ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ 92 โรคกระเพาะ

Now you are reading ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ Chapter 92 โรคกระเพาะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กโยซึลที่พารูแฮกับกโยยองเข้ามาในห้อง นั่งลงก่อนบนเบาะรองนั่งแล้วมองทั้งคู่อย่างนิ่งเงียบ รูแฮนั้นอยู่ห่างออกไปก้าวหนึ่ง กโยยองนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับโต๊ะเขียน กโยซึลได้แต่จ้องมองไปที่พวกเขาอยู่ชั่วขณะ ริมฝีปากที่ปิดสนิท คิ้วที่ดูแข็งทื่อ สายตาและริมฝีปากที่ไร้รอยยิ้ม สีหน้าที่ไม่เคยปรากฏบนใบหน้าของกโยซึลมาก่อน นางขึงตาจ้องมองไปที่กโยยองด้วยสายตาอันหนักอึ้ง  

 

 

“เราขอถามพระชายาฮวางแทจาก่อน”  

 

 

มันเป็นช่วงที่ริมฝีปากเริ่มแห้งสนิทท่ามกลางความเงียบที่ชวนหายใจไม่ออก อยู่ๆ กโยซึลก็เปิดบทสนทนาด้วยคำถามที่ชวนให้ไม่กล้าเอ่ยปากตอบ  

 

 

“ของที่อยู่ด้านในนี้คือสิ่งใดหรือ”  

 

 

นิ้วของกโยซึลชี้ไปที่กล่องใส่ขนมอย่างชัดเจน กโยยองดูพยายามที่จะหลบสายตากโยซึล กล่องที่พูดถึงนั้นคือกล่องที่นางแอบซ่อนเอาไว้ในกระโปรงมาอย่างลับๆ ซ่อนมาจนถึงตำหนักดงบี และก็ได้ถือออกไปอีกที  

 

 

“…ต๊อกเพคะ”  

 

 

“เป็นต๊อกที่สะอาด มิมีพิษเจือปนใช่หรือไม่”  

 

 

“พระ…พระชายาฮวางแทจา กโยซึล!” กโยยองตะโกนออกมาอย่างอ่อนแรง  

 

 

รูแฮที่ยืนอยู่ด้านหลังตกใจ เขาไม่คิดเลยว่ากโยซึลจะโยนคำถามที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้ มีเพียงกโยซึลคนเดียวเท่านั้นที่ในตอนนี้ดูสงบ แม้นางจะเอ่ยคำพูดที่อันตรายออกไป แต่นางก็ได้พูดต่อด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก  

 

 

“แม้พระชายารองฮวางแทจาจะขีดเส้นระหว่างเราไว้แล้ว แต่เรายังคงโปรดปรานพระชายารองฮวางแทจาอยู่”  

 

 

“หม่อมฉัน…”  

 

 

“ทว่า” กโยซึลตัดคำพูดอย่างเฉียบขาด มือทั้งสองข้างที่กำหมัดอยู่แน่นนั้นเปลี่ยนมาลูบท้องตนเบาๆ นางก้มหน้าลงเล็กน้อย มองลงไปที่ท้องของตน สายตาแปลกประหลาดเมื่อครู่ เริ่มกลับมาอบอุ่นเหมือนเคย  

 

 

“หากเด็กคนนี้ ลูกของเราได้รับอันตราย เราจะไม่มีวันให้อภัยท่าน”  

 

 

ความเงียบคืบคลานเข้ามาอีกครั้ง  

 

 

มือของมารดาที่ลูบลูกน้อยในครรภ์อย่างอ่อนโยนนั้นเริ่มคลายออก สายตาอันอ่อนโยนค่อยๆ หายไปอย่างช้าๆ กโยซึลเงยหน้ามองกโยยองอีกครั้งหนึ่ง ส่วนกโยยองก็ไม่หลบสายตาของนาง แม้ทั้งคู่จะปิดปากแน่นแต่บรรยากาศนั้นช่างแตกต่าง แม้จะแกล้งทำเป็นสงบนิ่ง แต่สำหรับกโยยองนั้นนางรู้สึกเครียดอย่างเห็นได้ชัด  

 

 

“ครั้งนี้ก็ทรงทำมาให้เรามิใช่หรือ เหตุใดถึงไม่นำมาให้แล้วจะนำกลับไปกันเล่า”  

 

 

“ยังเตรียมมาไม่พอเพคะ”  

 

 

“ไม่ใช่ว่าเริ่มกลัว เพราะได้ยินว่าเราปวดท้องหรอกหรือ”  

 

 

“เป็นเพียงการสันนิษฐานเพคะ” กโยยองกัดริมฝีปากของตัวเอง   

 

 

นางเคยคิดว่ากโยซึลเป็นเพียงสาวน้อยไร้เดียงสาน่าขันจนบางทีตนก็ดูถูกนาง แต่ทว่าตอนนี้นั้นกลับรู้สึกว่าตนกำลังถูกนางหลอก กโยยองกำมือแน่นขึ้นจนทำให้เกิดรอยยับมากมายที่กระโปรง เมื่อชายเสื้อถูกดึงขึ้นมาครึ่งนึง ก็เผยให้เห็นกล่องที่ใส่ต๊อกไว้  

 

 

“ตรัสว่าทรงทำเองใช่หรือไม่” กโยซึลถามอีกครั้ง “ทรงใส่อะไรลงไปหรือ รู้อยู่ใช่หรือไม่ว่าใส่อะไรเข้าไปบ้าง”  

 

 

“…” กโยยองไม่ตอบคำถาม ได้แต่หลับตาลง   

 

 

กโยซึลไม่เร่งเร้าอะไร ไม่ถามอะไรอีกได้แต่รอ  

 

 

ความเงียบปกคลุมอีกครั้ง ไม่รู้เลยว่าในหัวของกโยยองที่หลับตาอยู่นั้นกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เมื่อนางลืมตาขึ้น นางก็ยิ้มออกมาอย่างไม่คาดคิด  

 

 

คิกคิก  มีเสียงลมเบาๆ เล็ดลอดออกมาจากช่องว่างระหว่างริมฝีปากของกโยยอง  

 

 

“มิใช่ว่าได้ตรวจสอบทุกอย่างแล้วหรือเพคะ”  

 

 

“พระชายารองฮวางแทจา!”  

 

 

รูแฮที่เฝ้าดูอยู่ทนไม่ไหวพุ่งเข้าไปหานาง ไม่ใช่สิเขาแค่คิดว่าจะเข้าไปหานาง เพื่อที่จะห้ามปรามคำพูดที่ไร้มารยาทของนาง แต่รูแฮกลับถูกขัดขวาง ทันทีที่รูแฮเคลื่อนไหว กโยซึลก็โบกมืออย่างเบาๆ การโบกมือเล็กๆ ของนางทำให้รูแฮหยุดการกระทำลง การที่กโยซึลห้ามไม่ให้รูแฮเข้ามายุ่งนั้นก็เพื่อที่จะได้เผชิญหน้ากับกโยยองได้อย่างตรงไปตรงมา  

 

 

“ให้เรากินสิ่งนี้ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วอย่างนั้นหรือ”  

 

 

“หวังว่ารสชาติจะถูกปากนะเพคะ”  

 

 

คำตอบของกโยยองพอที่จะทำให้ทุกคนตกใจได้ แม่นมที่ยืนรออีกด้านเดาะลิ้น ส่วนรูแฮนั้นก็ไม่สามารถซ่อนความโกรธได้จึงมองกโยยองด้วยสายตาที่เบิกโพลง มีเพียงแค่กโยซึลเท่านั้นที่ท่าทีของนางยังคงเหมือนเดิมกับก่อนหน้านี้ ส่วนกโยยองจ้องมองกโยซึลอย่างไม่กลัวสิ่งใด  

 

 

ทุกอย่างถูกเปิดเผย มันจบสิ้นแล้ว กโยยองที่มั่นใจว่าทุกอย่างจบแล้วไม่ได้รู้สึกลังเลใดๆ กโยซึล  

 

 

มองกโยยองที่ยอมรับอย่างไม่มีข้อตะขิดตะขวงใจอย่างรู้สึกโล่งใจ สิ่งที่อยู่ภายในใจได้ถูกคลี่คลาย ตอนนี้  

 

 

กโยซึลสามารถที่จะคุยกับกโยยองได้อย่างปล่อยวางขึ้น  

 

 

“ทรงหวังสิ่งใดหรือ”  

 

 

“หวังว่าความเจ็บปวดจะหมดลงเพคะ”  

 

 

ความเจ็บปวด  

 

 

กโยยองตอบว่าความเจ็บปวด คำว่าความเจ็บปวดที่ออกมาจากปากของกโยยองส่งตรงไปถึงกโยซึล คำนั้นทำให้กโยซึลเจ็บปวดด้วยความหมายของตัวมันเอง นางบีบมือที่กอดท้องของตัวเองไว้แน่นขึ้นเล็กน้อย  

 

 

“ความสุขที่มากล้นของเราคือความเจ็บปวดของพระชายารองฮวางแทจาหรือ”  

 

 

“…เป็นสิ่งที่ทรงหวังไว้มิใช่หรือเพคะ” ตาของกโยยองเริ่มแดง “ทรงไม่ได้ปรารถนาให้เป็นเช่นนี้มิใช่หรือเพคะ หรือว่าทรงโกหกหม่อมฉันมาตลอด ทรงมีความสุขหรือเพคะ กับการได้มีลูกกับคนที่ตนไม่ได้รักใคร่”  

 

 

“พระชายารองฮวางแทจา นี่มัน…”  

 

 

เมื่อกโยซึลได้ยินคำตอบที่ตรงไปตรงมาของกโยยองแล้ว นางก็พอจะรู้ว่าสถานการณ์นี้มันเริ่มผิดเพี้ยนที่ตรงไหน ทว่ามันก็เป็นเรื่องที่ไม่สามารถชี้แจงได้ แต่ถึงอย่างไรการหึงหวงของกโยยองก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง  

 

 

“เราไม่ได้แย่งชิงบุตรของพระชายาฮวางแทจามามิใช่หรือ”  

 

 

“แย่งสิ!” กโยยองขึ้นเสียงในทันที  

 

 

“ข้ามาก่อน ข้าเข้ามาในพระราชวังนี้ก่อน มาอยู่กับองค์ฮวางแทจาก่อน ข้ามาก่อน ข้าอยู่มาก่อนที่ท่านจะมาเสียอีก เหตุใดข้าถึงกลายเป็นเงาของท่านไปได้!”  

 

 

กโยยอง เป็นเพียงแค่เงาก่อนที่กโยซึลจะมาอยู่ก่อนแล้ว นางถูกแต่งตั้งให้เป็นเพียงเงาของกโยซึล  

 

 

“เหตุใดเจ้าจึงเอาทุกอย่างไป”   

 

 

กโยยองพูดกับกโยซึลถึงเรื่องที่นางเข้ามาพระราชวังทีหลัง เรื่องที่ตนไม่สามารถอยู่ในใจของฮวางแทจาได้ เรื่องที่กโยซึลเป็นคนซื่อ โง่เขลา และใจดี กโยยองเอาพูดแต่เรื่องน่าขันทั้งสิ้น  

 

 

“หากข้าไม่มี เจ้าเองก็ไม่ควรมีด้วยเช่นกันมิใช่หรือ”  

 

 

กโยยองที่พรั่งพรูคำพูดดุจพายุค่อยๆ สงบลง ตอนนี้รอยยิ้มของนางจางหายไป และกลับมาเป็นพระชายาฮวางแทจาที่สงบนิ่งดังเดิม  

 

 

“หม่อมฉันอยู่กินกับฮวางแทจามาเป็นเวลานานก่อนพระชายาเอกฮวางแทจา หม่อมฉันช่วยเหลืองานฝ่าพระบาทฮวางแทจามาหลายปีแทนตำแหน่งชายาเอก แต่ว่าตลอดช่วงเวลานั้นองค์ฮวางแทจาไม่เคยเสด็จมาหาหม่อมฉันเลย การที่คืนส่งตัวไม่เกิดสิ่งใดขึ้น หม่อมฉันก็ยอมรับให้มันเป็นเรื่องของโชคชะตา และนั่งอยู่เบื้องขวาของฮวางแทจาอย่างสงบเสงี่ยม แต่แล้ว…”  

 

 

แม้ท่าทีและคำพูดของกโยยองจะเรียบและฟังดูดี แต่เนื้อหาที่พูดนั้นไม่ใช่เลย แต่กโยซึลก็ไม่ได้ตำหนิติเตียนใดๆ ได้แต่ฟังคำพูดล่วงเกินนั้นอย่างเงียบๆ   

 

 

“การที่ฝ่าพระบาทฮวางแทจาทรงมาเยือนตำหนักพระชายาเอกฮวางแทจานั้นมันเรื่องที่เหมาะสมแล้ว แต่ทว่าหม่อมฉันนั้นมิอาจยินยอมได้”  

 

 

“โชคดีที่เด็กในครรภ์ปลอดภัย” กโยซึลพูดต่อจากนาง “สุขภาพดีและแข็งแรงมาก”  

 

 

“หม่อมฉันจะรีบจัดการตำหนักดงบินให้เรียบร้อยเพคะ”  

 

 

กโยยองยอมรับบทลงโทษที่ตนจะได้รับอย่างเจียมตัว แต่คำตอบของกโยซึลที่กำลังไต่สวนอย่างเยือกเย็นและเฉียบขาดนั้นกลับเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง  

 

 

“เราเพียงแค่ไม่ระมัดระวังการทานอาหารจึงทำให้เป็นโรคกระเพาะเพียงเท่านั้น”  

 

 

กโยซึลได้ทำการวินิจฉัยโรคด้วยตัวของนางเอง คำพูดนี้ของกโยซึลทำให้กโยยองกระสับกระส่ายยิ่งกว่าคำพูดใดที่ถูกเอ่ยออกมาทั้งหมดก่อนหน้านี้ และกโยยองก็ได้ตอบกลับไปด้วยสีหน้าที่บิดเบี้ยว  

 

 

“พระชายาฮวางแทจา!”  

 

 

“อย่างที่พระชายารองฮวางแทจาได้ตรัสไปเมื่อสักครู่ ว่าได้ทรงช่วยเหลือรับใช้ฝ่าพระบาทฮวางแทจามาตั้งแต่ตำแหน่งชายาเอกยังว่างอยู่ เราเองก็หวังว่าพระชายารองฮวางแทจาจะทรงรับใช้อยู่เบื้องขวาของฝ่าพระบาทฮวางแทจาต่อไป”  

 

 

“…จนวันสุดท้าย”  

 

 

กโยยองเม้มปากแน่น ทั้งยังถลึงตาโต  

 

 

“เรานั้น” แม้กโยซึลจะเอ่ยพูดอย่างนิ่งๆ แต่นางกลับรู้สึกรวดร้าวอยู่ข้างใน  

 

 

“สำหรับพระชายารองฮวางแทจาแล้ว เรานั้นไม่ได้มีความรู้สึกส่วนตัวใดๆ เลย ไม่ว่าจะเจตนาร้าย หรือเจตนาดี แต่ก็หวังว่าเราแต่ละคนจะทำหน้าที่ของตัวเองในฐานะชายาเอกและชายารองอย่างเต็มที่”  

 

 

“ไม่มีทางอย่างเด็ดขาด” กโยยองลุกพรวดจากที่นั่ง “หม่อมฉันไม่รู้สึกซึ้งใจเลยสักนิดเพคะ”  

 

 

“เพราะมันไม่ใช่หน้าที่ของพระชายารองที่จะต้องรู้สึกซึ้งใจอยู่แล้ว”  

 

 

“ทรงพระเจริญพันปี พันปี พันปีพันปี”  

 

 

หน้าที่นี้คือหน้าที่ที่ถูกต้องชัดเจน หลังจากที่กโยยองทำการคารวะสามพันปีเสร็จแล้วนางก็กลับไป  

 

 

มันเป็นเรื่องที่ไม่อาจจบเพียงเท่านี้ได้ ไม่อาจทำได้เลย แต่ว่ากโยซึลนั้นก็ได้เมินเฉยต่อการกระทำครั้งนี้ เพราะตัวนางเองนั้นก็มีสิ่งที่ปกปิดอยู่เช่นกัน นางอยากจะคลอดลูกอย่างสงบ และเพราะมันมีความหมายมากจึงอยากจะเก็บซ่อนมันไว้อย่างดีที่สุด  

 

 

หลังจากที่กโยยองจากไปก็เหลือเพียงแค่รูแฮ เขาได้เริ่มถามเป็นครั้งแรกหลังจากเฝ้าดูสถานการณ์อยู่ด้านหลัง  

 

 

“รู้ได้อย่างไรหรือ”   

 

 

ไม่จำเป็นต้องบอกว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร กโยซึลตอบกลับไปทันทีราวกับว่ากำลังรอที่จะตอบอยู่  

 

 

“วันนั้น วันที่ปวดท้อง รูแฮเองก็เจ็บมือมิใช่หรือ ตอนนั้นคิดเรามาคิดได้ทีหลังจึงสั่งให้แม่นมเรียกหมอหลวงมาอีกครั้ง”  

 

 

“ยูอนบูอินบอกนั่นเอง”  

 

 

“อย่าโทษแม่นมเลย แม่นมเพียงแค่ทำหน้าที่ในการปกป้องเราเพียงเท่านั้น”  

 

 

หน้าที่หลัก  

 

 

การใช้ชีวิตทำตามหน้าที่หลักนั้นไม่มีปัญหาอะไร แต่หากเอาอารมณ์ความรู้สึกมาผสมกับหน้าที่หลักแล้วสิ่งต่างๆ ก็จะยากขึ้น หากหน้าที่หลักคือทั้งหมดที่ต้องทำ กโยยองก็จะไม่เป็นเช่นนี้ และจะไม่แสดงอาการแปลกๆ เช่นนี้ แม่นมที่ถอยไปยืนรออยู่น้อมหัวลง รูแฮหันไปมองแม่นมทีหนึ่ง แล้วกโยซึลก็พูดต่อ  

 

 

“เราได้ติดต่อหมอหลวงเป็นการส่วนตัวไปแล้ว และได้สั่งให้รายงานต่อตำหนักดงบีตามที่ตรวจสอบได้”  

 

 

“แต่ข้าได้บอกให้เขาเก็บเป็นความลับต่อตำหนักดงบีไปเสียแล้ว”  

 

 

“หมอหลวงบอกว่ามีสมุนไพรบางอย่างอยู่ในนั้น” กโยซึลกอดท้องตัวเอง  

 

 

“หมอหลวงบอกว่ามันอันตราย มันจะรบกวนการยึดตัวของเด็กในครรภ์ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ และยังทำให้ตกเลือดอีกด้วย แม้จะไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นเนื่องจากมันมีปริมาณน้อย แต่ก็อาจจะเป็นเพราะพวกเขารู้ช่วงเวลาตั้งครรภ์ผิดไปด้วย”  

 

 

ช่วงเวลาตั้งครรภ์ที่คนอื่นๆ รู้นั้นช้ากว่าเวลาจริงอยู่หนึ่งเดือน และเพราะเหตุนี้จึงทำให้ทารกในครรภ์ยึดตัวได้เรียบร้อยแล้วจึงไม่เกิดเหตุร้ายใด  

 

 

“…โล่งอกไปที” ช่างโชคดีและเป็นที่โล่งใจ  

 

 

“แล้วรูแฮเก็บซ่อนความลับเรื่องที่ว่าต๊อกมีพิษกับเราได้อย่างไรกัน”  

 

 

“ข้าเกรงว่ากโยซึลจะหวาดกลัว เพราะกโยซึลโปรดปรานพระชายารองฮวางแทจานัก”  

 

 

กโยซึลหน้าเสีย และรูแฮก็เป็นคนที่คอยปกป้องด้านที่อ่อนแอของนางอยู่เสมอ  

 

 

“ยังคงเหมือนเดิม” กโยซึลหลับตาลง “ไม่อาจเกลียดนางได้ลง”  

 

 

‘นิสัยใจคอของพระชายาฮวางแทจานั้นช่างงดงามยิ่งนัก’  

 

 

ครั้งแรกที่ได้เจอกับกโยยอง นางได้พูดกับกโยซึลอย่างวางใจและด้วยใจที่บริสุทธิ์ พอพูดถึงเรื่องนี้ก็ทำให้กโยซึลนึกถึงใบหน้าและรอยยิ้มของกโยยองขึ้น นางเคยคิดว่ากโยยองคือพี่สาวของนาง นางเคยคิดว่ามันไม่เกี่ยวข้องเลยว่าจะเป็นชายาเอกหรือชายารอง แต่นั่นก็เป็นการเข้าใจผิดไปเองคนเดียวของนางผู้โง่เขลา   

 

 

กโยยองเป็นสตรีที่งามสง่า เรียบร้อย และเด็ดเดี่ยว หากพูดถึงสตรีก็ต้องเป็นเช่นนี้ กโยซึลอยากจะเป็นเหมือนกับนาง อยากจะพึ่งพานาง อยู่ข้างๆ นางไปนานๆ แต่สตรีผู้นั้นได้จากกโยซึลไปเสียแล้ว ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องปล่อยให้นางจากไป  

 

 

กโยซึลพูดอย่างอดกลั้นความรู้สึกไว้  

 

 

“มันเป็นเพียงโรคกระเพาะเล็กน้อยเท่านั้น”  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ 92 โรคกระเพาะ

Now you are reading ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ Chapter 92 โรคกระเพาะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กโยซึลที่พารูแฮกับกโยยองเข้ามาในห้อง นั่งลงก่อนบนเบาะรองนั่งแล้วมองทั้งคู่อย่างนิ่งเงียบ รูแฮนั้นอยู่ห่างออกไปก้าวหนึ่ง กโยยองนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับโต๊ะเขียน กโยซึลได้แต่จ้องมองไปที่พวกเขาอยู่ชั่วขณะ ริมฝีปากที่ปิดสนิท คิ้วที่ดูแข็งทื่อ สายตาและริมฝีปากที่ไร้รอยยิ้ม สีหน้าที่ไม่เคยปรากฏบนใบหน้าของกโยซึลมาก่อน นางขึงตาจ้องมองไปที่กโยยองด้วยสายตาอันหนักอึ้ง  

 

 

“เราขอถามพระชายาฮวางแทจาก่อน”  

 

 

มันเป็นช่วงที่ริมฝีปากเริ่มแห้งสนิทท่ามกลางความเงียบที่ชวนหายใจไม่ออก อยู่ๆ กโยซึลก็เปิดบทสนทนาด้วยคำถามที่ชวนให้ไม่กล้าเอ่ยปากตอบ  

 

 

“ของที่อยู่ด้านในนี้คือสิ่งใดหรือ”  

 

 

นิ้วของกโยซึลชี้ไปที่กล่องใส่ขนมอย่างชัดเจน กโยยองดูพยายามที่จะหลบสายตากโยซึล กล่องที่พูดถึงนั้นคือกล่องที่นางแอบซ่อนเอาไว้ในกระโปรงมาอย่างลับๆ ซ่อนมาจนถึงตำหนักดงบี และก็ได้ถือออกไปอีกที  

 

 

“…ต๊อกเพคะ”  

 

 

“เป็นต๊อกที่สะอาด มิมีพิษเจือปนใช่หรือไม่”  

 

 

“พระ…พระชายาฮวางแทจา กโยซึล!” กโยยองตะโกนออกมาอย่างอ่อนแรง  

 

 

รูแฮที่ยืนอยู่ด้านหลังตกใจ เขาไม่คิดเลยว่ากโยซึลจะโยนคำถามที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้ มีเพียงกโยซึลคนเดียวเท่านั้นที่ในตอนนี้ดูสงบ แม้นางจะเอ่ยคำพูดที่อันตรายออกไป แต่นางก็ได้พูดต่อด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก  

 

 

“แม้พระชายารองฮวางแทจาจะขีดเส้นระหว่างเราไว้แล้ว แต่เรายังคงโปรดปรานพระชายารองฮวางแทจาอยู่”  

 

 

“หม่อมฉัน…”  

 

 

“ทว่า” กโยซึลตัดคำพูดอย่างเฉียบขาด มือทั้งสองข้างที่กำหมัดอยู่แน่นนั้นเปลี่ยนมาลูบท้องตนเบาๆ นางก้มหน้าลงเล็กน้อย มองลงไปที่ท้องของตน สายตาแปลกประหลาดเมื่อครู่ เริ่มกลับมาอบอุ่นเหมือนเคย  

 

 

“หากเด็กคนนี้ ลูกของเราได้รับอันตราย เราจะไม่มีวันให้อภัยท่าน”  

 

 

ความเงียบคืบคลานเข้ามาอีกครั้ง  

 

 

มือของมารดาที่ลูบลูกน้อยในครรภ์อย่างอ่อนโยนนั้นเริ่มคลายออก สายตาอันอ่อนโยนค่อยๆ หายไปอย่างช้าๆ กโยซึลเงยหน้ามองกโยยองอีกครั้งหนึ่ง ส่วนกโยยองก็ไม่หลบสายตาของนาง แม้ทั้งคู่จะปิดปากแน่นแต่บรรยากาศนั้นช่างแตกต่าง แม้จะแกล้งทำเป็นสงบนิ่ง แต่สำหรับกโยยองนั้นนางรู้สึกเครียดอย่างเห็นได้ชัด  

 

 

“ครั้งนี้ก็ทรงทำมาให้เรามิใช่หรือ เหตุใดถึงไม่นำมาให้แล้วจะนำกลับไปกันเล่า”  

 

 

“ยังเตรียมมาไม่พอเพคะ”  

 

 

“ไม่ใช่ว่าเริ่มกลัว เพราะได้ยินว่าเราปวดท้องหรอกหรือ”  

 

 

“เป็นเพียงการสันนิษฐานเพคะ” กโยยองกัดริมฝีปากของตัวเอง   

 

 

นางเคยคิดว่ากโยซึลเป็นเพียงสาวน้อยไร้เดียงสาน่าขันจนบางทีตนก็ดูถูกนาง แต่ทว่าตอนนี้นั้นกลับรู้สึกว่าตนกำลังถูกนางหลอก กโยยองกำมือแน่นขึ้นจนทำให้เกิดรอยยับมากมายที่กระโปรง เมื่อชายเสื้อถูกดึงขึ้นมาครึ่งนึง ก็เผยให้เห็นกล่องที่ใส่ต๊อกไว้  

 

 

“ตรัสว่าทรงทำเองใช่หรือไม่” กโยซึลถามอีกครั้ง “ทรงใส่อะไรลงไปหรือ รู้อยู่ใช่หรือไม่ว่าใส่อะไรเข้าไปบ้าง”  

 

 

“…” กโยยองไม่ตอบคำถาม ได้แต่หลับตาลง   

 

 

กโยซึลไม่เร่งเร้าอะไร ไม่ถามอะไรอีกได้แต่รอ  

 

 

ความเงียบปกคลุมอีกครั้ง ไม่รู้เลยว่าในหัวของกโยยองที่หลับตาอยู่นั้นกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เมื่อนางลืมตาขึ้น นางก็ยิ้มออกมาอย่างไม่คาดคิด  

 

 

คิกคิก  มีเสียงลมเบาๆ เล็ดลอดออกมาจากช่องว่างระหว่างริมฝีปากของกโยยอง  

 

 

“มิใช่ว่าได้ตรวจสอบทุกอย่างแล้วหรือเพคะ”  

 

 

“พระชายารองฮวางแทจา!”  

 

 

รูแฮที่เฝ้าดูอยู่ทนไม่ไหวพุ่งเข้าไปหานาง ไม่ใช่สิเขาแค่คิดว่าจะเข้าไปหานาง เพื่อที่จะห้ามปรามคำพูดที่ไร้มารยาทของนาง แต่รูแฮกลับถูกขัดขวาง ทันทีที่รูแฮเคลื่อนไหว กโยซึลก็โบกมืออย่างเบาๆ การโบกมือเล็กๆ ของนางทำให้รูแฮหยุดการกระทำลง การที่กโยซึลห้ามไม่ให้รูแฮเข้ามายุ่งนั้นก็เพื่อที่จะได้เผชิญหน้ากับกโยยองได้อย่างตรงไปตรงมา  

 

 

“ให้เรากินสิ่งนี้ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วอย่างนั้นหรือ”  

 

 

“หวังว่ารสชาติจะถูกปากนะเพคะ”  

 

 

คำตอบของกโยยองพอที่จะทำให้ทุกคนตกใจได้ แม่นมที่ยืนรออีกด้านเดาะลิ้น ส่วนรูแฮนั้นก็ไม่สามารถซ่อนความโกรธได้จึงมองกโยยองด้วยสายตาที่เบิกโพลง มีเพียงแค่กโยซึลเท่านั้นที่ท่าทีของนางยังคงเหมือนเดิมกับก่อนหน้านี้ ส่วนกโยยองจ้องมองกโยซึลอย่างไม่กลัวสิ่งใด  

 

 

ทุกอย่างถูกเปิดเผย มันจบสิ้นแล้ว กโยยองที่มั่นใจว่าทุกอย่างจบแล้วไม่ได้รู้สึกลังเลใดๆ กโยซึล  

 

 

มองกโยยองที่ยอมรับอย่างไม่มีข้อตะขิดตะขวงใจอย่างรู้สึกโล่งใจ สิ่งที่อยู่ภายในใจได้ถูกคลี่คลาย ตอนนี้  

 

 

กโยซึลสามารถที่จะคุยกับกโยยองได้อย่างปล่อยวางขึ้น  

 

 

“ทรงหวังสิ่งใดหรือ”  

 

 

“หวังว่าความเจ็บปวดจะหมดลงเพคะ”  

 

 

ความเจ็บปวด  

 

 

กโยยองตอบว่าความเจ็บปวด คำว่าความเจ็บปวดที่ออกมาจากปากของกโยยองส่งตรงไปถึงกโยซึล คำนั้นทำให้กโยซึลเจ็บปวดด้วยความหมายของตัวมันเอง นางบีบมือที่กอดท้องของตัวเองไว้แน่นขึ้นเล็กน้อย  

 

 

“ความสุขที่มากล้นของเราคือความเจ็บปวดของพระชายารองฮวางแทจาหรือ”  

 

 

“…เป็นสิ่งที่ทรงหวังไว้มิใช่หรือเพคะ” ตาของกโยยองเริ่มแดง “ทรงไม่ได้ปรารถนาให้เป็นเช่นนี้มิใช่หรือเพคะ หรือว่าทรงโกหกหม่อมฉันมาตลอด ทรงมีความสุขหรือเพคะ กับการได้มีลูกกับคนที่ตนไม่ได้รักใคร่”  

 

 

“พระชายารองฮวางแทจา นี่มัน…”  

 

 

เมื่อกโยซึลได้ยินคำตอบที่ตรงไปตรงมาของกโยยองแล้ว นางก็พอจะรู้ว่าสถานการณ์นี้มันเริ่มผิดเพี้ยนที่ตรงไหน ทว่ามันก็เป็นเรื่องที่ไม่สามารถชี้แจงได้ แต่ถึงอย่างไรการหึงหวงของกโยยองก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง  

 

 

“เราไม่ได้แย่งชิงบุตรของพระชายาฮวางแทจามามิใช่หรือ”  

 

 

“แย่งสิ!” กโยยองขึ้นเสียงในทันที  

 

 

“ข้ามาก่อน ข้าเข้ามาในพระราชวังนี้ก่อน มาอยู่กับองค์ฮวางแทจาก่อน ข้ามาก่อน ข้าอยู่มาก่อนที่ท่านจะมาเสียอีก เหตุใดข้าถึงกลายเป็นเงาของท่านไปได้!”  

 

 

กโยยอง เป็นเพียงแค่เงาก่อนที่กโยซึลจะมาอยู่ก่อนแล้ว นางถูกแต่งตั้งให้เป็นเพียงเงาของกโยซึล  

 

 

“เหตุใดเจ้าจึงเอาทุกอย่างไป”   

 

 

กโยยองพูดกับกโยซึลถึงเรื่องที่นางเข้ามาพระราชวังทีหลัง เรื่องที่ตนไม่สามารถอยู่ในใจของฮวางแทจาได้ เรื่องที่กโยซึลเป็นคนซื่อ โง่เขลา และใจดี กโยยองเอาพูดแต่เรื่องน่าขันทั้งสิ้น  

 

 

“หากข้าไม่มี เจ้าเองก็ไม่ควรมีด้วยเช่นกันมิใช่หรือ”  

 

 

กโยยองที่พรั่งพรูคำพูดดุจพายุค่อยๆ สงบลง ตอนนี้รอยยิ้มของนางจางหายไป และกลับมาเป็นพระชายาฮวางแทจาที่สงบนิ่งดังเดิม  

 

 

“หม่อมฉันอยู่กินกับฮวางแทจามาเป็นเวลานานก่อนพระชายาเอกฮวางแทจา หม่อมฉันช่วยเหลืองานฝ่าพระบาทฮวางแทจามาหลายปีแทนตำแหน่งชายาเอก แต่ว่าตลอดช่วงเวลานั้นองค์ฮวางแทจาไม่เคยเสด็จมาหาหม่อมฉันเลย การที่คืนส่งตัวไม่เกิดสิ่งใดขึ้น หม่อมฉันก็ยอมรับให้มันเป็นเรื่องของโชคชะตา และนั่งอยู่เบื้องขวาของฮวางแทจาอย่างสงบเสงี่ยม แต่แล้ว…”  

 

 

แม้ท่าทีและคำพูดของกโยยองจะเรียบและฟังดูดี แต่เนื้อหาที่พูดนั้นไม่ใช่เลย แต่กโยซึลก็ไม่ได้ตำหนิติเตียนใดๆ ได้แต่ฟังคำพูดล่วงเกินนั้นอย่างเงียบๆ   

 

 

“การที่ฝ่าพระบาทฮวางแทจาทรงมาเยือนตำหนักพระชายาเอกฮวางแทจานั้นมันเรื่องที่เหมาะสมแล้ว แต่ทว่าหม่อมฉันนั้นมิอาจยินยอมได้”  

 

 

“โชคดีที่เด็กในครรภ์ปลอดภัย” กโยซึลพูดต่อจากนาง “สุขภาพดีและแข็งแรงมาก”  

 

 

“หม่อมฉันจะรีบจัดการตำหนักดงบินให้เรียบร้อยเพคะ”  

 

 

กโยยองยอมรับบทลงโทษที่ตนจะได้รับอย่างเจียมตัว แต่คำตอบของกโยซึลที่กำลังไต่สวนอย่างเยือกเย็นและเฉียบขาดนั้นกลับเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง  

 

 

“เราเพียงแค่ไม่ระมัดระวังการทานอาหารจึงทำให้เป็นโรคกระเพาะเพียงเท่านั้น”  

 

 

กโยซึลได้ทำการวินิจฉัยโรคด้วยตัวของนางเอง คำพูดนี้ของกโยซึลทำให้กโยยองกระสับกระส่ายยิ่งกว่าคำพูดใดที่ถูกเอ่ยออกมาทั้งหมดก่อนหน้านี้ และกโยยองก็ได้ตอบกลับไปด้วยสีหน้าที่บิดเบี้ยว  

 

 

“พระชายาฮวางแทจา!”  

 

 

“อย่างที่พระชายารองฮวางแทจาได้ตรัสไปเมื่อสักครู่ ว่าได้ทรงช่วยเหลือรับใช้ฝ่าพระบาทฮวางแทจามาตั้งแต่ตำแหน่งชายาเอกยังว่างอยู่ เราเองก็หวังว่าพระชายารองฮวางแทจาจะทรงรับใช้อยู่เบื้องขวาของฝ่าพระบาทฮวางแทจาต่อไป”  

 

 

“…จนวันสุดท้าย”  

 

 

กโยยองเม้มปากแน่น ทั้งยังถลึงตาโต  

 

 

“เรานั้น” แม้กโยซึลจะเอ่ยพูดอย่างนิ่งๆ แต่นางกลับรู้สึกรวดร้าวอยู่ข้างใน  

 

 

“สำหรับพระชายารองฮวางแทจาแล้ว เรานั้นไม่ได้มีความรู้สึกส่วนตัวใดๆ เลย ไม่ว่าจะเจตนาร้าย หรือเจตนาดี แต่ก็หวังว่าเราแต่ละคนจะทำหน้าที่ของตัวเองในฐานะชายาเอกและชายารองอย่างเต็มที่”  

 

 

“ไม่มีทางอย่างเด็ดขาด” กโยยองลุกพรวดจากที่นั่ง “หม่อมฉันไม่รู้สึกซึ้งใจเลยสักนิดเพคะ”  

 

 

“เพราะมันไม่ใช่หน้าที่ของพระชายารองที่จะต้องรู้สึกซึ้งใจอยู่แล้ว”  

 

 

“ทรงพระเจริญพันปี พันปี พันปีพันปี”  

 

 

หน้าที่นี้คือหน้าที่ที่ถูกต้องชัดเจน หลังจากที่กโยยองทำการคารวะสามพันปีเสร็จแล้วนางก็กลับไป  

 

 

มันเป็นเรื่องที่ไม่อาจจบเพียงเท่านี้ได้ ไม่อาจทำได้เลย แต่ว่ากโยซึลนั้นก็ได้เมินเฉยต่อการกระทำครั้งนี้ เพราะตัวนางเองนั้นก็มีสิ่งที่ปกปิดอยู่เช่นกัน นางอยากจะคลอดลูกอย่างสงบ และเพราะมันมีความหมายมากจึงอยากจะเก็บซ่อนมันไว้อย่างดีที่สุด  

 

 

หลังจากที่กโยยองจากไปก็เหลือเพียงแค่รูแฮ เขาได้เริ่มถามเป็นครั้งแรกหลังจากเฝ้าดูสถานการณ์อยู่ด้านหลัง  

 

 

“รู้ได้อย่างไรหรือ”   

 

 

ไม่จำเป็นต้องบอกว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร กโยซึลตอบกลับไปทันทีราวกับว่ากำลังรอที่จะตอบอยู่  

 

 

“วันนั้น วันที่ปวดท้อง รูแฮเองก็เจ็บมือมิใช่หรือ ตอนนั้นคิดเรามาคิดได้ทีหลังจึงสั่งให้แม่นมเรียกหมอหลวงมาอีกครั้ง”  

 

 

“ยูอนบูอินบอกนั่นเอง”  

 

 

“อย่าโทษแม่นมเลย แม่นมเพียงแค่ทำหน้าที่ในการปกป้องเราเพียงเท่านั้น”  

 

 

หน้าที่หลัก  

 

 

การใช้ชีวิตทำตามหน้าที่หลักนั้นไม่มีปัญหาอะไร แต่หากเอาอารมณ์ความรู้สึกมาผสมกับหน้าที่หลักแล้วสิ่งต่างๆ ก็จะยากขึ้น หากหน้าที่หลักคือทั้งหมดที่ต้องทำ กโยยองก็จะไม่เป็นเช่นนี้ และจะไม่แสดงอาการแปลกๆ เช่นนี้ แม่นมที่ถอยไปยืนรออยู่น้อมหัวลง รูแฮหันไปมองแม่นมทีหนึ่ง แล้วกโยซึลก็พูดต่อ  

 

 

“เราได้ติดต่อหมอหลวงเป็นการส่วนตัวไปแล้ว และได้สั่งให้รายงานต่อตำหนักดงบีตามที่ตรวจสอบได้”  

 

 

“แต่ข้าได้บอกให้เขาเก็บเป็นความลับต่อตำหนักดงบีไปเสียแล้ว”  

 

 

“หมอหลวงบอกว่ามีสมุนไพรบางอย่างอยู่ในนั้น” กโยซึลกอดท้องตัวเอง  

 

 

“หมอหลวงบอกว่ามันอันตราย มันจะรบกวนการยึดตัวของเด็กในครรภ์ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ และยังทำให้ตกเลือดอีกด้วย แม้จะไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นเนื่องจากมันมีปริมาณน้อย แต่ก็อาจจะเป็นเพราะพวกเขารู้ช่วงเวลาตั้งครรภ์ผิดไปด้วย”  

 

 

ช่วงเวลาตั้งครรภ์ที่คนอื่นๆ รู้นั้นช้ากว่าเวลาจริงอยู่หนึ่งเดือน และเพราะเหตุนี้จึงทำให้ทารกในครรภ์ยึดตัวได้เรียบร้อยแล้วจึงไม่เกิดเหตุร้ายใด  

 

 

“…โล่งอกไปที” ช่างโชคดีและเป็นที่โล่งใจ  

 

 

“แล้วรูแฮเก็บซ่อนความลับเรื่องที่ว่าต๊อกมีพิษกับเราได้อย่างไรกัน”  

 

 

“ข้าเกรงว่ากโยซึลจะหวาดกลัว เพราะกโยซึลโปรดปรานพระชายารองฮวางแทจานัก”  

 

 

กโยซึลหน้าเสีย และรูแฮก็เป็นคนที่คอยปกป้องด้านที่อ่อนแอของนางอยู่เสมอ  

 

 

“ยังคงเหมือนเดิม” กโยซึลหลับตาลง “ไม่อาจเกลียดนางได้ลง”  

 

 

‘นิสัยใจคอของพระชายาฮวางแทจานั้นช่างงดงามยิ่งนัก’  

 

 

ครั้งแรกที่ได้เจอกับกโยยอง นางได้พูดกับกโยซึลอย่างวางใจและด้วยใจที่บริสุทธิ์ พอพูดถึงเรื่องนี้ก็ทำให้กโยซึลนึกถึงใบหน้าและรอยยิ้มของกโยยองขึ้น นางเคยคิดว่ากโยยองคือพี่สาวของนาง นางเคยคิดว่ามันไม่เกี่ยวข้องเลยว่าจะเป็นชายาเอกหรือชายารอง แต่นั่นก็เป็นการเข้าใจผิดไปเองคนเดียวของนางผู้โง่เขลา   

 

 

กโยยองเป็นสตรีที่งามสง่า เรียบร้อย และเด็ดเดี่ยว หากพูดถึงสตรีก็ต้องเป็นเช่นนี้ กโยซึลอยากจะเป็นเหมือนกับนาง อยากจะพึ่งพานาง อยู่ข้างๆ นางไปนานๆ แต่สตรีผู้นั้นได้จากกโยซึลไปเสียแล้ว ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องปล่อยให้นางจากไป  

 

 

กโยซึลพูดอย่างอดกลั้นความรู้สึกไว้  

 

 

“มันเป็นเพียงโรคกระเพาะเล็กน้อยเท่านั้น”  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+