ยอดวิถีแห่งปีศาจ 396 หมอกมัว (2)

Now you are reading ยอดวิถีแห่งปีศาจ Chapter 396 หมอกมัว (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 396 หมอกมัว (2)

“ไอ้หนู!” หมอกมัวทนไม่ไหวแล้ว มันขดเลื้อยในสระน้ำมาหลายครั้ง ก็ยังสลัดการพัวพันของกระบี่ทองสองเล่มไม่หลุด ทั่วร่างถูกฟันจนเลือดอาบ เมื่อไร้การเซ่นไหว้ ไร้ผู้ถืออาวุธมอบพลังให้ สิ่งที่มันพึ่งพาได้เพียงอย่างเดียวจึงมีแต่ทรัพยากรเพียงเล็กน้อยของตนเองที่สั่งสมมาหลายปี

ทรัพยากรเหล่านี้สิ้นเปลืองอย่างรวดเร็วขนาดที่ไม่อาจเทียบได้กับคนมีทรัพยากรมากอย่างลู่เซิ่ง เพียงสู้กันแค่ครึ่งชั่วยาม หมอกมัวก็ทนไม่ไหวบ้างแล้ว

“เจ้าบังคับข้าเองนะ!” หมอกมัวกดดันให้กระบี่ทองสองเล่มถอยออกไปอย่างสุดกำลัง ทักษะการต่อสู้ของมันเหี้ยมหาญถึงขีดสุด ต่อให้เป็นลู่เซิ่งก็ไม่อาจควบคุมกระบี่ทองสะกดไว้ได้ อาวุธเทพศัสตรามารที่อยู่มานานแสนนานเหล่านี้ย่อมพัฒนาทักษะการเข่นฆ่ามาครั้งแล้วครั้งเล่า เพียงแต่มันแพ้ที่ปริมาณพลังงานมีน้อยไปเท่านั้น

หมอกมัวขดตัว ดวงตาข้างเดียวสาดแสงสีเขียวที่เจิดจ้ากว่าเดิม กระบี่ยาวสีเขียวมรกตเล่มหนึ่งค่อยๆ ลอยออกมาจากในดวงตาของมัน

ตัวกระบี่เก่าแก่งดงาม เป็นสีฟ้าทั้งเล่ม ด้ามกระบี่สลักอักขระโค้งงอที่ไม่รู้จักเอาไว้ มีอัญมณีที่เหมือนกับหยกฝังบนโกร่งดาบทั้งสองด้าน

นี่คืออาวุธเทพหมอกมัวอันเป็นร่างจริงของมันแล้ว

“ไปตายเสียเถอะ! หมอกอนธการ!” หมอกมัวคำรามอย่างฉับพลัน ร่างมังกรแหลกสลายกลายเป็นจุดแสงนับไม่ถ้วนแล้วรวมตัวกันบนตัวกระบี่ทันที

ขณะเดียวกันไอหมอกสีดำกลุ่มหนึ่งรอบๆ คมดาบก็แผ่กระจายไปยังรอบด้านด้วย

“ค่ายกลอาทิตย์เจ็ดชั้น” ลู่เซิ่งโบกมือข้างหนึ่ง ปราณจริงแท้สีแดงทองระเบิดด้วยพลังทั้งหมด เพื่อใช้กระบวนท่าของสำนักพันอาทิตย์ที่มีอานุภาพยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาได้เรียนมาในปัจจุบัน

วงค่ายกลสีทองในลักษณะต่างกันเจ็ดดวงปรากฏขึ้นข้างตัวเขาอย่างรวดเร็วพร้อมกับหมุนวนอย่างช้าๆ จุดแสงสีทองอ่อนที่เล็กละเอียดจำนวนมากเหมือนกำลังสั่งสมพลังอยู่กลางวงค่ายกล

จุดแสงเหล่านี้ขยายตัวอย่างช้าๆ และค่อยๆ แตกออกมาเหมือนกับไข่ มีวิหคสีสันที่มีขนาดและลักษณะต่างกันหลายตัวบินออกมา

ผิวของวิหคเหล่านี้แตกต่างกับวิหคทั่วไป นอกจากสีสันงดงามพร่างพราวแล้ว หลักๆ คือสองตาของพวกมันเป็นแสงสีทอง

“ไปเถอะ” ลู่เซิ่งคิดจะดูอยู่ว่าสิ่งนี้ของสำนักพันอาทิตย์มีอานุภาพขนาดไหน

ค่ายกลอาทิตย์เจ็ดชั้นสั่นสะเทือนอย่างฉับพลัน วงค่ายกลเจ็ดรูประเบิดแสงสีทองกลุ่มหนึ่งออกมาพร้อมกัน วิหคสีสันกลุ่มใหญ่บินออกไป แล้วกลายเป็นคมกระบี่สีสันหลายเล่มกลางอากาศ พร้อมทั้งทิ่มแทงใส่หมอกมัวคล้ายกับหยดฝน

ทว่าคมกระบี่สีสันทั้งหมดกลับถูกไอหมอกรอบๆ ตรึงเอาไว้ในตอนที่เข้าใกล้หมอกมัว แสงสีทองกับแสงสีต่างๆ ผลาญพลังและพันเกี่ยวกับไอหมอกสีดำอย่างบ้าคลั่ง

ลู่เซิ่งสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าแก่นหยางจำนวนมากในร่าง กลายเป็นปราณจริงแท้สีแดงทอง และกำลังถูกวงค่ายกลใช้ด้วยความเร็วสูง ตอนนี้เขายังครองความได้เปรียบไม่ได้อีกหรือนี่

ลู่เซิ่งมองอาวุธเทพหมอกมัวอย่างค่อนข้างประหลาดใจ ออกจะเหนือความคาดหมายเล็กน้อย ความรู้สึกของเขาในตอนนี้สมควรเป็นความรู้สึกที่ผู้ถืออาวุธของสำนักพันอาทิตย์กำลังลงมือในสถานที่เบื้องนอก

อีกทั้งพอลู่เซิ่งตั้งใจสัมผัสดู ก็ถึงขั้นสัมผัสได้ว่า ความจริงแล้วหมอกมัวสิ้นเปลืองพลังน้อยกว่าเขาเสียอีก นี่ไม่ใช่ปัญหาด้านความแตกต่างทางธรรมชาติพลังแล้ว ปราณจริงแท้สีแดงทองไม่ได้ด้อยกว่าหมอกสีดำสายนั้นภายใต้การกระตุ้นโคจรของเขา

แต่เป็นความแตกต่างด้านวิชาต่อสู้

วงค่ายกลโจมตีของเขาสู้หมอกมัวไม่ได้ อานุภาพเหมือนกันปะทะกัน แต่เขาเสียพลังในการใช้ออกไปมากกว่า หากนี่ไม่ใช่ปัญหาด้านวิชาแล้วเป็นอะไร

ลู่เซิ่งขมวดคิ้ว ยื่นมือไปแตะด้านหน้าอีกครั้ง แสงสีทองสามจุดปรากฏอีกหน วงค่ายกลโจมตีโผล่ขึ้น

วงค่ายกลในครั้งนี้เป็นวิชาการต่อสู้ที่มีวิชาจริงแท้อยู่ด้วย

“ค่ายกลยันต์สามดาว สภาพโจมตีสุดกำลัง” ลู่เซิ่งประสานมุทรามากมายอย่างรวดเร็ว ขณะที่เขาเปลี่ยนแปลงมุทรา วิชาไร้ขอบเขตก็โคจรแก่นหยางให้กลายเป็นปราณจริงแท้สีแดงทองใหม่ด้วยความเร็วสูง แล้วเติมเข้าไปในวงค่ายกลใหม่อย่างรวดเร็ว

แกว๊ก!

ชั่วพริบตานั้นวงค่ายกลสีทองทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสระเบิดออกอย่างฉับพลัน วิหคเพลิงยักษ์ที่ไฟลุกท่วมตัวและร่างเป็นสีทองพุ่งออกมาจากด้านในทันที

น้ำในสระที่เย็นยะเยือก ร้อนขึ้นทันทีในพริบตาที่วิหคเพลิงพุ่งออกมา น้ำตามเส้นทางที่วิหคเพลิงบินผ่านระเหย ไอจำนวนมากลอยขึ้นมาจากก้นสระ กระแสน้ำที่เพิ่งถูกกวนจนขุ่น กระจ่างใสขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับที่วิหคเพลิงกระพือปีกบินผ่านไป

ค่ายกลยันต์สามดาวนี้เป็นความสามารถที่สร้างขึ้นโดยรวมยันต์สามชนิดของสำนักพันอาทิตย์เข้าด้วยกัน ไม่ใช่มีแค่ความสามารถด้านการเผาไหม้เท่านั้น ยังทำให้วัตถุที่ยังไม่บริสุทธิ์กลายเป็นวัตถุบริสุทธิ์ได้ด้วย

ตอนนี้ถูกลู่เซิ่งปล่อยออกมา วิหคเพลิงยันต์สามดาวส่งเสียงร้องแหลมสูง พร้อมทั้งกระพือปีกบินเข้าหาหมอกมัวเหมือนกับหงส์

ในสระลึกที่เดิมก็ไม่ได้ใหญ่มากอยู่แล้ว พอมีมังกรกับวิหคเพลิงโผล่มา ตอนนี้เกิดแสงสีทองกับเปลวเพลิงเจิดจ้า อยู่ๆ ก็มองสิ่งใดไม่เห็น ก้นสระกลายเป็นสีทอง ถ้าหากคนทั่วไปอยู่ที่นี่เกรงว่าจะตาบอดในพริบตา

แต่ลู่เซิ่งมีกายเนื้อเหี้ยมหาญ จึงไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย สายตาของเขาไปถึงขอบเขตความสามารถพิเศษที่มีดวงตามองทะลุแล้ว การอำพรางทั่วไปไม่อาจบดบังสายตาของเขาได้

ตอนนี้คิ้วของเขาเริ่มขมวดเข้าหากันช้าๆ พอวิหคเพลิงตัวนั้นถูกปล่อยออกมา ก็ต่อสู้กับหมอกมัวร่วมกับกระบี่ทองสองเล่ม

พลังที่เขาใช้ในตอนนี้เทียบเท่ากับอานุภาพที่ผู้ถืออาวุธธรรมดาสามคนของสำนักพันอาทิตย์ลงมือพร้อมกันแล้ว แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ ก็ยังจัดการหมอกมัวไม่ได้หรือนี่

ด้านในสระน้ำ หมอกมัวหลีกขวาหลบซ้าย คอยเคลื่อนย้ายไปรอบๆ มองแบบแผนของตัวกระบี่เล็กๆ นั้น หลบหลีกได้ไม่น้อย ลู่เซิ่งนึกมาโดยตลอดว่าตนเองผ่านมาร้อยสมรภูมิ มีทักษะการต่อสู้แข็งแกร่ง ทว่าตอนนี้กลับถูกหมอกมัวสอนบทเรียนให้

“ไอ้หนูหน้าไม่อาย! มีปัญญาก็มาสู้กับข้าตัวต่อตัวสิ!” หมอกมัวสู้ไปพลางด่าไปพลาง ตอนนี้มันตาแดงโกรธจัดแล้ว พลังที่สั่งสมมาพันปีถูกผลาญไปไม่น้อยอย่างไร้สาเหตุ อีกทั้งต่อให้เป็นอย่างนี้ มันก็ยังไม่มีวิธีกดดันอีกฝ่าย ได้แต่มองดูพลังที่สั่งสมมาของตัวเองลดลงฮวบฮาบอยู่เฉยๆ

“ตัวต่อตัวหรือ” ลู่เซิ่งส่ายหน้า เขารู้ว่านี่เป็นเพราะมันมองเห็นในน้ำไม่ชัด จึงนึกว่าเขาเรียกคนหลายคนมารุมโจมตีมัน

“มนุษย์หน้าไม่อายเช่นพวกเจ้าเพียงรู้จักแต่กลับกลอกใช้เล่ห์เหลี่ยม ใช้พวกมากเพื่อเอาชนะ!” หมอกมัวด่า กลับนึกคำเจ็บๆ ไม่ออก นึกไปนึกมามีแค่ศัพท์ไม่กี่คำ

ลู่เซิ่งใคร่ครวญเล็กน้อย จากนั้นก็ยื่นมือไปประสานมุทราสิบกว่าท่าด้านหน้าอีกครั้ง

พรึ่บ!

วงค่ายกลวงหนึ่งสว่างและกางออก ทวนวงเดือนสีทองอร่ามค่อยๆ โผล่ขึ้นมา

“ไป” เขาชี้ไปที่หมอกมัว ทวนวงเดือนหมุนอย่างฉับพลันพร้อมกับพุ่งเข้าหาหมอกมัว

เคร้ง!

อาวุธที่รวมตัวขึ้นจากปราณจริงแท้สีแดงทองชิ้นนี้ ต่างกับอาวุธชิ้นอื่น นี่คือทวนถลกสันหลังมังกรซึ่งสำนักพันอาทิตย์ยกให้เป็นวงค่ายกลโจมตีอันดับหนึ่ง และยังเป็นค่ายกลโจมตีที่มีอานุภาพมากที่สุด ในจำนวนวงค่ายกลทั้งหมดท่ามกลางวิชาจริงแท้ตามมาตรฐานของสำนักพันอาทิตย์ด้วย ยอดฝีมือสำนักพันอาทิตย์ทั่วไปล้วนใช้วงค่ายกลนี้เป็นไพ่ตายสุดท้าย

อย่างไรเขาก็มีแก่นหยางเต็มเปี่ยม ตอนนี้จึงลองใช้วงค่ายกลนี้ดู

ในเมื่อวงค่ายกลวงเดียวจัดการหมอกมัวไม่ได้ อย่างนั้นก็ใช้หลายๆ วง ถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็มีแก่นหยางมากที่สุด ที่มาของแก่นหยางมีสามแห่ง โดยเปลี่ยนมาจากอาหาร สารกายที่ดูดซับ รวมถึงร่างมาร สิ่งที่ลึกลับที่สุดคือร่างมารซึ่งแม้แต่ลู่เซิ่งก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าวิถีแปดมารสูงสุดเป็นแก่นมารที่ดูดซับมาจากไหน

ทวนวงเดือนพุ่งไปด้วยสภาวะยิ่งใหญ่และพลังหนักหน่วง ทุกครั้งที่โจมตีล้วนมีน้ำหนักและอานุภาพเหนือกว่ากระบี่ทองสองเล่มเมื่อก่อนหน้าหลายเท่า พลันกดทับจนหมอกมัวหายใจไม่ออกเล็กน้อย

แต่มันก็สุดยอดจริงๆ สักครู่เดียวก็พลิกสถานการณ์ได้ จนกลับมาอยู่ในตำแหน่งไม่ชนะไม่แพ้ เห็นได้ชัดมากว่ามันที่ใช้ชีวิตอยู่ด้านนอกตามลำพังจะต้องมีการสนับสนุนที่สุดยอดอยู่แน่ แม้จะไม่ได้รับการทำสัญญาก็ตาม

เวลาค่อยๆ ไหลผ่าน พริบตาเดียวการต่อสู้ของลู่เซิ่งกับหมอกมัวก็ผ่านไปหนึ่งชั่วยามกว่าๆ

วงค่ายกลแสงสีทองส่องแสงสว่างไสว ไม่มีทีท่าว่าจะมืดสลัวลงแม้แต่น้อย หมอกมัวยังคงสบถด่าและกระปรี้กระเปร่า แสงบนตัวดาบยังคงเหมือนเดิม ไม่มีความอิดโรยโดยสิ้นเชิง

ลู่เซิ่งใคร่ครวญสักครู่ เขาเหลือจะเชื่อ ปริมาณแก่นหยางที่แทบไร้สิ้นสุดในระดับผู้ถืออาวุธยังทำอะไรอาวุธเทพใบไม้ทองคำแค่ชิ้นเดียวไม่ได้อีกหรือ

ความสามารถของวงค่ายกลโจมตีมากมายในสำนักพันอาทิตย์ที่เขาฝึกฝนในช่วงเวลานี้ปรากฏขึ้นในห้วงสมองทีละวงๆ

จากนั้นก็โคจรปราณจริงแท้สีแดงทองเป็นระยะ วงค่ายกลสีทองมากมายโผล่ขึ้นมาและลอยอยู่ข้างๆ อย่างต่อเนื่อง วิชาโจมตีแต่ละชนิดแต่ละประเภทซึ่งมีอานุภาพไม่เหมือนกันพุ่งออกมาจากด้านใน

แสงสีทองหลายสายกะพริบขึ้นตรงก้นสระอย่างต่อเนื่องอยู่ชั่วขณะ วงค่ายกลพันธนาการ วงค่ายกลเชื่องช้า วงค่ายกลอาวุธมีคม วงค่ายกลแปลงปีศาจ วงค่ายกลพิษติดตรึง วงค่ายกลเข็มทิ่มแทง วงค่ายกลหน้าไม้ วงค่ายกลชักนำ หรือแม้แต่วงค่ายกลส่งตัว ล้วนถูกลู่เซิ่งนำออกมาใช้

ความสามารถทุกชนิดของสำนักพันอาทิตย์ถูกใช้ที่ใต้ก้นสระ

หมอกมัวนั่นกลับไม่เป็นอะไรเลย แม้ถูกวงค่ายกลเหล่านี้เล่นงานอย่างสาหัส แต่ประสิทธิผลตามความเป็นจริงก็แค่โดนวงค่ายกลตรึงเอาไว้เล็กน้อยเท่านั้น แล้วกลับคืนสู่สภาพปกติทันที

ต่อให้จะมีอาวุธหรือสิ่งมีชีวิตมากมายรุมโจมตีขนาดไหน มันก็ยังรักษาสถานการณ์ไม่ชนะไม่แพ้ได้

ลู่เซิ่งยิ่งลงมือ สีหน้าก็ยิ่งเคร่งขรึม

แสงสีทองหลายสายสาดออกมาจากบนมือเขาไม่หยุด จากนั้นก็กลายเป็นวิชามากมายของสำนักพันอาทิตย์โจมตีอีกฝ่าย ทว่าประสิทธิผล…

“นี่คือความสามารถของมนุษย์อย่างพวกเจ้าหรือ ช่างอ่อนแอยิ่งนัก” หมอกมัวหัวเราะ

“ค่ายกลควันสูงสุด” หมอกควันสีทองเข้มกลุ่มหนึ่งพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว หลังจากหมอกมัวถูกปกคลุมก็มีกระบี่ฟันแหวกควันออกอย่างฉับพลัน และสู้พร้อมกับกระบี่ทองอีกหลายเล่ม

“ค่ายกลแสงพิศวงพฤกษาแปลง” สิ่งที่คล้ายกับกิ่งต้นหลิวฟาดใส่ข้างตัวกระบี่หมอกมัวอย่างแรง แต่นอกจากเสียงที่ดังแล้ว ก็ยังคงไม่เกิดผลอะไร

“ค่ายกลแดงจอกแหนล่องลอย” แสงอรุณสีแดงแกมทองพุ่งออกไป…เปรี้ยง!

ลู่เซิ่งฉีกแสงอรุณสีทองตรงหน้าจนแหลก สีหน้าเคร่งขรึมกว่าเดิม

“ช่างเถอะ ข้าลงมือเองดีกว่า” พอเขาฉีกแสงอรุณเสร็จ ก็ค่อยๆ เดินไปด้านหน้า

ทดสอบถึงตรงนี้ เขาสิ้นหวังในวิชาโจมตีของสำนักพันอาทิตย์โดยสิ้นเชิงแล้ว…สำหนักพันอาทิตย์ มีดีแค่ชื่อเท่านั้น

ขณะเผชิญกับอาวุธเทพหมอกมัวที่หัวเราะลั่น ลู่เซิ่งเก็บปราณจริงแท้สีแดงทองปริมาณมากกลับมาอย่างฉับพลัน ทั้งหมดถูกร่างของเขาดูดเข้าไป

“หมดหนทางแล้วหรือ” หมอกมัวหัวเราะเสียงเย็น คมกระบี่ปล่อยแสงสีเขียวอ่อนๆ ยาวหนึ่งฉื่อกว่าๆ หมุนวนอยู่กลางน้ำอย่างช้าๆ

“ตอนนั้นผู้ถืออาวุธสิบสามคนร่วมมือกันกลุ้มรุมโจมตีข้า การโจมตีที่แตกต่างกันสิบสามอย่าง ค่ายกลก็ดี กระบวนท่าสังหารก็ดี วิชาลับก็ดี ไม่มีอะไรที่ข้าไม่เคยเจอ ถ้าไม่ใช่เพราะได้รับการบูชาของเผ่ากวางดำโดยบังเอิญ ผู้ถืออาวุธที่ต่ำกว่าห้าคนลงไป แม้แต่คุณสมบัติที่จะเจอข้ายังไม่มี ตอนนี้อาศัยเจ้าแค่คนเดียว ก็ยังคิดจะ…คิดจะ…” ตอนแรกเสียงของมันยังดังมาก แต่เมื่อไปถึงภายหลัง ก็ยิ่งมายิ่งเบา ยิ่งมายิ่งเบา…

ร่างกายของลู่เซิ่งกำลังขยายขึ้นทีละนิดตรงหน้าเขา กล้ามเนื้อทั่วร่างของบุรุษธรรมดาสูงหนึ่งหมี่กว่าๆ เมื่อก่อนหน้าบิดเบี้ยวและพองขยาย ไม่นานก็กลายเป็นยักษ์กล้ามเนื้อสีดำสูงเจ็ดแปดหมี่ มิหนำซ้ำการขยายด้วยความเร็วสูงนี้ก็ยังไม่จบลงโดยสมบูรณ์ด้วย

แค่ไม่กี่อึดใจ หมอกมัวได้แต่มองดูร่างลู่เซิ่งใหญ่ขึ้นหลายหมี่จนกระทั่งข้ามขอบเขตสิบห้าหมี่ด้วยตาปริบๆ เงาที่ทอดลงมาจากร่างขนาดมโหฬารทำให้มันหุบปากโดยสิ้นเชิง

“คิดจะ…” ร่างมังกรเขียวที่หมอกมัวสร้างขึ้นมาใหม่ เงยหน้ามองลู่เซิ่งตรงหน้า ซึ่งเงาใกล้จะเกือบบังตนจนมิดอย่างอึ้งๆ กล่าววาจาได้แค่ครึ่งเดียว ก็ลืมไปโดยสิ้นเชิงว่าควรพูดอะไรต่อ

แคว่ก

ลู่เซิ่งค่อยๆ อ้าปากใหญ่โต ฟันแหลมสามแถวคมกริบและเล็กละเอียดเหมือนกับปลาฉลาม ลูกไฟมีควันสีดำลอยออกมาจากข้างหูซึ่งเป็นจุดที่มุมปากอยู่ทีละน้อยๆ

เขาสะบัดหางยักษ์เบาๆ พร้อมกับก้มหน้ามองมังกรเขียวน้อยตรงหน้า

ไม่ได้ปลอดปล่อยสภาพหยางโชติช่วงโดยสมบูรณ์มานาน แม้ตอนนี้จะปล่อยออกมาครึ่งเดียว แต่ก็จัดการเจ้าตัวน้อยที่ไม่รู้จักชั่วดีตรงหน้าได้แล้ว

“พูดต่อสิ” เขายืดสองแขน เตรียมจะบดขยี้มันให้ตายหากกล้ากล่าววาจาโอหังอีก

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด