ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอบทที่ 153 เมื่อไหร่จะมีลูกให้พี่เฉินของพวกเราสักทีล่ะ

Now you are reading ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ Chapter บทที่ 153 เมื่อไหร่จะมีลูกให้พี่เฉินของพวกเราสักทีล่ะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทั้งหลานไห่ฮว๋าและหูซิ่วจูได้หยิบเอกสารด้านบนขึ้นมาเปิดดูสองสามหน้า จากนั้นทั้งสองก็ทำสีหน้าดำคล่ำเคร่งเหมือนก้นหมอยังไงยังงั้นแหละ

หูซิ่วจูอดทนต่อไปไม่ไหว น้ำเสียงของเธอนั้นตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด : “สือมูเฉิน อย่างน้อยก่อนหน้านี้คุณก็เคยมาเป็นแขกที่บ้านเราก็หลายครั้งแล้ว และเคยคบกับลูกสาวของเรามาก่อน ทำไมถึงใจไม้ไส้ระกำขนาดนี้ด้วยนะ

“ใจไม้ไส้ระกำ?” ริมฝีปากของสือมูเฉินกระตุก: “คุณทั้งสองครับ ผมแค่ไม่ชอบให้สมาชิกในครอบครัวของผมถูกคุกคามก็เท่านั้น แน่นอนว่าถ้าคุณทั้งสองนั้นไม่สนใจเจ้าหนี้และคนที่คุณเคยรีดไถตามไล่ฆ่าเพื่อล้างแค้นพวกคุณถึงที่แล้วล่ะก็ พวกคุณลองคิดทบทวนอีกทีเรื่องที่พวกคุณจะขายข่าวให้กับสื่อ ตอนนี้ผมกำลังคันมืออยู่พอดี ผมรู้สึกว่าในสำนักข่าวก็น่าจะมีเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อย ว่าง ๆผมอยากจะลองศึกษาดูหน่อย”

อารมณ์ของหลานไห่ฮว๋าแปรปรวน เขาบีบเอกสารชุดนั้นแน่นและเหงื่อจากฝ่ามือทำให้กระดาษเปื่อยและมีรอยย่นเล็กน้อย

ผ่านไปสักพัก เขาก็กัดฟันและพูดว่า: “สือมูเฉิน แกนี่มันมันโหดเหี้ยมจริงๆ! อย่างไรก็ตาม ทั้งๆที่คุณก็มีบริษัท Times Group อยู่ในมือแล้ว เงินแค่เพียงไม่กี่ล้านแค่นี้คุณยังให้ไม่ได้ ดูท่าแล้วคุณก็ไม่เห็นเสี่ยวถางสำคัญเท่าไหร่หรอก!”

“ผมจะให้ความสำคัญกับเสี่ยวถางมากแค่ไหน มันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของคุณ” สือมูเฉินกล่าวว่า:“อย่างไรก็ตาม ถ้าหากพวกคุณยังกล้าไปหาเธออีกครั้ง อย่าโทษว่าผมใจร้ายแล้วกันนะครับ!พวกคุณไม่ลองไปดูข้อมูลของผมดูหน่อยเหรอ ว่าตอนนี้การแนะนำบุคคลที่มีชื่อเสียงนั้นแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวผมยังไงบ้าง!”

หูซิ่วจูหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมา ค้นหาอยู่สักครู่และอ่าน: “อยู่ในเมืองนี้เป็นคนลึกลับมาก ตัดสินใจเด็ดเดี่ยว และดูแล้วเหมือนคนเข้าหาได้ง่าย แต่ในความเป็นจริงเป็นคนที่ไร้ความปราณี……”

“รู้ก็ดีแล้ว” สือมูเฉินยืนขึ้น: “ก่อนจะทำอะไรพวกคุณควรคิดให้รอบคอบล่ะ”

พูดเสร็จ ก็หันหลังเดินจากไป

เหลือไว้เพียงหลานไห่ฮว๋าและภรรยาของเขายังคงนั่งอยู่ในตำแหน่งเดิม ถือสำเนาเอกสารในมือและมองสบตากัน

จนกระทั่งสือมู่เฉินไปไกลแล้ว หลังจากนั้นหูซิ่วจูก็ได้สติกลับคืนมา เธอมองหลานไห่ฮว๋าแล้วพูดขึ้นว่า:“ถ้าเช่นนั้นเราควรจำทำอย่างไรต่อไปดี?คุณจะยังขายข่าวอยู่อีกไหม?”

