ยอดวิถีแห่งปีศาจบทที่ 468 วางแผน (2)

Now you are reading ยอดวิถีแห่งปีศาจ Chapter บทที่ 468 วางแผน (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 468 วางแผน (2)

ลู่เซิ่งไม่ได้ฝึกฝนตามคัมภีร์ดั้งเดิม หากแต่เริ่มฝึกฝนขั้นที่สองของระดับหลอมปราณตามบันทึกที่ตนเองดัดแปลงแล้ว

นี่เป็นการคาดเดาของเขา

ไม่นาน หลังจากใช้พลังอาวรณ์ไปหนึ่งหน่วย ชื่อของคัมภีร์ประกายฟ้าครามสามผสานด้านในกรอบบนเครื่องมือปรับเปลี่ยนก็พร่ามัวอย่างช้าๆ สิ่งที่มาแทนที่คือวิชาปริศนา

นี่เป็นเพราะว่าเขาปรับเปลี่ยนในระดับที่สอง ถึงแม้จะไม่ใช้การดัดแปลงที่มากมายอะไรนัก แต่สำหรับเครื่องมือปรับเปลี่ยนที่ทื่อด้านแล้ว นี่ไม่ใช่คัมภีร์ประกายฟ้าครามสามผสานอีกต่อไป หากเป็นบันทึกคัมภีร์ที่มีความคล้ายกันอีกชุดหนึ่ง ดังนั้นชื่อเลยกลายเป็นวิชาปริศนา

‘ทำได้จริงๆ ด้วย!’ ลู่เซิ่งยินดี พลังฝึกปรือระดับหลอมปราณขั้นที่สองทำให้ปราณจริงแท้ในตัวเขาหดตัว หมุนวน และรวมตัวเป็นปราณจริงแท้อันเย็นเยียบที่มีความหนาแน่นส่วนหนึ่ง

‘อย่างนั้นก็มาเรียนรู้ช่วงที่สามต่อเลย’ ตั้งแต่วิชาช่วงที่สองหลังปรับปรุงเล็กน้อยเป็นต้นไป ลู่เซิ่งยังเลือกใช้เครื่องมือปรับเปลี่ยนเรียนรู้วิชาได้อีก

แม้เขาจะยังเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ฝึกฝนสำเร็จได้โดยตรงมีประสิทธิผลสูงเท่ากับใช้ดีปบลูเรียนรู้อยู่ดี

แสงสีน้ำเงินกะพริบในวิมานถ้ำ แสงสีน้ำเงินสว่างบนผิวลู่เซิ่งเล็กน้อย จากนั้นก็สลายไปอย่างรวดเร็ว

ปราณจริงแท้ในตัวเขาผนึกรวมเป็นหลายส่วนต่อไป

‘ว่าแล้ว ตั้งแต่ระดับสาม คุณสมบัติของปราณจริงแท้กับคุณสมบัติดั้งเดิมที่บันทึกไว้ในคัมภีร์จะไม่เหมือนกันอีกต่อไป พิษเย็นแข็งแกร่งกว่าเดิม กลิ่นอายก็เป็นกลางกว่าเดิม ไม่ได้รุนแรงเกรี้ยวกราดเหมือนก่อนหน้านี้

ถ้าหากบอกว่าปราณจริงแท้ก่อนหน้านี้เป็นม้าป่าหลุดจากบังเหียน อย่างนั้นปราณจริงแท้ในตอนนี้ก็คือสัตว์ป่าที่ถูกทำให้เชื่องแล้ว’ ลู่เซิ่งพยักหน้าน้อยๆ อย่างพึงพอใจ การเรียนรู้ช่วงที่สามใช้พลังอาวรณ์ไปแค่หน่วยเดียว

นี่ไม่ได้ทำให้คนร่ำรวยอย่างเขาขนหน้าแข้งร่วงแต่อย่างใด

เขาสัมผัสได้อย่างฉับไวว่า เส้นทางวิชาช่วงที่สามเหมือนจะหลอมรวมกับประสบการณ์การฝึกฝนพลังวิญญาณจากโลกวิญญาณ รวมถึงทักษะเนื้อหาของวิชาพื้นฐานสมัยอยู่ที่สำนักมารกำเนิดส่วนหนึ่งไปแล้ว

จุดประสงค์เพียงหนึ่งเดียวในช่วงหลอมปราณคือทำให้ปราณจริงแท้เข้มข้นและรวมตัวกันมากกว่าเดิมจนบังคับได้ดุจแขนขา ทักษะกับประสบการณ์ที่ใช้สยบพลังงานอื่นๆ เหล่านี้ล้วนนำมาใช้กับปราณแห่งความเย็นเท่านั้น ย่อมถือเป็นการใช้อย่างคุ้มค่า ทั้งยังสามารถบรรลุประสิทธิผลที่ดีที่สุดได้อย่างง่ายดาย

‘เอาอีก!’

ลู่เซิ่งใช้พลังอาวรณ์เรียนรู้ต่อไป บางทีอาจเพราะเป็นแค่การปรับปรุงวิชาให้สมบูรณ์เท่านั้น จึงสิ้นเปลืองพลังอาวรณ์น้อยสุดขีด แทบจะเป็นหนึ่งหน่วยหรือไม่ก็สองหน่วยทุกครั้ง คล้ายกับว่าปริมาณการสิ้นเปลืองนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งในการปรับปรุงเท่านั้น

แสดงให้เห็นว่าพลังอาวรณ์เหมือนกับแหล่งพลังงานของดีปบลูมากกว่า ตราบใดที่ดีปบลูไม่ได้ทำงานหนักเกินไป พลังงานที่ใช้และพลังอาวรณ์ที่เสียไปก็จะมีน้อย

เวลายามบ่าย ลู่เซิ่งไม่พบใครทั้งสิ้น เพียงกักตัวฝึกฝน ทำให้เลื่อนจากระดับหลอมปราณขั้นแรกถึงระดับหลอมปราณขั้นเก้าในรวดเดียว

จากนั้นเขาก็ออกจากการกักตนมาพักผ่อนครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบเอาวัตถุดิบและยาหลายชนิดจากคลังสมบัติในวิมานถ้ำกลับไปฝึกฝนในสถานที่กักตนต่อ

ไม่ทันไรก็ถึงระดับสร้างรากฐาน มู่อวิ๋นในอดีตเสียเปรียบตรงที่ขาดแคลนทรัพยากร ตั้งแต่ระดับสร้างรากฐาน จะสามารถหลอมสร้างของขลังคู่ชะตาได้อย่างหนึ่งเพื่อเป็นที่พึ่งของตนเองในอนาคต

ในโลกใบนี้ ผลเพิ่มพลังจากของขลังมีความน่าหวั่นสะพรึงถึงขีดสุด เมื่อเทียบผู้บำเพ็ญที่มีของขลังกับผู้บำเพ็ญที่ไม่มีของขลังแล้ว ก็เหมือนกับคนธรรมดาสองคนที่คนหนึ่งใส่เกราะเต็มยศ มือถือดาบกำหอก ส่วนอีกคนหนึ่งมือเปล่า ใส่เสื้อบาง อาศัยเพียงหมัดลุ่นๆ

ณ ที่แห่งนี้ พลังวิญญาณเป็นพลังฝึกปรือหรือระดับอย่างหนึ่ง มีอานุภาพจำกัด แถมเป็นแค่อานุภาพระดับพื้นฐานไม่กี่ชนิดเท่านั้น

มีแต่การใช้พลังวิญญาณหลอมสร้างของขลังที่แข็งแกร่งหลากหลายชนิดหรือฝึกฝนพลังอาคมที่ลึกลับและแข็งแกร่งมาปกป้องตัวเองเท่านั้น จึงจะไม่ตายในการต่อสู้

ของขลังเป็นอันดับแรก พลังอาคมเป็นอันดับสอง มู่อวิ๋นในตอนนั้นได้แต่บำเพ็ญอิทธิฤทธิ์ในระดับสร้างรากฐานอย่างจนปัญญาเนื่องจากไม่มีทรัพยากร เลยสูญเสียโอกาสที่ดีที่สุดในการครอบครองของขลังไปอย่างเจ็บปวด

ทว่าตอนนี้ลู่เซิ่งไม่เหมือนเดิมแล้ว

เขาใช้เหล็กเย็น เหล็กดำ แมงมุมทองคำ และแก่นน้ำค้างหลายขวด นี่เป็นวัตถุดิบที่ล้ำค่าที่สุดซึ่งมู่อวิ๋นเก็บสั่งสมมาหลายปี

ทว่านำมาสร้างเครื่องรางของขลังได้อย่างฝืนๆ เท่านั้น

‘มีของแค่นี้ ขนาดของของขลังที่สร้างขึ้นจะใหญ่มากไม่ได้…’ ลู่เซิ่งพิจารณาวัตถุดิบหลายชนิดเบื้องหน้าอย่างจนใจ ของพวกนี้รวมกันยังใหญ่ไม่เท่าลูกหนังด้วยซ้ำ หากคิดจะสร้างสิ่งของจะมีความยากอย่างมหาศาล

‘มิหนำซ้ำทักษะการสร้างของเราก็ยังย่ำแย่ด้วย แทนที่จะเน้นประณีตวิจิตร เน้นหยาบๆ หน่อยจะดีกว่า’ ลู่เซิ่งยื่นมือออกมา หมอกสีน้ำเงินหลายสายในสภาพกึ่งโปร่งแสงสว่างขึ้นกลางฝ่ามืออย่างฉับพลัน

นี่เป็นปราณจริงแท้เยือกเย็นที่เขาได้จากการบำเพ็ญถึงระดับหลอมปราณขั้นเก้า เทียบกับปราณจริงแท้เยือกเย็นที่สมควรบำเพ็ญได้ในตอนแรกแล้ว ปราณจริงแท้กลางฝ่ามือของเขามีอานุภาพมากกว่าในจินตนาการของมู่อวิ๋นไม่ต่ำกว่าหนึ่งเท่า

ปราณจริงแท้ขนาดเล็กๆ เพียงเท่านี้ หากว่าโยนออกไป จะแช่แข็งน้ำเดือดถังหนึ่งให้เป็นน้ำแข็งได้ในพริบตา

‘สร้างเป็นลูกกระสุนก็แล้วกัน หลอมทุกอย่างให้เป็นก้อนเดียว แบบนี้เราน่าจะลองเดินบนเส้นทางเส้นนั้นได้…’ ลู่เซิ่งเกิดความคิด

เขาตั้งสมาธิพร้อมกับเริ่มใช้ปราณจริงแท้หลอมละลายวัตถุดิบเหล่านี้

กล่าวไปก็ประหลาด ปราณจริงแท้ที่ฝึกฝนออกมานี้เย็นยะเยือกสุดขั้วแท้ๆ แต่กลับหลอมละลายวัตถุดิบทั้งหมดได้เหมือนกับไฟ

ไม่นาน ลู่เซิ่งก็ได้รับก้อนโลหะสีเงินขนาดเท่ากำปั้น

เขาจับมันไว้ในมือ ก้อนโลหะหนักมาก อย่างน้อยก็หนักมากกว่าร้อยชั่ง ลู่เซิ่งใช้ปราณจริงแท้กัดกร่อนก้อนทรงกลมอย่างต่อเนื่อง เดิมทีกระบวนการนี้ต้องใช้เวลาสี่สิบเก้าวัน มิหนำซ้ำยังหยุดกลางทางไม่ได้ด้วย ทว่าตอนนี้เขารอนานขนาดนั้นไม่ได้

จิตวิญญาณระดับอริยะเจ้ากระจายออกอย่างเชื่องช้าและมั่นคง มันยืดขยายเข้าไปด้านในก้อนทรงกลมตามฝ่ามือของลู่เซิ่ง พร้อมกับเริ่มวิเคราะห์สัดส่วนโครงสร้างที่อยู่ด้านใน

ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที การวิเคราะห์ก็เสร็จสิ้น สำหรับระดับชั้นของลู่เซิ่ง แค่การวิเคราะห์ของขลังธรรมดาๆ ที่หลอมรวมเข้ากับวัตถุดิบหลายชนิด ย่อมใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่

หลังการวิเคราะห์เสร็จสิ้น ความเร็วการไหลซึมของปราณจริงแท้ก็ยกระดับอย่างใหญ่หลวง นี่เหมือนกับผาวติงแล่วัว[1] มีร่องรอยให้สืบสาว มีส่วนที่ปะติดปะต่อ ทำให้ความเร็วในการหลอมสร้างเร็วขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากขยะและสิ่งเจือปนสีดำที่ไม่มีความจำเป็นหลายหยดถูกบีบออกมา ก้อนโลหะก็เบาและหดลงเล็กน้อยจนเหลือน้ำหนักราวแปดสิบเก้าสิบชั่ง

ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วยามกว่าๆ ในที่สุดการหลอมสร้างก็เสร็จสมบูรณ์

ลู่เซิ่งพิจารณาก้อนโลหะในมือ ก้อนทรงกลมนี้เป็นสีเงินล้วน เรียบเนียนไร้ตำหนิและใสจนสะท้อนเงาคนเหมือนกับผิวกระจก

‘จากนี้เป็นระดับสร้างรากฐานแล้ว’ ลู่เซิ่งประกบก้อนกลมไว้กลางสองมือ แล้วกดไว้ด้านหน้าท้องน้อยของตัวเอง โดยทำให้มันแนบติดกับผิวหนัง

‘ดีปบลู’

กรอบเครื่องมือปรับเปลี่ยนพลันปรากฏออกมา

ด้านบนมีกรอบแค่สองกรอบ กรอบหนึ่งคือวิชาไร้ขอบเขต อีกกรอบคือวิชาปริศนา

ลู่เซิ่งกดปุ่มเรียนรู้ด้านหลังวิชาปริศนาอย่างคุ้นเคย

ชิ๊ง!

กรอบทั้งหมดพลันพร่ามัว พลังอาวรณ์หายไปสามหน่วยในพริบตา ร่างหลักคายปราณโอสถที่กลืนเข้าไปก่อนหน้านี้ออกมา เมื่อใช้ปราณโอสถแทนได้ ลู่เซิ่งก็ไม่ต้องเปลี่ยนพลังอาวรณ์เป็นปราณจริงแท้อย่างสิ้นเปลืองอีกต่อไป

ปราณจริงแท้จำนวนมากพลิกซัดในร่างกายเหมือนกับคลื่นกระทบฝั่ง ลู่เซิ่งเพ่งสมาธิกลั้นลมหายใจ จิตวิญญาณระดับอริยะเจ้าอันยิ่งใหญ่ควบคุมปราณจริงแท้ทั้งหมดในร่างได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ให้พวกมันหายออกไปจากรูขุมขน

ปราณจริงแท้เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะการควบคุมและเรียนรู้ของดีปบลู ผ่านไปราวครึ่งนาที ปราณจริงแท้ทั้งหมดพลันแบ่งเป็นวังวนเก้าสิบเก้ากลุ่มซึ่งมีขนาดเท่ากัน พร้อมกับกระจายกันอยู่บนจุดลมปราณเก้าสิบเก้าจุดบนร่างลู่เซิ่ง

วังวนทั้งหมดหดตัวลงพร้อมกัน การควบคุมของดีปบลูกระชับปราณจริงแท้ทั้งหมดให้กลายเป็นจุดเก็บลมปราณที่เหมือนกับดวงดาวเก้าสิบเก้าดวง

‘นี่คือ…ลักษณะลับของดาวน้ำแข็งในคัมภีร์ประกายฟ้าครามสามผสานหรือ ในบันทึกเพียงบอกว่าดาวน้ำแข็งสร้างได้เพียงแค่ดวงเดียว นั่นก็คือที่จุดตันเถียน นึกไม่ถึงเลยว่า…’ ลู่เซิ่งตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าวิชาที่ดีปบลูเรียนรู้ออกมาหลังจากหลอมรวมกับสิ่งที่ตนมีอยู่จะพิสดารขนาดนี้

ดาวน้ำแข็งเก้าสิบเก้าดวงนี้ ทุกๆ ดวงเหมือนกับดาวน้ำแข็งที่นักพรตมู่อวิ๋นลำบากลำบนสร้างขึ้นเมื่อก่อนหน้านี้ไม่มีผิด

ในดาวน้ำแข็งทุกดวงมีปราณจริงแท้เย็นยะเยือกที่ยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์แฝงอยู่

‘ระดับสร้างรากฐาน…นี่มัน…’ ลู่เซิ่งคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะอลังการถึงขั้นนี้

หมายความว่าพลังอาคมของเขาในระดับสร้างรากฐานเป็นเก้าสิบเก้าเท่าของมู่อวิ๋นเมื่อก่อนหน้านี้! มิหนำซ้ำคุณภาพและอานุภาพของพลังอาคมความเย็นของเขาก็ยังแข็งแกร่งกว่าของมู่อวิ๋นมากกว่าหนึ่งเท่าด้วย

‘เพียงแต่ไม่รู้ว่าร่างสร้างรากฐานที่เราเรียนรู้ออกมาเป็นระดับอะไร เดิมทีระดับสร้างรากฐานต้องใช้พลังงานพิเศษส่วนหนึ่งเป็นตัวเหนี่ยวนำ แต่พลังอาวรณ์ก็ชดเชยให้จนหมดแล้ว จุดนี้ช่างร้ายกาจจริงๆ ขอแค่เป็นพลังงานบริสุทธิ์ พลังอาวรณ์ก็มีวิธีชดเชยให้จนสมบูรณ์ ความแตกต่างก็คือสิ้นเปลืองเท่าไหร่แค่นั้น’

ลู่เซิ่งลุกขึ้นขยับเนื้อขยับตัว ปล่อยให้ร่างกายปรับตัวเข้ากับสภาพหลังจากระดับสร้างรากฐาน

เขาหยิบก้อนโลหะขึ้นมาอีกครั้ง ก้อนทรงกลมสีเงินมีลวดลายสีน้ำเงินเข้มรูปหัวลูกศรชี้ลงเพิ่มขึ้นมา ลวดลายคล้ายกับเป็นกลุ่มลวดลายที่หงิกๆ งอๆ ประกอบขึ้นจากลายมือพื้นฐานบนคัมภีร์ประกายฟ้าครามสามผสาน ดูลึกลับเป็นพิเศษ

แสดงให้เห็นว่าระดับสร้างรากฐานเมื่อก่อนหน้านี้ทำให้มันดูดซับกลิ่นอายความทรงจำพิเศษเข้าไปด้วย ตอนนี้ถือเป็นของขลังคู่ชีวิตของลู่เซิ่งแล้ว แน่นอนว่ายังเป็นแค่ของขลังเท่านั้น มีแต่ของขลังคู่ชีวิตระดับยอดคนวิถีโอสถเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์เรียกมันว่าเป็นของวิเศษ

‘พลังอาคมช่วงต้นของระดับสร้างรากฐานเก้าสิบเก้าเท่า จุดเริ่มต้นนี้ไม่เลว’ ลู่เซิ่งพึงพอใจ แม้ว่าบันทึกที่ใช้วารีฟ้าครามเป็นรากฐานจะอ่อนด้อยไปบ้าง แต่ถ้าคุณสมบัติไม่พอก็ใช้จำนวนชดเชยแทนก็ได้

พักผ่อนครู่หนึ่ง เขาค่อยสั่งให้เด็กหญิงเด็กชายที่อยู่ด้านนอกเข้ามาเพื่อถามไถ่เรื่องราวบางส่วน จากนั้นก็กินข้าว แล้วกักตนฝึกฝนต่อไป

ครั้งนี้ เขาต้องการเลื่อนจากระดับสร้างรากฐานโดยตรง เพื่อฟื้นคืนพลังฝึกปรือวิถีโอสถกลับมา

เกาะที่สามในเกาะแก่งใต้สังกัดถ้ำยุทธพฤกษาไม่ได้หมายถึงเกาะแห่งที่สาม แต่มีชื่อว่าเกาะที่สาม

เกาะมีขนาดไม่ใหญ่ แต่ว่าป่ามะพร้าว เขาลูกเล็ก ทะเลสาบ หรือแม้แต่บ่อน้ำพุร้อน สิ่งใดควรมีล้วนมี ใต้เกาะเชื่อมต่อกับภูเขาไฟมีพลังลูกหนึ่ง ดังนั้นข้างทะเลสาบน้ำอุ่นตรงใจกลางจึงมีหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีคนสองสามร้อยคนตั้งอยู่

ตอนนี้ผู้ใหญ่บ้านในหมู่บ้านพร้อมกับชาวบ้านกลุ่มใหญ่กำลังขอบอกขอบใจคนหนุ่มสาวสองคนที่เป็นหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีอยู่

คนหนุ่มสาวทั้งสองมีบุคลิกร่าเริง ดวงตามีชีวิตชีวา ร่างสูงชะลูด สะพายกระบี่ยาวอันประณีตและเก่าแก่สองเล่มไว้ด้านหลัง เพียงโบกมือให้แก่คำขอบคุณของผู้ใหญ่บ้านชรา และปฏิเสธเจตนาดีของทุกคนที่ขอให้พักอยู่ต่อ

สองคนนี้คือตู้กวงชื่อกับเหยาเหลียนแห่งวิถีธรรมะที่ออกเดินทางมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เดิมทีทั้งสองยังมีสหายอีกคนหนึ่ง ซึ่งก็คือเยวี่ยไฉ่ที่เป็นศิษย์พี่หญิงร่วมสำนัก แต่เป็นเพราะถูกผู้บำเพ็ญฝ่ายมารลอบเล่นงานระหว่างทาง จึงได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งยังต้องพิษธาตุหยินที่มีชื่อว่าตั๊กแตนหยกเขียวด้วย

ภายใต้การชี้แนะของยอดคนผู้อาวุโสเมื่อก่อนหน้านี้ ทั้งสืบทราบว่ามีแต่ไข่มุกฟ้าครามที่เป็นธาตุหยินสุดขั้วและมีความเย็นสุดขั้วเท่านั้นจึงจะดูดพิษตั๊กแตกหยกเขียวออกมาและช่วยชีวิตศิษย์พี่ได้

ตู้กวางชื่อรักศิษย์พี่เยวี่ยไฉ่อย่างลึกซึ้ง จึงออกเดินทางมาโพ้นทะเลเพื่อตามหาสถานที่แห่งนี้ตามคำชี้แนะของยอดคน ส่วนเหยาเหลียนที่อยู่ข้างกายเขาก็มีจิตปฏิพัทธ์กับชายหนุ่ม เลยยินยอมติดตามเขามาหาของวิเศษเพื่อช่วยคน

……………………………………….

[1] ผาวติงแล่วัว หมายถึง ทำทุกอย่างอย่างตั้งใจจนผลงานออกมาประณีต

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด