โลกแห่งนี้ที่มีเพียงฉัน 3 ความรู้สึกที่มากมาย

Now you are reading โลกแห่งนี้ที่มีเพียงฉัน Chapter 3 ความรู้สึกที่มากมาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 3 ความรู้สึกที่มากมาย

 

   [ตัวเอก]

 

   โลกก็กลายเป็นแบบนี้ไปซะแล้ว ไม่มีผู้คน ไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่แม้แต่ชีวิตเดียว มีแค่ผมเท่านั้น จากนี้จะทำอะไรดีนะ? ณ เวลานี้อยู่ในห้าง ของทุกอย่าง ผมสามารถใช้ได้หมดเลย เมื่อไม่มีมนุษย์อยู่ เงินก็ไร้ความหมาย ไม่มีค่าใดๆ จะหยิบอะไรจากร้านก็ได้ กฎหมายทำอะไรผมไม่ได้

 

   “ก่อนอื่นเปลี่ยนชุดก่อนก็แล้วกัน”

 

   ผมยืนอยู่เบื้องหน้าร้านเสื้อผ้าพอดี ชุดผู้ชายค่อนข้างใหญ่ ใส่แล้วรู้สึกไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ร่างกายก็เปลี่ยนไปอย่างงี้เรียบร้อย คงต้องยอมรับสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ ได้เวลาหาเสื้อผ้าใส่ ว่าแต่ ปกติผู้หญิงเลือกชุดจากอะไรกันนะ ถึงจะเคยมาซื้อของกับแฟนก็เถอะ แต่ตอนเธอเลือกชุด ผมมักจะไปอย่างอื่น เนื่องจากเธอเลือกชุดค่อนข้าง แค่ยืนชั่วโมงเดียว ตัวผมก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้ว ช่างเป็นร่างกายและจิตใจที่อ่อนแอจริงๆเลย

 

   “ลองของแพงสุดก่อนดีกว่า”

 

   เลือกชุดมาสามสี่ชุด ผมเดินเข้าไปเปลี่ยนที่ห้องเปลี่ยน โลกใบนี้ไม่มีผู้คนแล้วก็จริง ทว่าถ้าจะให้เปลี่ยนข้างนอก ก็ยังรู้สึกอายอยู่ดี แม้ร่างกายจะแปรเปลี่ยน แต่มันก็คือร่างกายของตัวผมอยู่ดี สมมุติว่ายังเหลือคนอยู่บนโลกใบนี้ ถ้าเขาหรือเธอมาเห็น คงจะไม่ดี เอาเป็นว่า ระมัดระวังก่อนเกิดเรื่องไม่คาดฝัน

 

   “ชุดนี้ไม่เข้ากับนิสัยฉันเลย”

 

   มองภาพในกระจก เด็กผู้หญิงผมยาวสีเงินงดงาม ดวงตาที่ไม่อาจคาดเดาสิ่งใดได้ ผิวพรรณขาวเนียนตามธรรมชาติ เหมือนได้รับการดูแลเป็นอย่างดีตั้งแต่เด็ก เธอคนนี้รอบๆตัวเต็มไปด้วยความลึกลับ น่าค้นหา ไม่เข้าสักนิด ทำไมผมเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้? วิทยาศาสตร์ช่วยหาคำตอบให้ได้ไหม? สงสัยสุดๆเลย

 

   ผมเปลี่ยนชุดไปเรื่อยๆ แต่ละชุดทำให้ตัวผมดูแตกต่างไปจากเดิม บางครั้งก็ดูน่ารัก บางครั้งก็ดูเท่ และบางครั้งก็ดูมีเสน่ห์สุดๆ ไม่ได้หลงตัวเองหรอกนะ แค่พูดไปตามความเป็นจริงน่ะ มันเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น ไม่มีคำโกหกอยู่เลย ออกมาจากใจผมจริงๆ

 

   ใช่สิ ผมควรเปลี่ยนคำเรียกตัวเองรึเปล่านะ? แบบเปลี่ยนไปทั้งหมดอ่ะ โดยปกติ ตอนที่พึมพำหรือพูดกับตัวเอง ผมแทนตัวด้วยคำว่าฉัน ทว่าพอคุยกับคนอื่น คำแทนตัวจะเป็นผม เพื่อให้ดูสุภาพ ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ผมจะเปลี่ยนไปใช้คำอื่นที่ไม่ใช่ผมดีไหม?

 

   ฉัน? เรา? ข้า? ชื่อตัวเอง? จากทั้งสี่ อย่างแรกน่าจะดีสุด ฉัน ตอนพูดพึมพำใช้บ่อยอยู่ คงชินไม่ยาก เรา ข้าหรือเรียกชื่อตัวเอง เรียกแบบนั้น มันทำให้รู้สึกแปลกๆ น่าจะใช้เวลาทำให้ชินนานกว่าคำว่าฉัน เพราะงั้น ฉัน คำนี้นี่แหละดี

 

   “ชุดนี้ดูดีแฮะ เรียบง่ายดีด้วย น่าจะใส่สบาย แถมยังไม่เปิดเผยร่างกายมากเกินไป”

 

   ก็นะ ไม่ว่าร่างกายฉันจะเปลี่ยนไปเป็นยังไง นิสัยของฉันก็ยังคงเดิมไม่แปรเปลี่ยน ชอบอะไรที่มันดูเรียบง่าย ไม่จำเป็นต้องหรูหรา บางทีอาจเนื่องจากชีวิตที่แตกต่างไปจากเดิมหลังธุรกิจพ่อล้มละลาย ตัวฉันเลยมีนิสัยเป็นแบบนั้น คิดว่าเป็นนิสัยที่ไม่ได้แย่เท่าไหร่ ค่อนข้างชอบตัวเองที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

 

   “น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย เอ๋? แล้วทำไมฉันหน้าแดงล่ะ? อ่าา ไม่ชินเลย~ อยากกลับไปเป็นผู้ชายจัง บ้าจริง น่าอายเกินไปแล้ว”

 

   แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้ เหมือนเรื่องเพ้อฝันเช่นปาฏิหาริย์ อะไรที่มันไม่เหมือนเดิมแล้ว ยากที่จะทำให้มันกลับคืน ยกเว้นว่าจะมีความสามารถมากพอ เฮ้ออ~ ปัญหาอยู่ที่ฉันไม่มีความสามารถขนาดนั้นน่ะสิ เดิมทีฉันก็เป็นแค่ลูกมหาเศรษฐีที่ไม่ได้เรื่อง จะคาดหวังให้มีความสามารถเหนือธรรมชาติได้ยังไงกัน?

 

   ลืมเรื่องกลับร่างเดิมไป มันเป็นได้แค่ความฝัน ฉันควรทำให้ตัวเองชินกับร่ากงายใหม่นี้ มันน่าจะไม่ยากเท่าเรียนหนังสือในโรงเรียนหรอก ความสามารถในการปรับตัวคือหนึ่งในสิ่งทั้งหมดที่ฉันภูมิใจมาก หากเป็นลูกมหาเศรษฐีไม่ได้เรื่องธรรมดา ไม่มีทางที่จะรอดได้นานเหมือนฉันหรอก ไม่มีทาง!

 

   “ฉันเอาชุดนี้ ได้ชุดแล้ว จะไปไหนต่อดี?”

 

   ขณะเดินออกจากร้าน ตัวฉันก็เริ่มครุ่นคิดร้านที่จะไปต่อ ร้านเสื้อผ้าไปแล้ว งั้นจากนั้น ร้านเครื่องสำอาง? ไม่ดีกว่า ฉันไม่ค่อยชอบ ร่างกายแบบตอนนี้ มันดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นหรอก ร้านอาหารดีไหม? ก็หิวอยู่นิดหน่อย ทว่าไม่ค่อยมีอารมณ์กินอาหารเท่าไหร่

 

   “คิดไม่ออก ไม่ได้เดินห้างนานแล้ว งั้นเอาเป็นเดินไปเรื่อยๆ เจอร้านไหนสนใจก็เข้า”

 

   คิดอย่างงั้น ฉันก็ทำตามอย่างไม่ลังเล เพียงไม่นานเวลาก็ไหลผ่านไปหลายชั่วโมง เวลา มันช่างรวดเร็วจริงๆ

 

   เริ่มเบื่อห้างแล้วสิ ออกนอกห้างไปที่อื่นดีกว่า

 

/

/

/

/

 

   มาลองคิดดูดีๆแล้วมันก็แปลกเหมือนกัน ทำไมหลายๆที่ถึงเหมือนมีคนอยู่ หากไม่มีคน ร้านค้าเปิดได้ยังไง? แปลกมาก มันเหมือนกับว่ามีคนอยู่ แต่ในเวลาเดียวกันก็เหมือนไม่มี มันยังไงกันแน่นะ? ช่างเถอะ ปล่อยมันไป ความคิดที่ทำให้ปวดหัวเปล่า ฉันควรทำให้ตัวเองมีความสุขให้มากที่สุดสิ

 

   “ทะเลตอนกลางคืนนี่สวยจัง ไม่ได้เห็นมานานขนาดไหนแล้วกัน?”

 

   หลังจากฉันพยายามเปิดไฟบริเวณชายหาดอยู่นาน ในที่สุดก็เปิดหมดครบ ฉันมองออกไปยังทะเล ความรู้สึกโดดเดี่ยวพร้อมกับความสงบเกิดขึ้นในจิตใจ รู้สึกเศร้านิดหน่อย ทว่าก็รู้สึกมีความสุขนิดหน่อยเช่นกัน ขัดแย้งกันมากเลยตัวฉัน

 

   “อยู่คนเดียวแบบนี้ ฉันสามารถทำได้หลายอย่างก็จริง แต่ก็มีบางอย่างที่ไม่สามารถได้เหมือนกัน”

 

   ฉันนั่งลงบนพื้นทราย ไม่สนใจชุดแม้แต่น้อย ถามคำถามตัวเองในใจ ตกลงแล้ว การมาทะเลเป็นการตัดสินใจที่ถูกหรือผิด? ถ้ารู้แต่แรกว่าจะรู้สึกขัดแย้งอย่างงี้ ฉันไม่มาหรอก เฮ้ออ~

 

   เสียงลมและคลื่นดังเข้าสู่การได้ยินของฉัน ลมพัดผ่านร่างกายอันบอบบางนี้ รู้สึกหนาวจัง รู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก ควรจัดการกับความรู้สึกยังไงกัน? อยากรู้สึกถึงความอบอุ่น ที่เป็นความอบอุ่นจริงๆ ฉันนั่งกอดเข่าโดยไม่รู้ตัว

 

   ปล่อยให้ร่างกายหนาวตายดีรึเปล่า? ความคิดแสนเลวร้ายเกิดขึ้นในจิตใจซะได้ ทว่าฉันไม่ยอมทำอย่างที่คิดหรอก ความตาย มันน่ากลัวนะ ไม่อยากตายเวลานี้ ยังอยากอยู่ต่ออีกสักหน่อย

 

   ความรู้สึกมากมายมหาศาลถาโถมเข้าสู่จิตใจของฉัน ตอนที่ได้อยู่คนเดียว ความรู้สึกกลับมีมากถึงขนาดนี้เชียว? ตอนอยู่ในสังคม อยู่กับคนอื่นๆ ความรู้สึกที่สัมผัสได้มีเพียงนิดเดียวเท่านั้น

 

   “ไปเดินเล่นหน่อยน่าจะดี”

 

   หากยังนั่งคิดอยู่อย่างงี้ ฉันคงรับความรู้สึกไม่ไหวแน่ ลุกขึ้น เดินออกกำลัง พยายามเข้าถึงวิว สภาพแวดล้อมปัจจุบันให้มากที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ เวลาเดิน สายลมอันหนาวเย็นโดนร่างของฉันไม่หยุด ผมยาวสีเงินขยับไปตามแรงลม ชุดเสื้อผ้าเองก็ไม่ต่างกัน 

 

   “สงบเงียบ เหงา โดดเดี่ยว”

 

   ยิ่งมองไกลออกไปยิ่งเห็นทะเลที่มืดมิด แม้บนท้องนภาจะมีดวงดาราเปล่งประกายนับไม่ถ้วน แต่แสงสว่างเหล่านั้นห่างไกล และเล็กน้อยมาก ไม่พอทำให้เห็นความมืดในยามราตรี

 

   “นั่นอะไรน่ะ?”

 

   เดินเล่นพลางพยายามคิดสิ่งๆที่มีความสุขไปเรื่อย ไม่ต้องการแบกรับอารมณ์ความรู้สึกเยอะเกินไป วินาทีหนึ่ง ฉันบังเอิญไปเห็นบางสิ่ง เหมือนกับว่าสิ่งนั้นมีแรงดึงดูดบางอย่าง ต่อให้อยู่ในเวลากลางคืน ต่อให้แสงดวงดาวส่องมาไม่ถึง ต่อให้ฉันไม่ตั้งใจ ฉันก็จะพบเห็นมัน

 

   เป็นหนังสือที่แปลกประหลาด หนังสือเล่มนี้โดนนํ้าทะเลไม่เป็นอะไรเลย ทำไมฉันถึงรู้น่ะเหรอ? นั่นก็เพราะรู้สึกตัวอีกที ตัวฉันก็ลงมาที่ทะเลเพื่อหยิบมันแล้ว โลก ที่นี่มีสิ่งแปลกประหลาดหลายสิ่งอย่างไม่น่าเชื่อ วิทยาศาสตร์อธิบายเรื่องที่ฉันเจอในวันนี้ได้หรือเปล่า?

 

   “หนาวแฮะ”

 

   ฉันเร่งรีบขึ้นจากทะเลทันทีที่หยิบหนังสือได้ เมื่อขึ้นมา ตัวก็สั่นโดยไม่อาจ ฉันพยายามอยู่ใกล้ๆแสงสว่าง ใกล้ไฟ พยายามกอดตัวเอง ลดความหนาวลง

 

   “ความลับแห่งมหาสมุทรงั้นเหรอ? หนังสืออะไรเนี่ย?”

 

   มองหน้าปกของหนังสือที่วางอยู่บนพื้นทราย ฉันอดรู้สึกสงสัยไม่ได้ ในเวลานี้ ความรู้สึกทั้งหมดในจิตใจหายไปทั้งหมด ไม่เหลืออะไร นอกจากความสงสัย หรือนี่จะเป็นโชคชะตา? สาเหตุที่ทำให้ฉันได้พบหนังสือนี้ ความรู้สึกของฉันบอกแบบนั้น ทว่าคงไม่ใช่หรอกมั้ง

 

 

 

   

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

โลกแห่งนี้ที่มีเพียงฉัน 3 ความรู้สึกที่มากมาย

Now you are reading โลกแห่งนี้ที่มีเพียงฉัน Chapter 3 ความรู้สึกที่มากมาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 3 ความรู้สึกที่มากมาย

 

   [ตัวเอก]

 

   โลกก็กลายเป็นแบบนี้ไปซะแล้ว ไม่มีผู้คน ไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่แม้แต่ชีวิตเดียว มีแค่ผมเท่านั้น จากนี้จะทำอะไรดีนะ? ณ เวลานี้อยู่ในห้าง ของทุกอย่าง ผมสามารถใช้ได้หมดเลย เมื่อไม่มีมนุษย์อยู่ เงินก็ไร้ความหมาย ไม่มีค่าใดๆ จะหยิบอะไรจากร้านก็ได้ กฎหมายทำอะไรผมไม่ได้

 

   “ก่อนอื่นเปลี่ยนชุดก่อนก็แล้วกัน”

 

   ผมยืนอยู่เบื้องหน้าร้านเสื้อผ้าพอดี ชุดผู้ชายค่อนข้างใหญ่ ใส่แล้วรู้สึกไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ร่างกายก็เปลี่ยนไปอย่างงี้เรียบร้อย คงต้องยอมรับสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ ได้เวลาหาเสื้อผ้าใส่ ว่าแต่ ปกติผู้หญิงเลือกชุดจากอะไรกันนะ ถึงจะเคยมาซื้อของกับแฟนก็เถอะ แต่ตอนเธอเลือกชุด ผมมักจะไปอย่างอื่น เนื่องจากเธอเลือกชุดค่อนข้าง แค่ยืนชั่วโมงเดียว ตัวผมก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้ว ช่างเป็นร่างกายและจิตใจที่อ่อนแอจริงๆเลย

 

   “ลองของแพงสุดก่อนดีกว่า”

 

   เลือกชุดมาสามสี่ชุด ผมเดินเข้าไปเปลี่ยนที่ห้องเปลี่ยน โลกใบนี้ไม่มีผู้คนแล้วก็จริง ทว่าถ้าจะให้เปลี่ยนข้างนอก ก็ยังรู้สึกอายอยู่ดี แม้ร่างกายจะแปรเปลี่ยน แต่มันก็คือร่างกายของตัวผมอยู่ดี สมมุติว่ายังเหลือคนอยู่บนโลกใบนี้ ถ้าเขาหรือเธอมาเห็น คงจะไม่ดี เอาเป็นว่า ระมัดระวังก่อนเกิดเรื่องไม่คาดฝัน

 

   “ชุดนี้ไม่เข้ากับนิสัยฉันเลย”

 

   มองภาพในกระจก เด็กผู้หญิงผมยาวสีเงินงดงาม ดวงตาที่ไม่อาจคาดเดาสิ่งใดได้ ผิวพรรณขาวเนียนตามธรรมชาติ เหมือนได้รับการดูแลเป็นอย่างดีตั้งแต่เด็ก เธอคนนี้รอบๆตัวเต็มไปด้วยความลึกลับ น่าค้นหา ไม่เข้าสักนิด ทำไมผมเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้? วิทยาศาสตร์ช่วยหาคำตอบให้ได้ไหม? สงสัยสุดๆเลย

 

   ผมเปลี่ยนชุดไปเรื่อยๆ แต่ละชุดทำให้ตัวผมดูแตกต่างไปจากเดิม บางครั้งก็ดูน่ารัก บางครั้งก็ดูเท่ และบางครั้งก็ดูมีเสน่ห์สุดๆ ไม่ได้หลงตัวเองหรอกนะ แค่พูดไปตามความเป็นจริงน่ะ มันเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น ไม่มีคำโกหกอยู่เลย ออกมาจากใจผมจริงๆ

 

   ใช่สิ ผมควรเปลี่ยนคำเรียกตัวเองรึเปล่านะ? แบบเปลี่ยนไปทั้งหมดอ่ะ โดยปกติ ตอนที่พึมพำหรือพูดกับตัวเอง ผมแทนตัวด้วยคำว่าฉัน ทว่าพอคุยกับคนอื่น คำแทนตัวจะเป็นผม เพื่อให้ดูสุภาพ ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ผมจะเปลี่ยนไปใช้คำอื่นที่ไม่ใช่ผมดีไหม?

 

   ฉัน? เรา? ข้า? ชื่อตัวเอง? จากทั้งสี่ อย่างแรกน่าจะดีสุด ฉัน ตอนพูดพึมพำใช้บ่อยอยู่ คงชินไม่ยาก เรา ข้าหรือเรียกชื่อตัวเอง เรียกแบบนั้น มันทำให้รู้สึกแปลกๆ น่าจะใช้เวลาทำให้ชินนานกว่าคำว่าฉัน เพราะงั้น ฉัน คำนี้นี่แหละดี

 

   “ชุดนี้ดูดีแฮะ เรียบง่ายดีด้วย น่าจะใส่สบาย แถมยังไม่เปิดเผยร่างกายมากเกินไป”

 

   ก็นะ ไม่ว่าร่างกายฉันจะเปลี่ยนไปเป็นยังไง นิสัยของฉันก็ยังคงเดิมไม่แปรเปลี่ยน ชอบอะไรที่มันดูเรียบง่าย ไม่จำเป็นต้องหรูหรา บางทีอาจเนื่องจากชีวิตที่แตกต่างไปจากเดิมหลังธุรกิจพ่อล้มละลาย ตัวฉันเลยมีนิสัยเป็นแบบนั้น คิดว่าเป็นนิสัยที่ไม่ได้แย่เท่าไหร่ ค่อนข้างชอบตัวเองที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

 

   “น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย เอ๋? แล้วทำไมฉันหน้าแดงล่ะ? อ่าา ไม่ชินเลย~ อยากกลับไปเป็นผู้ชายจัง บ้าจริง น่าอายเกินไปแล้ว”

 

   แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้ เหมือนเรื่องเพ้อฝันเช่นปาฏิหาริย์ อะไรที่มันไม่เหมือนเดิมแล้ว ยากที่จะทำให้มันกลับคืน ยกเว้นว่าจะมีความสามารถมากพอ เฮ้ออ~ ปัญหาอยู่ที่ฉันไม่มีความสามารถขนาดนั้นน่ะสิ เดิมทีฉันก็เป็นแค่ลูกมหาเศรษฐีที่ไม่ได้เรื่อง จะคาดหวังให้มีความสามารถเหนือธรรมชาติได้ยังไงกัน?

 

   ลืมเรื่องกลับร่างเดิมไป มันเป็นได้แค่ความฝัน ฉันควรทำให้ตัวเองชินกับร่ากงายใหม่นี้ มันน่าจะไม่ยากเท่าเรียนหนังสือในโรงเรียนหรอก ความสามารถในการปรับตัวคือหนึ่งในสิ่งทั้งหมดที่ฉันภูมิใจมาก หากเป็นลูกมหาเศรษฐีไม่ได้เรื่องธรรมดา ไม่มีทางที่จะรอดได้นานเหมือนฉันหรอก ไม่มีทาง!

 

   “ฉันเอาชุดนี้ ได้ชุดแล้ว จะไปไหนต่อดี?”

 

   ขณะเดินออกจากร้าน ตัวฉันก็เริ่มครุ่นคิดร้านที่จะไปต่อ ร้านเสื้อผ้าไปแล้ว งั้นจากนั้น ร้านเครื่องสำอาง? ไม่ดีกว่า ฉันไม่ค่อยชอบ ร่างกายแบบตอนนี้ มันดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นหรอก ร้านอาหารดีไหม? ก็หิวอยู่นิดหน่อย ทว่าไม่ค่อยมีอารมณ์กินอาหารเท่าไหร่

 

   “คิดไม่ออก ไม่ได้เดินห้างนานแล้ว งั้นเอาเป็นเดินไปเรื่อยๆ เจอร้านไหนสนใจก็เข้า”

 

   คิดอย่างงั้น ฉันก็ทำตามอย่างไม่ลังเล เพียงไม่นานเวลาก็ไหลผ่านไปหลายชั่วโมง เวลา มันช่างรวดเร็วจริงๆ

 

   เริ่มเบื่อห้างแล้วสิ ออกนอกห้างไปที่อื่นดีกว่า

 

/

/

/

/

 

   มาลองคิดดูดีๆแล้วมันก็แปลกเหมือนกัน ทำไมหลายๆที่ถึงเหมือนมีคนอยู่ หากไม่มีคน ร้านค้าเปิดได้ยังไง? แปลกมาก มันเหมือนกับว่ามีคนอยู่ แต่ในเวลาเดียวกันก็เหมือนไม่มี มันยังไงกันแน่นะ? ช่างเถอะ ปล่อยมันไป ความคิดที่ทำให้ปวดหัวเปล่า ฉันควรทำให้ตัวเองมีความสุขให้มากที่สุดสิ

 

   “ทะเลตอนกลางคืนนี่สวยจัง ไม่ได้เห็นมานานขนาดไหนแล้วกัน?”

 

   หลังจากฉันพยายามเปิดไฟบริเวณชายหาดอยู่นาน ในที่สุดก็เปิดหมดครบ ฉันมองออกไปยังทะเล ความรู้สึกโดดเดี่ยวพร้อมกับความสงบเกิดขึ้นในจิตใจ รู้สึกเศร้านิดหน่อย ทว่าก็รู้สึกมีความสุขนิดหน่อยเช่นกัน ขัดแย้งกันมากเลยตัวฉัน

 

   “อยู่คนเดียวแบบนี้ ฉันสามารถทำได้หลายอย่างก็จริง แต่ก็มีบางอย่างที่ไม่สามารถได้เหมือนกัน”

 

   ฉันนั่งลงบนพื้นทราย ไม่สนใจชุดแม้แต่น้อย ถามคำถามตัวเองในใจ ตกลงแล้ว การมาทะเลเป็นการตัดสินใจที่ถูกหรือผิด? ถ้ารู้แต่แรกว่าจะรู้สึกขัดแย้งอย่างงี้ ฉันไม่มาหรอก เฮ้ออ~

 

   เสียงลมและคลื่นดังเข้าสู่การได้ยินของฉัน ลมพัดผ่านร่างกายอันบอบบางนี้ รู้สึกหนาวจัง รู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก ควรจัดการกับความรู้สึกยังไงกัน? อยากรู้สึกถึงความอบอุ่น ที่เป็นความอบอุ่นจริงๆ ฉันนั่งกอดเข่าโดยไม่รู้ตัว

 

   ปล่อยให้ร่างกายหนาวตายดีรึเปล่า? ความคิดแสนเลวร้ายเกิดขึ้นในจิตใจซะได้ ทว่าฉันไม่ยอมทำอย่างที่คิดหรอก ความตาย มันน่ากลัวนะ ไม่อยากตายเวลานี้ ยังอยากอยู่ต่ออีกสักหน่อย

 

   ความรู้สึกมากมายมหาศาลถาโถมเข้าสู่จิตใจของฉัน ตอนที่ได้อยู่คนเดียว ความรู้สึกกลับมีมากถึงขนาดนี้เชียว? ตอนอยู่ในสังคม อยู่กับคนอื่นๆ ความรู้สึกที่สัมผัสได้มีเพียงนิดเดียวเท่านั้น

 

   “ไปเดินเล่นหน่อยน่าจะดี”

 

   หากยังนั่งคิดอยู่อย่างงี้ ฉันคงรับความรู้สึกไม่ไหวแน่ ลุกขึ้น เดินออกกำลัง พยายามเข้าถึงวิว สภาพแวดล้อมปัจจุบันให้มากที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ เวลาเดิน สายลมอันหนาวเย็นโดนร่างของฉันไม่หยุด ผมยาวสีเงินขยับไปตามแรงลม ชุดเสื้อผ้าเองก็ไม่ต่างกัน 

 

   “สงบเงียบ เหงา โดดเดี่ยว”

 

   ยิ่งมองไกลออกไปยิ่งเห็นทะเลที่มืดมิด แม้บนท้องนภาจะมีดวงดาราเปล่งประกายนับไม่ถ้วน แต่แสงสว่างเหล่านั้นห่างไกล และเล็กน้อยมาก ไม่พอทำให้เห็นความมืดในยามราตรี

 

   “นั่นอะไรน่ะ?”

 

   เดินเล่นพลางพยายามคิดสิ่งๆที่มีความสุขไปเรื่อย ไม่ต้องการแบกรับอารมณ์ความรู้สึกเยอะเกินไป วินาทีหนึ่ง ฉันบังเอิญไปเห็นบางสิ่ง เหมือนกับว่าสิ่งนั้นมีแรงดึงดูดบางอย่าง ต่อให้อยู่ในเวลากลางคืน ต่อให้แสงดวงดาวส่องมาไม่ถึง ต่อให้ฉันไม่ตั้งใจ ฉันก็จะพบเห็นมัน

 

   เป็นหนังสือที่แปลกประหลาด หนังสือเล่มนี้โดนนํ้าทะเลไม่เป็นอะไรเลย ทำไมฉันถึงรู้น่ะเหรอ? นั่นก็เพราะรู้สึกตัวอีกที ตัวฉันก็ลงมาที่ทะเลเพื่อหยิบมันแล้ว โลก ที่นี่มีสิ่งแปลกประหลาดหลายสิ่งอย่างไม่น่าเชื่อ วิทยาศาสตร์อธิบายเรื่องที่ฉันเจอในวันนี้ได้หรือเปล่า?

 

   “หนาวแฮะ”

 

   ฉันเร่งรีบขึ้นจากทะเลทันทีที่หยิบหนังสือได้ เมื่อขึ้นมา ตัวก็สั่นโดยไม่อาจ ฉันพยายามอยู่ใกล้ๆแสงสว่าง ใกล้ไฟ พยายามกอดตัวเอง ลดความหนาวลง

 

   “ความลับแห่งมหาสมุทรงั้นเหรอ? หนังสืออะไรเนี่ย?”

 

   มองหน้าปกของหนังสือที่วางอยู่บนพื้นทราย ฉันอดรู้สึกสงสัยไม่ได้ ในเวลานี้ ความรู้สึกทั้งหมดในจิตใจหายไปทั้งหมด ไม่เหลืออะไร นอกจากความสงสัย หรือนี่จะเป็นโชคชะตา? สาเหตุที่ทำให้ฉันได้พบหนังสือนี้ ความรู้สึกของฉันบอกแบบนั้น ทว่าคงไม่ใช่หรอกมั้ง

 

 

 

   

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+