ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ 826 กลุ่มแก่นความเชื่อ

Now you are reading ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ Chapter 826 กลุ่มแก่นความเชื่อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

การปรากฏตัวของคลาวด์อีและมารโลหิตทำให้หลี่ว์ซู่รู้สึกสับสนเล็กน้อย เขานึกว่าคนพวกนี้ต้องการชีวิตเขา แต่กลายเป็นว่าคนพวกนี้เป็นคนที่คุยกันได้และความเกลียดชังระหว่างกันก็ดูเหมือนจะหายไปในทันที

 

 

ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่เคยโกรธเกลียดเครือข่ายฟ้าดินมาตั้งแต่ต้นอีกด้วย แม้จะอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าแต่พวกเขาก็ไม่เห็นเครือข่ายฟ้าดินเป็นศัตรู พวกเขาแค่วางแผนทุกอย่างเพื่อราชาของพวกเขาอย่างใจเย็น

 

 

หลู่ซู่สงสัยว่ากษัตริย์องค์นี้มีอำนาจมากถึงขนาดที่จะทำให้ยอดฝีมือพวกนี้ทุ่มเทให้กับการอุทิศตนและความภักดีได้ขนาดนั้นเชียวหรือ

 

 

ราชาคนนี้น่าทึ่งสุดๆ ไปเลย

 

 

หลี่ว์ซู่ไม่ชอบใจที่ตัวเองไม่มีสมุนอย่างราชาบ้าง ถ้าเขามีสมุนคอยช่วยล่ะก็ เขาจะสั่งให้พวกเขาไปฆ่าหัวหน้าบาทหลวงจากกลุ่มแก่นความเชื่อ หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าหัวหน้าบาทหลวงเป็นคนลึกลับ แค่หลี่ว์ซู่คิดถึงเขาก็ทำให้ไม่สบายใจแล้ว

 

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าหัวหน้าบาทหลวงเป็นเหมือนงูเปียกๆ ที่เนื้อตัวเน่าเหม็นซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ชื้นและทำให้หายใจไม่ออก

 

 

หลี่ว์ซู่สงสัยในวิธีที่หัวหน้าบาทหลวงใช้ในการเลื่อนเป็นระดับ A เพราะรูปร่างหน้าตาของเขาประหลาดมาก คนอื่นๆ ที่เลื่อนระดับจะมีหน้าตาที่ดูอ่อนเยาว์ขึ้น แต่เขากลับแก่ลงอย่างเห็นได้ชัด

 

 

ในขณะที่ผู้บำเพ็ญลับกำลังเดินต่อไปข้างหน้า คลาวด์อีก็หายตัวไปแล้ว ครั้งนี้หลี่ว์ซู่ไม่รู้ว่าเธอหายไปไหน เธอบอกว่าจะได้พบกันอีกในไม่ช้า หลี่ว์ซู่อธิบายความรู้สึกของตัวเองไม่ถูก เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาเคยสนิทกับเธอมาก…

 

 

ความรู้สึกนี้แปลกประหลาดจริงๆ หลี่ว์ซู่ละทิ้งความคิดนั้นออกไปก่อนจะเดินเข้ากลับเข้าไปฝนฝูงชน เขาสบโอกาสตอนที่ไม่มีใครมองเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าของเขาและเริ่มปลอมตัว

 

 

พวกผู้บำเพ็ญลับเริ่มรู้สึกหิว และฝูงชนก็วุ่นวายมากขึ้นเรื่อย ๆ

 

 

สัตว์ป่าถูกจับไปหมด หรือไม่ก็อพยพออกจากพื้นที่ไปแล้ว

 

 

พวกเขาแทบจะไม่เห็นสิ่งมีชีวิตอื่นๆ นอกจากมนุษย์เลยตลอดเส้นทาง เมื่อพวกเขาเดินผ่านแม่น้ำก็มีผู้มีพลังธาตุน้ำคนหนึ่งรีบวิ่งไปที่แม่น้ำนั้น เขาสร้างกระแสน้ำเพื่อจับปลาขนาดใหญ่สองสามตัวซึ่งดูน่ากินมาก!

 

 

ผู้คนที่มาจากต่างประเทศไม่กินปลา เพราะพวกเขาเอาเกล็ดออกไม่เป็น และมีบางบริเวณที่ห้ามจับปลามากินด้วย…

 

 

แต่ตอนนี้พวกเขาหิวจนจะตายแล้ว ใครสนเรื่องขอดเกล็ดปลากัน มีอาหารให้กินก็ดีแค่ไหนแล้ว

 

 

ผู้มีพลังธาตุน้ำทั้งหลายกลายเป็นสมบัติของกลุ่ม ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถหาอาหารมาได้

 

 

แต่ผู้มีพลังธาตุน้ำก็ไม่ได้ดีใจกันอยู่นาน เพราะผู้มีพลังคนแรกที่หาปลามาได้พบว่าตัวเองถูกผู้บำเพ็ญสองสามคนล้อมไว้ “เอาปลามาให้พวกเราเดี๋ยวนี้ แล้วเราจะไม่ทำร้ายแก”

 

 

ผู้มีพลังธาตุน้ำคนนั้นทำหน้าตาน่ากลัว “แต่ฉันจับปลานี่มาได้นะ”

 

 

“ก็ไปจับมาอีกสิ แล้วเอาปลาตัวนี้มาให้พวกเรา อย่าคิดว่าแกจะโดดน้ำลงไปแล้วหนีพ้นนะ ฉันจะฆ่าแกก่อนวิ่งลงไปหลบในน้ำแน่” ผู้บำเพ็ญลับขู่

 

 

หลี่ว์ซู่คิดว่าผู้มีพลังธาตุน้ำคนนี้ทำผู้มีพลังธาตุน้ำคนอื่นๆ อับอายไปหมด เพราะระดับเขาอยู่ต่ำเกินไป ถึงเขาจะลงไปอยู่ในน้ำก็ไม่ทำให้เขาได้เปรียบขึ้นมาหรอก

 

 

แล้วปกติผู้มีพลังก็ไม่ใช้พลังธาตุน้ำทำเรื่องแบบนี้หรอก หลี่ว์ซู่ทนดูต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เขาทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วเดินผ่านแม่น้ำไป

 

 

ตอนนี้ในแม่น้ำก็ไม่มีปลาเหลืออีกต่อไปแล้ว และผู้มีพลังธาตุน้ำจะได้ไม่ต้องลำบากกันมาก หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าเขาทำได้ดีมาก

 

 

เขาอยากจะทำธุรกิจขายปลา ขายอาหารนี่จะได้กำไรเท่าไหร่กันนะ อีกอย่างเขาก็เป็นคนระดับ B ท่ามกลางผู้บำเพ็ญลับพวกนี้ด้วย ใครจะกล้ามาขายแข่งกับเขา

 

 

แต่ครั้งนี้เขาต้องปลอมตัวไว้ เขาจะไม่ยอมเปิดเผยตัวตนเพราะแค่ต้องการเงินแน่

 

 

ครั้งนี้หลี่ว์ซู่ทำตัวดีเสียจริง เขาต้องทำเหมือนว่าเงินเป็นแค่เศษดินในขณะที่ต้องปิดบังตัวตนเอาไว้ หลังจากที่สงครามนี้จบแล้ว เขาจะต้องไปคุณกับเนี่ยถิงว่าเขาจะได้รับค่าตอบแทนบ้างหรือเปล่า

 

 

พวกผู้บำเพ็ญลับพวกนี้ก็เหมือนสุนัขจรจัด และพวกเขาก็ไม่มีเงินติดตัวกันมาก…

 

 

หลังจากที่ผู้มีพลังธาตุน้ำคนนั้นโดนขู่คุกคาม ผู้มีพลังธาตุน้ำคนอื่นๆ ก็ทำผิดพลาดเช่นเดียวกันกับเขา

 

 

พวกเขาไม่ได้แค่โดนฉกปลาไป แต่มีบางคนถูกบังคับให้หาปลามาให้คนอื่นด้วย มีผู้มีพลังธาตุน้ำคนหนึ่งเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว “ในน้ำไม่มีปลาเหลืออยู่แล้ว ไม่รู้ว่าหายไปไหนหมด!”

 

 

ผู้บำเพ็ญลับที่กำลังขู่เขาไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน “ในน้ำจะไม่มีปลาได้ยังไง คิดว่าพวกเราโง่เหรอ”

 

 

ผู้มีพลังธาตุน้ำทั้งหลายมองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร พวกเขาจะทำอย่างไรกันดีล่ะ ซวยแล้วสิ เมื่อกี้ในน้ำมีปลาเต็มไปหมด แต่ตอนนี้มันว่ายหนีไปแล้ว!

 

 

[ได้รับแต้มจากเมลวิน เบคเคอร์ +499]

 

 

[ได้รับแต้มจาก…]

 

 

พวกเขาเห็นว่าผู้บำเพ็ญลับที่ขู่พวกเขาไม่เชื่อที่พวกเขาพูด ผู้มีพลังธาตุน้ำเลยต้องสาบานออกไป “ในน้ำไม่มีปลาเหลืออยู่แล้วจริงๆ สาบานได้เลย ถ้ามีล่ะก็…”

 

 

หลี่ว์ซู่ตั้งใจฟัง เขาอยากจะเห็นผู้มีพลังคนนี้ทำอะไรสนุกๆ

 

 

แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากทิศตะวันออก ทุกคนหันไปมองและสีหน้าพวกเขาก็มีแต่ความกลัว นั่นใช่สมาชิกเครือข่ายฟ้าดินที่กลับมาฆ่าพวกเขาหรือเปล่านะ

 

 

หลี่ว์ซู่รู้ว่านั่นไม่ใช่สมาชิกเครือข่ายฟ้าดินแน่นอน เครือข่ายฟ้าดินจะไม่ปรากฏตัวมาจากทิศตะวันออกหรอก เพราะทิศนั้นคือบริเวณของท่าเรืออาร์เตม

 

 

เมื่อหลี่ว์ซู่เห็นคนที่เดินนำกลุ่มมาเขาก็รีบเปลี่ยนใบหน้าของเขากลับมาและใส่ฮู้ดกลับไปตามเดิม คนคนนั้นคือฟรานเชสโก ผู้ที่เขาสู้ไปด้วยหลายครั้งแล้ว

 

 

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเคยเจอกันมาก่อน แต่ฟรานเชสโกก็จำหลี่ว์ซู่ไม่ได้โดยทันที เพราะตอนนั้นที่พวกเขาสู้กันเขายังปลอมตัวเป็นหน้าตาของฮาเวิร์ดอยู่

 

 

หลังจากที่พวกเขามาถือ ฟรานเชสโกก็ยิ้มอย่างใจดีให้กับสมาชิกกลุ่มแก่นความเชื่อและแจกจ่ายเสบียงให้กับทุกคน อาหารก็ถูกนำออกมาจากคลังเก็บของไร้รูปของเขาอย่างไม่ขาดสาย

 

 

หลี่ว์ซู่มองสิ่งที่เกิดขึ้นจากที่ไกลๆ เขารู้ว่ากลุ่มแก่นความเชื่อพยายามจะซื้อใจคนพวกนี้ พวกเขาเอาอาหารมาให้ผู้บำเพ็ญลับตอนที่พวกเขาต้องการมากที่สุด แต่ผู้บำเพ็ญลับก็ถูกเครือข่ายฟ้าดินฆ่าไปแล้ว ถึงพวกเขาจะรวบรวมกองกำลังกันเข้ามาก็คงไม่มีประโยชน์มากเท่าไหร่หรอก

 

 

ถึงแม้ผู้บำเพ็ญลับกว่าครึ่งที่ท่าเรืออาร์เตมจะไม่เคยเผชิญหน้ากับระลอกทองแดง แต่ข่าวก็แพร่สะพัดออกไปเหมือนกับโรคระบาด

 

 

กลุ่มแก่นความเชื่ออาจจะไม่รู้เรื่องนี้หรืออาจจะรู้ก็ได้ เว้นแต่ว่าพวกเขามีแผนอื่นรออยู่

 

 

หลี่ว์ซู่มองดูท่าทีของฟรานเชสโกอยู่ไกลๆ เขาสัมผัสได้ทันทีว่าคลื่นพลังจิตวิญญาณของฟรานเชสโกไม่เสถียรนัก เขายังดูแก่กว่าที่เขาเห็นครั้งที่แล้วไปมาก

 

 

เหมือนกับว่าชายวัย 30 ต้นๆ ได้กลายเป็นชายวัยกลางคนวัย 40 ปีแล้ว

 

 

เรื่องนี้เกิดขึ้นกับหัวหน้าบาทหลวงเช่นกัน ถ้ามันเกิดกับฟรานเชสโกด้วย ก็แปลว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้ว

 

 

ฟรานเชสโกหัวเราะออกมา “ทุกคนพักกันตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวทุกคนจะได้เสบียงกันครบแน่นอน ไม่ต้องห่วง!”

 

 

ผู้บำเพ็ญลับคนหนึ่งพูดว่า “เราไม่อยากรออยู่ที่นี่ เราอยากจะกลับไปที่ท่าเรืออาร์เตม!”

 

 

ฟรานเชสโกพูดต่อและยิ้มให้ “เกรงว่าจะทำไม่ได้น่ะสิ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด