ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 1833 ธุรกิจอบปลา

Now you are reading ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา Chapter 1833 ธุรกิจอบปลา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สามีภรรยาชาวซีเรียได้ซื้อสินค้าชิ้นใหญ่ไปหลายชิ้น ยังเหลือของใช้ในชีวิตประจำวันจำพวกเครื่องครัว พรม และเครื่องกรองน้ำอยู่ ยุ่งกันมาสักพักเลยหิวกันขึ้นมา หลังจากฉินสือโอวติดต่อไปที่ศูนย์ขายอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านเพื่อสั่งของใช้ในชีวิตประจำวันครบชุดแล้ว ก็เอาเก้าอี้เอนมาตั้งไว้หน้าประตูเพื่อพักผ่อน

เหมาเหว่ยหลงเข้ามายื่นเบียร์ให้เขากับจงต้าจวิ้นคนละขวด จงต้าจวิ้นเปิดขวดดื่มไปอึกหนึ่ง พูดว่า “เฮ้ย รสชาติไม่เลว ความหอมของเบียร์นี่เข้มข้นจริงๆ เลย มีของกินไหม จะว่าไปยุ่งมาตลอดช่วงบ่ายแล้วฉันก็รู้สึกหิวขึ้นมานิดหน่อยแล้วล่ะ”

ฉินสือโอวถามว่าสั่งเดลิเวอรี่กันเถอะ เหมาเหว่ยหลงบอกว่า “ไม่ต้องหรอก ฉันเอาเป็ดย่างจากที่บ้านมาให้พวกนายด้วย รสชาติดีมาก แล้วก็ไม่ใช่ของจีนจากร้านเฉวียนจี้เต๋อจำ (ภัตตาคารอาหารจีนเก่าแก่) อะไรเทือกนั้นด้วยนะ”

“นานขนาดนี้แล้วไม่เสียเหรอ?” ฉินสือโอวแปลกใจ เป็ดย่างมีแค่แบบเพิ่งย่างเสร็จใหม่ๆ เท่านั้นถึงจะอร่อย ไม่นับว่าพวกเขามาที่เซนต์จอห์นเป็นเวลาสองวัน แต่แค่นั่งเครื่องบินมาก็เป็นเวลาวันหนึ่งแล้ว ก็สามารถทำลายรสชาติของเป็ดย่างได้ด้วยเหมือนกัน

เหมาเหว่ยหลงหัวเราะแล้วพูดว่า “ซีลสุญญากาศ สามารถเก็บได้ห้าวันไม่มีปัญหา แต่ว่าก็แน่นอนนะ รสชาติก็จะนับวันยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ”

ย้ายมาอพาร์ทเม้นท์ใหม่ ฉินสือโอวยังไม่ได้เตรียมวัตถุดิบอาหาร ตู้เย็นยังส่งมาไม่ถึงเลย เลยไม่สามารถเตรียมได้ แต่ว่าเซนต์จอห์นมีร้านจำหน่ายอาหารทะเลต้าฉินอยู่ เขาโทรไปแค่กริ๊งเดียวก็สามารถส่งวัตถุดิบอาหารทะเลมาให้ได้ เดินวนไปวนมาในห้องครัว เขาก็หาเครื่องย่างสไตล์ยุโรปกับถ่านจนเจอ เท่านี้พอตั้งเตาเสร็จก็สามารถทำปิ้งย่างกินเองได้แล้ว

ตอนแรกเขาอยากออกไปกินข้างนอก แต่หลังจากจงต้าจวิ้นเห็นเตาย่างแล้วก็ให้เขาทำปิ้งย่างง่ายๆ ให้กินก็พอแล้ว บอกว่าตั้งแต่มาถึงเซนต์จอห์นเขาก็ตามไปกินแต่ในร้านอาหาร ยังไม่ได้ชิมฝีมือทำอาหารของฉินสือโอวเลย

คิดอยู่สักพัก ฉินสือโอวรู้สึกว่าตัวเองย่างเองก็ได้ เขาโทรศัพท์ให้ชาร์ค ให้เขาส่งเนื้อกับผักมา นี่ไม่เพียงแต่เตรียมไว้สำหรับอาหารมื้อนี้เท่านั้น ช่วงเวลาหลังจากนี้ พวกพ่อแม่ของฉินสือโอวและคนอื่นๆ ก็ต้องมาอยู่ดูแลวินนี่ที่นี่ด้วย จะต้องเตรียมพร้อมให้กับวันหลังจากนี้ด้วย

เขายังให้ชาร์คไปเอาปลาน้ำจืดแห้งจากห้องแช่แข็งมาให้ด้วย หรือก็คือปลาอบแห้ง ปลาซ่ง ปลาคาร์ฟ ปลาเฉาฮื้อ ปลาลิ่น แล้วก็ปลาคาร์ฟสีดำล้วนเอามาอย่างละตัว แล้วก็ยังมีปลาน้ำจืดพันธุ์ดีของท้องถิ่นด้วย

หลังจากปลาอบกลายเป็นปลาแห้งแล้ว ขนาดตัวก็หดลงนิดหน่อย หน้าตาก็ไม่ได้สวยเหมือนเดิม แต่เทียบกับปลาตากแห้งที่ขายกันทั่วในตลาดแล้ว ก็ยังดูดีกว่ามาก เพราะว่าพวกมันได้รับการเก็บรักษาอย่างดี

ฉินสือโอวจุดไฟในเตาย่าง คนหลายคนพากันนั่งอยู่ตรงสนามหญ้าหน้าประตู พอดีกับที่เป็นต้นฤดูใบไม้ผลิแสงอาทิตย์อบอุ่น พวกเขาจึงปิ้งย่างไปพลางดูธุรกิจแผงของมือสองไปพลาง ดีกันทั้งสองฝ่าย

ชาร์คดูภายนอกหยาบกระด้างแต่ภายในละเอียดมาก ที่เขารับสายไปคือให้ส่งมาแค่เนื้อปลาและผักเท่านั้น แต่ตอนที่มาถึง เขายังเอาเครื่องปรุงรสต่างๆ นานามาด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีแป้งอีกหนึ่งถุงเพื่อเอาไว้ใช้ในการอบขนมปังอีกต่างหาก

ฉินสือโอวเอาปลาแห้งให้จงต้าจวิ้นดู พูดว่า “ก็คือปลาแบบนี้ นายลองคิดดูก่อน ถ้าธุรกิจนี้ทำได้ ฉันสามารถส่งปลาแห้งให้นายได้เดือนละประมาณสิบตัน เงินทุนต่ำมาก หลักๆ คือค่าขนส่ง นายลองดูสิว่าธุรกิจนี้ทำได้ไหม”

แม้ว่าจงต้าจวิ้นจะไม่เคยทำธุรกิจมาก่อน แต่การที่เป็นการตลาดมาหลายปี รู้จักคนเยอะ งานที่เคยไปก็มีมาก เขาหยิบปลาเฉาฮื้อแห้งมาตัวหนึ่งใช้มีดผ่ามาแผ่นหนึ่งแล้วเคี้ยวในปากเพื่อชิมดู แล้วก็พยักหน้าพูดว่า “ปลาแห้งนี่รสชาติดีมากเลยนี่ ค่าส่งเท่าไร? ฉันรู้สึกว่าธุรกิจนี้สามารถทำได้”

พูดจบ เขาก็กางนิ้วออกเริ่มคำนวนอย่างสนอกสนใจ พูดว่า “ก่อนจะมาฉันไปดูตลาดมาแล้ว ปลาแห้งที่ทำจากปลาน้ำจืดมีให้เห็นน้อยมาก ส่วนมากจะเป็นปลาแห้งที่ทำจากปลาทะเล ราคาอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละหนึ่งร้อยหยวน ฉันซื้อกินดูแล้ว ปลาแห้งจากปลาทะเลรสชาติไม่ดีเท่าอันนี้ ดังนั้นพวกเราก็ขายกิโลกรัมละหนึ่งร้อยหยวนไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน”

ฉินสือโอวส่ายหัวแล้วพูดว่า “แบบนั้นทำกำไรได้ไม่เยอะ ปลาแห้งเก็บรักษาได้ง่ายแถมขนาดกระทัดรัดไม่กินพื้นที่ สามารถส่งทางทะเลได้ ถ้าส่งทางทะเล ของหนึ่งกิโลกรัมส่งจากเซนต์จอห์นไปที่เมืองไห่เต่า อย่างน้อยก็ต้องยี่สิบหยวน แล้วก็บวกกับค่าคนงานกับค่าเช่าร้าน ราคาต้นทุนน่าจะห้าสิบหยวนได้? ถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่ได้กำไรอะไร”

จงต้าจวิ้นมองเขาด้วยความตกใจ พูดว่า “นี่ยังไม่เรียกว่าได้กำไรอีกเหรอ ขอแค่สามารถได้กำไรก็พอ กำไรห้าสิบหยวนไม่ถือว่าน้อยเลย กำไรหนึ่งเท่าเลยนะ! ถ้าหนึ่งเดือนขายออกได้หนึ่งพันกิโลกรัม นั่นก็คือรายได้ห้าหมื่นหยวน ปีหนึ่งก็หกแสน แม้จะไม่ถึงล้านแต่ก็ไม่ไกลแล้ว”

เหมาเหว่ยหลงที่กำลังพลิกเป็ดย่างอยู่ได้หันหลังกลับมา พูดว่า “ตาฉิน นายอย่ายืนดูธุรกิจนี้จากที่สูงของนายสิ หัวหน้าห้องในตอนนี้เดือนหนึ่งก็ได้เงินแค่หมื่นกว่าหยวนเท่านั้น มาเป็นเจ้านายตัวเองทำกำไรได้เหนาะๆ ห้าหมื่นหยวน ฉันรู้สึกว่าธุรกิจนี้ก็ใช้ได้แล้ว”

ฉินสือโอวพูดว่า “งั้นก็ลองทำดูแล้วกัน ช่วงแรกฉันลงทุนให้นายก่อน ถ้านายไม่คาดหวังสูงล่ะก็ฉันรู้สึกว่าก็ไม่มีปัญหาอะไร ด้วยคุณภาพของปลาแห้งนี้ ถ้าได้เปิดตลาดแล้ว อย่าว่าเดือนหนึ่งหนึ่งพันกิโลกรัมเลย สิบตันก็ไม่มีปัญหาหรอก”

นี่ไม่ใช่การมองโลกในแง่ดีที่คิดไปเอง นี่เป็นบทสรุปที่พี่สาวกับพี่เขยของเขาคิดกันออกมา เพราะว่างานในประเทศจีนที่พวกเขาทำในสองปีก่อนนี้ก็คือธุรกิจปลาน้ำจืด พอได้ชิมรสชาติของปลาแห้งพวกนี้แล้วจึงสามารถฟันธงได้ว่าอนาคตของผลิตภัณฑ์ตัวนี้ดีมาก

เป็ดย่างเอามาอุ่นให้ร้อนก็พอแล้ว เหมาเหว่ยหลงสวมถุงมือกันความร้อนแล้วก็เริ่มหั่นเนื้อเป็ดขึ้นมา ฉินสือโอวนำปลาแห้งมาหั่นเป็นแผ่นๆ แล้วก็วางไปบนเตาเพื่อเริ่มย่าง เมื่อวานซืนเขากับพี่สาวและครอบครัวได้ย่างกินกันบ้างแล้ว ตอนนี้จึงมีประสบการณ์

ปลาพวกนี้เพราะแยกน้ำออกไปแล้ว พอนำมาย่างจึงจำเป็นต้องใช้น้ำมันปริมาณมาก ถ้าน้ำมันน้อยไปเนื้อจะแห้งมาก ไม่สามารถแสดงศักยภาพของมันออกมาได้

ถ่านไฟสีแดงแจ๋ใต้เตาได้คุขึ้นมา ฉินสือโอวมือข้างหนึ่งถือที่คีบอีกข้างถือแปรง ได้ทำการพลิกปลาแห้งไม่หยุด จากนั้นก็ใช้น้ำมันถั่วลิสงทาไปด้านบนตัวปลา น้ำมันถั่วลิสงที่ทาลงไปเป็นชั้นๆ ย่างบนเตาไฟที่ไฟแรง น้ำมันร้อนได้ซึมลงไปในเนื้อปลา ส่งเสียงซู่ๆออกมา

เนื้อปลาสีขาวหิมะได้เปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อนอย่างรวดเร็ว ฉินสือโอวทำการทาน้ำมะนาวและน้ำเชื่อมเมเปิลลงไป รอจนเนื้อปลากลายเป็นสีเหลืองทองแล้ว ค่อยโรยงาดำและมะแขว่นอีกนิดหน่อย เท่านี้ปลาย่างก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว

เขาย่างเนื้อปลาคาร์ฟสองแผ่นก่อนแล้วยื่นให้จงต้าจวิ้น ฝ่ายหลังใช้มีดหั่นออกแล้วก็เอาเข้าปาก ทำให้ลวกปากจนปากแหยจนเห็นฟัน แต่ว่าหลังจากนั้นเขากลับไม่ได้ลดความเร็วในการกินลง เขาเป่าปากไปพลางยัดเนื้อปลาเข้าปากไปพลาง แล้วก็พูดเสียงอู้อี้ว่า “ธุรกิจนี้ต้องทำได้อย่างแน่นอน ให้ตายสิอร่อย อร่อยจริงๆ!”

ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “เนื้อปลาคาร์ฟนี่ค่อนข้างหยาบ ไม่ดีเท่าปลาคาร์ฟของจีน เดี๋ยวนายลองชิมปลากะพงนี่ดู ฉันรู้สึกว่าอันนี้สิถึงจะอร่อย”

เขาหยิบปลาที่มีขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือผู้ใหญ่นิดหน่อยให้จงต้าจวิ้น ฝ่ายหลังไม่เคยเห็นปลาชนิดนี้มาก่อน จึงถามว่านี่คืออะไร ฉินสือโอวแนะนำให้เขาว่า “ดูรอบตากับลายบนตัวของมัน นี่เรียกว่าปลาเบสสีขาว เป็นเจ้าตัวกินเนื้อ เนื้อนุ่มแล้วก็ละเอียดมาก คนแคนาดาชอบกินมากเลย”

เพิ่งจะตัดแบ่งปลาเบสออกเป็นสองแผ่น ก็มีหญิงคนหนึ่งพาเด็กสองคนมาถามราคาของพรมปูพื้น ฉินสือโอวไม่มีเวลาดูแล จึงตะโกนว่า “ราคาตามป้ายเลยครับ ขายถูกๆ พรมสะอาดมาก คุณซื้อไปแล้วไม่มีเสียเปรียบแน่นอน”

ผู้หญิงคนนั้นยิ้มๆ วางเงินจำนวนหนึ่งไว้ในกล่องหน้าพรม แล้วก็พาเด็กจากไปเอง

จงต้าจวิ้นถามอย่างแปลกใจว่า “นี่เขาทำอะไรน่ะ? ทำไมวางเงินแล้วก็จากไปล่ะ?”

……………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 1833 ธุรกิจอบปลา

Now you are reading ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา Chapter 1833 ธุรกิจอบปลา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สามีภรรยาชาวซีเรียได้ซื้อสินค้าชิ้นใหญ่ไปหลายชิ้น ยังเหลือของใช้ในชีวิตประจำวันจำพวกเครื่องครัว พรม และเครื่องกรองน้ำอยู่ ยุ่งกันมาสักพักเลยหิวกันขึ้นมา หลังจากฉินสือโอวติดต่อไปที่ศูนย์ขายอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านเพื่อสั่งของใช้ในชีวิตประจำวันครบชุดแล้ว ก็เอาเก้าอี้เอนมาตั้งไว้หน้าประตูเพื่อพักผ่อน

เหมาเหว่ยหลงเข้ามายื่นเบียร์ให้เขากับจงต้าจวิ้นคนละขวด จงต้าจวิ้นเปิดขวดดื่มไปอึกหนึ่ง พูดว่า “เฮ้ย รสชาติไม่เลว ความหอมของเบียร์นี่เข้มข้นจริงๆ เลย มีของกินไหม จะว่าไปยุ่งมาตลอดช่วงบ่ายแล้วฉันก็รู้สึกหิวขึ้นมานิดหน่อยแล้วล่ะ”

ฉินสือโอวถามว่าสั่งเดลิเวอรี่กันเถอะ เหมาเหว่ยหลงบอกว่า “ไม่ต้องหรอก ฉันเอาเป็ดย่างจากที่บ้านมาให้พวกนายด้วย รสชาติดีมาก แล้วก็ไม่ใช่ของจีนจากร้านเฉวียนจี้เต๋อจำ (ภัตตาคารอาหารจีนเก่าแก่) อะไรเทือกนั้นด้วยนะ”

“นานขนาดนี้แล้วไม่เสียเหรอ?” ฉินสือโอวแปลกใจ เป็ดย่างมีแค่แบบเพิ่งย่างเสร็จใหม่ๆ เท่านั้นถึงจะอร่อย ไม่นับว่าพวกเขามาที่เซนต์จอห์นเป็นเวลาสองวัน แต่แค่นั่งเครื่องบินมาก็เป็นเวลาวันหนึ่งแล้ว ก็สามารถทำลายรสชาติของเป็ดย่างได้ด้วยเหมือนกัน

เหมาเหว่ยหลงหัวเราะแล้วพูดว่า “ซีลสุญญากาศ สามารถเก็บได้ห้าวันไม่มีปัญหา แต่ว่าก็แน่นอนนะ รสชาติก็จะนับวันยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ”

ย้ายมาอพาร์ทเม้นท์ใหม่ ฉินสือโอวยังไม่ได้เตรียมวัตถุดิบอาหาร ตู้เย็นยังส่งมาไม่ถึงเลย เลยไม่สามารถเตรียมได้ แต่ว่าเซนต์จอห์นมีร้านจำหน่ายอาหารทะเลต้าฉินอยู่ เขาโทรไปแค่กริ๊งเดียวก็สามารถส่งวัตถุดิบอาหารทะเลมาให้ได้ เดินวนไปวนมาในห้องครัว เขาก็หาเครื่องย่างสไตล์ยุโรปกับถ่านจนเจอ เท่านี้พอตั้งเตาเสร็จก็สามารถทำปิ้งย่างกินเองได้แล้ว

ตอนแรกเขาอยากออกไปกินข้างนอก แต่หลังจากจงต้าจวิ้นเห็นเตาย่างแล้วก็ให้เขาทำปิ้งย่างง่ายๆ ให้กินก็พอแล้ว บอกว่าตั้งแต่มาถึงเซนต์จอห์นเขาก็ตามไปกินแต่ในร้านอาหาร ยังไม่ได้ชิมฝีมือทำอาหารของฉินสือโอวเลย

คิดอยู่สักพัก ฉินสือโอวรู้สึกว่าตัวเองย่างเองก็ได้ เขาโทรศัพท์ให้ชาร์ค ให้เขาส่งเนื้อกับผักมา นี่ไม่เพียงแต่เตรียมไว้สำหรับอาหารมื้อนี้เท่านั้น ช่วงเวลาหลังจากนี้ พวกพ่อแม่ของฉินสือโอวและคนอื่นๆ ก็ต้องมาอยู่ดูแลวินนี่ที่นี่ด้วย จะต้องเตรียมพร้อมให้กับวันหลังจากนี้ด้วย

เขายังให้ชาร์คไปเอาปลาน้ำจืดแห้งจากห้องแช่แข็งมาให้ด้วย หรือก็คือปลาอบแห้ง ปลาซ่ง ปลาคาร์ฟ ปลาเฉาฮื้อ ปลาลิ่น แล้วก็ปลาคาร์ฟสีดำล้วนเอามาอย่างละตัว แล้วก็ยังมีปลาน้ำจืดพันธุ์ดีของท้องถิ่นด้วย

หลังจากปลาอบกลายเป็นปลาแห้งแล้ว ขนาดตัวก็หดลงนิดหน่อย หน้าตาก็ไม่ได้สวยเหมือนเดิม แต่เทียบกับปลาตากแห้งที่ขายกันทั่วในตลาดแล้ว ก็ยังดูดีกว่ามาก เพราะว่าพวกมันได้รับการเก็บรักษาอย่างดี

ฉินสือโอวจุดไฟในเตาย่าง คนหลายคนพากันนั่งอยู่ตรงสนามหญ้าหน้าประตู พอดีกับที่เป็นต้นฤดูใบไม้ผลิแสงอาทิตย์อบอุ่น พวกเขาจึงปิ้งย่างไปพลางดูธุรกิจแผงของมือสองไปพลาง ดีกันทั้งสองฝ่าย

ชาร์คดูภายนอกหยาบกระด้างแต่ภายในละเอียดมาก ที่เขารับสายไปคือให้ส่งมาแค่เนื้อปลาและผักเท่านั้น แต่ตอนที่มาถึง เขายังเอาเครื่องปรุงรสต่างๆ นานามาด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีแป้งอีกหนึ่งถุงเพื่อเอาไว้ใช้ในการอบขนมปังอีกต่างหาก

ฉินสือโอวเอาปลาแห้งให้จงต้าจวิ้นดู พูดว่า “ก็คือปลาแบบนี้ นายลองคิดดูก่อน ถ้าธุรกิจนี้ทำได้ ฉันสามารถส่งปลาแห้งให้นายได้เดือนละประมาณสิบตัน เงินทุนต่ำมาก หลักๆ คือค่าขนส่ง นายลองดูสิว่าธุรกิจนี้ทำได้ไหม”

แม้ว่าจงต้าจวิ้นจะไม่เคยทำธุรกิจมาก่อน แต่การที่เป็นการตลาดมาหลายปี รู้จักคนเยอะ งานที่เคยไปก็มีมาก เขาหยิบปลาเฉาฮื้อแห้งมาตัวหนึ่งใช้มีดผ่ามาแผ่นหนึ่งแล้วเคี้ยวในปากเพื่อชิมดู แล้วก็พยักหน้าพูดว่า “ปลาแห้งนี่รสชาติดีมากเลยนี่ ค่าส่งเท่าไร? ฉันรู้สึกว่าธุรกิจนี้สามารถทำได้”

พูดจบ เขาก็กางนิ้วออกเริ่มคำนวนอย่างสนอกสนใจ พูดว่า “ก่อนจะมาฉันไปดูตลาดมาแล้ว ปลาแห้งที่ทำจากปลาน้ำจืดมีให้เห็นน้อยมาก ส่วนมากจะเป็นปลาแห้งที่ทำจากปลาทะเล ราคาอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละหนึ่งร้อยหยวน ฉันซื้อกินดูแล้ว ปลาแห้งจากปลาทะเลรสชาติไม่ดีเท่าอันนี้ ดังนั้นพวกเราก็ขายกิโลกรัมละหนึ่งร้อยหยวนไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน”

ฉินสือโอวส่ายหัวแล้วพูดว่า “แบบนั้นทำกำไรได้ไม่เยอะ ปลาแห้งเก็บรักษาได้ง่ายแถมขนาดกระทัดรัดไม่กินพื้นที่ สามารถส่งทางทะเลได้ ถ้าส่งทางทะเล ของหนึ่งกิโลกรัมส่งจากเซนต์จอห์นไปที่เมืองไห่เต่า อย่างน้อยก็ต้องยี่สิบหยวน แล้วก็บวกกับค่าคนงานกับค่าเช่าร้าน ราคาต้นทุนน่าจะห้าสิบหยวนได้? ถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่ได้กำไรอะไร”

จงต้าจวิ้นมองเขาด้วยความตกใจ พูดว่า “นี่ยังไม่เรียกว่าได้กำไรอีกเหรอ ขอแค่สามารถได้กำไรก็พอ กำไรห้าสิบหยวนไม่ถือว่าน้อยเลย กำไรหนึ่งเท่าเลยนะ! ถ้าหนึ่งเดือนขายออกได้หนึ่งพันกิโลกรัม นั่นก็คือรายได้ห้าหมื่นหยวน ปีหนึ่งก็หกแสน แม้จะไม่ถึงล้านแต่ก็ไม่ไกลแล้ว”

เหมาเหว่ยหลงที่กำลังพลิกเป็ดย่างอยู่ได้หันหลังกลับมา พูดว่า “ตาฉิน นายอย่ายืนดูธุรกิจนี้จากที่สูงของนายสิ หัวหน้าห้องในตอนนี้เดือนหนึ่งก็ได้เงินแค่หมื่นกว่าหยวนเท่านั้น มาเป็นเจ้านายตัวเองทำกำไรได้เหนาะๆ ห้าหมื่นหยวน ฉันรู้สึกว่าธุรกิจนี้ก็ใช้ได้แล้ว”

ฉินสือโอวพูดว่า “งั้นก็ลองทำดูแล้วกัน ช่วงแรกฉันลงทุนให้นายก่อน ถ้านายไม่คาดหวังสูงล่ะก็ฉันรู้สึกว่าก็ไม่มีปัญหาอะไร ด้วยคุณภาพของปลาแห้งนี้ ถ้าได้เปิดตลาดแล้ว อย่าว่าเดือนหนึ่งหนึ่งพันกิโลกรัมเลย สิบตันก็ไม่มีปัญหาหรอก”

นี่ไม่ใช่การมองโลกในแง่ดีที่คิดไปเอง นี่เป็นบทสรุปที่พี่สาวกับพี่เขยของเขาคิดกันออกมา เพราะว่างานในประเทศจีนที่พวกเขาทำในสองปีก่อนนี้ก็คือธุรกิจปลาน้ำจืด พอได้ชิมรสชาติของปลาแห้งพวกนี้แล้วจึงสามารถฟันธงได้ว่าอนาคตของผลิตภัณฑ์ตัวนี้ดีมาก

เป็ดย่างเอามาอุ่นให้ร้อนก็พอแล้ว เหมาเหว่ยหลงสวมถุงมือกันความร้อนแล้วก็เริ่มหั่นเนื้อเป็ดขึ้นมา ฉินสือโอวนำปลาแห้งมาหั่นเป็นแผ่นๆ แล้วก็วางไปบนเตาเพื่อเริ่มย่าง เมื่อวานซืนเขากับพี่สาวและครอบครัวได้ย่างกินกันบ้างแล้ว ตอนนี้จึงมีประสบการณ์

ปลาพวกนี้เพราะแยกน้ำออกไปแล้ว พอนำมาย่างจึงจำเป็นต้องใช้น้ำมันปริมาณมาก ถ้าน้ำมันน้อยไปเนื้อจะแห้งมาก ไม่สามารถแสดงศักยภาพของมันออกมาได้

ถ่านไฟสีแดงแจ๋ใต้เตาได้คุขึ้นมา ฉินสือโอวมือข้างหนึ่งถือที่คีบอีกข้างถือแปรง ได้ทำการพลิกปลาแห้งไม่หยุด จากนั้นก็ใช้น้ำมันถั่วลิสงทาไปด้านบนตัวปลา น้ำมันถั่วลิสงที่ทาลงไปเป็นชั้นๆ ย่างบนเตาไฟที่ไฟแรง น้ำมันร้อนได้ซึมลงไปในเนื้อปลา ส่งเสียงซู่ๆออกมา

เนื้อปลาสีขาวหิมะได้เปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อนอย่างรวดเร็ว ฉินสือโอวทำการทาน้ำมะนาวและน้ำเชื่อมเมเปิลลงไป รอจนเนื้อปลากลายเป็นสีเหลืองทองแล้ว ค่อยโรยงาดำและมะแขว่นอีกนิดหน่อย เท่านี้ปลาย่างก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว

เขาย่างเนื้อปลาคาร์ฟสองแผ่นก่อนแล้วยื่นให้จงต้าจวิ้น ฝ่ายหลังใช้มีดหั่นออกแล้วก็เอาเข้าปาก ทำให้ลวกปากจนปากแหยจนเห็นฟัน แต่ว่าหลังจากนั้นเขากลับไม่ได้ลดความเร็วในการกินลง เขาเป่าปากไปพลางยัดเนื้อปลาเข้าปากไปพลาง แล้วก็พูดเสียงอู้อี้ว่า “ธุรกิจนี้ต้องทำได้อย่างแน่นอน ให้ตายสิอร่อย อร่อยจริงๆ!”

ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “เนื้อปลาคาร์ฟนี่ค่อนข้างหยาบ ไม่ดีเท่าปลาคาร์ฟของจีน เดี๋ยวนายลองชิมปลากะพงนี่ดู ฉันรู้สึกว่าอันนี้สิถึงจะอร่อย”

เขาหยิบปลาที่มีขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือผู้ใหญ่นิดหน่อยให้จงต้าจวิ้น ฝ่ายหลังไม่เคยเห็นปลาชนิดนี้มาก่อน จึงถามว่านี่คืออะไร ฉินสือโอวแนะนำให้เขาว่า “ดูรอบตากับลายบนตัวของมัน นี่เรียกว่าปลาเบสสีขาว เป็นเจ้าตัวกินเนื้อ เนื้อนุ่มแล้วก็ละเอียดมาก คนแคนาดาชอบกินมากเลย”

เพิ่งจะตัดแบ่งปลาเบสออกเป็นสองแผ่น ก็มีหญิงคนหนึ่งพาเด็กสองคนมาถามราคาของพรมปูพื้น ฉินสือโอวไม่มีเวลาดูแล จึงตะโกนว่า “ราคาตามป้ายเลยครับ ขายถูกๆ พรมสะอาดมาก คุณซื้อไปแล้วไม่มีเสียเปรียบแน่นอน”

ผู้หญิงคนนั้นยิ้มๆ วางเงินจำนวนหนึ่งไว้ในกล่องหน้าพรม แล้วก็พาเด็กจากไปเอง

จงต้าจวิ้นถามอย่างแปลกใจว่า “นี่เขาทำอะไรน่ะ? ทำไมวางเงินแล้วก็จากไปล่ะ?”

……………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+