ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอบทที่ 376 ช่วงเวลาเห็นการบอกลา

Now you are reading ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ Chapter บทที่ 376 ช่วงเวลาเห็นการบอกลา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เขาลุกขึ้นและพูดกับหยานชิงเจ๋อว่า : “ คุณคือ……”

ทันใดนั้นหยานชิงเจ๋อก็ตระหนักขึ้นได้ว่าตอนที่ซูสือจิ่นอยู่ต่างประเทศแน่นอนว่าเธอจะต้องใช้ชื่อภาษาอังกฤษ ก่อนหน้านี้ตอนที่แนะนำเว็บไซต์เขาก็เคยเห็นมันมาก่อน หัวหน้าผู้ออกแบบ OnlyOne คือ Fiona

ดังนั้น เขาก็เลยถามแจ็คว่า : “ ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณ Fiona อยู่ไหมครับ ?”

เมื่อแจ็คเห็นใบหน้าที่เหมือนกับคนจีนก็สามารถเดาได้เลยว่าจะต้องเป็นเพื่อนของซูสือจิ่น แต่ทว่าในตอนที่หยานชิงเจ๋อถามนั้น ในใจของเขายังคงไม่พอใจก็เลยบอกไปว่า : “ เธอไม่อยู่ และเธอก็ไปเดทกับแฟนแล้ว ”

หยานชิงเจ๋อถึงกับตาโตขึ้นมาในทันที : “ อะไรนะ ? แฟน ?

เมื่อแจ็คเห็นสีหน้าที่แสดงออกมาของหยานชิงเจ๋อ ทันใดนั้นก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาในทันที และดูเหมือนว่าชายจีนที่อยู่ตรงหน้าเขาจะเป็นคนหัวอกเดียวกัน !

ดังนั้นก็เลยทำให้เขายิ้มอย่างอบอุ่นเป็นอย่างพร้อมกับพูดว่า : “ ใช่ครับ เมื่อวานแฟนของเธอมา ฉะนั้นแล้วเธอออกไปพร้อมกับเขาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว จนตอนนี้ยังไม่กลับมาเลยครับ ผมดูท่าแล้วพรุ่งนี้เธอก็น่าจะไม่มาทำงาน !”

หยานชิงเจ๋อบีบไปยังก้านดอกไม้ และรู้สึกมีสิ่งของอะไรบางอย่างที่แหลมๆอยู่ในหัวใจของเขาที่มันกำลังค่อยๆเติบโตทีละน้อย แล้วเขาก็พยายามอย่างที่สุดเพื่อทำให้ตัวเองนั้นไม่ถึงกับยั้งสติไม่อยู่ : “ เธอมีแฟนแล้วหรอครับ ? แล้วมีตั้งแต่ตอนไหนครับ ?”

แจ็คนึกถึงเรื่องที่ซูสือจิ่นพูดเมื่อวาน จากนั้นก็แบะปากพร้อมกับพูดว่า : “ มีตั้งนานแล้ว ก่อนหน้านี้ที่ทะเลาะแล้วเลิกกันไป ตอนนี้ก็กลับมาดีกันแล้ว ”

มีตั้งนานแล้วอย่างนั้นหรอ ?

เธอไปจากจีนยังไม่ถึงครึ่งปีเลย เป็นไปได้จริงๆหรอที่เธอจะมีแฟนหนุ่มหลังจากมาจากโรมที่นี่ไม่นานนัก ?

หยานชิงเจ๋อรู้สึกเจ็บปวดและระบมไปถึงก้นบึ้งหัวใจนั้น และความรู้สึกที่หงุดหงิดที่อยู่ในใจนั้นก็ทำให้เขาออกแรงบีบไปยังก้านดอกไม้ยิ่งขึ้นพร้อมกับถามอีกว่า : “ เป็นคนอังกฤษใช่หรือเปล่า ?”

“ ไม่นะครับ น่าจะเป็นคนประเทศเดียวกับคุณ ” แจ็คตอบ

คนประเทศเดียวกับเขาอย่างนั้นหรอ ? เป็นไปได้ไหมว่าหลังจากที่ซูสือจิ่นมาที่นี่แล้วก็เจอเข้ากับคนบ้านเดียวกันพอดี จากนั้นทั้งสองคนที่เจอกันครั้งแรกก็รู้สึกว่ามีดวงสมพงศ์กันก็เลยอยู่ด้วยกันอย่างนั้นหรอ ?

เธอมีแฟนแล้ว แล้วเขาจะทำอย่างไรดีละ ?

หยานชิงเจ๋อก็รู้สึกอย่างชัดเจนว่าในก้นบึ้งหัวใจที่เจ็บปวดของเขานั้นทั้งลนลานและงุนงง และในชั่วขณะหนึ่งก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอย่างไรดี

เงียบงันไปหลายวินาที จากนั้นเขาก็ถามขึ้นมาว่า : “ ปกติแล้วคุณ Fiona พักอยู่ที่ไหนครับ ?”

“ พักอยู่ที่ตึกข้างๆนี้ครับ ” แจ็คก็พูดว่า : “ แต่เมื่อคืนก็ไม่กลับมานะครับ ถ้าเกิดว่าคุณมีธุระกับเธอจริงๆ คุณก็โทรหาเธอสิครับ !”

เมื่อคืนไม่ได้กลับมา……

เธอยู่ด้วยกันกับแฟน……

หยานชิงเจ๋อรู้สึกว่าความฝันที่ตัวเองรอคอยมานานนั้นก็ได้พังทลายลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า

บรรยากาศตอนนั้นจู่ๆก็รู้สึกกระอักกระอ่วนและขายหน้า หยานชิงเจ๋อรู้สึกว่าตัวเองนั้นไม่เคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้มาก่อน จากนั้นเขาก็โบกไม้โบกมือลาแจ็คแล้วก็เดินหันออกไปจากสตูดีโอด้วยความเร่งรีบ

เขากำลังเดินไปตามท้องถนนที่อยู่ใกล้ๆกับสตูดิโอ และในขณะนี้ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกงุนงงไม่รู้ว่าควรจะไปที่ไหนดี

เขาเคยคิดอยู่ว่าต่อให้เขามาที่นี่ก็ยังคงอาจจะไม่เจอเธอ

และก็เคยคิดว่าถ้าเขาเจอกับเธอ แต่ถึงอย่างไรเธอก็จะไม่สนใจเขา

ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่ได้รับการเตรียมการทางจิตใจมานับพันครั้ง แต่ทว่ามีเพียงอย่างเดียวที่เขาไม่ได้คิดเลยก็คือ เธอจะมีแฟน !

ในขณะนั้นเอง ที่ข้างถนนก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาและพูดเตือนสติหยานชิงเจ๋อว่า : “ คุณคะ ดอกไม้ของคุณจะหักแล้วถ้าคุณจะบีบมันขนาดนี้ ”

ทันทีที่หยานชิงเจ๋อก้มศีรษะลงไปดู เขาก็เห็นก้านดอกไม้สดจากเดิมที ก็ถูกเขาบีบมันจนเสียรูป และดูท่าแล้วจะพร้อมเหี่ยวเฉาได้ในทุกเมื่อ เช่นเดียวกับสภาพจิตใจของเขาในขณะนี้

แต่ทว่าหลังจากที่เขาเดินไปได้ไกล ทันใดนั้นจู่ๆก็หันกลับมา

ไม่ เขาไม่สามารถที่จะฟังคำพูดพวกนั้นของชายหนุ่มชาวอังกฤษคนนั้นแล้วก็มารู้สึกหมดหวังและเดินจากไปแบบนี้ไม่ได้ ดังนั้นเขาจะต้องไปเห็นมันกับตา !

ฉะนั้นแล้วหยานชิงเจ๋อก็ได้กลับไปยังตึกเล็กๆที่อยู่ข้างๆสตูดีโออีกครั้ง

ผู้ชายคนนั้นบอกว่าซูสือจิ่นพักอยู่ที่นั่น ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะไปรอเธออยู่ที่นั่น !

เวลาก็ค่อยๆผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งพระอาทิตย์เริ่มตกดิน

หยานชิงเจ๋อรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับผ่านวันเหมือนผ่านปี และความเป็นไปได้ที่ซูสือจิ่นจะกลับมานั้นก็แทบจะลดลงเหลือน้อยที่สุด

จนกระทั่งเขาคิดว่า ถ้าเกิดว่าเธอมีแฟนแล้วก็ได้ตกหลุมรักแฟนของเธอขึ้นมาจริงๆแล้วละก็เขาควรจะทำยังไงดี ?

ยอมแพ้อย่างนั้นหรอ ? ไม่ ความรักที่เขามีต่อเธอนั้นลึกซึ้งมากจนเข้าไปในสายเลือด จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะปล่อยมันไป ?

แต่ทว่าถ้าเกิดว่าไม่ยอมแพ้ละ ? เขาน่าจะก่อกวนเธอไม่หยุด ก็เหมือนกับหลายคนในอดีตที่เขาดูถูก และก่อกวนโดยที่ไม่สนใจอะไรเลยงั้นหรอ ?

หัวใจของเขาเต้นแรง ดูเหมือนว่าสำหรับสิ่งที่เขาดูถูกในอดีตนั้น และในขณะนี้เขาไม่ความเด็ดเดียวที่จะพูดปฏิเสธอย่างเด็ดขาดได้อีกต่อไป

พระอาทิตย์ที่กำลังตกดินก็ได้มีเงาของชายชรา และพอหยานชิงเจ๋อเห็นว่าที่สุดปลายขอบถนนนั้นมีเงาของคนสองคนที่คุ้นเคยนั้นก็ได้ถลันเข้ามาในสายตา

ดวงตาของเขาก็ได้เบิกกว้างขึ้นมาในทัน !

คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นลั่วฝานหวา !

คนที่ชายหนุ่มชาวอังกฤษนั้นเอ่ยถึงคือ ลั่วฝานหวา !

หยานชิงเจ๋อที่ถือดอกไม้ไว้ในมือนั้น เป็นเพราะว่าไม่ทันระวัง ทันใดนั้นก็ถูกหนามตำเข้าและเจ็บปวดอย่างแทงใจอยู่พักหนึ่ง

เขาก็ดูเหมือนกับว่าไร้ความรู้สึกและยังคงจ้องมองไปยังทางนั้น

ในมือของลั่วฝานหวาและซูสือจิ่นนั้นกำลังถือของอยู่ แล้วทั้งสองคนก็พูดคุยและหัวเราะกันโดยที่มองไม่เห็นเขา และในขณะที่เดินนั้นซูสือจิ่นก็ยังทำท่าทำทางอีกด้วย

นานแค่ไหนกันแล้วที่เขาไม่เคยเห็นเธอมีความสุขขนาดนี้มาก่อน ?

หยานชิงเจ๋อรู้สึกหายใจติดๆขัดๆเล็กน้อย ทันใดนั้นทั้งสองคนก็แทบจะเข้าใกล้กันอีกครั้ง และเขาก็หันกลับในทันที จากนั้นก็เร่งฝีเท้าในการเดินให้เร็วขึ้นและมุ่งตรงไปยังมุมที่แสงอาทิตย์นั้นสาดส่องไม่ถึง

เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงได้ทำแบบนี้ แต่ทว่าในขณะนั้นมันมีเพียงแค่ความคิดเดียวในสัญชาตญาณเท่านั้น——หนีไป

เขาก็เหมือนกับไก่ตัวผู้ที่แพ้ในการแข่งขัน นอกจากขายหน้าแล้วก็คือเจ็บใจ

เขาได้ยินเสียงของพวกเขาที่กำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าจะมองไม่เห็นแต่ก็สามารถที่จะรู้สึกถึงได้ ในเวลานี้ทั้งสองคนกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูและซูสือจิ่นก็กำลังจะหยิบกุญแจเพื่อเปิดประตู

ฉะนั้นพวกเขาอยู่ด้วยกันจริงๆแล้วหรอ ?

พวกเขายังพักด้วยกันอีกอย่างนั้นหรอ ?

เป็นเพราะหยานชิงเจ๋อได้ยินลั่วฝานหวาพูดว่า : “ นานมากแล้วที่ไม่ได้กินอาหารบ้านเกิด ดังนั้นวันนี้ผมจะทำอาหารที่ผมถนัดให้คุณสองอย่าง !”

ซูสือจิ่นก็พูดว่า : “ เชอะ ฝีมือของฉันก็ไม่แย่กว่านายหรอกนะ ?”

“ ได้เลย ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ พวกเราสองทำคนละหนึ่งเมนู ” ลั่วฝานหวาก็พูดว่า : “ พอกินข้าวเสร็จแล้ว เราขึ้นไปด้านบนดูดาวกัน ”

“ คุณบอกว่าคุณเลือดกรุ๊ป B มักจะชอบโดนยุงกัดตลอด ไม่กลัวหรอ ?” ซูสือจิ่นพูด

“ เพื่อความโรแมนติกแล้ว ต่อให้จะต้องให้อาหารยุงก็ไม่เป็น !” ลั่วฝานหวาก็พูดว่า : “ หรือว่าจะจุดเทียนสักสองสามเล่ม บวกกับไวน์แดงสักหน่อยไหม ? แบบนี้ได้ทั้งบรรยากาศที่ดีและยังไล่ยุงได้อีกด้วย ”

“ ฉันเกรงว่าถ้าฉันทำให้บ้านไฟไหม้ คุณผู้หญิงที่เป็นเจ้าของบ้านก็คงจะเอาเรื่องฉันอย่างถึงที่สุดแน่ๆ ” ซูสือจิ่นหัวเราะ และในขณะที่พูดก็เปิดประตูได้แล้ว

หลังจากนั้นเป็นเพราะว่าปิดประตูแล้ว หยานชิงเจ๋อก็เลยไม่ได้ยิน

เขาซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดที่มืดมิดเพียงลำพัง และเมื่อได้ยินการพูดคุยอย่างสบายอกสบายใจของพวกเขา ทั้งๆที่เป็นฤดูใบไม้ร่วงที่แสนจะอบอุ่น แต่กลับรู้สึกว่ารอบตัวนั้นเต็มไปด้วยความหนาวเย็น

พวกเขาอยู่ด้วยกันจริงๆแล้วหรอ ? ถ้าไม่อย่างนั้นจะทำกับข้าวด้วยกันได้ยังไง แล้วไหนยังจะบอกอีกว่าต้องการอาหารมื้อค่ำใต้แสงเทียนสุดโรแมนติกอีกละ ?

ยิ่งไปกว่านั้น จู่ๆเขาก็นึกถึงปัญหาอย่างหนึ่งขึ้นมา และในทันใดนั้นสีหน้าก็แสดงออกมาถึงความผิดหวัง

ลั่วฝานหวารู้ที่อยู่ของซูสือจิ่น !

ที่อยู่นี้ เมื่อครึ่งปีก่อนเขาเคยวิงวอนของร้องกับซูเผิงฮวาแต่ก็ไม่ได้มันมา ถ้าไม่ใช่เพราะว่าวันนั้นที่เห็นลูกค้ากำลังจะใส่จี้อันนั้นละก็ เขาก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกว่าจะเจอซูสือจิ่น

แต่ทว่าลั่วฝานหวากลับรู้ ! ไอ้หนุ่มชาวอังกฤษยังบอกอีกว่าซูสือจิ่นกับลั่วฝานหวานั้นอยู่ด้วยกันนานแล้ว !

ความเชื่อมั่นที่อยู่ในใจมาอย่างมั่นคงแข่งแกร่งตลอดครึ่งปีที่ผ่าน ดูเหมือนกับว่ามันจะพังทลายลงในช่วงเวลาอันสั้นๆ และในฝ่ามือของหยานชิงเจ๋อก็ถูกหนามตำจนเลือดและเนื้อนั้นเลือนราง แต่ทว่าเขาก็กลับไม่ยอมปล่อยมือออกจากมัน

เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงยังมาทำอะไรอยู่ที่นี่ แต่ทว่าไม่สามารถที่จะขยับฝีเท้าได้เลย

ในก้นบึ้งหัวใจของเขามีเพียงแค่ความคิดเดียวก็คือเธออยู่กับลั่วฝานหวาแล้ว และเธอก็ได้บอกที่อยู่ให้กับลั่วฝานหวาตั้งนานแล้ว ส่วนเขาที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กจนโตนั้นกลับไม่รู้ที่อยู่……

หยานชิงเจ๋อรู้สึกหายใจลำบากเล็กน้อย และความพ่ายแพ้ที่เขาไม่เคยมีมาก่อนในชีวิตก็ได้รายล้อมเขาด้วยความโหดเหี้ยม

เขาเอนหลังพิงไปยังกำแพงและค่อยๆ ล้มลงกับพื้น

ดวงตะวันที่ลับขอบฟ้า และบริเวณรอบๆก็ค่อยๆปกคลุมไปด้วยความมืดมิด

ส่วนในห้องนั้น ก็ไม่มีเสียงอะไรเลยที่ดังออกมา

พวกเขากำลังทำอะไรอยู่ข้างใน ? กำลังถือแก้วไวน์และดื่มไวน์แดงที่อ่อนพลิ้วยู่หรือเปล่านะ ?

หรือว่ากินข้าวเสร็จแล้ว และท่ามกลางระหว่างชายหญิงนั้นก็กำลังทำเรื่องที่สนิทชิดเชื้อกันอยู่อย่างนั้นหรอ ?

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หยานชิงเจ๋อก็รู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังถูกฉีดขาดเป็นชิ้นๆอย่างไม่ใยดี แล้วก็ดูเหมือนว่าหัวใจที่ถูกฉีกขาดนั้นจะถูกฉีกออกเป็นสองส่วนด้วยแรงของคนสองคน และเขาก็ไม่สามารถที่จะคิดหรือว่าหายใจต่อไปได้อีก มีเพียงแค่หลายพันเสียงที่กำลังโห่ร้องว่า : เข้าไปขัดขวางพวกเขาสัก !

แต่ทว่าถ้าเขาเข้าไปแล้ว มันจะทำอะไรละ ?

เขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอแล้ว และเขาจะเอาฐานะอะไรในการไปขัดขวางพวกเขากันละ ?

หยานชิงเจ๋อที่ยืนอยู่หน้าประตู ยกมือขึ้นมาแล้วก็ลดมือลง ทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และมันทำให้เขาได้ยินเสียงของเลือดที่กำลังหยดออกมาจากหัวใจของเขา

ท้ายที่สุด ด้วยความใจลอยเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรหาซูสือจิ่น

เมื่อวานซูสือจิ่นได้เลิกงานก่อนเวลา เป็นเพราะว่าได้ยินลั่วฝานหวาบอกตลอดว่าอยากไปงานโอเปร่าที่จัดขึ้นอยู่เมืองใกล้ๆนี้ และเธอเห็นว่ามีตั๋วดังนั้นก็เลยจองตั๋วสองใบ

เป็นเพราะว่าหลังจากที่ดูจบแล้ว มันก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว และทั้งสองคนก็หารถที่เหมาะสมไม่ได้ ดังนั้น ก็เลยไปเปิดห้องสองห้องและพักอยู่ที่เมืองใกล้ๆนี้

วันนี้ ทั้งสองคนก็ไปเดินซื้อของด้วยกันอีก ในระหว่างที่กลับนั้น ซูสือจิ่นก็ได้บอกว่าช่วงนี้ตัวเองนั้นขี้เกียจมากๆ แล้วก็นานมากแล้วที่ไม่ได้ทำอาหารบ้านเกิด ดังนั้นแล้ว ลั่วฝานหวาก็เลยเป็นคนเสนอว่าไปซุปเปอร์มาร์เก็ต แล้วก็ซื้อวัตถุดิบไม่ใช่น้อย และทั้งโต๊ะก็เต็มไปด้วยอาหารต้นตำรับของหนิงเฉิน

พอกินมื้อค่ำเสร็จแล้ว เป็นเพราะว่าลูกชายเจ้าของคุณผู้หญิงที่เป็นเจ้าของบ้านนั้นได้เอากล้องดูดาวไว้ในห้องใต้หลังคา ดังนั้นทั้งสองคนก็เลยขึ้นไปชั้นบนเพื่อจะดูดาว

เมื่อก่อนตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยลั่วฝานหวาก็ได้อยู่ชมรมดาราศาสตร์ ก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับกลุ่มดาวบ้าง และด้วยความอยากรู้อยากเห็นของซูสือจิ่นนั้น ทั้งสองก็กำลังย้ายกล้องส่องทางไกลให้มองไปยังด้านบนตึก แต่พอกำลังจะดูนั้น เสียงโทรศัพท์ของซูสือจิ่นก็ดังขึ้น

ลั่วฝานหวาที่อยู่ข้างๆเห็นว่านานแล้วที่ซูสือจิ่นไม่ยอมรับสาย ก็เลยอดไม่ได้ที่จะถามว่า : “ มีอะไรเปล่า ?”

เขาก็กวาดสายตาไปโดยที่ไม่ได้ตั้งใจและก็เห็นชื่อของผู้ที่โทรเข้ามา

เขาก็ถึงกับอึ้งไปเลยเหมือนกัน : “ เขามีเบอร์คุณด้วยหรอ ”

“ อื้ม ก่อนหน้านี้คุณพ่อฉันให้กับเขา ” ซูสือจิ่นก็ได้ปิดเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์

“ แล้วเขารู้ไหมว่าคุณอยู่ที่นี่ ?” ลั่วฝานหวาก็ถามขึ้นมาอีก

“ ไม่รู้ ” ซูสือจิ่นก็พูดว่า : “ เพียงแค่เคยโทรมาเท่านั้น ฉันไม่เคยบอกที่อยู่ให้กับเขา ”

“ ซื่อจิ่น คุณยังตัดใจจากเขาไม่ได้ใช่ไหม ?” ลั่วฝานหวาเห็นว่าพอโทรศัพท์วางสายไปโดยอัตโนมัติแล้วนั้น หยานชิงเจ๋อก็ได้โทรเข้ามาอีกครั้ง

“ ก็ดีขึ้นมากแล้ว ” สายตาของซูสือจิ่นก็ได้จ้องมองไปยังหน้าจอของโทรศัพท์ : “ เมื่อก่อนฉันคิดว่าเรื่องที่จะตัดใจจากเขานั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้พบว่า ทุกอย่างมันดูเหมือนว่าจะไม่ได้ยากขนาดนั้น หลังจากที่ฉันมาที่นี่ ก็เริ่มค่อยๆคิดได้ว่า ข่มเขาโคขืนให้กินหญ้า ย่อมไม่ได้ผลดังที่ต้องการ ฉะนั้นแล้วคนเราก็ไม่ควรที่จะยืนกรานในสิ่งที่ตัวเองไม่สามารถเอามันมาได้ ”

ลั่วฝานหวาก็พยักหน้าอย่างครุ่นคิด : “ จริงๆแล้วมันก็เป็นแบบนี้ หลังจากที่คิดได้แล้วก็พบว่าความเป็นจริงแล้วบนโลกใบนี้มันก็สวยสดงดงามใช่หรือเปล่า ?”

“ คงใช่ละมั้ง !” ซูสือจิ่นก็เขย่าสร้อยข้อมือของตัวเอง : “ ต่างก็บอกว่าถ้าผิดหวังในเรื่องความรักแล้วมันจะทำให้หน้าที่การงานนั้นเจริญขึ้น ถ้าไม่อย่างนั้นเว็บไซต์ของฉันจะยิ่งอยู่ยิ่งโด่งดังขึ้นเรื่อยๆได้ยังไงกัน !”

หยานชิงเจ๋อที่อยู่ด้านล่างก็ได้ยินข้อความแจ้งเตือนอีกครั้งว่าไม่มีคนตอบกลับ และดูเหมือนว่าหัวใจกำลังถูกมดนับพันตัวกำลังกัดกิน

และเขาก็ได้กดไปยังปุ่มโทรออก เพื่อโทรหาซูสือจิ่นอีกครั้ง

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *