Artifact Reading Inspector 20

Now you are reading Artifact Reading Inspector Chapter 20 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ไม่นานหลังจากที่ผมได้รับข้อมูลของโมโมโกะจากคุณฮโยยอน น่าแปลกที่เธอเป็นคนติดต่อผมก่อน ไม่สิ พูดให้ถูกคือลุงของผม”

 

ซองจุนเหลือบมองบยองกุก

 

“เขางั้นเหรอ?”

 

“เธอเสนอข้อตกลงให้เรา โดยเธอจะบอกความจริงเกี่ยวกับถ้วยชาเพื่อแลกกับวัตถุโบราณบางอย่างที่ลุงของผมส่งออกอย่างลับๆ”

 

ตอนนี้โมโมโกะได้กลายเป็นคนทรยศที่ขายข้อมูลไปแล้ว

 

“เจ้ามิซึโนะ โทรุนั่นไม่สามารถจัดการได้แม้แต่คนของเขาเอง ฮาฮาฮา! รั้วมักจะหักหลังกัน เยี่ยมมาก”

 

ความจริงแล้วไกดาซิสและโฮริดาซิส (ผู้ที่ทํากําไรจากการซื้อสินค้าในราคาต่ํา มันเป็นสํานวนลับที่พวกพ่อค้าของเก่าใช้) ที่ปรากฏตัวขึ้นหลังยุคอาณานิคมของญี่ปุ่นมีลักษณะชอบหลอกลวงผู้อื่น

 

เช่นเดียวกันกับนักพนันที่เล่นไพ่ พวกเขามักจะหลอกลวงคนธรรมดาอยู่ตลอดเวลา และแม้แต่”ผู้เชี่ยวชาญ”เองก็พยายามที่จะฉ้อโกงกันอยู่บ่อยครั้ง

 

นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมชาวเกาหลีถึงคิดว่าพ่อค้าของเก่ากว่าครึ่งเป็นพวกนักต้มตุ้น

 

“พูดกันตามตรง เธอเป็นเพียงพนักงานและจะไม่ได้อะไรเลยไม่ว่าข้อตกลงจะเกิดขึ้นหรือไม่ อย่างดีที่สุดที่เธอจะได้รับคือโบนัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรก็ตามหากเธอได้รับวัตถุโบราณจากลุงของผมเธอก็จะทํากําไรได้มากในญี่ปุ่น แน่นอนว่าข้อตกลงนั้นก็ดีสําหรับลุงของผมเช่นกัน เพราะถือเป็นโอกาสดีที่จะได้รับเส้นทางขายที่หลากหลายในญี่ปุ่น”

 

“ดูเหมือนลุงของเธอมีชื่อเสียงมากทีเดียว”

 

ไม่ว่าแฮจินจะพูดความจริงหรือไม่ซองจุนก็ดูเหมือนจะไม่สนใจเพราะครั้งนี้เขาได้รับกําไรมามาก

 

“แน่นอนครับ ผมไม่ได้พูดแบบนี้เพียงเพราะเขาเป็นลุงของผม”

 

คราวนี้เป็นตาของบยองกุก

 

“ฮาฮา อย่างที่ผมเคยบอกไป ผมนั้นขายสินค้าหลายชนิด โดยเฉพาะวัตถุโบราณของจีนและตะวันออกกลางที่หายาก วัตถุโบราณส่วนใหญ่จากตะวันออกกลางที่ซื้อขายในประเทศนี้ส่วนมากผ่านมือของผมมาหมดแล้ว”

 

เขาเป็นคนที่บลัฟเก่งมาก

 

“หืมม… ฉันอยากเห็นวัตถุโบราณจากตะวันออกกลาง ในประเทศนี้พวกมันค่อนข้างหายาก”

 

“หากผมได้รับของดีมารับรองเลยว่าผมจะนํามาให้คุณก่อนเลยครับ ส่วนที่เหลือผมค่อยเอาไปให้โมโมโกะดู”

 

มะ”

 

“ดี ดูเหมือนเธอจะรู้ว่าควรทํายังไง”

 

ดูเหมือนซองจุนจะเชื่อเรื่องของพวกเขาแล้ว ดังนั้นแฮจินจึงก้าวไปสู่ข้อสรุปของเขาทันที

 

“ดังนั้นนี่คือผลประเมินของผม ผมคิดว่าศิลาดลของญี่ปุ่นมีมูลค่าประมาณห้าพันล้าน อย่างไรก็ตามสําหรับถ้วยชาเราไม่สามารถวัดค่าของมันได้ หากตัดสินเฉพาะคุณค่าทางศิลปะมันจะมีค่าน้อยกว่าศิลาดลมาก แต่ถ้วยชานี้มีลมหายใจของแม่ทัพ อีซุนชินอยู่”

 

“ฉันยอมรับว่าการกําหนดราคามันเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าถ้วยชานี้ถูกใช้โดยอีซุนชินจริงๆ”

 

เขาไม่สามารถมั่นใจได้จากบันทึกของครอบครัวหนึ่งเนื่องจากมันไม่มีบันทึกอย่างเป็นทางการ

 

“จริงๆแล้วผมก็หวังว่าเราจะได้เห็นสมบัติของตระกูลเทราอุจิ นั่นคือเหตุผลที่ผมไม่สามารถมั่นใจได้ 100% ว่านี่คือความจริง อย่างไรก็ตามเราก็สามารถสันนิษฐานได้ว่าถ้ามันไม่เป็นความจริงพวกเขาก็คงไม่มีเหตุผลที่จะใช้แผนที่มันซับซ้อนเช่น

 

ซองจุนคิดตามจากนั้นก็พยักหน้า

 

“อืมม.. ฉันเข้าใจแล้ว หลังจากนี้เราจะรับผิดชอบต่อเอง สุดท้ายนี้เธอต้องการให้ฉันจ่ายโดยใช้วัตถุโบราณชิ้นไหน?”

 

“ผมขอเป็น 1% ของราคาศิลาดลดังนั้นราคาประเมินของมันจะอยู่ที่ 50 ล้าน”

 

“ฉันขอเดาว่าเป็นเพราะถ้วยชาไม่มีค่า?”

 

“ใช่ครับ สําหรับบางคนมันอาจมีค่าแค่สิบล้าน แต่สําหรับบางมันอาจมีมูลค่ามากกว่าหมื่นล้าน น่าเสียดายที่คนที่รู้คุณค่าที่แท้จริงเป็นคนญี่ปุ่น”

 

“นั่นเพราะเขารู้เรื่องนี้ล่วงหน้า อย่างไรก็ตามเธอหน้าประทับใจมาก เธอจะได้รับค่าธรรมเนียมภายในวันนี้”

 

ซองจุนเดินเขาไปในห้องศึกษาของเขาอีกครั้ง

 

“มันไม่ใช่การประเมินแต่ดูเหมือนการสอบสวนมากกว่า ฉันยังไม่ยอมรับนายหรอกนะ อย่างไรก็ตามครั้งนี้นายทําได้ดี” ฮโยยอนยักไหล่และเดินขึ้นไป

 

เธอคิดถูกครึ่งหนึ่ง แฮจินใช้ปากของคนอื่นเพื่อเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของถ้วยชา เพราะการที่เขาใช้เวทมนตร์เพื่อค้นหามัน เขาจะต้องผ่านกระบวนการที่ซับซ้อนมากเพื่อพิสูจน์มัน

 

ไม่นานพวกเขาก็ออกจากคฤหาสน์สุดหรู

 

แฮจินจึงถามอึนแฮว่า “คุณจะทํายังไง? หากเขาบอกให้คุณแลกมัน…”

 

อึนแฮยิ้มอย่างสดใสและหยุดความกังวลของเขา

 

“เขาจะไม่ทําแบบนั้น แม้บางครั้งเขาจะตัดสินใจบางอย่างที่ยากจะเข้าใจ แต่เขาจะพยายามรักษากฏเมื่อมันเป็นวัตถุโบราณ อย่างไรก็ตามฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าถ้วยชาที่ฉันซื้อมา มันจะเป็นวัตถุโบราณที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ พวกคณะกรรมการจะต้องพอใจอย่างแน่นอน”

 

จริงๆแล้วแฮจินไม่เชื่อสิ่งที่เธอพูดมา เขาได้ยินเรื่องราวมามากเกินพอแล้วจากทั้งบยองกุกและพ่อของเขาเกี่ยวกับผู้คนที่เป็นศูนย์กลางอํานาจ พวกเขาจะแสร้งทําในขณะที่พวกเขาจะทรยศต่อมโนธรรมของพวกเขาเอง

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขาได้เห็นวัตถุโบราณของจีนจัดแสดงที่แซยอนแกลเลอรี่ เขาคิดว่าบางทีซองจุนอาจพยายามเจรจาโดยบอกว่าเขาจะให้ถ้วยชาแก่อีกฝ่ายหากมิซึโนะโทรุเต็มใจที่จะมอบศิลาดลและเงินพิเศษให้พวกเขา อย่างไรก็ตามเนื่องจากอึนแฮเป็นผู้อํานวยการตัวจริงเขาจึงรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย

 

ไม่ว่ายังไงอึนแฮในตอนนี้ก็กําลังมีความสุขกับผลลัพธ์ของงาน หยางโซจิน เธอยิ้มกว้างไม่เหมือนตอนที่พวกเขาเดินเข้าไป

 

“ดีแล้ว”

 

“เฮ้ ฉันขอโทษเรื่องครั้งล่าสุดนะ ช่วยรับมันไว้ด้วย” 

 

อึนแฮส่งซองสีขาวให้กับแฮจิน เมื่อตรวจดูแล้วก็พบว่ามันมีเงินอยู่ 45ล้าน

 

“คุณไม่จําเป็นต้อง…”

 

“ไม่ได้ค่ะ ช่วยรับมันไว้ด้วยเพื่อที่ฉันจะได้ขอความช่วยเหลือจากคุณเมื่อมีเหตุจําเป็น”

 

แฮจินไม่สามารถปฏิเสธมันได้ แน่นอนว่าบยองกุกทําหน้ามุ่ยและมองไปทางอื่น

 

“โอ้ โอเค แต่ผมมีคําถาม”

 

“ถามได้เลยค่ะ”

 

“แกลเลอรี่ของคุณได้รับวัตถุโบราณของจีนมาได้ยังไง? ผมหมายถึงก่อนที่คุณจะรับช่วงต่อ”

 

อันที่จริงแฮจินกําลังหาโอกาสถามคําถามที่คาใจเขามาสักพักแล้ว

 

อึนแฮลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมา “วัตถุโบราณจากจีนส่วนใหญ่จะได้มาจากอินซาดง คุณก็น่าจะรู้ว่าการหาวัตถุโบราณของจีนในการประมูลไม่ใช่เรื่องง่าย”

 

แฮจินไม่ได้รู้สึกเสียใจกับความจริงที่ว่าวัตถุโบราณที่พ่อของเขาขุดพบนั้นเป็นของเกาหลี ในฐานะคนเกาหลีเขาคิดว่ามันคงไม่เป็นอะไรตราบใดที่วัตถุโบราณของเกาหลีไม่ได้ถูกส่งออกไป มันอาจเป็นความเห็นแก่ตัว แต่มนุษย์น่าจะรู้สึกเช่นนั้น

 

ปัญหาคือหากมีการนําวัตถุโบราณของจีนเข้ามาในเกาหลีอย่างลับๆ งั้นวัตถุโบราณของเกาหลีก็คงถูกส่งออกไปอย่างลับๆเช่นกัน และแซยอนแกลเลอรีอาจอยู่ตรงกลางของมัน อึนแฮแสร้งทําเป็นไม่รู้แม้ว่าเธอกําลังทํามัน? หรือว่าเธอไม่รู้จริงๆ?

 

แล้วฮวาจินจะได้อะไรจากการส่งออกวัตถุโบราณของเกาห

 

“คุณบอกว่าอินซาดง งั้นแปลว่ามันก็ต้องมีมากกว่าหนึ่งคน”

 

“ใช่ค่ะ รวมแล้วทั้งหมดจะมีอยู่สามคน เราได้รับวัตถุโบราณมาจากพวกเขา แน่นอนว่าพวกมันไม่ใช่ของที่ถูกขโมยมา ฉันจําได้ว่าเคยบอกคุณไปก่อนหน้านี้ตอนภาพวาดของหม่า วอนว่าของที่ขโมยมาไม่สามารถจัดแสดงได้และมันอาจทําให้เกิดปัญหา ดังนั้นเราจะไม่ซื้อพวกมันแม้ว่าจะเป็นของส่วนตัวก็ตาม”

 

อันที่จริงแล้วมันไม่มีสิ่งที่เรียกว่าวัตถุโบราณที่ถูกขโมย วัตถุโบราณมันจะกลายเป็นของที่ถูกขโมยก็ต่อเมื่อหลังจากผู้เป็นเจ้าของถูกเปิดโปงแล้วเท่านั้น คล้ายกับการฟองเงิน

 

เมื่อมองจากมุมนั้นแล้วก็จะเห็นได้ว่าตัวแทนจําหน่ายจะนําวัตถุโบราณจากจีนเข้ามาหลังจากเปลี่ยนมันเป็นของถูกกฎหมายแล้วก็เท่านั้น นอกจากนี้มันก็ไม่ใช่งานที่พ่อค้าสามารถทำาคนเดียวได้

 

“โอเคงั้นช่วยไปส่งเราที่อพาร์ตเมนต์ของผมหน่อยนะครับ”

 

“บางทีเราอาจจะไปทานอาหารกลางวันด้วยกัน…”

 

แฮจินอยากจะตอบตกลง แต่เขาไม่สามารถทนความน่ารําคาญของบยองกุกได้

 

“ต้องขอโทษด้วยครับ คือผมมีธุระที่ต้องทําหลังจากมื้อเที่ยง”

 

เมื่ออึนแฮจากพวกเขาไปบยองกุกก็ตบไหล่ของแฮจินแล้วยกนิ้วโป้งให้

 

“ว้าว… นั่นเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมมาก รองประธานคนนั้นไม่คิดจะสนใจโมโมโกะด้วยซ้ํา และตอนนี้โมโมโกะก็ได้กลายเป็นคนที่ทรยศมิซึโนะโทรุ ต่อจากนี้เธอคงจะไม่สามารถไปเหยียบญี่ปุ่นได้อีก”

 

“เธอไม่สามารถกลับไปได้อีกเนื่องจากตอนนี้เธอกลายเป็นคนทรยศแม้ว่าเธอจะไม่ต้องการมันก็ตาม หากเธอบอกกับมิซึโนะว่า “นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วย” พวกเขาคงจะคิดว่าเธอบ้า เรื่องของผมมันฟังดูสมเหตุสมผลแม้กระทั่งกับคนที่ไม่รู้จัก”

 

“แน่นอน ว้าว… เธอโตขึ้นมากแล้ว”

 

“ผมสูงกว่าคุณตั้งนานแล้ว คุณก็น่าจะรู้…”

 

พวกเขาคุยกันขณะทานอาหารกลางวันจากนั้นจึงกลับไปที่บ้านของแฮจิน แม้ว่าในตอนนี้ ผลกระทบจะเบาลง แต่เขาก็ยังรู้สึกอ่อนแอ

 

เขาตื่นขึ้นมาในตอนเย็นและไปที่สนามบินอินชอนพร้อมกับบยองกุก อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาอยู่ในรถแท็กซีบยองกุกก็พูดอะไรบ้าๆออกมา

 

“เธอจะไปเดทกับอึนแฮไหมหากเธอชวน?”

 

“เดทกับเธอ? ไม่เธอมีคู่หมั้นแล้ว”

 

ในตอนนั้นเองที่หน้าของบยองกุกสว่างขึ้นราวกับมีใครจุด

ไฟ

 

“จริงเหรอ? ฉันก็คิดว่า แต่ทําไมเธอถึงทําแค่หมั้นแทนที่จะแต่งงานไปเลย? เราไม่ได้ทําแบบนั้นแม้แต่ในปี 1988 หรือเป็นเพราะพวกเขารวยถึงทําเรื่องที่ไร้สาระแบบนี้?” 3600

“คุณจะมาตามผมไหมเนี้ยถ้าผมบอกว่าจะไม่เดทกับซูจอง?”

 

“มม. ไม่ใช่อย่างนั้น.. ทําแบบนั้นมันไม่ได้ผล เธอควรจะเชื่อมต่อกัน มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะบังคับได้ แต่เธอจะต้องเชื่อมติดกันได้อย่างแน่นอน”

 

บยองกุกหันกลับไป แต่แฮจินรู้ว่าเขาต้องการให้ซูจองตกหลุมรักเขาและปักหลักอยู่ที่เกาหลี

 

พวกเขามาถึงสนามบินและรอ ขณะที่แฮจินกําลังจะเป็นบ้า เพราะความเบื่อเครื่องบินของซูจองก็มาถึง

 

“พ่อคะ!”

 

เกทเปิดออกพร้อมกับมีหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งออกมา เธอใช่ซูจองจริงๆงั้นเหรอ? ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาพบกันก็เมื่อตอนเรียนอยู่ชั้นประถม แต่ตอนนี้เธอกลายเป็นสาวสวยไปแล้ว แม้ว่าแฮจินจะเคยเห็นรูปถ่ายของเธอในบางครั้ง แต่ตัวจริงของเธอน่ารักกว่าในรูปมาก

 

“โอ้ลูกสาวของพ่อ พ่อว่าลูกต้องเหนื่อยแน่”

 

“ไม่เลยค่ะ พ่อจองที่นั่งชั้นหนึ่งให้หนู ดังนั้นมันจึงพอทนได้”

 

บยองกุกเพิ่งหาเงินได้สามพันล้านภายในคืนเดียว ดังนั้นเขาจะไม่มีวันปล่อยให้ลูกสาวของเขาบินในชั้นประหยัดเกินสิบชั่วโมงแน่นอน

 

ทันใดนั้นซูจองก็หันมามองแฮจินก่อนจะต่อยเข้าที่ท้องของเขาด้วยหมัดของเธอ

 

มันไม่ได้เจ็บมากนัก แต่มันเป็นหมัดที่แฮจินไม่ได้คาดไว้ มันจึงทําให้เขารู้สึกประหลาดใจ ซูจองยิ้ม

 

“เฮ้ นายใจเย็นกว่าที่ฉันคิดไว้”

 

“เอ่อ… ดูเหมือนเธอกําลังโกรธเลยนะ”

 

“นายน่าจะรู้ว่าทําไมฉันถึงโกรธ ฉันได้ยินเรื่องสถานการณ์ของนายมาแล้ว พ่อของนายเสียชีวิตและตอนนี้นายก็กําลังประเมินราคาวัตถุโบราณอยู่ใช่ไหม?”

 

“ใช่ เป็นธรรมดาที่ฉันจะทํางานในสาขานี้หลังจากพ่อของฉัน แต่ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะทําด้วย เธอเคยเกลียดมัน”

 

บยองกุกมองหันไปทางอื่นและแสร้งทําเป็นไม่ได้ยินที่เขาพูดเพราะเขาซูจองถึงต้องย้ายหลายครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงตํารวจ…

 

“ฉันไม่จําเป็นต้องขโมย”

 

“อืมม.. พ่อไม่ได้ทําอย่างนั้นอีกแล้ว ตอนนี้พ่อแค่อยากช่วยให้เขาผ่านเวลานี้ไป จริงๆนะ” บยองกุกพูด

 

“อย่าทําอย่างนั้นอีก! หากหนูเห็นว่าพ่อทํามันอีกหนูจะไม่ถือว่าพ่อเป็นพ่อของหนู!”

 

“พ่อไม่ทําแล้ว! จริงๆนะ! ยังไงก็เถอะตอนนี้ลูกน่าจะต้องหิวแน่ ไปหาข้าวกินกัน ลูกคงไม่อยากพลาดอาหารเกาหลีหรอกใช่ไหม? ลูกอยากกินซัมกเยทัง (สตูว์ไก่เกาหลี)? หรือว่าจะริบอายดีล่ะ?”

 

บยองกุกบีบแก้มของซูจองขณะที่เธอยิ้มอย่างสดใส

 

“ต้องเป็นริบอายอยู่แล้ว! ไปกันเถอะ!”

 

เธอมีกระเป๋าเดินทางมากมายพวกเขาจึงต้องไปที่โรงแรมที่บยองกุกพักอยู่ หลังจากที่ซูจองเช็คอินพวกเขาก็ไปทานอาหารค่ําที่ร้านบาร์บีคิวเกาหลีที่อยู่ไม่ไกล แฮจินคิดว่าเขาอาจจะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเพราะเขาอยู่ท่ามกลางการรวมตัวของครอบครัว แต่น่าแปลกที่เขากลับรู้สึกสบายใจเมื่อเวลาผ่านไป

 

“ฉันมีอะไรจะโชว์ให้ดู ตามฉันมา”

 

หลังอาหารค่ํา แฮจินกําลังจะจากไป แต่ซูจองก็หยุดเขาไว้ และพาเขาไปที่ห้องพักในโรงแรมของเธอ จากนั้นเธอก็หยิบภาชนะเก็บวาดภาพยาวออกมา แน่นอนว่าบยองกุกก็อยู่กับพวกเขาด้วย

 

“มันคืออะไร?”

 

ซูจองหยุดเปิดมันและมองไปที่แฮจินก่อนจะมองไปที่บยองกุก แววตาขี้เล่นของเธอบอกว่ามันไม่มีอะไรสําคัญ แต่…. 

 

“สัญญานะว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร”

 

“โอเคฉันสัญญา ดังนั้นเอามันออกมาได้แล้ว”

 

เธอเปิดภาชนะและหยิบภาพวาดที่อยู่ด้านในออกมาอย่าง ระมัดระวัง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Artifact Reading Inspector 20

Now you are reading Artifact Reading Inspector Chapter 20 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ไม่นานหลังจากที่ผมได้รับข้อมูลของโมโมโกะจากคุณฮโยยอน น่าแปลกที่เธอเป็นคนติดต่อผมก่อน ไม่สิ พูดให้ถูกคือลุงของผม”

 

ซองจุนเหลือบมองบยองกุก

 

“เขางั้นเหรอ?”

 

“เธอเสนอข้อตกลงให้เรา โดยเธอจะบอกความจริงเกี่ยวกับถ้วยชาเพื่อแลกกับวัตถุโบราณบางอย่างที่ลุงของผมส่งออกอย่างลับๆ”

 

ตอนนี้โมโมโกะได้กลายเป็นคนทรยศที่ขายข้อมูลไปแล้ว

 

“เจ้ามิซึโนะ โทรุนั่นไม่สามารถจัดการได้แม้แต่คนของเขาเอง ฮาฮาฮา! รั้วมักจะหักหลังกัน เยี่ยมมาก”

 

ความจริงแล้วไกดาซิสและโฮริดาซิส (ผู้ที่ทํากําไรจากการซื้อสินค้าในราคาต่ํา มันเป็นสํานวนลับที่พวกพ่อค้าของเก่าใช้) ที่ปรากฏตัวขึ้นหลังยุคอาณานิคมของญี่ปุ่นมีลักษณะชอบหลอกลวงผู้อื่น

 

เช่นเดียวกันกับนักพนันที่เล่นไพ่ พวกเขามักจะหลอกลวงคนธรรมดาอยู่ตลอดเวลา และแม้แต่”ผู้เชี่ยวชาญ”เองก็พยายามที่จะฉ้อโกงกันอยู่บ่อยครั้ง

 

นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมชาวเกาหลีถึงคิดว่าพ่อค้าของเก่ากว่าครึ่งเป็นพวกนักต้มตุ้น

 

“พูดกันตามตรง เธอเป็นเพียงพนักงานและจะไม่ได้อะไรเลยไม่ว่าข้อตกลงจะเกิดขึ้นหรือไม่ อย่างดีที่สุดที่เธอจะได้รับคือโบนัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรก็ตามหากเธอได้รับวัตถุโบราณจากลุงของผมเธอก็จะทํากําไรได้มากในญี่ปุ่น แน่นอนว่าข้อตกลงนั้นก็ดีสําหรับลุงของผมเช่นกัน เพราะถือเป็นโอกาสดีที่จะได้รับเส้นทางขายที่หลากหลายในญี่ปุ่น”

 

“ดูเหมือนลุงของเธอมีชื่อเสียงมากทีเดียว”

 

ไม่ว่าแฮจินจะพูดความจริงหรือไม่ซองจุนก็ดูเหมือนจะไม่สนใจเพราะครั้งนี้เขาได้รับกําไรมามาก

 

“แน่นอนครับ ผมไม่ได้พูดแบบนี้เพียงเพราะเขาเป็นลุงของผม”

 

คราวนี้เป็นตาของบยองกุก

 

“ฮาฮา อย่างที่ผมเคยบอกไป ผมนั้นขายสินค้าหลายชนิด โดยเฉพาะวัตถุโบราณของจีนและตะวันออกกลางที่หายาก วัตถุโบราณส่วนใหญ่จากตะวันออกกลางที่ซื้อขายในประเทศนี้ส่วนมากผ่านมือของผมมาหมดแล้ว”

 

เขาเป็นคนที่บลัฟเก่งมาก

 

“หืมม… ฉันอยากเห็นวัตถุโบราณจากตะวันออกกลาง ในประเทศนี้พวกมันค่อนข้างหายาก”

 

“หากผมได้รับของดีมารับรองเลยว่าผมจะนํามาให้คุณก่อนเลยครับ ส่วนที่เหลือผมค่อยเอาไปให้โมโมโกะดู”

 

มะ”

 

“ดี ดูเหมือนเธอจะรู้ว่าควรทํายังไง”

 

ดูเหมือนซองจุนจะเชื่อเรื่องของพวกเขาแล้ว ดังนั้นแฮจินจึงก้าวไปสู่ข้อสรุปของเขาทันที

 

“ดังนั้นนี่คือผลประเมินของผม ผมคิดว่าศิลาดลของญี่ปุ่นมีมูลค่าประมาณห้าพันล้าน อย่างไรก็ตามสําหรับถ้วยชาเราไม่สามารถวัดค่าของมันได้ หากตัดสินเฉพาะคุณค่าทางศิลปะมันจะมีค่าน้อยกว่าศิลาดลมาก แต่ถ้วยชานี้มีลมหายใจของแม่ทัพ อีซุนชินอยู่”

 

“ฉันยอมรับว่าการกําหนดราคามันเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าถ้วยชานี้ถูกใช้โดยอีซุนชินจริงๆ”

 

เขาไม่สามารถมั่นใจได้จากบันทึกของครอบครัวหนึ่งเนื่องจากมันไม่มีบันทึกอย่างเป็นทางการ

 

“จริงๆแล้วผมก็หวังว่าเราจะได้เห็นสมบัติของตระกูลเทราอุจิ นั่นคือเหตุผลที่ผมไม่สามารถมั่นใจได้ 100% ว่านี่คือความจริง อย่างไรก็ตามเราก็สามารถสันนิษฐานได้ว่าถ้ามันไม่เป็นความจริงพวกเขาก็คงไม่มีเหตุผลที่จะใช้แผนที่มันซับซ้อนเช่น

 

ซองจุนคิดตามจากนั้นก็พยักหน้า

 

“อืมม.. ฉันเข้าใจแล้ว หลังจากนี้เราจะรับผิดชอบต่อเอง สุดท้ายนี้เธอต้องการให้ฉันจ่ายโดยใช้วัตถุโบราณชิ้นไหน?”

 

“ผมขอเป็น 1% ของราคาศิลาดลดังนั้นราคาประเมินของมันจะอยู่ที่ 50 ล้าน”

 

“ฉันขอเดาว่าเป็นเพราะถ้วยชาไม่มีค่า?”

 

“ใช่ครับ สําหรับบางคนมันอาจมีค่าแค่สิบล้าน แต่สําหรับบางมันอาจมีมูลค่ามากกว่าหมื่นล้าน น่าเสียดายที่คนที่รู้คุณค่าที่แท้จริงเป็นคนญี่ปุ่น”

 

“นั่นเพราะเขารู้เรื่องนี้ล่วงหน้า อย่างไรก็ตามเธอหน้าประทับใจมาก เธอจะได้รับค่าธรรมเนียมภายในวันนี้”

 

ซองจุนเดินเขาไปในห้องศึกษาของเขาอีกครั้ง

 

“มันไม่ใช่การประเมินแต่ดูเหมือนการสอบสวนมากกว่า ฉันยังไม่ยอมรับนายหรอกนะ อย่างไรก็ตามครั้งนี้นายทําได้ดี” ฮโยยอนยักไหล่และเดินขึ้นไป

 

เธอคิดถูกครึ่งหนึ่ง แฮจินใช้ปากของคนอื่นเพื่อเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของถ้วยชา เพราะการที่เขาใช้เวทมนตร์เพื่อค้นหามัน เขาจะต้องผ่านกระบวนการที่ซับซ้อนมากเพื่อพิสูจน์มัน

 

ไม่นานพวกเขาก็ออกจากคฤหาสน์สุดหรู

 

แฮจินจึงถามอึนแฮว่า “คุณจะทํายังไง? หากเขาบอกให้คุณแลกมัน…”

 

อึนแฮยิ้มอย่างสดใสและหยุดความกังวลของเขา

 

“เขาจะไม่ทําแบบนั้น แม้บางครั้งเขาจะตัดสินใจบางอย่างที่ยากจะเข้าใจ แต่เขาจะพยายามรักษากฏเมื่อมันเป็นวัตถุโบราณ อย่างไรก็ตามฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าถ้วยชาที่ฉันซื้อมา มันจะเป็นวัตถุโบราณที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ พวกคณะกรรมการจะต้องพอใจอย่างแน่นอน”

 

จริงๆแล้วแฮจินไม่เชื่อสิ่งที่เธอพูดมา เขาได้ยินเรื่องราวมามากเกินพอแล้วจากทั้งบยองกุกและพ่อของเขาเกี่ยวกับผู้คนที่เป็นศูนย์กลางอํานาจ พวกเขาจะแสร้งทําในขณะที่พวกเขาจะทรยศต่อมโนธรรมของพวกเขาเอง

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขาได้เห็นวัตถุโบราณของจีนจัดแสดงที่แซยอนแกลเลอรี่ เขาคิดว่าบางทีซองจุนอาจพยายามเจรจาโดยบอกว่าเขาจะให้ถ้วยชาแก่อีกฝ่ายหากมิซึโนะโทรุเต็มใจที่จะมอบศิลาดลและเงินพิเศษให้พวกเขา อย่างไรก็ตามเนื่องจากอึนแฮเป็นผู้อํานวยการตัวจริงเขาจึงรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย

 

ไม่ว่ายังไงอึนแฮในตอนนี้ก็กําลังมีความสุขกับผลลัพธ์ของงาน หยางโซจิน เธอยิ้มกว้างไม่เหมือนตอนที่พวกเขาเดินเข้าไป

 

“ดีแล้ว”

 

“เฮ้ ฉันขอโทษเรื่องครั้งล่าสุดนะ ช่วยรับมันไว้ด้วย” 

 

อึนแฮส่งซองสีขาวให้กับแฮจิน เมื่อตรวจดูแล้วก็พบว่ามันมีเงินอยู่ 45ล้าน

 

“คุณไม่จําเป็นต้อง…”

 

“ไม่ได้ค่ะ ช่วยรับมันไว้ด้วยเพื่อที่ฉันจะได้ขอความช่วยเหลือจากคุณเมื่อมีเหตุจําเป็น”

 

แฮจินไม่สามารถปฏิเสธมันได้ แน่นอนว่าบยองกุกทําหน้ามุ่ยและมองไปทางอื่น

 

“โอ้ โอเค แต่ผมมีคําถาม”

 

“ถามได้เลยค่ะ”

 

“แกลเลอรี่ของคุณได้รับวัตถุโบราณของจีนมาได้ยังไง? ผมหมายถึงก่อนที่คุณจะรับช่วงต่อ”

 

อันที่จริงแฮจินกําลังหาโอกาสถามคําถามที่คาใจเขามาสักพักแล้ว

 

อึนแฮลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมา “วัตถุโบราณจากจีนส่วนใหญ่จะได้มาจากอินซาดง คุณก็น่าจะรู้ว่าการหาวัตถุโบราณของจีนในการประมูลไม่ใช่เรื่องง่าย”

 

แฮจินไม่ได้รู้สึกเสียใจกับความจริงที่ว่าวัตถุโบราณที่พ่อของเขาขุดพบนั้นเป็นของเกาหลี ในฐานะคนเกาหลีเขาคิดว่ามันคงไม่เป็นอะไรตราบใดที่วัตถุโบราณของเกาหลีไม่ได้ถูกส่งออกไป มันอาจเป็นความเห็นแก่ตัว แต่มนุษย์น่าจะรู้สึกเช่นนั้น

 

ปัญหาคือหากมีการนําวัตถุโบราณของจีนเข้ามาในเกาหลีอย่างลับๆ งั้นวัตถุโบราณของเกาหลีก็คงถูกส่งออกไปอย่างลับๆเช่นกัน และแซยอนแกลเลอรีอาจอยู่ตรงกลางของมัน อึนแฮแสร้งทําเป็นไม่รู้แม้ว่าเธอกําลังทํามัน? หรือว่าเธอไม่รู้จริงๆ?

 

แล้วฮวาจินจะได้อะไรจากการส่งออกวัตถุโบราณของเกาห

 

“คุณบอกว่าอินซาดง งั้นแปลว่ามันก็ต้องมีมากกว่าหนึ่งคน”

 

“ใช่ค่ะ รวมแล้วทั้งหมดจะมีอยู่สามคน เราได้รับวัตถุโบราณมาจากพวกเขา แน่นอนว่าพวกมันไม่ใช่ของที่ถูกขโมยมา ฉันจําได้ว่าเคยบอกคุณไปก่อนหน้านี้ตอนภาพวาดของหม่า วอนว่าของที่ขโมยมาไม่สามารถจัดแสดงได้และมันอาจทําให้เกิดปัญหา ดังนั้นเราจะไม่ซื้อพวกมันแม้ว่าจะเป็นของส่วนตัวก็ตาม”

 

อันที่จริงแล้วมันไม่มีสิ่งที่เรียกว่าวัตถุโบราณที่ถูกขโมย วัตถุโบราณมันจะกลายเป็นของที่ถูกขโมยก็ต่อเมื่อหลังจากผู้เป็นเจ้าของถูกเปิดโปงแล้วเท่านั้น คล้ายกับการฟองเงิน

 

เมื่อมองจากมุมนั้นแล้วก็จะเห็นได้ว่าตัวแทนจําหน่ายจะนําวัตถุโบราณจากจีนเข้ามาหลังจากเปลี่ยนมันเป็นของถูกกฎหมายแล้วก็เท่านั้น นอกจากนี้มันก็ไม่ใช่งานที่พ่อค้าสามารถทำาคนเดียวได้

 

“โอเคงั้นช่วยไปส่งเราที่อพาร์ตเมนต์ของผมหน่อยนะครับ”

 

“บางทีเราอาจจะไปทานอาหารกลางวันด้วยกัน…”

 

แฮจินอยากจะตอบตกลง แต่เขาไม่สามารถทนความน่ารําคาญของบยองกุกได้

 

“ต้องขอโทษด้วยครับ คือผมมีธุระที่ต้องทําหลังจากมื้อเที่ยง”

 

เมื่ออึนแฮจากพวกเขาไปบยองกุกก็ตบไหล่ของแฮจินแล้วยกนิ้วโป้งให้

 

“ว้าว… นั่นเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมมาก รองประธานคนนั้นไม่คิดจะสนใจโมโมโกะด้วยซ้ํา และตอนนี้โมโมโกะก็ได้กลายเป็นคนที่ทรยศมิซึโนะโทรุ ต่อจากนี้เธอคงจะไม่สามารถไปเหยียบญี่ปุ่นได้อีก”

 

“เธอไม่สามารถกลับไปได้อีกเนื่องจากตอนนี้เธอกลายเป็นคนทรยศแม้ว่าเธอจะไม่ต้องการมันก็ตาม หากเธอบอกกับมิซึโนะว่า “นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วย” พวกเขาคงจะคิดว่าเธอบ้า เรื่องของผมมันฟังดูสมเหตุสมผลแม้กระทั่งกับคนที่ไม่รู้จัก”

 

“แน่นอน ว้าว… เธอโตขึ้นมากแล้ว”

 

“ผมสูงกว่าคุณตั้งนานแล้ว คุณก็น่าจะรู้…”

 

พวกเขาคุยกันขณะทานอาหารกลางวันจากนั้นจึงกลับไปที่บ้านของแฮจิน แม้ว่าในตอนนี้ ผลกระทบจะเบาลง แต่เขาก็ยังรู้สึกอ่อนแอ

 

เขาตื่นขึ้นมาในตอนเย็นและไปที่สนามบินอินชอนพร้อมกับบยองกุก อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาอยู่ในรถแท็กซีบยองกุกก็พูดอะไรบ้าๆออกมา

 

“เธอจะไปเดทกับอึนแฮไหมหากเธอชวน?”

 

“เดทกับเธอ? ไม่เธอมีคู่หมั้นแล้ว”

 

ในตอนนั้นเองที่หน้าของบยองกุกสว่างขึ้นราวกับมีใครจุด

ไฟ

 

“จริงเหรอ? ฉันก็คิดว่า แต่ทําไมเธอถึงทําแค่หมั้นแทนที่จะแต่งงานไปเลย? เราไม่ได้ทําแบบนั้นแม้แต่ในปี 1988 หรือเป็นเพราะพวกเขารวยถึงทําเรื่องที่ไร้สาระแบบนี้?” 3600

“คุณจะมาตามผมไหมเนี้ยถ้าผมบอกว่าจะไม่เดทกับซูจอง?”

 

“มม. ไม่ใช่อย่างนั้น.. ทําแบบนั้นมันไม่ได้ผล เธอควรจะเชื่อมต่อกัน มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะบังคับได้ แต่เธอจะต้องเชื่อมติดกันได้อย่างแน่นอน”

 

บยองกุกหันกลับไป แต่แฮจินรู้ว่าเขาต้องการให้ซูจองตกหลุมรักเขาและปักหลักอยู่ที่เกาหลี

 

พวกเขามาถึงสนามบินและรอ ขณะที่แฮจินกําลังจะเป็นบ้า เพราะความเบื่อเครื่องบินของซูจองก็มาถึง

 

“พ่อคะ!”

 

เกทเปิดออกพร้อมกับมีหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งออกมา เธอใช่ซูจองจริงๆงั้นเหรอ? ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาพบกันก็เมื่อตอนเรียนอยู่ชั้นประถม แต่ตอนนี้เธอกลายเป็นสาวสวยไปแล้ว แม้ว่าแฮจินจะเคยเห็นรูปถ่ายของเธอในบางครั้ง แต่ตัวจริงของเธอน่ารักกว่าในรูปมาก

 

“โอ้ลูกสาวของพ่อ พ่อว่าลูกต้องเหนื่อยแน่”

 

“ไม่เลยค่ะ พ่อจองที่นั่งชั้นหนึ่งให้หนู ดังนั้นมันจึงพอทนได้”

 

บยองกุกเพิ่งหาเงินได้สามพันล้านภายในคืนเดียว ดังนั้นเขาจะไม่มีวันปล่อยให้ลูกสาวของเขาบินในชั้นประหยัดเกินสิบชั่วโมงแน่นอน

 

ทันใดนั้นซูจองก็หันมามองแฮจินก่อนจะต่อยเข้าที่ท้องของเขาด้วยหมัดของเธอ

 

มันไม่ได้เจ็บมากนัก แต่มันเป็นหมัดที่แฮจินไม่ได้คาดไว้ มันจึงทําให้เขารู้สึกประหลาดใจ ซูจองยิ้ม

 

“เฮ้ นายใจเย็นกว่าที่ฉันคิดไว้”

 

“เอ่อ… ดูเหมือนเธอกําลังโกรธเลยนะ”

 

“นายน่าจะรู้ว่าทําไมฉันถึงโกรธ ฉันได้ยินเรื่องสถานการณ์ของนายมาแล้ว พ่อของนายเสียชีวิตและตอนนี้นายก็กําลังประเมินราคาวัตถุโบราณอยู่ใช่ไหม?”

 

“ใช่ เป็นธรรมดาที่ฉันจะทํางานในสาขานี้หลังจากพ่อของฉัน แต่ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะทําด้วย เธอเคยเกลียดมัน”

 

บยองกุกมองหันไปทางอื่นและแสร้งทําเป็นไม่ได้ยินที่เขาพูดเพราะเขาซูจองถึงต้องย้ายหลายครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงตํารวจ…

 

“ฉันไม่จําเป็นต้องขโมย”

 

“อืมม.. พ่อไม่ได้ทําอย่างนั้นอีกแล้ว ตอนนี้พ่อแค่อยากช่วยให้เขาผ่านเวลานี้ไป จริงๆนะ” บยองกุกพูด

 

“อย่าทําอย่างนั้นอีก! หากหนูเห็นว่าพ่อทํามันอีกหนูจะไม่ถือว่าพ่อเป็นพ่อของหนู!”

 

“พ่อไม่ทําแล้ว! จริงๆนะ! ยังไงก็เถอะตอนนี้ลูกน่าจะต้องหิวแน่ ไปหาข้าวกินกัน ลูกคงไม่อยากพลาดอาหารเกาหลีหรอกใช่ไหม? ลูกอยากกินซัมกเยทัง (สตูว์ไก่เกาหลี)? หรือว่าจะริบอายดีล่ะ?”

 

บยองกุกบีบแก้มของซูจองขณะที่เธอยิ้มอย่างสดใส

 

“ต้องเป็นริบอายอยู่แล้ว! ไปกันเถอะ!”

 

เธอมีกระเป๋าเดินทางมากมายพวกเขาจึงต้องไปที่โรงแรมที่บยองกุกพักอยู่ หลังจากที่ซูจองเช็คอินพวกเขาก็ไปทานอาหารค่ําที่ร้านบาร์บีคิวเกาหลีที่อยู่ไม่ไกล แฮจินคิดว่าเขาอาจจะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเพราะเขาอยู่ท่ามกลางการรวมตัวของครอบครัว แต่น่าแปลกที่เขากลับรู้สึกสบายใจเมื่อเวลาผ่านไป

 

“ฉันมีอะไรจะโชว์ให้ดู ตามฉันมา”

 

หลังอาหารค่ํา แฮจินกําลังจะจากไป แต่ซูจองก็หยุดเขาไว้ และพาเขาไปที่ห้องพักในโรงแรมของเธอ จากนั้นเธอก็หยิบภาชนะเก็บวาดภาพยาวออกมา แน่นอนว่าบยองกุกก็อยู่กับพวกเขาด้วย

 

“มันคืออะไร?”

 

ซูจองหยุดเปิดมันและมองไปที่แฮจินก่อนจะมองไปที่บยองกุก แววตาขี้เล่นของเธอบอกว่ามันไม่มีอะไรสําคัญ แต่…. 

 

“สัญญานะว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร”

 

“โอเคฉันสัญญา ดังนั้นเอามันออกมาได้แล้ว”

 

เธอเปิดภาชนะและหยิบภาพวาดที่อยู่ด้านในออกมาอย่าง ระมัดระวัง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+