ยอดวิถีแห่งปีศาจ 272 การทำลายล้างที่ถูกกำหนดไว้แล้ว (2)

Now you are reading ยอดวิถีแห่งปีศาจ Chapter 272 การทำลายล้างที่ถูกกำหนดไว้แล้ว (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 272 การทำลายล้างที่ถูกกำหนดไว้แล้ว (2)

ลู่เซิ่งส่ายหน้าน้อยๆ บอกได้แค่ว่าสำนักมารกำเนิดในตอนนี้ มีเมล็ดพันธุ์ของสำนักระดับสามขั้นกลางเท่านั้น แถมยังต้องใช้เวลาฟัก จึงจะออกจากดักแด้กลายเป็นผีเสื้อได้

เขาหมุนตัวกลับเข้าไปฝึกฝนในห้อง รอได้เวลาแล้ว จึงค่อยนำสิ่งของที่เก็บรวบรวมไว้ มุ่งหน้าไปยังถ้ำสถานที่ฝึกฝน

ลู่เซิ่งไปถึงถ้ำสำหรับฝึกฝนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะนั่งทบทวนวิชาลับร่างมารรอบหนึ่งอยู่ตรงกลางถ้ำ

ฟู่ว!

ปราณมารกำเนิดที่ดำเข้มดุจหมึกกลุ่มหนึ่งกระจายออกจากร่างเขา แล้วครอบคลุมพื้นที่ทุกส่วนในถ้ำเอาไว้

‘ดีปบลู’ ลู่เซิ่งเรียกเครื่องมือปรับเปลี่ยน กรอบสีน้ำเงินปรากฏขึ้นในพริบตา

เขากดปุ่มปรับเปลี่ยนอย่างคุ้นเคย สายตาอยู่บนกรอบใหม่

[ร่างมารสมุทร: ระดับที่สาม ผลพิเศษ: ผนึกหลอมแก่นมารระดับสาม เสริมความแข็งแกร่งอัคคีพิษระดับสาม เสริมความแข็งแกร่งพลังกดดันระดับสาม]

‘นี่เป็นผลหลังจากแยกฝึกส่วนพื้นฐาน ต่อจากนี้ค่อยเป็นการเริ่มฝึกฝนร่างมารอย่างแท้จริง ร่างมารสมุทรเน้นเสริมความแข็งแกร่งแก่ส่วนกระเพาะและส่วนปอด…ลองเปลี่ยนปราณมารกำเนิดให้เป็นปราณขวดสมบัติเพื่อเสริมความแข็งแกร่งดูก่อนก็แล้วกัน’

ลู่เซิ่งตรวจสอบสภาพร่างกาย ปราณขวดสมบัติรวมตัวกันด้วยความเร็วสูงผ่านข่ายกระเรียนหยินทั่วร่าง แล้วไหลไปสู่อาณาเขตที่ลึกลับบริเวณหนึ่งกลางทรวงอก

พอปราณขวดสมบัติทั้งหมดไหลเข้าไปตรงนี้ ก็หายไปทั้งหมดอย่างแปลกประหลาด ลู่เซิ่งค้นพบในช่วงเวลานี้ว่า ตำแหน่งที่ใช้กรอกพลังงานอันเป็นแกนหลักของเครื่องมือปรับเปลี่ยน เหมือนจะติดตั้งอยู่กลางทรวงอกของตัวเอง เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้ไม่พบเพราะระดับชั้นไม่พอ แต่ตอนนี้สามารถสกัดขัดขวางอย่างเฉพาะเจาะจงได้แล้ว

‘ยกระดับร่างมารสมุทรถึงระดับสี่’ ลู่เซิ่งกดปุ่มด้านหลังร่างมารสมุทร

ไม่มีเสียงแทรก กรอบค่อยๆ พร่ามัว ช่องอก ลำคอ แม้แต่ปอดและกระเพาะของเขาเริ่มแสบร้อน เหมือนมีคนนาบเหล็กร้อนใส่บริเวณนี้

ฉ่า

ตั้งแต่ปากไปถึงคอหอย ลำคอ และทรวงอกของลู่เซิ่งล้วนแดงเหลือประมาณ

นี่เป็นผลจากการบีบอัดการสั่งสมพลังฝึกปรือในเวลาอันยาวนานเอาไว้ด้วยกัน แล้วยกระดับในพริบตา ต่อให้ลู่เซิ่งมีกายเนื้อสุดเหี้ยมหาญ ก็ยังคงก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่รุนแรงแบบนี้อยู่ดี

ดีที่ปฏิกิริยาแบบนี้คงอยู่สองสามอึดใจแล้วค่อยหายไป

เนื้อหาในกรอบก็เปลี่ยนเป็นสภาพใหม่เช่นกัน

[ร่างมารสมุทร: ระดับที่สี่ ผลพิเศษ: ผนึกหลอมแก่นมารระดับสี่ เพิ่มความแข็งแกร่งอัคคีพิษระดับสี่ เพิ่มความแข็งแกร่งพลังกดดันระดับสี่ การหายใจวิถีมารขั้นที่หนึ่ง]

ลู่เซิ่งหายใจอย่างแผ่วเบา รู้สึกทุกอย่างยังใช้ได้ ทั้งยังไม่มีความแตกต่างจากการหายใจเมื่อก่อนหน้า เพียงแต่สิ่งที่ประหลาดก็คือเขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนไม่ต้องหายใจก็ได้

‘ตามบันทึกของร่างมารสมุทร วิชาลับวิชานี้เลียนแบบสัตว์ประหลาดเผ่ามารที่มีร่างกายขนาดมหึมา สามารถพึ่งพาร่างกายของตัวเอง ไม่ต้องหายใจเอาอากาศจากโลกภายนอกก็ได้ สัตว์ประหลาดชนิดนี้ไม่จำเป็นต้องหายใจ ก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีอิสระ” ลู่เซิ่งทบทวนบันทึกเสร็จ ก็ถือโอกาสเริ่มกลั้นหายใจเพื่อทดลองดูว่าตนเองหายใจได้หรือไม่ได้

สิ่งที่ทำให้เขาพิศวงคือ ต่อให้กลั้นหายใจ เขาก็ยังคงไม่รู้สึกอึดอัด มีอากาศจำนวนมากส่งให้เขาจากในร่างไม่ขาดสาย

‘ไปต่อ’ หลังลองสัมผัสดู ลู่เซิ่งก็เริ่มยกระดับต่อไป ช่วงเวลานี้เขาใช้ปราณขวดสมบัติในการยกระดับและฝึกฝนร่างมารของสำนักมารกำเนิดอย่างบ้าคลั่ง เห็นความสามารถใหม่เพิ่มบนร่างจนชาชินเสียแล้ว ก็แค่ไม่จำเป็นต้องหายใจเท่านั้น มีวิชาลับไม่น้อยที่มีความสามารถนี้

การฝึกร่างมารสมุทรไม่ยากอะไรนักสำหรับลู่เซิ่ง แค่ใช้เวลาช่วงบ่ายเขาก็ยกระดับร่างมารร่างนี้ถึงระดับแปดซึ่งสมบูรณ์แบบโดยสิ้นเชิงแล้ว ทั้งยังฝึกฝนความสามารถในการพ่นลมทำลายล้างในระดับสูงสุดของร่างมารสมุทรสำเร็จ นี่เป็นความสามารถอันเป็นพรสวรรค์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะได้รับก็ต่อเมื่อฝึกฝนร่างมารสมุทรระดับแปดจนสำเร็จ เป็นสัญชาตญาณของร่างมาร

พอบรรลุร่างมารร่างที่สี่ ลู่เซิ่งก็เริ่มฝึกฝนร่างมารร่างที่ห้าต่อโดยไม่หยุดพัก

ร่างมารสดับสงัดเป็นพื้นฐานของทุกๆ ร่างมาร มันใช้มารหยินในการกลืนกินน้ำจากธารหมอกพิษปริมาณมหาศาลอย่างไม่ขาดสาย และสกัดแก่นแท้ด้านในออกมามอบให้ลู่เซิ่งอย่างต่อเนื่อง

และลู่เซิ่งก็ค้นพบอย่างประหลาดใจว่า ยิ่งฝึกร่างมารไปถึงระดับหลังๆ เท่าไหร่ ก็ยิ่งราบรื่นมากเท่านั้น คล้ายกับเป็นเพราะเขาเข้ากับธารหมอกพิษได้มากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการฝึกฝนร่างมารจึงยิ่งมายิ่งเร็ว ภาระที่เกิดขึ้นยิ่งมายิ่งน้อยลง

นี่เป็นสาเหตุสำคัญที่เขาฝึกฝนร่างมารสมุทรสำเร็จเร็ว

หลังจากสำเร็จร่างมารสี่ร่าง สีทองเข้มจุดหนึ่งก็โผล่ขึ้นบนอก ผสานเข้ากับจุดแสงในตอนแรกจนกลายเป็นวงกลม ส่วนร่างมารร่างที่ห้า มีชื่อว่าร่างมารสะบั้นปราณ เป็นร่างมารอันเหี้ยมหาญที่เอาไว้ใช้เพิ่มพละกำลังกับคุณสมบัติร่างกายโดยเฉพาะ

ลู่เซิ่งใช้เวลาแค่สองวันกับร่างนี้ แต่ผลเพิ่มพลังทำให้เขาผิดหวังเล็กน้อย ร่างมารร่างนี้อาศัยปราณมารมากระตุ้นกายเนื้อเป็นหลักเพื่อให้เกิดผลเพิ่มพลัง แต่เนื่องจากฝึกฝนร่างมารร่างอื่นๆ เขาจึงชินกับการกระตุ้นของปราณมารมาแต่แรกแล้ว ดังนั้นจึงไม่เกิดผลเพิ่มความแข็งแกร่งแต่ประการใด

มีแต่ร่างมารสะบั้นปราณในระดับหลังๆ ที่ทำให้ลู่เซิ่งมีการยกระดับส่วนหนึ่งต่อการฝึกหัวใจ

ร่างมารสดับสงัด ร่างมารอัคคีแค้น ร่างมารรกร้าง ร่างมารสมุทร รวมถึงร่างมารสะบั้นปราณ มาถึงขั้นนี้ ลู่เซิ่งได้ฝึกร่างมารไปแล้วห้าร่างจากแปดร่างที่มีอยู่ในมือ

และร่างมารอีกสามร่างที่เหลือ ก็มีผลเสริมความแข็งแกร่งแตกต่างกัน มีแค่การเสริมความแข็งแกร่งแบบพิเศษที่เจาะจงต่ออวัยวะภายในส่วนน้อยเท่านั้นที่ไม่เหมือนกัน

ลู่เซิ่งยิ่งฝึกยิ่งเร็ว ท้ายที่สุดเจ็ดวันหลังจากฝึกร่างมารสะบั้นปราณจนสำเร็จ ก็ฝึกร่างมารที่เหลืออยู่จนหมด

ร่างมารจระเข้ ร่างมารลักษณ์หยิน ร่างมารชมระบำจันทร์ ร่างมารสามร่างสุดท้ายนี้เน้นเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่พละกำลัง ความเร็ว และพลังฟื้นตัว

ส่วนทักษะการโจมตีที่มาพร้อมกับร่างมารแต่ละร่าง ลู่เซิ่งกลับคร้านจะฝึก ทักษะการต่อสู้ของร่างมารร่างไหนๆ ล้วนเป็นการจำกัดการใช้พลังของตัวเองสำหรับเขา

ในความจริง ผลที่เกิดขึ้นจากการฝึกฝนร่างมารแปดร่างจนสำเร็จไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่เขาคิดไว้

ส่วนลึกของสำนักมารกำเนิด ข้างบ่ออาวุธศักดิ์สิทธิ์

ลู่เซิ่งเพ่งมองเศษอาวุธศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าตรงหน้าเงียบๆ เศษเหล่านี้ทั้งแหลมคมทั้งยังมีขนาดใหญ่ ชิ้นที่เล็กสุดยาวและกว้างหลายหมี่ แถมยังเปล่งแสงสีฟ้า

ตอนนี้เขาเข้าออกสนามพลังของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ได้ดั่งใจ โดยที่ตัวเองไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย ทว่านี่ไม่ได้หมายความว่าระดับกายเนื้อของเขาบรรลุถึงขั้นน่าเหลือเชื่อแล้ว แต่เป็นเพราะอีกเหตุผลหนึ่ง

จุดสีทองเข้มแปดจุด เปลี่ยนกันส่องแสงระยิบระยับตรงทรวงอกของเขา พวกมันหมุนวนเหมือนการหายใจ พอหมุนครบรอบทุกจุดจะส่องแสงสีทองเข้มขึ้นมา

นี่เป็นจุดสำคัญที่แท้จริงซึ่งทำให้ลู่เซิ่งเข้าใกล้บ่ออาวุธศักดิ์สิทธิ์ได้เป็นเวลานาน

พลังของร่างมารแปดร่างกลายเป็นวงกลมวงหนึ่ง แยกกันรองรับพลังรังสีของอาวุธศักดิ์สิทธิ์อย่างต่อเนื่อง โดยลดรังสีของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ลงเหลือหนึ่งในแปดส่วน จนถึงขอบเขตที่ลู่เซิ่งในตอนนี้ทนได้

แต่ก็ได้แค่นี้เท่านั้น

ลู่เซิ่งค่อยๆ ยื่นมือเข้าไปหาน้ำในบ่อด้วยใบหน้าสงบ แล้วแตะกับเศษอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นที่อยู่ใกล้ที่สุด

ฉ่า…

ตอนที่เพิ่งแตะ รอยร้าวสีดำจำนวนมากก็กระจายตามนิ้วมือของเขาขึ้นไปด้านบนด้วยความเร็วสูง คล้ายกับจะทำให้แขนทั้งท่อนของเขาแตกออกโดยสมบูรณ์

ลู่เซิ่งรีบชักนิ้วกลับ ทว่าไม่อาจรักษานิ้วไว้ได้อีกแล้ว รอยร้าวกระจายอยู่แน่นขนัด เหมือนกับภาชนะที่ถูกฟาดจนแตก

‘ยังไม่ไหวแฮะ…พลังกำเนิดกับพลังปฐมไม่ใช่ระดับเดียวกันโดยสิ้นเชิง เราได้แต่ใช้การสะสมพลังกำเนิดจำนวนมาก มาต้านทานการกัดกร่อนของพลังปฐมชั่วคราว…แม้แต่การป้องกันยังลำบาก อย่าว่าแต่โต้ตอบเลย…’ ลู่เซิ่งถอนใจ

หลังจากรวบรวมร่างมารแปดร่างครบ ก็กล่าวได้ว่าเขาได้บรรลุขอบเขตที่ในอดีตและในอนาคตไม่มีใครทำได้อีกแล้วของสำนักมารกำเนิด ทั้งยังฝึกฝนวิชาลับวิถีมารถึงจุดสูงสุดที่ไม่เคยมีมาก่อน

ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ ก็ไม่อาจป้องกันอาวุธศักดิ์สิทธิ์ได้เหมือนเดิม อย่างมากสุดก็ทนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ได้ชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น…

‘นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เราต้องการ’ ลู่เซิ่งเงียบงันพักหนึ่ง แล้วสูดหายใจลึก

‘ฝึกฝนร่างมารแปดร่างของมารกำเนิดจนสำเร็จ แต่ก็ไม่อาจบรรลุผลลัพธ์ที่เราคาดหวัง เป็นไปได้มากว่าจะเป็นเพราะคุณสมบัติของพลัง

ไม่ว่าจะฝึกฝนร่างมารให้ตายอย่างไร ก็ต้องใช้ปราณมารในธารหมอกพิษเป็นพื้นฐาน แต่ว่าปราณมารกำเนิดที่เปลี่ยนมาจากปราณมารก็เป็นแค่พลังกำเนิด ซึ่งแตกต่างกับพลังปฐมมากเกินไป ไม่ใช่ระดับเดียวกันโดยสิ้นเชิง ต่อให้จะเคลื่อนย้ายปราณมารกำเนิดอย่างไร ในความจริงก็เป็นการใช้พลังระดับกำเนิด ไปไม่ถึงระดับปฐม ดังนั้น…หากอนุมานตามนี้ ถ้าอยากจะไปให้ถึงระดับปฐม ก็ต้องฝึกฝนพลังปฐมเป็นพื้นฐาน’

ลู่เซิ่งคาดเดา

‘ถ้าหากเหมือนกับการคาดเดาของเราจริงๆ อย่างนั้นปราณมารกำเนิดต่างหากที่เป็นกุญแจสำคัญของทุกสิ่ง’ เขาพลันฉุกใจนึกถึงปราณเหลวที่ควบแน่นจากปราณภายใน

‘ลองดูก็แล้วกัน ถึงยังไงวันนี้ก็มีพลังอาวรณ์มากพอแล้ว ถ้าล้มเหลวค่อยหาใหม่’

ลู่เซิ่งหลับตาลงช้าๆ ชักนำปราณขวดสมบัติปริมาณมากให้เริ่มรวมตัวกันเพื่อฟื้นฟูกายเนื้อ

‘ดีปบลู’

กรอบสีน้ำเงินโผล่ออกมา

ลู่เซิ่งเริ่มทบทวนว่าปราณมารเปลี่ยนเป็นปราณมารกำเนิดได้อย่างไร นี่เป็นส่วนที่เป็นพื้นฐานสุดของสำนักมารกำเนิด และเป็นส่วนที่ร่างมารมีร่วมกัน

และคำตอบก็คือไฟหยิน

จากไฟหยินที่ตรึกตรองได้จากวิชาสามหยินในตอนแรก ถึงอัคคีพิษที่ลุกไหม้ในภายหลัง จริงๆ แล้วล้วนเป็นสิ่งเดียวกัน ต่างเป็นขั้นตอนสำคัญที่เอาไว้ใช้เผาปราณมาร ขจัดสิ่งแปลกปลอม และรักษาปราณมารกำเนิดเอาไว้

เมื่อจัดระเบียบวิชาลับทั้งหมดอย่างละเอียด ลู่เซิ่งก็พลันตระหนักรู้ ที่แท้ไฟหยินต่างหากที่เป็นพื้นฐานอันเปลี่ยนมาจากปราณมารซึ่งเป็นรากฐานแรกสุดของสำนักมารกำเนิด

และในการฝึกฝนวิชาลับร่างมารทั้งหมดก็มีวิชาลับที่เหมือนวิชาสามหยินอยู่ด้วย

‘อดีตสำนักมารกำเนิดมีวิชาลับเก้าสิบเก้าชนิดที่อยู่ในระดับเดียวกันวิชาสามหยิน แต่ไม่ว่าจะเป็นวิชาลับจำนวนมากที่อาจารย์ถ่ายทอดให้เรา หรือว่าร่างมารแปดร่างที่ได้มาโดยบังเอิญ ต่างก็ใช้วิชาสามหยินเป็นพื้นฐานในการเปลี่ยนแปลงเป็นปราณมารกำเนิดทั้งนั้น จะเห็นได้ว่านี่จึงเป็นพื้นฐานของสำนักมารกำเนิด’

ลู่เซิ่งยิ่งคิดยิ่งกระจ่าง ความสนใจของเขาอยู่บนกรอบกรอบหนึ่งที่ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาบนเครื่องมือปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว

[วิชาสามหยิน: ขั้นที่สาม ผลพิเศษ: ไฟสามหยิน]

นี่เป็นพื้นฐานที่เขาเคยมองข้าม แต่ตอนนี้ให้ความสำคัญอีกครั้ง

ลู่เซิ่งสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ได้เวลาพิสูจน์แล้วว่าการสันนิษฐานของเขาถูกต้องหรือไม่

ความสนใจของเขากดปุ่มปรับเปลี่ยนบนดีปบลู รอจนเครื่องมือปรับเปลี่ยนพร่ามัวเล็กน้อย เข้าสู่สภาพปรับเปลี่ยนได้ เขาก็กดปุ่มเรียนรู้ด้านหลังวิชาสามหยินเบาๆ ทันที

การเรียนรู้ระดับใหม่ไม่อาจใช้ปราณขวดสมบัติ ได้แต่ใช้พลังอาวรณ์ และพลังอาวรณ์ของเขาในตอนนี้ก็มีแปดสิบกว่าหน่วย น่าจะเรียนรู้วิชาพื้นฐานวิชาหนึ่งได้

ไม่นานนัก กรอบวิชาสามหยินก็พร่าเลือน ส่วนพลังอาวรณ์ก็เริ่มหายไปด้วยความเร็วสูง

หลายอึดใจให้หลัง กรอบก็หยุดนิ่ง เนื้อหาโผล่ขึ้นมาใหม่

[วิชาลับปริศนา: ขั้นที่สี่ ผลพิเศษ: ไฟสามหยิน เพิ่มความแข็งแกร่งแก่ไฟหยินระดับที่หนึ่ง]

‘มีผลจริงๆ ด้วย!’ แม้เพิ่งยกระดับวิชาสามหยิน แต่ลู่เซิ่งก็รู้สึกได้ว่าร่างกายเกิดอาการชา ปราณมารกำเนิดทั้งหมดลุกไหม้อย่างบ้าคลั่ง ไฟหยินที่ถูกเผาให้กำเนิดปราณมารกำเนิดที่บริสุทธิ์กว่าเดิมหลายสาย แถมปราณมารที่เกิดมาใหม่เหล่านี้ยังบริสุทธิ์กว่าเดิมไม่น้อย

พอปราณมารกำเนิดที่บริสุทธิ์แบบนี้ปรากฏ เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายก็แย่งชิงกันกลืนกินอย่างคลุ้มคลั่งเหมือนกับคนหิวกระหายที่ขาดน้ำในทะเลทราย

ปราณมารกำเนิดที่เพิ่งเกิดขึ้นมาถูกแย่งชิงกันจนหมดสิ้นทันที

‘เอาอีก!’ พลังอาวรณ์หายไปแค่สิบกว่าหน่วย ลู่เซิ่งยกระดับต่อด้วยความลิงโลด

เขายื่นมือออกมา เปลวไฟสีเขียวกลุ่มหนึ่งลุกไหม้บนฝ่ามือ นี่คือไฟหยิน กุญแจสำคัญที่ให้กำเนิดปราณมารกำเนิดและเป็นพื้นฐานวิชาลับทั้งหมดของสำนักมารกำเนิด

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ยอดวิถีแห่งปีศาจ 272 การทำลายล้างที่ถูกกำหนดไว้แล้ว (2)

Now you are reading ยอดวิถีแห่งปีศาจ Chapter 272 การทำลายล้างที่ถูกกำหนดไว้แล้ว (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 272 การทำลายล้างที่ถูกกำหนดไว้แล้ว (2)

ลู่เซิ่งส่ายหน้าน้อยๆ บอกได้แค่ว่าสำนักมารกำเนิดในตอนนี้ มีเมล็ดพันธุ์ของสำนักระดับสามขั้นกลางเท่านั้น แถมยังต้องใช้เวลาฟัก จึงจะออกจากดักแด้กลายเป็นผีเสื้อได้

เขาหมุนตัวกลับเข้าไปฝึกฝนในห้อง รอได้เวลาแล้ว จึงค่อยนำสิ่งของที่เก็บรวบรวมไว้ มุ่งหน้าไปยังถ้ำสถานที่ฝึกฝน

ลู่เซิ่งไปถึงถ้ำสำหรับฝึกฝนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะนั่งทบทวนวิชาลับร่างมารรอบหนึ่งอยู่ตรงกลางถ้ำ

ฟู่ว!

ปราณมารกำเนิดที่ดำเข้มดุจหมึกกลุ่มหนึ่งกระจายออกจากร่างเขา แล้วครอบคลุมพื้นที่ทุกส่วนในถ้ำเอาไว้

‘ดีปบลู’ ลู่เซิ่งเรียกเครื่องมือปรับเปลี่ยน กรอบสีน้ำเงินปรากฏขึ้นในพริบตา

เขากดปุ่มปรับเปลี่ยนอย่างคุ้นเคย สายตาอยู่บนกรอบใหม่

[ร่างมารสมุทร: ระดับที่สาม ผลพิเศษ: ผนึกหลอมแก่นมารระดับสาม เสริมความแข็งแกร่งอัคคีพิษระดับสาม เสริมความแข็งแกร่งพลังกดดันระดับสาม]

‘นี่เป็นผลหลังจากแยกฝึกส่วนพื้นฐาน ต่อจากนี้ค่อยเป็นการเริ่มฝึกฝนร่างมารอย่างแท้จริง ร่างมารสมุทรเน้นเสริมความแข็งแกร่งแก่ส่วนกระเพาะและส่วนปอด…ลองเปลี่ยนปราณมารกำเนิดให้เป็นปราณขวดสมบัติเพื่อเสริมความแข็งแกร่งดูก่อนก็แล้วกัน’

ลู่เซิ่งตรวจสอบสภาพร่างกาย ปราณขวดสมบัติรวมตัวกันด้วยความเร็วสูงผ่านข่ายกระเรียนหยินทั่วร่าง แล้วไหลไปสู่อาณาเขตที่ลึกลับบริเวณหนึ่งกลางทรวงอก

พอปราณขวดสมบัติทั้งหมดไหลเข้าไปตรงนี้ ก็หายไปทั้งหมดอย่างแปลกประหลาด ลู่เซิ่งค้นพบในช่วงเวลานี้ว่า ตำแหน่งที่ใช้กรอกพลังงานอันเป็นแกนหลักของเครื่องมือปรับเปลี่ยน เหมือนจะติดตั้งอยู่กลางทรวงอกของตัวเอง เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้ไม่พบเพราะระดับชั้นไม่พอ แต่ตอนนี้สามารถสกัดขัดขวางอย่างเฉพาะเจาะจงได้แล้ว

‘ยกระดับร่างมารสมุทรถึงระดับสี่’ ลู่เซิ่งกดปุ่มด้านหลังร่างมารสมุทร

ไม่มีเสียงแทรก กรอบค่อยๆ พร่ามัว ช่องอก ลำคอ แม้แต่ปอดและกระเพาะของเขาเริ่มแสบร้อน เหมือนมีคนนาบเหล็กร้อนใส่บริเวณนี้

ฉ่า

ตั้งแต่ปากไปถึงคอหอย ลำคอ และทรวงอกของลู่เซิ่งล้วนแดงเหลือประมาณ

นี่เป็นผลจากการบีบอัดการสั่งสมพลังฝึกปรือในเวลาอันยาวนานเอาไว้ด้วยกัน แล้วยกระดับในพริบตา ต่อให้ลู่เซิ่งมีกายเนื้อสุดเหี้ยมหาญ ก็ยังคงก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่รุนแรงแบบนี้อยู่ดี

ดีที่ปฏิกิริยาแบบนี้คงอยู่สองสามอึดใจแล้วค่อยหายไป

เนื้อหาในกรอบก็เปลี่ยนเป็นสภาพใหม่เช่นกัน

[ร่างมารสมุทร: ระดับที่สี่ ผลพิเศษ: ผนึกหลอมแก่นมารระดับสี่ เพิ่มความแข็งแกร่งอัคคีพิษระดับสี่ เพิ่มความแข็งแกร่งพลังกดดันระดับสี่ การหายใจวิถีมารขั้นที่หนึ่ง]

ลู่เซิ่งหายใจอย่างแผ่วเบา รู้สึกทุกอย่างยังใช้ได้ ทั้งยังไม่มีความแตกต่างจากการหายใจเมื่อก่อนหน้า เพียงแต่สิ่งที่ประหลาดก็คือเขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนไม่ต้องหายใจก็ได้

‘ตามบันทึกของร่างมารสมุทร วิชาลับวิชานี้เลียนแบบสัตว์ประหลาดเผ่ามารที่มีร่างกายขนาดมหึมา สามารถพึ่งพาร่างกายของตัวเอง ไม่ต้องหายใจเอาอากาศจากโลกภายนอกก็ได้ สัตว์ประหลาดชนิดนี้ไม่จำเป็นต้องหายใจ ก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีอิสระ” ลู่เซิ่งทบทวนบันทึกเสร็จ ก็ถือโอกาสเริ่มกลั้นหายใจเพื่อทดลองดูว่าตนเองหายใจได้หรือไม่ได้

สิ่งที่ทำให้เขาพิศวงคือ ต่อให้กลั้นหายใจ เขาก็ยังคงไม่รู้สึกอึดอัด มีอากาศจำนวนมากส่งให้เขาจากในร่างไม่ขาดสาย

‘ไปต่อ’ หลังลองสัมผัสดู ลู่เซิ่งก็เริ่มยกระดับต่อไป ช่วงเวลานี้เขาใช้ปราณขวดสมบัติในการยกระดับและฝึกฝนร่างมารของสำนักมารกำเนิดอย่างบ้าคลั่ง เห็นความสามารถใหม่เพิ่มบนร่างจนชาชินเสียแล้ว ก็แค่ไม่จำเป็นต้องหายใจเท่านั้น มีวิชาลับไม่น้อยที่มีความสามารถนี้

การฝึกร่างมารสมุทรไม่ยากอะไรนักสำหรับลู่เซิ่ง แค่ใช้เวลาช่วงบ่ายเขาก็ยกระดับร่างมารร่างนี้ถึงระดับแปดซึ่งสมบูรณ์แบบโดยสิ้นเชิงแล้ว ทั้งยังฝึกฝนความสามารถในการพ่นลมทำลายล้างในระดับสูงสุดของร่างมารสมุทรสำเร็จ นี่เป็นความสามารถอันเป็นพรสวรรค์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะได้รับก็ต่อเมื่อฝึกฝนร่างมารสมุทรระดับแปดจนสำเร็จ เป็นสัญชาตญาณของร่างมาร

พอบรรลุร่างมารร่างที่สี่ ลู่เซิ่งก็เริ่มฝึกฝนร่างมารร่างที่ห้าต่อโดยไม่หยุดพัก

ร่างมารสดับสงัดเป็นพื้นฐานของทุกๆ ร่างมาร มันใช้มารหยินในการกลืนกินน้ำจากธารหมอกพิษปริมาณมหาศาลอย่างไม่ขาดสาย และสกัดแก่นแท้ด้านในออกมามอบให้ลู่เซิ่งอย่างต่อเนื่อง

และลู่เซิ่งก็ค้นพบอย่างประหลาดใจว่า ยิ่งฝึกร่างมารไปถึงระดับหลังๆ เท่าไหร่ ก็ยิ่งราบรื่นมากเท่านั้น คล้ายกับเป็นเพราะเขาเข้ากับธารหมอกพิษได้มากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการฝึกฝนร่างมารจึงยิ่งมายิ่งเร็ว ภาระที่เกิดขึ้นยิ่งมายิ่งน้อยลง

นี่เป็นสาเหตุสำคัญที่เขาฝึกฝนร่างมารสมุทรสำเร็จเร็ว

หลังจากสำเร็จร่างมารสี่ร่าง สีทองเข้มจุดหนึ่งก็โผล่ขึ้นบนอก ผสานเข้ากับจุดแสงในตอนแรกจนกลายเป็นวงกลม ส่วนร่างมารร่างที่ห้า มีชื่อว่าร่างมารสะบั้นปราณ เป็นร่างมารอันเหี้ยมหาญที่เอาไว้ใช้เพิ่มพละกำลังกับคุณสมบัติร่างกายโดยเฉพาะ

ลู่เซิ่งใช้เวลาแค่สองวันกับร่างนี้ แต่ผลเพิ่มพลังทำให้เขาผิดหวังเล็กน้อย ร่างมารร่างนี้อาศัยปราณมารมากระตุ้นกายเนื้อเป็นหลักเพื่อให้เกิดผลเพิ่มพลัง แต่เนื่องจากฝึกฝนร่างมารร่างอื่นๆ เขาจึงชินกับการกระตุ้นของปราณมารมาแต่แรกแล้ว ดังนั้นจึงไม่เกิดผลเพิ่มความแข็งแกร่งแต่ประการใด

มีแต่ร่างมารสะบั้นปราณในระดับหลังๆ ที่ทำให้ลู่เซิ่งมีการยกระดับส่วนหนึ่งต่อการฝึกหัวใจ

ร่างมารสดับสงัด ร่างมารอัคคีแค้น ร่างมารรกร้าง ร่างมารสมุทร รวมถึงร่างมารสะบั้นปราณ มาถึงขั้นนี้ ลู่เซิ่งได้ฝึกร่างมารไปแล้วห้าร่างจากแปดร่างที่มีอยู่ในมือ

และร่างมารอีกสามร่างที่เหลือ ก็มีผลเสริมความแข็งแกร่งแตกต่างกัน มีแค่การเสริมความแข็งแกร่งแบบพิเศษที่เจาะจงต่ออวัยวะภายในส่วนน้อยเท่านั้นที่ไม่เหมือนกัน

ลู่เซิ่งยิ่งฝึกยิ่งเร็ว ท้ายที่สุดเจ็ดวันหลังจากฝึกร่างมารสะบั้นปราณจนสำเร็จ ก็ฝึกร่างมารที่เหลืออยู่จนหมด

ร่างมารจระเข้ ร่างมารลักษณ์หยิน ร่างมารชมระบำจันทร์ ร่างมารสามร่างสุดท้ายนี้เน้นเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่พละกำลัง ความเร็ว และพลังฟื้นตัว

ส่วนทักษะการโจมตีที่มาพร้อมกับร่างมารแต่ละร่าง ลู่เซิ่งกลับคร้านจะฝึก ทักษะการต่อสู้ของร่างมารร่างไหนๆ ล้วนเป็นการจำกัดการใช้พลังของตัวเองสำหรับเขา

ในความจริง ผลที่เกิดขึ้นจากการฝึกฝนร่างมารแปดร่างจนสำเร็จไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่เขาคิดไว้

ส่วนลึกของสำนักมารกำเนิด ข้างบ่ออาวุธศักดิ์สิทธิ์

ลู่เซิ่งเพ่งมองเศษอาวุธศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าตรงหน้าเงียบๆ เศษเหล่านี้ทั้งแหลมคมทั้งยังมีขนาดใหญ่ ชิ้นที่เล็กสุดยาวและกว้างหลายหมี่ แถมยังเปล่งแสงสีฟ้า

ตอนนี้เขาเข้าออกสนามพลังของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ได้ดั่งใจ โดยที่ตัวเองไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย ทว่านี่ไม่ได้หมายความว่าระดับกายเนื้อของเขาบรรลุถึงขั้นน่าเหลือเชื่อแล้ว แต่เป็นเพราะอีกเหตุผลหนึ่ง

จุดสีทองเข้มแปดจุด เปลี่ยนกันส่องแสงระยิบระยับตรงทรวงอกของเขา พวกมันหมุนวนเหมือนการหายใจ พอหมุนครบรอบทุกจุดจะส่องแสงสีทองเข้มขึ้นมา

นี่เป็นจุดสำคัญที่แท้จริงซึ่งทำให้ลู่เซิ่งเข้าใกล้บ่ออาวุธศักดิ์สิทธิ์ได้เป็นเวลานาน

พลังของร่างมารแปดร่างกลายเป็นวงกลมวงหนึ่ง แยกกันรองรับพลังรังสีของอาวุธศักดิ์สิทธิ์อย่างต่อเนื่อง โดยลดรังสีของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ลงเหลือหนึ่งในแปดส่วน จนถึงขอบเขตที่ลู่เซิ่งในตอนนี้ทนได้

แต่ก็ได้แค่นี้เท่านั้น

ลู่เซิ่งค่อยๆ ยื่นมือเข้าไปหาน้ำในบ่อด้วยใบหน้าสงบ แล้วแตะกับเศษอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นที่อยู่ใกล้ที่สุด

ฉ่า…

ตอนที่เพิ่งแตะ รอยร้าวสีดำจำนวนมากก็กระจายตามนิ้วมือของเขาขึ้นไปด้านบนด้วยความเร็วสูง คล้ายกับจะทำให้แขนทั้งท่อนของเขาแตกออกโดยสมบูรณ์

ลู่เซิ่งรีบชักนิ้วกลับ ทว่าไม่อาจรักษานิ้วไว้ได้อีกแล้ว รอยร้าวกระจายอยู่แน่นขนัด เหมือนกับภาชนะที่ถูกฟาดจนแตก

‘ยังไม่ไหวแฮะ…พลังกำเนิดกับพลังปฐมไม่ใช่ระดับเดียวกันโดยสิ้นเชิง เราได้แต่ใช้การสะสมพลังกำเนิดจำนวนมาก มาต้านทานการกัดกร่อนของพลังปฐมชั่วคราว…แม้แต่การป้องกันยังลำบาก อย่าว่าแต่โต้ตอบเลย…’ ลู่เซิ่งถอนใจ

หลังจากรวบรวมร่างมารแปดร่างครบ ก็กล่าวได้ว่าเขาได้บรรลุขอบเขตที่ในอดีตและในอนาคตไม่มีใครทำได้อีกแล้วของสำนักมารกำเนิด ทั้งยังฝึกฝนวิชาลับวิถีมารถึงจุดสูงสุดที่ไม่เคยมีมาก่อน

ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ ก็ไม่อาจป้องกันอาวุธศักดิ์สิทธิ์ได้เหมือนเดิม อย่างมากสุดก็ทนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ได้ชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น…

‘นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เราต้องการ’ ลู่เซิ่งเงียบงันพักหนึ่ง แล้วสูดหายใจลึก

‘ฝึกฝนร่างมารแปดร่างของมารกำเนิดจนสำเร็จ แต่ก็ไม่อาจบรรลุผลลัพธ์ที่เราคาดหวัง เป็นไปได้มากว่าจะเป็นเพราะคุณสมบัติของพลัง

ไม่ว่าจะฝึกฝนร่างมารให้ตายอย่างไร ก็ต้องใช้ปราณมารในธารหมอกพิษเป็นพื้นฐาน แต่ว่าปราณมารกำเนิดที่เปลี่ยนมาจากปราณมารก็เป็นแค่พลังกำเนิด ซึ่งแตกต่างกับพลังปฐมมากเกินไป ไม่ใช่ระดับเดียวกันโดยสิ้นเชิง ต่อให้จะเคลื่อนย้ายปราณมารกำเนิดอย่างไร ในความจริงก็เป็นการใช้พลังระดับกำเนิด ไปไม่ถึงระดับปฐม ดังนั้น…หากอนุมานตามนี้ ถ้าอยากจะไปให้ถึงระดับปฐม ก็ต้องฝึกฝนพลังปฐมเป็นพื้นฐาน’

ลู่เซิ่งคาดเดา

‘ถ้าหากเหมือนกับการคาดเดาของเราจริงๆ อย่างนั้นปราณมารกำเนิดต่างหากที่เป็นกุญแจสำคัญของทุกสิ่ง’ เขาพลันฉุกใจนึกถึงปราณเหลวที่ควบแน่นจากปราณภายใน

‘ลองดูก็แล้วกัน ถึงยังไงวันนี้ก็มีพลังอาวรณ์มากพอแล้ว ถ้าล้มเหลวค่อยหาใหม่’

ลู่เซิ่งหลับตาลงช้าๆ ชักนำปราณขวดสมบัติปริมาณมากให้เริ่มรวมตัวกันเพื่อฟื้นฟูกายเนื้อ

‘ดีปบลู’

กรอบสีน้ำเงินโผล่ออกมา

ลู่เซิ่งเริ่มทบทวนว่าปราณมารเปลี่ยนเป็นปราณมารกำเนิดได้อย่างไร นี่เป็นส่วนที่เป็นพื้นฐานสุดของสำนักมารกำเนิด และเป็นส่วนที่ร่างมารมีร่วมกัน

และคำตอบก็คือไฟหยิน

จากไฟหยินที่ตรึกตรองได้จากวิชาสามหยินในตอนแรก ถึงอัคคีพิษที่ลุกไหม้ในภายหลัง จริงๆ แล้วล้วนเป็นสิ่งเดียวกัน ต่างเป็นขั้นตอนสำคัญที่เอาไว้ใช้เผาปราณมาร ขจัดสิ่งแปลกปลอม และรักษาปราณมารกำเนิดเอาไว้

เมื่อจัดระเบียบวิชาลับทั้งหมดอย่างละเอียด ลู่เซิ่งก็พลันตระหนักรู้ ที่แท้ไฟหยินต่างหากที่เป็นพื้นฐานอันเปลี่ยนมาจากปราณมารซึ่งเป็นรากฐานแรกสุดของสำนักมารกำเนิด

และในการฝึกฝนวิชาลับร่างมารทั้งหมดก็มีวิชาลับที่เหมือนวิชาสามหยินอยู่ด้วย

‘อดีตสำนักมารกำเนิดมีวิชาลับเก้าสิบเก้าชนิดที่อยู่ในระดับเดียวกันวิชาสามหยิน แต่ไม่ว่าจะเป็นวิชาลับจำนวนมากที่อาจารย์ถ่ายทอดให้เรา หรือว่าร่างมารแปดร่างที่ได้มาโดยบังเอิญ ต่างก็ใช้วิชาสามหยินเป็นพื้นฐานในการเปลี่ยนแปลงเป็นปราณมารกำเนิดทั้งนั้น จะเห็นได้ว่านี่จึงเป็นพื้นฐานของสำนักมารกำเนิด’

ลู่เซิ่งยิ่งคิดยิ่งกระจ่าง ความสนใจของเขาอยู่บนกรอบกรอบหนึ่งที่ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาบนเครื่องมือปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว

[วิชาสามหยิน: ขั้นที่สาม ผลพิเศษ: ไฟสามหยิน]

นี่เป็นพื้นฐานที่เขาเคยมองข้าม แต่ตอนนี้ให้ความสำคัญอีกครั้ง

ลู่เซิ่งสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ได้เวลาพิสูจน์แล้วว่าการสันนิษฐานของเขาถูกต้องหรือไม่

ความสนใจของเขากดปุ่มปรับเปลี่ยนบนดีปบลู รอจนเครื่องมือปรับเปลี่ยนพร่ามัวเล็กน้อย เข้าสู่สภาพปรับเปลี่ยนได้ เขาก็กดปุ่มเรียนรู้ด้านหลังวิชาสามหยินเบาๆ ทันที

การเรียนรู้ระดับใหม่ไม่อาจใช้ปราณขวดสมบัติ ได้แต่ใช้พลังอาวรณ์ และพลังอาวรณ์ของเขาในตอนนี้ก็มีแปดสิบกว่าหน่วย น่าจะเรียนรู้วิชาพื้นฐานวิชาหนึ่งได้

ไม่นานนัก กรอบวิชาสามหยินก็พร่าเลือน ส่วนพลังอาวรณ์ก็เริ่มหายไปด้วยความเร็วสูง

หลายอึดใจให้หลัง กรอบก็หยุดนิ่ง เนื้อหาโผล่ขึ้นมาใหม่

[วิชาลับปริศนา: ขั้นที่สี่ ผลพิเศษ: ไฟสามหยิน เพิ่มความแข็งแกร่งแก่ไฟหยินระดับที่หนึ่ง]

‘มีผลจริงๆ ด้วย!’ แม้เพิ่งยกระดับวิชาสามหยิน แต่ลู่เซิ่งก็รู้สึกได้ว่าร่างกายเกิดอาการชา ปราณมารกำเนิดทั้งหมดลุกไหม้อย่างบ้าคลั่ง ไฟหยินที่ถูกเผาให้กำเนิดปราณมารกำเนิดที่บริสุทธิ์กว่าเดิมหลายสาย แถมปราณมารที่เกิดมาใหม่เหล่านี้ยังบริสุทธิ์กว่าเดิมไม่น้อย

พอปราณมารกำเนิดที่บริสุทธิ์แบบนี้ปรากฏ เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายก็แย่งชิงกันกลืนกินอย่างคลุ้มคลั่งเหมือนกับคนหิวกระหายที่ขาดน้ำในทะเลทราย

ปราณมารกำเนิดที่เพิ่งเกิดขึ้นมาถูกแย่งชิงกันจนหมดสิ้นทันที

‘เอาอีก!’ พลังอาวรณ์หายไปแค่สิบกว่าหน่วย ลู่เซิ่งยกระดับต่อด้วยความลิงโลด

เขายื่นมือออกมา เปลวไฟสีเขียวกลุ่มหนึ่งลุกไหม้บนฝ่ามือ นี่คือไฟหยิน กุญแจสำคัญที่ให้กำเนิดปราณมารกำเนิดและเป็นพื้นฐานวิชาลับทั้งหมดของสำนักมารกำเนิด

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+