“แล้วนี่จะขายได้อย่างไร!” หลานไห่ฮว๋าโกรธแค้นมากจนกระทืบเท้า: “ถ้าตัดสินใจขายมันคุณจะรอให้ศัตรูพวกนั้นมาฉีกร่างเราอย่างนั้นเหรอ?!

“แล้วเราจะทำยังไงถึงจะได้เงินมา” หูซิ่วจูพูดอีกครั้ง: “ก่อนหน้านั้นเธอเอาเงินมาหลายล้านก็พอถูๆไถๆคืนหนี้การพนันได้บ้าง ตอนนี้ชีวิตเราก็ลำบากมากพออยู่แล้ว!”

“หาเล่อซิน!” หลานไห่ฮว๋าคิดอยู่ครู่หนึ่ง: “ก่อนหน้านี้ลูกสาวเราเดินทางไปต่างประเทศก็ไม่บอกสักคำ และปล่อยให้ลูกเขยผู้ร่ำรวยมั่งคั่งหลุดมือไปได้ ตอนนี้เธอกลับมาแล้ว เราควรจะไปหาเธอเพื่อปรึกษาหารือกันไม่ใช่หรอกหรือ?”

หูซิ่วจูส่ายหัว: “ฉันไม่ต้องการทำให้เล่อซินต้องพลอยมาลำบากไปด้วย”

“ถ้าเราไม่ไปหาเธอแล้วเราจะมีทางเลือกอื่นอีกเหรอ?นอกจากการเริ่มต้นเปิดบริษัทในฐานะผู้นำและการจัดหาเงินทุน อย่างอื่นผมก็ทำไม่เป็นเลย! แต่ใครจะกล้าจ้าง CEO ของบริษัทที่ล้มละลายกันล่ะ?” หลานไห่ฮว๋ากล่าวอย่างโกรธเคือง: “ ให้เธอรีบแต่งงานกับเศรษฐีสักคนเถอะ แล้วปัญหาทั้งหมดจะได้คลี่คลาย”

“ผู้ชายเศรษฐี?” หูซิ่วจูคิดอยู่ครู่หนึ่ง: “ใครคะ? ตอนนี้ในหนิงเฉิงคนที่รวยที่สุดก็มีเพียงสือมูเฉินเท่านั้นเองนะคะ?”

“ใครบอกว่าต้องเป็นคนที่รวยที่สุด? คนขี้เหนียวอย่างสือมูเฉินคนนั้น แค่เงินไม่กี่ล้านยังเสียดายเลย ถ้าลูกสาวเล่อซินของเราจะแต่งงานก็ต้องแต่งกับผู้ชายที่สปอร์ตสิ!”

ในขณะนี้ คนที่ถูกขนานนามว่า ‘คนขี้เหนียว’ อย่างสือมูเฉินได้กลับมาถึงรถแล้ว เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรไปที่ทีม DR ว่า :“คุณJenny คืนนี้จองตั๋วให้ทุกคน พรุ่งนี้ผมเชิญทุกคนมาร่วมสังสรรค์กันที่หนิงเฉิงสักหน่อย”

“เยี่ยมมากเลยค่ะ ท่านประธาน ฉันจะแจ้งให้ทุกคนทราบเดี๋ยวนี้!” คุณ Jenny พูดด้วยน้ำเสียงดีใจ

ในวันรุ่งขึ้น สมาชิกของ DR ออกเดินทางจากเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก และมาถึงชานเมืองทางตะวันตกของหนิงเฉิง ซึ่งสือมูเฉินได้จองคฤหาสน์สำหรับการพักร้อนเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว

ในฐานะที่หลานเสี่ยวถางเป็นภรรยาของท่านประธาน เธอได้เตรียมของขวัญไว้และวางแผนที่จะมอบให้กับสมาชิกมากกว่า 20 คน

อัจฉริยะด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ของ DR มาที่นี่ในครั้งนี้ มีอายุตั้งแต่ 16 ปีจนถึง 52 ปี และทุกคนยังมีสีผิวที่แตกต่างกันอีกด้วย ดังนั้นจึงดูเหมือนเป็นการรวมตัวของกลุ่มชาติพันธุ์ขนาดใหญ่

อย่างไรก็ตาม เพราะสนิทสนมกับสือมูเฉินเป็นอย่างดี ดังนั้นทุกคนจึงทำตัวสบาย ๆ หลังจากมาถึงคฤหาสน์ พวกเขาเรียกหลานเสี่ยวถางว่า “ท่านภริยาท่านประธาน” โดยตรง

หลาย ๆคนก็เดินทางมาถึงในช่วงบ่ายแล้ว และมีบางคนมาถึงในช่วงกลางคืน เมื่อหลานเสี่ยวถางมอบของขวัญให้กับเด็กชายที่อายุน้อยที่สุดในหมู่พวกเขานั้น เขามองไปที่หลานเสี่ยวถางและพูดว่า:“คุณภริยาท่านประธาน เมื่อไหร่ถึงจะมีลูกให้ลูกพี่ใหญ่ของเราล่ะ?”

หลานเสี่ยวถางกระตุกมุมปากของเธอ และมองดูไปบริเวณรอบ ๆ อย่างช่วยไม่ได้

เห็นได้ชัดว่าคนรอบข้างคุ้นเคยกับวิธีการพูดแบบตรง ๆ ของเด็กคนนี้มานานแล้ว และทุกคนก็ยิ้ม: “เด็กคนนี้พูดอยู่ตลอดทางว่า ถ้าพวกคุณมีลูกสักคน เขาจะไม่ใช่น้องคนสุดท้องในทีมอีกแล้ว” ยิ่งไปกว่านั้น เขายังสามารถสอนซอฟต์แวร์ให้เขา และฝึกให้เขาเป็นแฮ็กเกอร์ที่อายุน้อยที่สุดได้อีกด้วย”

เมื่อหลานเสี่ยวถางนึกถึงภาพนั้นขึ้นมาเธอก็ต้องปาดเหงื่อทันที

ในขณะนี้สือมูเฉินและวิศวกรซอฟต์แวร์ที่อายุมากที่สุดก็เดินเข้ามาจากด้านนอกพร้อมกัน เมื่อเห็นทุกคนพูดคุยและหัวเราะกันอย่างมีความสุข พวกเขาอดไม่ได้ที่จะถาม:”กำลังคุยถึงเรื่องอะไรอยู่เหรอ?”

“ลูกพี่ใหญ่ ทุกคนกำลังคุยเรื่องที่ลูกพี่แต่งงานมานานแล้ว ทำไมพี่สะใภ้ถึงไม่ท้องสักทีล่ะ?” มีคนพูดน้ำเสียงเยาะเย้ย “ลูกพี่ใหญ่ ไม่เจ๋งเลย!”

“ใช่สิ พี่เฉิน พวกคุณทำวันละกี่ครั้ง?” ชายหนุ่มอีกคนถาม:“พี่เฉิน ถ้าพี่รู้สึกว่าร่างกายของพี่ไม่แข็งแรง แม่ของผมเป็นอาจารย์แพทย์แผนจีน เอาแบบนี้ดีไหมครับผมจะขอให้เธอช่วยปรับร่างกายของพี่และพี่สะใภ้ดีไหมครับ?”

“ไสหัวไป!” สือมูเฉินหยิบถั่วลิสงทอดขึ้นมาหนึ่งชิ้นบนโต๊ะชาแล้วขว้างไปโดนหน้าผากของชายคนนั้นพอดี

“พวกเราดูสิ พูดแทงใจดำพี่เฉินเข้าแล้ว และเขาเริ่มจะฆ่าคนเพื่อปิดปากแล้ว!” พวกผู้ชายหัวเราะและพูดกับหลานเสี่ยวถางไปด้วยว่า: “พี่สะใภ้ พี่ไม่ต้องกลัวเขานะ บอกเรามาเร็ว ๆ ว่า พี่เฉินโอเคไหม?”

ในเวลานี้หลานเสี่ยวถางไม่รู้ว่าเธอจะหัวเราะดีหรือร้องไห้ดี แก้มของเธอเริ่มร้อนด้วยความเขินอายเล็กน้อย เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่ามุขตลกของคนพวกนี้จะไร้ขอบเขตมากขนาดนี้……

“ดูสิ พี่สะใภ้หยุดพูดแล้ว เธอต้องถูกคุกคามแล้วแน่เลย” มีคนหัวเราะ: “พี่เฉิน มาเถอะ พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นหน่อยเร็ว!”

“ต้องการให้ฉันพิสูจน์อย่างไร?” สือมูเฉินเลิกคิ้ว หยิบแชมเปญหนึ่งแก้วขึ้นมาแล้วจิบหนึ่งคำ

“เอาอย่างนี้ดีไหม จูบหน่อย?มาดูกันว่าจะจูบได้นานแค่ไหน?”มีคนแสดงความคิดเห็น

“จูบอย่างเดียวจะมีความหมายอะไรกัน?” อีกคนย้อน:“เอาแบบนี้ดีไหมมาเช็คร่างกายกันดีกว่า เช่น การวิดพื้น และแน่นอนว่า พี่สะใภ้ต้องนอนราบกับพื้น”

“ว้าว อันนี้ดีจัง เอานี่เลย!” คนรอบข้างส่งเสียงเชียร์

“ดนตรี!”

เมื่อเสียงเพลงดังขึ้น กฎก็คือว่าหลานเสี่ยวถางต้องนอนหงายบนพื้น ขณะที่สือมูเฉินยันแขนไว้กับพื้นคร่อมตัวหลานเสี่ยวถางแล้ววิดพื้นบนตัวเธอ โดยที่ร่างกายของเขาไม่สามารถกดทับบนร่างกายของเธอและไม่สามารถสัมผัสเธอได้แม้แต่ปลายเล็บ และยิ่งไปกว่านั้นคุณต้องวิดพื้นไปเรื่อย ๆจนกว่าจะจบเพลง

ผู้คนรอบๆ เดินมาล้อมหลานเสี่ยวถางและสือมูเฉินไว้ตรงกลางอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

พูดตามตรงนี่เป็นครั้งแรกที่หลานเสี่ยวถางต้องแสดงความรักกับสือมูเฉินต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้

เธอนอนอยู่บนพรม จ้องมองสือมูเฉินเตรียมตัว จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ กดลงมาใกล้ ๆเธอ ยิ่งอยู่ยิ่งใกล้เธอมากขึ้น

เมื่อเข้าใกล้เธอ เธอเห็นดวงตาของเขามองลงมาที่แก้มของเธอ ร่างกายของเขาใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ และริมฝีปากที่แดงก่ำของเขาก็เข้ามาใกล้เธอเช่นกัน

ลมหายใจของเขาหายใจเป่ารดใกล้แก้มของเธอ เมื่อเขากดลงจนสุด เธอถูกรายล้อมไปด้วยเรือนร่างของเขา แม้ว่าจะไม่มีน้ำหนักที่จะกดลงมา แต่ลมหายใจของเขาก็แตะปลายจมูกของเธอ และหัวใจที่เต้นแรงถี่ของเขาก็ประทับอยู่บนร่างกายของเธอด้วย

“ว้าว ครั้งที่หนึ่ง!” คนรอบข้างเริ่มนับ

กลิ่นที่โชยรอบ ๆตัวเธอนั้นล้วนเป็นกลิ่นลมหายใจของสือมูเฉิน เขาก็ค่อยๆ ลุกขึ้นอีกครั้ง และค่อยๆ ถอยห่างออกไป

ห่างออกไปเล็กน้อย เมื่อหลานเสี่ยวถางเห็นแสงโคมไฟคริสตัล คิ้วของสือมูเฉินได้รับการขัดเกลาและเป็นสามมิติมากขึ้น และจากรอยยิ้มก็เห็นเส้นคิ้วคมชัดมากขึ้น และสายตาของเธอนอจากไฟที่ส่องระยิบระยับบริเวณรอบๆแล้วก็เห็นเพียงแค่เงาของเขาเท่านั้น

การเต้นของหัวใจของหลานเสี่ยวถางเริ่มเต้นถี่เร็วขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อสือมูเฉินกดลงอีกครั้ง เธอก็รู้สึกว่าเลือดไหลเข้าสู่สมองของเธออย่างรวดเร็ว และเธอก็รู้สึกเวียนหัว

ลำคอของเธอแห้งเล็กน้อย และเธอก็อดที่จะเลียริมฝีปากไม่ได้

ทันใดนั้นก็คนตาดีมองเห็นมันพอดี จากนั้นเริ่มมีคนส่งเสียงเชียร์: “ลูกพี่ใหญ่ เมื่อกี้นี้พี่สะใภ้ได้แลบลิ้นของเธอแล้ว เห็นได้ชัดว่าต้องการให้พี่จูบเธอ เร็ว ๆ รีบกดลงไป ทำให้เธอพอใจ!”

หลานเสี่ยวถาง: “……” นี่เธอแกล้งเป็นลมได้ไหม?

อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอเห็นสือมูเฉินกดลงมาอีกครั้ง และเมื่อดวงตาของเธอมืดลง การเต้นของหัวใจของหลานเสี่ยวถางก็พลาดจังหวะไปในทันใด

เธอมีลางสังหรณ์ว่าสือมูเฉินจะต้องทำอะไรบางอย่างจริง ๆ

แน่นอนว่าเขาลงมาเหมือนเมื่อกี้นี้ แต่คอของเขาเอียงไปข้างหน้าเล็กน้อย ดังนั้นริมฝีปากของเขาจึงค่อย ๆ ค่อย ๆกดทับปากของเธออย่างช้า ๆ

มีช่วงเวลาของการกดลงมา และในขณะนี้เธอรู้สึกว่าสมองของเธอว่างเปล่า

“ว้าว!” ผู้คนรอบตัวส่งเสียงเชียร์ไม่หยุด และจังหวะของเพลงก็ดุดันขึ้น และแนวโน้มก็น่าตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ

เขากดมันและหยุดเป็นเวลาสองวินาที จากนั้นถูเบา ๆ แล้วค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป

เสียงโห่ร้องเชียร์กันทั่วหน้า

สือมูเฉินลุกขึ้นและขดริมฝีปากของเขา: “รอสักครู่เพื่อดำเนินการต่อ”

หลานเสี่ยวถางรู้สึกเพียงว่าการเต้นของหัวใจเธอไม่ใช่ของเธออีกต่อไป เธอรู้สึกสับสนและกระวนกระวายมองดูเมื่อสือมูเฉินกดใกล้เข้ามาอีกครั้งแล้ว

เธออ้าปากของเธออย่างรวดเร็ว เหมือนพยายามจะพูดอะไรบางอย่างกับเขา

ใครจะไปรู้ว่าเขากดมันลงอย่างรวดเร็วโดยไม่คาดคิด มันเป็นเพราะเธออ้าปาก และเขาก็ใช้โอกาสนี้ดันลิ้นเข้าไปในปากของเธอ และเข้าไปพัวพันกับเธออย่างอ้อยอิ่ง เขาค่อยๆผละออกและเมื่อมองดูก็เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมา

เมื่อหลานเสี่ยวถางได้ยินว่าเพลงเพิ่งจบลงไปในช่วงเวลาสั้น ๆ ดูเหมือนจะยังเหลือเวลาอีกประมาณสามในสี่

อย่างไรก็ตาม แก้มของเธอต้องแดงมากจนเห็นได้ชัด และสือมูเฉินดูเหมือนจะสนุกกับการที่ได้แกล้งเธอแบบนี้อย่างมาก!

เมื่อจังหวะเพลงเร็วขึ้น การเคลื่อนไหวของเขาค่อย ๆช้าลง

ไม่สิ ควรจะพูดว่าการเคลื่อนไหวที่ใกล้ลงมาและขยับขึ้นของเขาเร็วขึ้นเรื่อยๆ และการจูบของเธอก็เหมือนกับสโลว์โมชันในหนังมากกว่า

เธอถูกจูบจนดวงตาของเธอพร่ามัว และหูของเธอก็ร้อนมาก

จนจบเพลง หลานเสี่ยวถางรู้สึกราวกับว่าตัวเองเหมือนถูกดูดเรี่ยวแรงไปจนหมด และสือมูเฉินเป็นคนอุ้มเธอขึ้นมา

“พี่เฉิน ดูเหมือนพี่จะมีพละกำลังที่ดีมากเลยนะ!” ผู้คนรอบ ๆ เปลี่ยนความคิดอย่างรวดเร็ว: “ผมเห็นแล้วว่าปกติพี่ต้องไม่สมความปรารถนาอย่างแน่นอน! พี่สะใภ้น่าสงสารมาก เหมือนกระต่ายสีขาวตัวน้อยถูกกินโดยหมาป่าตัวร้ายผู้หิวโซ……”

หลานเสี่ยวถางไม่กล้าทนฟังอีกต่อไป ตอนนี้เธอกำลังตื่นตระหนกด้วยความกังวลใจ และจำเป็นต้องตบน้ำเย็นบนแก้มของเธออย่างเร่งด่วน

ดังนั้น เธอเลยบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ และรีบวิ่งออกไปทันที

เนื่องจากเป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง และอากาศสดชื่นเป็นพิเศษ ดังนั้นมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มาเที่ยวในคฤหาสน์แห่งนี้

คฤหาสน์ที่สือมูเฉินจองนั้นคือลานของ “ฤดูใบไม้ร่วง” ฝั่งตรงข้ามมีลานในธีมโรลเลอร์สเกต เมื่อหลานเสี่ยวถางเดินไปถึงที่ประตู เธอก็เห็นผู้คนที่ชื่นชอบการเล่นโรลเลอร์สเกตหลายคน กำลังเล่นโรลเลอร์สเกตอยู่

เธอถอนหายใจออกมาและกำลังจะหันหลังกลับ ในขณะนั้นมีคนที่อยู่ด้านนอกประตูของลาน ‘ฤดูใบไม้ร่วง’ และพูดขึ้นว่า :“เสี่ยวถาง”

หลานเสี่ยวถางผงะเมื่อเธอเจอเขาคนที่ไม่เคยเจอกันมานานมาก เธอตะลึงอยู่ชั่วขณะหนึ่ง

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *