ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ 535 กรรมตามสนอง

Now you are reading ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ Chapter 535 กรรมตามสนอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากที่หลี่ว์ซู่เพิ่มพลังจิตวิญญาณให้แล้ว เขาก็กลับไปโดยความสบายใจ เพราะว่าเขาได้ช่วยดูแลน้องชายเรียบร้อยแล้ว

 

 

ในยุคสมัยนี้ จะหาคนที่ทำความดีนั้นยากแสนยาก ถึงทำไปก็ไม่มีใครจะมาจำบุญคุณได้ เครือข่ายฟ้าดินคงจะยอมรับกับความพยายามนี้

 

 

พอได้ทำอย่างที่อยากแล้วหลี่ว์ซู่ก็ใจเย็นลง เขาเรียกเจ้ากระรอกมา

 

 

“แน่ใจนะว่าแกระบุตัวคนขโมยกุยช่ายมาถูกน่ะ อย่าเอาคนที่ไม่เกี่ยวข้องมารับผิดนะ”

 

 

เจ้ากระรอกตบอกตัวเองแล้วเขียนตอบในหนังสือ ‘ไม่ต้องห่วง ถูกตัวแน่นอน’

 

 

เรื่องขโมยกุยช่ายนั้นเริ่มดังไปทั่วหมูบ้านหลิว หลิวเผิงเซิง ลูกชายของหัวหน้าหมู่บ้านมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟัง เขาบอกว่ามีบางอย่างแปลกๆ เกิดขึ้นที่แปลงผักกุยช่าย พวกเขาก็เลยรายงานไปที่เครือข่ายฟ้าดิน

 

 

แต่พอถูกถามเรื่องรายละเอียด พวกเขากลับให้คำอธิบายไม่ได้

 

 

เรื่องที่จำได้ก็มีแค่ว่ามีเรื่องน่ากลัวเกิดขึ้น แล้วก็มีอะไรสักอย่างที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกซูเปอร์ VIP ซึ่งก็ฟังดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่…

 

 

หลิวเผิงเซิงรายงานไปที่เครือข่ายฟ้าดินตั้งแต่วันนั้น แต่ทันทีที่ซีเฟ่ยมาถึง เขาก็ได้ยินว่าเรื่องนี้นั้นเกี่ยวข้องกับหลี่ว์ซู่และเสี่ยวอวี๋ เขาขี้เกียจจะใส่ใจจนถึงขั้นอยากส่งเคสของหลิวเผิงเซิงให้แผนกอื่นดูแลแทน

 

 

ในสายตาซีเฟ่ย เสี่ยวอวี๋เป็นเด็กดีเชื่อฟังนี่นา ทำไมถึงมาก่อเรื่องได้ล่ะ

 

 

แต่เขาก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติไป ตอนเสี่ยวอวี่อยู่บ้านคนเดียว เธอแทบจะไม่ไปก่อเรื่องที่ไหนเลย แต่ตอนนี้กลับเกิดเรื่องขึ้นมา หรือว่าหลี่ว์ซู่จะกลับบ้านแล้ว

 

 

พวกเขาไปกันไม่เป็นเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับหลี่ว์ซู่ ในตอนที่มีข่าวว่าเขาตาย ผู้คนต่างร่ำไห้และพร่ำบอกว่าจะแก้แค้นให้เขา แต่สุดท้ายเรื่องกลับกลายเป็นว่าเขาโกหกเสียนี่…

 

 

จงอวี้ถังบอกว่าตอนนี้หลี่ว์ซู่แข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งมากแค่ไหนเพราะว่านั่นยังเป็นความลับอยู่

 

 

ซีเฟ่ยกับทีมรู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมาทันที เจ้าคนที่ก่อแต่เรื่องตอนนี้กลับกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งไปเสียแล้ว เขาถึงต้องรายงานต่อหน่วยรักษาความปลอดภัย พวกเขาเลยรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ต่อชะตากรรมของตัวเอง แล้วมีการปกปิดเรื่องระดับความแข็งแกร่งอีก บ้าไปแล้วนะเนี่ย

 

 

หลี่ว์ซู่ได้ยศพันตรีตอนที่เขาอยู่ระดับ C ส่วนตอนนี้ระดับของเขาถูกปิดเป็นความลับ… ดูเหมือนว่าจะเก็บเป็นความลับหรือไม่เก็บนั้นก็ไม่ต่างกันอยู่ดี

 

 

แต่ในเมื่อมันถูกปิดแบบนี้ พวกเขาก็ไม่กล้าจะคาดเดา พวกเขาจะต้องรักษาวินัยอยู่

 

 

แต่กลุ่มของซีเฟ่ยก็ยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลี่ว์ซู่ที่ถูกคนทั้งโรงเรียนเหม็นขี้หน้า มาตอนนี้กลับกลายเป็นคนระดับสูงไปซะแล้ว!

 

 

คืนนั้นหลี่ว์ซู่พาเสี่ยวอวี๋ขึ้นไปที่ภูเขาอีกรอบ โดยเจ้ากระรอกเป็นคนนำทาง

 

 

ช่วงนี้หมู่บ้านหลิวปลูกสตรอว์เบอร์รีเอาไว้ในเรือนกระจก บางทีคนจากในเมืองลั่วก็ขึ้นมาเที่ยวที่นี่เพื่อมาสัมผัสชีวิตในไร่

 

 

ผู้คนจะมาเก็บสตรอว์เบอร์รีด้วยมือกัน แล้วในตอนบ่าย พวกเขาก็จะมากินซุปไก่กันที่หมู่บ้าน ผู้คนจากเมืองลั่วสนุกสนานกับการมาเที่ยวที่นี่มาก การได้มีช่วงเวลาเช่นนี้นั้นช่างน่าอภิรมย์ใจ

 

 

หมู่บ้านนี้ไม่ไกลจากเมืองลั่วมากนัก ถ้าขับรถมาตามถนนหมายเลข 301 ก็จะมาถึงที่หมู่บ้านภายในเวลาครึ่งชั่วโมง ที่นี่เลยขายสตรอว์เบอร์รีดีมาก

 

 

“ถ้าได้แบบนี้ เราคงมีสตรอว์เบอร์รีให้กินกันเป็นปีเลย… เดี๋ยวเรามาเก็บสตรอว์เบอร์รีกัน เจ้ากระรอก แกกินสตรอว์เบอร์รีให้เรียบเลยนะ กินเท่าไหร่ก็กินไปเลย เพราะแกเก็บกลับไปได้ไม่เยอะ ไม่มีที่ให้เก็บ”

 

 

เสี่ยวอวี๋ดูแคลนหลี่ว์ซู่นิดๆ เธอไม่ได้จนแล้ว เธอเพิ่งจะซื้อสตรอว์เบอร์รีสองกิโลกรัมในราคา สามสิบเหรียญไปหยกๆ ด้วยซ้ำ

 

 

อันที่จริง หลี่ว์ซู่คิดว่าเจ้ากระรอกก็ได้แก้แค้นให้พวกเขาไปแล้ว เขายังจำเป็นต้องแก้แค้นอีกรอบด้วยเหรอ เป็นคนคิดเล็กคิดน้อยอะไรแบบนี้

 

 

แต่หลี่ว์ซู่ก็เป็นคนคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้ล่ะ

 

 

เขายังโกรธอยู่ไม่หาย กุยช่ายโดนตัดไปหมดแล้ว และมันก็คงเอากลับมาไม่ได้ พวกมันเลยไม่โผล่หน้ามาอีก แต่มันก็สายเกินไปแล้วล่ะ พวกนั้นทำอะไรไม่ได้แล้ว

 

 

นี่อาจจะฟังดูไม่ดีนัก แต่เขารู้ว่าไม่ค่อยมีใครรู้เรื่องที่เขาแกล้งหลอกว่าตาย ถ้าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เป็นเด็กธรรมดาๆ จริง ทำไมพวกนี้ถึงมากลั่นแกล้งเธอหลังเขาตายกันล่ะ เขาทนไม่ได้จริง

 

 

พวกเขาไม่ต้องเคารพคนทุกคนก็ได้ แต่อย่างน้อยก็ช่วยเคารพคนที่ตายไปแล้วทีเถอะ เขายอมสละชีวิตช่วยปกป้องบ้านเกิดและประเทศไว้นะ

 

 

ถ้าที่นี่ไม่ใช่แถวบ้านนอกละก็ ทุกคนคงตายไปนานแล้ว แล้วถ้าเป็นงั้น สตรอว์เบอร์รีพวกนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลยด้วย

 

 

“ไปเช็กมาว่ามีครอบครัวไหนบ้างที่ขโมยกุยช่ายไป แล้วเอาผลผลิตของพวกเขาในเรือนกระจกทั้งหมดมา คนที่ขโมยต้องถูกลงโทษไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหนก็ตาม!” หลี่ว์ซู่ปล่อยรังสีอำมหิตออกมา “ไปได้!”

 

 

 

 

เช้าวันต่อมา ชาวบ้านที่ถูกขโมยสตรอว์เบอร์รีตื่นขึ้นมาพบว่าสตรอว์เบอร์รีในเรือนกระจกของพวกเขาหายไป “สตรอว์เบอร์รีของฉันหายไปไหนหมด!”

 

 

พวกเขาร้องทั้งน้ำตา ในครอบครัวหนึ่งจะมีเรือนกระจกอยู่ประมาณสี่ห้าเรือน และสตรอว์เบอร์รีในทุกๆ เรือนกระจกก็ถูกขโมยไปจนเรียบ

 

 

“สตรอว์เบอร์รีถูกขโมยไปไหม” ชาวบ้านคนหนึ่งวิ่งเข้ามา ทุกคนก็พยักหน้าอย่างไร้ชีวิตชีวา

 

 

“สตรอว์เบอร์รีของนายก็ถูกขโมยเหมือนกันเหรอ”

 

 

“เราทำอะไรไม่ได้หรอกถ้าสตรอว์เบอร์รีจะถูกขโมยไป แต่ใครกันที่กล้ามากัดสตรอว์เบอร์รีจนเหลือครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้ ลูกยังห้อยไว้อยู่เลย แต่พอดูดีๆ แล้วก็ไม่มีอะไรเหลืออยู่แล้ว!”

 

 

ชาวบ้านไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากเจ้ากระรอกได้รับคำสั่งมาจากหลี่ว์ซู่ มันก็ไปกินสตรอว์เบอร์รีตามสั่ง แต่ว่าท้องมันเล็กเลยกินหมดไม่ได้ ก็เลยเหลือเศษสตรอว์เบอร์รีครึ่งหนึ่งห้อยต่องแต่งไว้ มันไม่สนใจหรอกว่าสตรอว์เบอร์รีจะล้างแล้วหรือยัง

 

 

[ได้แต้มจากหลิวเผิงเซิง +666…]

 

 

[ได้แต้มจาก…]

 

 

ทุกคนต่างคาดเดากันว่าใครเป็นคนร้ายกันแน่ แต่ก็ไม่กล้าจะพูดกันตรงๆ กระทั่งพวกสัตว์วิเศษอย่างแมวยักษ์กับหมูพยศเองก็ไม่กล้าจะออกไปเล่นข้างนอกอีกเลย พวกมันเฝ้าแปลงกุยช่ายอย่างขยันขันแข็ง

 

 

แต่คราวนี้หลิวเผิงเซิงทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาพาครอบครัวของเขาทั้งหมดเกือบร้อยคนไปที่ภูเขาเป่ยหมัง เขาจะแจ้งร้องเรียนกับเครือข่ายฟ้าดิน ผลผลิตในเรือนกระจกกว่าสิบเรือนถูกขโมยไป ไอ้เจ้าของแปลงผักกุยช่ายต้องชดใช้!

 

 

พอซีเฟ่ยได้ยินคำร้องเรียนเขาก็แน่ใจอย่างหนึ่ง… หลี่ว์ซู่กลับไปที่บ้านแล้ว

 

 

เขาเดินตามพวกชาวบ้านไปที่ภูเขา พอไปที่ถึงหมู่บ้านก็พบหลี่ว์ซู่กำลังกินสตรอว์เบอร์รีอย่างสบายอกสบายใจ เจ้ากระรอกเองก็นั่งกินด้วยเหมือนกัน มันถือสตรอว์เบอร์รีในมือถึงสามสี่ลูก

 

 

พอพวกชาวบ้านเห็นแบบนั้นก็โกรธมาก พวกเขาลืมไปหมดว่าหลี่ว์ซู่เคยสละชีวิตปกป้องบ้านเมืองเอาไว้ หลิวเผิงเซิงหน้าซีดด้วยความหวาดกลัว ทำไมหลี่ว์ซู่ถึงมีชีวิตอยู่ล่ะ ผีไม่น่ามาหลอกตอนกลางวันใช่ไหม งั้นหลี่ว์ซู่ก็ยังไม่ตายน่ะสิ!

 

 

“เป็นพวกเขาแน่ๆ ที่ขโมยสตรอว์เบอร์รีไป ใช่เขาแน่!” ชาวบ้านที่อยู่รอบๆ กลุ่มของซีเฟ่ยต่างชี้นิ้วไปที่หลี่ว์ซู่

 

 

ผู้หญิงคนหนึ่งถึงกับนั่งพับลงไปกับพื้นแล้วร้องออกมา เจ้าหมูพยศม้วนตัวเข้าไปที่ผู้หญิงคนนั้นหมายจะออกแรงชนให้เธอลุกขึ้น เธอลุกขึ้นมาอีกครั้งด้วยความช็อก…

 

 

เป็นปกติแหละที่ผู้คนปกติจะเออออห่อหมกไปกับเสียงส่วนมากให้สังคมสงบราบรื่น คนที่ไม่ค่อยมีปากเสียงมักไม่เจอปัญหา

 

 

ไม่มีคนปกติคนไหนอยากจะปะทะฝีปากกับสัตว์ ใครก็ตามที่เจ้าหมูพยศอยากชนมักจะถูกชนแหลก…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด