วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์ 7-10

Now you are reading วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์ Chapter 7-10 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 7-10 

 

 

 

 

 

นางในซึ่งหวาดกลัวร้องสะอึกสะอื้นและอ้อนวอน ชานขมวดคิ้วยกขวดเหล้าขึ้นมา ดูจากนิสัยพระสนมต่อให้นางในคนนี้เป็นเครื่องมือคลายความโกรธก็คงยังไม่พอ แม้จะแสร้งทำเป็นไม่รู้ได้ แต่ชานก็ไม่ใช่คนที่จะนิ่งดูดายเรื่องพวกนี้ได้ ในพระราชวังอันกว้างใหญ่ โชคร้ายที่หญิงสาวถูกจัดให้มาอยู่ที่วังซูอัน แต่นั้นก็ไม่ใช่ความผิดนางไม่ใช่หรือ 

 

 

“…ไปกันเถอะ” 

 

 

ชานเปิดประตูออกอย่างแรงจนเหล่านางในพากันตกใจก้มหน้าลง ทั้งที่เป็นองค์ชายผู้ซึ่งอ่อนน้อมและสะอาดสะอ้านอยู่เสมอจึงนึกว่าคงไม่ได้เห็นท่าทางของพระองค์ในชุดที่ปล่อยละหลวม ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้ปฏิเสธว่ามีกลิ่นเหล้าฟุ้งออกมา แต่ขวดเหล้าที่ถืออยู่ในมือจะพูดว่าอย่างไรดี 

 

 

“ยืนทำอะไรอยู่ ไหนว่าหัวจะหลุดออกจากบ่า?” 

 

 

“อ้า เพคะ ขอประทานอภัยเพคะ” 

 

 

นางในที่ยืนมึนงงมองเขาอยู่พยายามตั้งสติแล้วรีบเร่งฝีเท้ามายืนข้างหน้า เหมือนได้ยินเสียงซุบซิบดังมาจากคนใช้ในพระราชวัง แล้วจะเป็นอะไรไปล่ะ คนที่เขาอยากดูดีในสายตามีแค่คนเดียวอยู่แล้ว 

 

 

“พระสนม องค์ชายสอง…” 

 

 

ก่อนที่นางในจะได้พูดจบ ชานผู้ซึ่งจับประตูไว้ด้วยตัวเองก็กลั้นหายใจไปชั่วขณะ กลิ่นนั้นยังคงอยู่ดังเดิม ภายในปั่นป่วนเพราะกลิ่นคาวเลือดที่ฟุ้งขึ้นท่ามกลางกลิ่นน้ำมันหอมและแป้ง 

 

 

“องค์ชาย ทำไมอยู่ในสภาพเช่นนี้ บอกว่าเป็นหัวหน้ากองโจรก็คงเชื่อ!” 

 

 

“จะเป็นอะไรไป ไม่มีใครว่าอะไรอยู่แล้ว พูดธุระมาเถิดพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

ชานนั่งลงบนเก้าอี้ลวกๆ แล้วส่งสายตาไม่พอใจออกไป พระสนมมุนมองปราดไปยังลูกชายตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แต่มองไม่ออกว่าเขาเมาเหล้ากรึ่มๆ 

 

 

“องค์ชายถึงวัยออกเรือนแล้วแต่ก็ยังไม่ได้พบคู่ครอง แม่คนนี้จึงรู้สึกไม่สบายใจ” 

 

 

“แค่ไม่สบายพระทัยเรื่องคู่ครองของกระหม่อมเลยเรียกหากลางดึกหรือพ่ะย่ะค่ะ จัดพิธีได้เลยพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่พาหญิงสาวที่เหมาะสมมาแล้วพรุ่งนี้ก็จัดงานได้เลยพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

สายตาดูสบายๆ ของพระสนมมุนที่มองมายังชานที่อยู่ในอาการเมายังคงอยู่ที่ขวดเหล้าอย่างไม่ละสายตา 

 

 

“แบบนั้นไม่ได้สิ การอภิเษกสมรสเป็นเรื่องใหญ่ที่ทำครั้งเดียวในชีวิตไม่ใช่หรือไร แม่ปรารถนาให้องค์ชายร่วมทุกข์ร่วมสุขกับหญิงอันเป็นที่รักไปตลอดชีวิต” 

 

 

คำพูดนั้นทำให้รู้สึกหนาวเย็นไปตามแนวกระดูกสันหลัง ทั้งคำพูดที่ว่าเป็นที่รัก ทั้งคำว่าร่วมทุกข์ร่วมสุข ล้วนไม่ใช่คำพูดที่จะออกมาจากปากของผู้เป็นแม่ของเขา  

 

 

“มีแผนอะไรในใจหรือพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

พระสนมมุนแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้วก็ไม่มีคำตอบให้ไปสักครู่หนึ่ง ก่อนจะมองตาลูกชายตรงๆ แล้วยกยิ้มเล็กน้อย 

 

 

“จะทำอย่างไรดี มีหญิงที่ถูกตาต้องใจบ้างหรือไม่เล่า” 

 

 

“ถ้าจะพูดเรื่องไร้ประโยชน์ กระหม่อมขอตัวก่อน” 

 

 

ชานเผยความรู้สึกอึดอัดใจและไม่เป็นมิตรออกมาทั้งอย่างนั้นแล้วลุกขึ้นจากที่นั่ง แต่น้ำเสียงของพระสนมมุนที่พูดต่อไปและเล็บอันแหลมคมก็เกี่ยวปกเสื้อของเขาไว้ 

 

 

“องค์ชายชอบลูกพลับใช่หรือไม่ แต่ไม่รู้หรือว่าลูกพลับน่ะยิ่งอยู่สูงก็ยิ่งดูน่าอร่อยแล้วก็ยิ่งดูน่าอยากได้” 

 

 

‘โธ่เว้ย!’ คำสบถเล็ดลอดออกมาจากช่องฟันเบาๆ แต่พระสนมมุนไม่สนใจ ลูกชายที่เคยอ่อนน้อมและหนักแน่นอยู่เสมอดูจะเสียหลักไปเรื่อย ดูท่าแล้วความลึกซึ้งในใจของเขาคงไม่ธรรมดา ซึ่งสำหรับนางแล้วเขายิ่งรู้สึกลึกซึ้งยิ่งดี  

 

 

“เพราะลูกพลับที่อยู่ปลายยอดมันดูน่าอร่อยอย่างไรเล่า แต่อย่างไรเสียหากขึ้นไปบนยอดก็เด็ดลงมาได้ ไม่ใช่จะมาเหลือไว้เพื่อให้กากิน ไม่ใช่หรือ” 

 

 

ดวงตาของลูกชายที่แดงก่ำกับดวงตาของแม่ที่เย็นเป็นน้ำแข็งปะทะกัน เพล้ง ขวดเหล้าที่ชานเขวี้ยงลงบนพื้นแตะกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนเศษแก้วที่กระเด็นไปทั่วเชือดเฉือดสายตานั้นไป เขาหันหลังไปอย่างแรงราวกับจะสะบัดน้ำเสียงของพระสนมมุนที่ติดอยู่ตรงเสื้อออกไป จากนั้นจึงกลับเข้าที่พักฝังตัวนิ่งอยู่บนที่นอน 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด