วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์ 5-4

Now you are reading วุ่นรักบุปผาร้อยเล่ห์ Chapter 5-4 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 5-4

 

 

 

ฮอนเอนอยู่บนเตียงนอนแต่กลับข่มตาหลับไม่ลง เอาแต่พลิกไปทางนั้นทีทางนี้ที สักพักก็กอดหมอนแล้วเดี๋ยวก็ปล่อย มีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ไม่เคยจิตใจว้าวุ่นเช่นนี้มาก่อน ไม่สิ เรื่องของใจเป็นอันดับสอง สถานการณ์ตอนนี้มันคลุมเครือจนไม่รู้ว่าจะคิดเรื่องนี้ได้หรือไม่

 

 

เพิ่งเอาชีวิตรอดมาได้จากการถูกลอบฆ่าอย่างหวุดหวิด มีคนตาย ระหว่างหนีก็มีคนถูกฆ่า นี่คือร่องรอยในตอนนี้ของสนมคนโปรด ไหนพระชายาจะปลอมเป็นชายตระเวนตามหาสนมคนโปรดของเขาไปทั่วทั้งภูเขา และไหนจะเรื่องที่เสด็จพี่กำลังแอบเฝ้าคิดถึงพระชายาของตนอีก

 

 

“โอ๊ย ปวดหัว”

 

 

ฮอนขว้างหมอนที่ก่อนหน้านี้พลิกกลับไปมาซ้ายขวาทิ้งไปแล้วลุกพรวดขึ้นนั่ง ไม่รู้ว่าป่านนี้แชยอนจะกินข้าวได้ไหม จะนอนที่ไหน พอคิดได้เช่นนั้นใจมันก็พานไม่สบายใจ ในขณะเดียวกันก็เก็บซ่อนความรู้สึกหึงหวงที่ชานมองไปยังรยูฮาไว้ได้ยากลำบากเหลือเกิน ยิ่งไปกว่านั้นทั้งคู่ที่เป็นคู่ปรับเหมือนหมากับแมวหมู่นี้กลับสนิทกันมากขึ้น ท้ายที่สุดเพื่อที่จะได้ลืมความคิดเหล่านี้เขาก็ส่งเสียงออกไปทางด้านนอก

 

 

“จูฮวานอยู่ข้างนอกหรือไม่”

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

 

 

“ไปเอาเหล้ามาสักขวด ข้าจะดื่มแล้วค่อยนอน”

 

 

“รอสักครู่พ่ะย่ะค่ะ”

 

 

เสียงฝีเท้าของจูฮวานผู้ซึ่งตอบรับเสียงดังเพราะติดนิสัยอยู่วังมานานค่อยๆ ไกลออกไป ฮอนนั่งอยู่อย่างนั้นจ้องมองไปยังแสงตะเกียงที่สั่นไหวไปมาจนอีกฝ่ายกลับมาอีกครั้ง เป็นนิสัยใหม่ที่เพิ่งมาเป็นช่วงนี้ เวลาผ่านไปประตูที่ปิดอยู่ก็ถูกเปิดออก แต่คนที่ปรากฏตัวขึ้นตรงนั้นไม่ใช่ทั้งคนรับใช้และไม่ใช่จูฮวาน

 

 

“หม่อมฉันจะรินเหล้าถวายเพคะ”

 

 

รยูฮาวางถาดเล็กๆ ที่ถูกอยู่ในมือลงบนโต๊ะแล้วยิ้มหวานไปทางฮอน อาจจะเป็นเพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จเส้นผมที่ยังไม่แห้งดีจึงตกลงมาอยู่บนไหล่ของนาง ผิวชื้นดูมันเงาเป็นพิเศษ ฮอนลืมตัวจ้องมองหญิงสาว สักครู่จึงตั้งสติได้แล้วมานั่งตรงเก้าอี้

 

 

“พระชายามาได้อย่างไร”

 

 

“พออาบน้ำเสร็จระหว่างทางมาห้องบรรทมของฝ่าบาทก็เจอกับขันที เห็นกำลังเตรียมโต๊ะเหล้าถวายหม่อมฉันจึงบอกว่าจะนำมาถวายเองแล้วให้ไปพักผ่อนเพคะ”

 

 

ริมฝีปากที่ส่งยิ้มหวานมาอีกครั้งแดงก่ำเป็นพิเศษ ยิ่งไปกว่านั้นคำว่าอาบน้ำ ห้องบรรทม แล้วยังคำว่าเหล้า คำพูดธรรมดาแต่ทำไมพอออกมาจากปากรยูฮามันถึงได้ดูเชิญชวนเช่นนี้ ฮอนพยายามควบคุมให้หัวใจเต้นตามปกติแล้วยกขวดเหล้ารินเหล้าลงในแก้วของรยูฮา

 

 

“วันนี้ทำไมเจ้าใจดีนักเล่า”

 

 

“หากไม่ชอบ หม่อมฉันก็จะไม่ใจดีแล้วเพคะ”

 

 

รยูฮายกแก้วเหล้ารินใส่ปากแล้วขยับตัว ปลายนิ้วของฮอนรีบเกี่ยวชายเสื้อสีขาวไว้

 

 

“ไม่ ไม่ใช่ว่าข้าไม่ชอบ”

 

 

“แสดงว่าชอบงั้นหรือเพคะ”

 

 

ตอนนี้แม้แต่หางตาของรยูฮาก็ดูยั่วยวน นางสัมผัสลงบนมือของฮอนที่จับชายเสื้อของตัวนางเองไว้ แล้วเขยิบมานั่งใกล้เข้าไปอีก ฮอนตกใจรีบชักมือกลับเหลือแค่นิ้วก้อยที่ยังเกี่ยวอยู่กับมือของรยูฮา สิ่งนั้นยิ่งทำให้รู้สึกแปลกๆ และมุ่งความสนใจไปหา

 

 

“ไม่ ชอบสิ ก็ชอบอยู่หรอก…”

 

 

ตอนนี้ข้ากำลังพูดอะไรออกไปกัน ฮอนไม่ได้ดื่มเหล้าแต่กลับหายใจลึกเพราะสติเริ่มเลอะเลือนและพูดจาติดขัด

 

 

“เอ่อ พระชายา ใกล้กันเช่นนี้ไม่เป็นการฝืนใจเจ้าหรือ”

 

 

ฮอนที่ตัวแดงลามไปถึงกกหูใช้มืออีกข้างที่เหลือคลำหาแก้วเหล้า ทำไมนิ้วที่เหลือหนึ่งนิ้วนั้นถึงไม่มีแรง เป็นเรื่องที่ไม่อาจรู้ได้เลย

 

 

“ยังไม่ได้จับกันเลยนะเพคะ ทรงความรู้สึกไวไปแล้วเพคะ ว่าแต่หาสิ่งนั้นมาหรือยังเพคะ ฝ่าบาท”

 

 

“เจ้าหมายถึงสิ่งใด”

 

 

“ฝ่าบาททรงตรัสว่าจะเอาสิ่งที่หม่อมฉันต้องการมาให้ไม่ใช่หรือเพคะ หากเอาสิ่งนั้นมา…”

 

 

เสน่ห์อันน่าหลงใหลออกมาจากน้ำเสียงของรยูฮาที่ลดต่ำลง

 

 

“ฝ่าบาทก็ทำคืนแรกของเราให้สมบูรณ์”

 

 

มือที่ดึงออกมาจากรยูฮาด้วยความตกใจถูกยกขึ้นปิดหน้าแล้วถูขึ้นลงไปมา เป็นหลักฐานชั้นเยี่ยมที่แสดงว่าฮอนตกอยู่ในอาการตื่นตระหนก

 

 

“ตอนนั้นเจ้าฟังอยู่…หรอกหรือ”

 

 

“แน่นอนสิเพคะ มันคือคำสารภาพที่ฝ่าบาททรงรวบรวมความกล้าตรัสออกมาไม่ใช่หรือเพคะ”

 

 

รยูฮายกขวดเหล้ารินลงบนแก้วของฮอน จากนั้นก็เติมลงในแก้วตัวเอง ก่อนจะยกมันขึ้นจรดริมฝีปากส่งเหล้าผ่านเข้าไป ลิ้นของหญิงสาวที่ยกเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวแลบออกมาเลียริมฝีปากแดงอย่างเอร็ดอร่อย เป็นภาพที่ฮอนไม่กล้ามองตรงๆ ได้แต่ก้มหน้าก้มตาจัดการเหล้าในส่วนของตัวเองให้หมด แม้ว่าเหล้าจะแรงแต่ไม่คิดว่ามันขมเลย

 

 

“กลับไปได้แล้ว ข้าอยากพักเสียหน่อย”

 

 

“เหล้ายังเหลืออยู่เลยนะเพคะ ฝ่าบาท”

 

 

ในชั่วพริบตาสายตาอันเหนื่อยอ่อนของรยูฮาเป็นประกายไปทางบางอย่าง แต่ว่าฮอนหันหน้าไปพอดีจึงไม่ทันรู้สึกอะไร รยูฮากวาดสายตาไปรอบๆ อย่างเงียบๆ แล้วลุกจากที่นั่งไปทางเตียง

 

 

“ฝ่าบาทมาทางนี้เร็วเพคะ หม่อมฉันร่างกายไม่ค่อยจะสู้ดี…ฝ่าบาทต้องช่วยแล้วล่ะเพคะ”

 

 

แสงจากโคมไฟที่กระเพื่อมไหวส่องประกายไปทางเอวของรยูฮาที่นอนคว่ำหน้าลง ฮอนยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วหายใจลึกอีกครั้งก่อนขึ้นไปบนเตียง เขาวางมือลงบนเอวนั้นอย่างแผ่วเบาแล้วออกแรงกด

 

 

“อ้า ฝ่าบาท ดีจังเลยเพคะ…”

 

 

มือที่วางทาบบนเสื้อผ้าบางเบาของรยูฮาไล่เรื่อยไปตั้งแต่เอว แผ่นหลัง ไหล่แล้วก็คอ เสียงที่ดังออกมาเป็นระยะกระทบเข้าที่ใบหูของฮอน และกลิ่นหอมประหลาดจากผมที่ยังไม่แห้งดีนั้นก็เข้ามาจั๊กจี้ตรงปลายจมูก เป็นกลิ่นที่เย็นเกินไปถ้าจะบอกว่าเป็นดอกไม้แต่ก็ไม่ใช่น้ำมันหอม เป็นกลิ่นที่เข้ากันราวกับทำมาจากกลิ่นของรยูฮา

 

 

“พระชายาอาบน้ำด้วยอะไร ทำไมกลิ่นถึงได้หอมเช่นนี้”

 

 

“หม่อมฉันไม่ได้ใส่อะไรลงในน้ำที่อาบเลยเพคะ ถ้าถามว่าเป็นกลิ่นอะไรก็คงเป็นกลิ่นจากตัวหม่อมฉันเพคะ”

 

 

กลิ่นจากร่างกาย ฮอนพยักหน้าราวกับลุ่มหลงไปกับคำนั้นแล้วสูดเข้าไปเต็มปอด เขาเพิ่มแรงลงบนมือที่อยู่ตรงเอวของหญิงสาวอย่างเป็นไปเองตามธรรมชาติ ฮอนไม่อาจเอาชนะความอยากได้ เขาจุมพิตลงกระหม่อมของหญิงสาวและเตรียมพร้อมที่จะโดนตีกลับมา แต่สิ่งที่ตอบกลับมาแทนที่จะเป็นคำพูดทิ่มแทงหรือฝ่ามือ กลับเป็นเสียงกระซิบแผ่วเบาที่ซัดเข้ามาเหมือนคลื่น

 

 

“ดับไฟหน่อยเพคะ ฝ่าบาท”

 

 

 

 

* * *

 

 

 

 

เปลือกตาของแชยอนที่นอนบนเตียงราวกับตายไปแล้วขยับไปมาแล้วก็ค่อยๆ ยกขึ้น ความทรงจำสุดท้ายคือโฮจินลูบหัวด้านหลังให้อย่างอ่อนโยน แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาตรงกระดาษกรุหน้าต่างทำให้ภายในห้องสว่าง แต่ก็ไม่เห็นวี่แววของคนภายในห้องเลย พอรู้อย่างนั้นแชยอนก็พยายามตั้งสติและตอนที่กำลังขยับตัว โฮจินก็เปิดประตูเข้ามาพอดี

 

 

“ตื่นแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ ตั้งใจว่าจะมามองหน้าท่านตอนหลับเลยรีบกลับ น่าเสียดายจริง”

 

 

“มาได้อย่างไร…ไม่สิ ท่านไปไหนมาหรือ”

 

 

“กระหม่อมไปเดินรับลมยามค่ำคืนมาน่ะพ่ะย่ะค่ะ รู้สึกอย่างไรบ้าง ดูเหมือนท่านจะกลัว กระหม่อมเลยช่วยกล่อมให้ อ้า…เสียดายท่านไม่ได้ออกไปด้วยกัน”

 

 

ความทรงจำในหัวของแชยอนที่มันพร่ามัวค่อยๆ กลับมาทีละเล็กทีละน้อย เรื่องข่าวการเสด็จขององค์รัชทายาทที่ได้ยินในร้านอาหาร จูบของเขาที่ทำให้ความยินดีแตกออกเป็นเสี่ยงๆ คำพูดที่โหดร้าย แล้วก็…

 

 

‘ฝ่าบาทไม่ใช่คนเช่นนั้นงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ถ้าเช่นนั้นเชิญดูให้เต็มสองตา”’

 

 

เสียงกระซิบสุดท้ายของโฮจินลอยขึ้นมาในหัว มันทำให้ขนลุกเหมือนโดนสาดด้วยน้ำเย็น แชยอนดึงผ้าห่มออกทันทีแล้วตะโกนขึ้นอย่างใจร้าย

 

 

“ไม่เอา! ช่วยส่งข้าไปให้ฝ่าบาทที!”

 

 

ท่าทางเหมือนแมวตัวเมียกำลังสั่งลูก โฮจินยักไหล่ราวกับเห็นว่าเป็นเรื่องน่ารักแล้วยื่นห่อสีดำให้กับหญิงสาว

 

 

“แน่นอนอยู่แล้ว กระหม่อมจะไปส่งเดียวนี้แล้วพ่ะย่ะค่ะ เปลี่ยนใส่เสื้อผ้าพวกนี้เสีย”

 

 

แชยอนทำหน้าเหยเกเมื่อรับสิ่งนั้นมาอย่างลังเลแล้วเปิดออกดู ใน**บห่อคือชุดเครื่องแบบสีดำขนาดพอดีตัว เป็นสิ่งของที่โฮจินได้รับมาหลังจากถูกทุบตี แต่แชยอนไม่มีทางได้รู้ความจริงข้อนั้น

 

 

“ให้ข้าใส่ชุดนี้ไปหาฝ่าบาทหรือ”

 

 

“ตอนนี้เราถูกไล่ล่าอยู่ ยังมีความคิดจะสวมชุดผ้าไหมอย่างเปิดเผยอยู่อีกหรือพ่ะย่ะค่ะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด