ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ 801 ราชันฟ้าคนที่เก้า

Now you are reading ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ Chapter 801 ราชันฟ้าคนที่เก้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

วันนี้หลี่ว์ซู่ไม่ได้เล่าเรื่องตลกเห่ยๆ อีกแล้ว เขาแค่เตรียมตัวมาสอนเท่านั้น เหมือนกับว่างานนี้เป็นงานที่เป็นทางการมากๆ และเขาก็ต้องจริงจังตามไปด้วย

 

 

เขาเป็นอาจารย์ได้หนึ่งเดือนแล้ว แต่เขาไม่เคยจริงจังขนาดนี้มาก่อนเลย เวลาเขาพูดเล่นกับพวกนักศึกษา เขาก็ยังรู้สึกว่าตัวเองยังเป็นนักศึกษาอยู่

 

 

เขาเล่นหมากรุกจีนกับเฉินจู่อานทุกวันในห้องแล็บ เขายังคงโพสต์เรื่องที่ไม่ค่อยน่าเชื่อถือลงบนหน้าเพจของเขาเพื่อหาแต้มอารมณ์เล็กจากนักศึกษาทั้งหลาย

 

 

แต่วันนี้เขาไม่ได้โพสต์อะไรเลย และเขาก็ไม่ได้เล่นหมากรุกในห้องแล็บด้วย เฉินจู่อาน เฉิงชิวเฉี่ยว และเฉาชิงฉือ มองหลี่ว์ซู่อย่างเงียบๆ เขายืนอยู่ข้างหน้าต่างในห้องแล็บและเหม่อมองเหมือนกับกำลังคิดเรื่องบางอย่างที่สำคัญมากๆ อยู่

 

 

นี่มันไม่ใช่เรื่องปกติ ไม่ปกติเสียจนเฉินจู่อานและคนอื่นๆ รู้สึกเริ่มจะตื่นตระหนกกันเลยทีเดียว พวกเขากลัวว่าหลี่ว์ซู่จะก่อเรื่องแล้วฆ่าพวกเขาขึ้นมาได้

 

 

หลี่ว์ซู่ไม่ได้ก่อเรื่อง แต่เขากำลังคิดแผนจะฆ่าคนอยู่ต่างหาก

 

 

เฉินจู่อานรู้สึกว่าวันนี้หลี่ว์ซู่ดูแปลกไปกว่าปกติ…

 

 

พวกเขาต่างเห็นมาตลอดว่าหลี่ว์ซู่นั้นเติบโตขึ้นอยู่เสมอ และหลี่ว์ซู่ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีหรือไม่ดีก็ตาม แต่ในที่สุดชายหนุ่มผู้เห็นแก่ตัวคนนี้ก็เข้าใจโลกใบนี้ไปทีละนิด

 

 

บางทีหลี่ว์ซู่อาจจะไม่เคยเปลี่ยนไปเลยก็ได้ เขาไม่เคยเห็นแก่ตัวขนาดที่ขาดศีลธรรมไปโดยสิ้นเชิง เขาไม่เคยเลือดเย็นอย่างแท้จริงเหมือนกัน เขาแค่ทำในสิ่งที่เขาคิดว่ามันถูกต้อง ครั้งนี้เขาตัดสินใจแล้วว่าเขาจะยอมรับความอบอุ่นจากโลกนี้ และเขาก็จะให้ความอบอุ่นแก่โลกนี้กลับไปเช่นกัน

 

 

ในช่วงสองปีนับตั้งแต่มีการฟื้นคืนของพลังจิตวิญญาณ หลี่ว์ชู่ได้เจอคนมากมายและได้ใช้ชีวิตอย่างที่ไม่เคยได้ใช้มาก่อน ครั้งนี้เขาอยากจะทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้ เขาอยากจะสู้เพื่อเครือข่ายฟ้าดิน

 

 

ตอนแรกพวกนักศึกษาก็ไม่เข้าใจว่าที่หลี่ว์ซู่พูดมามันมีความสำคัญมากแค่ไหน เมื่อพวกเขาได้ยินว่าหลี่ว์ซู่อยากจะพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในกลุ่มทวยเทพ ปฏิกิริยาแรกของพวกเขาก็คือ “ฮะ นี่ท่านหลี่ว์ไปอยู่ในกลุ่มทวยเทพตอนนั้นด้วยเหรอ แล้วท่านหลี่ว์รู้หรือเปล่าว่าราชันฟ้าคนที่เก้าเป็นใครกัน”

 

 

รูปภาพของราชันฟ้าคนที่เก้าและหลิวซิวถูกติดอยู่ข้างกัน และพวกนักศึกษาก็รู้เรื่องนี้ เพราะมันเป็นหนึ่งในเรื่องซุบซิบที่ดังที่สุดในเครือข่ายฟ้าดินเลยล่ะ

 

 

ราชันฟ้าทั้งหลายคือกลุ่มคนที่สู้เก่งที่สุดในเครือข่ายฟ้าดิน ทุกคนรู้ว่ามีราชันฟ้าคนที่เก้าแล้ว แต่พวกเขาไม่รู้ว่าราชันฟ้าคนนั้นคือใคร ซึ่งเรื่องนี้กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของทุกคน

 

 

เรื่องนี้ก็เหมือนกับโฆษณาบางชิ้นที่ในตอนแรกจงใจจะปกปิดเนื้อหาไว้เพื่อไม่ให้ทุกคนรู้ จากนั้นก็จะมีผ้าผืนหนึ่งคลุมไว้และจะจับเวลานับถอยหลัง ทุกคนต้องรอต่อไปเก้าวันก่อนที่เนื้อหาโฆษณานั้นจะถูกเปิดเผยออกมา

 

 

ในตอนท้ายทุกคนทั้งเมืองก็จะคุยกันเรื่องโฆษณา และโฆษณาก็ไปกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของทุกคน

 

 

ราชันฟ้าคนที่เก้า ราชันฟ้าที่ลึกลับที่สุด ตอนนี้กำลังจะถูกเฉลยออกมาแล้ว แล้วท่านหลี่ว์จะพูดเรื่องจริงหรือเปล่านะ

 

 

หลี่ว์ซู่มองไปรอบๆ แล้วพูดขึ้นมาอย่างใจเย็น “ย้อนไปตอนนั้น กลุ่มทวยเทพหมายหัวฉัน และพวกเขาอยากจะใช้หาดทรายขาวและทะเลลึกมาแลกกับชีวิตของฉัน ฉันเจอจงอวี้ถังในตอนนั้นเป็นครั้งแรก และฉันต้องร่วมมือโยวหมิงอวี่เพื่อปล่อยข่าวปลอมๆ ออกไปว่าฉันตายแล้ว ช่วงเวลานั้นฉันไม่สามารถจะออกไปปรากฏตัวข้างนอกได้ แล้วฉันก็อยากจะแก้แค้นมากด้วย ถ้าออกหมายล่ากันขนาดนี้ล่ะก็ฉันนี่แหละจะไปฆ่าพวกมันเอง ฉันก็เลยปลอมตัวเข้าไปในกลุ่มทวยเทพและเข้าไปใช้ชีวิตที่นั่น…

 

 

…เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันต้องเป็นสายลับ แต่ฉันไม่คิดว่าตอนนั้นฉันทำสำเร็จหรอก…เพราะฉันโดนจับได้อยู่เสมอเลยน่ะสิ…” หลี่ว์ซู่หัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ จงอวี้ถังที่เพิ่งเดินมาถึงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องที่หลี่ว์ซู่พูด นี่จะไม่รู้สึกอายหน่อยเหรอที่โดนจับได้น่ะ

 

 

แต่จงอวี้ถังก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาแค่มองชายหนุ่มที่อยู่บนเวทีเงียบๆ เขาดูสงบราวกับว่าเขาพร้อมที่จะยอมรับเกียรติอันน่าสะพรึงกลัวนั้นแล้ว

 

 

หลี่ว์ซู่พูดต่อ “ตอนนั้นฉันเจอเพื่อนร่วมงานผู้หญิงคนหนึ่งที่มีหน้าที่ช่วยเหลือดูแลฉันในนั้น แน่ล่ะว่าฉันพูดชื่อเธอออกมาไม่ได้ เธอเป็นคนธรรมดาๆ แต่คำพูดของเธอกินใจฉันเหลือเกิน เธอบอกว่าบางทีคนเราก็ต้องทำเรื่องบางอย่างที่ต้องทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้…

 

 

…จากนั้นฉันก็ไปเจอกับทาคาชิมะ ทาอิรัตสึ เขาคนนั้นกำลังวางแผนจะบูชายัญสมาชิกทุกคนในกลุ่มทวยเทพเพื่อเลื่อนระดับให้ตัวเอง ฉันจึงแทรกซึมเข้าไปในป้อมปราการของกลุ่มทวยเทพที่ทาคาชิมะสร้างขึ้น และพยายามที่จะทำลายแผนการของเขา” หลี่ว์ซู่ปรับเรื่องให้ดูดีขึ้นมาหน่อย เพราะเขาบอกไปไม่ได้ว่าเขาแทรกซึมเข้าไปเพื่อขโมยศิลาวิญญาณต่างหาก…

 

 

“ตอนนั้นฉันโดดเดี่ยวและทำอะไรไม่ถูก ลำพังฉันจะเข้าไปทำลายแผนการของทาคาชิมะก็ยากมากแล้ว เพราะเขาเกือบจะเลื่อนระดับเป็นระดับ A อยู่แล้ว จากนั้นก็มีผู้เชี่ยวชาญระดับ C เข้ามาโจมตีฉันด้วย แต่ฉันไม่เห็นการโจมตีที่กำลังเข้ามา ในตอนนั้นแหละที่หลิวซิวเข้ามาปกป้องฉันไว้”

 

 

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ในดวงตาของหลี่ว์ซู่ก็ฉายความทรงจำในอดีตขึ้นมา “อันที่จริงฉันไม่เข้าใจเลย ถ้าเขาซ่อนตัวต่อไปอย่างนั้นเขาก็อาจจะรอดออกไปก็ได้ แต่เขาเลือกที่จะปกป้องฉันแทน เขาซื้อเวลาให้ฉันด้วยการหลั่งเลือดและต่อสู้ด้วยกระบี่ หลังจากเวลาผ่านไปนานฉันก็ไม่เข้าอยู่ดีว่าเขาทำแบบนั้นไปทำไม จะมีเรื่องใดในโลกสำคัญไปกว่าชีวิตตัวเองด้วยเหรอ บางทีฉันอาจจะเห็นแก่ตัวเองก็ได้ สุดท้ายฉันก็หาคำตอบไม่เจออยู่ดี จนป่านนี้ฉันก็ยังรู้สึกว่าชีวิตตัวเองน่ะสิที่สำคัญที่สุด แต่ฉันก็เข้าใจเหมือนกันว่าบางทีคนเราก็ต้องทำเรื่องบางอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”

 

 

นักศึกษาทั้งหลายก็ตระหนักว่าพวกเขาอาจจะเข้าใจอะไรผิดไปในตอนแรก ตอนที่ราชันฟ้าคนที่เก้าและหลิวซิวช่วยกันฆ่าทาคาชิมะ ทาอิรัตสึ ท่านหลี่ว์ไม่ได้เป็นแค่ผู้สังเกตการณ์อยู่ดูในเหตุการณ์นั้นเท่านั้น แต่เขามีส่วนร่วมในการฆ่านั้นด้วยต่างหาก!

 

 

พวกเขาอยากจะถามหลี่ว์ซู่ว่าราชันฟ้าคนเก้าตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน แต่หลี่ว์ซู่เฉลยคำตอบออกมาแล้ว

 

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกราวกับว่าเขาได้ยกภูเขาออกจากอก เขาได้พูดถึงอดีตที่ถูกฝังกลบดินไว้ไปแล้ว เขาได้กล่าวถึงหลิวซิวที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยอย่างดีที่สุด

 

 

จงอวี้ถังมองหลี่ว์ซู่อยู่เงียบๆ เขาเข้าใจดีว่าเหตุการณ์ที่หลี่ว์ซู่เพิ่งพูดถึงนั้นถูกเก็บเป็นความลับ เพราะหลี่ว์ซู่ยังไม่อยากรับตำแหน่งราชันฟ้าคนที่เก้า หลี่ว์ซู่เองก็รู้เรื่องนี้เหมือนกัน

 

 

เพราะฉะนั้นเมื่อหลี่ว์ซู่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาเอง ก็หมายความว่าหลี่ว์ซู่ได้ตัดสินใจและเตรียมใจมาแล้ว

 

 

หลี่ว์ซู่ยิ้มแล้วพูดต่อ “เอาล่ะ นี่เป็นการสอนครั้งสุดท้ายของฉันแล้วนะ หวังว่าจะได้อะไรกลับไปบ้างในชั้นเรียนนี้ล่ะ”

 

 

แล้วนักศึกษาคนหนึ่งก็ถามขึ้นมา “ราชันฟ้าหลี่ว์จะไปไหนเหรอครับ จะหยุดสอนไปเลยหรือเปล่า”

 

 

เมื่อหลี่ว์ซู่ได้ยินตำแหน่งใหม่ว่าตัวเองเป็น ‘ราชันฟ้าหลี่ว์’ แล้ว เขาก็ชะงักไป นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเรียกเขาแบบนี้ เขายังไม่ชินเท่าไหร่ แล้วเขาก็คิดไปถึงอันตรายที่รอเขาอยู่ที่ภูเขาจั่งไป๋ ทันใดนั้นเขาก็พูดกับตัวเองขึ้นมา “ฉันรู้ว่านายจะมีช่วงเวลาที่นายต้องพูดกับตัวเองว่า ‘นี่แหละตัวฉัน นี่แหละคือทางเลือกของฉัน’ ”

 

 

และนั่นก็เป็นสิ่งที่หลี่ว์ซู่เรียนรู้หลังจากได้พูดกับหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไปเมื่อวาน การจะหาทางออกในชีวิตไม่ใช่การวิ่งหนีปัญหา แต่ต้องทำให้ปัญหานั้นหายไป หรือไม่ก็ไปฆ่าคนที่สร้างปัญหานั้นซะ

 

 

วันเดียวกันนั้นเอง รูปของราชันฟ้าคนที่เก้าข้างๆ รูปของหลิวซิวที่เคยเป็นแค่เงาดำๆ ถูกเปลี่ยนไปเป็นรูปของหลี่ว์ซู่แทน

 

 

หลี่ว์ซู่ยิ้มอยู่ในรูป และรอยยิ้มของเขาก็เจิดจ้ายิ่งกว่าดวงอาทิตย์

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด