ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ 922 การปล้น!

Now you are reading ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ Chapter 922 การปล้น! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทเรียนวัฒนธรรมเป็นสิ่งจำเป็น ถ้าไม่เรียนแล้ว จะได้แต่มอารมณ์มาจากไหน

แต่เนื่องจากบทเรียนวัฒนธรรมเหล่านี้ใช้เวลานาน การฝึกที่ดำเนินการในช่วงเวลาที่เหลือจึงต้องเอาจริงเอาจังให้มากพอ เพื่อเติมเต็มแผนของจางเว่ยอวี่ในการฝึกกองทัพอย่างสมบูรณ์ภายในสามเดือน

ถ้าพวกเขาไม่ทำเช่นนั้น เมื่อทัพเฮยอวี่จัดการช่องเขาเว่ยเป่ยจนเสร็จสิ้น และมุ่งความสนใจไปที่การแก้ไขพื้นที่นี้ ภูเขาราชาหลี่ว์อาจต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้โดยไม่ได้หยุดพัก

จางเว่ยอวี่ได้แต่หวังว่าก่อนที่ทัพอู่เว่ยจะล่มสลาย ดินแดนทางเหนือจะเริ่มโต้กลับได้ ถ้าไม่เช่นนั้น ถึงแม้ทัพอู่เว่ยจะแข็งแกร่งขึ้น แต่พวกเขาก็ไม่สามารถหยุดทหารหลายแสนคนจากทัพเฮยอวี่ได้!

 แน่นอนว่าทัพเฮยอวี่ไม่สามารถส่งกำลังพลทั้งหมดมาที่นี่ได้ เพราะพวกเขาจะยังต้องการคนเพื่อคอยปกป้องช่องเขาเว่ยเป่ยและป้องกันการโจมตีจากดินแดงทางเหนืออย่างแน่นอน แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น มันก็ยังอันตรายมาก

หลี่ว์ซู่ฝึกท่วงท่าวิชากระบี่ตลอดทั้งวัน ราวกับว่าเขาจะไม่ยอมเดินออกจากถ้ำหินปูน เว้นแต่จะมีเรื่องเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น หลิวอี้เจาถอนหายใจ “เป็นอย่างที่คาดไว้ องค์ราชาแข็งแกร่งกว่าพวกเรา ผมไม่มีแรงแบบนี้ตอนที่ยังฝึกอยู่หรอกนะ”

จางเว่ยอวี่กลอกตา เขาไม่ว่างมาใส่ใจที่จะจัดการกับหลิวอี้เจา เขาไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างสมบูรณ์ เขาทำได้เพียงรอให้ราชาที่แท้จริงปรากฏตัว

เมื่อหลี่เฮยทั่นเห็นจางเว่ยอวี่กลอกตา เขาก็ยกดาบขึ้น “คุณ คุณมีอะไรอยากจะพูดกับท่านเทพหรือไม่”

จางเว่ยอวี่พูดไม่ออก

หึๆๆ ดีมาก พวกนายทุกคนจงรักภักดีกันเหลือเกิน!

จางเว่ยอวี่มองไปยังทัพอู่เว่ย แม้ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้พวกเขาก็ยังเข้าร่วมบทเรียนวัฒนธรรม เขาทนไม่ได้ เขาจึงวิ่งเข้าไปในถ้ำหินปูนเพื่อตามหาหลี่ว์ซู่

เขาเพิ่งเข้าไปในถ้ำหินปูนในตอนที่เขาเห็นรอยกระบี่รอยใหม่อยู่บนผนัง เขาแทบจะเป็นลมล้มลงกับพื้น จางเว่ยถอยกลับอย่างสับสน เขาไม่ได้คาดหวังว่าในช่วงไม่กี่วันที่เขาไม่ได้เข้ามาในถ้ำนั้น รอยกระบี่บนผนังกลายเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ยิ่งขึ้น เขาไม่สามารถแม้แต่จะมองไปที่พวกมัน!

“นี่ ออกมาเถอะ ฉันจะไม่เข้าไปหรอกนะ” จางเว่ยอวี่คำรามมาจากนอกถ้ำ

หลังจากนั้นไม่นาน หลี่ว์ซู่ก็เดินออกมาพร้อมรอยยิ้ม “เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ”

จางเว่ยอวี่มองไปที่หลี่ว์ซู่อย่างลังเล “นายเลื่อนขั้นอีกแล้วเหรอ”

“ใช่แล้ว ผมก้าวขึ้นสู่ระดับที่สามแล้ว!” หลี่ว์ซู่ตอบ ไม่มีอะไรต้องปิดบัง เขาเพิ่งก้าวขึ้นสู่ระดับที่สาม

แต่เขาไม่รู้ว่านี่ทำให้จางเว่ยอวี่ตกใจมากแค่ไหน!

ในตอนนั้นพวกเขารู้สึกว่าหลี่ว์ซู่เลื่อนระดับเร็วเกินไป มันไม่สมเหตุสมผล ดังนั้นพวกเขาจึงจดบันทึกทุกครั้งที่หลี่ว์ซู่เลื่อนระดับ ตอนแรก จางเว่ยอวี่และคนที่เหลือคิดว่าหลี่ว์ซู่จะเลื่อนระดับอีกครั้งในอีกสามเดือน แต่หลี่ว์ซู่ไม่เหมือนกับทัพอู่เว่ยและทัพชิงไซ พลังของเขาไม่ได้ติดอยู่ในคอขวด

แต่หลี่ว์ซู่กลับใช้เวลาไม่ถึงสามเดือนด้วยซ้ำ เขาเลื่อนระดับจากระดับสี่เป็นระดับสามในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน ทำให้รู้สึกราวกับว่าเขากำลังเร่งความเร็วขึ้น

แต่จางเว่ยอวี่ไม่รู้ว่าสำหรับหลี่ว์ซู่แล้ว นี่ก็เหมือนกับว่าเกมรุ่นเล็กๆ ของเกมเก่าที่เคยปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ เขาคิดว่าอาจจะต้องใช้เวลาพอสมควรในการก้าวขึ้นสู่ระดับสาม แต่เขาสังเกตเห็นว่าความก้าวหน้าของเขามีแต่เร็วขึ้นและเร็วขึ้น

ราวกับว่าความสำเร็จเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ

“ว่าแต่คุณมาทำอะไรที่นี่” หลี่ว์ซู่ถามอย่างสงสัย “ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับชั้นเรียนวัฒนธรรมล่ะก็ ลืมไปได้เลย”

ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเมื่อไรที่หลี่ว์ซู่จะก้าวไปสู่อัระดับสอง เขาอาจจะไปถึงระดับหนึ่งได้ด้วยซ้ำ ถึงเวลาแล้วที่เขาจะได้รับแต้มอารมณ์ครั้งใหญ่ เขาจะมาใจเย็นอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

เมื่อจางเว่ยอวี่ได้รู้ว่าจุดมุ่งหมายของเขาถูกบดขยี้อย่างสมบูรณ์ เขาก็แทบสำลัก “แล้วธัญพืชล่ะ พวกเราจะทำยังไง ในตอนนั้นนายบอกว่าพวกเราต้องประหยัดค่าธัญพืช แต่นายกลับอนุญาตให้ทัพอู่เว่ยจัดการด้วยตัวเอง แล้วทีนี้พวกเราจะทำยังไง ตอนนี้อาหารมีไม่พอกินแล้ว…เดี๋ยว ปล่อยฉันนะ!”

จางเว่ยอวี่ถูกพาตัวไปโดยหลิวอี้เจาและหลี่เฮยทั่นที่กำลังพยุงเขาไปทั้งสองข้าง ระหว่างทาง หลิวอี้เจาพูดอย่างสงบว่า “คุณจาง คุณกำลังช่วยราชาให้ได้ขึ้นครองบัลลังก์ ดังนั้นได้โปรดอย่าขัดขวางเขาเลย”

จางเว่ยอวี่กล่าวว่า “อะไรนะ! ฉันควรฆ่านายให้ตายๆ ไปซะตั้งแต่อยู่ที่พระราชวังในตอนนั้น…เจ้าโง่เอ๊ย! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”

นายกำลังพูดถึงอะไร ช่วยหมอนั่นให้ขึ้นครองบัลลังก์เหรอ ทั้งหมดนั่นก็แค่เรื่องหลอกลวง จางเว่ยอวี่ค่อยๆ หยุดดิ้นรน การแสดงออกของเขาดูราวกับว่าเขาไม่เหลืออะไรให้มีชีวิตอีกแล้ว

หลี่ว์ซู่ยืนอยู่บนภูเขาราชาหลี่ว์ เขาดูน่าเกรงขามและยิ่งใหญ่ มันสุดยอดจริงๆ ที่ได้มีลูกน้อง

แต่เขาก็เป็นกังวลเรื่องอาหารเช่นกัน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาหลัก หลี่ว์เสี่ยวอวี๋มีเงินแล้ว!

ก่อนที่เธอจะไป หลี่ว์ซู่ถึงขั้นบอกกับหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ว่า ตอนนี้พวกเขามีเงินแล้ว เธอควรจะทำให้เต็มที่ในการซื้อธัญพืช

ในแง่หนึ่ง หลี่ว์ซู่ไม่ใช่ฆาตกร ถึงแม้ว่าเขาจะกลายเป็นหัวหน้ากลุ่มโจร แต่เขาก็ไม่ต้องการที่จะจัดการกับเรื่องทุกอย่างด้วยความรุนแรง

ในทางกลับกัน เขาเป็นกังวลว่าช่องเขาเว่ยเป่ยอาจจะมียอดฝีมือคอยดูแล ถึงแม้ว่าพวกเขาอาจจะมีไม่มากเท่าทัพเฮยอวี่ แต่ถ้ามียอดฝีมือระดับหนึ่งมากกว่าสองคนคอยจับตาสี่ยวอวี๋อยู่ ก็คงจะไม่สะดวกนัก

นอกจากนี้ หลิวอี้เจายังต้องไปเป็นตัวแทนของทัพอู่เว่ย และแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้บัญชาการทัพอู่เว่ย หลี่ว์ซู่ไม่ต้องการให้เกิดปัญหาใดๆ ในช่วงเวลาวิกฤตนี้

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋โบกมือ “ฉันจะไม่สู้กับใครทั้งนั้น!”

ถึงแม้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋อาจจะรับปาก แต่หลี่ว์ซู่ก็ไม่อาจสบายใจได้

ในตอนแรก หลิวอี้เจาเอาเงินออมออกมาเพียงครึ่งเดียว แต่หลังจากที่เขาได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะจงรักภักดีแล้ว เขาก็นำเงินออมออกมาทั้งหมด อย่างไรหลิวอี้เจาก็เก็บเงินมาเพื่อวันนี้ …

แต่เขาไม่ได้มีเงินออมมากนัก หลี่ว์ซู่รู้สึกสงสัยเล็กน้อย ในฐานะเจ้าเมืองหนานเกิงและผู้บัญชาการทัพชิงไซ ทำไมเขาถึงมีเงินเพียงไม่กี่แสน ทั้งๆ ที่เก็บรักษามานานกว่าสิบปี หลิวอี้เจา อธิบายว่าเขาแค่ไม่อยากสร้างความวุ่นวายให้กับผู้คนมากเกินไป และเขาก็ไม่เต็มใจที่จะยักยอกเงินเดือนของทหาร มีหลายครั้งที่เขาใช้เงินของตัวเองเพื่อจ่ายให้ทหารและซื้ออุปกรณ์ให้พวกเขา

หลังจากได้ยินเรื่องนี้ หลี่ว์ซู่จึงไม่แปลกใจเลยที่ทัพชิงไซนั้นจงรักภักดีต่อเขามาก เขาแข็งแกร่งกว่าเย่เสี่ยวหมิง ผู้บัญชาการทัพอู่เว่ยคนก่อน

เงินสองสามแสนดูเหมือนจะไม่ใช่เงินเล็กน้อย พวกเขาสามารถซื้อข้าวได้สักสองสามแสน แต่ปัญหาก็คือพวกเขาต้องเลี้ยงดูกว่าห้าพันคน แม้แต่คลังไร้รูปของเสี่ยวอวี๋ก็ไม่เพียงพอที่จะจัดเก็บทั้งหมดนี้ เธอต้องเดินทางหลายครั้ง

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พาหัวหน้าบาทหลวงและแอนโทนีไปยังเมืองในระยะหนึ่งร้อยห้าสิบกิโลเมตรจากช่องเขาเว่ยเป่ยเพื่อซื้ออาหาร หลังจากสอบถามไปรอบๆ เธอถึงได้รู้ว่าธัญพืชในเมืองทั้งหมดถูกทัพหลงเหมิ่งแห่งช่องเขาเว่ยเป่ยเอาไปหมดแล้ว ว่ากันว่ามีสายลับปรากฏตัวขึ้นในช่องเขาเว่ยเป่ย เปลวไฟทำลายธัญพืชทั้งหมดใน ช่องเขาเว่ยเป่ย ดังนั้นพวกเขาจึงขนส่งธัญพืชจากเมืองใกล้เคียง

จากเรื่องนี้ พวกเขาสามารถอนุมานได้ว่าเป็นแผนของทัพเฮยอวี่ พวกเขาเตรียมตัวมาเนิ่นนานก็เพื่อศึกในวันนี้!

คนขายที่อยู่ที่ร้านธัญพืชขมวดคิ้ว “สาวน้อย ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากขายธัญพืชให้เธอนะ แต่ทั่วทั้งเมืองไม่มีธัญพืชเหลือแล้ว รถขนส่งจากทัพหลงเหมิ่งเพิ่งมาขนธัญพืชไป ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะอยู่ไกลมาก”

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ตาเป็นประกายหลังจากได้ฟังเรื่องนี้ “พวกเขาเดินทางไปไหนเหรอ”

ทัพหลงเหมิ่งกำลังเดินทางไปยังช่องเขาเว่ยเป่ยเพื่อขนส่งธัญพืช ทันใดนั้นใครคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นมาว่า “รถม้าขนของๆ ฉันหายไปไหน รถม้าขนส่งขนาดใหญ่ของฉันกับธัญพืชหายไป!”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ 922 การปล้น!

Now you are reading ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ Chapter 922 การปล้น! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทเรียนวัฒนธรรมเป็นสิ่งจำเป็น ถ้าไม่เรียนแล้ว จะได้แต่มอารมณ์มาจากไหน

แต่เนื่องจากบทเรียนวัฒนธรรมเหล่านี้ใช้เวลานาน การฝึกที่ดำเนินการในช่วงเวลาที่เหลือจึงต้องเอาจริงเอาจังให้มากพอ เพื่อเติมเต็มแผนของจางเว่ยอวี่ในการฝึกกองทัพอย่างสมบูรณ์ภายในสามเดือน

ถ้าพวกเขาไม่ทำเช่นนั้น เมื่อทัพเฮยอวี่จัดการช่องเขาเว่ยเป่ยจนเสร็จสิ้น และมุ่งความสนใจไปที่การแก้ไขพื้นที่นี้ ภูเขาราชาหลี่ว์อาจต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้โดยไม่ได้หยุดพัก

จางเว่ยอวี่ได้แต่หวังว่าก่อนที่ทัพอู่เว่ยจะล่มสลาย ดินแดนทางเหนือจะเริ่มโต้กลับได้ ถ้าไม่เช่นนั้น ถึงแม้ทัพอู่เว่ยจะแข็งแกร่งขึ้น แต่พวกเขาก็ไม่สามารถหยุดทหารหลายแสนคนจากทัพเฮยอวี่ได้!

 แน่นอนว่าทัพเฮยอวี่ไม่สามารถส่งกำลังพลทั้งหมดมาที่นี่ได้ เพราะพวกเขาจะยังต้องการคนเพื่อคอยปกป้องช่องเขาเว่ยเป่ยและป้องกันการโจมตีจากดินแดงทางเหนืออย่างแน่นอน แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น มันก็ยังอันตรายมาก

หลี่ว์ซู่ฝึกท่วงท่าวิชากระบี่ตลอดทั้งวัน ราวกับว่าเขาจะไม่ยอมเดินออกจากถ้ำหินปูน เว้นแต่จะมีเรื่องเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น หลิวอี้เจาถอนหายใจ “เป็นอย่างที่คาดไว้ องค์ราชาแข็งแกร่งกว่าพวกเรา ผมไม่มีแรงแบบนี้ตอนที่ยังฝึกอยู่หรอกนะ”

จางเว่ยอวี่กลอกตา เขาไม่ว่างมาใส่ใจที่จะจัดการกับหลิวอี้เจา เขาไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างสมบูรณ์ เขาทำได้เพียงรอให้ราชาที่แท้จริงปรากฏตัว

เมื่อหลี่เฮยทั่นเห็นจางเว่ยอวี่กลอกตา เขาก็ยกดาบขึ้น “คุณ คุณมีอะไรอยากจะพูดกับท่านเทพหรือไม่”

จางเว่ยอวี่พูดไม่ออก

หึๆๆ ดีมาก พวกนายทุกคนจงรักภักดีกันเหลือเกิน!

จางเว่ยอวี่มองไปยังทัพอู่เว่ย แม้ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้พวกเขาก็ยังเข้าร่วมบทเรียนวัฒนธรรม เขาทนไม่ได้ เขาจึงวิ่งเข้าไปในถ้ำหินปูนเพื่อตามหาหลี่ว์ซู่

เขาเพิ่งเข้าไปในถ้ำหินปูนในตอนที่เขาเห็นรอยกระบี่รอยใหม่อยู่บนผนัง เขาแทบจะเป็นลมล้มลงกับพื้น จางเว่ยถอยกลับอย่างสับสน เขาไม่ได้คาดหวังว่าในช่วงไม่กี่วันที่เขาไม่ได้เข้ามาในถ้ำนั้น รอยกระบี่บนผนังกลายเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ยิ่งขึ้น เขาไม่สามารถแม้แต่จะมองไปที่พวกมัน!

“นี่ ออกมาเถอะ ฉันจะไม่เข้าไปหรอกนะ” จางเว่ยอวี่คำรามมาจากนอกถ้ำ

หลังจากนั้นไม่นาน หลี่ว์ซู่ก็เดินออกมาพร้อมรอยยิ้ม “เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ”

จางเว่ยอวี่มองไปที่หลี่ว์ซู่อย่างลังเล “นายเลื่อนขั้นอีกแล้วเหรอ”

“ใช่แล้ว ผมก้าวขึ้นสู่ระดับที่สามแล้ว!” หลี่ว์ซู่ตอบ ไม่มีอะไรต้องปิดบัง เขาเพิ่งก้าวขึ้นสู่ระดับที่สาม

แต่เขาไม่รู้ว่านี่ทำให้จางเว่ยอวี่ตกใจมากแค่ไหน!

ในตอนนั้นพวกเขารู้สึกว่าหลี่ว์ซู่เลื่อนระดับเร็วเกินไป มันไม่สมเหตุสมผล ดังนั้นพวกเขาจึงจดบันทึกทุกครั้งที่หลี่ว์ซู่เลื่อนระดับ ตอนแรก จางเว่ยอวี่และคนที่เหลือคิดว่าหลี่ว์ซู่จะเลื่อนระดับอีกครั้งในอีกสามเดือน แต่หลี่ว์ซู่ไม่เหมือนกับทัพอู่เว่ยและทัพชิงไซ พลังของเขาไม่ได้ติดอยู่ในคอขวด

แต่หลี่ว์ซู่กลับใช้เวลาไม่ถึงสามเดือนด้วยซ้ำ เขาเลื่อนระดับจากระดับสี่เป็นระดับสามในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน ทำให้รู้สึกราวกับว่าเขากำลังเร่งความเร็วขึ้น

แต่จางเว่ยอวี่ไม่รู้ว่าสำหรับหลี่ว์ซู่แล้ว นี่ก็เหมือนกับว่าเกมรุ่นเล็กๆ ของเกมเก่าที่เคยปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ เขาคิดว่าอาจจะต้องใช้เวลาพอสมควรในการก้าวขึ้นสู่ระดับสาม แต่เขาสังเกตเห็นว่าความก้าวหน้าของเขามีแต่เร็วขึ้นและเร็วขึ้น

ราวกับว่าความสำเร็จเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ

“ว่าแต่คุณมาทำอะไรที่นี่” หลี่ว์ซู่ถามอย่างสงสัย “ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับชั้นเรียนวัฒนธรรมล่ะก็ ลืมไปได้เลย”

ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเมื่อไรที่หลี่ว์ซู่จะก้าวไปสู่อัระดับสอง เขาอาจจะไปถึงระดับหนึ่งได้ด้วยซ้ำ ถึงเวลาแล้วที่เขาจะได้รับแต้มอารมณ์ครั้งใหญ่ เขาจะมาใจเย็นอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

เมื่อจางเว่ยอวี่ได้รู้ว่าจุดมุ่งหมายของเขาถูกบดขยี้อย่างสมบูรณ์ เขาก็แทบสำลัก “แล้วธัญพืชล่ะ พวกเราจะทำยังไง ในตอนนั้นนายบอกว่าพวกเราต้องประหยัดค่าธัญพืช แต่นายกลับอนุญาตให้ทัพอู่เว่ยจัดการด้วยตัวเอง แล้วทีนี้พวกเราจะทำยังไง ตอนนี้อาหารมีไม่พอกินแล้ว…เดี๋ยว ปล่อยฉันนะ!”

จางเว่ยอวี่ถูกพาตัวไปโดยหลิวอี้เจาและหลี่เฮยทั่นที่กำลังพยุงเขาไปทั้งสองข้าง ระหว่างทาง หลิวอี้เจาพูดอย่างสงบว่า “คุณจาง คุณกำลังช่วยราชาให้ได้ขึ้นครองบัลลังก์ ดังนั้นได้โปรดอย่าขัดขวางเขาเลย”

จางเว่ยอวี่กล่าวว่า “อะไรนะ! ฉันควรฆ่านายให้ตายๆ ไปซะตั้งแต่อยู่ที่พระราชวังในตอนนั้น…เจ้าโง่เอ๊ย! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”

นายกำลังพูดถึงอะไร ช่วยหมอนั่นให้ขึ้นครองบัลลังก์เหรอ ทั้งหมดนั่นก็แค่เรื่องหลอกลวง จางเว่ยอวี่ค่อยๆ หยุดดิ้นรน การแสดงออกของเขาดูราวกับว่าเขาไม่เหลืออะไรให้มีชีวิตอีกแล้ว

หลี่ว์ซู่ยืนอยู่บนภูเขาราชาหลี่ว์ เขาดูน่าเกรงขามและยิ่งใหญ่ มันสุดยอดจริงๆ ที่ได้มีลูกน้อง

แต่เขาก็เป็นกังวลเรื่องอาหารเช่นกัน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาหลัก หลี่ว์เสี่ยวอวี๋มีเงินแล้ว!

ก่อนที่เธอจะไป หลี่ว์ซู่ถึงขั้นบอกกับหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ว่า ตอนนี้พวกเขามีเงินแล้ว เธอควรจะทำให้เต็มที่ในการซื้อธัญพืช

ในแง่หนึ่ง หลี่ว์ซู่ไม่ใช่ฆาตกร ถึงแม้ว่าเขาจะกลายเป็นหัวหน้ากลุ่มโจร แต่เขาก็ไม่ต้องการที่จะจัดการกับเรื่องทุกอย่างด้วยความรุนแรง

ในทางกลับกัน เขาเป็นกังวลว่าช่องเขาเว่ยเป่ยอาจจะมียอดฝีมือคอยดูแล ถึงแม้ว่าพวกเขาอาจจะมีไม่มากเท่าทัพเฮยอวี่ แต่ถ้ามียอดฝีมือระดับหนึ่งมากกว่าสองคนคอยจับตาสี่ยวอวี๋อยู่ ก็คงจะไม่สะดวกนัก

นอกจากนี้ หลิวอี้เจายังต้องไปเป็นตัวแทนของทัพอู่เว่ย และแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้บัญชาการทัพอู่เว่ย หลี่ว์ซู่ไม่ต้องการให้เกิดปัญหาใดๆ ในช่วงเวลาวิกฤตนี้

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋โบกมือ “ฉันจะไม่สู้กับใครทั้งนั้น!”

ถึงแม้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋อาจจะรับปาก แต่หลี่ว์ซู่ก็ไม่อาจสบายใจได้

ในตอนแรก หลิวอี้เจาเอาเงินออมออกมาเพียงครึ่งเดียว แต่หลังจากที่เขาได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะจงรักภักดีแล้ว เขาก็นำเงินออมออกมาทั้งหมด อย่างไรหลิวอี้เจาก็เก็บเงินมาเพื่อวันนี้ …

แต่เขาไม่ได้มีเงินออมมากนัก หลี่ว์ซู่รู้สึกสงสัยเล็กน้อย ในฐานะเจ้าเมืองหนานเกิงและผู้บัญชาการทัพชิงไซ ทำไมเขาถึงมีเงินเพียงไม่กี่แสน ทั้งๆ ที่เก็บรักษามานานกว่าสิบปี หลิวอี้เจา อธิบายว่าเขาแค่ไม่อยากสร้างความวุ่นวายให้กับผู้คนมากเกินไป และเขาก็ไม่เต็มใจที่จะยักยอกเงินเดือนของทหาร มีหลายครั้งที่เขาใช้เงินของตัวเองเพื่อจ่ายให้ทหารและซื้ออุปกรณ์ให้พวกเขา

หลังจากได้ยินเรื่องนี้ หลี่ว์ซู่จึงไม่แปลกใจเลยที่ทัพชิงไซนั้นจงรักภักดีต่อเขามาก เขาแข็งแกร่งกว่าเย่เสี่ยวหมิง ผู้บัญชาการทัพอู่เว่ยคนก่อน

เงินสองสามแสนดูเหมือนจะไม่ใช่เงินเล็กน้อย พวกเขาสามารถซื้อข้าวได้สักสองสามแสน แต่ปัญหาก็คือพวกเขาต้องเลี้ยงดูกว่าห้าพันคน แม้แต่คลังไร้รูปของเสี่ยวอวี๋ก็ไม่เพียงพอที่จะจัดเก็บทั้งหมดนี้ เธอต้องเดินทางหลายครั้ง

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พาหัวหน้าบาทหลวงและแอนโทนีไปยังเมืองในระยะหนึ่งร้อยห้าสิบกิโลเมตรจากช่องเขาเว่ยเป่ยเพื่อซื้ออาหาร หลังจากสอบถามไปรอบๆ เธอถึงได้รู้ว่าธัญพืชในเมืองทั้งหมดถูกทัพหลงเหมิ่งแห่งช่องเขาเว่ยเป่ยเอาไปหมดแล้ว ว่ากันว่ามีสายลับปรากฏตัวขึ้นในช่องเขาเว่ยเป่ย เปลวไฟทำลายธัญพืชทั้งหมดใน ช่องเขาเว่ยเป่ย ดังนั้นพวกเขาจึงขนส่งธัญพืชจากเมืองใกล้เคียง

จากเรื่องนี้ พวกเขาสามารถอนุมานได้ว่าเป็นแผนของทัพเฮยอวี่ พวกเขาเตรียมตัวมาเนิ่นนานก็เพื่อศึกในวันนี้!

คนขายที่อยู่ที่ร้านธัญพืชขมวดคิ้ว “สาวน้อย ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากขายธัญพืชให้เธอนะ แต่ทั่วทั้งเมืองไม่มีธัญพืชเหลือแล้ว รถขนส่งจากทัพหลงเหมิ่งเพิ่งมาขนธัญพืชไป ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะอยู่ไกลมาก”

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ตาเป็นประกายหลังจากได้ฟังเรื่องนี้ “พวกเขาเดินทางไปไหนเหรอ”

ทัพหลงเหมิ่งกำลังเดินทางไปยังช่องเขาเว่ยเป่ยเพื่อขนส่งธัญพืช ทันใดนั้นใครคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นมาว่า “รถม้าขนของๆ ฉันหายไปไหน รถม้าขนส่งขนาดใหญ่ของฉันกับธัญพืชหายไป!”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+