ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ 961 ลอบโจมตียามค่ำคืน

Now you are reading ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ Chapter 961 ลอบโจมตียามค่ำคืน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ซุนจ้งหยางและโม่เสี่ยวหยาต่างมองหน้ากัน ดูเหมือนไม่มีเหตุผลจริงๆ ที่จะรั้งหลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เอาไว้ พวกเขาเป็นแค่คนแปลกหน้าที่บังเอิญมาพบกัน และหลี่ว์ซู่และพวกเขาก็แค่มีข้อตกลงชั่วคราวในการ ‘ตามหาผู้บัญชาการกองทัพอู่เว่ย’ เท่านั้นซึ่งไม่มีเหตุผลที่หลี่ว์ซู่จะต้องทรยศพวกเขา  

 

 

และว่ากันตามตรงแล้ว ซุนจ้งหยางและพวกของเขาก็มั่นใจมากเช่นกัน พวกเขาไม่คิดว่ายอดฝีมือระดับสองชั้นสูงสุดอย่างหลี่ว์ซู่จะสามารถช่วยอะไรได้มาก แน่นอนว่า ซุนจ้งหยางก็สงสัยว่าชายหนุ่มคนนี้อาจมีภูมิหลังที่ดีเช่นกัน ไม่อย่างนั้นเขาจะสามารถไปถึงขั้นยอดฝีมือระดับสองชั้นสูงสุดในขณะที่ยังเยาว์วัยถึงเพียงนี้ได้หรือ?  

 

 

แม้ว่าซุนจ้งหยางและเหล่าอัจฉริยะคนอื่นๆ จะมีอายุและทรงพลังพอๆ กับหลี่ว์ซู่ แต่ซุนจ้งหยางก็ไม่รู้ว่านี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่หลี่ว์ซู่ฝึกฝนจนไปถึงยอดฝีมือระดับสองชั้นสูงสุด…  

 

 

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อซุนจ้งหยางมองไปที่หลี่ว์ซู่ เขาก็รู้สึกว่าเขาไม่อาจดูถูกหลี่ว์ซู่ได้ ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าเขาอันตรายยิ่งกว่าคนกลุ่มนี้อีก เมื่ออยู่ในเมืองหลวงนั้น พวกเขาล้วนโดดเด่น ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ใด บรรดาผู้คนล้วนหมุนรอบตัวพวกเขาราวกับดารารายล้อมจันทรา แต่ทำไมพวกเขากลับมาถูกคนอื่นเหยียบย่ำที่นี่ได้? และซุนจ้งหยางก็ไม่สามารถทนต่อความคับข้องใจเช่นนี้ได้เช่นกัน!   

 

 

“ฉันจะให้เงินนายมากขึ้นอีก” ซุนจ้งหยางกล่าวอย่างสงบขณะมองไปที่หลี่ว์ซู่  

 

 

“พี่ชาย!”  

 

 

เมื่อซุนจ้งหยางได้ยินสองคำนี้ออกมาจากปากของหลี่ว์ซู่ เขาก็เริ่มปวดศีรษะ จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง เจ้าหนุ่มคนนี้ต้องไม่ได้ถูกศัตรูส่งมาแน่นอน ไม่เช่นนั้น เขาย่อมจะไม่ยอมทรยศต่อทุกอย่างตลอดเวลาได้อย่างนี้…  

 

 

ดวงตาของหลี่ว์ซู่สว่างวาบฉับพลัน “จะเพิ่มเท่าไหร่ล่ะ?”  

 

 

“หนึ่งล้าน นายคุ้มกันพาพวกเราไปเมืองหลวง” ซุนจ้งหยางกล่าว “เมื่อไปถึงเมืองหลวงแล้ว นายก็สามารถไปรับเงินที่ธนาคารแห่งใดก็ได้ของตระกูลซุน”   

 

 

ความจริงแล้ว ซุนจ้งหยางไม่ได้คาดหวังว่าหลี่ว์ซู่จะสามารถคุ้มกันพวกเขาไปเมืองหลวงได้ แต่เขาก็ทำเพื่อต้องการให้หลี่ว์ซู่อยู่ในกองคาราวานต่อไป นายอยากไปเหรอ? นายรักเงินมากใช่ไหม? งั้นก็อยู่ที่นี่เถอะ!  

 

 

หลี่ว์ซู่คิดในใจว่าตระกูลซุนนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ พวกเขาสามารถเปิดธนาคารในเมืองหลวงได้ แต่เขาก็ส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “ภารกิจคุ้มกันนายนั้นมันอันตรายมาก เงินหนึ่งล้านนี่ไม่พอหรอก ต้องสักสามล้าน!”  

 

 

ไม่ว่าซุนจ้งหยางและพวกของเขาจะคิดอย่างไรในครั้งนี้ หลี่ว์ซู่ก็คิดเพียงว่ายิ่งภูมิหลังของตระกูลซุนยิ่งใหญ่เท่าใด ผู้คนที่มาโจมตีในครั้งนี้ก็ต้องยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น บางทีทาสเหล่านี้อาจแค่มาลองเชิงดูเท่านั้น ดังนั้นเงินหนึ่งล้านย่อมไม่เพียงพอที่จะให้หลี่ว์ซู่คุ้มกันพาพวกเขาไปในการเดินทางครั้งนี้  

 

 

หากพวกเขาพบกับอันตรายที่พวกเขาไม่อาจต้านทานได้จริงๆ หลี่ว์ซู่ก็ยังสามารถให้แอนโทนี่พาเขาและหลี่ว์เสี่ยวอวี๋หนีไปได้  

 

 

ซุนจ้งหยางครุ่นคิดอยู่นานและในที่สุดก็กล่าวเสียงเย็นว่า “ก็แค่เงินสามล้านไม่ใช่หรือ? มันก็แค่เงินค่าขนมติดตัวเวลาหนึ่งปีของฉัน อย่าเอาเงินเก็บตลอดชีวิตของนายมาท้าทายกับเงินค่าขนมของฉันเลย”  

 

 

“เยี่ยม เยี่ยมเลย” หลี่ว์ซู่ชื่นชมทันที “งั้นช่วยเขียนใบเสร็จรับเงินให้ฉันและพิมพ์ลายนิ้วมือลงไปบนนั้นให้ด้วย”  

 

 

“ได้แต้มอารมณ์จากซุนจ้งหยาง +777!”  

 

 

ซุนจ้งหยางและพวกของเขาพบว่า หลี่ว์ซู่แค่ต้องการเงินโดยไม่ได้พิจารณาดูความแข็งแกร่งของตัวเองเลย ดังนั้นเขาจึงกล้ายอมรับข้อตกลงนี้!  

 

 

“คนอย่างนาย” โมเสี่ยวหยากล่าวนิ่งสงบ “สำหรับนาย เงินมีความสำคัญเท่าชีวิต แต่นายเคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่? นายไม่ได้คิดถึงชื่อเสียงของตัวเองเลย จะเกิดอะไรขึ้นหากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป? ใครก็ตามที่เป็นคนจ้างนายจะต้องเป็นคนโง่แน่ๆ แล้วในอนาคต นายก็จะมีโอกาสทำเงินได้น้อยลงใช่ไหมล่ะ?”   

 

 

หลี่ว์ซู่ครุ่นคิดอยู่สองวินาทีแล้วมองไปที่ซุนจ้งหยาง “เธอบอกว่านายเป็นคนโง่”   

 

 

โม่เสี่ยวหยามึนงง  

 

 

ซุนจ้งหยางก็พูดอะไรไม่ออก   

 

 

“ได้แต้มอารมณ์จากซุนจ้งหยาง …”  

 

 

ซุนจ้งหยางและพวกของเขารู้สึกว่า ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ พวกเขามีความโกรธมากมายยิ่งกว่าที่เคยผ่านมาทั้งชีวิตเสียอีก!  

 

 

และชั่วขณะนั้น อาหารในกองคาราวานก็พร้อมแล้ว แต่ก่อนที่หลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋จะไปทานอาหารกัน สวีมู่จวินก็ได้นำอาหารไปให้พวกเขาแล้ว จากนั้นก็นั่งลงข้างๆ พวกเขาและมองดูพวกเขาอย่างกระตือรือร้น  

 

 

หลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน หญิงสาวคนนี้เป็นเช่นนี้มาตลอดตั้งแต่เข้ามาในกองคาราวานและเธอก็มีบทบาทของเธอ…   

 

 

“มู่จวิน” หลี่ว์ซู่กล่าวอย่างจริงจัง “ที่จริงแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ตามสถานะของเธอ เธอจะสามารถมีชีวิตได้ดีในทุกที่ที่เธอไป”  

 

 

สวีมู่จวินส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “พวกเขาดูไม่ดีเท่าคุณ”  

 

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…เป็นเช่นนั้นหรือ อู้ว์!” หลี่ว์ซู่หันศีรษะกราดไปมองที่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ เป็นไงล่ะ!  

 

 

สวีมู่จวินไม่เอ่ยอะไร เธอดีดพิณและร้องเพลง หลี่ว์ซู่ต้องบอกว่าเด็กสาวคนนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ เวลานี้หลี่ว์ซู่กำลังกินบะหมี่โซบะอยู่ด้านนอกอย่างเพลิดเพลินราวกับกำลังอยู่ในงานเลี้ยงใหญ่…  

 

 

เหวินไจ้เฝ่ยมีทรัพยากรมากมายจริงๆ เขายังวางหญิงสาวคนนี้ไว้ให้เป็นสายลับ แต่หลี่ว์ซู่ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขารู้สึกว่าเหวินไจ้เฝ่ยยังมีแผนใหญ่กว่านี้อีก  

 

 

ชั่วขณะนั้น หลี่ว์ซู่ก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้าและดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างที่คล้ายกับอุกกาบาตกำลังจะตกลงมาที่เขาอย่างรวดเร็ว มันไม่ใช่ดาวตก แต่เป็นลูกธนูขนนก!  

 

 

ซุนจ้งหยางและพวกของเขาก็เห็นเช่นกัน แต่พวกเขามองว่าลูกธนูนั้นได้พุ่งไปที่หลี่ว์ซู่เท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงดูนิ่งเฉยเงียบๆ จากด้านข้าง เพื่อดูว่าหลี่ว์ซู่จะมีปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างไร พวกเขาอยากรู้ว่าที่หัวหน้ากองคาราวานคาดเดาเอาไว้นั้นถูกต้องหรือไม่?  

 

 

และในเวลาต่อมา เมื่อลูกธนูขนนกพุ่งออกจากแล่ง เสียงปานสายฟ้านั้นก็ดังมาถึงหูของพวกเขา แต่หลี่ว์ซู่กลับหลบออกไปไปอีกทางด้านหนึ่งกับหลี่ว์เสี่ยวอวี๋และสวีมู่จวิน แล้วเขาก็ยังคงกินบะหมี่ของเขาต่อไป  

 

 

ตูม! ลูกธนูพุ่งปะทะพื้นและทำให้เกิดหลุมที่น่ากลัวบนพื้นดิน แต่หลี่ว์ซู่ก็ไม่ได้นั่งอยู่ที่นั่นอีกต่อไป  

 

 

ซุนจ้งหยางและพวกของเขาต่างมองหน้ากัน และจากนั้นก็มองไปยังหลี่ว์ซู่ที่กำลังกินบะหมี่อย่างสบายใจ หัวหน้ากองคาราวานคิดได้ถูกต้องแล้ว แม้หลี่ว์ซู่ผู้นี้จะกระหายเงิน แต่เขาก็มีความสามารถจริงๆ  

 

 

คนธรรมดาย่อมจะต่างจากหลี่ว์ซู่ พวกเขาจะต้องตื่นตระหนกด้วยลูกธนูที่พุ่งเป้ามานี้และไม่สามารถกินบะหมี่อย่างสงบได้อีกต่อไป  

 

 

หลี่ว์ซู่กำลังใคร่ครวญเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะหลังจากที่เขาช่วยหัวหน้ากองคาราวานในยามกลางวัน แล้ว พวกทาสเหล่านี้ก็กระทำการเตือนเขาว่าอย่ายุ่งและจงระวังตัวให้ดี   

 

 

น่ากลัวว่าอีกฝ่ายจะยังไม่สามารถรู้ถึงขีดจำกัดของหลี่ว์ซู่ในตอนนี้ ดังนั้น พวกเขาจึงอยากดูว่าพวกเขาจะสามารถทำให้หลี่ว์ซู่กลัวได้หรือไม่  

 

 

บางทีทาสเหล่านี้คงไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าหลี่ว์ซู่ได้วางแผนเอาไว้แล้ว เพราะหากทาสเหล่านี้ทำให้ซุนจ้งหยางและพวกของเขาได้รับอันตราย เขาก็จะไม่ได้รับเงิน  

 

 

หลี่ว์ซู่จะเรียกเงินที่เขาสมควรจะได้รับเมื่อเขาจัดการพวกทาสเหล่านี้…  

 

 

ซุนจ้งหยางหัวเราะเสียงต่ำ “บางทีเขาอาจจะสามารถช่วยเราได้จริงๆ”  

 

 

โม่เสี่ยวหยากล่าวอย่างเหยียดหยามว่า “เขาจะหลบหนีไปก่อนที่จะได้ต่อสู้มากกว่า”   

 

 

“ฉันไม่คิดว่าเขาจะเป็นแบบนั้น” ซุนจ้งหยางส่ายศีรษะ “เธออาจจะไม่ได้สังเกต แต่ฉันสัมผัสได้ถึงเจตนาสังหารท่ามกลางความนิ่งสงบของเขา เขายังสะกดเก็บพลังสังหารนั้นเอาไว้ แต่เมื่อเขาปล่อยมันออกมา น่ากลัวว่ามันจะทรงพลังดุจสายฟ้าฟาด …”  

 

 

และก่อนที่เขาจะทันได้กล่าวจบ ทันใดนั้นซุนจ้งหยางก็ได้ยินหลี่ว์ซู่ส่งเสียงตะโกนอยู่ห่างออกไปไม่ไกล “อะไรน่ะ?! หนี หนีเร็ว!”   

 

 

แค่ได้ยินเสียงดังแหลมจากฟากฟ้า แล้วห่าธนูนับไม่ถ้วนก็ตกลงมาราวกับฝนดาวตก น่ากลัวว่าห่าธนูเหล่านั้นจะยิงใส่ผู้คนนับร้อย!  

 

 

จากนั้น ซุนจ้งหยางและพวกของเขาก็มองดูหลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋อย่างตื่นตกใจ คนหนึ่งขับรถม้า และอีกคนก็ควบม้าแล้วหนีไปอย่างรวดเร็ว…  

 

 

นี่มันเงียบเชียบเกินไปไหม? มันมีรถม้าว่างตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?  

 

 

และสวีมู่จวินก็โอบอุ้มพิณถอยกลับตามหลี่ว์ซู่ออกไปเงียบๆ ด้วยระยะทางหนึ่งร้อยฉื่อในก้าวเดียวอย่างเหนือชั้นปานนางฟ้าย่างผ่านขุมนรก  

 

 

หัวหน้ากองคาราวานไม่เข้าใจว่าเวลานี้เกิดอะไรขึ้นในกองคาราวานของเขา พวกเขาทั้งหมดช่างแปลกประหลาดเหลือเชื่อจริงๆ…   

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ 961 ลอบโจมตียามค่ำคืน

Now you are reading ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ Chapter 961 ลอบโจมตียามค่ำคืน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ซุนจ้งหยางและโม่เสี่ยวหยาต่างมองหน้ากัน ดูเหมือนไม่มีเหตุผลจริงๆ ที่จะรั้งหลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เอาไว้ พวกเขาเป็นแค่คนแปลกหน้าที่บังเอิญมาพบกัน และหลี่ว์ซู่และพวกเขาก็แค่มีข้อตกลงชั่วคราวในการ ‘ตามหาผู้บัญชาการกองทัพอู่เว่ย’ เท่านั้นซึ่งไม่มีเหตุผลที่หลี่ว์ซู่จะต้องทรยศพวกเขา  

 

 

และว่ากันตามตรงแล้ว ซุนจ้งหยางและพวกของเขาก็มั่นใจมากเช่นกัน พวกเขาไม่คิดว่ายอดฝีมือระดับสองชั้นสูงสุดอย่างหลี่ว์ซู่จะสามารถช่วยอะไรได้มาก แน่นอนว่า ซุนจ้งหยางก็สงสัยว่าชายหนุ่มคนนี้อาจมีภูมิหลังที่ดีเช่นกัน ไม่อย่างนั้นเขาจะสามารถไปถึงขั้นยอดฝีมือระดับสองชั้นสูงสุดในขณะที่ยังเยาว์วัยถึงเพียงนี้ได้หรือ?  

 

 

แม้ว่าซุนจ้งหยางและเหล่าอัจฉริยะคนอื่นๆ จะมีอายุและทรงพลังพอๆ กับหลี่ว์ซู่ แต่ซุนจ้งหยางก็ไม่รู้ว่านี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่หลี่ว์ซู่ฝึกฝนจนไปถึงยอดฝีมือระดับสองชั้นสูงสุด…  

 

 

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อซุนจ้งหยางมองไปที่หลี่ว์ซู่ เขาก็รู้สึกว่าเขาไม่อาจดูถูกหลี่ว์ซู่ได้ ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าเขาอันตรายยิ่งกว่าคนกลุ่มนี้อีก เมื่ออยู่ในเมืองหลวงนั้น พวกเขาล้วนโดดเด่น ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ใด บรรดาผู้คนล้วนหมุนรอบตัวพวกเขาราวกับดารารายล้อมจันทรา แต่ทำไมพวกเขากลับมาถูกคนอื่นเหยียบย่ำที่นี่ได้? และซุนจ้งหยางก็ไม่สามารถทนต่อความคับข้องใจเช่นนี้ได้เช่นกัน!   

 

 

“ฉันจะให้เงินนายมากขึ้นอีก” ซุนจ้งหยางกล่าวอย่างสงบขณะมองไปที่หลี่ว์ซู่  

 

 

“พี่ชาย!”  

 

 

เมื่อซุนจ้งหยางได้ยินสองคำนี้ออกมาจากปากของหลี่ว์ซู่ เขาก็เริ่มปวดศีรษะ จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง เจ้าหนุ่มคนนี้ต้องไม่ได้ถูกศัตรูส่งมาแน่นอน ไม่เช่นนั้น เขาย่อมจะไม่ยอมทรยศต่อทุกอย่างตลอดเวลาได้อย่างนี้…  

 

 

ดวงตาของหลี่ว์ซู่สว่างวาบฉับพลัน “จะเพิ่มเท่าไหร่ล่ะ?”  

 

 

“หนึ่งล้าน นายคุ้มกันพาพวกเราไปเมืองหลวง” ซุนจ้งหยางกล่าว “เมื่อไปถึงเมืองหลวงแล้ว นายก็สามารถไปรับเงินที่ธนาคารแห่งใดก็ได้ของตระกูลซุน”   

 

 

ความจริงแล้ว ซุนจ้งหยางไม่ได้คาดหวังว่าหลี่ว์ซู่จะสามารถคุ้มกันพวกเขาไปเมืองหลวงได้ แต่เขาก็ทำเพื่อต้องการให้หลี่ว์ซู่อยู่ในกองคาราวานต่อไป นายอยากไปเหรอ? นายรักเงินมากใช่ไหม? งั้นก็อยู่ที่นี่เถอะ!  

 

 

หลี่ว์ซู่คิดในใจว่าตระกูลซุนนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ พวกเขาสามารถเปิดธนาคารในเมืองหลวงได้ แต่เขาก็ส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “ภารกิจคุ้มกันนายนั้นมันอันตรายมาก เงินหนึ่งล้านนี่ไม่พอหรอก ต้องสักสามล้าน!”  

 

 

ไม่ว่าซุนจ้งหยางและพวกของเขาจะคิดอย่างไรในครั้งนี้ หลี่ว์ซู่ก็คิดเพียงว่ายิ่งภูมิหลังของตระกูลซุนยิ่งใหญ่เท่าใด ผู้คนที่มาโจมตีในครั้งนี้ก็ต้องยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น บางทีทาสเหล่านี้อาจแค่มาลองเชิงดูเท่านั้น ดังนั้นเงินหนึ่งล้านย่อมไม่เพียงพอที่จะให้หลี่ว์ซู่คุ้มกันพาพวกเขาไปในการเดินทางครั้งนี้  

 

 

หากพวกเขาพบกับอันตรายที่พวกเขาไม่อาจต้านทานได้จริงๆ หลี่ว์ซู่ก็ยังสามารถให้แอนโทนี่พาเขาและหลี่ว์เสี่ยวอวี๋หนีไปได้  

 

 

ซุนจ้งหยางครุ่นคิดอยู่นานและในที่สุดก็กล่าวเสียงเย็นว่า “ก็แค่เงินสามล้านไม่ใช่หรือ? มันก็แค่เงินค่าขนมติดตัวเวลาหนึ่งปีของฉัน อย่าเอาเงินเก็บตลอดชีวิตของนายมาท้าทายกับเงินค่าขนมของฉันเลย”  

 

 

“เยี่ยม เยี่ยมเลย” หลี่ว์ซู่ชื่นชมทันที “งั้นช่วยเขียนใบเสร็จรับเงินให้ฉันและพิมพ์ลายนิ้วมือลงไปบนนั้นให้ด้วย”  

 

 

“ได้แต้มอารมณ์จากซุนจ้งหยาง +777!”  

 

 

ซุนจ้งหยางและพวกของเขาพบว่า หลี่ว์ซู่แค่ต้องการเงินโดยไม่ได้พิจารณาดูความแข็งแกร่งของตัวเองเลย ดังนั้นเขาจึงกล้ายอมรับข้อตกลงนี้!  

 

 

“คนอย่างนาย” โมเสี่ยวหยากล่าวนิ่งสงบ “สำหรับนาย เงินมีความสำคัญเท่าชีวิต แต่นายเคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่? นายไม่ได้คิดถึงชื่อเสียงของตัวเองเลย จะเกิดอะไรขึ้นหากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป? ใครก็ตามที่เป็นคนจ้างนายจะต้องเป็นคนโง่แน่ๆ แล้วในอนาคต นายก็จะมีโอกาสทำเงินได้น้อยลงใช่ไหมล่ะ?”   

 

 

หลี่ว์ซู่ครุ่นคิดอยู่สองวินาทีแล้วมองไปที่ซุนจ้งหยาง “เธอบอกว่านายเป็นคนโง่”   

 

 

โม่เสี่ยวหยามึนงง  

 

 

ซุนจ้งหยางก็พูดอะไรไม่ออก   

 

 

“ได้แต้มอารมณ์จากซุนจ้งหยาง …”  

 

 

ซุนจ้งหยางและพวกของเขารู้สึกว่า ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ พวกเขามีความโกรธมากมายยิ่งกว่าที่เคยผ่านมาทั้งชีวิตเสียอีก!  

 

 

และชั่วขณะนั้น อาหารในกองคาราวานก็พร้อมแล้ว แต่ก่อนที่หลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋จะไปทานอาหารกัน สวีมู่จวินก็ได้นำอาหารไปให้พวกเขาแล้ว จากนั้นก็นั่งลงข้างๆ พวกเขาและมองดูพวกเขาอย่างกระตือรือร้น  

 

 

หลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน หญิงสาวคนนี้เป็นเช่นนี้มาตลอดตั้งแต่เข้ามาในกองคาราวานและเธอก็มีบทบาทของเธอ…   

 

 

“มู่จวิน” หลี่ว์ซู่กล่าวอย่างจริงจัง “ที่จริงแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ตามสถานะของเธอ เธอจะสามารถมีชีวิตได้ดีในทุกที่ที่เธอไป”  

 

 

สวีมู่จวินส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “พวกเขาดูไม่ดีเท่าคุณ”  

 

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…เป็นเช่นนั้นหรือ อู้ว์!” หลี่ว์ซู่หันศีรษะกราดไปมองที่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ เป็นไงล่ะ!  

 

 

สวีมู่จวินไม่เอ่ยอะไร เธอดีดพิณและร้องเพลง หลี่ว์ซู่ต้องบอกว่าเด็กสาวคนนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ เวลานี้หลี่ว์ซู่กำลังกินบะหมี่โซบะอยู่ด้านนอกอย่างเพลิดเพลินราวกับกำลังอยู่ในงานเลี้ยงใหญ่…  

 

 

เหวินไจ้เฝ่ยมีทรัพยากรมากมายจริงๆ เขายังวางหญิงสาวคนนี้ไว้ให้เป็นสายลับ แต่หลี่ว์ซู่ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขารู้สึกว่าเหวินไจ้เฝ่ยยังมีแผนใหญ่กว่านี้อีก  

 

 

ชั่วขณะนั้น หลี่ว์ซู่ก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้าและดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างที่คล้ายกับอุกกาบาตกำลังจะตกลงมาที่เขาอย่างรวดเร็ว มันไม่ใช่ดาวตก แต่เป็นลูกธนูขนนก!  

 

 

ซุนจ้งหยางและพวกของเขาก็เห็นเช่นกัน แต่พวกเขามองว่าลูกธนูนั้นได้พุ่งไปที่หลี่ว์ซู่เท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงดูนิ่งเฉยเงียบๆ จากด้านข้าง เพื่อดูว่าหลี่ว์ซู่จะมีปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างไร พวกเขาอยากรู้ว่าที่หัวหน้ากองคาราวานคาดเดาเอาไว้นั้นถูกต้องหรือไม่?  

 

 

และในเวลาต่อมา เมื่อลูกธนูขนนกพุ่งออกจากแล่ง เสียงปานสายฟ้านั้นก็ดังมาถึงหูของพวกเขา แต่หลี่ว์ซู่กลับหลบออกไปไปอีกทางด้านหนึ่งกับหลี่ว์เสี่ยวอวี๋และสวีมู่จวิน แล้วเขาก็ยังคงกินบะหมี่ของเขาต่อไป  

 

 

ตูม! ลูกธนูพุ่งปะทะพื้นและทำให้เกิดหลุมที่น่ากลัวบนพื้นดิน แต่หลี่ว์ซู่ก็ไม่ได้นั่งอยู่ที่นั่นอีกต่อไป  

 

 

ซุนจ้งหยางและพวกของเขาต่างมองหน้ากัน และจากนั้นก็มองไปยังหลี่ว์ซู่ที่กำลังกินบะหมี่อย่างสบายใจ หัวหน้ากองคาราวานคิดได้ถูกต้องแล้ว แม้หลี่ว์ซู่ผู้นี้จะกระหายเงิน แต่เขาก็มีความสามารถจริงๆ  

 

 

คนธรรมดาย่อมจะต่างจากหลี่ว์ซู่ พวกเขาจะต้องตื่นตระหนกด้วยลูกธนูที่พุ่งเป้ามานี้และไม่สามารถกินบะหมี่อย่างสงบได้อีกต่อไป  

 

 

หลี่ว์ซู่กำลังใคร่ครวญเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะหลังจากที่เขาช่วยหัวหน้ากองคาราวานในยามกลางวัน แล้ว พวกทาสเหล่านี้ก็กระทำการเตือนเขาว่าอย่ายุ่งและจงระวังตัวให้ดี   

 

 

น่ากลัวว่าอีกฝ่ายจะยังไม่สามารถรู้ถึงขีดจำกัดของหลี่ว์ซู่ในตอนนี้ ดังนั้น พวกเขาจึงอยากดูว่าพวกเขาจะสามารถทำให้หลี่ว์ซู่กลัวได้หรือไม่  

 

 

บางทีทาสเหล่านี้คงไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าหลี่ว์ซู่ได้วางแผนเอาไว้แล้ว เพราะหากทาสเหล่านี้ทำให้ซุนจ้งหยางและพวกของเขาได้รับอันตราย เขาก็จะไม่ได้รับเงิน  

 

 

หลี่ว์ซู่จะเรียกเงินที่เขาสมควรจะได้รับเมื่อเขาจัดการพวกทาสเหล่านี้…  

 

 

ซุนจ้งหยางหัวเราะเสียงต่ำ “บางทีเขาอาจจะสามารถช่วยเราได้จริงๆ”  

 

 

โม่เสี่ยวหยากล่าวอย่างเหยียดหยามว่า “เขาจะหลบหนีไปก่อนที่จะได้ต่อสู้มากกว่า”   

 

 

“ฉันไม่คิดว่าเขาจะเป็นแบบนั้น” ซุนจ้งหยางส่ายศีรษะ “เธออาจจะไม่ได้สังเกต แต่ฉันสัมผัสได้ถึงเจตนาสังหารท่ามกลางความนิ่งสงบของเขา เขายังสะกดเก็บพลังสังหารนั้นเอาไว้ แต่เมื่อเขาปล่อยมันออกมา น่ากลัวว่ามันจะทรงพลังดุจสายฟ้าฟาด …”  

 

 

และก่อนที่เขาจะทันได้กล่าวจบ ทันใดนั้นซุนจ้งหยางก็ได้ยินหลี่ว์ซู่ส่งเสียงตะโกนอยู่ห่างออกไปไม่ไกล “อะไรน่ะ?! หนี หนีเร็ว!”   

 

 

แค่ได้ยินเสียงดังแหลมจากฟากฟ้า แล้วห่าธนูนับไม่ถ้วนก็ตกลงมาราวกับฝนดาวตก น่ากลัวว่าห่าธนูเหล่านั้นจะยิงใส่ผู้คนนับร้อย!  

 

 

จากนั้น ซุนจ้งหยางและพวกของเขาก็มองดูหลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋อย่างตื่นตกใจ คนหนึ่งขับรถม้า และอีกคนก็ควบม้าแล้วหนีไปอย่างรวดเร็ว…  

 

 

นี่มันเงียบเชียบเกินไปไหม? มันมีรถม้าว่างตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?  

 

 

และสวีมู่จวินก็โอบอุ้มพิณถอยกลับตามหลี่ว์ซู่ออกไปเงียบๆ ด้วยระยะทางหนึ่งร้อยฉื่อในก้าวเดียวอย่างเหนือชั้นปานนางฟ้าย่างผ่านขุมนรก  

 

 

หัวหน้ากองคาราวานไม่เข้าใจว่าเวลานี้เกิดอะไรขึ้นในกองคาราวานของเขา พวกเขาทั้งหมดช่างแปลกประหลาดเหลือเชื่อจริงๆ…   

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+