ตกหลุมร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติด 3-5

Now you are reading ตกหลุมร้าย! ยากูซ่าพ่อลูกติด Chapter 3-5 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อภายในห้องเหลือเพียงแค่ตนกับไดกิ คนนั่งหอบหายใจอยู่บนเตียงก็ส่งเสียงประท้วงออกมาแผ่วเบา

“เมื่อกี้มันอะไรกันครับ โทมะเห็นหมดแล้ว โทมะเลยนะ!”

“ฉันก็บอกแล้วไงว่าให้เปิดทีหลัง”

“งั้นก็ส่งซิกให้ผมบ้างสิครับ แล้วจะไปอธิบายกับโทมะว่ายังไงล่ะเนี่ย ได้ยินพูดว่าเป็นลูกอมขยับได้ด้วย”

“ลูกอมขยับได้ก็ถูกแล้ว ถึงจะไม่ได้ใช้ปาก แต่ใช้ข้างล่างกิน มันก็อร่อยเหมือนกันนี่นา”

ไดกิคลี่ยิ้มอย่างขบขันขณะเดินเข้ามาใกล้มินจุน ก่อนจะนั่งหมิ่นๆ บนขอบเตียงอย่างอารมณ์ดี

“เสื่อมมาก”

“อะไร คนที่กินก็คือนายไม่ใช่หรือไง คิดว่างั้นเหรอ”

เจ้าของใบหน้าจริงจังต่างจากคนตัวเล็กที่หัวเราะร่าอย่างกับคนบ้าไร้สติเมื่อครู่นี้ ยกมือสัมผัสเบาๆ ที่รอยฟันเด่นชันบนแก้มซ้ายแล้วเชยคางมนขึ้นมา

“เรื่องเพศศึกษาก็ต้องยกให้นายสอนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของฉันสิ ความสามารถพิเศษของนายคือการอ้างนู่นอ้างนี่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ มินจุนที่ตกหลุมรักฉัน”

“ขี้โกงนี่ครับ ปกติเรื่องพวกนี้มันเป็นหน้าที่ป๊ะป๋าหรอก”

“ฉันไม่มีวาทศิลป์ ขอปฏิเสธแล้วกัน แล้วฉันก็หมายถึงนี่ต่างหากล่ะ”

ร่างสูงหยิบเอาเซ็กซ์ทอยรูปร่างคล้ายอวัยวะเพศชายจากในเสื้อเชิ้ตของมินจุนออกมากดเปิดสวิตซ์ต่อหน้าต่อตา พอเสียง ‘วิ้ง’ ดังขึ้นมา ก้อนเนื้อที่ทำจากซิลิโคนก็เริ่มขยับหมนุนไปมาสามร้อยหกสิบองศาอย่างน่าขวยเขิน

“คืนนี้ฉันจะใช้มันกับนาย ผู้ชายอย่างฉันไม่เหมือนคนอื่นหรอกนะ มาลองอะไรที่มีเอกลักษณ์หน่อยดีไหม เป็นไงคุณครู เพื่อฉันแล้วคงใส่เข้าไปได้มั้ง”

จากนั้นไดกิก็คว้ามินจุนให้ขึ้นมานั่งบนตัก ก่อนจะสอดมันผ่านเนื้อผ้าแล้วแทงแทรกผ่านช่องทาง หลังร่างบางอ้อนวอนว่า “ได้โปรด” โลชั่นกลิ่นผลไม้ในก็ไหลทะลักออกมาจากส่วนปลายของเจ้าของเล่นชิ้นนี้

“คุณมันโคตรแย่เลย”

มินจุนกัดฟันจ้องริมฝีปากของคนตรงหน้า

“แต่ก็ไม่เป็นไรใช่ไหม รักฉันที่เป็นแบบนี้? หรือไม่ใช่ล่ะ ฮันนี่”

และเริ่มคิดอะไรไม่ออกเพราะมันเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ตอนนี้เขาผลักเรื่องของโทมะไปไว้ทีหลัง ด้วยความกลัวว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจหันหน้าหนีจึงเข้าจู่โจมริมฝีปากทันที ลิ้นร้อนรุกล้ำเข้ามาเหมือนทุกครั้ง ไดกิใช้เวลากับบนเพดานปากอ่อนไหว กระตุ้นปลุกเร้าคนที่กล้าจู่โจมกันอย่างไม่เกรงกลัวโทษทัณฑ์ จนกระทั่งมินจุนยกสะโพกตัวเองขึ้นลงเองบนหน้าตักพร้อมอาการสะอึกสะอื้น

เจ้าลูกอมของโทมะเคลื่อนที่มาจนถึงท้องน้อยอย่างหนักหน่วงหลังถูกปรับประดับความหนักเบา เมื่อช่องทางถูกกระตุ้น ร่างกายก็เริ่มสั่นสะท้าน ผนังภายในเองก็สั่นไหว มินจุนผละใบหน้าชื้นเหงื่อออกจากแผ่นอกแกร่งเพื่อเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย

“…พอที มันไม่มีอะไร จะออกแล้ว… อึก ไดกิ…”

ไดกิลูบไปตามรอยฟันของตัวเอบนหน้าสวยๆ อย่างอ่อนโยน ผ่านไปสามวันแล้วแต่ร่องรอยก็ยังไม่หายไปไหน และตอนนี้มันก็เปลี่ยนจากสีแดงกลายเป็นสีเขียวแล้วด้วย ระหว่างไดกิกำลังลูบแก้มเบาๆ มินจุนก็บ่นเป็นภาษาเกาหลี

“เฮอะ ทำไมรู้สึกผิดหรือไง หน้าฉันไม่ใช่หัวไชเท้าดองสักหน่อย ฮึก ชอบกัดนัก… ไอ้เวร… ไอ้ราชาปีศาจลามก ฮือออ ขอร้อง… ปล่อยเถอะ”

ชายหนุ่มชะงักมือที่ใช้ลูบแก้มเล่น ผ่านไปครู่หนึ่งก็ดึงมันยืดออกราวกับขนมตังเม ก่อนจะดึงเจ้าลูกอมขยับได้ออกมา เมื่อสิ่งนั้นหลุดจากร่างกาย มินจุนก็เกาะไดกิแน่น สะโพกสั่นระริกเพราะลมที่เข้ามาเสียดแทงด้านใน ไดกิดันให้อีกคนนอนลงบนเตียง แล้วใช้นิ้วโป้งกดวนเบาๆ ที่ยอดอกชูชันเร้าอารมณ์ พร้อมกระซิบย้อนถาม

“พูดว่าอะไร”

“อ๊ะ อา… บอกว่าคุณ… เช็กซี่มากเลย”

“หึ พูดแบบนั้นแล้ว นายอาจจะเสียใจทีหลังก็ได้นะ ไม่เป็นไรแล้ว?”

“ไม่เป็น… ไม่เป็นไรแล้ว เพราะงั้นเข้ามาเถอะครับ… ผมชอบเจ้านี่มากกว่าของเล่นพวกนั้น”

พูดจบก็เอื้อมมือไปคว้าส่วนกลางลำตัวแข็งขืน ทว่าแค่ออกแรงเพียงนิด ไดกิก็เด้งสะโพก คว้ามือซนแล้วผนึกการเคลื่อนไหว

“อยากโดนทำโทษหรือไง”

“ก็ไม่รู้ว่าจับไม่ได้นี่ครับ”

ทั้งความเสียใจและความเขินอายพรั่งพรูขึ้นมาพร้อมกันในชั่วพริบตาเดียว มินจุนหันหน้าหนี รู้สึกแสบร้อนที่ปลายจมูกคล้ายจะน้ำตาจะไหล หลังสารภาพกับไดกิ เขาก็ไม่สามารถปล่อยวางแต่ละคำพูดของอีกฝ่ายแบบเมื่อก่อนได้อีกแล้ว แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังมาจากด้านบน มินจุนแทบไม่เชื่อหูตัวเองจึงหันขวับไปมอง ไดกิกำลังหัวเราะอยู่จริงๆ และภาพนั้นทำให้ส่วนอ่อนไหวของตนเริ่มเปียกชื้นที่ปลายยอดอีกครั้ง

ร่างบางเอื้อมมือซ้ายไปสัมผัสสะโพกแกร่งตามสัญชาติญาณ จนมันกลายเป็นความเคยชินเวลาถูกความปรารถนาครอบงำ เมื่ออยากให้ผู้ชายคนนี้โอบกอดจนทนไม่ไหว เขาก็จะลูบรอยสักลายเสือดาวเพื่อเร่งเร้า ไดกิถอนหายใจยาว ก่อนจะแยกขาเรียวออกแล้วแทรกตัวเข้าไปตรงกลาง ทำเอาร่างกายของมินจุนสั่นสะท้ายด้วยความเสียวซ่าน… รู้ทั้งรู้ แต่ไม่สนใจคำเร่งเร้าเลย

“ถ้าอยากได้ก็ลองขอร้องดูสิ”

เวลามีเซ็กซ์กัน บางทีก็อ่อนโยน บางทีก็แหย่เล่นอย่างทรมาน จนเขาไม่สามารถตั้งสติได้ และวันนี้กลับยิ่งไล่ต้อนเย้าแหย่เป็นพิเศษ

“ไม่ใช่แค่ผมที่รู้สึกนี่นา… ตอนนี้คุณเองก็ดูทรมานนะ ไอ้คนเอาแต่ใจ”

รอยยิ้มของไดกิหายไปพร้อมกับหรี่ตาลง หลังได้ยินคำเกาหลีจากท้ายประโยคของมินจุน

“มินจุน ที่พูดเมื่อกี้แปลว่าอะไร”

เจ้าของคำพูดนั้นคิดว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะสงสัยมากถึงได้เอ่ยถามออกมา เขากระหวัดเกี่ยวขารอบเอวสอบพลางขยับสะโพกขึ้นกระซิบกระซาบอย่างมีจริต

“แปลว่าอยากถูกคุณกอด ทำเร็วๆ สิครับ…”

เมื่อมินจุนเริ่มเร่าร้อนด้วยความปรารถนาร่างกายบอบบางจะเปลี่ยนเป็นสีชมพู ทำหน้าน่ารักเสียจนยากจะปฏิเสธ โหดร้ายไปหรือเปล่านะ… ขนาดนี้แล้ว เขาต้องอยากครอบครองเราจนจัดการตัวเองไม่ได้แน่ๆ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะของเล่นนั่นหรือเปล่า แต่มินจุนกลับขยับสะโพกอย่างยั่วยวนมากกว่าปกติขณะอ้อนวอน ไดกิปลายตามองของเล่นที่ตกอยู่บนพื้น พอคิดได้ว่าพวกมันทำให้อีกคนพึงพอใจ ความรู้สึกอยากหยิบมาใช้ก็พลันหายไปจนหมด มันต้องมีแค่ตัวเขาเท่านั้นที่ทำได้สิ! ระหว่างคิดสติสัมปชัญญะค่อยๆ แปรเปลี่ยนราวกับสัตว์ร้าย

ก่อนจะแทรกนิ้วเรียวเข้าไปในช่องทางด้านหลังของคนที่กำลังส่งเสียงครางหยาบโลน ถูไถไปตามผนังด้านในที่สั่นไหวและร้อนรุ่มเพื่อปลุกเร้าเจ้าตัว

“…อึก ไดกิ ไม่เอา… เข้ามาเลยครับ… ผมจะไม่ไหวแล้ว”

“เงียบหน่อย เพราะนาย ฉันถึงไม่มีสมาธิ”

“ไดกิ ได้โปรด…”

มินจุนเลียริมฝีปากของตัว ปรือตาฉ่ำน้ำขึ้นมองยั่วยวน

“หึ! ว่าใครเป็นราชาปีศาจลามก น่าโมโหจริงๆ”

ดูเหมือนจะอึดอัดใจกับคำที่ได้ยินมากทีเดียว แต่ทันทีที่ไดกิเอานิ้วออกแล้วแทนที่ด้วยแกนกายอวบแน่นและร้อนรุ่มในคราวเดียว ส่งผลให้ในหัวของมินจุนที่ส่งเสียงออดอ้อนเพราะความเสียวซ่านรุนแรงราวกับศีรษะจะแยกออกจากกันขาวโพลนไปหมด คิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น

เสืดดาววิ่งได้กว่าหกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง วันนี้มันก็คว้าสะโพกอิ่มอย่างที่ต้องการแล้วออกวิ่งอย่างไร้ความปราณี คนเป็นเหยื่อเองก็ใช้ขาโอบรอบเอว ใช้แรงทั้งหมดเพื่อรั้งอีกฝ่าย ร่างกายสั่นสะท้านเพราะความเสียวซ่านที่ได้รับ

“หม่าม้า หม่าม้า…”

มินจุนกำลังช่วยถอดชุดกีฬาของโทมะหลังจากเพิ่งจะเรียนพละเสร็จเมื่อครู่ เด็กน้อยเริ่มเซ้าซี้ขึ้นมาอีกครั้ง

“หนูหยักกิวยูกอมวิ้งๆ”

เขารู้สึกเสียววาบ ชะงักมือที่ใช้ปลดกระดุมทันที

“โทมะ หม่าม้าบอกแล้วไง มะ มันไม่ใช่ลูกอมนะ”

“ยูกอม มีกิ่นหอมๆ โด้ย”

เออ! จริงด้วย มันมีโลชั่นกลิ่นผลไม้ด้วยนี่นา ให้ตายเถอะ แถมยังมีเจลรสช็อกโกแลตอีกต่างหาก มินจุนกลืนน้ำลายและพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ เพื่อให้ตัวเองผ่านสถานการณ์นี้ไปได้อย่างราบรื่น

“โทมะชอบครีมที่ทามือใช่ไหม”

“อื้อ จ้อบ จ้อบบบ”

“ทำไมชอบล่ะ”

“มีกิ่นแอ๊บเปิ้ง จ้อบมากๆ เยย”

“นั่นไง มันคืออันนั้นนั่นแหละ ถึงจะกินไม่ได้ แต่ก็มีกลิ่นหอมๆ เหมือนกัน”

โทมะยู่ปากพลางคิ้วขมวดมุ่น พอลองคิดอย่างจริงจังก็ปรบมือเปาะแปะแล้ววิ่งวนรอบๆ ตัวมินจุน

“งั้นเหยอ เข้าจัยแย้ว โทมะยู้แย้ว”

ร่างบางอุ้มเด็กน้อยแสนน่ารักน่าชังจนอยากจะกัดสักคำชูขึ้นบนอากาศ

“นั่นแหละ โทมะของพวกเราฉลาดม๊ากกกกมาก”

“ฮ่าๆ หม่าม้าซาหนุกๆ หมุนๆ ให้หนูโหน่ย”

“ได้เลยยย หมุนๆ”

พอหมุนได้สองรอบเป๊ะ กล้ามเนื้อแขนก็เริ่มสั่นและหมดแรงในที่สุด มินจุนหอบหายใจแฮ่กๆ แล้ววางโทมะลงยืนบนพื้นเหมือนเดิม เฮ้อ สงสัยคราวหน้าเวลาโทมะเรียนพละ เราก็ต้องเข้าเรียนด้วยแล้วแหละ หมดแรงง่ายๆ แบบนี้ ไม่ไหวเลย จากนั้นก็นอนเหยียดแข็งเหยียดขาปรับลมหายใจให้ปกติอยู่ข้างๆ โทมะที่กำลังกระโดดตึงตัง สุดท้ายเรื่องลูกอมขยับได้ก็จัดการเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดนี่เป็นเพราะไดกิคนเดียวเลย

เขามองโทมะ เด็กชายหัวเราะคิกคักแล้วล้มตัวลงนอนพาดบนหน้าท้องแบบราบของคนที่นอนอยู่บนพื้น ก่อนจะพูดเสียงดังฟังชัด

“หม่าม้า ซื้อยูกอมขยับได้ให้โทมะโหน่ยฮับ”

“อื้อ ได้สิ ลูกอมขยับ… ซื้อไรนะ!?”

มินจุนกอดโทมะแล้วลุกขึ้นมาจ้องตากัน เมื่อได้มองเข้าไปในแววตาสดใสแสดงความตั้งใจอย่างรุนแรงว่าอยากกินลูกอมขยับได้พร้อมรอยยิ้มไร้เดียงสา จากนั้นก็ตระหนักได้ถึงความเป็นจริงว่าโทมะคือลูกใคร ความยึดติดอย่างที่สุดของเด็กน้อย ยอกย้ำความจริงให้มินจุนรับรู้อีกครั้งว่าโทมะนี่แหละ ลูกชายไดกิจริงๆ

“โทมะ เราไปขอร้องลุงโชกันดีกว่า ให้ลุงเขาทำดังโกะให้…”

คนตัวเล็กพึมพำอย่างหมดแรง ช่วงนี้เขาเริ่มไม่ไหวกับคุณชายทั้งสองคนของบ้านอูเอยามะแล้วนะ

หลังจากกล่อมโทมะเข้านอนเรียบร้อยแล้วกำลังลุกออกจากเตียง เคนตะก็เคาะประตูห้องแล้วเข้ามาบอกว่าไดกิเชิญให้ไปพบพอดี

“ผมเหรอ เดี๋ยวนะ แล้วเขาอยู่ที่ไหนครับ”

“ห้องหนังสือครับ”

“ห้องหนังสือ?”

พอได้ยินว่าเป็นห้องหนังสือ หน้าสวยซีดเผือดทันที

“เอ่อ ช่วงนี้ผมก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนะ… คะ คือผมไม่อยากไปห้องหนังสือน่ะ ช่วยบอกให้เขามาที่นี่ได้ไหมครับ”

สายตาเหมือนบอกว่า มันใช่เวลามาพูดอย่างนั้นเหรอ… จากอีกฝ่ายยิ่งทำให้มินจุนสั่นกลัว

“ถ้างั้นช่วยเอาพวกลูกดอกบนโต๊ะไดกิ ออกไปหน่อยได้ไหมครับ”

“ท่านมินจุน คิดว่ามันเป็นไปได้เหรอครับ”

มินจุนเบ้หน้าพลางส่ายหัวไปมากับใบหน้าจริงจังของเคนตะ

“ไม่ครับ”

“ท่านมินจุน ตอนนี้ไม่เป็นอะไรหรอกครับ เพราะคุณเป็นคนสำคัญของบอสแล้ว”

คนสำคัญ… นั่นสิ ตอนนั้นมันก่อนจะมีอะไรกัน แต่ตอนนี้พวกเราทำกันทุกคืนเลยนี่นา คงไม่คิดจะขว้างลูกดอกใส่เราหรอกมั้ง มินจุนคิดอย่างใสซื่อก่อนจะเดินตามหลังเคนตะไปที่ห้องหนังสือ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด