ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ 72 แสงจันทร์ชุ่มฉ่ำ

Now you are reading ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ Chapter 72 แสงจันทร์ชุ่มฉ่ำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“จริงสิ”

 

 

ซ่า  เสียงน้ำดังขึ้นพร้อมกับบีพาอันที่ลุกขึ้น เขาเดินมาอยู่ข้างหน้ากโยซึลแล้วมองลงไปที่นาง ส่วน

 

 

กโยซึลเองก็แหงนหน้ามองบีพาอันอย่างตกใจ

 

 

“ชายาช่างมาได้จังหวะ เรามีเรื่องจะพูดด้วยพอดี”

 

 

ผิวขาวของบุรุษร่างกำยำถูกฉายสะท้อนด้วยแสงจันทร์

 

 

หยดน้ำไหลจากเส้นผมที่เปียกชุ่มตั้งแต่เมื่อครู่  ติ๋ง ติ๋ง  เสียงหยดน้ำใสหล่นกระทบกระตุ้นความรู้สึกอย่างแปลกประหลาด เสื้อตัวนอกที่สวมใส่อย่างลวกๆ เผยให้เห็นกล้ามเนื้อแข็งชวนหวั่นไหว หญิงสาวแหงนมองชายหนุ่ม นางถูกเขาตราตรึงจนแทบจะลืมวิธีขยับ แสงจันทร์จากทางด้านหลังของชายหนุ่มสาดส่องกระทบมาจนถึงกายของนาง ทำให้เห็นว่าผิวขาวที่โผล่ทะลุเสื้อชั้นในเปียกชุ่มกำลังส่องแสงแพรวพราว

 

 

แสงจันทร์นั้นเจ้าเล่ห์นัก

 

 

น่าประหลาดที่มันดันสาดส่องให้เห็นสรีระงดงามของสาววัยเยาว์จนเห็นได้อย่างชัดเจน เล็กกระทัดรัดราวกับดอกกดมาลีที่ผลิบาน สะอาดสะอ้านและบอบบางราวกับดอกลิลลี่หุบเขา

 

 

ให้ความรู้สึกทั้งเสน่หาและน่าเอ็นดู

 

 

ใบหน้าไร้เดียงสาเช่นยามปกติ ไหล่ที่มักจะห่อจนเหมือนเป็นนิสัย กระดูกไหปลาร้านูนลึกชัดเจน เนินผิวที่ใช้สองมือปิดบังไว้ โผล่ให้เห็นวับๆ แวมๆ เสื้อชั้นในบางเปียกเผยให้เห็นนั่นบ้างนี่บ้างทำเอารู้สึกเย้ายวน ไม่สิ นางมีหลายสิ่งอย่างนับไม่ถ้วนที่สามารถล่อลวงชายหนุ่มได้

 

 

ชายหนุ่มทอดสายตามองนางนิ่งๆ อากาศที่เปียกชื้นกับหยดที่น้ำที่เกาะไหลไปตามลำตัวยิ่งชวนให้รู้สึกตื่นเต้นเข้าไปใหญ่

 

 

ในช่วงเวลาอันสั้น พวกเขาทั้งสองนั้นได้กลายเป็นชายหนุ่มและหญิงสาว

 

 

บีพาอันยื่นมืออกไป มือใหญ่นั้นกำลังตรงไปทางปลายผมยาวสลวยของกโยซึล ทันทีที่เห็นมือนั้นมุ่งมาที่ตัวเอง กโยซึลก็ตื่นตระหนกรีบถอยหลัง แขนที่ไพล่กลับไปเพื่อที่จะดันตัวเองหนี แต่เพราะความตื่นเต้นทำให้สุดท้ายตัวนางก็ถลาลื่นอีกครั้ง

 

 

ตูม

 

 

มือที่แข็งจนเกินไปทำให้สุดท้ายข้อก็พลิกแพลง ทั้งเนื้อทั้งตัวลื่นล้มกระทบน้ำอย่างจัง มือแหวกว่ายตะกายน้ำ ทำให้ให้บ่อน้ำที่เคยเงียบสงบเกิดเสียงอลหม่าน

 

 

เสียงลื่นล้มและตะเกียกตะกายจากนางปลุกให้บ่อน้ำกลางแจ้งแตกตื่นไปหมด แรงดึงดูดเย้ายวนเมื่อชั่วครู่ก็พลอยสลายหายไปด้วย ชายหนุ่มที่เคยล่องลอยไปกับไอน้ำ ในตอนนี้เองเขาก็ตั้งสติขึ้นได้ ไม่ใช่แค่เพราะเสียง แต่น้ำที่กระเด็นกระดอนทำให้เขากลับมามีสติอย่างช่วยไม่ได้ ใบหน้าเปียกปอนจนแม้แต่แก้มก็ยังเย็นชืด บีพาอันเก็บมือกลับไป แต่กโยซึลกลับดึงร่างของเขา

 

 

“ข ขออภัยเพคะ”

 

 

กโยซึลที่เอาแต่จมอยู่ในน้ำในที่สุดก็ลุกขึ้นมาได้ เพราะลุกขึ้นจากน้ำอย่างรวดเร็วทำให้ชายเสื้อแทบจะไปกองอยู่ที่เท้าจนหมด กโยซึลเข้าไปใกล้บีพาอันแล้วก็เอาแขนเสื้อเช็ดหน้าให้เขา ไม่สิ พยายามจะเช็ดหน้าให้เขา แต่แขนเสื้อที่เปียกจนชุ่มไปแล้วจะยังเช็ดอะไรได้อีก มีแต่จะทำให้หน้าเขาเปียกยิ่งกว่าเดิมเท่านั้น

 

 

“ดูเหมือนว่าแขนเสื้อจะเปียก เช็ดไม่ได้”

 

 

บีพาอันที่ทำหน้าเรียบเฉยมาตลอดอยู่ๆ ก็พูดตำหนิให้กับการกระทำงี่เง่าของกโยซึล และเพราะคำพูดนั้นเองจึงทำให้นางรู้ตัว

 

 

“ม หม่อมฉันทำพลาดอีกแล้ว ขออภัยเพคะ”

 

 

“วันนี้ได้ยินคำว่าขออภัยจากชายาเยอะเหลือเกิน”

 

 

“ข ขออภัย…” กโยซึลที่กำลังจะพูดขอโทษอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็นึกขึ้นได้ จึงเม้มปากกลับไป

 

 

“ดูท่าแล้วเราควรจะออกไปจากที่นี่สินะ เราคงจะทำให้ชายาตกใจ”

 

 

“เรื่องนั้น…” กโยซึลลังเลไม่กล้าตอบ

 

 

“…ไม่ปฏิเสธสินะ”

 

 

กโยซึลหน้าแดงก่ำเพราะนั่นเป็นความจริง และนางก็ไม่กล้าพูดออกไป ต่อให้อยู่ในสถานการณ์ที่ชวนตกใจเพียงใดนางก็ไม่สามารถพูดโกหกได้ แน่นอนว่านั่นเป็นหนึ่งในลักษณะพิเศษของนางด้วย

 

 

บีพาอันมองผ่านกโยซึลไป เขาหันไปดึงเสื้อตัวนอกที่เปียกชุ่มขึ้นมา

 

 

“คราวนี้ก็เชิญอาบน้ำให้สบาย”

 

 

“ฝ ฝ่าพระบาท”

 

 

บีพาอันหมายจะออกไปจากบ่อน้ำกลางแจ้ง แต่กโยซึลกลับเรียกเขาเอาไว้ บีพาอันหยุดนิ่งก่อนที่ไอน้ำจะเข้าปกคลุมร่างของเขา

 

 

“ที่ตรัสว่ามีเรื่องจะพูด ไม่ทราบว่าเรื่องอันใดหรือเพคะ” กโยซึลถามถึงเรื่องที่บีพาอันเองก็ลืมไปแล้ว นางกลั้นความอยากรู้เอาไว้ไม่ไหว

 

 

บีพาอันตอบนางโดยที่ไม่หันกลับมามองด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยเช่นเคย

 

 

“อ้อ เป็นเรื่องไม่สำคัญที่ตอนแรกก็ไม่ได้ตั้งใจจะพูดถึงเสียซ้ำ แต่เห็นว่าชายามาที่นี่ก็เลยคิดว่าบอกไว้ก็คงจะดี พรุ่งนี้เราจะเดินทางกลับพระราชวังหลวง”

 

 

เพราะได้ยินคำตอบที่ไม่คาดฝัน กโยซึลจึงถามกลับไป

 

 

“ว่าอย่างไรนะเพคะ จะกลับพรุ่งนี้หรือเพคะ แค่ฝ่าพระบาทน่ะหรือเพคะ”

 

 

“ถ้าชายากลับด้วยกันก็จะดีมาก”

 

 

“ม ไม่ หม่อมฉัน…หม่อมฉันอยากจะอยู่ต่ออีกสักหน่อย”

 

 

กโยซึลเสียงสั่น นึกได้ว่าจะเผยเป้าหมายที่มาตำหนักกงรีมกออกไปไม่ได้ นางหลุบตาลง ขาชากลัวว่าเขาจะรู้เรื่องที่นางซ่อนไว้ แม้ว่าในความจริงแล้วบีพาอันที่หันหลังอยู่จะมองไม่เห็นนางก็ตาม

 

 

“วันนี้มีรายงานด่วนมาจากระราชวังหลวง” บีพาอันพูดต่อ “มีงานราชการสำคัญบางอย่าง องค์จักรพรรดิมีคำสั่งให้กลับ”

 

 

“เป็นอย่างนี้เอง” กโยซึลพยักหน้าหงึกหงักพลางรู้สึกเสียดายแปลกๆ ไหนๆ ก็ถามไปแล้ว จะถามเพิ่มอีกคำถามก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

 

 

“ถ้าเช่นนั้น…หากเราไม่เจอกันวันนี้ ก็จะกลับพระราชวังหลวงโดยที่ไม่บอกหม่อมฉันหรือเพคะ”

 

 

“เราฝากเรื่องไว้กับนางกำนัลแล้ว” คำตอบของบีพาอันนั้นแสนเรียบง่าย หลังจากตอบแล้วเขาก็พูดต่ออีกไม่กี่คำ “มันเป็นคำสั่งเร่งด่วน”

 

 

ก็คงจะต้องเป็นอย่างนั้น

 

 

กโยซึลกลืนคำพูด ทั้งๆ ที่นั่งอยู่ในบ่อน้ำร้อนแท้ๆ แต่ใจกลับรู้สึกถึงฤดูหนาว คิดไปคิดมาแล้ว การกลับไปโดยไม่บอกกล่าวต่างหากถึงจะสมกับเป็นบีพาอัน

 

 

เพราะช่วงนี้อยู่ใกล้กับฝ่าพระบาท ก็เลยคิดไปเองว่าความสัมพันธ์ของพวกเราดีขึ้นอย่างนั้นหรือ

 

 

การที่กโยซึลรู้สึกเสียใจแบบนี้ช่างน่าขันยิ่งนัก

 

 

“ไม่เป็นไรเพคะ หม่อมฉันรับทราบแล้ว พระองค์ต้องเดินทางไกล รีบเสด็จไปพักผ่อนเถิดเพคะ”

 

 

“เช่นนั้นเราขอตัว…หวังว่าจะทรงพักผ่อนที่ตำหนักนอกให้สบาย แล้วค่อยกลับไป”

 

 

“เพคะ วางทระทัยเถิด”

 

 

แม้จะคิดว่าบีพาอันคงไม่เคยเป็นห่วงใคร แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ตอบกลับไปตามความเหมาะสม เป็นคำพูดไร้สาระตามมารยาทครั้งแรกของนางเลยก็ว่าได้ สุดท้ายก็รู้สึกกระดากอายเพราะความไม่คุ้นชิน กโยซึลโค้งให้กับบีพาอันที่หันหลัง เสียงน้ำเคลื่อนไหวเป็นสัญญาณบอกบีพาอันได้ว่านางขยับ ท้ายที่สุดบีพาอันก็ไม่หันกลับมาอีก จากนั้นก็เดินออกจากบ่อน้ำกลางแจ้งนี้ไป

 

 

กโยซึลที่ตอนนี้เหลือตัวคนเดียวแล้วยืนค้างอยู่สักพักก่อนจะนั่งลง ร่างเย็นหลังจากยืนตากลมถูกความร้อนของน้ำกลบอีกครั้ง

 

 

“ทีนี้…ก็จะได้อยู่ที่ตำหนักนอกอย่างสบายใจจริงๆ เสียที”

 

 

กโยซึลเสียงสั่นเครือยามรู้สึกผ่อนคลาย น้ำเสียงฉายแววว้าเหว่อยู่เล็กน้อย นางนั่งเอาหลังพิงขอบสระ ที่อาบน้ำด้วยกันเมื่อครู่ทำให้นางเกร็งจนไม่กล้าเอนตัวแบบนี้ด้วยซ้ำ พอร่างกายรู้สึกผ่อนคลายลงบ้างหัวใจก็รู้สึกสบายขึ้นไปเอง

 

 

ในที่สุดก็ได้สัมผัสบรรยากาศที่แท้จริงของบ่อน้ำกลางแจ้งนี้ กโยซึลแหงนหน้ามองขึ้นไปยังท้องฟ้า ต่ำกว่าคอเป็นเป็นอุ่นไอร้อน แต่ที่ปลายจมูกได้สัมผัสอากาศเย็นเฉียบ พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวของกลางเดือนยังคงมีเค้าโครงกลมของพระจันทร์เต็มดวงให้เห็นอยู่ ไอจากบ่อน้ำร้อนค่อยๆ ลอยขึ้นจนบังพระจันทร์ไว้มิด เหนือไอน้ำสีขาวไปคือแสงจันทร์ที่ชุ่มฉ่ำเช่นเดียวกับอากาศ

 

 

ทั้งๆ ที่อาบน้ำร้อนแท้ๆ แต่กลับรู้สึกหนาวเย็นนัก

 

 

 

 

 

วันถัดมา บีพาอันตื่นมาเตรียมการตั้งแต่เช้า ขามาตำหนักหนักกงรีมกนั้นมากับกโยซึล แต่ขากลับเขากลับไปคนเดียว เกี้ยวที่ใช้เดินทางตั้งแต่ออกจากพระราชวังนั้นเขาทิ้งไว้ให้กโยซึล ส่วนเขาขี่ม้ากลับแทน

 

 

“ฝ่าพระบาท”

 

 

ขณะที่กำลังจะออกเดินทางกลับ เขากลับได้เย็นเสียงเรียกขึ้น บีพาอันหันกลับไปมองด้วยความสงสัย ทันทีที่หันกลับไปเขาก็พบว่าเป็นกโยซึลที่อยู่ตรงนั้น

 

 

กโยซึลที่แต่งตัวงดงามโค้งตัวให้เขาอย่างนอบน้อม

 

 

“เดินทางกลับพระราชวังหลวงอย่างปลอดภัยนะเพคะ”

 

 

“ออกมาส่งเราหรือ” น้ำเสียงของบีพาอันสั่นเล็กน้อย กลับเป็นกโยซึลที่พยักหน้ารับอย่างนิ่งๆ แทน

 

 

“ในฐานะชายาเอก เหม่อมฉันต้องมาลาฝ่าพระบาทที่ต้องเดินทางไกลอยู่แล้วเพคะ”

 

 

“…ไม่เลวเลยทีเดียว”

 

 

สายตาของบีพากันและกโยซึลประสานกันชั่วครู จากนั้นเป็นเป็นบีพาอันที่หันกลับไปก่อนเช่นเคย

 

 

“แล้วเจอกันที่พระราชวังหลวงเพคะ ตอนที่กลับถึงพระราชวังหม่อมฉันจะไปเข้าเฝ้าพระองค์อีกที”

 

 

“พักผ่อนเท่าที่ต้องการแล้วค่อยกลับไปเถิด”

 

 

“…เพคะ” เสียงของกโยซึลที่ใช้ตอบเรียบเชียบราวกับสายลมพัดผ่าน

 

 

ขบวนเสด็จของบีพาอันเตรียมพร้อม กโยซึลจับจ้องด้านหลังของพระสวามีตนเองอยู่ที่เดิม รอจนบีพาอันหายลับสายตาไปแล้วกโยซึลจึงจะเดินกลับไป

 

 

“ดูเหมือนฝ่าพระบาทฮวางแทจากับพระชายาฮวางแทจาจะรักกันจริงนะ”

 

 

ฝีท้าวของกโยซึลที่กำลังก้าวกลับไปที่พักหยุกชะงัก เหล่าข้ารับใช้ที่มารอส่งเสด็จบีพากันต่างก็กำลังซุบซิบนินทากันใหญ่

 

 

“เฮ้อ อิจฉาจัง ข้าเองก็อยากมีความรักแบบทั้งสองพระองค์บ้าง”

 

 

“อย่างเจ้าฝันไปเถอะ”

 

 

“ข้าคงต้องพอใจอยู่ที่แค่ดูฝ่าพระบาทฮวางแทจากับพระชายาฮวางแทจาไปอย่างนี้”

 

 

ยามได้ยินเสียงพูดคุยเซ็งแซ่ของเหล่าข้ารับใช้ผู้ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย กโยซึลก็รีบเร่งฝีเท้า นางขบกัดที่ริมฝีปากของตนเบาๆ

 

 

***

 

 

หลังจากที่บีพาอันออกจากตำหนักกงรีมกไป กโยซึลก็จุดโคมไฟหนึ่งดวงทิ้งไว้ในห้องบรรทมทุกคืน ตรงหน้าต่างที่อยู่ใกล้กับเตียงนอนที่สุดก็มีดอกลิลลี่ภูเขาสีม่วงวางเอาไว้ด้วย แม้ว่าที่คุยกันไว้จะมีเพียงแค่ดอกลิลลี่ภูเขาเท่านั้น แต่เกรงว่าในคืนค่ำมืดมิดรูแฮอาจจะหลงทางได้ นางจึงไม่ยอมดับโคมไฟ แม้ตามทางเดินในตำหนักรองจะมีโคมไฟสว่างไสว แต่ที่พักที่ไม่มีคนอยู่ก็จะถูกปล่อยทิ้งไว้ให้มืด เพื่อให้เขาหานางเจอในหมู่ที่พักอันมืดมิด กโยซึลจึงจุดโคมไฟทิ้งไว้ให้เห็นรางๆ

 

 

เหนือกระดาษกั้นมีเปลวไฟอ่อนๆ ของโคมไฟสว่างอยู่

 

 

กโยซึลนอนอยู่ในห้องที่ก็ไม่ได้มืดหรือสว่างจ้าเสียทีเดียว แม้จะทิ้งตัวลงนอนนานแล้วแต่นางก็ยังนอนไม่หลับ เส้นผมของนางยามนอนตะแคงข้างพลิ้วสยาย ดวงตากระพริบปริบๆ แม้จะไม่ได้มองอะไรอยู่ แต่นางก็ยังไม่นอน ทั้งยังมองเหม่อไปในอากาศอยู่อย่างนั้น

 

 

“คงไม่ต้องรอเกินครึ่งเดือนหรอกนะ”

 

 

นางนึกถึงคำพูดของรูแฮผู้ที่มาทำภารกิจตรวจตราการที่ทางใต้ หัวใจกระสับกระส่าย ความรู้สึกว่างเปล่านี้ทำให้ถึงแม้จะอยู่ในตำหนักรองก็ไม่รู้สึกเพลิดเพลินเลยสักนิดเดียว

 

 

ที่หัวใจรู้สึกเปล่าเปลี่ยวเช่นนี้เป็นเพราะอะไรกัน

 

 

ทุกครั้งที่เกิดคำถาม กโยซึลมักจะฝืนบังคับให้ตัวเองคิดไปถึงรูแฮ บอกกับใจตัวเองว่านอกจากรูแฮแล้ว จะเป็นใครไปไม่ได้อีก

 

 

“เร็ว…ถ้ารูแฮมาในเร็ววันนี้ก็คงจะดี”

 

 

กโยซึลซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มผ้าแพร เข่าและตัวของนางคดงอเข้าหากัน ที่นอนที่เคยนอนคนเดียวทุกวัน ช่วงนี้กลับให้ความรู้สึกกว้างและอ้างว้างเป็นพิเศษ

 

 

แสงจันทร์สาดส่องลงมายังตำหนักกงรีมกที่หลับไหลอย่างเลือนลาง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด