วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์ 10-8

Now you are reading วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์ Chapter 10-8 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แม้จะเป็นการตอบโต้ที่ประชด แต่ชานก็ยังคงไม่เปลี่ยนสีหน้าและยักไหล่พร้อมกับจับแก้วเหล้าที่วางตรงหน้า

 

 

“แน่นอนว่าต้องไม่ได้สิ ข้าแย่งภรรยาของน้องชายไม่ได้หรอก แต่ถ้าเป็นภรรยาของน้องชายที่ตายไปแล้ว มันก็คนละเรื่องกันมิใช่หรือ”

 

 

ทันทีที่เขาพูดจบ แก้วเหล้าที่รยูฮาไม่ได้แตะต้องก็ลอยไปกลางอากาศและแตกละเอียดตรงกลางหน้าผากของชาน เลือดและเหล้าไหลลงมาผสมปนเปกัน ชานยังคงยิ้มและกรอกเหล้าที่กำลังจะดื่มเข้าปากไปก่อนจะเช็ดหน้าผากด้วยแขนเสื้อ

 

 

“จะบ้าหรือ ข้าเนี่ยนะ จะฆ่าน้องชายเพียงคนเดียวเพื่อแย่งภรรยา? ข้าก็แค่…บอกว่าเขาตายแล้ว หากดูจากภายนอกน่ะนะ”

 

 

“แม้ว่าฝ่าบาทจะสิ้นพระชนม์จริงๆ หม่อมฉันก็ไม่มีความคิดเช่นนั้นเพคะ แม้จะทรงข่มขู่ว่าจะปลิดลมหายใจของฝ่าบาท หากหม่อมฉันไม่ยอมรับข้อเสนอนั้น คำตอบของหม่อมฉันยังคงเหมือนเดิม ก็แค่ตายตามฝ่าบาทไป”

 

 

รยูฮามองถึงข้างในจิตใจของเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ชานเปลี่ยนทิศทางอย่างสบายๆ กับการตอบสนองที่คาดการณ์เอาไว้แล้ว ไม่สามารถแตะต้องครอบครัวหรือท่านมหาเสนาบดีได้ แต่นางยังมีครอบครัวคนละสายเลือดอยู่อีกนี่

 

 

“ข้ามีอะไรกับมินอาแล้ว ตั้งหลายครั้ง เมื่อคืนก็ด้วยนะ มินอาก็นั่งตรงที่เจ้านั่งอยู่นั่นแหละ”

 

 

“หากฝ่าบาททรงดูถูกเด็กคนนั้นอีกเพียงครั้งเดียว สิ่งที่จะเสียบบนหน้าผากของฝ่าบาทจะไม่ใช่แค่แก้วเหล้านะเพคะ”

 

 

“หากเจ้ามาเป็นพระชายาของข้า ข้าก็จะรับมินอาเข้ามาเป็นนางสนมในตำแหน่งที่สูงที่สุด แต่ถ้าหากเจ้าไม่ยอมรับล่ะก็…”

 

 

ดวงตาของชานที่อบอุ่นแต่ก็สุขุมแฝงไปด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว

 

 

“ถ้าหากหม่อมฉันทำร้ายองค์รัชทายาทที่ห้องบรรทม… จะเป็นอย่างไรเล่าเพคะ อย่างไรเสียหม่อมฉันก็เป็นเพียงลูกนกลูกตาตัวหนึ่งเท่านั้น”

 

 

การประนีประนอมอันหอมหวานที่หยิบยื่นให้พร้อมกันกับการข่มขู่ที่ไม่สามารถเลี่ยงได้ คือวิธีที่รยูฮาโปรดปราน รยูฮาที่ดูเขาออกหมดแล้วสบสายตากับชานที่ยังคงยิ้มอย่างน่าขนลุกพร้อมกับแสร้งหัวเราะ

 

 

“เจ้าเปลี่ยนไปมากนะ”

 

 

“เพคะ เป็นเพราะใครกันล่ะ”

 

 

“ข้าจะเป็นคนตัดสินชะตากรรมขององค์ชายเอง”

 

 

“ตามแต่ที่ทรงประสงค์”

 

 

มือใหญ่แตะลงบนไหล่ของรยูฮาที่ลุกขึ้นและหันหลังกลับไป แต่แขนของชานถูกหักและกดไปข้างหลังก่อนที่จะได้ดึงไหล่ของนางเข้ามา เสียงอันเยือกเย็นดังขึ้นข้างใบหูท่ามกลางความเจ็บปวดที่รู้สึกดี

 

 

“หม่อมฉันคือคนที่ฝ่าบาทไม่สามารถแตะต้องได้เพคะ โปรดทรงระมัดระวังเรื่องนี้ด้วยขณะที่องค์ชายยังทรงอยู่ในวัง”

 

 

พึงพอใจกับเบื้องหลังของรยูฮาที่สลัดแขนของเขาทิ้งไปก่อนจะหายลับไปด้านนอก ชานที่ยืนนิ่งราวกับถูกตอกตะปูติดไว้ใช้มือลูบไปบนเก้าอี้ที่รยูฮานั่งก่อนหน้านี้ ก่อนจะรินเหล้าแล้วกระดกเข้าไปรวดเดียว เสียงหัวเราะที่อดกลั้นไว้ระเบิดออกมาจากปากที่ใช้ฝ่ามือถูไปมา

 

 

“ฮ่า… ฮ่าๆ! ฮ่าๆๆ!”

 

 

เสียงหัวเราะคล้ายคนเสียสติทะลุประตูออกมาและเข้าไปในหูของเหล่าข้าราชบริพารที่ยืนสงบนิ่งอยู่ด้านนอก เนื่องจากไม่รู้ว่าเป็นเสียงหัวเราะหรือเสียงร้องไห้ พวกเขาเหล่านั้นจึงไม่มีใครกล้าเข้าไปจัดห้องบรรทมที่เพิ่งมีแขกออกมาเลยสักคน

 

 

รยูฮาที่หลุดพ้นจากชานตรงไปยังวังซึงกอนซึ่งไม่ได้แวะไปนานแทนที่จะกลับไปที่วังจงซู ภายในวังยังคงสะอาดสะอ้านเรียบร้อยแม้เจ้าของจะไม่ได้กลับมาเป็นเวลานานก็ตาม ใบหน้าของเหล่าลูกเจี๊ยบเต็มไปด้วยน้ำตาหลังจากได้พบกับนางซึ่งปรากฏตัวออกมาโดยไม่บอกไม่กล่าว

 

 

“พระชายา!”

 

 

“ตอนนี้ข้าไม่ใช่พระชายาในองค์รัชทายาทแล้วนะ”

 

 

“ฮึก ฮืออ…”

 

 

คำพูดของรยูฮาทำให้วังซึงกอนกลายเป็นทะเลน้ำตาในพริบตา สายตาของรยูฮาที่มองดูยอนฮวาซึ่งทรุดลงไปกับพื้นและร้องไห้ราวกับจะขาดใจตายนั้นลึกซึ้งกว่าเก่า คนที่รู้เรื่องในพระราชวังอย่างถ่องแท้และสามารถดูแลฮอนด้วยความเอาใจใส่ได้มากกว่าใคร

 

 

“ยอนฮวาตามข้ามา ส่วนที่เหลือถอยออกไปก่อน”

 

 

“ฮึก เพคะ พระชายา”

 

 

ยอนฮาที่ยังคงไม่สามารถหยุดร้องไห้ได้เข้ามาด้านในห้อง รยูฮานั่งลงพร้อมกับกวักมือ

 

 

“เจ้าก็นั่งลงสิ”

 

 

“เพคะ ฮึก”

 

 

รยูฮามองยอนฮวาสักพักและรอให้นางหยุดร้องไห้ก่อน พอเสียงสะอึกสะอื้นค่อยๆ เบาลงจึงส่งผ้าเช็ดหน้าให้พร้อมกับตบเบาๆ เพื่อปลอบใจ

 

 

“ข้ารับรู้ถึงความรู้สึกของเจ้ามานานแล้ว ขอโทษด้วย”

 

 

“เพคะ? หมายถึงสิ่งใด…?”

 

 

ดวงตาที่เปียกชุ่มด้วยน้ำตาเบิกโพลงในขณะที่มองรยูฮา

 

 

“ก็ที่เจ้ามีใจให้ฝ่าบาทอย่างไรเล่า แม้ข้าจะรู้แต่ก็ต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้”

 

 

“มะ…หม่อมฉันทำความผิดที่สมควรตายเพคะ!”

 

 

ทันทีที่รยูฮาพูดจบ ยอนฮวาก็เลื่อนเก้าอี้ลุกขึ้นอย่างแรงก่อนจะหมอบกราบติดกับพื้น เป็นความรู้สึกที่อยากจะมุดเข้าไปในรูหนู นังเนรคุณ กล้าดีอย่างไรถึงคิดเช่นนั้นกับสามีของเจ้านาย! เสียงของจิตใจที่รบกวนยอนฮวานับไม่ถ้วนดูเหมือนจะออกมาจากปากของรยูฮาอย่างไงอย่างนั้น ทั้งสกปรก ละอายใจและรู้สึกผิด

 

 

“ลุกขึ้นซะ ข้าไม่ได้จะตำหนิเจ้าเสียหน่อย”

 

 

น้ำเสียงของรยูฮานุ่มนวลไม่มีความโกรธเกรี้ยวหรือความรู้สึกถูกทรยศแม้แต่น้อย ยอนฮวารวบรวมความกล้า กัดปากที่ยังคงสั่นเทาและเงยหน้าขึ้น รอยยิ้มอันสง่างามที่มักจะคิดอยู่เสมอว่าช่างงดงามเหลือเกินปรากฏอยู่ตรงหน้า

 

 

“หม่อมฉันไม่เคยทำอะไรเลยเพคะ เพียงแค่มองดูอยู่คนเดียวเท่านั้น จริงๆ นะเพคะพระชายา!”

 

 

“ข้าบอกแล้วไงว่าไม่ใช่ ลุกขึ้นมานั่งซะ ข้ามีเรื่องสำคัญอยากจะขอร้องเจ้า”

 

 

เพราะว่าเป็นคำขอร้องจากพระชายา ดังนั้นจะให้ตัดแขนตัดขาก็ยอม ยอนฮวาคิดเช่นนั้นพร้อมกับลุกขึ้นมานั่ง รยูฮายิ้มให้กับแววตาอันมุ่งมั่นคู่นั้นพลางลูบหัวกลมที่เปียกเหงื่อ แม้จะไม่ค่อยชำนาญงานและร้องไห้เก่ง แต่นั่นแหละที่ทำให้นางผูกพันกับเด็กคนนี้มากเหลือเกิน

 

 

“สิ่งที่ข้าจะพูดต่อไปนี้ เจ้าห้ามแพร่งพรายออกมาจากปากเด็ดจากแม้ว่าจะถูกฆ่าตายก็ตาม เข้าใจหรือไม่”

 

 

“เพคะ พระชายา”

 

 

รยูฮาลุกขึ้นจากที่นั่ง เปิดตู้เอกสารและนำกล่องเครื่องประดับออกมา ท่ามกลางสิ่งของล้ำค่าที่หรูหราและมีราคาแพง นางหยิบแหวนคู่ซึ่งทำมาจากทองคำขาวที่ไม่สะดุดตาออกมาเท่านั้น แต่ด้านล่างนั้นมีสัญลักษณ์ของราชวงศ์ถูกสลักไว้อย่างแน่นอน เพื่อรับรองสถานภาพของผู้ที่ครอบครอง รยูฮาใส่สิ่งนั้นลงไปในถุงเล็กๆ ก่อนจะยื่นให้ยอนฮวา

 

 

“หากเกิดเรื่องฉุกเฉินขึ้นให้ส่งกระดาษสีขาวที่ไม่มีการเขียนใดๆ ส่วนถ้าหากฝ่าบาททรงฟื้นขึ้นมาให้ส่งกระดาษสีน้ำเงิน หากชีวิตของฝ่าบาทตกอยู่ในอันตรายให้ส่งกระดาษสีแดง และ…”

 

 

รยูฮาหลุบตาต่ำลงและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

 

 

“หากฝ่าบาทสิ้นพระชนม์ให้ส่งกระดาษสีดำ ข้าจะฝากคยอกรังไว้กับเจ้า เพราะฉะนั้นผูกกระดาษไว้ที่ขาของมัน สั่งให้มันไปหาข้าแล้วก็ปล่อยให้มันบินไป จงเก็บแหวนคู่วงนี้ติดตัวไว้เสมอ เอาล่ะ ไหนลองทวนสิ่งที่ข้าบอกไปเมื่อครู่อีกรอบสิ”

 

 

“เรื่องด่วน…สีขาว ถ้าฟื้นสีน้ำเงิน ถ้ามีอันตรายสีแดง ถ้าสิ้นพระชนม์สีดำ ผูกไว้ที่ขาของคยอกรัง…”

 

 

“ดีมาก”

 

 

รยูฮาพูดชมพลางตบบ่าของยอนฮวาเบาๆ และจ้องมองดวงตากลมอย่างเงียบๆ

 

 

“พระชายา ทั้งหมดนี้มันคืออะไรกันเพคะ…?”

 

 

“ฝ่าบาทจะต้องออกไปจากพระราชวัง แต่ข้ากับมินอาไม่สามารถตามไปได้ ดังนั้นเจ้าจะต้องไปดูแลฝ่าบาท”

 

 

“ทรงมอบหมายงานใหญ่ขนาดนั้นให้หม่อมฉันหรือเพคะ”

 

 

“หากฝ่าบาททรงฟื้นขึ้นมา ข้าจะให้เจ้าเข้ามาเป็นพระสนมอย่างแน่นอน ดังนั้นจงดูแลฝ่าบาทด้วยความเอาใจใส่อย่างเต็มที่ รู้ใช่ไหมว่าจากบรรดาเหล่านางในทั้งหมด ข้าเชื่อใจและโปรดปรานเจ้าที่สุด”

 

 

ถ้าเป็นยอนฮวา จะเชื่อใจและฝากดูแลได้ใช่ไหมนะ คนเรามักจะแสดงพลังที่แกร่งกล้ากว่าเดิม หากมีสิ่งตอบแทน รยูฮารู้เรื่องนั้นเป็นอย่างดีจึงจับมือของยอนฮวาไว้พร้อมกับสัญญาว่าจะตอบแทนอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่จะสามารถมอบให้ได้

 

 

“หม่อมฉันไม่ได้หวังสิ่งเหล่านั้นเลยเพคะ เพื่อที่จะตอบแทนบุญคุณของพระชายา หม่อมฉันจะอุทิศชีวิตเพื่อดูแลฝ่าบาท อย่าได้ทรงกังวลไปเลยเพคะ”

 

 

“ขอบใจเจ้ามาก เจ้าออกไปเก็บข้าวของเถอะ จะได้ออกจากวังได้ทุกเมื่อ”

 

 

ความเปล่าเปลี่ยวมาเยือนภายในห้องนอนทันทีที่ยอนฮวาออกไป รยูฮาเดินตรงไปที่เตียงนอน ห่มผ้าและหลับตาลง รู้สึกเหมือนกับว่าฮอนจะปรากฏตัวขึ้นและมุดเข้ามาในผ้าห่ม

 

 

ค่ำคืนแห่งความสุขนั้น นางไม่น่าปล่อยให้ฮอนออกไปเลย ควรจะรั้งเขาไว้ไม่ให้ไปและอ้อนให้อยู่ข้างๆ ไม่ว่าใครจะมาเรียกก็ตาม ทำไมถึงเชื่อใจเขาล่ะ คนที่ทำร้ายฮอนได้ง่ายยิ่งกว่าพระมเหสี ยิ่งกว่าพระสนมเอกมุนก็คือชาน

 

 

 

 

* * *

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด