โลกแห่งนี้ที่มีเพียงฉัน 12 ชายชรา

Now you are reading โลกแห่งนี้ที่มีเพียงฉัน Chapter 12 ชายชรา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 12 ชายชรา

 

   [ตัวเอก]

 

   ฉันออกจากบ้านไปพร้อมกับทิศ ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงสามชั่วโมงก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าร้านข้าวมันไก่ ดูเหมือนนี่จะเป็นร้านของพ่ออีกฝ่าย พูดถึงข้าวมันไก่ ไม่ได้กินนานแล้วนะ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ครั้งล่าสุดที่มีเงินไปกิน น่าจะประมาณปีก่อน มั้งนะ

 

   “พ่อ นี่พี่ชายผมเอง”

 

   ชายอ้วนเดินเข้าไปพูดกับชายวัยกลางคน ก่อนชี้มาทางฉัน ใครเป็นพี่ชายของนายกัน? ฉันไปเป็นพี่ชายของนายตั้งแต่ตอนไหน? ไม่เห็นรู้เรื่องเลย แต่ ช่างเถอะ ยังไงก็ไม่ได้เสียอะไรอยู่แล้ว และการมีความสัมพันธ์อันดีกับทิศก็ไม่ได้แย่อะไร

 

   “เธอคือซีสินะ?”

 

   ชายวัยกลางคนบอกให้พนักงานทำอาหารให้ลูกค้าแทนตน จากนั้นเขาก็เดินมาทางฉัน จะเริ่มต้นพูดคุยกันอย่างไรดีนะ? คุยแบบปกติดีรึเปล่า? หรือแบบสุภาพมากๆ? ไม่ดีกว่า เป็นตัวของตัวเองคงดีสุดแล้ว ไม่ว่าในสถานการณ์ไหน ยังไง ฉันก็จะเป็นตัวฉัน ตลอดไป ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเด็ดขาด

 

   “ใช่ครับ ได้ยินจากทิศว่าคุณสนใจผม สนใจผมเรื่องอะไรงั้นเหรอครับ?”

 

   ฉันตอบคำถามเขาไป และถามคำถามกลับ ค่อนข้างอยากรู้ว่าทำไมฝ่ายตรงข้ามถึงสนใจคนอย่างฉัน ถามไปน่าจะไม่เป็นอะไรหรอก คงไม่มีปัญหา

 

   “เธออยากจะมาทำงานที่ร้านฉันมั้ย? ร้านฉันกำลังขาดคนอยู่พอดีเลย นอกจากจะได้เงินเดือนแล้ว เธอยังได้อีกเยอะ อาหารเช้า กลางวัน เย็น เธอสามารถกินได้ฟรี ไม่ต้องจ่ายเงินสักบาท”

 

   พ่อของทิศไม่ได้ตอบคำถามของฉัน เขาเปลี่ยนเรื่องด้วยการพูดชวนทำงานที่ร้าน แค่นี้อย่างงั้นเหรอ? เขาไม่น่าจะอยากเจอฉันเพียงเพราะต้องการชวนทำงานที่ร้าน ต้องมีอะไรบางอย่างแน่ๆ แล้วฉันควรตอบตกลงเขาไปดีไหมนะ?

 

   ถ้าตอบตกลง ฉันจะได้งาน ยิ่งกว่านั้น ฉันจะมีเงิน สามารถทำหลายสิ่งหลายอย่างได้ ยกตัวอย่างก็เช่น ซื้อหนังสือที่มีประโยชน์มาอ่าน ใช้เงินซื้อคอร์สเรียน เพิ่มความสามารถให้มากกว่าเดิม การทำงานที่ร้านพ่อของทิศ เห็นได้ชัดว่าเต็มไปด้วยข้อดีมากมาย

 

   ทว่าหากตอบตกลงไป สิ่งที่ฉันสูญเสียจะเป็นสิ่งที่มีค่าสุดๆ นั่นคือเวลา ฉันจะไม่มีเวลาฝึกเล่นกีตาร์ หรืออ่านหนังสือเขียนโปรแกรมเท่าเดิม ก็จริงที่มีตัวฉันในอีกโลกอยู่ แต่การสูญเสียเวลาก็เป็นเรื่องที่ต้องคิดหนักอยู่ดี

 

   จริงๆสิ่งที่ต้องสูญเสียเพื่อแลกกับสิ่งที่ดี มันไม่ได้มีแค่เวลา ยังมีเรื่องอิสระ และอื่นๆ อยู่อีก การตอบรับพ่อของทิศนั้นยากพอสมควร ฉันไม่อาจตัดสินใจภายในระยะเวลาสั้นๆได้ จำเป็นต้องใช้เวลาคิดตัดสินใจพอสมควร ไม่งั้น ถ้าตัดสินใจผิดพลาดลงไป ฉันคงจะนั่งร้องไห้เสียใจภายพลัง

 

   “ขอผมใช้เวลาคิดสักสองสามวันนะครับ”

 

   สถานการณ์แบบนี้ พูดไปแบบนั้นดีที่สุดแล้ว ตัดสินใจทันทีไม่ใช่เรื่องดี ฉันต้องใช้ความรอบคอบ ความระมัดระวัง และเวลา ในการคิดตัดสินใจสิ่งสำคัญที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิต

 

   “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจเธอ ตัดสินใจตอนนี้คงยากเกินไปใช่มั้ยล่ะ? ไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่บังคับเธอ”

 

   “ครับ ขอบคุณครับ”

 

   “เห็นรึยังพ่อ? พี่ชายน่ะเป็นคนที่ระวัง แถมยังไม่ประมาทอีก เขาน่ะเป็นคนที่ใช้ได้เลยใช่มั้ย?”

 

   หลังฉันพูดจบไม่นาน ทิศก็พูดขึ้นด้วยดวงตาแฝงความเคารพ นับถือ ทำไมเป็นขนาดนี้นะ? ฉันไม่เห็นจำได้เลยว่าไปทำอะไรให้เจ้านี่นับถือ แปลกจริงๆ หรือฉันทำไปโดยไม่รู้ตัวกัน? คงเป็นแบบนั้น ทว่าทำอะไรล่ะ? นึกไม่ออกแม้แต่น้อย

 

   “ไหนๆเธอก็มาที่นี่แล้ว ทำไมไม่ลองมากินข้าวมันไก่ร้านฉันดูล่ะ? แน่นอน สำหรับเธอ มันฟรี”

 

   “จะดีเหรอครับ? งั้นเอโค ผมไม่เกรงใจนะ”

 

   ไม่รู้หรอกว่าเขาต้องการอะไร มีคนที่นิสัยดีอย่างงี้บนโลกได้อย่างไร แต่ในเมื่ออีกฝ่ายชวนกินแล้ว อีกทั้งไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าอาหารอีก ฉันคงจะไม่ทำตามที่เขาต้องการไม่ได้

 

   ข้าวมันไก่ร้านของพ่อทิศอร่อยมากๆ บางที อาจจะเพราะฉันไม่ได้กินนานด้วยแหละ พอกินอาหารเสร็จ ฉันก็ฝึกเล่นกีตาร์ต่อ ไม่ได้ทิ้งกีตาร์ไว้ที่บ้าน ความคิดของฉันคือ ควรใช้เวลาทุกวินาทีให้มีประโยชน์ ว่างก็ฝึกพัฒนาตัวเอง ไม่ปล่อยเวลาอันลํ้าค่าหายไปโดยเปล่าประโยชน์

 

   ต่างจากวันก่อน ฉันเล่นกีตาร์ได้ดีขึ้นเยอะ ณ ตอนนี้ ถือว่าเล่นพอได้แล้ว ทิศและพ่อของเขาก็ชมไม่หยุดเลย บอกว่าฉันมีพรสวรรค์ในด้านนี้สุดๆ พวกเขาไม่รู้ความจริง แท้จริง ฉันไม่ได้มีพรสวรรค์ใดๆทั้งนั้น มันเป็นเพราะเวลาที่มีเยอะยิ่งกว่าคนอื่นๆ ไม่ใช่เพียงเท่านั้น ฉันยังมีความรู้ที่ได้จากหนังสือความลับแห่งมหาสมุทรอีก แค่ทั้งสองสิ่งที่บอกไป พวกมันก็มากพอทำให้ฉันเหนือคนธรรมดาทั่วไป ส่วนจะเทียบกับอัจฉริยะได้หรือไม่ อันนี้ฉันไม่รู้ ที่คิด น่าจะไม่อาจเทียบได้ อัจฉริยะตัวจริง ยังไงก็คืออัจฉริยะ แตกต่างจากคนธรรมดาแบบฉัน

 

   “คุณเล่นดีจัง”

 

   ลูกค้าผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยปากชมฉัน ไม่นับ ทิศกับพ่อของเขา คนอื่นๆก็ชมเช่นฉันกัน แต่รู้สึกว่าความสามารถในปัจจุบันของฉัน มันยังไม่มีค่าพอให้ชม เทียบกับคนเล่นกีตาร์คนอื่นๆ ฉันมือใหม่เกินไป ต้องเรียนรู้ เก็บประสบการณ์อีกมาก ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ขอรับคำชมก็แล้วกัน ยังไงมันก็เป็นกำลังใจทำให้ตัวฉันพัฒนายิ่งขึ้น

 

   “ขอบคุณครับ”

 

   ฉันเล่นกีตาร์ไปเรื่อยๆ พอมีกำลังใจก็รู้สึกอย่างเล่นต่อไม่หยุด คล้ายมีเรี่ยวแรงไม่จำกัด เป็นความรู้สึกที่น่าอัศจรรย์ เล่นกีตาร์ที่นี่ไม่เลวเลย แตกต่างจากเล่นที่บ้าน หรือเล่นที่อีกโลก พอสมควร นี่คือความแตกต่างของการเล่นให้คนอื่นฟังกับเล่นให้ตัวเองฟังสินะ

 

   ยามเย็น เล่นกีตาร์มากไปหน่อย ตัวฉันไม่มีเรี่ยวแรงสักนิด เหนื่อยสุดๆ ตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ เหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าซึ่งมองไม่เห็นดวงตะวันแล้ว เวลาเดียวกัน ความคิดหลากหลายพลันปรากฏขึ้นในทะเลความคิด ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ วันนี้… มีความสุขจังนะ

 

/

/

/

/

 

   ณ เวลานี้ ฉันกำลังเดินอยู่บนทางเท้า มันค่อนข้างใช้เวลานิดหน่อยในการเดินกลับบ้าน กลับดึกไปหน่อย พ่อกินหรือยังนะ? พ่อคงไม่เป็นห่วงใช่มั้ย? ฉันน่าจะกลับให้เร็วกว่านี้

 

   “คำสาป และโชคชะตาที่ไม่อาจแปรเปลี่ยน”

 

   ขณะที่เดินอยู่ บังเอิญไปได้ยินใครสักคนพูดคำพูดแปลกๆ ใครกัน? รอบข้างไม่มีคนหนิ ฉันหันมองทั่วบริเวณ ไม่เห็นสักชีวิต หรือฉันจะเหนื่อยเกินไป? คงงั้นแหละ คิดอย่างนั้น ฉันเดินกลับบ้านต่อ

 

   “พ่อหนุ่ม เธอพอมีเวลาว่างสักนาทีสองนาทีรึเปล่า?”

 

   เดินไม่นาน ฉันก็ได้ยินเสียงเดิมที่เคยได้ยินก่อนหน้า เสียงมาจากทางด้านหลัง หันกลับไปพลันพบชายชราคนหนึ่ง ดูอายุเยอะแล้ว ทว่าราวกับสุขภาพร่างกายยังแข็งแกร่ง ไม่ยํ่าแย่ตามอายุที่มากเลย เหมือนตอนหนุ่มๆดูแลตัวเองดีทีเดียว

 

   ชายชราใส่ชุดคลุมสีเทาแปลกๆ ไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่ ฉันต้องการจะพูดตอบไปว่าไม่ แต่คล้ายมีอำนาจบางอย่างทำให้ฉันไม่อาจทำเช่นนั้นได้ สุดท้ายก็ต้องอีกอย่าง มันเกิดอะไรขึ้นนะ?

 

   “มีครับ ทำไมเหรอ?”

 

 

   

   

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

โลกแห่งนี้ที่มีเพียงฉัน 12 ชายชรา

Now you are reading โลกแห่งนี้ที่มีเพียงฉัน Chapter 12 ชายชรา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 12 ชายชรา

 

   [ตัวเอก]

 

   ฉันออกจากบ้านไปพร้อมกับทิศ ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงสามชั่วโมงก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าร้านข้าวมันไก่ ดูเหมือนนี่จะเป็นร้านของพ่ออีกฝ่าย พูดถึงข้าวมันไก่ ไม่ได้กินนานแล้วนะ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ครั้งล่าสุดที่มีเงินไปกิน น่าจะประมาณปีก่อน มั้งนะ

 

   “พ่อ นี่พี่ชายผมเอง”

 

   ชายอ้วนเดินเข้าไปพูดกับชายวัยกลางคน ก่อนชี้มาทางฉัน ใครเป็นพี่ชายของนายกัน? ฉันไปเป็นพี่ชายของนายตั้งแต่ตอนไหน? ไม่เห็นรู้เรื่องเลย แต่ ช่างเถอะ ยังไงก็ไม่ได้เสียอะไรอยู่แล้ว และการมีความสัมพันธ์อันดีกับทิศก็ไม่ได้แย่อะไร

 

   “เธอคือซีสินะ?”

 

   ชายวัยกลางคนบอกให้พนักงานทำอาหารให้ลูกค้าแทนตน จากนั้นเขาก็เดินมาทางฉัน จะเริ่มต้นพูดคุยกันอย่างไรดีนะ? คุยแบบปกติดีรึเปล่า? หรือแบบสุภาพมากๆ? ไม่ดีกว่า เป็นตัวของตัวเองคงดีสุดแล้ว ไม่ว่าในสถานการณ์ไหน ยังไง ฉันก็จะเป็นตัวฉัน ตลอดไป ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเด็ดขาด

 

   “ใช่ครับ ได้ยินจากทิศว่าคุณสนใจผม สนใจผมเรื่องอะไรงั้นเหรอครับ?”

 

   ฉันตอบคำถามเขาไป และถามคำถามกลับ ค่อนข้างอยากรู้ว่าทำไมฝ่ายตรงข้ามถึงสนใจคนอย่างฉัน ถามไปน่าจะไม่เป็นอะไรหรอก คงไม่มีปัญหา

 

   “เธออยากจะมาทำงานที่ร้านฉันมั้ย? ร้านฉันกำลังขาดคนอยู่พอดีเลย นอกจากจะได้เงินเดือนแล้ว เธอยังได้อีกเยอะ อาหารเช้า กลางวัน เย็น เธอสามารถกินได้ฟรี ไม่ต้องจ่ายเงินสักบาท”

 

   พ่อของทิศไม่ได้ตอบคำถามของฉัน เขาเปลี่ยนเรื่องด้วยการพูดชวนทำงานที่ร้าน แค่นี้อย่างงั้นเหรอ? เขาไม่น่าจะอยากเจอฉันเพียงเพราะต้องการชวนทำงานที่ร้าน ต้องมีอะไรบางอย่างแน่ๆ แล้วฉันควรตอบตกลงเขาไปดีไหมนะ?

 

   ถ้าตอบตกลง ฉันจะได้งาน ยิ่งกว่านั้น ฉันจะมีเงิน สามารถทำหลายสิ่งหลายอย่างได้ ยกตัวอย่างก็เช่น ซื้อหนังสือที่มีประโยชน์มาอ่าน ใช้เงินซื้อคอร์สเรียน เพิ่มความสามารถให้มากกว่าเดิม การทำงานที่ร้านพ่อของทิศ เห็นได้ชัดว่าเต็มไปด้วยข้อดีมากมาย

 

   ทว่าหากตอบตกลงไป สิ่งที่ฉันสูญเสียจะเป็นสิ่งที่มีค่าสุดๆ นั่นคือเวลา ฉันจะไม่มีเวลาฝึกเล่นกีตาร์ หรืออ่านหนังสือเขียนโปรแกรมเท่าเดิม ก็จริงที่มีตัวฉันในอีกโลกอยู่ แต่การสูญเสียเวลาก็เป็นเรื่องที่ต้องคิดหนักอยู่ดี

 

   จริงๆสิ่งที่ต้องสูญเสียเพื่อแลกกับสิ่งที่ดี มันไม่ได้มีแค่เวลา ยังมีเรื่องอิสระ และอื่นๆ อยู่อีก การตอบรับพ่อของทิศนั้นยากพอสมควร ฉันไม่อาจตัดสินใจภายในระยะเวลาสั้นๆได้ จำเป็นต้องใช้เวลาคิดตัดสินใจพอสมควร ไม่งั้น ถ้าตัดสินใจผิดพลาดลงไป ฉันคงจะนั่งร้องไห้เสียใจภายพลัง

 

   “ขอผมใช้เวลาคิดสักสองสามวันนะครับ”

 

   สถานการณ์แบบนี้ พูดไปแบบนั้นดีที่สุดแล้ว ตัดสินใจทันทีไม่ใช่เรื่องดี ฉันต้องใช้ความรอบคอบ ความระมัดระวัง และเวลา ในการคิดตัดสินใจสิ่งสำคัญที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิต

 

   “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจเธอ ตัดสินใจตอนนี้คงยากเกินไปใช่มั้ยล่ะ? ไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่บังคับเธอ”

 

   “ครับ ขอบคุณครับ”

 

   “เห็นรึยังพ่อ? พี่ชายน่ะเป็นคนที่ระวัง แถมยังไม่ประมาทอีก เขาน่ะเป็นคนที่ใช้ได้เลยใช่มั้ย?”

 

   หลังฉันพูดจบไม่นาน ทิศก็พูดขึ้นด้วยดวงตาแฝงความเคารพ นับถือ ทำไมเป็นขนาดนี้นะ? ฉันไม่เห็นจำได้เลยว่าไปทำอะไรให้เจ้านี่นับถือ แปลกจริงๆ หรือฉันทำไปโดยไม่รู้ตัวกัน? คงเป็นแบบนั้น ทว่าทำอะไรล่ะ? นึกไม่ออกแม้แต่น้อย

 

   “ไหนๆเธอก็มาที่นี่แล้ว ทำไมไม่ลองมากินข้าวมันไก่ร้านฉันดูล่ะ? แน่นอน สำหรับเธอ มันฟรี”

 

   “จะดีเหรอครับ? งั้นเอโค ผมไม่เกรงใจนะ”

 

   ไม่รู้หรอกว่าเขาต้องการอะไร มีคนที่นิสัยดีอย่างงี้บนโลกได้อย่างไร แต่ในเมื่ออีกฝ่ายชวนกินแล้ว อีกทั้งไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าอาหารอีก ฉันคงจะไม่ทำตามที่เขาต้องการไม่ได้

 

   ข้าวมันไก่ร้านของพ่อทิศอร่อยมากๆ บางที อาจจะเพราะฉันไม่ได้กินนานด้วยแหละ พอกินอาหารเสร็จ ฉันก็ฝึกเล่นกีตาร์ต่อ ไม่ได้ทิ้งกีตาร์ไว้ที่บ้าน ความคิดของฉันคือ ควรใช้เวลาทุกวินาทีให้มีประโยชน์ ว่างก็ฝึกพัฒนาตัวเอง ไม่ปล่อยเวลาอันลํ้าค่าหายไปโดยเปล่าประโยชน์

 

   ต่างจากวันก่อน ฉันเล่นกีตาร์ได้ดีขึ้นเยอะ ณ ตอนนี้ ถือว่าเล่นพอได้แล้ว ทิศและพ่อของเขาก็ชมไม่หยุดเลย บอกว่าฉันมีพรสวรรค์ในด้านนี้สุดๆ พวกเขาไม่รู้ความจริง แท้จริง ฉันไม่ได้มีพรสวรรค์ใดๆทั้งนั้น มันเป็นเพราะเวลาที่มีเยอะยิ่งกว่าคนอื่นๆ ไม่ใช่เพียงเท่านั้น ฉันยังมีความรู้ที่ได้จากหนังสือความลับแห่งมหาสมุทรอีก แค่ทั้งสองสิ่งที่บอกไป พวกมันก็มากพอทำให้ฉันเหนือคนธรรมดาทั่วไป ส่วนจะเทียบกับอัจฉริยะได้หรือไม่ อันนี้ฉันไม่รู้ ที่คิด น่าจะไม่อาจเทียบได้ อัจฉริยะตัวจริง ยังไงก็คืออัจฉริยะ แตกต่างจากคนธรรมดาแบบฉัน

 

   “คุณเล่นดีจัง”

 

   ลูกค้าผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยปากชมฉัน ไม่นับ ทิศกับพ่อของเขา คนอื่นๆก็ชมเช่นฉันกัน แต่รู้สึกว่าความสามารถในปัจจุบันของฉัน มันยังไม่มีค่าพอให้ชม เทียบกับคนเล่นกีตาร์คนอื่นๆ ฉันมือใหม่เกินไป ต้องเรียนรู้ เก็บประสบการณ์อีกมาก ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ขอรับคำชมก็แล้วกัน ยังไงมันก็เป็นกำลังใจทำให้ตัวฉันพัฒนายิ่งขึ้น

 

   “ขอบคุณครับ”

 

   ฉันเล่นกีตาร์ไปเรื่อยๆ พอมีกำลังใจก็รู้สึกอย่างเล่นต่อไม่หยุด คล้ายมีเรี่ยวแรงไม่จำกัด เป็นความรู้สึกที่น่าอัศจรรย์ เล่นกีตาร์ที่นี่ไม่เลวเลย แตกต่างจากเล่นที่บ้าน หรือเล่นที่อีกโลก พอสมควร นี่คือความแตกต่างของการเล่นให้คนอื่นฟังกับเล่นให้ตัวเองฟังสินะ

 

   ยามเย็น เล่นกีตาร์มากไปหน่อย ตัวฉันไม่มีเรี่ยวแรงสักนิด เหนื่อยสุดๆ ตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ เหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าซึ่งมองไม่เห็นดวงตะวันแล้ว เวลาเดียวกัน ความคิดหลากหลายพลันปรากฏขึ้นในทะเลความคิด ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ วันนี้… มีความสุขจังนะ

 

/

/

/

/

 

   ณ เวลานี้ ฉันกำลังเดินอยู่บนทางเท้า มันค่อนข้างใช้เวลานิดหน่อยในการเดินกลับบ้าน กลับดึกไปหน่อย พ่อกินหรือยังนะ? พ่อคงไม่เป็นห่วงใช่มั้ย? ฉันน่าจะกลับให้เร็วกว่านี้

 

   “คำสาป และโชคชะตาที่ไม่อาจแปรเปลี่ยน”

 

   ขณะที่เดินอยู่ บังเอิญไปได้ยินใครสักคนพูดคำพูดแปลกๆ ใครกัน? รอบข้างไม่มีคนหนิ ฉันหันมองทั่วบริเวณ ไม่เห็นสักชีวิต หรือฉันจะเหนื่อยเกินไป? คงงั้นแหละ คิดอย่างนั้น ฉันเดินกลับบ้านต่อ

 

   “พ่อหนุ่ม เธอพอมีเวลาว่างสักนาทีสองนาทีรึเปล่า?”

 

   เดินไม่นาน ฉันก็ได้ยินเสียงเดิมที่เคยได้ยินก่อนหน้า เสียงมาจากทางด้านหลัง หันกลับไปพลันพบชายชราคนหนึ่ง ดูอายุเยอะแล้ว ทว่าราวกับสุขภาพร่างกายยังแข็งแกร่ง ไม่ยํ่าแย่ตามอายุที่มากเลย เหมือนตอนหนุ่มๆดูแลตัวเองดีทีเดียว

 

   ชายชราใส่ชุดคลุมสีเทาแปลกๆ ไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่ ฉันต้องการจะพูดตอบไปว่าไม่ แต่คล้ายมีอำนาจบางอย่างทำให้ฉันไม่อาจทำเช่นนั้นได้ สุดท้ายก็ต้องอีกอย่าง มันเกิดอะไรขึ้นนะ?

 

   “มีครับ ทำไมเหรอ?”

 

 

   

   

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+