่แล้ว เจ้าจะไปไหนหรือ?” ลั่วหลานซือถามลูกชายด้วยความกังวล

        “เส่าโหย่ว เจ้าจะไปไหน ให้ข้าไปกับเจ้าเถอะ” หลู่หวู๋ซวงที่พึ่งเดินออกมา เมื่อนางได้ยินว่าหลู่เส่าโหย่วจะออกไปข้างนอกหลายวันก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา

        “พี่หวู๋ซวง ข้าออกไปไม่ไกล และมันไม่อันตราย  ข้ามีเรื่องที่ต้องทำ อีกไม่กี่วันเดี๋ยวข้าก็กลับมา หลายวันนี้ฝากท่านดูแลท่านแม่ของข้าด้วย” หลู่เส่าโหย่วกล่าว

        “แต่ถ้าเจ้าออกไปตอนนี้ อาจจะพบเจออันตรายได้” หลู่หวู๋ซวงกล่าว

        “วางใจเถอะ ข้าจะไม่เป็นไร” หลังหลู่เส่าโหย่วกล่าวจบ เขาก็เดินออกมาจากลานบ้าน เรื่องห้องลับกับเรื่องที่ตัวเขาเป็นผู้ฝึกวิญญาณ เขาจะไม่เปิดเผยมันอย่างแน่นอน

        “เส่าโหย่ว ลูกคนนี้…” ลั่วหลานซือกล่าวด้วยความกังวล

        “ป้าสาม เส่าโหย่วได้มีการเตรียมการเอาไว้แล้ว ดังนั้นพวกเราก็ไม่ต้องกังวลมากเกินไป” เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของหลู่เส่าโหย่ว ถึงแม้นางจะกังวล แต่นางก็เชื่อมั่นในตัวหลู่เส่าโหย่วอย่างมาก

        หลังจากเดินผ่านทางเดินมาหลายทาง หลู่เส่าโหย่วก็มาถึงบริเวณห้องเก็บฟืน เขาสอดส่องบริเวณรอบๆ ราวกับว่าเป็นโจร หลังจากตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่ารอบๆ ไม่มีคน เขาก็รีบเข้าไปในห้องเก็บฟืนทันที

        ปกติห้องเก็บฟืนนั้นก็ไม่ค่อยจะมีใครเข้ามาอยู่แล้ว หลู่เส่าโหย่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นเขาก็เปิดห้องลับแล้วเข้าไป

        “หลู่เส่าโหย่ว เจ้ามาทำอะไร” เมื่อหลู่เส่าโหย่วเข้าไปในห้องลับ ก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นในทันที

        “ลุงหนาน ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่”

        “นั่นควรเป็นสิ่งที่ข้าต้องถามเจ้า ข้าเห็นเจ้าทำตัวลับๆ ล่อๆ อยู่แถวนี้ เลยอยากรู้ว่าเจ้าจะทำอะไร ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ ว่าเจ้าไม่ต้องกลับมาที่ห้องลับอีก” ลุงหนานจ้องไปที่หลู่เส่าโหย่วแล้วกล่าวออกมา

        “ลุงหนาน ข้าต้องการสถานที่ที่ใช้สำหรับหลอมโอสถ มีเพียงที่ห้องลับแห่งนี้ที่เหมาะสม”

        “นั่นมันก็เป็นเรื่องของเจ้า เจ้าไปหาสถานที่เองเถอะ” ลุงหนานกล่าวออกมาด้วยอารมณ์ขุ่นมัว

        “ตาแก่ ข้าแค่ยืมใช้ห้องนี้ชั่วคราวเท่านั้น จำเป็นต้องใจแคบขนาดนี้เลยหรือ?”

 

        “เจ้าหนู เจ้ายังมีเหตุผลอะไรอีกหรือ เมื่อวานไม่ใช่ว่าเจ้าอาจหาญแล้วหรือ ข้าบอกให้เจ้าเก็บซ่อนฝีมือเอาไว้ ทำไมพอถึงตอนนี้จะมารีบร้อนเพิ่มระดับบ่มเพาะกันเล่า?” ลุงหนานกล่าวเบาๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+